เจนสันมองไปที่ร็อบบี้น้อยและเซ็ตตี้น้อย “ฉันจะไปดูเอง”จากนั้นเขาก็เดินไปที่ ห้องพักฟื้นผู้ป่วย ห้อง 11 เมื่อเขานึกถึงวันที่แม่ตกจากอาคารตรงหน้าต่างของบ้านและได้ยินพ่อคุยกับตำรวจในตอนนั้น“ท่านอาเรส ตามรอยที่เกิดเหตุ ภรรยาของคุณตกลงมาจากหน้าต่าง มีแอ่งเลือดอยู่บนพื้น เศษแก้วคงทำให้ภรรยาคุณบาดเจ็บ! ผมไม่รู้ว่าภรรยาคุณบาดเจ็บกับร่างกายส่วนสำคัญใด ๆ หรือเปล่า…”ไม่นานเขาก็มาถึงห้องพักฟื้นผู้ป่วย ห้อง 11 เขายกมือขึ้นเคาะประตูโรสจ้องไปที่ประตูด้วยความงุนงงก่อนจะพูดว่า “เข้ามาสิ”เจนสันเปิดประตูและค่อย ๆ เดินไปหาโรสโรสเดาว่ารอบนี้คงเป็นตาของเจนส์ที่จะเข้ามาข้างใน ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มอันขมขื่นและเสียงของเธอก็แหบเล็กน้อยขณะที่เธอถามว่า “หนูมาที่นี่เพื่อตามหาเลนนี่ด้วยอีกคนหรือเปล่า?”เขายืนอยู่ตรงหน้าเธอ ดวงตาที่สวยงามของเขาฉายแววความเป็นผู้ใหญ่และความมั่นคงที่ไม่เข้ากับอายุของเขาเขาพยักหน้า “ใช่ครับ”โรสอดหัวเราะไม่ได้ ทำไมเด็ก ๆ กำลังมองหาเธอ?“หนูมองหาเธออย่างนั้นเหรอ? แต่ที่นี่ไม่มีเลนนี่หรอกนะ” โรสถามอย่างสงสัยเขามองเข้าไปในดวงตาของเธอ เขาพูด “คุณคือเธอ”โรสอึ้ง!
ถึงแม้ว่าเจย์จะรักเด็ก แต่เขาไม่เคยที่จะตามใจเด็ก ๆ จนเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องแยกแยะสิ่งที่ถูกและผิด เขาจะไม่ยอมตามใจเด็ก ๆ เป็นอันขาด“พวกหนูคิดว่าตัวเองโตกันหมดแล้วเหรอ หืม? หนีเรียนมางั้นเหรอ?เด็กน้อยที่น่ารักเหล่านี้ยืนอย่างเรียบร้อยต่อหน้าเจย์ พวกเขาทำเหมือนหดตัวจิ๋วให้มีขนาดเท่ากับไข่นกกระทาทีละคน พวกเขาก้มหน้า จนไม่กล้าสบตากับพ่อตัวเองด้วยความรู้สึกผิดหวัง“ใครเป็นคนต้นคิดเรื่องที่แย่ ๆ นี้?”เด็กน้อยที่น่ารักทั้งสามก้าวไปข้างหน้าอย่างพร้อมเพรียงกันเกรย์สันตกใจมากกับความรู้สึกนี้ที่อธิบายออกมาไม่ได้กับเด็ก ๆ อย่างพวกเขาจนดวงตาของเขาเกือบจะล่วงหลุดลงกับพื้น“ท่านอาเรส นายน้อยและคุณหนูคงวางแผนกับเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว”เจนสันจ้องไปที่เกรย์สันอย่างดุเดือด นั่นทำให้เขาต้องหยุดเงียบไปในทันทีเขากลัวสายตาเพชรฆาตของนายน้อยที่ดูเหมือนพอ ๆ กับท่านประธานของเขาหลังจากได้ถูกปลูกฝังมาหลายปีอย่างที่คาดไว้ ในแต่ละรุ่นของวัยนั้นคนรุ่นใหม่มักจะพัฒนาได้เก่งขึ้นกว่าคนรุ่นเก่า!“พวกหนูมาที่นี่เพื่ออะไร?”เซ็ตตี้น้อยเงยหน้าขึ้นแล้วกล่าวประณามการกระทำที่ผิด ๆ ของพ่อทั้งน้ำตา
เมื่อเจย์มาที่ผู้ป่วยห้อง 11 โรสกำลังอ่านพระคัมภีร์ให้คุณปู่ของเธออย่างเรื่อย ๆเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยกำลังเดินเข้ามา หัวใจของโรสก็บีบรัดก่อนที่จะเต้นแรงขึ้นเจย์เดินเข้ามาแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเธอและมองเธออย่างครุ่นคิดด้วยดวงตาที่ชัดเจนของเขาโรสท่องพระคัมภีร์ต่อไปว่า “ถ้ายึดความคิดเดียวจะติดอยู่ในความคิดเดียว เมื่อปล่อยความคิด ใจก็จะเป็นอิสระ สิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนไปด้วยใจ เงื่อนไขสร้างด้วยใจ และทุกข์อะไรก็เกิดมาจากใจเช่นกัน…”เจย์ก็พูดขึ้นทันที “หมายความว่ายังไง?”หน้าหนังสือที่ดูยับยู่ยี่ด้วยแรงนิ้วกดจากมือของเธอจับมันแน่นด้วยความงุนงงเล็กน้อย“ท่านอาเรส อาการป่วยของท่านปู่เซเวียร์นั้นเป็นโรคหัวใจ ในหัวใจของเขามีเป็นพัน ๆ ปม หากเขาไม่กำจัดมันออกไป มันจะกลายเป็นสิ่งที่วนเวียนอยู่ในใจไม่รู้จบเมื่อจ้องไปที่ดวงตาของเจย์เหมือนสัมผัสได้ถึงการสูญเสียที่ประกายในดวงตาคู่นั้น “อืม แล้วมันมีทางแก้ไขไหม?”โรสกระซิบ “ถ้าคุณหมอทำอะไรไม่ถูก ฉันก็ไม่มีทางแก้ไขได้อย่างแน่นอน!”เขายืนขึ้นอย่างหงุดหงิดแล้วพูดว่า “เพราะเป็นโรคหัวใจและฉันกำลังขอวิธีการรักษาอยู่ จะไม่มีวิธีแก้ปัญหาได้ยั
“นายโง่หรือไง? นายไม่คิดจะวางกระเป๋านักเรียนลงบนพื้นก่อนเหรอ?”เกรย์สันมองไปยังชายที่ยืนพูดพล่ามและพูดกลับไปว่า “เจนสันห่วงความความสะอาดมาก เขาคอยเตือนฉันอยู่ข้าง ๆ ว่าไม่ให้กระเป๋านักเรียนเปื้อนเด็ดขาด เด็กคนนี้ ร็อบบี้น้อย จงใจเตะกระเป๋านักเรียน มือไม่เพียงแต่ใช้ป้องกันตัวไม่ได้แล้ว แต่ยังถูกยับยั้งไม่ให้ปล่อยกระเป๋าลงอีกด้วย”“ถ้าไม่มีมือก็ใช้ขาไม่ได้หรือไง ทักษะศิลปะการป้องกันตัวด้วยขาของนายไม่เก่งพอเหรอ?”เกรย์สันตอบว่า “นี่คือปมของปัญหา แม้ว่าร็อบบี้น้อยจะตัวเล็ก มีพละกำลังน้อย และไม่รู้การเคลื่อนไหวมากนัก แต่เด็กชายก็มีข้อได้เปรียบ เขาเร็ว เร็วอย่างกับสายฟ้า ฉันจะบอกให้กระจ่างในวันนี้เลยนะ ถ้านายไม่ใช้มือ ฉันรับรองได้ในฐานะสมาชิกของแผนกบอร์ดี้การ์ดของ แกรนด์ เอเซีย ว่าไม่มีใครสามารถเอาชนะเขาได้หรอก”“แรงขนาดนั้นเชียว?”กลุ่มผู้ชายพร้อมที่จะลงมือปฏิบัติการต่อสู้ในทันที เมื่อได้ยินแบบนั้นพวกเขาทั้งหมดอยากที่จะเรียนรู้การต่อสู้ที่ว่ามานั้นจากร็อบบี้น้อย“ท่านอาเรส เกรย์สันไม่กล้าไปรับนายน้อย ทำไมไม่ให้พวกเราไปรับล่ะ?”เจย์ขมวดคิ้ว แล้วถามว่า “อยากแข่งกับนายน้อยเหรอ?”ตั้งแต
โรสมองดูฝนที่ตกลงมาอย่างหนักและพูดว่า “ฝนตกหนักมาก วันนี้เขาคงไม่มาตั้งร้านหรอก ว่าไหม?”เมื่อได้ยินคำถามของเธอ โจเซฟินก็ตอบทันทีว่า “ฉันได้ถามเขาก่อนหน้านี้แล้ว เขาบอกว่ามาตอนไหนก็ได้ไม่ว่าจะฝนตกหรือแดดออก เขายังคงตั้งแผงขายของอยู่ตรงที่สะพานสายรุ้งตามเวลาเดิมอยู่แล้ว”โรสพูดอย่างรู้สึกสงสาร “เขาเป็นคนขยันและกล้าได้กล้าเสียจริง ๆ”“พี่แองเจลีน ในเมื่อเธอกังวลการทำงานของเขาในวันนี้ งั้นเราจะชวนเขาไปทานอาหารมื้อใหญ่ระหว่างที่เราถึงที่นั่นดีไหม? ในเมื่อเขาช่วยเราได้มากในช่วงเวลานี้อยู่แล้วน่ะ”โรสคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “งั้นก็ตัดสินใจตามนั้นเลยแล้วกัน ไปกันเถอะ”ณ สะพานสายรุ้งเป็นสะพานที่มีหลังคาสไตล์โบราณที่งดงามและหรูหราที่สุดในเมืองอิมพีเรียล ตัวสะพานมีขนาดใหญ่และยาว ภาพสะท้อนของส่วนโค้งครึ่งวงกลมที่ด้านล่างของตัวสะพานที่เชื่อมต่อกับผิวน้ำ ก่อตัวเป็นวงกลมที่สมบูรณ์ เมื่อมองไปรอบ ๆ โครงสร้างที่เป็นวงกลมนั้นดูแข็งแรงเป็นพิเศษถนนที่ทอดยาวและทางสะพานเปิดโล่งของถนนสองสายตรงบริเวณนั้นและตรงกลางบริเวณระแวกนั้นเป็นกลุ่มของอาคารสไตล์โบราณที่ซับซ้อน ด้านในมีส่วนที่เป็นลักษณะเฉพาะตั
ที่แห่งนี้นั่นเองที่เธอทำสร้อยข้อมือหินอาเกตซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีแต่ทำมันแตกโดยไม่ได้ตั้งใจ เป็นผลให้เธอนั่งร้องไห้อยู่ที่นี่ ตอนที่เธอยังเด็กในตอนนั้นเธออยากจะหัวเราะตอนไหนก็ได้และเธออยากจะร้องไห้ตอนไหนก็ได้เช่นกัน โดยไม่คำนึงว่าเจย์ที่โตแล้วจะรู้สึกอายแค่ไหนเมื่ออยู่ในสถานการณ์แบบนั้นกับเธอเขาพยายามเกลี้ยกล่อมเด็กขี้โวยวายอย่างเธอ แต่เธอก็ยังร้องไห้เหมือนเดิมอยู่ดี“แองเจลีน เธอต้องเป็นเด็กดีนะ หากมันแตกไปแล้วฉันจะซื้อใหม่ให้เธออีกอันหนึ่ง เรากลับบ้านกันก่อนดีกว่าไหม?”“ไม่ได้ แม่ให้สร้อยข้อมือฉันมา แม่บอกว่าสร้อยข้อมือนี้จะนำพาชะตาของฉันไปสู่ความรักที่ราบรื่นตลอดไป แต่ฉันทำมันแตก ซึ่งหมายความว่าชีวิตรักของฉันจะไม่ราบรื่นอีกต่อไป ฮือ ๆ ”“มันเป็นแค่โชคลางด้านไสยศาสตร์น่า”ในที่สุด เจย์ใช้เงินทั้งหมดจากบัตรของเขาเพื่อซื้อสร้อยคอหยกให้เธอในราคาสูงที่เรียกว่าสร้อยคอพร้อมจี้คริสตัล ตอนนั้นเองที่ทำให้เธอหยุดร้องไห้นั่นเป็นสร้อยคอหยกเพียงเส้นเดียวที่เขามอบให้เธอ ตั้งแต่นั้นมา เขาไม่เคยให้เครื่องประดับหยกแก่เธออีกเลยเธอถือว่าสร้อยคอพร้อมจี้คริสตัลเป็นสมบัติอันมีค่าของเธอ เ
"คุณคือจักรวรรดิไร้อาทิตย์อัสดงเหรอคะ?" โรสถามเจย์พยักหน้าหลังจากได้รับการยืนยัน เธอกล่าวว่า "ฉันเป็นเพื่อนทางอินเทอร์เน็ตของคุณ ไล่ล่าเหล่าบุรุษด้วยการชักดาบ ดูสิ ฉันมาที่นี่เพื่อสนับสนุนธุรกิจของคุณไง”เจย์ยังคงเพียงพยักหน้าเมื่อมองดูรายการราคาที่วางอยู่ถัดจากเขา เธอหัวเราะอย่างมีความสุขก่อนจะพูดว่า "คุณได้เงินแค่ 15 หยวน จากการติดฟิล์ม คุณแน่ใจหรือว่าจะเลี้ยงมื้อเย็นให้ฉันได้"เจย์ติดฟิล์มกันรอยบนโทรศัพท์แล้วยื่นให้เธอเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมาขณะที่ เจย์ ค่อย ๆ เงยศีรษะของเขาขึ้น "คุณอยากกินอะไรล่ะ?"โรสได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนี้ ทันใดนั้นก็เงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นเจย์ โรสก็ตกตะลึงริมฝีปากของเธอ พูดตะกุกตะกักอยู่นาน ก่อนเธอจะลังเลและตะโกนออกมา “ท่าน… อาเรส นั่นคุณเหรอคะ?”เจย์ถอดหมวกที่มียอดแหลมออก เผยให้เห็นใบหน้าที่สมบูรณ์แบบของเขาซึ่งดูเหมือนประติมากรรม เขามองตรงไปที่โรสเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อชำระเงิน อย่างใจเย็นจากนั้นเธอก็เผชิญหน้ากับเจย์อย่าง สงบสติอารมณ์ "ท่านอาเรส ทักษะการติดฟิล์มกันรอยของคุณดีมาก ฉันจะมาอุดหนุนธุรกิจของคุณใหม่ในครั้งหน้านะค
"อยากทำไหม?" เจย์คร่อมตัวและวางมือทั้งสองข้างของเขาไว้ข้างกายของเธอโรสคว้าหมอนปิดหน้าพูดอย่างเขิน ๆ ว่า “อย่ามองหน้าฉันได้ไหม?”เจย์คว้าหมอนออกแล้วปฏิเสธ "ไม่"“ถ้าอย่างนั้น… เราปิดไฟได้ไหม?” เธออ้อนวอนอย่างนอบน้อม“ไม่”โรสรู้สึกรำคาญ “ถ้าอย่างนั้น… ฉันก็ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้นแล้ว”เธอไม่ต้องการแสดงละครโรแมนติกดราม่าระหว่างหนุ่มหล่อกับไดโนเสาร์ รู้สึกราวกับว่ามันจะทำให้ความงามของเธอมัวหมองหลังจากถูกปฏิเสธ เจย์ก็นอนลงข้าง ๆ เธอพลางรู้สึกหดหู่โรสรู้สึกสูญเสียอย่างแรงกล้าและรู้สึกผิดในใจเธอ“รอฉันทำศัลยกรรมก่อนได้ไหม?” เสียงของเธอเบาลง"ไม่" น้ำเสียงของเจย์นั้นบูดบึ้ง “ไม่อนุญาตให้ทำศัลยกรรม ยิ่งกว่านั้น ฉันอดใจรอไม่ไหวแล้ว...”แล้วเขาก็เริ่มแหกกฎของเธอ...โรสตะโกนอย่างเศร้าโศก “แล้วทำไมนายถึงมาขอความเห็นจากฉันล่ะ?”เพราะ เขาไม่ยอมรับความคิดเห็นของเธอเลย!“โรส ฟังนะ เราสูญเสียช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเราไปแล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ไม่นานนัก เราโชคดีมากที่ได้อยู่ด้วยกัน ในอนาคตเธอจะไม่ได้รับอนุญาตให้จากฉันไปไหนอีก”"โอ้!"“จะสวยหรือขี้เหร่ไม่สำคัญสำหรับฉัน สิ่งสำคัญคือเธอมีสุข