“แม้ฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวจะไม่ตั้งเงื่อนไขเช่นนี้ หม่อมฉันก็ยังจะใช้มันเป็นปณิธานเหมือนเดิมพ่ะย่ะค่ะ ต้องมุมานะทำให้ชาวต้าเฉียนได้แจ้งเกิด และเป็นชะตาในชีวิตนี้ของหม่อมฉัน ไม่โทษไม่เสียใจพ่ะย่ะค่ะ”ฉินอวิ๋นฟานถ่ายทอดจิตวิญญาณความฮึกเหิมออกไป สะเทือนใจทุกคนทันที เลือดร้อนพลุ่งพล่าน ถูกพลังแรงกล้าของเขาส่งมาถึง ในใจบังเกิดความเคารพยำเกรง!“ดี ต้องมุมานะทำให้ชาวต้าเฉียนได้แจ้งเกิด ดี ชะตาไม่โทษไม่เสียใจ!”ยามนี้เหมียวชิงอีกยากจะปกปิดความตื่นเต้นในใจ ยังไม่พูดถึงว่าฉินอวิ๋นฟานจะทำได้หรือไม่ แต่แค่จิตใจที่มีต่อบ้านเมืองดวงนี้ ท่าทีที่เห็นไพร่ฟ้าชาวประชาเป็นหน้าที่ของตนก็คู่ควรให้นางเหมียวชิงอีกยกย่องแล้ว“ราชสำนักต้าเฉียนไม่มั่นคง แคว้นเพื่อนบ้านคิดแผนการ หนึ่งปีก่อน ห้าเมืองที่ติดกับเมืองจัวถูกแคว้นเยียนยึดครอง บัดนี้เมืองจัวอยู่ในภาวะขอบขันล่มสลาย อาจถูกแคว้นเยียนกลืนกินได้ทุกเมื่อ”“ดังนั้นเงื่อนไขที่สองก็คือ หวังว่าในหนึ่งปีนี้ รัชทายาทจะสามารถคุ้มครองเมืองจัว รักษาเส้นทางชีวิตระหว่างแคว้นเหมียวกับต้าเฉียนเอาไว้ได้”“อ้อ? มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้ว หันไปมององค
“เจ้า เจ้า...”“โมโหชะมัด มันน่าโมโหชะมัด!!!”ถูกฉินอวิ๋นฟานตำหนิต่อหน้าธารกำนัล องค์ชายใหญ่โกรธจนหน้าแดงหูแดง หนวดจิ๋มสั่นระริกเขาเคยต้องรับกับความอัปยศเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร? แม้เสด็จพ่อยังอยู่พลานามัยแข็งแรง ก็ไม่เคยตำหนิเขาด้วยเรื่องนี้มาก่อนความปราชัยเมื่อหนึ่งปีก่อนเท่านั้น กลับถูกฉินอวิ๋นฟานยกมาหยามหน้า ในใจคับแค้นอย่างหาที่เปรียบมิได้“รัชทายาท ท่านเกินไปแล้วนะ!”ตอนนี้เอง ฮั่วเจิ้นหลงที่รักษาท่าทางชราภาพเดินเหินไม่สะดวกตลอดก้าวออกมาอีกครั้งเขาเอ่ยเสียงหนัก “สองแคว้นเปิดศึก เกี่ยวพันถึงส่วนรวม จะปฏิเสธเพราะคำพูดเดียวของรัชทายาทได้หรือ? นี่มิใช่แค่มีเลือดร้อนก็พอ หากเผอเรอนิดเดียว เกรงจะมีภัยล่มแคว้น ขอถามรัชทายาท ท่านจะรับผิดชอบไหวหรือ?”“ในฐานะที่เป็นชายชาติทหารคนหนึ่ง ไม่ใช่แค่การมุ่งมั่นรักษาดินแดน ยิ่งต้องปกป้องบ้านพิทักษ์เมือง หากใช้อารมณ์ทำงาน ทำให้กองทัพเราถูกตีพ่าย นี่มิต้องเสียดินแดนมากขึ้นกว่าเดิมหรือ?”“อย่างไรท่านก็ยังเด็กเกินไป การมองเรื่องราวจะมองแค่ผิวเผินไม่ได้ ต้องยึดส่วนรวมเป็นหลัก!”ฮั่วเจิ้นหลงมั่นใจเต็มเปี่ยม น้ำเสียงหนาหนักประดุจราชสีห์เพศผู้ เนื
ในเมื่อเจ้าฉินอวิ๋นฟานหาเรื่องกับทางองค์ชายใหญ่ก่อน เขาย่อมยินดีราดน้ำมันลงบนกองไฟ“เหลวไหลทั้งเพ นี่คือการใส่ร้ายอย่างเห็นได้ชัด ท่านพ่อตาข้าจงรักภักดีต่อราชวงศ์ต้าเฉียนทุกยุคทุกสมัย ทำศึกเหนือใต้ เพื่อต้าเฉียนเรียกได้ว่าทุ่มเทสุดกำลัง จะมีใจคิดกบฏได้อย่างไร? พวกเจ้าก็คือแบบฉบับของการใส่ร้ายผู้อื่น”องค์ชายใหญ่ราวกับถูกเหยียบหาง วาวโรจน์ปานอสนีพิฆาต โกรธเกรี้ยวสิบส่วนฉินอวิ๋นฟานเห็นสายตาร้อนรนขององค์ชายใหญ่จึงเอ่ยเสียงเย็น “ข้าคือรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินของต้าเฉียน ให้ความสนใจกับเรื่องกองทัพคือหน้าที่ในความรับผิดชอบของข้า แม่ทัพผู้เฒ่าฮั่วกลับไม่ไว้หน้าข้าสักนิด นี่มิใช่มีชนักติดหลังแล้วคืออะไร?”ฉินอวิ๋นฟานฉวยความเป็นต่อไล่โจมตี หาเรื่องต่อ เขากลับอยากดูสิว่าตาแก่นี่คิดจะทำอะไร ขนาดรัชทายาทก็ยังไม่ไว้หน้า ไร้กฎหมายไร้ฟ้าจริง ๆ วันนี้ต้องสั่งสอนเสียหน่อยแล้ว“ใครบอกว่ามีชนักติดหลัง...”องค์ชายใหญ่อธิบายต่อ แต่ถูกฮั่วเจิ้นหลงห้ามเอาไว้ เขายังคงพูดด้วยสีหน้าดังเดิม “รัชทายาทปากคอเราะรายดังคาด ไอ้แก่อย่างข้าเกือบจะหลงกลแล้ว”“รัชทายาท ไม่ว่าเรื่องใดล้วนให้ความสำคัญกับหลักฐาน ใ
ไม่มีใครรู้ซึ้งถึงน้ำหนักในคำพูดของฉินอวิ๋นฟานไปมากกว่าฮั่วเจิ้นหลงอีกแล้ว ในฐานะที่เป็นแม่ทัพคนหนึ่ง คือที่พึ่งพิงที่สุดของจักรพรรดิ และเป็นส่วนที่อ่อนไหวที่สุดของจักรพรรดิทันทีที่ถูกจักรพรรดิสงสัย ฆ่าล้างตระกูลอยู่ที่เวลาเท่านั้น ยามนี้เป็นช่วงสำคัญของการชิงบัลลังก์ จักรพรรดิองค์ใหม่จะขึ้นครองราชย์ในอีกไม่ช้า และท่าทีของเขาที่มีต่อฉินอวิ๋นฟาน จะทำให้องค์ชายองค์อื่น ๆ ระแวงเหมือนกัน ฮั่วเจิ้นหลงจึงเลือกประนีประนอมต่อหน้าธารกำนัลอย่างไม่ลังเลสักนิดเวลานี้ ทุกคนในที่นั้นต่างตกใจสุดขีด นี่คืออดีตเทพสงครามแห่งยุคของต้าเฉียนเชียวนะ ยกทัพจับศึก ไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตา สมัยที่อดีตฮ่องเต้ยังมีพระชนม์อยู่ เคยขนานนามฮั่วเจิ้นหลงว่าเทพนักรบอันดับหนึ่งแห่งต้าเฉียนกลับถูกรัชทายาทที่เป็นเด็กน้อยสยบ คุกเข่าลงต่อหน้าธารกำนัล“ท่านพ่อตา ท่าน ท่านคุกเข่าให้เจ้าโง่นี่ได้ยังไง?”ตอนนี้องค์ชายใหญ่หัวเสียอย่างยิ่ง ท่านพ่อตาเป็นใคร? ต่อให้เสด็จพ่อยังอยู่ก็ยังต้องไว้หน้าเขาบางส่วน จะก้มหัวให้ไอ้ขยะนี่ได้ยังไง?ในสายตาของเขา ฉินอวิ๋นฟานไม่ใช่อะไรทั้งนั้น ถึงจะเก่งหน่อยแล้วยังไง? สถานการณ์ของต้าเฉียนใ
แต่พวกเขาไม่เลือกก้าวออกมาในตอนนี้ เวลายังอีกยาวไกล พวกเขาไม่อยากล่วงเกินเหมียวชิงอีต่อหน้าทุกคน อย่างไรนางก็เป็นผู้ครองแคว้น มีฐานะอยู่“ฝ่าบาท เช่นนั้นเงื่อนไขข้อที่สามล่ะพ่ะย่ะค่ะ?”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มน้อย ๆ พลางพูดเหมียวชิงอีตอบ “อยากรู้เงื่อนไขข้อที่สาม ท่านต้องบรรลุสองเงื่อนไขแรกก่อน มิเช่นนั้นก็ไม่มีความจำเป็นต้องรู้เงื่อนไขข้อสุดท้ายแล้ว”“เอ่อ...ได้!”ฉินอวิ๋นฟานมุมปากกระตุกนิด ๆ ทำไมรู้สึกเหมือนเป็นแผนหลอกล่อในยุคปัจจุบันเลยนะ? วางกับดักหนึ่งไว้ก่อน รอจนเขาไปถึงแล้วก็ย้ายไปอีก?แต่ฉินอวิ๋นฟานสู้แล้วโว้ย เพื่อให้ได้นั่งตำแหน่งสูงสุดนั้น เพื่อให้ได้กอดสาวงาม ความพยายามทั้งหมดมันคุ้ม! เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเงื่อนไขข้อที่สามของเหมียวชิงอีคืออะไรกลับไม่รู้เลย เงื่อนไขข้อที่สามมันจะนำวิกฤตอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนมาให้ฉินอวิ๋นฟาน และทำให้เขาได้สัมผัสกับความหฤหรรษ์สุดขีดในแดนมนุษย์...“รายงาน!!!”กว่าจะได้ชัยในท้ายที่สุด ขณะฉินอวิ๋นฟานกำลังจะตั้งเงื่อนไข จู่ ๆ ที่ไม่ไกลจากลานฝึกยุทธ์มีเสียงรายงานรีบร้อนมา ชายในชุดเกราะคนหนึ่งคุกเข่าอยู่กลางลานด้วยสีหน้าร้อนรนทุกคนหน้านิ่วค
“เสด็จปู่ หม่อมฉันแจกจ่ายเงินบรรเทาภัยพิบัติไปตั้งนานแล้วพ่ะย่ะค่ะ พวกดื้อด้านพวกนี้จงใจหาเรื่อง หม่อมฉันจะไปจับพวกมันมาให้หมด ดูสิว่ายังกล้าก่อเรื่องอีกหรือไม่”ไม่รอให้ทุกคนเอ่ยปาก องค์ชายห้าฉินอวิ๋นผู่ก้าวออกมาเลย เรื่องบรรเทาภัยพิบัติครั้งนี้อยู่ในความรับผิดชอบของเขา เกิดชุมนุมขนาดใหญ่เช่นนี้ เขาย่อมปัดความรับผิดชอบไม่ได้ทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘พวกดื้อด้าน’ ไท่ซั่งหวงสีหน้าดำทะมึนทันที แทบจะควบแน่นออกมาเป็นน้ำได้อยู่แล้ว การบรรเทาภัยพิบัติของทุกครั้ง ถ้าไม่เกิดปัญหาตรงนี้ก็ต้องเกิดปัญหาตรงนั้น เกือบหนึ่งศตวรรษเป็นเช่นนี้มาโดยตลอด นี่ทำให้เขากลัดกลุ้มนักยามนี้ เหมียวชิงอีสีหน้าปั้นยากอย่างหาที่เปรียบมิได้ ต้าเฉียนคือหนึ่งในเก้าแคว้นใหญ่ กลับปฏิบัติต่อประชาชนเช่นนี้? เอะอะก็คือพวกดื้อด้าน มาถึงไม่ถามต้นสายปลายเหตุก็ใช้กำลังกดขี่?“หยุดนะ!”ขณะองค์ชายห้ากำลังจะไปก็ถูกฉินอวิ๋นฟานเรียกหยุดโดยตรง สองตาของเขาเย็นเฉียบ เอ่ยว่า “พวกดื้อด้านหาเรื่อง? นี่ก็คือท่าทีที่ท่านปฏิบัติต่อประชาชนหรือ?”ในฐานะที่เป็นทหารหน่วยรบพิเศษที่พยายามไต่เต้ามาจากระดับล่างคนหนึ่ง ฉินอวิ๋นฟานรู้ซึ้งกับความไม
ฉินอวิ๋นฟานแววตาเยือกเย็นราวกับเทพแห่งความตายมาเยือน ในยุคปัจจุบัน ประชาชนบางทีอาจเพราะไม่มีที่ให้ส่งเสียง หรืออาจเพราะมีเด็กที่เป็นจุดอ่อน ถูกคนรังแกเสียทุกเรื่อง ได้แต่เลือกอดทนเก็บมันเอาไว้แต่ในยุคโบราณไม่เหมือนกัน เขามีโอกาสและอำนาจเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง ย่อมไม่ให้โศกนาฏกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นอีก“ฉินอวิ๋นฟาน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้เจ้ากำลังทำอะไรอยู่ รู้หรือไม่ว่าที่อยู่ใต้เท้าเจ้าไม่ใช่แค่องค์ชายห้า ยิ่งเป็นเกียรติของราชวงศ์ต้าเฉียน”องค์ชายรองจ้องฉินอวิ๋นฟานด้วยโทสะ หากได้แต่สะกดเพลิงโกรธในใจ เขายังไม่มีวิธีที่ดีเพราะเรื่องนี้น้องห้าทำไม่ถูกจริง ภายใต้สายตาของทุกคน เขาจะเข้าข้างมากเกินไปก็ไม่ได้ ได้แต่ข่มฉินอวิ๋นฟาน ให้เขารู้สึกกลัวและยอมถอย“เฮอะ ช่างน่าขัน เมื่อกี้ตอนที่พี่ห้าด่าทอลบหลู่ผู้ลี้ภัยต้าเฉียนเราเคยคิดถึงเกียรติของราชวงศ์ต้าเฉียนหรือไม่? ตอนนี้ท่านกลับมาตำหนิข้าหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานแค่นเสียงหัวเราะพลางพูด“เจ้า... ฉินอวิ๋นฟาน เจ้าอย่าทำเกินไปนักนะ เรื่องเล็กเรื่องหนึ่งเท่านั้น ต้องกัดไม่ปล่อยขนาดนี้หรือ? เจ้าตั้งใจจะหาเรื่องให้ได้ใช่ไหม?”ฉินอวิ๋นฮุยหรี่ดวงตาทั้งคู่
“รัชทายาท โปรดระวังภาพพจน์ของตัวเองด้วย ฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวยังประทับอยู่ เรื่องนี้อดีตฮ่องเต้ทรงจัดการด้วยองค์เอง องค์ชายห้ามีความผิดจริง แต่ท่านก็ไม่มีสิทธิ์ชี้นิ้วกระมัง?”หูหมิงชิงเป็นเจ้ากรมอาญาเป็นสุนัขรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ขององค์ชายรอง เห็นองค์ชายรองถูกลบหลู่เหยียดหยามอนาถขนาดนี้ เขาทนดูไม่ได้จริง ๆ ได้แต่ทำหน้าขึงขังก้าวออกมาปรามไม่ให้ฉินอวิ๋นฟานด่าต่อ“ข้ามีภาพพจน์อะไรเกี่ยวอันใดกับลมผายเจ้า? จะสั่งสอนข้า เจ้าก็คู่ควรรึ? ไม่ดูสารรูปตัวเองเสียบ้าง เป็นถึงเจ้ากรมอาญา ทำตัวเยี่ยงสุนัขรับใช้ เห็นแล้วยังทำให้คนขยะแขยง”เผชิญหน้ากับหูหมิงชิง ฉินอวิ๋นฟานยังคงแข็งกร้าวเหลือประมาณ ไม่ไว้หน้าเขาสักนิด ชี้จมูกด่าเขาต่อภาพนี้ทำให้ทุกคนตาค้างไปเลย รัชทายาทน่ากลัวเหลือเกิน ปากคมเช่นกรรไกร สามารถด่าให้คนตายทั้งเป็นได้ คนอื่นเขาทำสงครามลิ้นโต้คารมกับบรรดาปราชญ์ขงจื้อ เขากลับดี ปากด่าองค์ชายผู้สูงส่ง“ท่าน ไม่มีขอบเขตสักนิด!”หูหมิงชิงเดือดจนจมูกบูดเบี้ยว บัณฑิตเจอทหาร มีหลักการพูดไม่ชัดโดยแท้ ไม่อาจปรับความเข้าใจกันได้ คนผู้นี้กำลังหน้ามืด อ้าปากก็ด่าคน รับไม่ได้จริง ๆภาพนี้ทำเอาเหมีย
“ฮ่า ๆ ๆ...มา ชนแก้ว!”ภายใต้แสงขมุกขมัว ทั้งสี่จรดสุราหมดจอก ฉินอวิ๋นฟานที่หิวไส่กิ่วสวาปามราวกับพายุ ไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็กวาดอาหารโอชาบนโต๊ะไปกว่าครึ่งเวลานี้มู่หรงจิ่น หลู่เซียงหลิงและเสี่ยวจวี๋ก็ดื่มจนแก้มแดงก่ำแล้ว งดงามอ้อนแอ้นจนอยากจะเด็ดมาดอมดม พวกนางกระดากใจยิ่งหนัก หลังจากอิ่มเอมกับสุราอาหารแล้ว ฉินอวิ๋นฟานก็ไม่สะกดอารมณ์พลุ่งพล่านอีกต่อไป โอบสองดรุณีไปยังเตียงทันที“สุดที่รักของข้า ข้าคิดถึงพวกเจ้าจะตายอยู่แล้ว!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย กระโจนใส่พวกนางโดยตรง สองดรุณีราวกับกระต่ายน้อยตื่นตกใจ ส่งเสียงร้อง “อ๊ะ” ออกมาทีหนึ่งจึงรีบมุดเข้าไปอยู่ด้านในของเตียง ยิ่งพวกนางเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานก็ยิ่งคึก“แหะ ๆ ร้องใช่ไหม คืนนี้จะให้พวกเจ้าร้องไห้เสียงแหบเสียงแห้งไปเลย!”ฉินอวิ๋นฟานเลียริมฝีปาก ความปรารถนาปะทุขึ้นโดยสิ้นเชิง เบื้องล่างท้องน้อยเร่าร้อนยากจะทานทนนานแล้ว ‘แควก’ ทีหนึ่ง เครื่องนุ่งห่มบนตัวฉีกขาด เผยกล้ามเนื้อแข็งแรงทั่วร่าง กลิ่นอายบุรุษเข้มข้นทำให้ลมหายใจของสามดรุณีกระชั้น กระนั้นกลับมิอาจสะกด ฉินอวิ๋นฟานเสือตะครุบอีกหน คว้าเท้าเล็กของหลู่เซียงหลิงเอาไว
ฉินอวิ๋นฟานตบบ่าหวังอันสือเบา ๆ แล้วกล่าวคำพูดจากใจ “ขุนนางในอนาคตของต้าเฉียนจะกระจ่างใสได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”“รัชทายาทโปรดวางใจ ข้าน้อยจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่นอนขอรับ!”หวังอันสือตื้นตันจนน้ำตานองหน้า ถ้อยคำสวยงามใดก็มิอาจบรรยายความรู้สึกในขณะนี้ของเขา ในที่สุดก็มีเวทีแสดงปณิธานซึ่งมีอยู่เต็มอกของเขาแล้ว ในโลกอันขุ่นมัวนี้ ในที่สุดเขาก็ได้แสดงฝีมือสักทีและสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกโชคดีคือ เขาได้พบกับป๋อเล่อ ผู้มีจุดมุ่งหมายและทิศทางปณิธานเดียวกับเขา มอบโอกาสพลิกชะตาให้กับเขาครั้งหนึ่งเมื่อได้รับคำตอบยืนยันของหวังอันสือ ฉินอวิ๋นฟานคลี่ยิ้มพึงพอใจ จึงออกไปจากห้องและตรงไปยังตำหนักรัชทายาท...“พี่อวิ๋นฟาน ท่านคงหิวแย่แล้วกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานเพิ่งกลับมาถึงตำหนักที่พัก จิ่นเอ๋อร์ก็รีบเดินมาต้อนรับ ส่วนเสี่ยวจวี๋และเซียงหลิงต่างประกบอยู่ทางซ้ายและทางขวาจู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็รู้สึกว่าตำหนักที่พักต่างออกไปจากปกติ ปกติจะมีนางกำนัลรับใช้อยู่ในจวนอย่างน้อยสี่คน ทว่าวันนี้กลับไม่มีแม้แต่คนเดียว ทั้งตำหนักมีเพียงผู้หญิงสามคนเท่านั้น คือจิ่นเอ๋อร์ เซียงหล
“รัชทายาท ท่านจะหารือเรื่องใหญ่กับข้าน้อยหรือขอรับ?!”เห็นท่าทางจริงใจของฉินอวิ๋นฟาน หวังอันสือร่างสะท้านเล็กน้อย ฉินอวิ๋นฟานคือรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินต้าเฉียนผู้สูงส่ง กลับมีเรื่องจะหารือกับเขา? มันมิควรเป็นคำสั่งหรือ?ฉินอวิ๋นฟานเปลี่ยนไปราวกับคนละคน ทำให้หวังอันสือสงบใจไม่ได้อยู่นาน ท่าทางเข้าหาได้ง่ายของฉินอวิ๋นฟานกับรัชทายาทผู้แข็งกร้าวราวกับเทพสังหารสถิตร่างที่เขาเพิ่งพบเมื่อครู่ต่างกันโดยสิ้นเชิงฉินอวิ๋นฟานพูดเป็นการเป็นงาน “ถูกต้อง หากจะพูดกันจริง ๆ ก็คือข้ามีเรื่องจะขอร้องเจ้า!”“มี มีเรื่องขอร้องข้าน้อย?”หวังอันสือสับสนมากกว่าเดิม เขาเป็นแค่ขุนนางระดับหก อาจารย์ต่ำต้อยคนหนึ่ง ไม่ว่าคนใดในเมืองหลวงที่ถูกบีบตายได้ง่าย ๆ น่ากลัวว่าจะมีอิทธิพลและฐานะเหนือเขา ฉินอวิ๋นฟานจะมีเรื่องขอร้องเขาได้อย่างไร?“หวังอันสือ ข้าได้ตรวจสอบเรื่องเกี่ยวกับเจ้ามาคร่าว ๆ ทั้งหมดแล้ว เจ้าคือผู้มีความสามารถที่ข้าต้องการจริง”ฉินอวิ๋นฟานเข้าประเด็นทันที “เจ้าน่าจะรู้ดีว่าตอนนี้ต้าเฉียนเป็นยังไง ถึงภายนอกดูสงบ แต่ความจริงคือคลื่นใต้น้ำ บรรดาองค์ชายและขั้วอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังต่อสู้กันจน
หลู่หนีสีหน้าเคร่งขรึม แสดงท่าทีอีกครั้ง เขารู้ว่าฉินอวิ๋นฟานเป็นคนเด็ดขาดฉับไว ในเมื่อฉินอวิ๋นฟานมอบงานนี้เขาก็ต้องเชื่อใจเขาหมดหัวใจอยู่แล้วอีกทั้งเรื่องนี้ยังสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อฉินอวิ๋นฟาน เป้าหมายของเขาชัดเจนมาก นั่นก็คือทำงานนี้ให้สำเร็จ สิ่งของเงินทองฉินอวิ๋นฟานทุ่มทุนมาก“เวลากระชั้นชิด พรุ่งนี้พวกท่านก็ออกเดินทางไปเมืองจัวเถอะ เรื่องนี้ต้องทำที่เมืองจัว หลิวเป้ยจะให้ความช่วยเหลือมอบความสะดวกทั้งหมดกับพวกท่านเอง ต้องการอะไรก็บอกได้เต็มที่ พวกท่านแค่ทุ่มเทกายใจทำงานก็พอ”ฉินอวิ๋นฟานกล่าวเสียงหนัก“เมีองจัว?”หลู่หนีลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบ “ก็ดี เมืองจัวเป็นคนของรัชทายาทเกือบทั้งหมด พวกเราแค่ทุ่มเทกายใจกับการผลิตก็พอ เช่นนี้จะลดอุปสรรคลงด้วย”......หลังจากกำชับทุกเรื่องเสร็จก็ดึกมาแล้ว ฉินอวิ๋นฟานลากร่างอันอ่อนล้ามายังที่รักษาตัวของพวกหวังอันสือ หลังจากทำความเข้าใจ ฉินอวิ๋นฟานพบว่าหวังอันสือคนนี้มีส่วนคล้ายคลึงกับหวังอันสือในสมัยซ่งเหนือบางส่วนดังนั้นฉินอวิ๋นฟานจึงรู้สึกเห็นใจขึ้นมาเพราะเวลานี้เขากำลังอยู่ในช่วงที่ต้องการคน หากหวังอันสือเป็นเหมือนกับหวังอันสือในประวัต
“ข้าเข้าใจความรู้สึกของพวกท่านในตอนนี้ดี”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยท่าทางมั่นใจ “ความจริงไม่ว่าข้าจะอธิบายกับพวกท่านยังไงก็เข้าใจยากอยู่ดี เพราะนี่คือการปฏิรูปอุตสาหกรรมล้ำยุค ในอดีตทุกคนต่างเรียกมันว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรก”หลู่หนีถามด้วยใบหน้างุนงง “ปฏิวัติอุตสาหกรรม? นั่นคือสิ่งใดหรือขอรับ?”“อื่ม! จะว่ายังไงดีล่ะ?”ฉินอวิ๋นฟานลูบคางพิจารณาครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย “ข้าจะยกตัวอย่างง่าย ๆ ให้พวกท่านฟังก็แล้วกัน ในสังคมศักดินาที่ทำการเกษตรเป็นหลัก ในตอนที่ชาวบ้านรดน้ำ ส่วนมากแล้วจะใช้กำลังคนเป็นสำคัญ ไม่เพียงแต่ประสิทธิภาพต่ำ หนำซ้ำยังต้องใช้แรงงานเยอะมาก”“ทว่านับจากท่านหลู่ปันคิดค้นกังหันน้ำและระหัดวิดน้ำขึ้นมาก็เพิ่มประสิทธิภาพในการรดน้ำสูงขึ้น ทั้งยังประหยัดแรงงานไปเยอะ นี่ก็คือการพัฒนาทักษะในการเพาะปลูก และสามารถเรียกได้ว่าเป็นการปฏิวัติทางเกษตรกรรม”“ดังนั้นเครื่องจักรนี้ของข้าซับซ้อนกว่าระหัดวิดน้ำมากกว่า แต่ปริมาณบรรจุขนส่งและแรงขับเคลื่อนของมันมีมากกว่ารถม้ามหาศาล ทำให้ประสิทธิภาพในการทำการค้าสูงขึ้น นี่ก็คือการปฏิวัติอย่างหนึ่งของการค้าและการเดินทาง ข้าเรียกมันว่าการปฏิวัติ
“ปืนใหญ่สนามอิตาลี? ชื่อช่างน่ามหัศจรรย์นัก!” หลู่หนีพูดด้วยใบหน้าสับสน!ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะน้อย ๆ ไม่ได้อธิบายมาก เขามองไปทางหลู่หนีแล้วพูดขึ้นอีก “ช่างใหญ่หลู่หนี ท่านทำเจ้าเหล็กนี้เถอะ ต้องระวังให้มาก จะดูแคลนอานุภาพของมันไม่ได้”“อ้อ? นี่คือสิ่งใดหรือ?”หลู่หนีรับภาพที่ฉินอวิ๋นฟานส่งมา ภาพนี้ไม่ใหญ่ ในนั้นมีแต่วัตถุทรงกลม ข้างบนมีแหวนอันหนึ่ง หลู่หนีเห็นแล้วทำหน้าฉงน“เจ้าสิ่งนี้เรียกว่าระเบิดมือ เอาไว้ใช้ป้องกันตัวในยามคับขันจะดีที่สุด ตอนท่านทำต้องป้องกันความปลอดภัย หากไม่เข้าใจอะไรก็มาถามข้าทันที”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย“ขอรับ! ข้าน้อยต้องตั้งใจทำแน่นอน!”ติดตามฉินอวิ๋นฟานมานานอย่างนี้ หลู่หนีรู้ดี หากฉินอวิ๋นฟานกำชับเช่นนี้ นั่นแสดงว่ามันต้องไม่ธรรมดา แม้มีขนาดเล็ก แต่จะมองข้ามไม่ได้เด็ดขาด เขาไม่กล้าประมาทสักนิด!“เอาละ ตอนนี้เหลือเรื่องที่สำคัญที่สุดอีกหนึ่งเรื่อง จำเป็นต้องให้พวกท่านสามคนทำให้สำเร็จ!”จู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็ขึงขังขึ้นมา เขาหยิบภาพเจ็ดแปดภาพมากองอยู่ตรงหน้าทุกคน ฉินอวิ๋นฟานวาดภาพพวกนี้เสร็จตั้งแต่อยู่ที่เมืองอู่โจว และสิ่งนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งในแผนการของเขาซึ่งมีค
“นายช่างใหญ่ทั้งสองเกรงใจแล้ว!”ฉินอวิ๋นฟานรีบสองก้าวรวบเป็นหนึ่งไปข้างหน้า คว้ามือของพวกเขาเอาไว้ก่อนจะกล่าวอย่างไมตรีจิต “เป็นพี่น้องบ้านเดียวกัน ไยต้องยึดติดกับขนบธรรมเนียมพื้น ๆ พวกนี้ด้วย? รีบเชิญข้างในเถอะ!”ฉินอวิ๋นฟานมีไมตรีเช่นนี้ทำให้หลู่เซินและหลู่เหมี่ยวต่างตกใจอย่างไม่เคยประสบ ประทับใจอย่างยิ่ง ส่วนหลู่หนีที่อยู่ด้านข้างเห็นแล้วตาค้างไปเลย พลางตะลึงถอนใจในใจ ‘เจ้าหมอนี่ ไม่เห็นเหมือนเมื่อกี้นี้เลยนี่!’ไม่นานพวกเขาก็มาถึงห้องหนังสือ หลังจากสนทนากันอย่างเรียบง่ายประมาณหนึ่งแล้ว การสนทนาของพวกเขาก็เข้าสู่ประเด็นหลัก และนี่ก็คือจุดประสงค์ที่ฉินอวิ๋นฟานเรียกหลู่หนีมาฉินอวิ๋นฟานกล่าวเสียงหนัก “ช่างใหญ่หลู่หนี ที่ข้าตามพวกท่านมาเพราะมีงานสำคัญมากงานหนึ่ง และเป็นภารกิจยากเย็นแสนเข็ญจะมอบให้พวกท่าน หวังว่าพวกท่านจะทำสำเร็จได้”“ภารกิจยากเย็นแสนเข็ญ?”เมื่อทั้งสามได้ยินก็พลันเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังขึ้นมา ที่พวกเขามาก็เพื่อทำงาน สามารถมีภารกิจสำคัญได้ย่อมเป็นเรื่องดี!“หลังจากดัดแปลงหน้าไม้ของเราแล้ว รูปโฉมก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เอเคสี่สิบแปดพัฒนาอานุภาพได้น่ากลัวถึงขีดสุดแ
ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้วถาม “ท่านก็รู้ ของที่พวกเราสร้างกันขึ้นมาล้วนเป็นเทคโนโลยีสุดล้ำ ทันทีที่เล็ดลอดออกไปจะเป็นการโจมตีพวกเราถึงตาย ดังนั้นข้ายอมให้ช้าลงหน่อยก็ไม่กล้าให้คนที่ไม่คุ้นเคยสอดมือยุ่งเรื่องนี้”ฉินอวิ๋นฟานย่อมเชื่อถือหลู่หนีเต็มร้อยอยู่แล้ว เพราะพวกเขาร่วมมือกันหลายเดือนเต็ม ๆ อีกอย่างลูกสาวของหลู่หนีก็กลายเป็นภรรยาของเขาแล้ว ไม่มีเหตุผลที่หลู่หนีจะหักหลังแต่คนนอกไม่เหมือนกัน ทันทีที่พวกเขาขโมยเทคโนโลยีหลักของเขาไป นั่นได้เดือดร้อนแล้ว เมื่อเทคโนโลยีสุดล้ำอย่างเอเคสี่สิบแปดผลิตในบ้านเมืองอื่น เช่นนั้นโลกใบนี้จะบังเกิดกลียุคแล้ว “รัชทายาทวางใจได้ พวกเขาสองคนคือศิษย์พี่หกและศิษย์พี่เจ็ดของข้าน้อย พวกเราสามคนโตมาด้วยกันแต่เล็ก สนิทกันมาก เชื่อได้แน่นอน และฝีมือของพวกเขาก็ไม่ด้อยไปกว่าข้าน้อยด้วย”หลู่หนีทุบอกรับประกัน “อันที่จริงที่อาจารย์ส่งพวกเขามาก็เป็นเพราะข้าน้อยเอ่ยปาก อย่างไรเสีย ลำพังข้าน้อยคนเดียวมีความจำกัดเรื่องความเร็ว ถ้าได้คนที่มีฝีมือดีมาช่วยเหลือ ต้องสำเร็จแบบทุ่นแรงได้มากแน่นอน”“อีกอย่าง อาจารย์ของข้าน้อยจัดเป็นขั้วอิทธิพลยุทธภพ ยึดมั่นกับการประดิษฐ์คิด
“นั่นสิ จุดยืนของฟานเอ๋อร์ในเวลานี้ไม่สู้ดีนัก ข้าก็สนับสนุนเขาโจ่งแจ้งไม่ได้ ไม่รู้ว่าต่อจากนี้เขาจะต้องเจอกับอะไรสิน่า?”ไท่ซั่งหวงพูดอย่างกังวลเล็กน้อย “หวังว่าในตอนที่ข้ายังมีชีวิตอยู่จะได้เห็นภาพต้าเฉียนสงบสุขร่มเย็น รุ่งเรืองแข็งแกร่ง ถึงตอนนั้นข้าก็วางใจหลับตาได้แล้ว!”......หลังจากสะสางงานเสร็จ หวังอันสือและคนอื่น ๆ ก็ถูกฉินอวิ๋นฟานเชิญที่ไปจวนรัชทายาท ทั้งเชิญหมอหลวงมาตรวจอาการรักษาพวกเขาโดยเฉพาะ“รัชทายาท ขอบคุณท่านอีกครั้งที่ช่วยเซียงหลิง...”หลู่หนีเพิ่งตามฉินอวิ๋นฟานเข้าห้องหนังสือมาก็อ้าปากพูดในฐานะที่เป็นคนซึ่งปราศจากตำแหน่งพิเศษ การต่อต้านหน่วยงานใหญ่อย่างสำนักศึกษาหลวงคือการรนหาที่ตายอย่างมิต้องสงสัย ฉินอวิ๋นฟานปรากฏตัวทันเวลา ทั้งยังทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยบุตรสาว นี่ทำให้หลู่หนีทราบซึ้งใจยิ่งนักในอดีต เขาถูกการประดิษฐ์ของฉินอวิ๋นฟานสยบ ดังนั้นจึงเข้าร่วมกับฉินอวิ๋นฟาน กระนั้นเขาไม่อยากให้บุตรสาวกลายเป็นผู้หญิงของอีกฝ่าย ทว่าความจริงได้พิสูจน์แล้ว ฉินอวิ๋นฟานคือคนที่ควรค่าแก่การฝากฝังเพิ่งจัดการขุนนางทุจริตที่ปกป้องพวกพ้องเดียวกันฝูงหนึ่งเสร็จ ฉินอวิ๋นฟานยังต