”โรสทั้งไม่สวยและไม่ฉลาดแต่ผมก็ตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็นงั้นเหรอ?” เจย์ขมวดคิ้วและพินิจพิเคราะห์คำพูดของคุณนายลอยล์คุณนายลอยล์ไม่คิดว่าเจย์จะมองเงื่อนงำเล็ก ๆ พวกนี้ออกปรุโปร่ง เธอรีบพยายามเปลี่ยนคำพูดของตนเอง “ฉันก็ไม่รู้ว่าคุณรักเธอจริงไหม แต่ฉันรู้ว่าคุณแต่งงานกับเธอจริง ๆ ฉันยังมีวิดีโอจากงานแต่งของพวกคุณอยู่เลย”ดูเหมือนว่าเธอได้เตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว เพราะทันทีที่เธอพูดจบคุณนายลอยล์ก็หยิบรีโมทขึ้นมาแล้วกดเปิดทีวี ภาพวิดีโอของงานแต่งงานเจย์และโรสก็ปรากฏขึ้นบนจอทันใดภาพนั้นเห็นได้ว่าบนใบหน้าเจย์ไม่มีรอยยิ้มเลยแม้แต่น้อยแม้ว่าเขาจะเป็นเจ้าบ่าว ทั้งร่างของเขาดูเย็นชาไร้อารมณ์ราวกับก้อนน้ำแข็ง ในขณะที่โรสผู้เป็นเจ้าสาวดูยิ้มแย้มสดใสเพราะว่าเธอมีความสุขมากเจย์ถามพวกเขา “เธอเป็นเจ้าสาวที่ผมเลือกจริง ๆ เหรอ?”โรสนั้นมีใบหน้าที่ดูธรรมดาสามัญซึ่งไม่อาจเรียกได้ว่างดงาม เขามองเธอแล้วก็ไม่รู้สักอะไรเลยสักนิดเจย์มั่นใจว่าเขาไม่มีทางแต่งงานกับเธอด้วยความตั้งใจของตัวเองเป็นแน่การแต่งงานนี้ต้องเกิดขึ้นมาเพราะสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่ความรักแน่นอนคุณนายลอยล์และคนอื่น ๆ ต่างก็ไม่รู้ว่
แม้ว่าจะเป็นเพียงการคาดเดาแต่ว่าเงื่อนงำพวกนี้ก็พอดีเหมาะเจาะกับเรื่องราวที่ขาดหายไปซึ่งเขาตามหาคำตอบอยู่ แต่เจย์ก็ยังลังเลที่จะยอมรับข้อสรุปพวกนี้มากกว่าใครมือของเด็กหนุ่มที่ซุกอยู่ในกระเป๋ากำเป็นหมัดแน่นซิดนีย์นั้นเหมือนเป็นดารานำ ขณะที่คุณนายลอยล์และเซร่าต่างก็ช่วยสนับสนุนคำพูดเธอ เพื่อให้แผนใส่ร้ายแองเจลีนดำเนินต่อไปจนจบคุณนายลอยล์เริ่มบีบน้ำตาด้วยสีหน้าท่าทางเสแสร้งขณะที่พูดว่า “แองเจลีน เซเวียร์คนนั้นเป็นตัวร้ายแท้ ๆ เลย เธอทั้งเอาแต่ใจแล้วก็ชอบกดข่มคนอื่น ถ้าหากว่าเธอชอบคุณจริง ๆ โรสของเราไม่มีทางคิดฝันว่าจะไปเป็นคู่แข่งผู้หญิงคนนั้นได้หรอก แล้วเธอก็ต้องปล่อยมือจากคุณแล้ว ถ้าเป็นแบบนั้นเธอคงไม่ต้องมาตายแถมหาร่างไม่เจอแบบนี้แน่”เซร่าตีหน้าเห็นอกเห็นใจมีเมตตาและปลอบคุณนายลอยล์ “อย่าเพิ่งหมดหวังสิคะ คุณลอยล์ก็แค่หายตัวไปเท่านั้น ตราบใดที่เรายังหาร่างเธอไม่เจอก็จะรีบสรุปว่าเธอตายแล้วไม่ได้หรอก”ซิดนีย์มีท่าทีขัดเคือง “แต่มันตั้งสี่ปีเต็มแล้ว น้องสาวฉันหายไปสี่ปีแล้วนะ ถ้าเธอไม่เกิดอุบัติเหตุอะไรเลวร้ายทำไมเธอถึงไม่กลับมาบ้านล่ะ?”เจย์รู้สึกเหมือนหูจะระเบิดและสีหน้าของเขาก็
เซร่าและซิดนีย์มองกันด้วยสีหน้าตื่นตระหนก แต่พวกเธอก็กลับมานิ่งสงบได้อย่างรวดเร็วเพราะคิดว่าอย่างไรเสียเด็กหนุ่มก็ไม่มีทางรู้ความจริงเจย์จ้องมองเด็กหนุ่มเขม็ง “นายบอกว่าพวกเขาโกหก แสดงว่านายมีหลักฐานใช่ไหม?”ซิดนีย์เยาะและบอกว่า “เจย์คะ เขาก็เป็นแค่เด็กไม่รู้หัวนอนปลายเท้า เขาจะมารู้เรื่องระหว่างคุณกับโรสได้ยังไงกัน?”เจย์มองเด็กหนุ่มผู้ที่จู่ ๆ ก็เงียบไป ริมฝีปากเซ็กซี่ของเขาโค้งเป็นรอยยิ้นหยันตัวเองเขาอยากที่จะหาข้อตัวให้กับแองเจลีนแทบขาดใจ แม้ว่าจะมีช่องทางเพียงเล็กน้อยเขาก็ไม่รีบคว้าไว้แล้วก็คาดหวังเต็มที่ตอนที่เจย์เกือบจะเชื่อแล้วว่าเด็กหนุ่มนั้นก็แค่เพียงอยากจะสร้างเรื่องป่วนเท่านั้น เด็กคนนั้นก็พูดต่อว่า “มันเป็นความจริงที่ว่าโรส ลอยล์เป็นคนโง่เง่า แล้วก็เป็นเรื่องจริงที่คุณแต่งงานกับโรสลอยล์ แต่ว่า…”เด็กหนุ่มหยุดพูดเซร่าคิดว่าเด็กคนนี้ไม่ได้มีข้อมูลอะไรที่มีน้ำหนัก เธอรู้สึกว่าเขาก็แค่มาป่วนสร้างปัญหาเท่านัั้น ดังนั้นเธอจึงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ไอ้หนู อย่าเข้ามาพูดแทรกเลย ถ้าพูดออกมาให้ดังชัดถ้อยชัดคำไม่ได้”เจย์ตวาดเซร่าอย่างฉุนเฉียว “หุบปากเธอไปซะ”เซร่ารู้สึก
หลังหยุดไปครู่หนึ่ง เขาก็พูดต่อว่า “นั่นคือร่างของโรส แต่วิญญาณของแองเจลีน”ใบหน้าหล่อเหลาของเจย์ฉายแววสับสนเล็กน้อย “นายหมายถึง… แองเจลีนย้ายเข้ามาอยู่ในร่างโรสเหรอ?”เด็กหนุ่มพยักหน้า “เพราะแบบนั้นโรสที่เป็นคนโง่ทึ่มถึงได้กลายมาเป็นแฮกเกอร์มือฉมังได้”เซร่าปรบมือแล้วหัวเราะเยาะเขา “ทฤษฎีของเธอมันน่าสนใจนะเจ้าหนู ฉันคิดว่านายน่าจะอ่านนิยายแฟนตาซีมากเกินไปหน่อย ถึงได้มีความคิดพิลึกพิลั่นแบบนี้ แต่นายก็พลาดเรื่องนี้ไปหลายจุด แองเจลีนไม่ได้ตายในอุบัติเหตุแล้วโรสเองก็ไม่ได้ตาย ทั้งสองคนเคยมาให้เราเห็นทั้งคู่”เด็กหนุ่มถามต่อ “แล้วคุณเคยเห็นเขาทั้งสองคนปรากฏตัวพร้อมกันบ้างไหม?”เซร่าตอบคำถามนี้ของเขาไม่ได้เด็กหนุ่มพูดต่อ “ช่วงเจ็ดปีแรกหลังเกิดอุบัติเหตุ เธอก็เป็นโรส ลอยล์ ส่วนห้าปีหลังเธอก็เป็นแองเจลีน เซเวียร์”เจย์รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาก่อนที่จะถาม “แล้วนายรู้ได้ยังไง?”“หลังจากที่โรสทำลายใบหน้าของเธอไป เธอก็จ้างหมอศัลยกรรมให้ทำหน้าของเธอให้เป็นใบหน้าของแองเจลีน”เด็กหนุ่มสามารถปะติดปะต่อเรื่องราวได้อย่างชัดเจนแต่ว่าเรื่องที่สมบูรณ์นี้กลับดูมีความแฟนตาซีเหนือจริง แล้วก็ฟังดูไม่
เมื่อเจย์และเจนสันเดินออกมาจากวิลล่า ซิดนีย์และเซร่าก็รีบตามออกมาโดยทั้งสองต่างก็มีเจตนาแอบแฝงซิดนียบอก “เจย์คะ เรื่องการย้ายวิญญาณแล้วก็มาเกิดใหม่ในโลกอะไรนี่ มันเป็นเรื่องตลกชัด ๆ”เซร่าเสริม “เจนสันยังเด็กอยู่ เขาก็เลยใสซื่อแล้วก็เชื่อเรื่องแปลกประหลาดทุกอย่างถ้าแองเจลีนล้างสมองเขาด้วยเจตนาที่ชั่วร้ายอย่างนั้น คุณจะถือคำพูดของเจนสันเป็นจริงเป็นจังไม่ได้นะ”เจย์กัดฟันกรอดก่อนตะคอก “ผมไม่รู้ว่าเจนสันโกหกผมไหม แต่ที่ผมรู้ก็คือพวกคุณโกหกผมแน่นอน พวกคุณใส่ร้ายแองเจลีนว่าทำร้ายลูกชายของผม เพราะฉะนั้นไสหัวไปซะ”ทั้งเซร่าและซิดนีย์ต่างก็ตัวสั่นด้วยความกลัวเมื่อเจอพายุอารมณ์รุนแรงที่ก่อเกิดจากโทสะของเขาซิดนีย์พูดตะกุกตะกัก “เจนส์กลับมาแล้วก็จริง แต่ว่าร็อบบี้น้อยล่ะอยู่ไหน?”เจย์หยุดชะงัก… ด้วยเหตุผลบางอย่า่ง เขารู้สึกว่าไม่สบายใจอย่างมากเมื่อได้ยินชื่อของร็อบบี้น้อยเซร่ารีบคว้าโอกาสแล้วใส่สีใส่ไข่เพื่อให้เรื่องไปใหญ่โต “ทั้งแองเจลีนและโคลต่างก็เป็นคนอันตราย เจย์คะ พวกเขานำหายนะมาให้ตระกูลอาเรสซึ่งนี่เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ บางทีการหายตัวไปของร็อบบี้น้อยอาจจะเกี่ยวข้องกับโคล ยอ
รถเกราะยังคงเผาไหม้อยู่ท่ามกลางกองไฟจนรถร้อนระอุเจย์และเทมเพสต่างก็ไม่สามารถที่จะบังคับพวงมาลัยรถได้อีกต่อไป ในที่สุดรถเกราะก็เสียการควบคุมและหลุดออกมาจากกองเพลิงพวกเขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อควบคุมรถ แต่มันก็เป็นความคิดลม ๆ แล้ง ๆ จากที่ฟากของเขาเพราะทันใดนั้นเองก็มีเสียงปืนดังขึ้นมาจากทางเบื้องหลัง กระสุนกระทบนอกตัวรถ ทำให้เกิดเสียงดังสนั่น โชคดีที่กระจกของรถนั้นกันกระสุน ดังนั้นกระสุนส่วนมากก็กระทบกระจกรถแต่เจาะเข้ามาไม่ได้ตอนนั้นเองก็มีชายใส่สูทสีขาวถือปืนสไนเปอร์โผล่มาจากด้านหลัง กระสุนจากปืนที่ชายคนนั้นยิงสามารถเจาะเกราะของตัวรถได้…เมื่อเห็นว่ากระสุนกำลังจะยิงถูกเจย์ เทมเพสก็พุ่งเอาร่างของตนเข้ามาบังกระสุนไว้แม้เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเขาโดนยิง แต่เทมเพสก็ยังคงยิ้มกว้าง “ไม่ต้องห่วงผมหรอกครับ นายท่านอาเรส ผมใส่เสื้อกันกระสุนอยู่เจย์จับเทมเพสที่กำลังจะหมดสติไว้แล้วสั่งเขาว่า “ห้ามตายนะเทมเพส นายต้องมีชีวิตอยู่ต่อนะ”เจย์เองก็บาดเจ็บเช่นกันจากการโดนกระแทกนับครั้งไม่ถ้วนและนอนกองอยู่บนพื้นรถเกราะ ตอนที่เขากำลังเฉียดตาย จู่ ๆ เขาก็รู้สึกตื่นตระหนก“ฉันเริ่มที่จะเสียใจแล้ว เทม
กลายเป็นว่าภรรยาของเขาก็คือ แองเจลีน เซเวียร์ และเธอก็ย้ายร่างมาเมื่อได้ข้อสรุปเช่นนี้มาแล้ว เจย์ก็หายใจดังเฮือกแล้วก็ล้มลงนอนกับพื้น“นายท่านอาเรสคะ?”เซร่ามองเจย์ที่จู่ ๆ ก็หมดสติลงไป ทันใดนั้นรอยยิ้มเล่ห์ร้ายก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเธอ“พระเจ้าเข้าข้างฉันจริง ๆ พอคุณตื่นมาหลังจากที่งานประชุมผู้ถือหุ้นวันพรุ่งนี้จบลง ทุกอย่างก็คงตัดสินกันเบิดเสร็จเรียบร้อยไปแล้วเซร่าส่งเจย์ไปที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่เป็นของตระกูลเบลและขอให้หมอฉีดยาสลบให้เจย์ เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะไม่มีทางตื่นขึ้นมาภายใน 24 ชั่วโมงนี้แน่เวลาค่ำคืนก็คืบคลานมาอย่างช้า ๆและพระอาทิตย์ก็ค่อย ๆ โผล่พ้นขอบฟ้าการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีของแกรนด์ เอเซียกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วที่ซีคามอร์ แอนเน็กซ์ในเมืองนางแอ่นแองเจลีนนอนขดตัวอยู่บนเตียง เธอมองไปท้องฟ้ากระจ่างนอกหน้าต่างด้วยดวงตาคู่สวยสะกดใจแต่นัยน์ตาดำก็ดูฝ้าขุ่นทันใดนั้นแองเจลีนก็ร้องเรียกเซย์นด้วยเสียงอ่อนแรง “เซย์น”แม้ว่าเสียงของเธอจะเบาระโหยโรยแรงแต่ก็ยังดังให้เซย์นได้ยิน เขารีบพุ่งตัวมาที่ห้องของน้องสาวในทันใด“เธอเรียกหาฉันเหรอ แองเจลีน?” เซย์นดีอกดีใ
บรรดาผู้ถือหุ้นของแกรนด์ เอเซีย เบล เอนเตอร์ไพรส์ที่เข้าร่วมการประชุมวันนี้นั้นรวมถึงประธานคนก่อน สตีเฟน และแสตนลีย์ เบล รวมถึงผู้สืบทอดรุ่นต่อไป ฌอน เบล, แนนซี่ เบล และเซร่า เซเวียร์ขณะที่ไททัส เอนเตอร์ไพรส์ ผู้ถือหุ้นที่มาเข้าร่วมคือ โยเซมิตี ไททัสประธานคนก่อน ฮิโรชิ ไททัส ประธานคนปัจจุบัน และตัวแทนผู้ถือหุ้น ยูมิ ไททัสส่วนผู้ที่เข้ามาเป็นตัวแทนร่วมประชุมของแกรนด์ เอเซีย อาเรส เอนเตอร์ไพรส์คือ จีน อาเรส ผู้ถือหุ้นหลักคุณท่านอาเรสรวมถึงแจ็คและพี่น้องที่มาร่วมประชุมด้วยยังมีตัวแทนผู้ถือหุ้นจากบริษัทที่ไม่มีชื่อเสียงอีกมากมายเรียกได้ว่าจำนวนของผู้มาร่วมประชุมปีนี้นั้นมีมากเป็นประวัติการณ์เลยทีเดียวเมื่อบรรดาผู้ถือหุ้นทุกคนต่างก็นั่งประจำที่ ก็มีบางคนที่กล่าวทำลายบรรยากาศขึ้นมาว่า “นี่ก็ผ่านมาห้านาทีแล้ว ทำไมประธานเซเวียร์ถึงยังไม่มาอีก? เป็นไปได้ไหมว่าท่านประธานจะยังไม่หายจากอาการป่วย?”เกรย์สันยืนอยู่ที่แท่นสำหรับกล่าวหน้าที่ประชุมด้วยสีหน้าจริงจังขณะที่สมาชิกทีมภูตผีซึ่งสวมสูทพร้อมอาวุธก็ต่างยืนเรียงเป็นแถวอยู่ทั้งสองข้างของเวทีแม้ว่าแกรนด์ เอเซียจะเตรียมจัดการประชุมผู้ถื
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ