“เจ้า...”ถูกฉินอวิ๋นฟานเยาะเย้ย ฉินอวิ๋นคังหัวฟัดหัวเหวี่ยงหน้าเขียว เขาอยากโต้ตอบมาก แต่คำพูดมาถึงลูกกระเดือกแล้วจำต้องกลืนกลับลงไป เพราะฮั่วจื้อจวินที่อยู่ด้านข้างกระตุกชายเสื้อเขารัว ๆ นี่ไม่ใช่การส่งสัญญาณลับแล้ว แต่เป็นการบอกโต้ง ๆ และบ้าคลั่ง“พี่ใหญ่ ว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน รอคำตอบสุดท้ายจากฉินอวิ๋นคัง ตอนนี้เขามีวิธีเล่นงานฉินอวิ๋นคังถมเถ ขอเพียงอีกฝ่ายไม่ยอมลงหัว ฉินอวิ๋นฟานก็จะงัดสารพัดวิธีออกมาให้อีกฝ่ายหมอบราบคาบแก้วฉินอวิ๋นคังพูดด้วยท่าทางโอหัง “ฮึ! สามหมื่นเท่านั้น มากกว่านี้ไม่ได้ ไม่งั้นไม่ต้องมาพูดกัน!”“ตกลง! พี่ใหญ่ยอมให้ถึงขนาดนี้แล้ว ข้าก็ไม่เอาเรื่องนี้ให้ได้อีก”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มน้อย ๆ เผยอารมณ์กระหยิ่มใจ เขารู้ดีว่าแตกหักกับฉินอวิ๋นคังตอนนี้คือการเลือกที่โง่เขลาสิ้นดี ดังนั้นที่ทำได้ในตอนนี้ก็คือกอบโกยผลประโยชน์จากฉินอวิ๋นคังสักหน่อยได้ทหารที่ผ่านการฝึกอบรมอย่างมีระเบียบสามหมื่นคนฟรี ๆ ถือเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่าที่สุด ไม่เพียงไม่ทำให้ฉินอวิ๋นคังโมโห ทั้งยังบั่นทอนกำลังเขาได้ด้วย สมบูรณ์แบบมาก!กล่าวจบ ฉินอวิ๋นฟานฉีกกระดาษแถบต่อหน้าทุกคนเป็น
“ไอ้หยา! เสด็จน้าสิบสาม ท่านอย่าร้องไห้เลย!”ฉินอวิ๋นฟานทนไม่ได้ที่สุดก็คือผู้หญิงร้องไห้ พอเห็นเหลียงจื่อฝูร้องไห้เสียใจต่อหน้าเขาเช่นนี้ก็พาลให้รู้สึกสงสาร ทำอะไรไม่ถูกชั่วขณะ เก้ ๆ กัง ๆ ไปหมดเขารีบปลอบประโลม “เสด็จน้าสิบสาม เสี่ยวฟานสำนึกผิดแล้ว สำนึกผิดแล้วจริง ๆ ยังไม่ได้อีกหรือ? คราวหน้าข้าต้องไปหาท่านก่อนแน่ ดีหรือไม่?”“คราวหน้า เจ้ายังกล้ามีคราวหน้าอีก?”เหลียงจื่อฝูถลึงตาใส่ฉินอวิ๋นฟานทีหนึ่ง ครั้งนี้ทำนางตกใจขวัญหายไปหมดแล้ว ขืนยังมีครั้งต่อไป นางไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้วจริง ๆ“ได้ ๆ ๆ เสด็จน้าสิบสามพูดมีเหตุผล ต่อไปเสี่ยวฟานจะไม่มีคราวหน้าอีก ไม่ว่าเรื่องอะไรจะต้องรายงานต่อเสด็จน้าสิบสามก่อนเลย ได้หรือยัง?”เพื่อปลอบใจเหลียงจื่อฝู ฉินอวิ๋นฟานรีบโอ๋นาง ไม่ว่าอย่างไร เหลียงจื่อฝูก็คือญาติสนิทคนหนึ่งของเขาบนโลกใบนี้ ถึงฉินอวิ๋นฟานจะไม่สนิทสนมกับนางมากนัก แต่จะไม่ดูเบาการมีตัวตนของเหลียงจื่อฝูเด็ดขาด“เจ้าเด็กนี่ ครั้งนี้น้าสิบสามจะให้อภัยเจ้า ครั้งหน้าไม่ละเว้นเด็ดขาด!”เหลียงจื่อฝูสงสารฉินอวิ๋นฟานมาก อายุอานามน้อย ๆ ก็ต้องพยายามสุดชีวิตอย่างนี้แล้ว อยู่ในต้าเฉียนตามล
“ฮั่วจื้อจวิน นี่มันยังไงกันแน่? ทำไมฉินอวิ๋นฟานถึงไม่ตายเล่า?!”ฉินอวิ๋นคังสีหน้าบึ้งตึงมองฮั่วจื้อจวินและเอ่ยถามเสียงแข็ง“ข้า ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ข้าเห็นกับตาว่าเขาถูกเริ่นอู่ซัดตกหน้าผาไปแล้ว ใครจะไปคิดว่าเขายังไม่ตายเล่า เขาคิดไม่ตกจริง ๆ!”ฮั่วจื้อจวินตอบคำถามทั้งหน้าตาละเหี่ยใจ“เช่นนั้น เช่นนั้นทำไมเมื่อครู่เจ้าถึงทำอย่างนั้นล่ะ? ทำไมต้องรับปากเงื่อนไขของฉินอวิ๋นฟานด้วย เพราะอะไร?!”ฉินอวิ๋นคังรู้ว่านี่คือปริศนา ถือสาเอาความต่อไปก็ไร้ความหมายจึงได้แต่ลบออกจากหัวสมอง เขารับไม่ได้จริง ๆ!”“เฮ้อ!”ฮั่วจื้อจวินถอนหายใจแรง ๆ ทีหนึ่ง เขาส่ายหน้าพูด “องค์ชายใหญ่ เมื่อครู่ท่านยังดูสภาพการณ์ไม่ออกหรือ?”“หือ? ดูสภาพการณ์ไม่ออก?”ฉินอวิ๋นคังหน้าเย็นชา ขมวดคิ้วมุ่น“องค์ชายใหญ่ ท่านไม่คิดว่าทุกถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานในตอนนั้นคือส่วนหนึ่งในแผนการของเราหรือ?”ฮั่วจื้อจวินพูดหน้าตาขมขื่น “ด้วยนิสัยของฉินอวิ๋นฟาน ท่านคิดว่าเขาเป็นพวกที่ยอมเสียเปรียบหรือ? ท่านคิดว่าถ้าเขาไม่บรรลุเป้าหมายจะยอมรามือหรือไม่?”“ฮึ! แล้วจะยังไง? ข้าฉินอวิ๋นคังกลัวมันรึ?!”ฉินอวิ๋นคังยังทำหน้าบึ้งเหมือ
ในจวนเจ้าเมืองอู่โจว ฉินอวิ๋นฟานนั่งสง่าอยู่บนตำแหน่งหลัก หลิวเป้ย หานซิ่นและผู้ติดตามจงรักภักดีที่เหลือเรียงแถวอยู่ทางซ้ายและขวา หน้าตาจริงจัง!“เรียนรัชทายาท สมาชิกราชวงศ์แคว้นต่าง ๆ ที่เราปฏิเสธความร่วมมือไปเมื่อก่อนหน้านี้ขอเข้าพบขอรับ!”หลิวเป้ยก้าวออกมาจากแถว กล่าวรายงานด้วยความเคารพ“อื่ม พวกเขามาเร็วกว่าที่ข้าคิดมากเลยนะ”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มมุมปาก พูดอย่างมั่นใจ “เจ้าบอกกับพวกเขา พรุ่งนี้ข้าจะพบพวกเขาที่เครือเหิงไท่ มีธุระอะไรค่อยว่ากันพรุ่งนี้เถอะ”“ขอรับ!”“จริงสิ ลิ่งหูเสี่ยวล่ะ? ข้าไม่เจอเขามานานมากแล้ว เขาล่ะ?”ฉินอวิ๋นฟานมองดูรอบ ๆ กลับไม่เห็นเงาร่างของลิ่งหูเสี่ยว ตอนนี้เข้ากลางฤดูใบไม้ร่วงไปทุกที ตามหลักตอนนี้น่าจะถึงช่วงเก็บเกี่ยวแล้ว“มาแล้ว ๆ ๆ!!!”ครั้นฉินอวิ๋นฟานพูดจบ ลิ่งหูเสี่ยวก็วิ่งพรวดเข้าห้องโถงใหญ่ด้วยความเร่งรีบเห็นลิ่งหูเสี่ยวเนื้อตัวมอมแมมฝุ่นเขลอะ ฉินอวิ๋นฟานจะหัวเราะก็ไม่ใช่จะร้องไห้ก็ไม่ได้ เจ้าหมอนี่บ้างานจริง ๆ อย่างไรก็เป็นขุนนางราชสำนักระดับสี่ กลับมีสภาพดูไม่จืดเช่นนี้“ลิ่งหูเสี่ยว เจ้า เจ้าคงไม่ได้กลับมาจากที่นาหรอกนะ?”ฉินอวิ๋นฟานรีบถา
“ลิ่งหูเสี่ยว ท่านแน่ใจหรือว่าไม่ได้บันทึกตัวเลขผิดน่ะ? ที่ดินหนึ่งหมู่ผลิตได้หนึ่งพันสองร้อยกว่าชั่ง? ไม่ใช่หนึ่งร้อยยี่สิบชั่ง? จะอุปโลกน์เกินจริงไม่ได้เด็ดขาดนะ!”หลิวเป้ยสะกดความระทึกใจ กล่าวยืนยันอีกครั้ง เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงส่วนรวม ทันทีที่เกิดช่องโหว่รูใหญ่ จะส่งผลต่อแผนงานก้าวต่อไปของพวกเขามาก“เจ้าเมืองหลิว ท่านก็รู้จักข้าดี ถ้าผลิตได้หมู่ละหนึ่งร้อยยี่สิบชั่ง ท่านคิดว่าข้าจะดีใจขนาดนี้หรือ?”ลิ่งหูเสี่ยวเอ่ยจริงจัง “หมู่ละหนึ่งพันสองร้อยกว่าชั่งเป็นแค่ค่าเฉลี่ยนะ ท่านเชื่อหรือไม่ พื้นที่อุดมสมบูรณ์ยังจะผลิตได้ถึงหนึ่งพันห้าร้อยชั่งแน่ะ!”ซี้ด...เมื่อได้รับคำตอบยืนยันจากลิ่งหูเสี่ยว ทุกคนต่างสูดลมเย็นเข้าปอด ปริมาณการผลิตน่ากลัวเช่นนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึงยิ่งนัก มีเพียงฉินอวิ๋นฟานที่สีหน้าเรียบนิ่ง ไม่รู้สึกแปลกใจเลยสักนิดนับจากฉินอวิ๋นฟานรับช่วงเมืองจัวอันเละเทะนี้มา เขาก็เตรียมฟื้นฟูเมืองจัวแล้ว ตามการพัฒนาการเกษตรในท้องที่เมืองจัวและจุดได้เปรียบ ฉินอวิ๋นฟานแอบทำเมล็ดข้าวข้ามสายพันธุ์ลับ ๆ จำนวนหนึ่งในสมัยโบราณ ที่นาจะอยู่ในกำมือของคหบดีที่ดิน พวกเขาให้ชาวบ้านทั
“รัชทายาทโปรดวางใจ นี่ไม่เพียงแต่เป็นทิศทางนโยบายที่ท่านกำหนด แต่เป็นเป้าหมายความอุตสาหะของพวกเราในชาตินี้ด้วยขอรับ!”ลิ่งหูเสี่ยวรู้สึกพอใจยิ่งกับผลงานดีเด่นตลอดหลายเดือนที่ผ่านมานี้ รู้สึกประสบความสำเร็จอย่างหนึ่ง นี่ก็คือปณิธานตั้งแต่วัยเยาว์ตลอดจนเติบใหญ่ของเขา“ดี ดีมาก!”ฉินอวิ๋นฟานพอใจกับการทำงานของทุกคนในหลายเดือนนี้มาก หลิวเป้ย หานซิ่น ลิ่งหูเสี่ยว เสิ่นวั่นซานและคนอื่น ๆ บรรลุแผนงานที่เขาวางเอาไว้ทั้งหมดบัดนี้ นอกจากประชาชนจะได้อยู่ดีกินดี อาณาจักรธุรกิจของเขาก็ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างตามลำดับถัดจากนี้ก็คือขยายในระดับโลก อย่างไรการต่อสู้กับพี่ใหญ่และพี่รองก็คือเรื่องขี้ประติ๋ว เขาต้องการจัดวางทั้งโลก ใช้วิธีการอันทันสมัยของเขาสร้างความแตกต่างอันโดดเด่น ปฏิวัติโลกใบนี้!หลิวเป้ยแจงรายละเอียดต่าง ๆ กับทุกคนจนถึงช่วงกลางวันจึงจะยุติ ฉินอวิ๋นฟานที่อาการบาดเจ็บยังไม่หายดีอ่อนล้าทั้งกายและใจตอนนี้เอง จู่ ๆ เขาก็มองไปทางเซียวหยางและพูดขึ้นว่า “เซียวหยาง เจ้าประกาศออกไปทันที แขวนหัวของจางหมาจื่อกับหลัวเทียนเป้าไว้ตรงประตูเมืองทิศใต้ ให้ใต้หล้าได้เห็น!”“รับทราบ!”เซียวหยางกำ
เมื่อเยียนอวี่เฉินได้ยินก็สับสนงงงวย นางพอรู้เรื่องอาวุธลับอยู่บ้าง แต่จากสถานการณ์ที่ผู้ใต้บังคับบัญชารายงาน กลับทำให้นางรู้สึกสมองสับสนไปหมด นางถามต่อ “อาวุธลับที่เจ้าว่ามันคืออาวุธลับอะไรกันแน่? เหตุใดถึงมีพลังทำลายล้างน่ากลัวเช่นนั้น?”“องค์หญิงสาม ดู ดูเหมือนว่าอาวุธลับนั่นจะมีชื่อเรียกว่าเอเคสี่สิบแปดขอรับ โจมตีได้ไกลและเร็วยิ่งกว่า ยิงทะลุชุดเกราะของทหารในพริบตา พลังการทำลายล้างน่าทึ่งมากเลยขอรับ!” อีกฝ่ายพูดทั้งหน้าตาขื่นขม “ทหารเกือบห้าหมื่นของเราเข้าใกล้ตัวพวกเขาไม่ได้ก็ถูกฆ่าไปกว่าครึ่งแล้ว พอทหารเสียขวัญก็ถูกกวาดล้างอยู่ฝ่ายเดียว แม้สุดท้ายจะมีทหารบางคนสู้ตายแต่ก็ฆ่าคนของฉินอวิ๋นฟานได้แค่ไม่กี่สิบคนเท่านั้นขอรับ”“เอ่อ...”เยียนอวี่เฉินในตอนนี้มุมปากกระตุกรัว ๆ หรือว่าใต้หล้านี้ยังมีอาวุธลับที่น่ากลัวและมีพลังทำลายล้างน่าทึ่งเช่นนี้อยู่จริง? ทั้งสามารถเอาชนะขาดลอยได้ในสถานการณ์ที่สามพันคนสู้กับสี่หมื่นกว่าคน ตีพวกเขาจนแตกพ่าย? นี่จะน่ากลัวเกินไปแล้วกระมัง?“หลัวเทียนเป้านี่ยังไงกันแน่? ข้ากำชับแล้วไม่ใช่หรือ? ห้ามเขาเข้าร่วมการต่อสู้เด็ดขาด ทำไมยังไปโผล่ที่นั่นได้อีก?
ห้องทรงพระอักษร วังหลวงต้าเยียน!“ฝ่าบาท แม่ทัพผู้เฒ่าหลัวมาขอเข้าเฝ้าเร่งด่วนพ่ะย่ะค่ะ...”เยียนจ้านเทียนกำลังตรวจอ่านฎีกา จู่ ๆ ขันทีเฒ่าก็ค้อมตัวรายงานเยียนจ้านเทียนบ่อน้ำโบราณไร้คลื่น สีหน้าเรียบนิ่ง เขาวางพู่กันในมือลงอย่างเบามือก่อนจะเคาะโต๊ะตรงหน้าและพูดว่า “อื่ม ให้เขาเข้ามาเถอะ!”ตุบ...“ฝ่าบาท ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ต้องคืนความเป็นธรรมให้กระหม่อมนะ ต้องคืนความเป็นธรรมให้กระหม่อมนะพ่ะย่ะค่ะ!”แม่ทัพใหญ่พิทักษ์แดนหลัวอิงสงแห่งราชวงศ์ต้าเยียนเดินเร็วเข้ามาในห้องทรงพระอักษรก็คุกเข่าลงตรงหน้าโต๊ะทรงงาน เขาน้ำตานองหน้า ทุกข์ระทมไม่ปรารถนาอยู่ต่อเมื่อเห็นเช่นนี้ เยียนจ้านเทียนขมวดคิ้วน้อย ๆ แต่ไม่นานก็กลับสู่ปกติ เขาเอ่ยปากเนิบนาบ “แม่ทัพหลัว ท่านลุกขึ้นมาก่อน มีอะไรพูดกันดี ๆ”หลัวอิงสงสองตาแดงก่ำ ทั่วสรรพางค์กายแผ่กลิ่นอายสังหาร ทันทีที่เขารู้เรื่องที่บุตรชายถูกสังหาร ทั้งยังถูกฉินอวิ๋นฟานแขวนศีรษะไว้บนกำแพงเมือง นี่คือการหยามเกียรติกันชัด ๆ คือการฉีกหน้า ก็เดือดดาลถึงขีดสุด แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้นต้าเยียนคือแคว้นใหญ่อันดับหนึ่งของโลก เคยรับความอัปยศเช่นนี้ตั้งแ
“เอ่อ... แต่เพียงแต่ข้าที่กังวลเช่นนี้ เกรงว่าทุกคนก็คงมีความกังวลนี้เหมือนกันกระมัง? อย่างไรเสีย ของอย่างบัญชีก็สามารถปลอมแปลงได้”เห็นฉินอวิ๋นฟานพูดตามตรง ฉินอวิ๋นฮุยจึงไม่อ้ำอึ้งอีก การยกเรื่องไม่ดีมาพูดแต่แรกมิใช่เรื่องน่าอายอันใด เพราะมันเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของพวกเขา เขาไม่อยากถูกฉินอวิ๋นฟานหลอก!“ฮ่า ๆ ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานลั่นเสียงหัวเราะทันที “พี่รองทำงานรอบคอบดังคาด น้องเจ็ดเลื่อมใส แต่ท่านคิดมากไปแล้ว ถ้าต้องดูแลเมืองการค้าสามเมือง คนของข้าไม่มีทางพอ ถ้าพวกท่านไม่ส่งคนมาช่วยงาน ข้าคงทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ”“อ้อ? น้องเจ็ดพูดจริงรึ?!”เมื่อนั้นหัวใจที่ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของฉินอวิ๋นฮุยจึงสงบลง หากเขาสามารถให้คนเข้าร่วมอยู่ในเมืองการค้าทั้งสามเมืองได้ เช่นนั้นเขาจะวางใจได้แล้ว เพราะจะรับประกันผลประโยชน์ของเขาได้ทั้งหมด!“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านวางใจได้เลย ระหว่างพวกเราพี่น้องแม้เป็นคู่ต่อสู้กัน แต่ต่อหน้าผลประโยชน์ของบ้านเมือง พวกเราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง มีเพียงเช่นนี้ต้าเฉียนเราจึงจะเฟื่องฟูได้นิรันดร์”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ดังนั้นในเรื่องการค้า เครือเหิงไท่จะรับผิดชอบกิจการหลักท
ฉินอวิ๋นฟานกล่าวอย่างจริงจัง “ต่อให้ใครกล้ามีความคิดส่วนตัวก็เปล่าประโยชน์ เพราะพวกเราต้องร่วมกันทำงาน หากไม่อยากเสียเมืองไป ไม่อยากตาย ทหารทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือ เป็นหนึ่งเดียวสู้กับภายนอก”“ดี ดีมาก ความคิดนี้ไม่เลว!”เมื่อฉินอวิ๋นฟานกล่าวออกมา ไท่ซั่งหวงรู้อยู่แล้วว่าฉินอวิ๋นฟานต้องทุ่มเทเพื่อแผนการนี้ มิเช่นนั้นจะไม่มีทางคิดแผนการสมบูรณ์แบบเช่นนี้ออกมาได้“อื่ม ไม่เลว!”ฉินอวิ๋นฮุยไม่ได้ดีใจกับแผนการสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของฉินอวิ๋นฟาน เพราะแม้เช่นนี้จะเป็นเรื่องดีต่อบ้านเมืองจริง หากไร้ประโยชน์อันใดต่อพวกเขา ในทางกลับกัน พวกเขายังจะกลายเป็นคนที่ถูกฉินอวิ๋นฟานใช้งานอีกด้วยพวกเขาส่งทหารรักษาเมือง ฉินอวิ๋นฟานกอบโกยกำไรอย่างบ้าคลั่ง คิดแล้วฉินอวิ๋นฮุยก็อยากตบหน้าตัวเองสักฉาด ลักไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวอีกหนึ่งกำมือโดยแท้!ทว่าไท่ซั่งหวงแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?ฉินอวิ๋นฟานรู้ความคิดของพวกเขาดี อีกอย่าง ถ้าครองผลงานเองในเวลานี้จะเป็นการเลือกที่ไม่ฉลาดเอามาก ๆ ฉินอวิ๋นฟานไม่ทำเรื่องเบาปัญญาเช่นนี้หรอก!โบราณกล่าว ตบหน้าฉาดหนึ่งต้องให้พุทราหวานหนึ่งลูก อีกฝ่ายส่งทหารม
ขณะนี้ ทั่วทั้งท้องพระโรงเงียบกริบ ถ้อยคำชวนให้คนมีจิตใจฮึกเหิมของฉินอวิ๋นฟานวนเวียนอยู่ในหัวของ แม้ไท่ซั่งหวงเองก็ยังตกตะลึงพรึงเพริดกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน!รัชทายาทวัยสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่ง ช่างเป็นชายชาตินักรบเลือดร้อนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน หากคนเช่นนี้เป็นจักรพรรดิ ไยต้องกลัวอนาคตต้าเฉียนจะไม่ศิวิไลซ์?“เกี่ยวกับการสร้างเมืองการค้าสี่แห่งในสี่ทิศของต้าเฉียน ทุกคนคัดค้านอย่างหนัก ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนมาก แต่ในเมื่อจะทำเรื่องนี้ ข้าก็ต้องยอมรับเสียงและความเห็นที่แตกต่าง ทุกคนว่ามาเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน มีแต่ต้องทำให้ทำคนยอมรับเรื่องนี้จากใจจริง เขาจึงจะยึดสิทธิ์ความเป็นผู้นำได้ มิเช่นนั้นต่อให้ใช้กำลังผลักดันเรื่องนี้ คนเหล่านี้ต้องเล่นตุกติกลับหลังเขาแน่ เช่นนี้มีแต่จะทำให้รำคาญดังนั้นฉินอวิ๋นฟานเตรียมตัวกับการคัดค้านและความคิดของทุกคนแต่แรกแล้ว ต้องการแค่โอกาสประจวบเหมาะหนึ่ง เพราะคนที่ป่วยเป็นโรคอิจฉาตาร้อนมีมากเหลือเกิน มีแต่ต้องคิดหาทางหยดยาดวงตาให้พวกเขาสักหน่อย จึงจะขจัดต้นตอของปัญหาได้ “นี่...”ผู้คนมากมายแน่นขนัดพูดไม่ออกสักคำ เพราะต่างมีความกังวลอยู่ในใจ ฉ
นาทีนี้ถังเจิ้นไห่ถูกโจมตีทำร้ายทางจิตใจอย่างหนัก ฉินอวิ๋นฟานปากคอเราะรายน่ากลัวจริง ๆ การโจมตีของเขารวดเร็วนัก เขาต้านทานไม่ไหวเลยเขาจนปัญญากับการโจมตีของฉินอวิ๋นฟานแล้ว ได้แต่ใช้สถานะข่มขู่ฉินอวิ๋นฟาน หวังว่าฉินอวิ๋นฟานจะหยุดโจมตีเขาน่าเสียดาย แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฟานก็ไม่ใช่คนใจบุญสุนทานอะไร และไม่เคยเป็นพวกยอมเสียเปรียบ หากมีคนโจมตีเขา ฉินอวิ๋นฟานจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด!ต้องถล่มอีกฝ่ายจนแพ้ราบคาบ นี่สิจึงจะเป็นเป้าหมายความเป็นคนของเขา และถังเจิ้นไห่ก็แตะเขตต้องห้ามของเขาพอดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานย่อมไม่ไว้หน้าเขา!ครั้นพวกฉินอวิ๋นฮุยเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็พากันมอบสายตาเห็นใจให้ถังเจิ้นไห่ พวกเขาเคยได้รับการสั่งสอนด้วยหมัดหนักจากฉินอวิ๋นฟานมานานแล้ว ในสถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย หากหาเรื่องฉินอวิ๋นฟานก็เท่ากับรนหาที่ตาย!ไท่ซั่งหวงและจางเต้าหลินฉายรอยยิ้มพึงพอใจ แม้ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานจะหยาบคายไม่รื่นหูไปบ้าง แต่สะใจยิ่งนัก! นักวางแผนร้ายเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง ถูกฉินอวิ๋นฟานฟาดกลับจนต้องสงสัยในชีวิต เด็ดสะระตี่แท้!“เกินไป? ตอนนี้ท่านรู้ว่าเกินไป? ตอนที่ท่านสาดน้ำคลำใส่
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน
“ได้!”ถังเจิ้นไห่พูดหน้าขรึม “ประการที่สองของความผิดร้ายแรงสามประการ รัชทายาทร่วมกันสร้างถนนกับแคว้นต่าง ๆ เรื่องนี้อึกทึกครึกโครมไปทั่ว ทันทีที่สร้างถนนที่กว้างยิ่งขึ้น การคมนาคมจะสะดวก คืออยากให้แคว้นรอบข้างรุกรานต้าเฉียนเราสะดวกยิ่งขึ้นหรือ? การกระทำเช่นนี้มิใช่แผนการล่มชาติแล้วมันคืออะไร?!”ซี้ด...เมื่อทุกคนได้ฟังต่างสูดลมเย็นเข้าปาก เกิดความสงสัยอย่างหนักกับจุดประสงค์ของฉินอวิ๋นฟาน ด้านหนึ่งมอบธัญพืช ด้านหนึ่งสร้างถนนกับทุกแคว้น จุดประสงค์จะชัดเจนเกินไปแล้วกระมัง?“ต่อ ประการที่สามเล่า!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มเรียบ เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะไปไกลขนาดไหน ช่างเป็นคนที่มีขอบเขตความรู้ความเข้าใจและวิสัยทัศน์โดยแท้ การกำหนดอนาคตของบ้านเมือง เป็นเช่นนี้ดังคาดหากให้พวกเฮ่อชินอ๋องเรืองอำนาจจริง ต้าเฉียนมิต้องจบเห่หรือ? ให้สวะพวกนี้ดูแลบ้านเมือง บ้านเมืองนั้นยังจะมีความหวังอะไร?พวกเขานอกจากจะมีความชั่วร้ายอยู่เต็มอก มีความคิดดำมืดอยู่เต็มสมอง ยังจะทำอันใดได้อีก?“หึ!”ถังเจิ้นไห่แค่นเสียงแล้วจึงเอ่ย “ประการที่สาม รัชทายาทร่วมมือกับแคว้นต่าง ๆ กีดกันต้าเยียน สังหารบุตรชายคนที่สี่ข
“อ้อ? ความผิดร้ายแรงสามประการของฟานเอ๋อร์? ไหนลองว่ามาดูสิ!”ไท่ซั่งหวงตั้งสมาธิ นึกสนใจขึ้นมาทันที อย่างลับ ๆ เขาให้ความสนใจกับพฤติกรรมของฟานเอ๋อร์มาก ไม่เคยได้ยินความผิดร้ายแรงสามประการอันใด เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะพูดอะไรความผิดร้ายแรงสามประการเสมือนระเบิดลูกใหญ่ ทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกขึ้นมา ยามนี้สายตาของทุกคนในที่นั้นต่างรวมศูนย์อยู่ที่ตัวของถังเจิ้นไห่“ประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการ ได้ยินว่ารัชทายาททำเมล็ดพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ขึ้นมา สามารถให้ผลผลิตสูงมาก เดิมนี่คือโอกาสดีที่สุดที่ต้าเฉียนเราจะแจ้งเกิด คิดไม่ถึงว่ารัชทายาทกลับมอบเมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูงให้กับแคว้นต่าง ๆ รอบข้าง ช่วยให้พวกเขามั่งคั่งมากขึ้น”ถังเจิ้นไห่กล่าวเสียงหนัก “ขอถามทุกท่านในที่นี้ พฤติกรรมเช่นนี้ของรัชทายาทคือกำลังช่วยเหลือศัตรูน่ากลัวของเราหรือไม่? พฤติกรรมเช่นนี้ของเขา คือการขายชาติหรือไม่?!”ตูม...ครั้นถังเจิ้นไห่กล่าวถ้อยคำนี้ออกมา บรรดาขุนนางต่างอึกทึกครึกโครม คนทั้งโลกต่างรู้เรื่องที่เมืองจัวเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์แทบทุกคน และเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานลงนามสัญญากับแคว้นต่าง ๆ ก็รู
“อื่ม! ดี!”ไท่ซั่งหวงเอ่ยเสียงหนัก “เช่นนั้นข้าขอประกาศอย่างเป็นทางการ แต่งตั้งหวังอันสือเป็นหัวหน้าสำนักศึกษาหลวง เจี่ยงฝานฝานเป็นรองหัวหน้า การรับตำแหน่งนี้มีผลอย่างเป็นทางการ หัวหน้าขันทีเฉา ร่างราชโองการเดี๋ยวนี้ ประกาศต่อใต้หล้า!”เมื่อเรื่องราวสิ้นสุดลง ใจที่กระวนกระวายของฉินอวิ๋นฟานก็สงบ เขามองจางเต้าหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง!ทว่าคนอื่น ๆ กลับมีความรู้สึกที่แปลกออกไป หลังจากหวังอันสือได้ขึ้นตำแหน่ง ทำให้พวกเขาตระหนักว่าสถานการณ์ในราชสำนักกำลังหลุดจากการควบคุมอย่างช้า ๆ ฉินอวิ๋นฟานกำลังจะครองราชสำนัก“เอาละ เรื่องสำนักศึกษาหลวงก็สิ้นสุดแล้ว แต่จะละเลยผลงานการไปเมืองอู่โจวของฟานเอ๋อร์ครั้งนี้ไม่ได้”ไท่ซั่งหวงกล่าวเสียงเข้ม “ฟานเอ๋อร์ไม่เพียงแต่ทำคำสัญญาเมื่อครึ่งปีก่อนสำเร็จ ยิ่งทำให้เศรษฐกิจต้าเฉียนเราพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ท้องพระคลังเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ พสกนิกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างช้า ๆ ทุกคนต่างเห็นความยอดเยี่ยมของฟานเอ๋อร์”“ฟานเอ๋อร์ ว่ามาเถอะ เจ้าอยากได้อะไรเป็นรางวัล? ขอเพียงสมเหตุสมผล ข้าจะให้เจ้าดังปรารถนา!”ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกดีใจมากที่
“...”‘ไม่ว่าจะเป็นใคร คนผู้นั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี’ ประโยคเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ถังเจิ้นไห่สยบ แม่งเอ๊ย เขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว หากเขามีความจำเป็นพูดออกมาไม่ได้!การเล่นเกมเลี่ยงบาลีของฉินอวิ๋นฟานทำให้แนวป้องกันของถังเจิ้นไห่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางต่างกัดฟันกรอด กลับทำอะไรไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานเฉกเช่นปลาหนีชิวลื่นไหลตัวหนึ่ง ทำอะไรเขาไม่ได้เลย!จางเต้าหลินที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงกับการกระทำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน เขาเคยเห็นคนหน้าด้าน กลับไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าหนาไร้ยางอายเช่นฉินอวิ๋นฟานมาก่อน หน้าไม่อายที่สุด!คนคนหนึ่งปั่นหัวเหล่าขุนนางใหญ่เป็นว่าเล่น โมโหโทโสจนร่ำไห้หาพ่อร้องหาแม่ กลับจนปัญญา ดูสีหน้าเขียวปัดของถังเจิ้นไห่ จางเต้าหลินกลั้นหัวเราะอย่างหนัก กลั้นจนภายในจะบอบช้ำแล้ว“เอาละ ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พอแค่นี้เถอะ!”ไท่ซั่งหวงเห็นว่าพอประมาณแล้ว จึงตัดสินเรื่องนี้ในที่สุด ได้แต่บอกว่าฟานเอ๋อร์ใช้ไหวพริบและผลลัพธ์ก็คือว่าเป็นที่น่าพอใจ“จางไท่เว่ย ในเมื่อมีสามตัวเลือก และทุกคนก็แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”ไท่ซั่งหวงไม่ได้ยอมรับคว