โรสมีร่างกายที่อ่อนแอ ใช้เวลาไม่นานจึงหลับสนิทเจย์ลูบไล้ใบหน้าของเธอที่มีขนาดเท่าฝ่ามือ นิ้วเรียวยาวของเขาแตะคิ้วที่ขมวดของเธอ“แองเจลีน เธอซ่อนความลับแบบไหนเอาไว้กันนะ? บอกฉันไม่ได้เหรอ?”เขาไตร่ตรองเกี่ยวกับผู้ชายในตระกูลอาเรส อารองและอาสามของเขามีความรักมากมายเมื่อตอนที่พวกเขายังเด็ก จอห์น อาเรส อาสี่ของเขา ยังไม่ได้แต่งงานและ เป็นคนเจ้าชู้มากกว่าอย่างไรก็ตาม ท่านปู่อาเรสและพ่อของเขาเป็นผู้ชายที่มีความเคารพและมีวินัยในตนเองเป็นอย่างมากทำไมแองเจลีนถึงบอกว่าผู้ชายทุกคนในตระกูลอาเรสมีนิสัยเจ้าชู้?ไม่ใช่ว่าเจย์ ไม่เคยสอบสวนตระกูลอาเรสเมื่อเจ็ดปีที่แล้ว หลังจากที่แองเจลีน ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เขาสงสัยว่าอาจมีคนในตระกูลอาเรส มายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ท้ายที่สุดการแต่งงานของเขากับแองเจลีนคือความสวามิภักดิ์ของกองกำลังที่แข็งแกร่งที่มีพันธะกันเพื่อคุกคามผลประโยชน์ของตระกูลอื่น ๆ ภายในตระกูลอาเรสเขาสอบสวนมาเป็นเวลานาน แต่ก็ไม่พบหลักฐานที่เจาะจง เกี่ยวกับแองเจลีน เขากลับพบเรื่องราวความรักอันสวยงามของอารองและอาสามของเขาเมื่อตอนที่พวกเขายังเด็กดูเหมือนว่า เขาจะละเลยสองคนที่อยู่ใ
เจย์ยิ้มออกมาด้วยความดีใจหลังอาหารเช้า เจย์ ส่งโรสไปที่โรงพยาบาลแกรนด์ เอเซียตามปกติ ก่อนแยกทาง เจย์เตือนและกล่าวว่า “สองสามวันนี้ ผู้อาวุโสของตระกูลอาเรส จะมาเยี่ยมอารองหากพวกเขารบกวนเธอ อย่าลืมบอกฉันนะ ฉันจะดูแลพวกเขาให้เธอเอง”"เข้าใจแล้วค่ะ" โรสยิ้มหวานเมื่อเวลาผ่านไป โรสก็ผลักประตูและลงจากรถก่อนจะวิ่งตรงไปข้างหน้าทันใดนั้น ก็มีเสียงแตรรถโรลส์-รอยซ์มาจากด้านหลังโรสหันศีรษะอย่างสับสนและเห็นใบหน้าที่เศร้าโศกของเจย์มองมาที่เธอราวกับว่าเขาเป็นคนที่เสียใจและถูกกักขังอยู่ที่บ้านจากนั้นเขาก็ใช้นิ้วชี้กวักไปที่เธอโรสหันกลับมาถาม “สามี มีอะไรอีกไหมคะ?”ทันใดนั้นเขาก็โน้มศีรษะของเธอ ผ่านหน้าต่างรถและจูบเธออย่างสำราญใจเขาปล่อยเธอไป หลังจากเวลาผ่านไปนาน “ครั้งหน้าอย่าลืมจูบลานะ” เขากล่าวโรสหน้าแดงเพราะการแสดงออกของเขา “อื้ม เข้าใจแล้ว”ความสนใจจากคนเดินถนนทำให้เธอวิ่งหนีไปด้วยความเขินอายหลังจากที่เธอมาถึงแผนกผู้ป่วยในของแกรนด์ เอเซีย หลังจากเปลี่ยนชุดพยาบาลตามปกติ เธอก็ไปที่ห้อง 11 เพื่อไปเยี่ยมคุณปู่ อาการของคุณปู่เริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ อาจเป็นเพราะความร่วมมือระหว่างบริษัท
โรสถึงกับหัวเราะเยาะเมื่อได้ยินคำใส่ร้ายจากแม่ของเจย์เธอหันกลับมาและเทน้ำร้อนหนึ่งแก้วให้แม่ของเจย์ เธอยื่นมันให้หล่อนพร้อมรอยยิ้ม “คุณแม่คะ เชิญดื่มน้ำสักแก้วก่อน”แม่ของเจย์ไม่เพียงแต่ไม่ซาบซึ้งในความเมตตาของเธอเท่านั้น แต่หล่อนยังหยิบแก้วขึ้นมาและราดน้ำลงบนใบหน้าของโรส “โรส เธอรู้ไหมว่าท่าทางอวดดีของเธอมันน่ารำคาญแค่ไหน?”น้ำเดือดสัมผัสกับผิวหนังที่บอบบางของโรสและทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าใบหน้าของเธอแสบร้อนด้วยความเจ็บปวดเธอมองแม่ของเจย์ด้วยความเจ็บปวด ขณะที่มือทั้งสองข้างกำลังจับใบหน้าและพูดด้วยความขุ่นเคืองว่า “คุณแม่ ต่อให้คุณไม่ชอบฉันแค่ไหน ฉันแต่งงานกับลูกชายของคุณแล้ว ฉันเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลอาเรส นี่คือความจริงที่คุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ อย่าพยายามทำลายฉันและเจย์อีกเลยค่ะ!”แม่ของเจย์เงยหน้าขึ้นและหัวเราะเหมือนเพิ่งได้ยินเรื่องตลกใหญ่โต “โรส โอ้ โรส เธอเป็นผู้หญิงที่โง่ที่สุดในตระกูลลอยล์แล้วล่ะ ฉันจะบอกความจริงกับเธอให้นะ ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนก็ตาม จำไว้นะว่างานแต่งงานของเธอกับเจย์ มันเป็นเรื่องไม่จริงทั้งสิ้น”การป้องกันหัวใจของโรสที่ได้รับการเสริมกำลังนั้นสั่นคลอนทัน
เธอหยิบใบทะเบียนสมรส โดยที่มือสั่นอย่างตกใจ เมื่อเห็นข้อมูลในทะเบียนสมรส เธอก็กลายเป็นหินแข็งทื่อทันทีนั่นคือชื่อของแองเจลีน นั่นคือรูปของแองเจลีนและมันคือหมายเลขประจำตัวของแองเจลีนด้วยแน่นอนว่าเขาไม่ต้องการแต่งงานกับ โรส ลอยล์โรสร้องไห้อย่างขมขื่นเธอฉีกรูปแต่งงานนั้นออกแล้วกำมันไว้ในมือ จากนั้นเธอก็นำทะเบียนสมรสกลับเข้าไปในตู้เซฟและเก็บเอกสารทุกอย่างกลับเข้าไปอย่างระมัดระวังแล้วเธอก็วิ่งออกไปด้วยน้ำตามีบางสิ่งที่เขาไม่ได้พูดและซ่อนไว้ในใจของเขามันเหมือนกับกล่องแพนดอร่าที่ซ่อนความชั่วร้ายถูกเปิดออก ซึ่งมันเหมือนกับว่าเขาอาจทำให้เธอได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงหากเขาบอกเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้งั้นเหรอ?เป็นเพราะเธอคงไม่มีทางเหมือนที่เขาต้องการอยากให้เธอเป็นใช่ไหม?--------ในแกรนด์เอเซียห้องทำงานของท่านอาเรสเจย์นั่งอยู่บนเก้าอี้หมุนหนังสีดำสุดพิเศษของเขาอย่างไม่สนใจอะไรตลอดทั้งวันเมื่อเกรย์สันเข้ามาและเห็นมุมปากของท่านอาเรสยกขึ้น เขารู้ได้เลยว่าท่านประธานของเขากำลังอารมณ์ดี“ท่านอาเรส แม่ของคุณมาที่นี่ครับ” เกรย์สันรายงานเมื่อได้ยินแบบนั้นเจย์มีท่าทีตกตะลึงเล็กน้อย “ให
หลังจากที่เกรย์สันเดินไปส่งแม่ของเจย์ เขาก็เดินกลับไปที่ห้องทำงานของท่านอาเรส เขาเห็นเจย์เอนตัวอยู่บนโซฟาพลางขมวดคิ้ว ความโกรธราวกับน้ำแข็งติดอยู่ในดวงตาของนกอินทรีคู่นั้น“ท่านอาเรส…” เกรย์สันก้าวไปข้างหน้าแต่กลับหยุดพูด“พูดมาสิ”เกรย์สันจึงรายงานอย่างไม่สบายใจว่า “มีข่าวจากแผนกการแพทย์ วันนี้ภรรยาของคุณไม่สบายนิดหน่อยและขอเลิกงานเร็ว”เจย์ยืดตัวขึ้น ความกังวลปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา “เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่?”“เมื่อเช้านี้ครับ” หน้าผากของเกรย์สันเริ่มเหงื่อออก“ทำไมเพิ่งมาบอกตอนนี้?”เกรย์สันอธิบายอย่างหวาดกลัวว่า ท่านอาเรส คุณมีประชุมด่วนเมื่อเช้านี้ ผมไม่กล้ารบกวนคุณ”เจย์ขัดจังหวะเขาอย่างหยาบคายว่า “จำไว้ จากนี้ไป เรื่องภรรยาของฉันจะมีความสำคัญที่สุดเสมอ”“ได้ครับ” เกรย์สันกล่าวเจย์หยิบโทรศัพท์มือถือ Huawei รุ่นล่าสุดขึ้นมาจากโต๊ะทำงานทันที เขาปลดล็อกโทรศัพท์และกดหมายเลขที่เขาจำได้เสมอในใจของเขาโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังด้วยเสียงรอสายและเสียงที่ฟังอยู่คือ ‘red spider lily’ เป็นเสียงเพลงที่คุ้นเคยเขาเคยชินกับการฟังเสียงอันบริสุทธิ์ของแองเจลีนและเม
เมื่อเห็นเจย์ดูอ่อนแรง เกรย์สันเดินเข้าไปพยุงเจย์ให้พิงไหล่ของเขา เขาช่วยพยุงเจย์เดินเข้าไปในบ้านทีละก้าวอย่างยากลำบากเกรย์สันพยุงเจย์เข้าไปแล้วให้เขานั่งลงบนโซฟา จากนั้นเจย์ก็ทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างนุ่มนวลราวกับว่าเขาหมดแรงที่จะพยุงร่างกายของตัวเขาเอง เขาจ้องมองไปที่เพดานด้วยร่องรอยของความโกรธที่ยังไม่หยุดนิ่งในดวงตาของเขาเกรย์สันเทน้ำอุ่น ๆ หนึ่งแก้วให้เขา เมื่อเขาเดินกลับมาหาเจย์ เขาเห็นน้ำตาหยดโตไหลออกมาจากหางตาของเจย์นี่เป็นครั้งแรกที่เกรย์สันเห็นน้ำตาท่านอาเรสไหลออกมาอย่างเศร้าโศกเสียใจ“เกรย์สัน ฉันมอบหัวใจทั้งหมดให้เธอไปแล้ว ทำไมเธอถึงยังอยากจะหนีไปอีก?”เขามีใบหน้าที่ว่างเปล่าและดวงตาของเขาก็ดูร่องรอยแม้แต่ตอนที่เขาพูดเขาก็ดูอ่อนแอ“ท่านอาเรส มีบางอย่างที่อยากจะบอก แต่ผมไม่รู้ว่าควรจะพูดออกมาดีไหม” เกรย์สันพูดออกมาทันที“พูดมาสิ”“การหนีไปของภรรยาคุณอาจเกี่ยวข้องกับคุณนาย มีคนในแผนกการแพทย์เห็นคุณนายเข้าไปในห้องพักฟื้นผู้ป่วยห้อง 11 ในวันนี้ด้วย”สายตาของเจย์เลื่อนไปที่ใบหน้าของเกรย์สัน เขาสะดุ้งตกใจไปครู่หนึ่ง แต่ก็เริ่มเยาะเย้ย “ถ้าเธอมีความเชื่อมั่นว่าฉันจะไม่ทิ้
ปีเตอร์ดึงหน้ากากของโรสออก เขาตรวจสอบใบหน้าของเธอด้วยสายตาของเขาและเอื้อมมือไปจับใบหน้าแล้วหมุนหน้าเธอไปมา “โอ้พระเจ้าช่วย ดูเหมือนว่าบาดแผลบนใบหน้าของเธอจะอยู่ที่ผิวของเธอเท่านั้น งั้นตกลงล่ะกัน ฉันจะช่วยทำให้เธอกลับไปเป็นเหมือนเดิมให้ได้”ทว่า โรสกำลังถือรูปถ่ายอยู่ในมือ “งั้นดีล่ะ ได้โปรดช่วยทำให้ฉันเป็นเหมือนเธอ”ปีเตอร์มองไปที่หญิงสาวในรูป เมื่อดวงตาที่เห็นรูปนั่นชวนดึงดูดด้วยความงามอันน่าทึ่ง เขาก็กลับมามีสติหลังจากมองผ่านไปสักพักใหญ่“ในโลกนี้ยังมีสาวสวยอยู่” ปีเตอร์อุทานหญิงสาวในภาพคือ แองเจลีน เซเวียร์และความงามของเธอแตกต่างกับ โรส ลอยล์ เธอสวยจนอยู่เหนือคนทั่วไป ในภาพนี้ ดวงตาของเธอมีรอยย่นที่แสดงเป็นรอยยิ้มสื่อถึงความรู้สึกที่ไร้กังวลเมื่อมองแวบเดียว รู้ได้เลยว่าเธอเป็นเด็กที่ได้รับความรักจากคนหลายพันคนโรสเป็นคนสวย แต่ความสวยของเธอผสมผสานกับความอ่อนโยนที่พอดูได้ เธอสวยจนทำร้ายผู้คนปีเตอร์มองไปที่ใบหน้าในรูปของ แองเจลีน เซเวียร์และมองไปที่โรสที่อยู่ข้างหน้าเขา ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขารู้สึกว่าสายตาและเสน่ห์ของพวกเธอทั้งคู่ดูเหมือนกันทุกประการเมื่อตัดสินใจทันที เขาก
ใบหน้าของเซร่าเป็นสีแดงก่ำเจย์ขว้างแก้วด้วยความโกรธลงบนพื้น “พวกคุณออกไปให้หมด”เขาดูอารมณ์เสียเสมือนดั่งสิงโตที่ตื่นจากการหลับใหลเป็นเวลา 1,000 ปี ด้วยความหิวกระหายเลือดในขณะที่ต้องการกินสิ่งมีชีวิตทุกชนิดให้ราบคาบเซร่าตัวสั่นด้วยความกลัว แต่แล้วเธอนึกขึ้นได้ว่านี่คือช่วงที่อารมณ์ของเจย์เปราะบางที่สุดในตอนนี้ มันเป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับเธอที่จะใช้ประโยชน์จากช่วงเวลานี้เช่นกันเธอรวบรวมความกล้าแล้วพูดว่า “พี่เจย์คะ ฉันเข้าใจว่าคุณป้าอาจจะมีเจตนาที่ไม่ดีนัก แต่ไม่ต้องกังวลไปหรอก จุดประสงค์ของการมาที่อสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีนของฉันไม่ใช่เพื่อเข้าใกล้คุณ แต่เพียงเพื่อ... เพื่อพี่แองเจลีน”ทว่าเซร่าได้เดินถอยออกห่างจากเขาไปและยิ่งไปกว่านั้น เธอรู้วิธีหลีกเลี่ยงเรื่องน่ารำคาญใจที่ทำให้หัวเสียของเขามาช่วยกลบความดุร้าย ด้วยเหตุนี้ความกังวลของเจย์เกี่ยวกับเธอจึงหายไป“เธอมาที่นี่เพื่อแองเจลีนเหรอ?” แสงแห่งความกระหายเลือดและเย็นยะเยือกไหลออกมาจากดวงตาของเจย์เซร่ารู้อยู่แล้วว่าเธอได้ทำถูกต้องแล้วสายตาที่มีน้ำตาคลอเบ้า เธอพูดอย่างเศร้า ๆ “ถึงแม้พี่แองเจลีนกับฉันจะเป็นพี่น้องกัน แต่
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ