เจย์เยาะเย้ยอย่างเย่อหยิ่ง “เซร่า อย่าทำให้ฉันเสียความรู้สึก”เซร่าอึ้งในตอนแรกเธอได้คิดไว้ว่าความเย่อหยิ่งของเจย์จะสงบลงตั้งแต่เขาพิการและเขาจะเปลี่ยนอารมณ์ร้ายของเขาได้ความเย่อหยิ่งของเขายิ่งเลวร้ายลงอย่างไม่คาดคิด“ท่านอาเรส ใครให้ความมั่นใจแก่คุณกัน ถึงได้เป็นคนจองหองขนาดนี้นี้? ตอนนี้คุณเป็นแค่คนพิการคนหนึ่ง” สายตาของเซร่าจ้องไปที่ขาของเขาอีกครั้ง การแสดงออกที่โกรธเคืองและรุนแรงจากความรักที่ไม่สมหวังของเธอปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอนัยน์ตาเหยี่ยวของเจย์หรี่ลงเล็กน้อยเซร่าได้กระตุ้นความโกรธของเขาอย่างเห็นได้ชัด!เมื่อเขากำลังจะปลดปล่อยอารมณ์เกรี้ยวกราดของเขาออกมา ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงตบดังขึ้นมาลอยนิ้วมือทั้งห้าปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเซร่าทันทีเจย์มองขึ้นไปและเห็นโจเซฟินมองเซร่าอย่างดูถูก โจเซฟินดุว่า “ผู้หญิงเลวทรามอย่างเธอสมควรที่จะมายุ่งเกี่ยวกับพี่ชายของฉันหรือ?”เซร่ามีสีหน้าครอบงำด้วยความโกรธ “โจเซฟิน อาเรส เธอกล้าตบหน้าฉันเหรอ?”โจเซฟินยิ้มและพูดว่า “ฉันตบเธอไปแล้ว ก็สมควรจะโดนตบแล้วหนิ!”เซร่าจ้องมองพวกเขาด้วยดวงตาสีแดงเลือด “ฉันตั้งท้องน้องชายพ่อคนเดียวกับ
แองเจลีนพูดด้วยความคับข้องใจว่า “ท่านอาเรส เมื่อกี้คุณให้ฉันดูแลต้นกล้วยไม้ของคุณอยู่ แต่คุณกลับออกไปเข็นรถเล่นแทน ฉันไม่สามารถแยกร่างตัวเองได้ในเวลาเดียวกันนะคะ ครั้งต่อไปฉันหวังว่าคุณจะไม่ละสายตาจากฉันได้อีกแล้ว”เมื่อเห็นเธอกล่าวหาพี่ชาย โจเซฟินรู้สึกประหลาดใจและโกรธจัด “เธอ ผู้ดูแลตัวน้อย กล้าดียังไงมากล่าวหาว่าท่านอาเรสทำผิดแบบนี้? ฉันคิดว่าเธอคงไม่อยากทำงานที่นี่แล้ว ใช่ไหม?”แองเจลีนมองดูโจเซฟินก้าวร้าว เธอไม่ต้องการเป็นศัตรูกับน้องสาวที่ดีที่สุดของเธอในอดีตที่ผ่านมา ดังนั้นเธอจึงเพียงแค่หุบปากโจเซฟินพูดเสียงสั่น “ผู้ดูแลตัวน้อย เมื่อเห็นว่านี่เป็นความผิดครั้งแรกของเธอในวันนี้ ฉันจะยกโทษให้ หากเธอหละหลวมอีกครั้ง ฉันจะไม่ปล่อยเธอไว้แน่”แองเจลีนก้มหน้าลงและเรียนรู้เรื่องนี้อย่างเงียบ ๆ“พี่ชาย ทัศนคติของผู้ดูแลของนายช่างหยิ่งผยองจริง ๆ ทำไมนายถึงเลือกเธอเป็นผู้ดูแลส่วนตัวของนายด้วย?” โจเซฟินไม่พอใจอย่างมากกับการละเลยหน้าที่ของแองเจลีนแองเจลีนยังดูสงสัยเกี่ยวกับคำถามนี้มาก ดังนั้นเธอจึงมองไปที่เจย์เจย์พูดอย่างเฉยเมยว่า “เธอเป็นพนักงานของฉัน การทำร้ายแขกคนอื่นที่เข้ามาจะท
โจเซฟินเช็ดเหงื่อเย็น ๆ ให้แองเจลีน “นี่คือสิ่งที่พี่สะใภ้ฝากไว้ให้พี่ชายของฉัน...”ก่อนที่เธอจะพูดจบ เจย์ก็จ้องมองมาที่เธออีกครั้งโจเซฟินเงียบลงอย่างรวดเร็วทันทีแองเจลีนก้าวไปข้างหน้าและโต้เถียงทันทีว่า “ท่านอาเรส อย่าโมโหนะคะ ฟังดิฉันก่อนค่ะ มันเป็นเพราะว่าต้นพรรณไม้ชนิดนี้ละเอียดอ่อนมาก ดิฉันจึงปลูกมันลงในกระถางที่แยกจากกัน ตอนนี้มีต้นพรรณไม้อยู่สี่กระถางและอยู่ตรงนั้น มันจะเป็นหนึ่งหรือสองกระถางที่อยู่รอด แม้ว่าสิ่งต่าง ๆ จะจบลงด้วยไม่ดีก็ตาม” “และ… พวกมันทั้งหมดอาจจะรอดถ้าคุณโชคดีพอ เมื่อถึงเวลา ใครจะรู้ว่าพรรณไม้ชนิดนี้ที่นี่จะเพาะพันธุ์ได้หลายพันต้นจากต้นเดียวก็เป็นไปได้ บางทีเมื่อถึงเวลานั้น มันอาจจะเป็นไปได้ที่จะเพาะพันธุ์สวนพรรณไม้...”โจเซฟินหัวเราะออกมา “เพาะพันธุ์ลูกหลานหลายพันต้นจากต้นเพียงต้นเดียวเหรอ? ฮ่าฮ่า เธอคิดเกินไปหรือเปล่า?”ถึงอย่างนั้น เจย์ดูโล่งใจด้วยเหตุผลบางอย่างอาจเป็นวลีเด็ดของแองเจลีนที่ว่า ‘เพาะพันธุ์ลูกหลานหลายพันตัวด้วยต้นเพียงต้นเดียว’ ซึ่งทำให้ความโกรธของเขาสงบลงได้สำเร็จเขาพูดด้วยความหมายลึกซึ้งว่า “ถ้าอย่างนั้น เธอต้องทำงานหนักแล้วล่ะ
ทันทีที่โจเซฟินเข้าสู่ ซีคามอร์ แอนเน็กซ์ แจ็คก็ดุโจเซฟินอย่างโกรธจัด “โจเซฟิน ใครอนุญาตให้เธอทำเรื่องแบบนี้กับเซร่า?”โจเซฟินยังคงเย่อหยิ่งและพูดว่า “คุณพ่อคะ ก่อนที่คุณจะอารมณ์เสียใส่ฉัน คุณไม่ถามฉันหน่อยเหรอว่าทำไมฉันถึงตบเธอ ผู้หญิงคนนี้ไร้ยางอาย เธอถึงกับพยายามจะเข้าหาพี่ชาย แล้วเธอก็ทำเรื่องน่าอายและดูถูกพี่ชายเมื่อเธอได้ทำเรื่องล้มเหลวจากสิ่งที่กระทำก่อนหน้านี้ เธอสมควรโดนตบไม่ใช่เหรอ?”“เธอกล่าวหาฉันผิด ๆ ฉันคิดจะเข้าหาพี่ชายของเธอได้ยังไง? ตอนนี้เขาพิการไปแล้ว” เซร่าพูดโจเซฟินเดินพุ่งไปข้างหน้าด้วยความโกรธสุดขีด “เธอกล้าเรียกพี่ชายฉันว่าคนพิการงั้นเหรอ? ฉันจะฉีกปากเธอเอง”แจ็คสั่งลูกน้องว่า “หยุดนายหญิงรองเดี๋ยวนี้”ลูกน้องของเขาหลายคนเข้าไปจับโจเซฟินทันที แจ็คจึงเดินเข้าไปตบหน้าโจเซฟินอย่างแรงโดยไม่พูดจาอะไรเลยโจเซฟินมองไปที่แจ็คอย่างไม่เชื่อ “คุณพ่อ ไม่ได้ยินหรือไง? ว่าผู้หญิงคนนี้เรียกพี่ชายว่าคนพิการ แทนที่จะสอนบทเรียนให้หล่อน กลับเลือกที่จะมาเฆี่ยนตีฉัน? แล้วความรักของพ่อล่ะ แล้วความเข้มงวดและความยุติธรรมของพ่อล่ะ? พ่อไม่เคยตบฉันมาก่อนเลยนะ”น้ำตาไหลในดวงตาของเธอ
โจเซฟินร้องไห้และพูดว่า “คุณพ่อ พี่ชายไม่ใช่ผู้ปกครองของฉัน พ่อเตะฉันไปหาพี่ชายเหมือนลูกบอลและเมินฉันมาหลายปีขนาดนี้ พ่อไม่คิดว่านี่จะโหดร้ายกับฉันไปหน่อยเหรอ?”“โจเซฟิน เธอหมายความว่ายังไง? เธอจะกล่าวหาว่าเราดูแลเธอไม่ดีเหรอ?” แจ็คตะคอกใส่โจเซฟินตกใจกับรัศมีอันดุดันของแจ็ค เธอจึงไม่กล้าสู้กับแจ็ค เธอหดคอกลัวอย่างอับอายและพูดว่า “คุณพ่อคะ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”ทว่า ความโกรธของแจ็คแทบไม่หายไปเลย “ดูตัวเธอเองสิ เธอเป็นคนดื้อรั้นมาก เธอเคยทำลายร่างกายผู้ไร้เดียงสาเพื่อชายคนหนึ่ง เหตุผลที่เรามอบเธอให้พี่ชายของเธอก็คือเราหวังว่าเขาจะนำเธอไปสู่เส้นทางที่ถูกต้อง “แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ผิดจริง ๆ เขาได้เลี้ยงดูเธอให้เป็นคนดีโดยเปล่าประโยชน์ที่ไม่มีการปรับปรุงใด ๆ เลย”นี่เป็นความทรงจำที่น่าอับอายและเจ็บปวดที่สุดในชีวิตของโจเซฟินแจ็คพูดโดยไม่ใส่ใจ ทำให้หน้าของโจเซฟินซีด ร่างกายของเธอสั่นสะท้านอย่างรุนแรงราวกับว่ารอยแผลเป็นและสะเก็ดของเธอถูกเปิดออกอย่างไม่ลดละและเผยให้เห็นบาดแผลที่เปื้อนเลือดของเธออีกครั้งเซร่ายิ้มเยาะหลังจากได้ยินข่าวที่น่าตกใจ รอยยิ้มดูเ
แองเจลีนตอบอย่างเรียบ ๆ “คุณเป็นคนอยากให้ดิฉันออกไปจากที่นี่ไม่ใช่หรือคะ?”เจย์ปฏิเสธอย่างเกรี้ยวกราด “ถ้าเธออยากไปก็ไปเลย เธอมันเกะกะสายตาชะมัด!”เขารู้สึกว่าตัวเองเหมือนเป็นบ้า เพียงเพราะเขาบอกให้เธอทำ เธอก็เชื่อฟังคำพูดของเขางั้นสินะ? แล้วทำไมเธอไม่เชื่อฟังในตอนที่เขาขอร้องให้เธออยู่และไม่ทิ้งเขาไว้ตามลำพังบ้าง?เป็นคนที่อยู่ด้วยยากอะไรแบบนี้การบังคับให้เธออยู่เคียงข้างเขาจะทำให้อารมณ์อันเลวร้ายของเขาแย่ลงไปอีกแองเจลีนเริ่มรู้สึกขุ่นเคืองโดยการแสดงออกมาจากหางตาคู่นั้น จู่ ๆ เธอก็ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ข้างเตียงเธอไม่อยากจากไปเลยเพื่อที่จะโน้มน้าวให้ท่านประธานเปลี่ยนใจ แองเจลีนจึงตัดสินใจแสดงความสามารถพิเศษของเธอออกมา “ดิฉันยังไปไหนไม่ได้หรอกค่ะ ท่านประธาน สถานการณ์ที่บ้านของฉันยังไม่ค่อยดีนัก สามีของฉันป่วยและต้องจ่ายค่ายาและค่าผู้ดูแลของเขาเป็นจำนวนมาก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเด็ก ๆ ... ฉันยังต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการศึกษาของพวกเขาด้วย ครอบครัวของฉันจะจบสิ้นลงถ้าคุณไล่ฉันออก”ความสิ้นหวังเพียงน้อยนิดภายในใจของเจย์ก็หายไปทันทีหลังจากได้ยินคำวิงวอนของเธอที่ขอร้องให้เธออยู่ต่อดวงต
แองเจลีนหน้าแดงด้วยความเขินอาย “ท่านอาเรส ดิฉันเป็นแค่ผู้ดูแลของคุณ ดิฉันรับผิดชอบกิจวัตรประจำวันของคุณเท่านั้น”ใบหน้าของเจย์มืดลงแองเจลีนสังเกตว่าเขาดูไม่มีความสุขและพูดว่า “ท่านอาเรส ตอนนี้คุณต้องการผู้หญิงเป็นของตัวเอง ใช่ไหม?”เขาเหลือบมองเธอและด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอไม่มีความรู้สึกที่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ตามที่คาดไว้ แองเจลีนพูดติดตลกไปว่า “ฉันช่วยคุณได้นะ ถ้าคุณต้องการผู้หญิง?”เจย์สังเกตเห็นแววตาที่ดูเป็นอันตรายเล็กน้อยในดวงตาของเธอ“ใช่” เจย์ตอบโดยไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดีเขาต้องการดูว่าเธอจะพยายามทำอะไรต่อเธอลุกขึ้นยืน จับมือเขาและวางไว้บนคอของเธอ“ฉันช่วยคุณได้นะ ท่านอาเรส” เธอกล่าว ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความหลงใหลเจย์รู้สึกโกรธจัด เขาผลักมือเธอออกและดุว่า “เธอช่วยสงวนตัวไว้ให้มากกว่านี้ได้ไหม?”ใบหน้าของแองเจลีนแดงขึ้นอีกครั้งขณะที่เธอตอบว่า “ได้ค่ะ”จากนั้น เธอก็นั่งลงบนเก้าอี้อย่างไร้เดียงสาเหมือนเด็กการกระทำของเธอทำให้หัวใจของเจย์เต้นแรงเขาลังเลว่าถึงเวลาแล้วที่จะยุติการลงโทษของเธอและทำความรู้จักกับเธอ พวกเขาคงจะมีช่วงเวลาที่ดีอย่างแน่นอนในขณะนั้นเอง เสีย
จากนั้นเด็กน้อยที่น่ารักทั้งสามคนก็หันหลังและวิ่งกลับขึ้นไปชั้นบนโจเซฟินร้องไห้และพูดว่า “ฉันไม่ได้ขอให้พวกหนูสามคนแก้แค้นพ่อของฉันสักหน่อย แต่พวกหนูสามารถช่วยฉันแก้แค้นยัยจิ้งจอกตัวนั้นได้”เพื่อเพิ่มความโกรธแค้นให้กับเซร่า เธอเสริมว่า “พวกหนูสามคนไม่รู้หรอกว่าเธอล้ำเส้นมามากแค่ไหน เธอยังเรียกพ่อของพวกหนูว่าคนพิการอีกด้วยนะ”เมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งนี้ เด็กน้อยที่น่ารักทั้งสามคนก็หยุดชะงักตรงทางเดินทันทีร็อบบี้น้อยหันหลังกลับมาและพูดให้มีกำลังใจว่า “คุณอาครับ คุณอาห่วงใยเรามาตลอด ดังนั้นเราจะไม่อยู่เฉยโดยที่ไม่ทำอะไรในขณะที่คุณอาถูกรังแก บอกเราหน่อย คุณอาต้องการให้จิ้งจอกตัวนั้นตายยังไงครับ?”เซ็ตตี้น้อยยืนอยู่ข้างร็อบบี้น้อยและพูดพร้อมกับครุ่นคิด “คุณอาคะ หนูจะช่วยคุณฉีกผิวหนังของจิ้งจอกตัวนั้นเอง”เจนสันมองไปที่ร็อบบี้น้อยและเซ็ตตี้น้อยซึ่งทั้งคู่แสดงอารมณ์โกรธจัดอยู่ จากนั้นเขาก็พูดว่า “ฉันจะสนับสนุนน้องทั้งสองคนด้วยแล้วกัน”โจเซฟินหยุดร้องไห้และหัวเราะ “ค่อยยังชั่วหน่อย”แองเจลีนกำลังเข็นเจย์ที่กำลังนั่งรถเข็นและหยุดที่ไหนสักแห่งที่ไม่ไกลเกินไปจากพวกเขาเมื่อร็อบบี้น้อยเห็
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ