เซ็ตตี้เอื้อมมือไปที่ประตูต้องการจะปิดใส่เจย์ แต่โรสก็ปรากฏตัวในตอนนั้น"ให้เขาเข้ามา"เซ็ตตี้ได้ยินคำสั่งของแม่เธอ แต่เธอยังทำหน้าบึ้งอย่างไม่พอใจ เธอยอมปล่อยมือจากประตูอย่างไม่ยินยอมนักแล้วเดินกลับไปที่มุมเล่นของเธอ"ร็อบบี้น้อยอยู่ไหน?" เจย์ถามเรื่องร็อบบี้น้อยทันทีที่เขาเข้ามาโรสเสิร์ฟน้ำผลไม้และบอกให้เขานั่ง เจย์นั่งลงบนโซฟาโรสเดินไปหาเซ็ตตี้แล้วโน้มน้าวเธอ "เซ็ตตี้น้อย แม่มีเรื่องต้องปรึกษากับคุณลุง ลูกไปเล่นในห้องได้ไหม?"เซ็ตตี้ถือตัวต่อของเธอแล้วพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง "โอเคค่ะคุณแม่" จากนั้น เธอก็หายไปจากห้องของแม่เธอเจย์ขมวดคิ้ว เซ็ตตี้นั้นเหมือนปีศาจน้อยป่าเถื่อนต่อหน้าเขา แต่เธอกลับกลายเป็นเด็กน้อยที่เชื่อฟังและน่ารักต่อหน้าโรส นั่นไม่คาดคิดเลยโรสไปที่ห้องนั่งเล่นแล้วนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่ ข้างโซฟาของเจย์ ท่าทางปกติของเธอในตอนแรกถูกแทนที่ด้วยชั้นน้ำแข็งเมื่อเธอมองเจย์ด้วยความโกรธ"ท่านอาเรส ถ้านายไม่ชอบร็อบบี้น้อยของฉัน งั้นก็ไม่ควรจะลดตัวลงมานับญาติแม้สักนาทีเดียว"เส้นเลือดบนหน้าผากเจย์แทบระเบิด เขามักอยู่เหนือสุด เป็นที่เคารพของทุกคน การจะหาผู้หญิงแบบโรสที่กล้า
โรสงุนงง เจย์ไม่ได้ลงโทษร็อบบี้น้อยเพราะเครื่องปั้นราคาแพง และไม่ใช่เพราะปราสาทที่เป็นของเจนสันด้วย? เธอรีดสมองทุกส่วนที่เธอมี แต่เธอก็เดาเหตุผลที่แท้จริงไม่ออก"ถ้างั้นทำไมนายต้องลงโทษร็อบบี้น้อยด้วย? เขาเป็นเด็ก นายไม่กังวลเหรอว่าเขาจะทำให้ตัวเองบาดเจ็บจากเศษคม ๆ ของเครื่องปั้นที่แตกในตอนที่นายให้เขาทำความสะอาด? ท่านอาเรส อย่าโทษร็อบบี้น้อยเพราะความเข้าใจผิดของนาย แม้แต่ผู้ใหญ่ ฉันก็ยังเดาไม่ออกถึงความตั้งใจในการลงโทษร็อบบี้น้อย" โรสกล่าวอย่างโมโหคิ้วบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเจย์ขมวดแน่น สายตาของเขามีความโรกธกระหายเลือดโรสมองดูชายที่เปลี่ยนไปเป็นน่ากลัวอันตรายในฉับพลัน สัมผัสที่หกของเธอเตือนว่านี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดี"ฉันมีเหตุผลของฉัน สรุปก็คือ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อวาน ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจ ฉันรักร็อบบี้น้อยมากเท่ากับที่รักเจนสัน ถ้าเธอตั้งใจจะใช้เหตุการณ์เมื่อวานมาแบล็คเมลฉันให้ยอมแพ้เรื่องร็อบบี้น้อย ฉันจะไม่มีวันยินยอม ถ้าเธอเอาเหุตการณ์เมื่อวานมายุให้เกิดปัญหาระหว่างพ่อลูก ฉันจะไม่ปล่อยเธอไปง่าย ๆ แน่" เจย์พลันยืนขึ้นโรสเยาะเย้ยตัวเองในใจ 'ในหัวใจของหมอนี่ ฉันเป็นคนที่จะ
”เหมือนนักเรียนที่ทำผิดที่โรงเรียน ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร คุณครูก็ต้องดัดนิสัยพวกเขา ความผิดเล็กน้อยก็จะถูกลงโทษเล็กน้อย หากความผิดมาก บทลงโทษก็จะมากตาม นี่เป็นวิธีสั่งสอนนักเรียน ลูกจะบอกไม่ได้ว่าที่คุณครูลงโทษนักเรียนนั้นเป็นเพราะครูไม่ชอบนักเรียน ใช่ไหม?"ร็อบบี้น้อยดูเหมือนจะเข้าใจมุมมอง เขาพยักหน้าเหมือนลูกไก่จิกอาหารของมัน จากนั้น ความไร้ชีวิตชีวาและหดหู่ของเขาก็เริ่มได้รับความสดใสกลับมา "คุณแม่ คุณแม่หมายความว่าคุณพ่อยังรักผมเหมือนที่รักเจนสัน ผมพูดถูกไหม?"โรสเห็นว่าในที่สุดลูกของเธอก็มีรอยยิ้มบนใบหน้า ความหนักใจได้ถูกยกออกจากอกของเธอแล้ว "ความรักของแม่ไร้ขอบเขต ความรักของพ่อเองก็เหมือนภูผาแข็งแกร่ง ร็อบบี้น้อย ความรักของแม่อาจจะอ่อนโยนและมีเมตตา แต่มันก็ง่ายที่จะทำให้ลูกหลงทาง ความรักของคุณพ่ออาจจะเข้มงวดและลำบาก แต่มันจะทำให้ลูกเดินในทางที่ถูก ความรักทั้งสองแบบไม่สามารถขาดได้ในชีวิตของลูก"เสียงของร็อบบี้น้อยดูมีความสุขขึ้น "คุณแม่ คุณพ่อจะยอมรับคำขอโทษของผมไหม? เขาสัญญาไหมว่าเขาจะรอจนผมโตกว่านี้แล้วหาเงินมาจ่ายค่าเสียหาย?"ร็อบบี้น้อยวางมือบนหัวร็อบบี้น้อย "เด็กโง่ ในหัวใจขอ
ฝนพลันสาดลงมา ขจัดหน้าร้อนอบอ้าวให้หายไปทันที ลมเย็นพัดส่งสัญญาณของฤดูใบไม้ร่วงที่กำลังมาถึง และพัดเข้าสู่คฤหาสน์ที่หรูหราและอบอุ่น เจย์ยืนอย่างนิ่งเงียบที่หน้าต่าง มองดูฟ้ากระจ่างใสด้านนอกหัวใจของเขารู้สึกสงบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนคำแนะนำของปู่ของเขายังดังอยู่ในหู 'ในเมื่อแกไม่สามารถแต่งกับผู้หญิงที่แกอีกตลอดชีวิต และในเมื่อแกเลือกที่จะใช้ชีวิตเพื่อลูก งั้นปู่ขอถามหน่อย ใครจะเป็นแม่ที่เหมาะสมกับเจนสันและร็อบบี้น้อยไปมากกว่าโรส?'เจย์หยิบมือถือแล้วโทรหาเกรย์สัน"ท่านประธาน!" เสียงสั่น ๆ ของเกรย์สันได้ยินผ่านมาตามสายเจย์ขมวดคิ้วโดยอัตโนมัติ เขาไม่เคยพิจารณาในเรื่องนี้เลยที่ผ่านมา แต่ตอนนี้มันกลับรบกวนจิตใจเขาเสียแล้ว 'ทุกคนรอบข้างมักจะกลัวเราเสมอ พวกเขามักจะให้ฉายาเราลับหลังว่า 'ทรราช' ไม่ก็ 'อสุรา' แต่ทำไมผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างโรสถึงกล้าโกรธเราขนาดนั้น?'"เกรย์สัน ไปสืบใครบางคนให้ฉัน!" เจย์ดูลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจ"ระบุชื่อมาได้เลยครับท่านประธาน!""ฉันอยากรู้ข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับสามีคนปัจจุบันของโรส"หลังจากเจย์ออกคำสั่ง ปลายสายก็เงียบไปเป็นเวลานานดวงตาของเกร
เจนสันเข้าไปในห้องของเขาแล้วล็อกประตูทันที"ร็อบบี้น้อย นายเห็นดวงตาคู่นั้นไหม?" ความกลัวปรากฏอยู่ในน้ำเสียงของเจนสันร็อบบี้น้อยคิดเรื่องนั้นอยู่ครู่หนึ่ง "นายหมายถึงดวงตาของช้างที่หน้าต่าง?"เจนสันรีบตะโกน "อยู่ให้ห่างจากมัน"ร็อบบี้น้อยเห็นด้วย "โอเค" เขาไม่รู้ว่าทำไมเจนสันถึงอยากให้เขาอยู่ให้ห่างจากดวงตาคู่นั้นในปราสาท เขาคิดว่าเจนสันคงดีใจมากกว่าหากเขาตอบแบบนี้"เจนสัน ดวงตาคู่นั้นมันอะไรกัน?""มันมีผีสิง!"ร็อบบี้น้อยเบะปาก "ผีสิง?" จากนั้นเขาก็นึกถึงตอนที่เขาได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นเคยดังอยู่ในปราสาทแล้วเข้าใจทันที "โอ้ ไม่แปลกว่าทำไมฉันถึงได้ยินเสียงแปลก ๆ นั่นคือผีเหรอ? มันน่ากลัวไหม? ไม่ใช่ว่าคุณครูบอกว่าผีไม่มีในโลกเหรอ?""ร็อบบี้น้อย อยู่ให้ห่างจากปราสาทนั้น""โอเค เข้าใจแล้ว"เจนสันเริ่มกระวนกระวาย 'งั้นเจ้าสิ่งมีชีวิตประหลาดนั่นก็เริ่มเข้าหาร็อบบี้น้อยแล้ว' เจนสันพลันปามือถือใส่กระจกหน้าต่างจนมันสร้าเสียงดังปังชั้นล่าง เจย์ได้ยินเสียงมาจากชั้นบน เขารีบวางแก้วชาเคลือบสีน้ำเงินขาวลงบนโต๊ะหินอ่อนแล้ววิ่งขึ้นข้างบน"เจนส์!"เมื่อเจย์ดันประตู มันก็ไม่เปิดออก จากนั้น
แต่ละครั้งที่เจนสันตกใจ เขาจะดูอ่อนล้าและเปราะบาง ตอนนี้เขากำลังพิงอยู่บนไหล่ของเจย์ ดวงตาเขาเปิดเพียงครึ่งเดียว เขาดูไร้ชีวิตชีวาพอ ๆ กับความเพลียโรสมองดูเจนส์ แต่เจย์มองดูโรสเธอสวมชุดอยู่บ้านผ้าฝ้าย ซึ่งมันดูเหมือนชุดนอน ชุดนอนของเธอมีเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาว เสื้อนอกคือแจ็คเก็ตตัวเล็ก ด้วยการมองครั้งเดียว เขาก็บอกได้ว่าเธอรีบออกมาดูเจนสันจนไม่มีเวลาแต่งตัวเจย์แปลกใจมากทีเดียว ยังไงซะ ในความทรงจำของเขา ผู้หญิงทุกคนที่เข้าหาเขานั้นจะใช้เวลาและความพยายามในการทำให้พวกเธอดูดี พวกเธอจะใช้เวลาทุกนาทีในการดูแม้แต่เล็บของตัวเอง"เข้ามาสิ" ท่าทางของเขาดูเย็นชาและไร้อารมณ์ ยังไงซะ หัวใจของเขาก็เกิดระลอกคลื่นอย่างแปลกประหลาด"เจนส์เป็นอะไรไหม?" โรสถามอย่างกังวลเจย์ขยี้หัวของร็อบบี้น้อยอย่างอ่อนโยนแล้วตอบอย่างสบาย ๆ กับโรส "เด็กเดือดร้อนเพราะความกลัวเล็กน้อย"โรสมองดูเจนสันที่หลับไป เธอรู้สึกเหมือนหัวใจสลายในตอนนี้ เธอนึกไปถึงเรื่องร็อบบี้น้อยบอกเธอเกี่ยวกับสิ่งเหนือธรรมชาติ โรสรู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่ของเธอที่ต้องบอกคนที่ไม่รู้เรื่องอย่างเจย์"นั่งก่อน ฉันจะพาเจนสันไปที่เตียงเขา" เจ
โรสเงยหน้ามองเขา 'ทำไมหมอนี่ถึงได้พูดกับเราดีนัก? หรือว่าเขาวางแผนอะไรอยู่รึเปล่า?'"เธอต้องการมาที่นี่แล้วเป็น… พี่เลี้ยงไหม?" เขาถามโรสพูดไม่ออก'ฉันดูเหมือนพี่เลี้ยงรึไง?'เธอตั้งใจจะปฏิเสธในทันที แต่เมื่อเธอนึกไปถึงสภาพที่อ่อนล้าและเพลียของเจนสันแล้ว... เมื่อเธอคิดถึงแต่ละครั้งที่ร็อบบี้น้อยกับเซ็ตตี้คอยถามว่าจะเจอพ่อของพวกเขาได้อีกเมื่อไหร่...หัวใจอันทะนงของโรสพังทลายลงอีกครั้งถ้าเป็นเมื่อก่อน เจย์จะต้องคิดว่าโรสนั้นคงจะยิ่งกว่าดีใจในการตอบตกลงคำขอของเขายังไงซะ เธอก็จะได้เงินเดือนที่สูงและเป็นพี่เลี้ยงที่ตระกูลอาเรสอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจย์รู้แล้วว่าโรสนั้นมีทักษะแฮ็คเกอร์และเธอก็มีความทะเยอทะยานจะสร้างจักรวรรดิธุรกิจของตัวเองขึ้นมา เจย์ไม่มั่นใจนักว่าเธอจะตอบรับข้อเสนอเขารึเปล่าโรสคิดอยู่พักหนึ่งแล้วเงยหน้ามองเจย์ เธอกล่าวด้วยความเด็ดเดี่ยว "ถ้านายคิดถึงประโยชน์ของเด็ก ๆ จริง ๆ นายก็ไม่ควรเสนอให้ฉันเป็นพี่เลี้ยง ฉันเป็นแม่ของพวกเขา ฉันต้องสั่งสอนและเลี้ยงพวกเขาอยู่แล้ว ท่านอาเรส ฉันเชื่อว่านายจะเข้าใจความหมายของการสั่งสอนและเลี้ยงดู""ท่านอาเรส ถ้านายจำกัดหน้าที่ของ
'อาศัยด้วยกัน?'คิ้วของเจย์ขมวดเล้กน้อยเมื่อเขาเห็นความมั่นใจของโรสเขาไม่ชอบผู้หญิงที่ทำตัวอ่อนแอและต้อยต่ำต่อหน้าเขา อย่างไรก็ตาม โรสนั้นจองหองจนถึงกับมองเขาเป็นคนไม่สำคัญ นั่นทำให้เขาไม่พอใจมาก"ฉันคิดว่าเธอควรจะค้นหาราคาตลาดของคฤหาสน์ใน โฮไรซอน คอลเลอร์ แบบนั้น แล้วเธอจะไม่เสนออะไรเพ้อเจ้อและเป็นไปไม่ได้อีก" เสียงของเจย์เต็มไปด้วยความยะโสที่กดคนอื่นให้ต่ำลงโรสกัดริมฝีปากของเธอ '-ัคยู นี่ไอ้หมอนี่ว่าฉันว่าจนเหรอ?'"ท่านอาเรส บอกราคามา" ลักษณะสำคัญที่สุดของโรสคือความหัวรั้นและปฏิเสธการยอมแพ้จนวินาทีสุดท้ายเจย์แสยะยิ้มและชูหนึ่งนิ้ว นิ้วของเขาทั้งเรียว ยาว และเรียบเนียน ข้อต่อของเขารูปร่างสวย ทั้งดูเซ็กซี่และล่อลวงสายตาของโรสมองตามนิ้วเขา ในตอนนั้น เธอก็งุนงงเธอนึกไปถึงในสมัยเด็ก ตอนที่เขาจับมือเธอเพื่อสอนให้เธอพิมพ์คีย์บอร์ดมันจินตนาการออกได้ยากว่านิ้วของเด็กชายจะเร็วได้ขนาดไหน เหมือนกับนักเต้นมืออาชีพกำลังเต้นบนแป้นพิมพ์ ความเร็วนั้นทำให้รู้สึกเวียนหัวเลยทีเดียวเจย์มองโรสผู้กำลังงุนงงและมองนิ้วของเขาอย่างเพ้อฝัน เขารีบเก็บนิ้วแล้วเย้ยออกมาอย่างเย็นชา "โรส เธอจ่าย 1 แ
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ