“แม้ฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวจะไม่ตั้งเงื่อนไขเช่นนี้ หม่อมฉันก็ยังจะใช้มันเป็นปณิธานเหมือนเดิมพ่ะย่ะค่ะ ต้องมุมานะทำให้ชาวต้าเฉียนได้แจ้งเกิด และเป็นชะตาในชีวิตนี้ของหม่อมฉัน ไม่โทษไม่เสียใจพ่ะย่ะค่ะ”ฉินอวิ๋นฟานถ่ายทอดจิตวิญญาณความฮึกเหิมออกไป สะเทือนใจทุกคนทันที เลือดร้อนพลุ่งพล่าน ถูกพลังแรงกล้าของเขาส่งมาถึง ในใจบังเกิดความเคารพยำเกรง!“ดี ต้องมุมานะทำให้ชาวต้าเฉียนได้แจ้งเกิด ดี ชะตาไม่โทษไม่เสียใจ!”ยามนี้เหมียวชิงอีกยากจะปกปิดความตื่นเต้นในใจ ยังไม่พูดถึงว่าฉินอวิ๋นฟานจะทำได้หรือไม่ แต่แค่จิตใจที่มีต่อบ้านเมืองดวงนี้ ท่าทีที่เห็นไพร่ฟ้าชาวประชาเป็นหน้าที่ของตนก็คู่ควรให้นางเหมียวชิงอีกยกย่องแล้ว“ราชสำนักต้าเฉียนไม่มั่นคง แคว้นเพื่อนบ้านคิดแผนการ หนึ่งปีก่อน ห้าเมืองที่ติดกับเมืองจัวถูกแคว้นเยียนยึดครอง บัดนี้เมืองจัวอยู่ในภาวะขอบขันล่มสลาย อาจถูกแคว้นเยียนกลืนกินได้ทุกเมื่อ”“ดังนั้นเงื่อนไขที่สองก็คือ หวังว่าในหนึ่งปีนี้ รัชทายาทจะสามารถคุ้มครองเมืองจัว รักษาเส้นทางชีวิตระหว่างแคว้นเหมียวกับต้าเฉียนเอาไว้ได้”“อ้อ? มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้ว หันไปมององค
“เจ้า เจ้า...”“โมโหชะมัด มันน่าโมโหชะมัด!!!”ถูกฉินอวิ๋นฟานตำหนิต่อหน้าธารกำนัล องค์ชายใหญ่โกรธจนหน้าแดงหูแดง หนวดจิ๋มสั่นระริกเขาเคยต้องรับกับความอัปยศเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร? แม้เสด็จพ่อยังอยู่พลานามัยแข็งแรง ก็ไม่เคยตำหนิเขาด้วยเรื่องนี้มาก่อนความปราชัยเมื่อหนึ่งปีก่อนเท่านั้น กลับถูกฉินอวิ๋นฟานยกมาหยามหน้า ในใจคับแค้นอย่างหาที่เปรียบมิได้“รัชทายาท ท่านเกินไปแล้วนะ!”ตอนนี้เอง ฮั่วเจิ้นหลงที่รักษาท่าทางชราภาพเดินเหินไม่สะดวกตลอดก้าวออกมาอีกครั้งเขาเอ่ยเสียงหนัก “สองแคว้นเปิดศึก เกี่ยวพันถึงส่วนรวม จะปฏิเสธเพราะคำพูดเดียวของรัชทายาทได้หรือ? นี่มิใช่แค่มีเลือดร้อนก็พอ หากเผอเรอนิดเดียว เกรงจะมีภัยล่มแคว้น ขอถามรัชทายาท ท่านจะรับผิดชอบไหวหรือ?”“ในฐานะที่เป็นชายชาติทหารคนหนึ่ง ไม่ใช่แค่การมุ่งมั่นรักษาดินแดน ยิ่งต้องปกป้องบ้านพิทักษ์เมือง หากใช้อารมณ์ทำงาน ทำให้กองทัพเราถูกตีพ่าย นี่มิต้องเสียดินแดนมากขึ้นกว่าเดิมหรือ?”“อย่างไรท่านก็ยังเด็กเกินไป การมองเรื่องราวจะมองแค่ผิวเผินไม่ได้ ต้องยึดส่วนรวมเป็นหลัก!”ฮั่วเจิ้นหลงมั่นใจเต็มเปี่ยม น้ำเสียงหนาหนักประดุจราชสีห์เพศผู้ เนื
ในเมื่อเจ้าฉินอวิ๋นฟานหาเรื่องกับทางองค์ชายใหญ่ก่อน เขาย่อมยินดีราดน้ำมันลงบนกองไฟ“เหลวไหลทั้งเพ นี่คือการใส่ร้ายอย่างเห็นได้ชัด ท่านพ่อตาข้าจงรักภักดีต่อราชวงศ์ต้าเฉียนทุกยุคทุกสมัย ทำศึกเหนือใต้ เพื่อต้าเฉียนเรียกได้ว่าทุ่มเทสุดกำลัง จะมีใจคิดกบฏได้อย่างไร? พวกเจ้าก็คือแบบฉบับของการใส่ร้ายผู้อื่น”องค์ชายใหญ่ราวกับถูกเหยียบหาง วาวโรจน์ปานอสนีพิฆาต โกรธเกรี้ยวสิบส่วนฉินอวิ๋นฟานเห็นสายตาร้อนรนขององค์ชายใหญ่จึงเอ่ยเสียงเย็น “ข้าคือรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินของต้าเฉียน ให้ความสนใจกับเรื่องกองทัพคือหน้าที่ในความรับผิดชอบของข้า แม่ทัพผู้เฒ่าฮั่วกลับไม่ไว้หน้าข้าสักนิด นี่มิใช่มีชนักติดหลังแล้วคืออะไร?”ฉินอวิ๋นฟานฉวยความเป็นต่อไล่โจมตี หาเรื่องต่อ เขากลับอยากดูสิว่าตาแก่นี่คิดจะทำอะไร ขนาดรัชทายาทก็ยังไม่ไว้หน้า ไร้กฎหมายไร้ฟ้าจริง ๆ วันนี้ต้องสั่งสอนเสียหน่อยแล้ว“ใครบอกว่ามีชนักติดหลัง...”องค์ชายใหญ่อธิบายต่อ แต่ถูกฮั่วเจิ้นหลงห้ามเอาไว้ เขายังคงพูดด้วยสีหน้าดังเดิม “รัชทายาทปากคอเราะรายดังคาด ไอ้แก่อย่างข้าเกือบจะหลงกลแล้ว”“รัชทายาท ไม่ว่าเรื่องใดล้วนให้ความสำคัญกับหลักฐาน ใ
ไม่มีใครรู้ซึ้งถึงน้ำหนักในคำพูดของฉินอวิ๋นฟานไปมากกว่าฮั่วเจิ้นหลงอีกแล้ว ในฐานะที่เป็นแม่ทัพคนหนึ่ง คือที่พึ่งพิงที่สุดของจักรพรรดิ และเป็นส่วนที่อ่อนไหวที่สุดของจักรพรรดิทันทีที่ถูกจักรพรรดิสงสัย ฆ่าล้างตระกูลอยู่ที่เวลาเท่านั้น ยามนี้เป็นช่วงสำคัญของการชิงบัลลังก์ จักรพรรดิองค์ใหม่จะขึ้นครองราชย์ในอีกไม่ช้า และท่าทีของเขาที่มีต่อฉินอวิ๋นฟาน จะทำให้องค์ชายองค์อื่น ๆ ระแวงเหมือนกัน ฮั่วเจิ้นหลงจึงเลือกประนีประนอมต่อหน้าธารกำนัลอย่างไม่ลังเลสักนิดเวลานี้ ทุกคนในที่นั้นต่างตกใจสุดขีด นี่คืออดีตเทพสงครามแห่งยุคของต้าเฉียนเชียวนะ ยกทัพจับศึก ไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตา สมัยที่อดีตฮ่องเต้ยังมีพระชนม์อยู่ เคยขนานนามฮั่วเจิ้นหลงว่าเทพนักรบอันดับหนึ่งแห่งต้าเฉียนกลับถูกรัชทายาทที่เป็นเด็กน้อยสยบ คุกเข่าลงต่อหน้าธารกำนัล“ท่านพ่อตา ท่าน ท่านคุกเข่าให้เจ้าโง่นี่ได้ยังไง?”ตอนนี้องค์ชายใหญ่หัวเสียอย่างยิ่ง ท่านพ่อตาเป็นใคร? ต่อให้เสด็จพ่อยังอยู่ก็ยังต้องไว้หน้าเขาบางส่วน จะก้มหัวให้ไอ้ขยะนี่ได้ยังไง?ในสายตาของเขา ฉินอวิ๋นฟานไม่ใช่อะไรทั้งนั้น ถึงจะเก่งหน่อยแล้วยังไง? สถานการณ์ของต้าเฉียนใ
แต่พวกเขาไม่เลือกก้าวออกมาในตอนนี้ เวลายังอีกยาวไกล พวกเขาไม่อยากล่วงเกินเหมียวชิงอีต่อหน้าทุกคน อย่างไรนางก็เป็นผู้ครองแคว้น มีฐานะอยู่“ฝ่าบาท เช่นนั้นเงื่อนไขข้อที่สามล่ะพ่ะย่ะค่ะ?”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มน้อย ๆ พลางพูดเหมียวชิงอีตอบ “อยากรู้เงื่อนไขข้อที่สาม ท่านต้องบรรลุสองเงื่อนไขแรกก่อน มิเช่นนั้นก็ไม่มีความจำเป็นต้องรู้เงื่อนไขข้อสุดท้ายแล้ว”“เอ่อ...ได้!”ฉินอวิ๋นฟานมุมปากกระตุกนิด ๆ ทำไมรู้สึกเหมือนเป็นแผนหลอกล่อในยุคปัจจุบันเลยนะ? วางกับดักหนึ่งไว้ก่อน รอจนเขาไปถึงแล้วก็ย้ายไปอีก?แต่ฉินอวิ๋นฟานสู้แล้วโว้ย เพื่อให้ได้นั่งตำแหน่งสูงสุดนั้น เพื่อให้ได้กอดสาวงาม ความพยายามทั้งหมดมันคุ้ม! เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเงื่อนไขข้อที่สามของเหมียวชิงอีคืออะไรกลับไม่รู้เลย เงื่อนไขข้อที่สามมันจะนำวิกฤตอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนมาให้ฉินอวิ๋นฟาน และทำให้เขาได้สัมผัสกับความหฤหรรษ์สุดขีดในแดนมนุษย์...“รายงาน!!!”กว่าจะได้ชัยในท้ายที่สุด ขณะฉินอวิ๋นฟานกำลังจะตั้งเงื่อนไข จู่ ๆ ที่ไม่ไกลจากลานฝึกยุทธ์มีเสียงรายงานรีบร้อนมา ชายในชุดเกราะคนหนึ่งคุกเข่าอยู่กลางลานด้วยสีหน้าร้อนรนทุกคนหน้านิ่วค
“เสด็จปู่ หม่อมฉันแจกจ่ายเงินบรรเทาภัยพิบัติไปตั้งนานแล้วพ่ะย่ะค่ะ พวกดื้อด้านพวกนี้จงใจหาเรื่อง หม่อมฉันจะไปจับพวกมันมาให้หมด ดูสิว่ายังกล้าก่อเรื่องอีกหรือไม่”ไม่รอให้ทุกคนเอ่ยปาก องค์ชายห้าฉินอวิ๋นผู่ก้าวออกมาเลย เรื่องบรรเทาภัยพิบัติครั้งนี้อยู่ในความรับผิดชอบของเขา เกิดชุมนุมขนาดใหญ่เช่นนี้ เขาย่อมปัดความรับผิดชอบไม่ได้ทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘พวกดื้อด้าน’ ไท่ซั่งหวงสีหน้าดำทะมึนทันที แทบจะควบแน่นออกมาเป็นน้ำได้อยู่แล้ว การบรรเทาภัยพิบัติของทุกครั้ง ถ้าไม่เกิดปัญหาตรงนี้ก็ต้องเกิดปัญหาตรงนั้น เกือบหนึ่งศตวรรษเป็นเช่นนี้มาโดยตลอด นี่ทำให้เขากลัดกลุ้มนักยามนี้ เหมียวชิงอีสีหน้าปั้นยากอย่างหาที่เปรียบมิได้ ต้าเฉียนคือหนึ่งในเก้าแคว้นใหญ่ กลับปฏิบัติต่อประชาชนเช่นนี้? เอะอะก็คือพวกดื้อด้าน มาถึงไม่ถามต้นสายปลายเหตุก็ใช้กำลังกดขี่?“หยุดนะ!”ขณะองค์ชายห้ากำลังจะไปก็ถูกฉินอวิ๋นฟานเรียกหยุดโดยตรง สองตาของเขาเย็นเฉียบ เอ่ยว่า “พวกดื้อด้านหาเรื่อง? นี่ก็คือท่าทีที่ท่านปฏิบัติต่อประชาชนหรือ?”ในฐานะที่เป็นทหารหน่วยรบพิเศษที่พยายามไต่เต้ามาจากระดับล่างคนหนึ่ง ฉินอวิ๋นฟานรู้ซึ้งกับความไม
ฉินอวิ๋นฟานแววตาเยือกเย็นราวกับเทพแห่งความตายมาเยือน ในยุคปัจจุบัน ประชาชนบางทีอาจเพราะไม่มีที่ให้ส่งเสียง หรืออาจเพราะมีเด็กที่เป็นจุดอ่อน ถูกคนรังแกเสียทุกเรื่อง ได้แต่เลือกอดทนเก็บมันเอาไว้แต่ในยุคโบราณไม่เหมือนกัน เขามีโอกาสและอำนาจเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง ย่อมไม่ให้โศกนาฏกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นอีก“ฉินอวิ๋นฟาน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้เจ้ากำลังทำอะไรอยู่ รู้หรือไม่ว่าที่อยู่ใต้เท้าเจ้าไม่ใช่แค่องค์ชายห้า ยิ่งเป็นเกียรติของราชวงศ์ต้าเฉียน”องค์ชายรองจ้องฉินอวิ๋นฟานด้วยโทสะ หากได้แต่สะกดเพลิงโกรธในใจ เขายังไม่มีวิธีที่ดีเพราะเรื่องนี้น้องห้าทำไม่ถูกจริง ภายใต้สายตาของทุกคน เขาจะเข้าข้างมากเกินไปก็ไม่ได้ ได้แต่ข่มฉินอวิ๋นฟาน ให้เขารู้สึกกลัวและยอมถอย“เฮอะ ช่างน่าขัน เมื่อกี้ตอนที่พี่ห้าด่าทอลบหลู่ผู้ลี้ภัยต้าเฉียนเราเคยคิดถึงเกียรติของราชวงศ์ต้าเฉียนหรือไม่? ตอนนี้ท่านกลับมาตำหนิข้าหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานแค่นเสียงหัวเราะพลางพูด“เจ้า... ฉินอวิ๋นฟาน เจ้าอย่าทำเกินไปนักนะ เรื่องเล็กเรื่องหนึ่งเท่านั้น ต้องกัดไม่ปล่อยขนาดนี้หรือ? เจ้าตั้งใจจะหาเรื่องให้ได้ใช่ไหม?”ฉินอวิ๋นฮุยหรี่ดวงตาทั้งคู่
“รัชทายาท โปรดระวังภาพพจน์ของตัวเองด้วย ฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวยังประทับอยู่ เรื่องนี้อดีตฮ่องเต้ทรงจัดการด้วยองค์เอง องค์ชายห้ามีความผิดจริง แต่ท่านก็ไม่มีสิทธิ์ชี้นิ้วกระมัง?”หูหมิงชิงเป็นเจ้ากรมอาญาเป็นสุนัขรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ขององค์ชายรอง เห็นองค์ชายรองถูกลบหลู่เหยียดหยามอนาถขนาดนี้ เขาทนดูไม่ได้จริง ๆ ได้แต่ทำหน้าขึงขังก้าวออกมาปรามไม่ให้ฉินอวิ๋นฟานด่าต่อ“ข้ามีภาพพจน์อะไรเกี่ยวอันใดกับลมผายเจ้า? จะสั่งสอนข้า เจ้าก็คู่ควรรึ? ไม่ดูสารรูปตัวเองเสียบ้าง เป็นถึงเจ้ากรมอาญา ทำตัวเยี่ยงสุนัขรับใช้ เห็นแล้วยังทำให้คนขยะแขยง”เผชิญหน้ากับหูหมิงชิง ฉินอวิ๋นฟานยังคงแข็งกร้าวเหลือประมาณ ไม่ไว้หน้าเขาสักนิด ชี้จมูกด่าเขาต่อภาพนี้ทำให้ทุกคนตาค้างไปเลย รัชทายาทน่ากลัวเหลือเกิน ปากคมเช่นกรรไกร สามารถด่าให้คนตายทั้งเป็นได้ คนอื่นเขาทำสงครามลิ้นโต้คารมกับบรรดาปราชญ์ขงจื้อ เขากลับดี ปากด่าองค์ชายผู้สูงส่ง“ท่าน ไม่มีขอบเขตสักนิด!”หูหมิงชิงเดือดจนจมูกบูดเบี้ยว บัณฑิตเจอทหาร มีหลักการพูดไม่ชัดโดยแท้ ไม่อาจปรับความเข้าใจกันได้ คนผู้นี้กำลังหน้ามืด อ้าปากก็ด่าคน รับไม่ได้จริง ๆภาพนี้ทำเอาเหมีย