หลังจากที่พ่อของโรสหย่ากับแม่ เขาก็แต่งงานกับผู้หญิงที่เป็นแม่ของซิดนีย์แม้ว่าจะดูเหมือนการแต่งงานใหม่ทั่วไป แต่ซิดนีย์ก็อายุน้อยกว่าโรสเพียงสองปีเมื่อพ่อของโรสหย่ากับอดีตภรรยา โรสอายุได้ห้าขวบ จากมุมมองดังกล่าวดูเหมือนว่าพ่อของโรสจะนอกใจแม่ของเธอในขณะที่พวกเขาแต่งงานกันแล้วตอนนั้นแม่ของโรสอาศัยอยู่ในพื้นที่ชนบทห่างไกลและไม่รู้ว่าจะปกป้องตัวเองอย่างไรในศาลหย่าร้างเมื่อโรสอายุสิบห้าแม่ของเธอทำงานหนักมากจนถึงขั้นล้มป่วย ความกลัวที่สุดของเธอคือไม่มีใครดูแลลูกสาวของเธอหากเธอเสียชีวิต เธอให้ลูกสาวออกเดินทางไกลไปยังเมืองเพื่อตามหาญาติของเธออย่างไรก็ตามพ่อของเธอได้แนะนำโรสซึ่งมีเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองกับทุกคนในฐานะลูกสาวนอกกฎหมายตั้งแต่วันนั้นแม้ว่าโรสจะย้ายเข้ามาอยู่กับครอบครัวลอยล์ แต่เธอก็ใช้ชีวิตอย่างน่าสังเวชและต่ำต้อยทั้งซิดนีย์และแม่ของเธอมักจะทำให้โรสอับอายเพราะมาจากพื้นเพที่ต่ำกว่า เป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะดุและทุบตีโรสเมื่อพ่อของเธอไม่อยู่บ้าน ครั้งหนึ่งโรสไม่สามารถหยุดตัวเองและตอกกลับทำให้แม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่ถอดเสื้อผ้าของเธอออกและขังเธอไว้ในห้องน้ำตลอดทั้งคื
เจนสันหยุดเดินและจ้องมองไปที่เด็กที่ทำร้ายเขาแววตาที่ดูเป็นผู้ใหญ่และทรงพลังในแววตาของเจนสันคือดวงตาของผู้ใหญ่ที่พร้อมจะลงมือฆ่าได้เด็กขี้ขลาดตกใจกลัวรีบซ่อนตัวอยู่ในอ้อมอกแม่เมื่อผู้ปกครองเห็นที่มาของความกลัวของลูกเธอจึงตะโกนใส่เจนสันว่า "เธอจ้องอะไร? แม่ของเธอไม่เคยสอนเลยหรือว่าการจ้องคนอื่นนั้นหยาบคาย?"ผู้ช่วยรู้สึกเสียใจกับเจนสันและก้าวไปข้างหน้าเพื่อกันตัวเขาออกไปแนนซี่ดึงเธอกลับมาและพูดว่า "อีโก้ของเด็กคนนั้นใหญ่เกินไป มันจะเป็นเรื่องดีที่จะให้เขาเรียนรู้บางอย่าง ถ้าไม่อย่างนั้นอารมณ์ของเขาจะไม่เปลี่ยนไป ถ้าเขายังคงเป็นแบบนั้นฉันจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก เมื่อฉันแต่งงานกับตระกูลอาเรส”โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจนสันเกลียดคนพูดไม่ดีเกี่ยวกับแม่ของเขา แม่ของเด็กคนนั้นเหยียบกับระเบิดเข้าเเล้ว“คุณอย่ามาพูดถึงแม่ของฉันเชียวนะ!” เจนสันส่งเสียงคำรามราวกับหมาป่าตัวเล็กที่คลั่งไปหาผู้หญิงที่พูด"เด็กคนนี้เป็นบ้าเหรอ? ใครคือพ่อแม่ของเขา? พ่อแม่เขาดูแลลูกของตัวเองไม่ได้เหรอ?" หญิงสาวคว้ามือของเจนสัน เพื่อป้องกันตัวเองจากการโจมตีของเขาเมื่อไม่มีใครตอบกลับเธอก็ผลักเจนสันลงไปที่พื้น ศีรษ
หลังจากนั้น ผู้คนต่างเริ่มพากันหันมากล่าวต่อว่าหญิงสาว “จริง ๆ เลย เธอโตแล้วนะ ยังจะกลั่นแกล้งเด็กตัวเล็ก ๆ ได้ลงคออีกเหรอ?”เมื่อสถาณการณ์เริ่มบานปราย เธอจึงกระวนกระวายใจรีบหันไปพูดกับเจนสันด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ “ฉันขอโทษ”ทว่าเจนสันกลับตอบกลับอย่างแน่วแน่ว่า “พวกคุณหยุดต่อว่าคุณแม่ของผมได้แล้ว”โรสชายตามองไปยังเด็กน้อยเจนสัน พร้อมแววตาคู่นั้นของเธอที่รื่นรินไปด้วยหยดน้ำสำหรับเจนสันแล้ว ในหัวใจของเด็กน้อยนั้น แม่ เปรียบเสมือนนางฟ้าเทพธิดาที่คอยอยู่เคียงข้างตนเสมอ ซึ่งความรู้สึกติดค้างเหล่านี้ ทำให้เธอรู้สึกลำบากใจร่างบางรีบพยักหน้าพลางเดินออกไปจากสถานที่แห่งนี้เมื่อผ่านพ้นปัญหาเมื่อครู่ หญิงสาวจึงจับไหล่ของเด็กน้อยไว้ พร้อมกระซิบถามอย่างแผ่วเบาคล้ายขอร้อง “เจน ให้ฉันไปส่งเธอที่ห้องเรียนได้ไหมจ๊ะ?”ร่างของเด็กน้อยค่อย ๆ หยุดเดิน เจนสันหันหน้ามองตรงไปยังประตูทางเข้าของโรงเรียน สายตาของเด็กน้อยนั้นเต็มไปด้วยความเคลือบแคลงฝืนใจเมื่อต้องก้าวผ่านประตูโรสจึงเอื้อมมือไปขว้าเจนสันตัวน้อยมาไว้ในอ้อมแขน‘เด็กคนนี้แสดงออกอย่างชัดเจนว่ากลัวที่จะเดินเข้าไป อะไรที่ทำให้เจนสันรู้สึกแย่กันนะ
”เพราะอะไรคะ?” โรสถามกลับไปอย่างรวดเร็ว“ทะเลาะกับผู้ปกครองของเด็กนักเรียน แถมยังพาเจนสันหนีเรียนไปเที่ยวเล่น… เธอยังจะมีหน้ามาถามฉันกลับอีกเหรอ?” ร่างสูงขบฟันแน่น ความโกรธที่อัดอั้นมาทั้งวีนกำลังจะปะทุออกมาในที่สุดโรสเริ่มที่จะมีน้ำโหขึ้นมาบ้าง สงสัยว่าคุณแนนซี่จอมขี้ฟ้องคนนั้นคงจะเอ่ยออกมาหมดเปลือกแล้วสินะหญิงสาวเริ่มหน้าตึง “ท่านอาเรสคะ ท่านรู้เหตุผลที่ดิฉันปะทะคารมณ์กับผู้ปกครองท่านนั้นไหมคะ? ทำไมดิฉันต้องพาเจนสันออกไป? นั้นก็เพราะ—”พลันร่างสูงกลับเอ่ยขัดทันควัน “ไม่ว่าเหตุผลของเธอจะเป็นอะไร แค่สิ่งที่เธอทำลงไปมันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ฉันรู้ถึงความไร้สำนึกคิดของเธอ!”หล่อนเถียงกลับทันควัน “ฉันเผชิญหน้ากับผู้ปกครองแย่ ๆ พวกนั้นก็เพราะเขาทำร้ายเจนสัน พร้อมยังวิจารณ์ถึงการเลี้ยงลูกของคุณ คุณคิดบ้างไหมว่ามันจะส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อเจนขนาดไหน?”“ท่านอาเรส คุณไม่มีสิทธิ์มาว่าฉันจนกว่าคุณจะรู้และเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง”เจย์ยังคงจ้องมองไปยังใบหน้าที่ยืนกรานหนักแน่นของหญิงสาว พลางยักคิ้วอย่างประหลาดใจ หลังจากที่เขาไม่ได้พบเธอประมาณห้าปี จากผู้หญิงที่พูดไม่คิดกลับแปรเปลี่ยนเป็
ถึงแม้ว่าโรสจะรีบมุ่งไปยังคฤหาสน์โฮไรซอน คอลเลอร์ แล้วแต่เพราะการจราจรที่แอดอัดในช่วงเวลาเร่งรีบก็ทำให้เธอมาสายอีกครั้งร่างสูงของเจย์ที่ยืนอยู่บริเวณระเบียงชั้นสองของคฤหาสน์เพ่งมองความรีบร้อนของหญิงสาวจากด้านบน รอยยิ้มแสยะปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาอีกครั้ง“คุณโรส คุณสายนะ”โรสได้ยินเสียงบ่นเบา ๆ มาจากด้านบนหัวของเธอ ทันทีที่เห็นเจ้าของเสียงนั้นวิญญาณของเธอแทบออกจากร่าง เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่ม เธอกลับได้รับรอยยิ้มคล้ายสาปสมเป็นการต้อนรับร่างบางหอบเหนื่อย พยายามที่จะผ่อนลมหายใจเข้าออก สิ่งที่เธอต้องทำเพื่อแก้ไขสถานการ์ตรงหน้าคงมีเพียงแค่การรวบรวมคำพูดเพื่อแก้ต่าง “ท่าน—อาเรสคะ—พอดีว่าถนน—การจราจร…” เพียงพูดไม่กี่คำก็หอบเสียแล้ว ‘ท่าน อาเรส ถนน จราจร อะไรนะ? ข่างเป็นประโยคที่เพ้อเจ้อจริง ๆ’ใบหน้าหล่อเหลาเริ่มแสดงถึงความมึงตึง“เธอช่วยพูดให้ฉันเข้าใจอีกทีสิ?” เจย์คำรามในลำคอเธอพยายามอธิบายไปพร้อมกับหอบหายใจไปด้วย “ท่านอาเรสคะ—บนถนนรถติดมาก—เพราะแบบนั้น—ดิฉัน—จึงมาสายค่ะ” ชายหนุ่มยังคงนิ่ง ก่อนจะเดินลงมายังชั้นล่างไม่นานนักร่างสูงกำยำนั่งลงบนโซฟาตัวเก่ง ขายาวเรียวไขว้
เจ้าตัวแสบทั้งคู่ค่อย ๆ ย่องแอบไปยังหลบด้านหลังของบันไดชั้นสอง พลางลอบมองสถานการณ์ด้านล่างระหว่างโรสและเจย์ส่วนทางด้านของโรสนั้น หญิงสาวพยายามอดทนในการโต้วาทีครั้งนี้ง“ท่านอาเรสคะ คุณมักจะจับผิดทุกการกระทำของฉันและไม่เคยพอใจเลยซักครั้ง ไม่ว่าฉันจะทำอะไร แล้วตัวคุณล่ะคะ? คุณปล่อยให้ผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ไปรับไปส่งลูกของคุณอย่างหน้าตาเฉย คุณเคยคิดบ้างไหมคะ ว่ามันจะส่งผลอย่างไรต่อลูกของคุณบ้าง?”“โรส แนวคิดของฉันมันเหมาะสมแล้ว ฉันไม่ต้องการความคิดเห็นของเธอ แล้วก็นะ ผู้หญิงเหล่านั้นที่เธอพูดถึง ก็คือคนที่เจนสันรู้จักทั้งนั้น เธอต่างหากคือคนที่มีแต่ความคิดแย่ ๆ ไม่ใช่หรือไง?” ร่างสูงกล่าวอย่างโมโห“แล้วแนนซี่คือใคร? เธอเกี่ยวข้องอย่างไรกับเจนสัน?”“โรส เธอไม่มีสิทธ์ยุ่งวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัวของฉัน”“ฉันไม่สนใจว่าชีวิตของคุณจะเป็นอย่างไร แต่อย่างน้อยช่วยคิดซักนิดก่อนจะเลือกใครมาเป็นคู่ชีวิต ไม่ใช่หาแม่เลี้ยงคู่กรรมให้เจนสัน แล้วถ้าคุณคิดอยากจะมีทายาทอีกซักคน คุณจะอดทนจนกว่าจะถึงเวลาที่เจนสันพร้อมสำหรับ ลูกอีกคน ของคุณได้ไหม?”คิ้วหนาขมวดเล็กน้อย “ใครบอกเธอว่าฉันจะมีลูกกับแนนซี่?”โรส
”ได้เลย” เจนสันเอ่ยพลางพนักหน้าเด็กน้อยร็อบบี้เดินลงไปยังชั้นล่าง เมื่อโรสและเจย์ได้ยินเสียงฝีเท้าน้อย ๆ การโต้เถียงที่เกิดขึ้นพลันเงียบหายไปในทันควันเด็กน้อยเดินไปยืนหยุดท่ายกลางผู้ใหญ่ทั้งสอง เขามองไปที่ดวงตาคู่สวยที่แดงเรื่อของแม่ พร้อมหันกลับมามองชายที่ได้ชื่อว่าพ่อ ร่างเล็กจึงสัมผัสได้ถึงบรรยากาศคลุกกรุ่นที่แผ่ออกมาจากผู้เป็นพ่อร็อบบี้ไม่เคยคิดเลยว่าเจ้านายตัวร้ายที่คอยกลั่นแกล้งแม่ของเขาจะกลายเป็น คุณพ่อที่ตัวเขานั้นถวิลหาอยู่ทุกวันทุกคืนแม้ว่าคุณพ่อจะดูน่าภูมิฐาน หล่อเหลาและร่ำรวย แต่คนที่เอาใจใส่เลี้ยงดูเขาอย่างดีที่สุดในโลกกลับกลายเป็นคุณแม่ เขาไม่มีวันยอมให้ใครมากลั่นแกล้งแม่ของเขาเป็นแน่ แม้กระทั่งพ่อก็ตาม“เจนสัน ลูกมาทำอะไรข้างล่างนี่? รีบขึ้นไปด้านบนซะ คุณแนนซี่จะเป็นคนพาลูกไปโรงเรียน” เจย์ปรายตามองก่อนจะเอ่ยกับเจนสัน ก่อนจะขมวดคิ้ว เขาคิดว่าเขาเห็นการต่อต้านเกิดขึ้นภายในแววตาของลูกชายตัวน้อย แค่แวบเดียวในแววตานั้นซึ่งนั้น คือสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนร็อบบี้น้อยเดินตรงไปยังผู้เป็นพ่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเจย์ชะงักในทันทีเจนสันมักจะสามารถควบคุมอารมณ์ของตั
เจย์และโรสได้แต่จ้องมองไปที่ “เจนสัน” อย่างตกใจคำพูดเหล่านั้นที่หนูน้อย “เจนสัน” เอ่ยออกมาเปรียบเสมือนเสียงระเบิดเวลาสำหรับชายหนุ่มและหญิงสาวโรสจ้องมองชายหนุ่มด้วยความวิตกกังวล พลางกลัวว่าร่างสูงนั้นจะจับพิรุธของเธอได้ชายหนุ่มมองหญิงสาวอย่างคุมเชิง ก่อนที่ริมฝีปางบางสวยจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเย้ยหยันพร้อมเอ่ยถาม “โรส เธอว่า เป็นอย่างเจนสันพูดหรือเปล่า?”โรสบอกได้อย่างแน่ชัดว่าตอนนี้เธอกำลังเห็นเปลวไฟคลุกกรุ่นภายในดวงตาของร่างสูง และนั้นทำให้เธอรู้สึกว่าเรื่องต่าง ๆ เริ่มจะไม่ง่ายแล้วสิถ้าให้เลือกระหว่างการที่ปล่อยให้ร่างสูงได้เค้นความจริงจากเธอ เธอเลือกที่จะบอกความจริงเพียงครึ่งเดียวให้เจย์ได้รู้จะดีต่อตัวเธอกว่า “ฉันมีลูกสาวอยู่หนึ่งคน” เธอบอกอย่างช้า ๆ “อายุน้อยกว่าเจนสันหนึ่งปี… สองสามวันมานี้เธอป่วยเป็นไข้หวัด ที่ฉันมาทำงานสายก็เพราะว่าฉันต้องดูแลเธอ”เจย์เริ่มขมวดคิ้วเขากำลังโดนไล่ต้อนจากความคิดที่ว่า ร่างบางตรงหน้าไปมีลูกกับชายอื่นหลังจากที่ทิ้งเขาไปเจย์ขัดเธอขึ้นมาด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “ฉันไม่สนเรื่องครอบครัวของเธอ แต่ถ้าเธอไม่มีเวลาดูแลเจนสันอย่างจริงจัง เธอก็ไม่ควรรับ
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ