ฉินอวิ๋นฟานแววตาเยือกเย็นราวกับเทพแห่งความตายมาเยือน ในยุคปัจจุบัน ประชาชนบางทีอาจเพราะไม่มีที่ให้ส่งเสียง หรืออาจเพราะมีเด็กที่เป็นจุดอ่อน ถูกคนรังแกเสียทุกเรื่อง ได้แต่เลือกอดทนเก็บมันเอาไว้แต่ในยุคโบราณไม่เหมือนกัน เขามีโอกาสและอำนาจเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง ย่อมไม่ให้โศกนาฏกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นอีก“ฉินอวิ๋นฟาน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้เจ้ากำลังทำอะไรอยู่ รู้หรือไม่ว่าที่อยู่ใต้เท้าเจ้าไม่ใช่แค่องค์ชายห้า ยิ่งเป็นเกียรติของราชวงศ์ต้าเฉียน”องค์ชายรองจ้องฉินอวิ๋นฟานด้วยโทสะ หากได้แต่สะกดเพลิงโกรธในใจ เขายังไม่มีวิธีที่ดีเพราะเรื่องนี้น้องห้าทำไม่ถูกจริง ภายใต้สายตาของทุกคน เขาจะเข้าข้างมากเกินไปก็ไม่ได้ ได้แต่ข่มฉินอวิ๋นฟาน ให้เขารู้สึกกลัวและยอมถอย“เฮอะ ช่างน่าขัน เมื่อกี้ตอนที่พี่ห้าด่าทอลบหลู่ผู้ลี้ภัยต้าเฉียนเราเคยคิดถึงเกียรติของราชวงศ์ต้าเฉียนหรือไม่? ตอนนี้ท่านกลับมาตำหนิข้าหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานแค่นเสียงหัวเราะพลางพูด“เจ้า... ฉินอวิ๋นฟาน เจ้าอย่าทำเกินไปนักนะ เรื่องเล็กเรื่องหนึ่งเท่านั้น ต้องกัดไม่ปล่อยขนาดนี้หรือ? เจ้าตั้งใจจะหาเรื่องให้ได้ใช่ไหม?”ฉินอวิ๋นฮุยหรี่ดวงตาทั้งคู่
“รัชทายาท โปรดระวังภาพพจน์ของตัวเองด้วย ฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวยังประทับอยู่ เรื่องนี้อดีตฮ่องเต้ทรงจัดการด้วยองค์เอง องค์ชายห้ามีความผิดจริง แต่ท่านก็ไม่มีสิทธิ์ชี้นิ้วกระมัง?”หูหมิงชิงเป็นเจ้ากรมอาญาเป็นสุนัขรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ขององค์ชายรอง เห็นองค์ชายรองถูกลบหลู่เหยียดหยามอนาถขนาดนี้ เขาทนดูไม่ได้จริง ๆ ได้แต่ทำหน้าขึงขังก้าวออกมาปรามไม่ให้ฉินอวิ๋นฟานด่าต่อ“ข้ามีภาพพจน์อะไรเกี่ยวอันใดกับลมผายเจ้า? จะสั่งสอนข้า เจ้าก็คู่ควรรึ? ไม่ดูสารรูปตัวเองเสียบ้าง เป็นถึงเจ้ากรมอาญา ทำตัวเยี่ยงสุนัขรับใช้ เห็นแล้วยังทำให้คนขยะแขยง”เผชิญหน้ากับหูหมิงชิง ฉินอวิ๋นฟานยังคงแข็งกร้าวเหลือประมาณ ไม่ไว้หน้าเขาสักนิด ชี้จมูกด่าเขาต่อภาพนี้ทำให้ทุกคนตาค้างไปเลย รัชทายาทน่ากลัวเหลือเกิน ปากคมเช่นกรรไกร สามารถด่าให้คนตายทั้งเป็นได้ คนอื่นเขาทำสงครามลิ้นโต้คารมกับบรรดาปราชญ์ขงจื้อ เขากลับดี ปากด่าองค์ชายผู้สูงส่ง“ท่าน ไม่มีขอบเขตสักนิด!”หูหมิงชิงเดือดจนจมูกบูดเบี้ยว บัณฑิตเจอทหาร มีหลักการพูดไม่ชัดโดยแท้ ไม่อาจปรับความเข้าใจกันได้ คนผู้นี้กำลังหน้ามืด อ้าปากก็ด่าคน รับไม่ได้จริง ๆภาพนี้ทำเอาเหมีย
สำหรับผู้ที่สามารถได้รับอำนาจจริงเหล่านั้น พวกเขากลับหวังว่าภัยพิบัติจะมาถึง เพราะมีเพียงเช่นนี้ พวกเขาจึงสามารถได้ผลประโยชน์อย่างโจ่งแจ้ง สำหรับความเป็นความตายของประชาชน พวกเขากลับไม่สนใจก็เหมือนกับเรื่องหนึ่งที่ฉินอวิ๋นฟานเคยประสบในยุคปัจจุบัน ในช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิต จู่ ๆ กลับมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ทำให้ข้าวสาลีงอกและขึ้นรา หลังจากผู้เชี่ยวชาญยี่สิบกว่าคนวิจัยหลายวันหลายคืน สุดท้ายได้ข้อสรุปว่าต้องอบข้าวสาลีให้ความชื้นน้อยลง สุดท้ายจึงได้เงินสองร้อยล้านสำหรับเรื่องการอบก็คือโยนหินลงแม่น้ำ กระทั่งว่าไม่มีชาวบ้านรู้ว่าการอบมันคืออะไร และไม่เคยมีชาวบ้านเคยเห็นว่าต้องอบด้วยวิธีการไหน จบไปทั้งอย่างนั้นดังนั้นฉินอวิ๋นฟานต้องการให้ฉินอวิ๋นผู่เปิดเผยความผิดอันชั่วร้ายของตัวเองต่อหน้าทุกคน เขาต้องการเชือดไก่ให้ลิงดู ให้ทุกคนได้เห็นจิตใจที่พยายามปกครอง มิใช่แค่การพูดปากเปล่า“น้อง น้องเจ็ด พวกเรามีอะไรคุยกันดี ๆ ได้หรือไม่? เจ้าปล่อยข้าก่อนนะ ข้าต้องบอกเจ้าแบบไม่มีตกหล่นแน่นอน ได้หรือไม่?”ฉินอวิ๋นผู่ลนลานแล้ว เขาลนลานโดยสิ้นเชิง พี่รองออกหน้า ไม่เพียงแต่ช่วยเขาไม่ได้ กลับกัน ยังถูกฉินอว
ห่าวเจี้ยนที่ขอร้องเนื้อตัวสั่นเทา ในฐานะที่เป็นขุนนางใหญ่ของต้าเฉียน กินเสียจนหัวหมูหูกาง คงยักยอกเงินไปไม่น้อยสินะ? เจ้าหัวหมูที่กินเลือดของคนจนอ้วนตุ๊ต๊ะ ไม่เชือดมันยากจะสลายความแค้นในใจฉินอวิ๋นฟานได้“คาดว่าเจ้าน่าจะรู้ว่าเมื่อสามวันก่อนหยางอี๋กับหยางกุ้ยเฟยตายอย่างไร”ฉินอวิ๋นฟานเลิกคิ้วน้อย ๆ พูดด้วยสีหน้าเย็นชา “แต่ไหนมาข้าเด็ดขาดเสมอ ให้โอกาสเจ้า เสียดายเจ้าไม่ถนอม ข้ากำลังต้องการหัวคนปลอบขวัญผู้ลี้ภัยอยู่พอดี เจ้าห่าวเจี้ยนเหมาะสมที่สุด ลำบากเจ้าแล้วนะ”ฉินอวิ๋นฟานจะใช้รูปแบบการบีบคั้นชักจูงทำให้ห่าวเจี้ยนติดกับ คนที่ใกล้จะตาย จำเป็นต้องให้เขาทำคุณูประการให้ต้าเฉียนสักหน่อยขณะเดียวกันก็เพื่อปลูกฝังความคิดในใจทุกคนด้วย ต่อถ้ายังปากแข็งอีก ยามกลัวคนที่อยู่เบื้องหลัง ก็คงดูด้วยว่าตัวเองมีกี่ชีวิต“ไม่ ไม่ รัชทายาท ข้าน้อยคือเจ้ากรมโยธา รับผิดชอบงานก่อสร้างทั้งหมดในแคว้น การบริหารจัดการน้ำ การบรรเทาภัยพิบัติ ความเป็นอยู่ของราษฎรและอื่น ๆ”วิธีการเหี้ยมโหดของฉินอวิ๋นฟานเมื่อสามวันก่อน เขาเป็นขุนนางระดับเพดานของต้าเฉียน จะไม่รู้ได้อย่างไร? แต่เขากลัวอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลัง เ
ฉินอวิ๋นฟานตวาดทีหนึ่ง เสียงดังก้องไปทั่วบริเวณ เวลานี้อู่จ้านตกตะลึง จ้องฉินอวิ๋นฟานที่เด็ดขาด เขาในยามนี้เลือดร้อนพลุ่งพล่าน กระทั่งเห็นความน่าเกรงขามของราชันอยู่ในตัวของฉินอวิ๋นฟาน“รับทราบ!”ในฐานะที่เป็นองครักษ์ผู้จงรักของฉินอวิ๋นฟาน วาจาของเขาคือประกาศิต ไม่ว่าเป็นหรือตาย อู่จ้านอัญเชิญดาบใหญ่ข้างหลังออกมาในพริบตา สาวเท้ามาถึงข้างตัวห่าวเจี้ยนเห็นอู่จ้านมีกลิ่นอายเหี้ยมเกรียมทั้งตัวบนล่าง ห่าวเจี้ยนสะดุ้งปัสสาวะราดทันที รีบคุกเข่าขอร้อง “รัชทายาทไว้ชีวิตด้วย องค์ชายรองช่วยข้าน้อยด้วย ช่วยข้าน้อยด้วย!”“น้องเจ็ด เจ้าจะทำเกินไปแล้วนะ!”เขายอมลดตัวขนาดนี้แล้ว ไม่นึกว่าฉินอวิ๋นฟานกลับไม่ไว้หน้าสักนิด? นาทีนี้ องค์ชายรองเดือดดาลโดยสิ้นเชิงแล้วเขาเอ่ยเสียงเย็น “ใต้หล้านี้ยังใช่ใต้หล้าของต้าเฉียนเราหรือไม่? ก่อนที่เรื่องราวจะกระจ่าง ต่อให้เจ้าเป็นรัชทายาทต้าเฉียนก็ฆ่าขุนนางใหญ่ของต้าเฉียนตามอำเภอใจไม่ได้กระมัง?”“อ้อ? จะตราหน้าข้าหรือ? เจ้าก็คู่ควร?”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยใบหน้าไม่ใส่ใจ “ตามกฎหมายของต้าเฉียน ไม่ว่าขุนนางคนใดของต้าเฉียนที่ทุจริตเงินบรรเทาภัยพิบัติตลอดจนรับผิดชอบเป็
“อ้อ? เริ่มกัดกันเองแล้ว?”ฉินอวิ๋นฟานพูดกลั้วหัวเราะเสียงเย็น “ว่ามาดูสิ!”ห่าวเจี้ยนในตอนนี้ไหนเลยจะคิดอะไรมากได้ โพล่งปากออกไปโดยตรง นึกว่าสารภาพความจริงแล้วฉินอวิ๋นฟานจะละเว้นโทษตายกับเขา น่าเสียดาย เขาผิดไป ไม่ว่าเขาจะพูดหรือไม่ วันนี้เขาก็ต้องตายอยู่ดี!“ห่าวเจี้ยน เจ้า ถ้าเจ้ากล้าพูดจาเลื่อนเปื้อนข้าจะไม่ไว้เจ้า!”เห็นห่าวเจี้ยนจะสารภาพออกไป องค์ชายรองเปลี่ยนสีหน้าฉับพลัน เรื่องนี้น้องชายของเขาคือผู้บงการ ทันทีที่ห่าวเจี้ยนสารภาพออกไปหมดเปลือก ด้วยนิสัยของฉินอวิ๋นฟานจะไม่เอาชีวิตน้องชายของเขาหรือ?ทว่าทุกอย่างมันสายไปแล้ว ความเป็นความตายอยู่ตรงหน้า ห่าวเจี้ยนคำนึกอะไรได้มากอย่างนั้นที่ไหน?“ขอโทษแล้วองค์ชายรอง!”ห่าวเจี้ยนกัดฟันพูด “รัชทายาท การบรรเทาภัยพิบัติในครั้งนี้องค์ชายห้ารับผิดชอบทั้งหมด ข้าน้อยแค่ทำตามคำสั่งของเขาเท่านั้น ครั้งนี้ราชสำนักมอบเงินทั้งหมดสิบล้านตำลึงเงิน แต่ยังไม่ทันออกจากเมืองหลวงก็ถูกองค์ชายห้าเอาไปเจ็ดล้านตำลึงแล้ว”“ที่เหลือสามล้านตำลึงถูกขุนนางท้องถิ่นยักยอกไปเป็นขั้น ๆ เหลือถึงบรรเทาภัยพิบัติจริงหนึ่งล้านตำลึงก็ถือว่าดีมากแล้ว ข้าน้อยเอาไปสอง
“น้องเจ็ด เจ้าว่า...”ฉินอวิ๋นผู่เพิ่งจะเอ่ยปากก็ถูกฉินอวิ๋นฟานถีบเข้าที่หน้าอก พลังหนักหน่วงโจมตี ฉินอวิ๋นผู่จึงถูกฉินอวิ๋นฟานถีบกระเด็น กระอักเลือดสดออกมาเดี๋ยวนั้น สภาพสะบักสะบอมถึงที่สุดฉินอวิ๋นฟานไม่ฟังการอธิบายใด ๆ พิโรธคำราม “อู่จ้าน จัดการมันต่อ!”อู่จ้านสีหน้าขรึม เลือดร้อนพลุ่งพล่าน เกิดมาเพิ่งจะได้ฆ่าองค์ชายเป็นครั้งแรก ทั้งเป็นประกาศิตจากนาย เขาไม่กล้าลังเลใด ๆ แกว่งดาบศึกในมือจะฟันไปทางองค์ชายห้าฉินอวิ๋นผู่ไท่ซั่งหวงขมวดคิ้วแน่น ในใจหลากรสหลากอารมณ์ เรื่องนี้ใหญ่หลวงยิ่งนัก ได้แต่ทำตามกฎหมาย ทั้งเขามีประสงค์ให้ฉินอวิ๋นฟานสร้างความน่าเกรงขามจากเรื่องนี้ด้วยแม้เหมียวชิงอีจะเป็นอิสตรีนางหนึ่ง หากทึ่งกับการกระทำนี้ของฉินอวิ๋นฟานที่สุด เลือดร้อนแล่นพล่าน นี่ก็คือรัชทายาทปัญญาอ่อนตามคำเล่าลือหรือ? ท่าทางโง่งมสักเศษเสี้ยวมันอยู่ที่ไหน?เขาเช่นเทพนักรบ นอกจากจะขจัดผู้ร้ายช่วยเหลือผู้ที่อ่อนแอ ทั้งยังมีความเป็นธรรมเต็มเปี่ยม เห็นใต้หล้าคือหน้าที่ ต่อสู้กับมหาอำนาจ นี่คือลูกผู้ชายอย่างแท้จริง!องค์ชายใหญ่และฮั่วเจิ้นหลงอีกทางด้านหนึ่งร่างขมวดคิ้วมุ่น ในใจเกิดความรู้สึกซับซ
พริบตาเดียว ขุนนางใหญ่กว่าครึ่งคุกเข่าขอร้องแทนองค์ชายห้า เกิดเป็นภาพสะเทือนขวัญเห็นภาพตรงหน้า ฉินอวิ๋นฟานหน้าครึ้มจนแทบจะกลั่นออกมาเป็นหยดน้ำ อิทธิพลขององค์ชายรองน่ากลัวดังคาด คิดจะฆ่าองค์ชายองค์หนึ่ง น่ากลัวว่าจะยากปานขึ้นสวรรค์เวลานี้ไท่ซั่งหวงลำบากใจแล้ว เหล่าขุนนางบีบคั้น ทำให้เขารู้สึกไร้กำลังอย่างหนัก ด้านหนึ่งคือกฎหมายและความยุติธรรม ด้านหนึ่งคือสายใยเลือดข้นกว่าน้ำและการขอร้องของพวกขุนนางหากเขายืนอยู่ฝั่งฉินอวิ๋นฟานก็จะหมายถึงเขาไม่คำนึงถึงสายใยครอบครัว เป็นคนอำมหิตไร้หัวใจถ้าเขาเปิดปากมอบทางสะดวกให้เจ้าห้า เช่นนั้นเท่ากับยอมรับอภิสิทธิ์และความเน่าเฟะโดยปริยาย ชีวิตของประชาชนก็คือชีวิตต่ำต้อย อยู่ต่อหน้าอำนาจราชวงศ์ไร้ซึ่งความหมายเห็นเสด็จปู่เงียบอยู่นาน ฉินอวิ๋นฟานรู้ว่าเขากำลังลำบากใจ สมกับที่เป็นเสด็จปู่ ยิ่งยืนอยู่ที่สูงยิ่งมองเห็นไกล การที่เขาไม่แสดงท่าทีเพียงพอกับฉินอวิ๋นฟานแล้ว“พวกเจ้าไม่ต้องขอร้องแล้ว ขอไปก็ไม่มีประโยชน์ ต่อให้เสด็จปู่รับปากพวกเจ้า วันนี้ข้าก็ยังต้องเอาชีวิตฉินอวิ๋นผู่ เง็กเซียนฮ่องเต้มาก็ไร้ความหมาย”สิ้นเสียงฉินอวิ๋นฟาน ทั้งงานตะลึงงัน ส
“ฮ่า ๆ ๆ...มา ชนแก้ว!”ภายใต้แสงขมุกขมัว ทั้งสี่จรดสุราหมดจอก ฉินอวิ๋นฟานที่หิวไส่กิ่วสวาปามราวกับพายุ ไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็กวาดอาหารโอชาบนโต๊ะไปกว่าครึ่งเวลานี้มู่หรงจิ่น หลู่เซียงหลิงและเสี่ยวจวี๋ก็ดื่มจนแก้มแดงก่ำแล้ว งดงามอ้อนแอ้นจนอยากจะเด็ดมาดอมดม พวกนางกระดากใจยิ่งหนัก หลังจากอิ่มเอมกับสุราอาหารแล้ว ฉินอวิ๋นฟานก็ไม่สะกดอารมณ์พลุ่งพล่านอีกต่อไป โอบสองดรุณีไปยังเตียงทันที“สุดที่รักของข้า ข้าคิดถึงพวกเจ้าจะตายอยู่แล้ว!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย กระโจนใส่พวกนางโดยตรง สองดรุณีราวกับกระต่ายน้อยตื่นตกใจ ส่งเสียงร้อง “อ๊ะ” ออกมาทีหนึ่งจึงรีบมุดเข้าไปอยู่ด้านในของเตียง ยิ่งพวกนางเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานก็ยิ่งคึก“แหะ ๆ ร้องใช่ไหม คืนนี้จะให้พวกเจ้าร้องไห้เสียงแหบเสียงแห้งไปเลย!”ฉินอวิ๋นฟานเลียริมฝีปาก ความปรารถนาปะทุขึ้นโดยสิ้นเชิง เบื้องล่างท้องน้อยเร่าร้อนยากจะทานทนนานแล้ว ‘แควก’ ทีหนึ่ง เครื่องนุ่งห่มบนตัวฉีกขาด เผยกล้ามเนื้อแข็งแรงทั่วร่าง กลิ่นอายบุรุษเข้มข้นทำให้ลมหายใจของสามดรุณีกระชั้น กระนั้นกลับมิอาจสะกด ฉินอวิ๋นฟานเสือตะครุบอีกหน คว้าเท้าเล็กของหลู่เซียงหลิงเอาไว
ฉินอวิ๋นฟานตบบ่าหวังอันสือเบา ๆ แล้วกล่าวคำพูดจากใจ “ขุนนางในอนาคตของต้าเฉียนจะกระจ่างใสได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”“รัชทายาทโปรดวางใจ ข้าน้อยจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่นอนขอรับ!”หวังอันสือตื้นตันจนน้ำตานองหน้า ถ้อยคำสวยงามใดก็มิอาจบรรยายความรู้สึกในขณะนี้ของเขา ในที่สุดก็มีเวทีแสดงปณิธานซึ่งมีอยู่เต็มอกของเขาแล้ว ในโลกอันขุ่นมัวนี้ ในที่สุดเขาก็ได้แสดงฝีมือสักทีและสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกโชคดีคือ เขาได้พบกับป๋อเล่อ ผู้มีจุดมุ่งหมายและทิศทางปณิธานเดียวกับเขา มอบโอกาสพลิกชะตาให้กับเขาครั้งหนึ่งเมื่อได้รับคำตอบยืนยันของหวังอันสือ ฉินอวิ๋นฟานคลี่ยิ้มพึงพอใจ จึงออกไปจากห้องและตรงไปยังตำหนักรัชทายาท...“พี่อวิ๋นฟาน ท่านคงหิวแย่แล้วกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานเพิ่งกลับมาถึงตำหนักที่พัก จิ่นเอ๋อร์ก็รีบเดินมาต้อนรับ ส่วนเสี่ยวจวี๋และเซียงหลิงต่างประกบอยู่ทางซ้ายและทางขวาจู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็รู้สึกว่าตำหนักที่พักต่างออกไปจากปกติ ปกติจะมีนางกำนัลรับใช้อยู่ในจวนอย่างน้อยสี่คน ทว่าวันนี้กลับไม่มีแม้แต่คนเดียว ทั้งตำหนักมีเพียงผู้หญิงสามคนเท่านั้น คือจิ่นเอ๋อร์ เซียงหล
“รัชทายาท ท่านจะหารือเรื่องใหญ่กับข้าน้อยหรือขอรับ?!”เห็นท่าทางจริงใจของฉินอวิ๋นฟาน หวังอันสือร่างสะท้านเล็กน้อย ฉินอวิ๋นฟานคือรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินต้าเฉียนผู้สูงส่ง กลับมีเรื่องจะหารือกับเขา? มันมิควรเป็นคำสั่งหรือ?ฉินอวิ๋นฟานเปลี่ยนไปราวกับคนละคน ทำให้หวังอันสือสงบใจไม่ได้อยู่นาน ท่าทางเข้าหาได้ง่ายของฉินอวิ๋นฟานกับรัชทายาทผู้แข็งกร้าวราวกับเทพสังหารสถิตร่างที่เขาเพิ่งพบเมื่อครู่ต่างกันโดยสิ้นเชิงฉินอวิ๋นฟานพูดเป็นการเป็นงาน “ถูกต้อง หากจะพูดกันจริง ๆ ก็คือข้ามีเรื่องจะขอร้องเจ้า!”“มี มีเรื่องขอร้องข้าน้อย?”หวังอันสือสับสนมากกว่าเดิม เขาเป็นแค่ขุนนางระดับหก อาจารย์ต่ำต้อยคนหนึ่ง ไม่ว่าคนใดในเมืองหลวงที่ถูกบีบตายได้ง่าย ๆ น่ากลัวว่าจะมีอิทธิพลและฐานะเหนือเขา ฉินอวิ๋นฟานจะมีเรื่องขอร้องเขาได้อย่างไร?“หวังอันสือ ข้าได้ตรวจสอบเรื่องเกี่ยวกับเจ้ามาคร่าว ๆ ทั้งหมดแล้ว เจ้าคือผู้มีความสามารถที่ข้าต้องการจริง”ฉินอวิ๋นฟานเข้าประเด็นทันที “เจ้าน่าจะรู้ดีว่าตอนนี้ต้าเฉียนเป็นยังไง ถึงภายนอกดูสงบ แต่ความจริงคือคลื่นใต้น้ำ บรรดาองค์ชายและขั้วอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังต่อสู้กันจน
หลู่หนีสีหน้าเคร่งขรึม แสดงท่าทีอีกครั้ง เขารู้ว่าฉินอวิ๋นฟานเป็นคนเด็ดขาดฉับไว ในเมื่อฉินอวิ๋นฟานมอบงานนี้เขาก็ต้องเชื่อใจเขาหมดหัวใจอยู่แล้วอีกทั้งเรื่องนี้ยังสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อฉินอวิ๋นฟาน เป้าหมายของเขาชัดเจนมาก นั่นก็คือทำงานนี้ให้สำเร็จ สิ่งของเงินทองฉินอวิ๋นฟานทุ่มทุนมาก“เวลากระชั้นชิด พรุ่งนี้พวกท่านก็ออกเดินทางไปเมืองจัวเถอะ เรื่องนี้ต้องทำที่เมืองจัว หลิวเป้ยจะให้ความช่วยเหลือมอบความสะดวกทั้งหมดกับพวกท่านเอง ต้องการอะไรก็บอกได้เต็มที่ พวกท่านแค่ทุ่มเทกายใจทำงานก็พอ”ฉินอวิ๋นฟานกล่าวเสียงหนัก“เมีองจัว?”หลู่หนีลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบ “ก็ดี เมืองจัวเป็นคนของรัชทายาทเกือบทั้งหมด พวกเราแค่ทุ่มเทกายใจกับการผลิตก็พอ เช่นนี้จะลดอุปสรรคลงด้วย”......หลังจากกำชับทุกเรื่องเสร็จก็ดึกมาแล้ว ฉินอวิ๋นฟานลากร่างอันอ่อนล้ามายังที่รักษาตัวของพวกหวังอันสือ หลังจากทำความเข้าใจ ฉินอวิ๋นฟานพบว่าหวังอันสือคนนี้มีส่วนคล้ายคลึงกับหวังอันสือในสมัยซ่งเหนือบางส่วนดังนั้นฉินอวิ๋นฟานจึงรู้สึกเห็นใจขึ้นมาเพราะเวลานี้เขากำลังอยู่ในช่วงที่ต้องการคน หากหวังอันสือเป็นเหมือนกับหวังอันสือในประวัต
“ข้าเข้าใจความรู้สึกของพวกท่านในตอนนี้ดี”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยท่าทางมั่นใจ “ความจริงไม่ว่าข้าจะอธิบายกับพวกท่านยังไงก็เข้าใจยากอยู่ดี เพราะนี่คือการปฏิรูปอุตสาหกรรมล้ำยุค ในอดีตทุกคนต่างเรียกมันว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรก”หลู่หนีถามด้วยใบหน้างุนงง “ปฏิวัติอุตสาหกรรม? นั่นคือสิ่งใดหรือขอรับ?”“อื่ม! จะว่ายังไงดีล่ะ?”ฉินอวิ๋นฟานลูบคางพิจารณาครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย “ข้าจะยกตัวอย่างง่าย ๆ ให้พวกท่านฟังก็แล้วกัน ในสังคมศักดินาที่ทำการเกษตรเป็นหลัก ในตอนที่ชาวบ้านรดน้ำ ส่วนมากแล้วจะใช้กำลังคนเป็นสำคัญ ไม่เพียงแต่ประสิทธิภาพต่ำ หนำซ้ำยังต้องใช้แรงงานเยอะมาก”“ทว่านับจากท่านหลู่ปันคิดค้นกังหันน้ำและระหัดวิดน้ำขึ้นมาก็เพิ่มประสิทธิภาพในการรดน้ำสูงขึ้น ทั้งยังประหยัดแรงงานไปเยอะ นี่ก็คือการพัฒนาทักษะในการเพาะปลูก และสามารถเรียกได้ว่าเป็นการปฏิวัติทางเกษตรกรรม”“ดังนั้นเครื่องจักรนี้ของข้าซับซ้อนกว่าระหัดวิดน้ำมากกว่า แต่ปริมาณบรรจุขนส่งและแรงขับเคลื่อนของมันมีมากกว่ารถม้ามหาศาล ทำให้ประสิทธิภาพในการทำการค้าสูงขึ้น นี่ก็คือการปฏิวัติอย่างหนึ่งของการค้าและการเดินทาง ข้าเรียกมันว่าการปฏิวัติ
“ปืนใหญ่สนามอิตาลี? ชื่อช่างน่ามหัศจรรย์นัก!” หลู่หนีพูดด้วยใบหน้าสับสน!ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะน้อย ๆ ไม่ได้อธิบายมาก เขามองไปทางหลู่หนีแล้วพูดขึ้นอีก “ช่างใหญ่หลู่หนี ท่านทำเจ้าเหล็กนี้เถอะ ต้องระวังให้มาก จะดูแคลนอานุภาพของมันไม่ได้”“อ้อ? นี่คือสิ่งใดหรือ?”หลู่หนีรับภาพที่ฉินอวิ๋นฟานส่งมา ภาพนี้ไม่ใหญ่ ในนั้นมีแต่วัตถุทรงกลม ข้างบนมีแหวนอันหนึ่ง หลู่หนีเห็นแล้วทำหน้าฉงน“เจ้าสิ่งนี้เรียกว่าระเบิดมือ เอาไว้ใช้ป้องกันตัวในยามคับขันจะดีที่สุด ตอนท่านทำต้องป้องกันความปลอดภัย หากไม่เข้าใจอะไรก็มาถามข้าทันที”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย“ขอรับ! ข้าน้อยต้องตั้งใจทำแน่นอน!”ติดตามฉินอวิ๋นฟานมานานอย่างนี้ หลู่หนีรู้ดี หากฉินอวิ๋นฟานกำชับเช่นนี้ นั่นแสดงว่ามันต้องไม่ธรรมดา แม้มีขนาดเล็ก แต่จะมองข้ามไม่ได้เด็ดขาด เขาไม่กล้าประมาทสักนิด!“เอาละ ตอนนี้เหลือเรื่องที่สำคัญที่สุดอีกหนึ่งเรื่อง จำเป็นต้องให้พวกท่านสามคนทำให้สำเร็จ!”จู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็ขึงขังขึ้นมา เขาหยิบภาพเจ็ดแปดภาพมากองอยู่ตรงหน้าทุกคน ฉินอวิ๋นฟานวาดภาพพวกนี้เสร็จตั้งแต่อยู่ที่เมืองอู่โจว และสิ่งนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งในแผนการของเขาซึ่งมีค
“นายช่างใหญ่ทั้งสองเกรงใจแล้ว!”ฉินอวิ๋นฟานรีบสองก้าวรวบเป็นหนึ่งไปข้างหน้า คว้ามือของพวกเขาเอาไว้ก่อนจะกล่าวอย่างไมตรีจิต “เป็นพี่น้องบ้านเดียวกัน ไยต้องยึดติดกับขนบธรรมเนียมพื้น ๆ พวกนี้ด้วย? รีบเชิญข้างในเถอะ!”ฉินอวิ๋นฟานมีไมตรีเช่นนี้ทำให้หลู่เซินและหลู่เหมี่ยวต่างตกใจอย่างไม่เคยประสบ ประทับใจอย่างยิ่ง ส่วนหลู่หนีที่อยู่ด้านข้างเห็นแล้วตาค้างไปเลย พลางตะลึงถอนใจในใจ ‘เจ้าหมอนี่ ไม่เห็นเหมือนเมื่อกี้นี้เลยนี่!’ไม่นานพวกเขาก็มาถึงห้องหนังสือ หลังจากสนทนากันอย่างเรียบง่ายประมาณหนึ่งแล้ว การสนทนาของพวกเขาก็เข้าสู่ประเด็นหลัก และนี่ก็คือจุดประสงค์ที่ฉินอวิ๋นฟานเรียกหลู่หนีมาฉินอวิ๋นฟานกล่าวเสียงหนัก “ช่างใหญ่หลู่หนี ที่ข้าตามพวกท่านมาเพราะมีงานสำคัญมากงานหนึ่ง และเป็นภารกิจยากเย็นแสนเข็ญจะมอบให้พวกท่าน หวังว่าพวกท่านจะทำสำเร็จได้”“ภารกิจยากเย็นแสนเข็ญ?”เมื่อทั้งสามได้ยินก็พลันเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังขึ้นมา ที่พวกเขามาก็เพื่อทำงาน สามารถมีภารกิจสำคัญได้ย่อมเป็นเรื่องดี!“หลังจากดัดแปลงหน้าไม้ของเราแล้ว รูปโฉมก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เอเคสี่สิบแปดพัฒนาอานุภาพได้น่ากลัวถึงขีดสุดแ
ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้วถาม “ท่านก็รู้ ของที่พวกเราสร้างกันขึ้นมาล้วนเป็นเทคโนโลยีสุดล้ำ ทันทีที่เล็ดลอดออกไปจะเป็นการโจมตีพวกเราถึงตาย ดังนั้นข้ายอมให้ช้าลงหน่อยก็ไม่กล้าให้คนที่ไม่คุ้นเคยสอดมือยุ่งเรื่องนี้”ฉินอวิ๋นฟานย่อมเชื่อถือหลู่หนีเต็มร้อยอยู่แล้ว เพราะพวกเขาร่วมมือกันหลายเดือนเต็ม ๆ อีกอย่างลูกสาวของหลู่หนีก็กลายเป็นภรรยาของเขาแล้ว ไม่มีเหตุผลที่หลู่หนีจะหักหลังแต่คนนอกไม่เหมือนกัน ทันทีที่พวกเขาขโมยเทคโนโลยีหลักของเขาไป นั่นได้เดือดร้อนแล้ว เมื่อเทคโนโลยีสุดล้ำอย่างเอเคสี่สิบแปดผลิตในบ้านเมืองอื่น เช่นนั้นโลกใบนี้จะบังเกิดกลียุคแล้ว “รัชทายาทวางใจได้ พวกเขาสองคนคือศิษย์พี่หกและศิษย์พี่เจ็ดของข้าน้อย พวกเราสามคนโตมาด้วยกันแต่เล็ก สนิทกันมาก เชื่อได้แน่นอน และฝีมือของพวกเขาก็ไม่ด้อยไปกว่าข้าน้อยด้วย”หลู่หนีทุบอกรับประกัน “อันที่จริงที่อาจารย์ส่งพวกเขามาก็เป็นเพราะข้าน้อยเอ่ยปาก อย่างไรเสีย ลำพังข้าน้อยคนเดียวมีความจำกัดเรื่องความเร็ว ถ้าได้คนที่มีฝีมือดีมาช่วยเหลือ ต้องสำเร็จแบบทุ่นแรงได้มากแน่นอน”“อีกอย่าง อาจารย์ของข้าน้อยจัดเป็นขั้วอิทธิพลยุทธภพ ยึดมั่นกับการประดิษฐ์คิด
“นั่นสิ จุดยืนของฟานเอ๋อร์ในเวลานี้ไม่สู้ดีนัก ข้าก็สนับสนุนเขาโจ่งแจ้งไม่ได้ ไม่รู้ว่าต่อจากนี้เขาจะต้องเจอกับอะไรสิน่า?”ไท่ซั่งหวงพูดอย่างกังวลเล็กน้อย “หวังว่าในตอนที่ข้ายังมีชีวิตอยู่จะได้เห็นภาพต้าเฉียนสงบสุขร่มเย็น รุ่งเรืองแข็งแกร่ง ถึงตอนนั้นข้าก็วางใจหลับตาได้แล้ว!”......หลังจากสะสางงานเสร็จ หวังอันสือและคนอื่น ๆ ก็ถูกฉินอวิ๋นฟานเชิญที่ไปจวนรัชทายาท ทั้งเชิญหมอหลวงมาตรวจอาการรักษาพวกเขาโดยเฉพาะ“รัชทายาท ขอบคุณท่านอีกครั้งที่ช่วยเซียงหลิง...”หลู่หนีเพิ่งตามฉินอวิ๋นฟานเข้าห้องหนังสือมาก็อ้าปากพูดในฐานะที่เป็นคนซึ่งปราศจากตำแหน่งพิเศษ การต่อต้านหน่วยงานใหญ่อย่างสำนักศึกษาหลวงคือการรนหาที่ตายอย่างมิต้องสงสัย ฉินอวิ๋นฟานปรากฏตัวทันเวลา ทั้งยังทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยบุตรสาว นี่ทำให้หลู่หนีทราบซึ้งใจยิ่งนักในอดีต เขาถูกการประดิษฐ์ของฉินอวิ๋นฟานสยบ ดังนั้นจึงเข้าร่วมกับฉินอวิ๋นฟาน กระนั้นเขาไม่อยากให้บุตรสาวกลายเป็นผู้หญิงของอีกฝ่าย ทว่าความจริงได้พิสูจน์แล้ว ฉินอวิ๋นฟานคือคนที่ควรค่าแก่การฝากฝังเพิ่งจัดการขุนนางทุจริตที่ปกป้องพวกพ้องเดียวกันฝูงหนึ่งเสร็จ ฉินอวิ๋นฟานยังต