ตายยากจริง ๆ พูดถึงก็มาไม่นานหลังจากนั้น ท่านปู่อาเรสได้พาเซร่า เซเวียร์มาที่หอท่าเรือหอมหวนเพื่อสะสางกับเจย์ด้วยรูปร่างการตั้งครรภ์ของเซร่านั้นแสดงให้เห็นชัดเจนสำหรับทุกคนและเมื่อเธอเห็นเจย์ เธอก็เข้ามาคุกเข่าลงต่อหน้าเขาอย่างน่าสมเพช“พี่เจย์คะ ฉันขอโทษ ฉันทนไม่ได้ที่จะไปทำแท้งลูกของเราและผู้ใหญ่ทุกคนที่นี่ก็รู้เรื่องของเราแล้ว” เสียงของเซร่าเริ่มเบาลง มันบ่งบอกถึงความรู้สึกผิดขณะที่เธอแสร้งทำเป็นอับอายเจย์มองดูท้องที่ตั้งครรภ์ของเธออย่างเย็นชาขณะที่สายตาสังหารกระหายเลือดเริ่มเต็มดวงตาของเขา “เซร่า เซเวียร์ ฉันคิดว่าเธอคงเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่จนกล้าพูดใส่ร้ายออกมาแบบนี้สินะ?”เซร่ารู้สึกกระวนกระวายใจเมื่อเห็นการจ้องมองที่เฉียบแหลมของเจย์ที่จ้องผ่านเธอขณะที่ร่างกายของเธอค่อย ๆ หดตัวเล็กลง ทว่า เมื่อเธอนึกได้ว่าท่านปู่อาเรสยังคงยืนเคียงข้างเธออยู่ เธอรวบรวมความกล้าพูดอย่างไร้ยางอายออกมาว่า “พี่เจย์ ฉันรู้ว่าฉันไม่คู่ควรกับคุณเลยและคุณก็ทำกับฉันเพื่อความสนุกเพียงเท่านั้น แต่เด็กน้อยเป็นผู้บริสุทธิ์ ถ้าคุณรับไม่ได้ ก็ปล่อยให้ฉันคลอดลูกออกมาเถอะ แล้วฉันก็จะยอมจากไป คุณไม่ต้องกังวลก
เจย์รู้สึกว่าท้องไส้ปั่นปวนขึ้นมาทันที เขาอยากจะอ้วกออกมาเมื่อนึกถึงการสัมผัสนั่นในเวลาต่อมาเขามองไปที่เซร่า เขารู้สึกอยากจะฉีกเธอเป็นชิ้น ๆท่านปู่อาเรสกล่าวว่า “เจย์ เหตุการณ์นี้รู้สึกน่าสงสัยอยู่นะ นายอาจจะเตรียมการให้ลงเอยกับเซร่าบนเตียงสินะ”“ผมไม่ได้ทำนะ” เจย์ยืนกรานที่จะปฏิเสธจากนั้นเขาก็มองดูเซร่าอย่างดูถูก “ผมไม่กระหายผู้หญิงแบบนี้หรอกนะ”เซร่ารู้สึกถูกทำร้ายจิตใจอย่างรุนแรงจากคำพูดของเจย์ ทำให้การแสดงออกของเธอดูน่าเกลียดขึ้นมาทันทีท่านปู่อาเรสกล่าวต่อไปอีกว่า “เราจะเก็บเรื่องนี้ให้เงียบ ความจริงจะถูกเปิดเผยเมื่อเซร่าคลอดลูกแล้วเท่านั้น เซร่า เธอจะได้อยู่ในหอท่าเรือหอมหวนชั่วคราว เธอคงรู้จักอารมณ์ของเจย์ดีนะ อยู่ห่าง ๆ จากเขาถ้าไม่อยากมีปัญหา”มีแววตาดีใจของเซร่าแสดงออกมา “ตกลงค่ะ คุณปู่อาเรส”เนื่องจากปัญหาได้รับการแก้ไขเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่านปู่ก็ได้เดินออกจากสถานที่นั่นเซร่ายังคงอยู่กลางห้องนั่งเล่น มองเจย์ที่เย็นชาราวกับน้ำแข็ง “พี่เจย์...” เธอคิดว่าเจย์จะเป็นสุภาพบุรุษและเขาจะต้องเตรียมจัดห้องให้ผู้หญิงที่อ่อนแออย่างเธอเธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าสิ่งที่เขาทิ้งใ
เจย์รู้สึกประหลาดใจเมื่อมองไปที่จอร์แดนซึ่งมีใบหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้จะผ่านชะตาชีวิตที่ไม่คาดคิดมาพวกเขามีทัศนคติที่คล้ายคลึงกันเมื่อพูดถึงวิธีที่พวกเขาปฏิบัติต่อผู้หญิงของพวกเขาอย่างไรก็ตาม เมื่อเซร่าที่กำลังตั้งครรภ์ได้ปรากฏตัวขึ้นที่ประตู เธอดูตื่นตระหนกและมีน้ำตาขณะที่เธอมองเจย์ราวกับว่าเขาเพียงคนเดียวที่จะเป็นเสาหลักที่คอยสนับสนุนเธอได้โคลอี้ตกตะลึงเมื่อเห็นเซร่า บางทีอาจเป็นเพราะรูปลักษณ์ที่น่าสมเพชของเซร่านั้นจึงทำให้เธอสัมผัสได้ เธอเข้าไปอ้อนวอนเจย์ว่า “ลูกแม่ ปล่อยให้เธออยู่ที่นี่เถอะ ให้เธอเป็นคนรับใช้ของฉันก็ได้”แม้ว่าจอร์แดนจะเป็นคนที่เอาแต่ใจภรรยาของเขาตลอด และเขารู้สึกเกลียดเซร่าเพราะว่าเธอดูเป็นผู้หญิงที่ไม่ให้เกียรติในศักดิ์ศรีของตัวเอง แต่เขาก็ยังยอมทำตามความต้องการของโคลอี้ เมื่อเธอตั้งใจจะให้เซร่าอยู่ที่นี่ “เจย์ อาเรส ในเมื่อแม่ของนายชอบเธอ งั้นก็ปล่อยให้เธออยู่เถอะ”“ไม่ได้” เจย์ยืนยันในคำตอบของเขาจอร์แดนจึงตัดสินใจยับยั้งความคิดเห็นของเจย์ “อย่าลืมสิว่าฉันเป็นเจ้าของหอท่าเรือหอมหวนนี้นะ และฉันอยากให้เธออยู่ที่นี่”การแสดงออกของเจย์ซีดอย่างเห็นได
“จอร์แดน ทำไมพระเจ้าถึงไม่ยุติธรรมนักล่ะ? ฉันเคยมีอะไรกับคุณมาหลายครั้งแล้ว แต่เพียงครั้งเดียวกับชายคนนั้น แต่แล้วเด็กคนนี้เกิดมาโดยไม่ใช่กับคุณ” ด้วยน้ำเสียงของโคลอี้ติด ๆ ขัด ๆจอร์แดนรู้สึกหดหู่เช่นกัน “บางทีความยุติธรรมอาจแตกต่างในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า ท่านให้คุณกับผม แต่ท่านให้เด็กกับเขา”ทั้งคู่กอดกันด้วยความรู้สึกใจสลายและหดหู่ใจทันใดนั้น โคลอี้ได้ผลักจอร์แดนออกไปและพูดอย่างตื่นเต้นว่า “จอร์แดน คุณคิดว่ามีความเป็นไปได้ไหมที่เจย์เป็นลูกของเรา”จอร์แดนยิ้มอย่างขมขื่น “เป็นไปได้ยังไง? เวลาเกิดของเขาตรงกับเวลาที่ผู้ชายคนนั้นได้กระทำกับเธอนะ!”โคลอี้พูดต่อหน้าโดยกล่าวว่า “จอร์แดน ฟังฉันนะ การตั้งครรภ์ครบกำหนดได้ก็ต่อเมื่อถึง 10 เดือน จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเจย์ไม่ใช่ทารกครบกำหนดล่ะ?”จอร์แดนมองเชยชมกับความคาดหวังของโคลอี้ที่พูดออกมาทำให้เธอดูน่ารักเสียงของจอร์แดนแหบแห้ง “โคลอี้ เราต้องยอมรับความจริงนั้น ยิ่งคุณมีความหวังมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งรู้สึกผิดหวังมากขึ้นเท่านั้น”“จอร์แดน คุณไม่คิดว่าเจย์เหมือนคุณมาก ๆ บ้างเหรอ? พวกคุณทั้งคู่ดูเหมือนกัน แม้กระทั่งบุคลิกและท่าทางของพวกคุ
ในคราวนี้ เจย์ได้พาหมอมาถึงสองสามคนจากแกรนด์ เอเซียเขาขอให้พวกเขาเก็บตัวอย่างจากทารกในครรภ์ของเซร่า เพื่อทดสอบพันธุกรรม สำหรับตอนนี้เซร่าอยู่ในช่วงระยะเวลาตั้งครรภ์ใกล้จะคลอดแล้ว จึงไม่เหมาะที่จะทำการตรวจคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมทารกในครรภ์จากเลือดเธอเอง วิธีเดียวที่ใช้ได้ผลคือการเจาะน้ำคร่ำตรวจการเจาะน้ำคร่ำมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ดังนั้นเซร่าจึงยืนกรานที่จะให้หมอออกไปห่าง ๆ จากตัวเธอ“พี่เจย์คะ ท่านปู่อาเรสบอกว่าเราจะได้รู้ถึงความเหมือนจากหน้าตาของเด็กเมื่อฉันคลอดออกมาอยู่แล้ว ทำไมคุณต้องมาบังคับสิ่งนี้กับฉัน” เซร่าตกใจกับสีหน้าที่ได้เห็นในเหตุการณ์ตรงหน้าเธอและเริ่มตัวสั่นสะท้านเจย์ที่ยังคงสงบและอดทนในขณะที่เขานั่งบนเก้าอี้หวายด้วยสายตาเหม่อลอย เขามองไปที่เซร่าแล้วพูดว่า “เซร่า เซเวียร์ ฉันมีความเมตตามามากพอแล้วที่ทนปล่อยให้เธอมีชีวิตอยู่มาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่เธอพยายามใส่ร้ายฉัน”สายตาของเขาเริ่มมืดลงขณะที่ดวงตาเย็นลงเหมือนน้ำแข็งที่ไม่ยอมละลายแม้ผ่านไปหลายศตวรรษ เขาสั่งต่ออีกว่า “จับเธอไว้!”เซร่ากำลังหันตัวหนีออกจากบ้าน แต่เมื่อชายหนุ่มหน้าตาดีสองคนปรากฏต
แจ็คได้ตัดสินใจเด็ดขาดเมื่อคิดไตร่ตรองจากคำพูดของท่านปู่อาเรสและเดินจากไปด้วยท่าทางจริงจังในขณะเดียวกัน ที่หอท่าเรือหอมหวน หมอได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว ใบหน้าที่น่ารักของเซร่าเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความเศร้า เธอลุกขึ้นจากเตียง ใบหน้าเธอซีดเผือด ร่างกายของเธออ่อนแอ แต่เธอก็ยังสามารถเดินออกจากห้องได้ตัวเธอสั่นขณะที่เธอเดินไปตรงหน้าเจย์ เธอร้องไห้ “พี่เจย์ พี่สาวที่ตายไปแล้วของฉันจะคิดยังไงถ้าเธอรู้ว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่?”เจย์ขมวดคิ้วพลางยกมือของเขาขึ้นตบหน้าเซร่า ความเศร้าและความสิ้นหวังกับเซร่าตกอยู่ในการจ้องมองด้วยความโกรธของเขาเจย์พูดอย่างโกรธจัด “เธอไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเอ่ยชื่อแองเจลีน!”ใบหน้าของเซร่าค่อย ๆ บูดบึ้ง มุมปากของเธอขดลง “พี่เขย พี่สาวของฉันจะไม่แสดงความเมตตาต่อคุณเด็ดขาด”เธอเริ่มตีโพยตีพายและตะคอกว่า “ถ้าเธอรู้เธอจะไม่มีวันปล่อยให้คุณมีชีวิตต่อไป!”เจย์นึกถึงการจากไปของแองเจลีน ใบหน้าที่เสียโฉมของเธอและดูไร้หนทาง เขาคิดว่าเขาไม่ได้รับข่าวใด ๆ จากเธอเลย ดูเหมือนเธอจะไม่กลับมาอีกแล้ว เจย์รู้สึกเหมือนอยู่ภายใต้คำสาปของเซร่า เขารู้สึกปวดร้าวลึก ๆ ขึ้นมาทันทีเซร่าหัวเ
ตลอดชีวิตของเขา จอร์แดนต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย แต่เขาไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตา แต่ทว่า ในขณะนั้นภายใต้การจ้องมองจากความเย็นชาของเจย์แล้ว เขารู้สึกสูญเสียความสามารถในการคิดไปเสียแล้วหลังจากนั้นไม่นาน จอร์แดนก็ถอนหายใจเบา ๆ เขาเตือนเจย์ว่า “นายเคยคิดบ้างไหมว่าทำไมแจ็คถึงปกป้องเซร่าได้ขนาดนี้?”เจย์หัวเราะเยาะ เขาไม่ได้เป็นคนโง่ แจ็คทำตัวแปลก ๆ เมื่อไม่นานมานี้ เบื้องหลังความรักและความเห็นอกเห็นใจของพ่อของเขามันช่างโหดร้าย เขารู้ว่าเซร่าเป็นแค่เบี้ยใช้งานที่พ่อให้มาอยู่ข้าง ๆ กายของเขาสิ่งเดียวที่เขาไม่รู้คือวิธีที่พ่อของเขากลับมาแว้งกัดเขาเมื่อเห็นความสงสัยบางอย่างกำลังคืบคลานเข้ามาในความคิดเจย์ จอร์แดนก็เดินเข้ามาหาเขาก่อนหน้านี้ เขามีชีวิตอยู่เพื่อโคลอี้เท่านั้น เขาหลีกเลี่ยงการเผชิญความลับที่ดำมืดของตระกูลอาเรสแต่ตอนนี้เขายังมีเจย์อยู่ในชีวิตอีกคน นี่คือลูกชายของเขาที่เขาเป็นหนี้บุญคุณมากมาย เขาไม่สามารถปล่อยให้เจย์ถูกคนหน้าซื่อใจคดในตระกูลอาเรสปล่อยให้อยู่ในความมืดมิดได้ ในท้ายที่สุด พวกเขาจะทิ้งเจย์และแทงข้างหลังเขาก็เท่านั้นจอร์แดนยืนอยู่ตรงหน้าเจย์ ความดุร้ายในดวงตา
“เจย์ คือฉัน…”“ผลพิสูจน์เป็นของผมหรือเปล่า?”จอร์แดนตกใจมาก“ไม่...”“ขอดูผลการทดสอบได้ไหม?”จอร์แดนหัวเราะออกมาและตอบอย่างแผ่วเบาว่า “ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ไหม?”เจย์มองไปที่ชายที่ตื่นตระหนกต่อหน้าเขาและพูดด้วยความโกรธว่า “จอร์แดน อาเรส อย่าลืมว่าตอนนี้ผมเป็นคนดูแลทั้งหมดของอสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีนและมีอำนาจเต็มที่ ผมสามารถตรวจสอบทุกสิ่งที่คุณทำได้”จอร์แดนเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวล “นายคิดผิด ถ้านายมีอำนาจเหนืออสังหาริมทรัพย์ ทัวร์มาลีนจริง ๆ นายไม่มีทางที่จะหมดหนทางช่วยในวันที่โรสมีปัญหา”สายตาที่เย็นชาของเจย์แข็งกระด้าง “คุณหมายความว่ายังไง?”จอร์แดนตอบว่า “ครั้งหนึ่งฉันเคยดูแลบริษัทอสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีน ฉันรู้ว่าผู้รับผิดชอบมีอำนาจมากแค่ไหน นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันสามารถอยู่ในวังใต้ดินกับโคลอี้ตลอดหลายปีที่ผ่านมาได้โดยที่นายไม่รู้ เจย์ นายมีอำนาจเพียงส่วนเล็ก ๆ ของอสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีนเท่านั้น”หลังจากหยุดพูดไปชั่วคราว จอร์แดนกล่าวต่อว่า “คุณปู่อาเรสเป็นผู้รับผิดชอบอสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีนทุกการเคลื่อนไหวของเรา เขาตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่าง”เจย
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ