เมื่อเรียกสมาชิกกลุ่มนักวิเคราะห์ของเขามาในห้องสำนักงาน เจย์ถามอย่างไม่รู้สึกอาย “พวกนายพอจะรู้เรื่องการติดฟิล์มกันรอยหน้าจอโทรศัพท์กันบ้างไหม?”สมาชิกต่างตกตะลึง พวกเขาตกใจกับคำถามที่ถูกโยนมาที่พวกเขา ทว่า ภายใต้การจ้องมองที่ดุร้ายและโหดเหี้ยมของท่านประธาน พวกเขาทำได้เพียงคิดเพื่อหาคำตอบสำหรับคำถามของเขา“ติดฟิล์มกันรอยคือการตั้งแผงขายของที่ริมถนนครับ ท่านประธาน”“แผงลอยริมถนนหมายความว่ามันจะเป็นที่ที่คนจำนวนมากจะอยู่”“ปกติอยู่ใต้สะพานลอย”น้ำเสียงของเจย์ถือเป็นที่สิ้นสุดเมื่อเขาพูดว่า “เตรียมเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการขาย คืนนี้ฉันจะตั้งแผงขายของใต้สะพานสายรุ้ง”เกรย์สันและคนอื่น ๆ ตกตะลึงกับข่าวที่ได้แจ้งมาแบบนี้ “ท่านประธาน… คุณ… คุณต้องการตั้งแผงขายของริมถนนจริงเหรอครับ?”เจย์พยักหน้าเล็กน้อยเกรย์สันไม่กล้าที่จะแหย่คำถามลึกลงไปกว่านี้ เกรย์สันและคนอื่น ๆ จึงขอตัวออกไปเตรียมของทันที“เมื่อเร็ว ๆ นี้ท่านประธานได้รับผลกระทบด้วยความตกใจทางด้านจิตใจไปหรือเปล่า คุณเกรย์สัน? ทำไมเขาถึงต้องการตัดสินใจอย่างกะทันหันที่จะไปเปิดร้านติดฟิล์มกันรอยไว้ใต้สะพานลอยฟ้า?”“ลองนึกดูว่าถ้
เด็กน่ารักสามคนคุยกันต่อหน้าเขา ร็อบบี้น้อยพูดอย่างโกรธเคือง “คุณน้าของเราพูดถูก คุณพ่อกำลังเลือกสาว ๆ อยู่”เซ็ตตี้น้อยพูดขึ้น “กระดูกของแม่ยังไม่ทันเย็นเลย แต่พ่อลืมแม่ไปแล้ว มันทำให้พี่รู้สึกหนาวสั่นจริง ๆ เลยดูสิ”เจนสันพูดอย่างเย็นชาว่า “เธอไม่สามารถด่วนสรุปได้จนกว่าเธอจะรู้ความจริงนะ”“แล้วตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง?” เซทตี้น้อยถามร็อบบี้น้อยแนะนำว่า “เราไปตามหาผู้ดูแลที่คุณพ่อชอบกันเถอะ”เจนสันตกลง “ได้เลย”หลังจากนั้น พวกเขาก็จากไปโดยไม่สนใจคนอื่นเกรย์สันถูกลูก ๆ ที่น่ารักของนายท่านไม่สนใจโดยสิ้นเชิง... เขายังคงยืนนิ่งอย่างตกตะลึงขณะที่เขากำลังคิดจะบอกท่านประธานเกี่ยวกับแผนของเด็ก ๆ เจนสันก็กลับมาขู่เขาโดยทันทีว่า “คุณลุงเกรย์สัน ถ้าคุณอยากเจอพวกเราทุกวัน ไปฟ้องพ่อได้เลยครับ”นี่เป็นการขู่คุกคามที่โจ่งแจ้งอย่างเห็นได้ชัดมาก!ความคิดของเขาดูจงใจตั้งแต่อายุยังน้อย เขารู้วิธีโจมตีและถอยทัพด้วยซ้ำ มันไม่เป็นที่พอใจจริง ๆ!ไม่นานเจนสันและคนอื่น ๆ ก็มาถึงแผนกการแพทย์ของแกรนด์ เอเซียพวกเขาซ่อนตัวอยู่ในโถงบันได มีหัวเล็ก ๆ หลายหัวมารวมกันขณะวางแผนอะไรบางอย่าง“ถ้าเราสามคนออ
เจนสันมองไปที่ร็อบบี้น้อยและเซ็ตตี้น้อย “ฉันจะไปดูเอง”จากนั้นเขาก็เดินไปที่ ห้องพักฟื้นผู้ป่วย ห้อง 11 เมื่อเขานึกถึงวันที่แม่ตกจากอาคารตรงหน้าต่างของบ้านและได้ยินพ่อคุยกับตำรวจในตอนนั้น“ท่านอาเรส ตามรอยที่เกิดเหตุ ภรรยาของคุณตกลงมาจากหน้าต่าง มีแอ่งเลือดอยู่บนพื้น เศษแก้วคงทำให้ภรรยาคุณบาดเจ็บ! ผมไม่รู้ว่าภรรยาคุณบาดเจ็บกับร่างกายส่วนสำคัญใด ๆ หรือเปล่า…”ไม่นานเขาก็มาถึงห้องพักฟื้นผู้ป่วย ห้อง 11 เขายกมือขึ้นเคาะประตูโรสจ้องไปที่ประตูด้วยความงุนงงก่อนจะพูดว่า “เข้ามาสิ”เจนสันเปิดประตูและค่อย ๆ เดินไปหาโรสโรสเดาว่ารอบนี้คงเป็นตาของเจนส์ที่จะเข้ามาข้างใน ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มอันขมขื่นและเสียงของเธอก็แหบเล็กน้อยขณะที่เธอถามว่า “หนูมาที่นี่เพื่อตามหาเลนนี่ด้วยอีกคนหรือเปล่า?”เขายืนอยู่ตรงหน้าเธอ ดวงตาที่สวยงามของเขาฉายแววความเป็นผู้ใหญ่และความมั่นคงที่ไม่เข้ากับอายุของเขาเขาพยักหน้า “ใช่ครับ”โรสอดหัวเราะไม่ได้ ทำไมเด็ก ๆ กำลังมองหาเธอ?“หนูมองหาเธออย่างนั้นเหรอ? แต่ที่นี่ไม่มีเลนนี่หรอกนะ” โรสถามอย่างสงสัยเขามองเข้าไปในดวงตาของเธอ เขาพูด “คุณคือเธอ”โรสอึ้ง!
ถึงแม้ว่าเจย์จะรักเด็ก แต่เขาไม่เคยที่จะตามใจเด็ก ๆ จนเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องแยกแยะสิ่งที่ถูกและผิด เขาจะไม่ยอมตามใจเด็ก ๆ เป็นอันขาด“พวกหนูคิดว่าตัวเองโตกันหมดแล้วเหรอ หืม? หนีเรียนมางั้นเหรอ?เด็กน้อยที่น่ารักเหล่านี้ยืนอย่างเรียบร้อยต่อหน้าเจย์ พวกเขาทำเหมือนหดตัวจิ๋วให้มีขนาดเท่ากับไข่นกกระทาทีละคน พวกเขาก้มหน้า จนไม่กล้าสบตากับพ่อตัวเองด้วยความรู้สึกผิดหวัง“ใครเป็นคนต้นคิดเรื่องที่แย่ ๆ นี้?”เด็กน้อยที่น่ารักทั้งสามก้าวไปข้างหน้าอย่างพร้อมเพรียงกันเกรย์สันตกใจมากกับความรู้สึกนี้ที่อธิบายออกมาไม่ได้กับเด็ก ๆ อย่างพวกเขาจนดวงตาของเขาเกือบจะล่วงหลุดลงกับพื้น“ท่านอาเรส นายน้อยและคุณหนูคงวางแผนกับเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว”เจนสันจ้องไปที่เกรย์สันอย่างดุเดือด นั่นทำให้เขาต้องหยุดเงียบไปในทันทีเขากลัวสายตาเพชรฆาตของนายน้อยที่ดูเหมือนพอ ๆ กับท่านประธานของเขาหลังจากได้ถูกปลูกฝังมาหลายปีอย่างที่คาดไว้ ในแต่ละรุ่นของวัยนั้นคนรุ่นใหม่มักจะพัฒนาได้เก่งขึ้นกว่าคนรุ่นเก่า!“พวกหนูมาที่นี่เพื่ออะไร?”เซ็ตตี้น้อยเงยหน้าขึ้นแล้วกล่าวประณามการกระทำที่ผิด ๆ ของพ่อทั้งน้ำตา
เมื่อเจย์มาที่ผู้ป่วยห้อง 11 โรสกำลังอ่านพระคัมภีร์ให้คุณปู่ของเธออย่างเรื่อย ๆเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยกำลังเดินเข้ามา หัวใจของโรสก็บีบรัดก่อนที่จะเต้นแรงขึ้นเจย์เดินเข้ามาแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเธอและมองเธออย่างครุ่นคิดด้วยดวงตาที่ชัดเจนของเขาโรสท่องพระคัมภีร์ต่อไปว่า “ถ้ายึดความคิดเดียวจะติดอยู่ในความคิดเดียว เมื่อปล่อยความคิด ใจก็จะเป็นอิสระ สิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนไปด้วยใจ เงื่อนไขสร้างด้วยใจ และทุกข์อะไรก็เกิดมาจากใจเช่นกัน…”เจย์ก็พูดขึ้นทันที “หมายความว่ายังไง?”หน้าหนังสือที่ดูยับยู่ยี่ด้วยแรงนิ้วกดจากมือของเธอจับมันแน่นด้วยความงุนงงเล็กน้อย“ท่านอาเรส อาการป่วยของท่านปู่เซเวียร์นั้นเป็นโรคหัวใจ ในหัวใจของเขามีเป็นพัน ๆ ปม หากเขาไม่กำจัดมันออกไป มันจะกลายเป็นสิ่งที่วนเวียนอยู่ในใจไม่รู้จบเมื่อจ้องไปที่ดวงตาของเจย์เหมือนสัมผัสได้ถึงการสูญเสียที่ประกายในดวงตาคู่นั้น “อืม แล้วมันมีทางแก้ไขไหม?”โรสกระซิบ “ถ้าคุณหมอทำอะไรไม่ถูก ฉันก็ไม่มีทางแก้ไขได้อย่างแน่นอน!”เขายืนขึ้นอย่างหงุดหงิดแล้วพูดว่า “เพราะเป็นโรคหัวใจและฉันกำลังขอวิธีการรักษาอยู่ จะไม่มีวิธีแก้ปัญหาได้ยั
“นายโง่หรือไง? นายไม่คิดจะวางกระเป๋านักเรียนลงบนพื้นก่อนเหรอ?”เกรย์สันมองไปยังชายที่ยืนพูดพล่ามและพูดกลับไปว่า “เจนสันห่วงความความสะอาดมาก เขาคอยเตือนฉันอยู่ข้าง ๆ ว่าไม่ให้กระเป๋านักเรียนเปื้อนเด็ดขาด เด็กคนนี้ ร็อบบี้น้อย จงใจเตะกระเป๋านักเรียน มือไม่เพียงแต่ใช้ป้องกันตัวไม่ได้แล้ว แต่ยังถูกยับยั้งไม่ให้ปล่อยกระเป๋าลงอีกด้วย”“ถ้าไม่มีมือก็ใช้ขาไม่ได้หรือไง ทักษะศิลปะการป้องกันตัวด้วยขาของนายไม่เก่งพอเหรอ?”เกรย์สันตอบว่า “นี่คือปมของปัญหา แม้ว่าร็อบบี้น้อยจะตัวเล็ก มีพละกำลังน้อย และไม่รู้การเคลื่อนไหวมากนัก แต่เด็กชายก็มีข้อได้เปรียบ เขาเร็ว เร็วอย่างกับสายฟ้า ฉันจะบอกให้กระจ่างในวันนี้เลยนะ ถ้านายไม่ใช้มือ ฉันรับรองได้ในฐานะสมาชิกของแผนกบอร์ดี้การ์ดของ แกรนด์ เอเซีย ว่าไม่มีใครสามารถเอาชนะเขาได้หรอก”“แรงขนาดนั้นเชียว?”กลุ่มผู้ชายพร้อมที่จะลงมือปฏิบัติการต่อสู้ในทันที เมื่อได้ยินแบบนั้นพวกเขาทั้งหมดอยากที่จะเรียนรู้การต่อสู้ที่ว่ามานั้นจากร็อบบี้น้อย“ท่านอาเรส เกรย์สันไม่กล้าไปรับนายน้อย ทำไมไม่ให้พวกเราไปรับล่ะ?”เจย์ขมวดคิ้ว แล้วถามว่า “อยากแข่งกับนายน้อยเหรอ?”ตั้งแต
โรสมองดูฝนที่ตกลงมาอย่างหนักและพูดว่า “ฝนตกหนักมาก วันนี้เขาคงไม่มาตั้งร้านหรอก ว่าไหม?”เมื่อได้ยินคำถามของเธอ โจเซฟินก็ตอบทันทีว่า “ฉันได้ถามเขาก่อนหน้านี้แล้ว เขาบอกว่ามาตอนไหนก็ได้ไม่ว่าจะฝนตกหรือแดดออก เขายังคงตั้งแผงขายของอยู่ตรงที่สะพานสายรุ้งตามเวลาเดิมอยู่แล้ว”โรสพูดอย่างรู้สึกสงสาร “เขาเป็นคนขยันและกล้าได้กล้าเสียจริง ๆ”“พี่แองเจลีน ในเมื่อเธอกังวลการทำงานของเขาในวันนี้ งั้นเราจะชวนเขาไปทานอาหารมื้อใหญ่ระหว่างที่เราถึงที่นั่นดีไหม? ในเมื่อเขาช่วยเราได้มากในช่วงเวลานี้อยู่แล้วน่ะ”โรสคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “งั้นก็ตัดสินใจตามนั้นเลยแล้วกัน ไปกันเถอะ”ณ สะพานสายรุ้งเป็นสะพานที่มีหลังคาสไตล์โบราณที่งดงามและหรูหราที่สุดในเมืองอิมพีเรียล ตัวสะพานมีขนาดใหญ่และยาว ภาพสะท้อนของส่วนโค้งครึ่งวงกลมที่ด้านล่างของตัวสะพานที่เชื่อมต่อกับผิวน้ำ ก่อตัวเป็นวงกลมที่สมบูรณ์ เมื่อมองไปรอบ ๆ โครงสร้างที่เป็นวงกลมนั้นดูแข็งแรงเป็นพิเศษถนนที่ทอดยาวและทางสะพานเปิดโล่งของถนนสองสายตรงบริเวณนั้นและตรงกลางบริเวณระแวกนั้นเป็นกลุ่มของอาคารสไตล์โบราณที่ซับซ้อน ด้านในมีส่วนที่เป็นลักษณะเฉพาะตั
ที่แห่งนี้นั่นเองที่เธอทำสร้อยข้อมือหินอาเกตซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีแต่ทำมันแตกโดยไม่ได้ตั้งใจ เป็นผลให้เธอนั่งร้องไห้อยู่ที่นี่ ตอนที่เธอยังเด็กในตอนนั้นเธออยากจะหัวเราะตอนไหนก็ได้และเธออยากจะร้องไห้ตอนไหนก็ได้เช่นกัน โดยไม่คำนึงว่าเจย์ที่โตแล้วจะรู้สึกอายแค่ไหนเมื่ออยู่ในสถานการณ์แบบนั้นกับเธอเขาพยายามเกลี้ยกล่อมเด็กขี้โวยวายอย่างเธอ แต่เธอก็ยังร้องไห้เหมือนเดิมอยู่ดี“แองเจลีน เธอต้องเป็นเด็กดีนะ หากมันแตกไปแล้วฉันจะซื้อใหม่ให้เธออีกอันหนึ่ง เรากลับบ้านกันก่อนดีกว่าไหม?”“ไม่ได้ แม่ให้สร้อยข้อมือฉันมา แม่บอกว่าสร้อยข้อมือนี้จะนำพาชะตาของฉันไปสู่ความรักที่ราบรื่นตลอดไป แต่ฉันทำมันแตก ซึ่งหมายความว่าชีวิตรักของฉันจะไม่ราบรื่นอีกต่อไป ฮือ ๆ ”“มันเป็นแค่โชคลางด้านไสยศาสตร์น่า”ในที่สุด เจย์ใช้เงินทั้งหมดจากบัตรของเขาเพื่อซื้อสร้อยคอหยกให้เธอในราคาสูงที่เรียกว่าสร้อยคอพร้อมจี้คริสตัล ตอนนั้นเองที่ทำให้เธอหยุดร้องไห้นั่นเป็นสร้อยคอหยกเพียงเส้นเดียวที่เขามอบให้เธอ ตั้งแต่นั้นมา เขาไม่เคยให้เครื่องประดับหยกแก่เธออีกเลยเธอถือว่าสร้อยคอพร้อมจี้คริสตัลเป็นสมบัติอันมีค่าของเธอ เ
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ