ดวงตาที่ก่อนนี้แฝงความรักใคร่แฝงไว้ด้วยความระแวดระวังและความเป็นศัตรู “แกต้องแน่ใจนะโคล อย่าพาพวกศัตรูเข้าบ้านเรา”ตอนนี้เจย์และคนที่เหลือต่างก็อยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้วโคลจ้องหน้าแต่ละคนอย่างพินิจพิเคราะห์และไม่เห็นคนที่เขามองหา เขารู้สึกว่าความหวังที่มีพลันหายไปและแสงระยิบระยับในดวงตาเขาก็จางหายไป“แองเจลีนอยู่ไหน?” ตอนนี้เขาห่อเหี่ยวมาก เสียงที่เคยกระตือรือร้นก็หดหู่ทันใดแองเจลีนพูดเบา ๆ “ฉันแองเจิล ลินน์ค่ะ” เธอเปลี่ยนแปลงเสียงของเธอโคลยังคงจ้องแองเจลีนไม่วางตา…แม้ว่าจะปลอมตัวแต่แองเจลีนก็ยังคงมีรูปหน้าที่งดงามไว้อยู่ แต่ว่าหน้าของเธอก็ไม่เหมือนเดิมเลยสักนิดโคลจำแองเจลีนไม่ได้และรู้สึกว่าโดนหลอก เขาโมโหปรี๊ดทันที “เธอบอกว่าตัวเองชื่อแองเจลีนเหรอ?”แองเจลีนแสร้งทำเป็นหวาดกลัว “ค่ะ ใช่ค่ะ”“เธอกล้าโกหกฉันเหรอ?” โคลโมโหเดือดแองเจลีนพูดทั้งน้ำตา “คุณคะ ฉันไม่ได้โกหกคุณนะคะ ฉันชื่อแองเจิล ลินน์ แ-อ-ง-เ-จ-ิ-ล-ลิ-น-น์”พอได้ฟังคำอธิบายจากแองเจลีน ใบหน้าหล่อเหลาของโคลก็เปลี่ยนเป็นเขียวและพลันซีดเผือดทันทีสเปนเซอร์กลั้นหัวเราะต่อไปไม่ไหวเมื่อเขาได้เห็นสีหน้าของลูกชาย “ฮ่าฮ่าฮ
หลังจากลังเลอยู่ชั่วขณะ เขาก็สั่งคนของเขาว่า “ให้พวกเขาเข้ามา”ชายหนุ่มสองสามคนเดินเข้ามา และพูดอย่างไม่เป็นมิตรว่า “ไปได้”เจย์หลิ่วตาให้เกรย์สันและเซย์นที่จริงแล้วตอนนี้เซย์นกลัวมากจนพูดไม่ออก แต่ละก้าวของเขาไม่มั่นคงและโจเซฟีนจำต้องพยุงเขาไว้เจย์และแองเจลีนเดินตามมาข้างหลังและหลังจากที่เข้ามาในตัวอาคารแล้ว ความอบอุ่นในห้องก็ทำให้คิ้วที่ขมวดแน่นของเจย์ผ่อนคลายลงเล็กน้อยสเปนเซอร์นั้นนั่งรออยู่ตรงส่วนที่สูงที่สุดของห้องโถงรับแขก เก้าอี้ของเขาหุ้มด้วยหนังเสือ ดวงตาเหยี่ยวจ้องเจย์และคนที่เหลือ“ทีนี้บอกได้หรือยังว่าข้อความที่รอนนี่ขอให้ส่งมาให้ฉันคืออะไร?”เจย์จ้องสเปนเซอร์ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาดูไม่พอใจ “นี่คือมารยาทในการรับแขกของคุณเหรอ? ช่วยหาอะไรร้อน ๆ ให้เราดื่มก่อนไม่ได้–”“ฉันคิดว่าแกคงอยากโดนอัดสินะ” คาร์สันกระโดดออกมาสเปนเซอร์สะกดกลั้นโทสะในใจไว้และบอกคาร์สันอย่างหมดความอดทน “เทชาร้อนมา”ตอนนั้นโคลที่กำลังห่อเหี่ยวก็นอนทิ้งตัวอยู่บนเก้าอี้ปรับได้ของพ่อเขาคาร์สันส่งถ้วยชาร้อนให้เจย์และคนอื่น ๆ เจย์ลองชิมดูก่อนที่จะเอาให้แองเจลีนหลังจากที่ดื่มชาเสร็จเจย์ก็อ้าปากพู
คาร์สันจ้องเจย์ เขาสงสัยว่าชายคนนี้เอาความมั่นใจมาจากไหนถึงได้หยิ่งจองหองและเก่งกล้าต่อป้อมตระกูลยอร์กเช่นนี้คาร์สันก็ดุจกับโดนสะกด เขาพาแขกทั้งหมดไปยังห้องพักที่ดีที่สุด เจย์เดินไปรอบ ๆ ห้องและพูดอย่างไม่เต็มใจ “ก็พอใช้ได้”คาร์สันแอบด่าเขาในใจ 'แน่สิ คนที่หน้าหนาก็จะกล้ามากเป็นธรรมดา'ห้องพักแขกนี้ที่จริงแล้วเป็นส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์ก มันเรียกว่าส่วนหน้าเพราะว่ามีตึกที่แย่ ๆ และทรุดโทรมมากมายในป้อมตระกูลยอร์ก แต่มีแค่อาคารในสวนตรงนี้ที่ดูหรูหราหน่อยมันเป็นสวนที่หรูหราซึ่งมีสวนอยู่ตรงกลางด้วย เฟอร์นิเจอร์ก็ทำมาจากไม้มะฮอกกานีซึ่งมีราคาแพง ต้องเป็นคนสำคัญมีเกียรติถึงได้พักในห้องเช่นนี้แต่ว่าปีศาจคลั่งรักภรรยาอย่างเจย์นั้นอยากจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้เธอเสมอ ดังนั้นเขาจึงเรื่องมากกับห้องพักหลังจากที่เลือกห้องพักได้ เจย์ก็สั่งคาร์สันอีก “ช่วยเอาผ้าห่มมาเพิ่มให้เราหน่อยแล้วก็เปิดเครื่องทำความร้อนด้วย… ผมอยากได้เครื่องทำความชื้นด้วย… อีกอย่างเราหิวมาก คุณช่วยเตรียมอาหารเที่ยงเร็วหน่อยได้ไหม?”คาร์สันพยายามเก็บกักโทสะไว้ในใจและเมื่อออกมาจากสวน เขาก็ตรงไปที่โถงรับแขกพร้อมกับด่าไ
โคลบอกว่า “ตอนที่มีคนกลุ่มก่อนหน้านี้มาพ่อก็พูดแบบนี้ พ่อเกือบปล่อยฝูงรถคอร์เวตต์เราออกไปแล้ว แต่ที่จริงเธอก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงที่อยากจะมาร่วมมือพัฒนาป้อมตระกูลยอร์กกับเราแค่นั้น”สเปนเซอร์ตอบเสียงอ่อย “ผู้หญิงคนนั้นมีธุรกิจตั้งมากมายนับไม่ถ้วนและก็ถือว่าเป็นเศรษฐีแม้แต่กับพวกประเทศคู่แข่งของเรา แล้วจะนับว่าเธอเป็นคนธรรมดาได้ยังไง?”โคลไม่สนใจจะเถียงกับเขาต่อแล้ว “นักท่องเที่ยวหกคนที่มานี่ มีคนหนึ่งตาบอด อีกคนป่วย สองคนก็กลัวมาก ส่วนผู้ชายอีกสองคนที่เหลือก็ดูมีประโยชน์กว่าหน่อยเพราะว่าช่วยลากเพื่อนร่วมทางไร้ประโยชน์มาได้ แล้วพ่อจะต้องกลัวอะไร?”สเปนเซอร์หยุดคิดชั่วขณะก่อนจะพยักหน้าหลังจากผ่านไปประมาณชั่วโมง สเปนเซอร์ก็ทนรอไม่ไหวแล้วและบอกคาร์สันว่า “ช่วยไปดูหน่อยซิว่าพวกเพี้ยนนั่นกินมื้อเที่ยงเสร็จหรือยัง? ถ้ากินเสร็จแล้วก็ให้พามาพบฉัน ฉันอยากจะถามอะไรสักหน่อย”“ครับ”คาร์สันกลับไปที่ห้องพักแขกในสวนอีกครั้งเจย์และคนอื่น ๆ เพิ่งกินอาหารเสร็จและกำลังจะเตรียมพักผ่อนในช่วงบ่ายขณะที่คาร์สันพรวดพราดเข้ามาไม่บอกกล่าว“นายท่านอยากพบพวกนาย” คาร์สันยืนตรงประตูและพูดกับเจย์อย่างออกคำส
คาร์สันพูดสวนกลับอย่างขุ่นเคือง “เลิกทำตัวกวนประสาทได้แล้ว ฉันขอเตือนนายเลยนะให้รีบบอกข้อความที่รอนทิ้งไว้ให้เร็ว ๆ พอเสร็จเรื่องก็ไสหัวกลิ้งลงเขากลับไปซะ”เจย์เชื่อว่าพอพวกเขาหมดประโยชน์ นายท่านยอร์กคงจะให้พวกเขาได้กลิ้งลงเขาไปจริง ๆ แน่วันนี้เจย์ปั่นหัวสเปนเซอร์มาทั้งวัน แถมเขายังทำให้ชายที่อารมณ์ดีสามารถโมโหเดือดดาลได้ ดังนั้นเขาจึงรู้ว่านี่เป็นเวลาที่จะต้องยอมอ่อนลงให้แล้ว เขาพูดอย่างสุขุมว่า “เมื่อวานนี้เราพักที่โรงแรมฟลาวเวอร์ซิตี้ และเราก็โชคดีได้บังเอิญเจอคุณรอนเข้า”สเปนเซอร์หรี่ตามองและเปิดโปงคำโกหกของเจย์ “รอนนี่ของเรานั้นป่วยมากแถมยังนอนติดเตียง เขาขยับตัวแทบไม่ได้แล้วนายไปบังเอิญเจอเขาบนเตียงเหรอไง?”เจย์คิ้วกระตุกขณะคิดว่าจินตนาการของลุงเขานี่ช่างบรรเจิดเสียจริง“เรื่องมันยาว พวกเราเพิ่งมาถึงโรงแรมฟลาวเวอร์ซิตี้เมื่อคืนแล้วก็รู้สึกหนาวเพราะอากาศเย็นเฉียบของที่นี่ ดังนั้นเราเลยคิดว่าจะดื่มเหล้าให้ร่างกายอบอุ่นหน่อย ใครจะไปคิดว่าเพื่อนของผมคนนี้จะคออ่อนปานนั้น? แค่กินเข้าไปไม่กี่อึกก็เมาปลิ้นจนคุมตัวเองไม่ได้ แหกปากร้องตะโกนจนรบกวนคนที่พักห้องข้างล่าง-”สเปนเซอร์โบกม
สเปนเซอร์โมโหมากจนเกาหัว ชายคนนี้ยังคงใจเย็นอยู่ได้แม้ว่าต้องเจอเรื่องเจียนตาย เขาสงสัยว่ามีปีศาจจากนรกตัวไหนมาสิงร่างหมอนี่หรือเปล่า ทำไมถึงได้ใจกล้าขนาดนี้?“โอ้เหรอ ขี้กลัวงั้นเหรอ? ถ้านายไม่อยากทำให้เธอกลัว ตอนที่ฉันถลกหนังนายทั้งเป็นก็อย่างส่งเสียงดังแล้วกัน”สเปนเซอร์โบกมือและคนของเขาที่อยู่ด้านหลังก็รีบเข้ามาล้อมเจย์และคนอื่นไว้ทันใดเกรย์สันเข้ามายืนขวางหน้าเจย์ไว้รวดเร็วปานสายฟ้าเพื่อปกป้องเจ้านายของเขาให้อยู่ด้านหลังสเปนเซอร์อึ้งเมื่อได้เห็นดังนั้น “มีศิลปะป้องกันตัวเหรอ?”ดวงตาเหยี่ยวของเขามืดมนลง “จับพวกมันทั้งหมดมาให้ฉัน ฉันต้องการจะสอบปากคำพวกมันทุกคนให้กระจ่าง”ยามของป้อมตระกูลยอร์กนั้นก็เป็นเด็กหนุ่มและเป็นพวกระดับล่าง อาจจะเป็นเพราะแบบนี้ที่ทำให้พวกเขาจัดการพวกคนนอกไม่ได้เพียงเกรย์สันคนเดียวก็สามารถคว่ำทุกคนลงไปกองกับพื้นได้สเปนเซอร์นิ่วหน้าและตะโกนด่าลูกชายอกตัญญู “โคล ไอ้ลูกเวร ไหนมันบอกว่านักท่องเที่ยวหกคนนี้มีตาบอดคนหนึ่ง ป่วยคนหนึ่ง แล้วก็คู่รักขี้กลัว ส่วนอีกสองถึงจะดูเข้าท่าหน่อยแต่ก็มัวแต่ลากเพื่อนภาระที่เหมือนหมูเอาไว้? ตอนนี้แค่มันคนเดียวก็จัดการคน
คาร์สันวิ่งผ่านหลายป้อมก่อนจะเจอโคลอยู่ที่ป้อม 48 โคลถือขวดเหล้าไว้ในมือและห้อมล้อมไปด้วยบรรดาสาวสวย“โคลลี่ เมื่อไรคุณจะมาแต่งงานกับฉันล่ะคะ?”โคลนั้นมึนนิดหน่อย “พอราชินีอันดับหนึ่งของฉันเข้าประตูมาเมื่อไร ฉันจะแต่งกับพวกเธอทุกคนเลย”พวกสาว ๆ หัวเราะคิกคักไม่หยุด ในความคิดของพวกเธอนั้นการได้แต่งงานกับนายน้อยหนุ่มที่อ่อนโยนและหล่อเหลาถือเป็นเรื่องดีพวกเธอไม่สนว่าจะได้แต่งงานเป็นภรรยาหลวงหรือไม่ เพราะว่านายน้อยจะต้องดูแลภรรยาของเขาทุกคนอย่างดีและรักใคร่แน่ ดังนั้นพวกเธอจึงไม่สนใจเรื่องสถานภาพอะไรทั้งนั้นโคลนอนเหยียดอยู่บนม้านั่งไม้ยาว มองไปที่ท้องฟ้ากว้าง ประกายในตาเขามืดหม่นลงบางทีชาตินี้เขาคงไม่ได้แต่งภรรยาหลวงหรอกมั้ง?นี่มันก็สามปีแล้ว แองเจลีนคงต้องเกลียดเขามากไม่อย่างนั้นเธอไม่มีทางเมินเขานานขนาดนี้แน่“พอภรรยาหลวงฉันเข้ามาในชีวิต พวกเธอสาว ๆ ต้องต้อนรับเธอแล้วก็ดูแลเธอให้ฉันอย่างดีด้วย” จู่ ๆ โคลก็พูดขึ้นมาตราบใดที่แองเจลีนพอใจเขาก็จะทำทุกอย่างที่ทำได้ให้เธอบรรดาสาว ๆ ต่างก็อึ้งไปขณะที่พวกเธอแกล้งชกโคลขำ ๆ “คุณนี่ใจร้ายจัง”คาร์สันเดินเข้ามาแล้วแหย่สาว ๆ ว่า “รู้
สเปนเซอร์เย้ย “ไอ้เด็กตัวเหม็น แกพูดแบบนี้ได้ยังไง? ตอนนี้พ่อแก่แล้วนะแกยังจะมาบอกให้ฉันไปสู้อีกเหรอ? แกไม่กลัวว่าพวกมันจะหักกระดูกคนแก่อย่างฉันเหรอไง? แกอยากให้ฉันตายเต็มแก่แล้วสินะ?”ริมฝีปากโคลกระตุก“คนที่หักกระดูกพ่อได้คงยังไม่โผล่มา”สเปนเซอร์ย้อนอย่างหมดความอดทน “หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว รีบเข้าไปจับพวกนั้นมัดมาให้พ่อ”โคลมองนิ้วก้อยซ้ายที่ถูกตัดไปของเขาและบอกว่า “ผมไม่อยากสู้”สเปนเซอร์อึ้งไปตลอดเวลาสามปีเขาได้พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อบังคับลูกชายให้ต่อสู้ ไม่ว่าจะวิธีไม้อ่อนไม้แข็ง ทั้งปลอบ ทั้งขู่ หรือแม้แต่หลอกล่อเขา รวมทั้งใช้วิธีข่มขู่และขุดหลุมดัก แต่ว่า…โคลก็ยังไม่สะทกสะท้านราวกับว่าเขากลายเป็นอีกคนและทอดทิ้งศิลปะการไปแล้ว เขาเอาแต่อยู่ในห้องอ่านหนังสือหรือไม่ก็เมาทั้งวัน สเปนเซอร์นั้นร้อนใจที่เห็นลูกชายของตนกลายเป็นแบบนี้สเปนเซอร์มองลูกชายอย่างผิดหวัง “ถึงแกจะไม่อยากแต่วันนี้แกก็ต้องสู้ พี่น้องป้อมตระกูลยอร์กหลายคนบาดเจ็บ ในฐานะผู้สืบทอดคนต่อไปแกจะปล่อยเรื่องนี้ไปได้ยังไง?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเป็นผู้สืบทอดคนต่อไป ผมจะยกเลิกป้อมทั้ง 108 แล้วก็ไปอยู่ในเขาแทน”สเปนเ