ไม่มีใครรู้ซึ้งถึงน้ำหนักในคำพูดของฉินอวิ๋นฟานไปมากกว่าฮั่วเจิ้นหลงอีกแล้ว ในฐานะที่เป็นแม่ทัพคนหนึ่ง คือที่พึ่งพิงที่สุดของจักรพรรดิ และเป็นส่วนที่อ่อนไหวที่สุดของจักรพรรดิทันทีที่ถูกจักรพรรดิสงสัย ฆ่าล้างตระกูลอยู่ที่เวลาเท่านั้น ยามนี้เป็นช่วงสำคัญของการชิงบัลลังก์ จักรพรรดิองค์ใหม่จะขึ้นครองราชย์ในอีกไม่ช้า และท่าทีของเขาที่มีต่อฉินอวิ๋นฟาน จะทำให้องค์ชายองค์อื่น ๆ ระแวงเหมือนกัน ฮั่วเจิ้นหลงจึงเลือกประนีประนอมต่อหน้าธารกำนัลอย่างไม่ลังเลสักนิดเวลานี้ ทุกคนในที่นั้นต่างตกใจสุดขีด นี่คืออดีตเทพสงครามแห่งยุคของต้าเฉียนเชียวนะ ยกทัพจับศึก ไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตา สมัยที่อดีตฮ่องเต้ยังมีพระชนม์อยู่ เคยขนานนามฮั่วเจิ้นหลงว่าเทพนักรบอันดับหนึ่งแห่งต้าเฉียนกลับถูกรัชทายาทที่เป็นเด็กน้อยสยบ คุกเข่าลงต่อหน้าธารกำนัล“ท่านพ่อตา ท่าน ท่านคุกเข่าให้เจ้าโง่นี่ได้ยังไง?”ตอนนี้องค์ชายใหญ่หัวเสียอย่างยิ่ง ท่านพ่อตาเป็นใคร? ต่อให้เสด็จพ่อยังอยู่ก็ยังต้องไว้หน้าเขาบางส่วน จะก้มหัวให้ไอ้ขยะนี่ได้ยังไง?ในสายตาของเขา ฉินอวิ๋นฟานไม่ใช่อะไรทั้งนั้น ถึงจะเก่งหน่อยแล้วยังไง? สถานการณ์ของต้าเฉียนใ
แต่พวกเขาไม่เลือกก้าวออกมาในตอนนี้ เวลายังอีกยาวไกล พวกเขาไม่อยากล่วงเกินเหมียวชิงอีต่อหน้าทุกคน อย่างไรนางก็เป็นผู้ครองแคว้น มีฐานะอยู่“ฝ่าบาท เช่นนั้นเงื่อนไขข้อที่สามล่ะพ่ะย่ะค่ะ?”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มน้อย ๆ พลางพูดเหมียวชิงอีตอบ “อยากรู้เงื่อนไขข้อที่สาม ท่านต้องบรรลุสองเงื่อนไขแรกก่อน มิเช่นนั้นก็ไม่มีความจำเป็นต้องรู้เงื่อนไขข้อสุดท้ายแล้ว”“เอ่อ...ได้!”ฉินอวิ๋นฟานมุมปากกระตุกนิด ๆ ทำไมรู้สึกเหมือนเป็นแผนหลอกล่อในยุคปัจจุบันเลยนะ? วางกับดักหนึ่งไว้ก่อน รอจนเขาไปถึงแล้วก็ย้ายไปอีก?แต่ฉินอวิ๋นฟานสู้แล้วโว้ย เพื่อให้ได้นั่งตำแหน่งสูงสุดนั้น เพื่อให้ได้กอดสาวงาม ความพยายามทั้งหมดมันคุ้ม! เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเงื่อนไขข้อที่สามของเหมียวชิงอีคืออะไรกลับไม่รู้เลย เงื่อนไขข้อที่สามมันจะนำวิกฤตอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนมาให้ฉินอวิ๋นฟาน และทำให้เขาได้สัมผัสกับความหฤหรรษ์สุดขีดในแดนมนุษย์...“รายงาน!!!”กว่าจะได้ชัยในท้ายที่สุด ขณะฉินอวิ๋นฟานกำลังจะตั้งเงื่อนไข จู่ ๆ ที่ไม่ไกลจากลานฝึกยุทธ์มีเสียงรายงานรีบร้อนมา ชายในชุดเกราะคนหนึ่งคุกเข่าอยู่กลางลานด้วยสีหน้าร้อนรนทุกคนหน้านิ่วค
“เสด็จปู่ หม่อมฉันแจกจ่ายเงินบรรเทาภัยพิบัติไปตั้งนานแล้วพ่ะย่ะค่ะ พวกดื้อด้านพวกนี้จงใจหาเรื่อง หม่อมฉันจะไปจับพวกมันมาให้หมด ดูสิว่ายังกล้าก่อเรื่องอีกหรือไม่”ไม่รอให้ทุกคนเอ่ยปาก องค์ชายห้าฉินอวิ๋นผู่ก้าวออกมาเลย เรื่องบรรเทาภัยพิบัติครั้งนี้อยู่ในความรับผิดชอบของเขา เกิดชุมนุมขนาดใหญ่เช่นนี้ เขาย่อมปัดความรับผิดชอบไม่ได้ทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘พวกดื้อด้าน’ ไท่ซั่งหวงสีหน้าดำทะมึนทันที แทบจะควบแน่นออกมาเป็นน้ำได้อยู่แล้ว การบรรเทาภัยพิบัติของทุกครั้ง ถ้าไม่เกิดปัญหาตรงนี้ก็ต้องเกิดปัญหาตรงนั้น เกือบหนึ่งศตวรรษเป็นเช่นนี้มาโดยตลอด นี่ทำให้เขากลัดกลุ้มนักยามนี้ เหมียวชิงอีสีหน้าปั้นยากอย่างหาที่เปรียบมิได้ ต้าเฉียนคือหนึ่งในเก้าแคว้นใหญ่ กลับปฏิบัติต่อประชาชนเช่นนี้? เอะอะก็คือพวกดื้อด้าน มาถึงไม่ถามต้นสายปลายเหตุก็ใช้กำลังกดขี่?“หยุดนะ!”ขณะองค์ชายห้ากำลังจะไปก็ถูกฉินอวิ๋นฟานเรียกหยุดโดยตรง สองตาของเขาเย็นเฉียบ เอ่ยว่า “พวกดื้อด้านหาเรื่อง? นี่ก็คือท่าทีที่ท่านปฏิบัติต่อประชาชนหรือ?”ในฐานะที่เป็นทหารหน่วยรบพิเศษที่พยายามไต่เต้ามาจากระดับล่างคนหนึ่ง ฉินอวิ๋นฟานรู้ซึ้งกับความไม
ฉินอวิ๋นฟานแววตาเยือกเย็นราวกับเทพแห่งความตายมาเยือน ในยุคปัจจุบัน ประชาชนบางทีอาจเพราะไม่มีที่ให้ส่งเสียง หรืออาจเพราะมีเด็กที่เป็นจุดอ่อน ถูกคนรังแกเสียทุกเรื่อง ได้แต่เลือกอดทนเก็บมันเอาไว้แต่ในยุคโบราณไม่เหมือนกัน เขามีโอกาสและอำนาจเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง ย่อมไม่ให้โศกนาฏกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นอีก“ฉินอวิ๋นฟาน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้เจ้ากำลังทำอะไรอยู่ รู้หรือไม่ว่าที่อยู่ใต้เท้าเจ้าไม่ใช่แค่องค์ชายห้า ยิ่งเป็นเกียรติของราชวงศ์ต้าเฉียน”องค์ชายรองจ้องฉินอวิ๋นฟานด้วยโทสะ หากได้แต่สะกดเพลิงโกรธในใจ เขายังไม่มีวิธีที่ดีเพราะเรื่องนี้น้องห้าทำไม่ถูกจริง ภายใต้สายตาของทุกคน เขาจะเข้าข้างมากเกินไปก็ไม่ได้ ได้แต่ข่มฉินอวิ๋นฟาน ให้เขารู้สึกกลัวและยอมถอย“เฮอะ ช่างน่าขัน เมื่อกี้ตอนที่พี่ห้าด่าทอลบหลู่ผู้ลี้ภัยต้าเฉียนเราเคยคิดถึงเกียรติของราชวงศ์ต้าเฉียนหรือไม่? ตอนนี้ท่านกลับมาตำหนิข้าหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานแค่นเสียงหัวเราะพลางพูด“เจ้า... ฉินอวิ๋นฟาน เจ้าอย่าทำเกินไปนักนะ เรื่องเล็กเรื่องหนึ่งเท่านั้น ต้องกัดไม่ปล่อยขนาดนี้หรือ? เจ้าตั้งใจจะหาเรื่องให้ได้ใช่ไหม?”ฉินอวิ๋นฮุยหรี่ดวงตาทั้งคู่
“รัชทายาท โปรดระวังภาพพจน์ของตัวเองด้วย ฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวยังประทับอยู่ เรื่องนี้อดีตฮ่องเต้ทรงจัดการด้วยองค์เอง องค์ชายห้ามีความผิดจริง แต่ท่านก็ไม่มีสิทธิ์ชี้นิ้วกระมัง?”หูหมิงชิงเป็นเจ้ากรมอาญาเป็นสุนัขรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ขององค์ชายรอง เห็นองค์ชายรองถูกลบหลู่เหยียดหยามอนาถขนาดนี้ เขาทนดูไม่ได้จริง ๆ ได้แต่ทำหน้าขึงขังก้าวออกมาปรามไม่ให้ฉินอวิ๋นฟานด่าต่อ“ข้ามีภาพพจน์อะไรเกี่ยวอันใดกับลมผายเจ้า? จะสั่งสอนข้า เจ้าก็คู่ควรรึ? ไม่ดูสารรูปตัวเองเสียบ้าง เป็นถึงเจ้ากรมอาญา ทำตัวเยี่ยงสุนัขรับใช้ เห็นแล้วยังทำให้คนขยะแขยง”เผชิญหน้ากับหูหมิงชิง ฉินอวิ๋นฟานยังคงแข็งกร้าวเหลือประมาณ ไม่ไว้หน้าเขาสักนิด ชี้จมูกด่าเขาต่อภาพนี้ทำให้ทุกคนตาค้างไปเลย รัชทายาทน่ากลัวเหลือเกิน ปากคมเช่นกรรไกร สามารถด่าให้คนตายทั้งเป็นได้ คนอื่นเขาทำสงครามลิ้นโต้คารมกับบรรดาปราชญ์ขงจื้อ เขากลับดี ปากด่าองค์ชายผู้สูงส่ง“ท่าน ไม่มีขอบเขตสักนิด!”หูหมิงชิงเดือดจนจมูกบูดเบี้ยว บัณฑิตเจอทหาร มีหลักการพูดไม่ชัดโดยแท้ ไม่อาจปรับความเข้าใจกันได้ คนผู้นี้กำลังหน้ามืด อ้าปากก็ด่าคน รับไม่ได้จริง ๆภาพนี้ทำเอาเหมีย
สำหรับผู้ที่สามารถได้รับอำนาจจริงเหล่านั้น พวกเขากลับหวังว่าภัยพิบัติจะมาถึง เพราะมีเพียงเช่นนี้ พวกเขาจึงสามารถได้ผลประโยชน์อย่างโจ่งแจ้ง สำหรับความเป็นความตายของประชาชน พวกเขากลับไม่สนใจก็เหมือนกับเรื่องหนึ่งที่ฉินอวิ๋นฟานเคยประสบในยุคปัจจุบัน ในช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิต จู่ ๆ กลับมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ทำให้ข้าวสาลีงอกและขึ้นรา หลังจากผู้เชี่ยวชาญยี่สิบกว่าคนวิจัยหลายวันหลายคืน สุดท้ายได้ข้อสรุปว่าต้องอบข้าวสาลีให้ความชื้นน้อยลง สุดท้ายจึงได้เงินสองร้อยล้านสำหรับเรื่องการอบก็คือโยนหินลงแม่น้ำ กระทั่งว่าไม่มีชาวบ้านรู้ว่าการอบมันคืออะไร และไม่เคยมีชาวบ้านเคยเห็นว่าต้องอบด้วยวิธีการไหน จบไปทั้งอย่างนั้นดังนั้นฉินอวิ๋นฟานต้องการให้ฉินอวิ๋นผู่เปิดเผยความผิดอันชั่วร้ายของตัวเองต่อหน้าทุกคน เขาต้องการเชือดไก่ให้ลิงดู ให้ทุกคนได้เห็นจิตใจที่พยายามปกครอง มิใช่แค่การพูดปากเปล่า“น้อง น้องเจ็ด พวกเรามีอะไรคุยกันดี ๆ ได้หรือไม่? เจ้าปล่อยข้าก่อนนะ ข้าต้องบอกเจ้าแบบไม่มีตกหล่นแน่นอน ได้หรือไม่?”ฉินอวิ๋นผู่ลนลานแล้ว เขาลนลานโดยสิ้นเชิง พี่รองออกหน้า ไม่เพียงแต่ช่วยเขาไม่ได้ กลับกัน ยังถูกฉินอว
ห่าวเจี้ยนที่ขอร้องเนื้อตัวสั่นเทา ในฐานะที่เป็นขุนนางใหญ่ของต้าเฉียน กินเสียจนหัวหมูหูกาง คงยักยอกเงินไปไม่น้อยสินะ? เจ้าหัวหมูที่กินเลือดของคนจนอ้วนตุ๊ต๊ะ ไม่เชือดมันยากจะสลายความแค้นในใจฉินอวิ๋นฟานได้“คาดว่าเจ้าน่าจะรู้ว่าเมื่อสามวันก่อนหยางอี๋กับหยางกุ้ยเฟยตายอย่างไร”ฉินอวิ๋นฟานเลิกคิ้วน้อย ๆ พูดด้วยสีหน้าเย็นชา “แต่ไหนมาข้าเด็ดขาดเสมอ ให้โอกาสเจ้า เสียดายเจ้าไม่ถนอม ข้ากำลังต้องการหัวคนปลอบขวัญผู้ลี้ภัยอยู่พอดี เจ้าห่าวเจี้ยนเหมาะสมที่สุด ลำบากเจ้าแล้วนะ”ฉินอวิ๋นฟานจะใช้รูปแบบการบีบคั้นชักจูงทำให้ห่าวเจี้ยนติดกับ คนที่ใกล้จะตาย จำเป็นต้องให้เขาทำคุณูประการให้ต้าเฉียนสักหน่อยขณะเดียวกันก็เพื่อปลูกฝังความคิดในใจทุกคนด้วย ต่อถ้ายังปากแข็งอีก ยามกลัวคนที่อยู่เบื้องหลัง ก็คงดูด้วยว่าตัวเองมีกี่ชีวิต“ไม่ ไม่ รัชทายาท ข้าน้อยคือเจ้ากรมโยธา รับผิดชอบงานก่อสร้างทั้งหมดในแคว้น การบริหารจัดการน้ำ การบรรเทาภัยพิบัติ ความเป็นอยู่ของราษฎรและอื่น ๆ”วิธีการเหี้ยมโหดของฉินอวิ๋นฟานเมื่อสามวันก่อน เขาเป็นขุนนางระดับเพดานของต้าเฉียน จะไม่รู้ได้อย่างไร? แต่เขากลัวอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลัง เ
ฉินอวิ๋นฟานตวาดทีหนึ่ง เสียงดังก้องไปทั่วบริเวณ เวลานี้อู่จ้านตกตะลึง จ้องฉินอวิ๋นฟานที่เด็ดขาด เขาในยามนี้เลือดร้อนพลุ่งพล่าน กระทั่งเห็นความน่าเกรงขามของราชันอยู่ในตัวของฉินอวิ๋นฟาน“รับทราบ!”ในฐานะที่เป็นองครักษ์ผู้จงรักของฉินอวิ๋นฟาน วาจาของเขาคือประกาศิต ไม่ว่าเป็นหรือตาย อู่จ้านอัญเชิญดาบใหญ่ข้างหลังออกมาในพริบตา สาวเท้ามาถึงข้างตัวห่าวเจี้ยนเห็นอู่จ้านมีกลิ่นอายเหี้ยมเกรียมทั้งตัวบนล่าง ห่าวเจี้ยนสะดุ้งปัสสาวะราดทันที รีบคุกเข่าขอร้อง “รัชทายาทไว้ชีวิตด้วย องค์ชายรองช่วยข้าน้อยด้วย ช่วยข้าน้อยด้วย!”“น้องเจ็ด เจ้าจะทำเกินไปแล้วนะ!”เขายอมลดตัวขนาดนี้แล้ว ไม่นึกว่าฉินอวิ๋นฟานกลับไม่ไว้หน้าสักนิด? นาทีนี้ องค์ชายรองเดือดดาลโดยสิ้นเชิงแล้วเขาเอ่ยเสียงเย็น “ใต้หล้านี้ยังใช่ใต้หล้าของต้าเฉียนเราหรือไม่? ก่อนที่เรื่องราวจะกระจ่าง ต่อให้เจ้าเป็นรัชทายาทต้าเฉียนก็ฆ่าขุนนางใหญ่ของต้าเฉียนตามอำเภอใจไม่ได้กระมัง?”“อ้อ? จะตราหน้าข้าหรือ? เจ้าก็คู่ควร?”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยใบหน้าไม่ใส่ใจ “ตามกฎหมายของต้าเฉียน ไม่ว่าขุนนางคนใดของต้าเฉียนที่ทุจริตเงินบรรเทาภัยพิบัติตลอดจนรับผิดชอบเป็