เวลานี้ สายตาของทุกคนรวมศูนย์อยู่ที่ตัวฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียว รอนางประกาศผลท้ายที่สุด พร้อมกันนั้นมันยังชี้ชะตาและอนาคตของต้าเฉียนกับแคว้นเหมียวทางชายแดนตะวันตกด้วยเหมียวชิงอีลุกขึ้นยืนเอ่ย “การมาต้าเฉียนในครั้งนี้ ข้าได้รับประโยชน์มากมาย การประลองบุ๋นบู๊วิเศษมาก แสดงท่วงทำนองของแคว้นใหญ่ออกมาให้เห็นจนสิ้น นี่คืองานเลี้ยงใหญ่ของการมองเห็นและได้ยิน...”“ในการประลองครั้งนี้ การแสดงของรัชทายาทโดดเด่นที่สุด ในหนามีบาง ชวนให้คนหวนรสไม่รู้จบ ไม่ว่าจะเป็นวรรณกรรมหรือฝีมือ ล้วนเป็นผู้ที่แสดงออกได้ยอดเยี่ยมที่สุด แต่...”พอพูดมาถึงตรงนี้ ทั้งงานเกิดเสียงอื้ออึงขึ้น“เกิดอะไรขึ้น? ฮ่องเต้หญิงตรัสชมเชยก่อน แล้วจู่ ๆ ก็หันเห คงไม่ใช่ว่าพระนางไม่พอพระทัยรัชทายาทกระมัง?”“นี่ นี่ใครจะรู้เล่า หากเป็นเช่นนั้น เช่นนั้นทรงมิต้องเลือกระหว่างองค์ชายใหญ่กับองค์ชายรองหรือ? เพราะในศึกชิงบัลลังก์ครั้งนี้ หลัก ๆ ก็อยู่ที่พวกเขาสามคนนั่นแหละ”“เฮ้อ รัชทายาทไร้ซึ่งอิทธิพล ต่อสู้เพียงลำพัง แม้จะคว้าชัยไปได้ แต่สุดท้ายก็ยังไม่เข้าสายพระเนตรของฮ่องเต้หญิงอยู่ดี อย่างไรการเกี่ยวดองของสองแคว้น อิทธิพลคือสิ่งสำ
การประกาศรับงานใหญ่แบบกะทันหันของฉินอวิ๋นฟาน ทำเอาคนทั้งงานอึ้งจังงังไปเลยเนื่องจากเกิดความไม่สงบภายในเมื่อสามสิบปีก่อน ทำให้เศรษฐกิจต้าเฉียนที่อยู่รั้งท้ายอยู่แล้วต้องสาหัสสากรรจ์กว่าเดิม แม้ยี่สิบปีนี้จะพยายามไล่ตามอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ยังรั้งท้ายอยู่ดี การจะแซงหน้าแคว้นอื่นเดิมก็เป็นภารกิจที่บรรลุไม่ได้อยู่แล้ว“รัชทายาท ท่านแน่ใจหรือว่าไม่ได้กำลังล้อเล่นกับข้าน่ะ?”เหมียวชิงอีในเวลานี้สับสนงงงวยไปหมดแล้ว จ้องฉินอวิ๋นฟานอยู่นาน พบว่าท่าทีของอีกฝ่ายเหมือนไม่ได้กำลังล้อเล่น ในราชสำนัก ทุกคำมั่นล้วนมีผลตามกฎหมาย มิใช่เรื่องล้อเล่นในหนึ่งปี การจะพัฒนาระดับเศรษฐกิจให้อยู่ห้าอันดับต้นของเก้าแคว้นเป็นความยากระดับนรก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสามอันดับต้นต้าเยียน ต้าเซี่ย รวมถึงแคว้นฉู่สามแคว้น เรียกได้ว่าเป็นเสาค้ำยันฟ้าสามต้นยักษ์ของโลกใบนี้ พวกเขาครอบครองผืนดินอุดมสมบูรณ์และพื้นราบส่วนใหญ่ของโลก การคมนาคมเจริญ เศรษฐกิจพัฒนารวดเร็ว มิใช่แคว้นอื่นอยากล้ำหน้าก็จะล้ำหน้าได้ต้าเฉียนมีปริมาณน้ำที่ค่อนข้างอุดม มีเนินเขาเป็นส่วนใหญ่ ทำให้การเพาะปลูกลำบากมาก เศรษฐกิจพัฒนาช้า เทียบกับเศรษฐกิจเ
“แม้ฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวจะไม่ตั้งเงื่อนไขเช่นนี้ หม่อมฉันก็ยังจะใช้มันเป็นปณิธานเหมือนเดิมพ่ะย่ะค่ะ ต้องมุมานะทำให้ชาวต้าเฉียนได้แจ้งเกิด และเป็นชะตาในชีวิตนี้ของหม่อมฉัน ไม่โทษไม่เสียใจพ่ะย่ะค่ะ”ฉินอวิ๋นฟานถ่ายทอดจิตวิญญาณความฮึกเหิมออกไป สะเทือนใจทุกคนทันที เลือดร้อนพลุ่งพล่าน ถูกพลังแรงกล้าของเขาส่งมาถึง ในใจบังเกิดความเคารพยำเกรง!“ดี ต้องมุมานะทำให้ชาวต้าเฉียนได้แจ้งเกิด ดี ชะตาไม่โทษไม่เสียใจ!”ยามนี้เหมียวชิงอีกยากจะปกปิดความตื่นเต้นในใจ ยังไม่พูดถึงว่าฉินอวิ๋นฟานจะทำได้หรือไม่ แต่แค่จิตใจที่มีต่อบ้านเมืองดวงนี้ ท่าทีที่เห็นไพร่ฟ้าชาวประชาเป็นหน้าที่ของตนก็คู่ควรให้นางเหมียวชิงอีกยกย่องแล้ว“ราชสำนักต้าเฉียนไม่มั่นคง แคว้นเพื่อนบ้านคิดแผนการ หนึ่งปีก่อน ห้าเมืองที่ติดกับเมืองจัวถูกแคว้นเยียนยึดครอง บัดนี้เมืองจัวอยู่ในภาวะขอบขันล่มสลาย อาจถูกแคว้นเยียนกลืนกินได้ทุกเมื่อ”“ดังนั้นเงื่อนไขที่สองก็คือ หวังว่าในหนึ่งปีนี้ รัชทายาทจะสามารถคุ้มครองเมืองจัว รักษาเส้นทางชีวิตระหว่างแคว้นเหมียวกับต้าเฉียนเอาไว้ได้”“อ้อ? มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้ว หันไปมององค
“เจ้า เจ้า...”“โมโหชะมัด มันน่าโมโหชะมัด!!!”ถูกฉินอวิ๋นฟานตำหนิต่อหน้าธารกำนัล องค์ชายใหญ่โกรธจนหน้าแดงหูแดง หนวดจิ๋มสั่นระริกเขาเคยต้องรับกับความอัปยศเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร? แม้เสด็จพ่อยังอยู่พลานามัยแข็งแรง ก็ไม่เคยตำหนิเขาด้วยเรื่องนี้มาก่อนความปราชัยเมื่อหนึ่งปีก่อนเท่านั้น กลับถูกฉินอวิ๋นฟานยกมาหยามหน้า ในใจคับแค้นอย่างหาที่เปรียบมิได้“รัชทายาท ท่านเกินไปแล้วนะ!”ตอนนี้เอง ฮั่วเจิ้นหลงที่รักษาท่าทางชราภาพเดินเหินไม่สะดวกตลอดก้าวออกมาอีกครั้งเขาเอ่ยเสียงหนัก “สองแคว้นเปิดศึก เกี่ยวพันถึงส่วนรวม จะปฏิเสธเพราะคำพูดเดียวของรัชทายาทได้หรือ? นี่มิใช่แค่มีเลือดร้อนก็พอ หากเผอเรอนิดเดียว เกรงจะมีภัยล่มแคว้น ขอถามรัชทายาท ท่านจะรับผิดชอบไหวหรือ?”“ในฐานะที่เป็นชายชาติทหารคนหนึ่ง ไม่ใช่แค่การมุ่งมั่นรักษาดินแดน ยิ่งต้องปกป้องบ้านพิทักษ์เมือง หากใช้อารมณ์ทำงาน ทำให้กองทัพเราถูกตีพ่าย นี่มิต้องเสียดินแดนมากขึ้นกว่าเดิมหรือ?”“อย่างไรท่านก็ยังเด็กเกินไป การมองเรื่องราวจะมองแค่ผิวเผินไม่ได้ ต้องยึดส่วนรวมเป็นหลัก!”ฮั่วเจิ้นหลงมั่นใจเต็มเปี่ยม น้ำเสียงหนาหนักประดุจราชสีห์เพศผู้ เนื
ในเมื่อเจ้าฉินอวิ๋นฟานหาเรื่องกับทางองค์ชายใหญ่ก่อน เขาย่อมยินดีราดน้ำมันลงบนกองไฟ“เหลวไหลทั้งเพ นี่คือการใส่ร้ายอย่างเห็นได้ชัด ท่านพ่อตาข้าจงรักภักดีต่อราชวงศ์ต้าเฉียนทุกยุคทุกสมัย ทำศึกเหนือใต้ เพื่อต้าเฉียนเรียกได้ว่าทุ่มเทสุดกำลัง จะมีใจคิดกบฏได้อย่างไร? พวกเจ้าก็คือแบบฉบับของการใส่ร้ายผู้อื่น”องค์ชายใหญ่ราวกับถูกเหยียบหาง วาวโรจน์ปานอสนีพิฆาต โกรธเกรี้ยวสิบส่วนฉินอวิ๋นฟานเห็นสายตาร้อนรนขององค์ชายใหญ่จึงเอ่ยเสียงเย็น “ข้าคือรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินของต้าเฉียน ให้ความสนใจกับเรื่องกองทัพคือหน้าที่ในความรับผิดชอบของข้า แม่ทัพผู้เฒ่าฮั่วกลับไม่ไว้หน้าข้าสักนิด นี่มิใช่มีชนักติดหลังแล้วคืออะไร?”ฉินอวิ๋นฟานฉวยความเป็นต่อไล่โจมตี หาเรื่องต่อ เขากลับอยากดูสิว่าตาแก่นี่คิดจะทำอะไร ขนาดรัชทายาทก็ยังไม่ไว้หน้า ไร้กฎหมายไร้ฟ้าจริง ๆ วันนี้ต้องสั่งสอนเสียหน่อยแล้ว“ใครบอกว่ามีชนักติดหลัง...”องค์ชายใหญ่อธิบายต่อ แต่ถูกฮั่วเจิ้นหลงห้ามเอาไว้ เขายังคงพูดด้วยสีหน้าดังเดิม “รัชทายาทปากคอเราะรายดังคาด ไอ้แก่อย่างข้าเกือบจะหลงกลแล้ว”“รัชทายาท ไม่ว่าเรื่องใดล้วนให้ความสำคัญกับหลักฐาน ใ
ไม่มีใครรู้ซึ้งถึงน้ำหนักในคำพูดของฉินอวิ๋นฟานไปมากกว่าฮั่วเจิ้นหลงอีกแล้ว ในฐานะที่เป็นแม่ทัพคนหนึ่ง คือที่พึ่งพิงที่สุดของจักรพรรดิ และเป็นส่วนที่อ่อนไหวที่สุดของจักรพรรดิทันทีที่ถูกจักรพรรดิสงสัย ฆ่าล้างตระกูลอยู่ที่เวลาเท่านั้น ยามนี้เป็นช่วงสำคัญของการชิงบัลลังก์ จักรพรรดิองค์ใหม่จะขึ้นครองราชย์ในอีกไม่ช้า และท่าทีของเขาที่มีต่อฉินอวิ๋นฟาน จะทำให้องค์ชายองค์อื่น ๆ ระแวงเหมือนกัน ฮั่วเจิ้นหลงจึงเลือกประนีประนอมต่อหน้าธารกำนัลอย่างไม่ลังเลสักนิดเวลานี้ ทุกคนในที่นั้นต่างตกใจสุดขีด นี่คืออดีตเทพสงครามแห่งยุคของต้าเฉียนเชียวนะ ยกทัพจับศึก ไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตา สมัยที่อดีตฮ่องเต้ยังมีพระชนม์อยู่ เคยขนานนามฮั่วเจิ้นหลงว่าเทพนักรบอันดับหนึ่งแห่งต้าเฉียนกลับถูกรัชทายาทที่เป็นเด็กน้อยสยบ คุกเข่าลงต่อหน้าธารกำนัล“ท่านพ่อตา ท่าน ท่านคุกเข่าให้เจ้าโง่นี่ได้ยังไง?”ตอนนี้องค์ชายใหญ่หัวเสียอย่างยิ่ง ท่านพ่อตาเป็นใคร? ต่อให้เสด็จพ่อยังอยู่ก็ยังต้องไว้หน้าเขาบางส่วน จะก้มหัวให้ไอ้ขยะนี่ได้ยังไง?ในสายตาของเขา ฉินอวิ๋นฟานไม่ใช่อะไรทั้งนั้น ถึงจะเก่งหน่อยแล้วยังไง? สถานการณ์ของต้าเฉียนใ
แต่พวกเขาไม่เลือกก้าวออกมาในตอนนี้ เวลายังอีกยาวไกล พวกเขาไม่อยากล่วงเกินเหมียวชิงอีต่อหน้าทุกคน อย่างไรนางก็เป็นผู้ครองแคว้น มีฐานะอยู่“ฝ่าบาท เช่นนั้นเงื่อนไขข้อที่สามล่ะพ่ะย่ะค่ะ?”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มน้อย ๆ พลางพูดเหมียวชิงอีตอบ “อยากรู้เงื่อนไขข้อที่สาม ท่านต้องบรรลุสองเงื่อนไขแรกก่อน มิเช่นนั้นก็ไม่มีความจำเป็นต้องรู้เงื่อนไขข้อสุดท้ายแล้ว”“เอ่อ...ได้!”ฉินอวิ๋นฟานมุมปากกระตุกนิด ๆ ทำไมรู้สึกเหมือนเป็นแผนหลอกล่อในยุคปัจจุบันเลยนะ? วางกับดักหนึ่งไว้ก่อน รอจนเขาไปถึงแล้วก็ย้ายไปอีก?แต่ฉินอวิ๋นฟานสู้แล้วโว้ย เพื่อให้ได้นั่งตำแหน่งสูงสุดนั้น เพื่อให้ได้กอดสาวงาม ความพยายามทั้งหมดมันคุ้ม! เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเงื่อนไขข้อที่สามของเหมียวชิงอีคืออะไรกลับไม่รู้เลย เงื่อนไขข้อที่สามมันจะนำวิกฤตอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนมาให้ฉินอวิ๋นฟาน และทำให้เขาได้สัมผัสกับความหฤหรรษ์สุดขีดในแดนมนุษย์...“รายงาน!!!”กว่าจะได้ชัยในท้ายที่สุด ขณะฉินอวิ๋นฟานกำลังจะตั้งเงื่อนไข จู่ ๆ ที่ไม่ไกลจากลานฝึกยุทธ์มีเสียงรายงานรีบร้อนมา ชายในชุดเกราะคนหนึ่งคุกเข่าอยู่กลางลานด้วยสีหน้าร้อนรนทุกคนหน้านิ่วค
“เสด็จปู่ หม่อมฉันแจกจ่ายเงินบรรเทาภัยพิบัติไปตั้งนานแล้วพ่ะย่ะค่ะ พวกดื้อด้านพวกนี้จงใจหาเรื่อง หม่อมฉันจะไปจับพวกมันมาให้หมด ดูสิว่ายังกล้าก่อเรื่องอีกหรือไม่”ไม่รอให้ทุกคนเอ่ยปาก องค์ชายห้าฉินอวิ๋นผู่ก้าวออกมาเลย เรื่องบรรเทาภัยพิบัติครั้งนี้อยู่ในความรับผิดชอบของเขา เกิดชุมนุมขนาดใหญ่เช่นนี้ เขาย่อมปัดความรับผิดชอบไม่ได้ทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘พวกดื้อด้าน’ ไท่ซั่งหวงสีหน้าดำทะมึนทันที แทบจะควบแน่นออกมาเป็นน้ำได้อยู่แล้ว การบรรเทาภัยพิบัติของทุกครั้ง ถ้าไม่เกิดปัญหาตรงนี้ก็ต้องเกิดปัญหาตรงนั้น เกือบหนึ่งศตวรรษเป็นเช่นนี้มาโดยตลอด นี่ทำให้เขากลัดกลุ้มนักยามนี้ เหมียวชิงอีสีหน้าปั้นยากอย่างหาที่เปรียบมิได้ ต้าเฉียนคือหนึ่งในเก้าแคว้นใหญ่ กลับปฏิบัติต่อประชาชนเช่นนี้? เอะอะก็คือพวกดื้อด้าน มาถึงไม่ถามต้นสายปลายเหตุก็ใช้กำลังกดขี่?“หยุดนะ!”ขณะองค์ชายห้ากำลังจะไปก็ถูกฉินอวิ๋นฟานเรียกหยุดโดยตรง สองตาของเขาเย็นเฉียบ เอ่ยว่า “พวกดื้อด้านหาเรื่อง? นี่ก็คือท่าทีที่ท่านปฏิบัติต่อประชาชนหรือ?”ในฐานะที่เป็นทหารหน่วยรบพิเศษที่พยายามไต่เต้ามาจากระดับล่างคนหนึ่ง ฉินอวิ๋นฟานรู้ซึ้งกับความไม
ในที่สุดเหมิงฉาก็รับไม่ไหว ร้องตะโกนคำที่แทบจะเป็นความอัปยศนั้นการแข่งขันทางบู๊นี้ก็ปิดฉากลงท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของทุกคน...เรื่องหักเหจากการคาดหมายของทุกคนเหลียงจ้านอิงและเหลียงเทียนจื้อต่างคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้จะล้วงปืนสั้นออกมาพลิกสถานการณ์ในการแข่งขันด้านบู๊นี้กระทั่งว่าเหลียงเทียนจื้อไม่มีโอกาสจะได้ออกโรงเลย...เช่นละครอย่างไรอย่างนั้น เนื่องจากเหมิงฉากลัวสุดขีดจึงยกมือยอมแพ้ดังนั้นเหลียงเทียนอี้จึงคว้าชัยชนะการแข่งขันรอบนี้ได้อย่างง่ายดายโดยไม่เปลืองแรงภาพมหัศจรรย์เกิดให้แบบไม่มีการเปลี่ยนแปลงลุ้นระทึกและไม่มีเลือดร้อนพลุ่งพล่านที่ใครคาดหวัง!ถึงขั้นว่าลวงตามากแต่ผลลัพธ์เป็นของจริงแท้แน่นอน เหลียงเทียนอี้ชนะแล้ว......“ดูท่าครั้งนี้ฟานเอ๋อร์จะช่วยข้าได้มากอีกแล้ว”เหลียงเทียนอี้กลับมาถึงด้านในก็คืนปืนสั้นให้ฉินอวิ๋นฟานและพรูลมหนัก ๆ“เหอะ ๆ เสด็จน้าชมเกินไปแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของท่านทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับข้าสักหน่อย”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่ มิได้กล่าวอะไรอีกถ้าจะบอกว่าเขาทำอะไรเพื่อเหลียงเทียนอี้ นั่นก็แค่บอกเขาว่าความจริงการแข่งขันนี้สามาร
การกระทำของเหลียงเทียนอี้ทำให้ทุกคนในนั้นตกตะลึงแม้แต่เหลียงจ้านอิงที่อยู่บนปะรำก็ยังหยุดการดื่มน้ำชาไม่ได้ มองไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ“เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?”เหลียงเทียนจื้อมองเหลียงเทียนอี้ที่ปราศจากเครื่องป้องกันใด ๆ ด้านข้าง ใบหน้าแปลกใจนี่คือการแข่งขันบู๊นะ คือสถานที่ตีรันฟันแทง ถ้าไม่ระวังอาจต้องคมศาสตราได้จริง ๆ ศีรษะย้ายที่อยู่ หากไม่ใช่เพราะมั่นใจกับฝีมือของตัวเองมาก กอปรกับวางแผนร่วมกับทางซยงหนูดีแล้วเขาคงต้องสวมชุดเกราะหนักมารับมือกับการแข่งขันด้านบู๊วันนี้เหมือนกันทว่าการกระทำเช่นนี้ของเหลียงเทียนอี้ต่างจากการรนหาที่ตายอย่างไร?ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลก เหลียงเทียนจื้อหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย...ทั้งที่เขาควรดีใจกับเวลานี้ ถ้าเหลียงเทียนอี้เกิดอุบัติเหตุในการแข่งขันรอบนี้ เช่นนั้นบัลลังก์ต้องเป็นของเขาแน่แล้วแต่ใจกับกระวนกระวาย อย่างไรก็ไม่เป็นสุข“หรือว่าเขาแอบวางแผนอะไร?”ทันใดนั้นเหมิงฉาเริ่มบุกโจมตีก่อนแล้วร่างสูงใหญ่นั้นหวดขวานใหญ่หนักร้อยชั่งพลางเข้าใกล้เหลียงเทียนอี้อย่างต่อเนื่องภายใต้แสงสุริยา คมมีดนั้นน่ากลัวเช่นนี้ ราวกับแค่ถากเถือเบา ๆ ก็เฉือนศีรษ
“ข้าเอง!”ทันใดนั้นเหลียงเทียนอี้ก็ก้าวออกมาช้า ๆโง่อย่างที่คิด...เหลียงเทียนจื้อยืนยิ้มเยาะอยู่ในใจข้างหลังเขารู้นิสัยของพี่ชายดี และรู้ว่าเหลียงเทียนอี้เป็นคนดื้อรั้นมากเมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ก็มักจะดาหน้าออกไปทันทีแม้เผชิญหน้ากับพันขุนศึกหมื่นอาชาก็ยังปราศจากความกลัวเกรง พลีตนจนตัวตาย...แต่พฤติกรรมวู่วามเช่นนี้ กลัวแต่ต้องจบอย่างอนาถในท้ายที่สุด“ฮ่า ๆ ๆ รัชทายาทกล้าหาญดังคาด!” เหมิงฉาหัวเราะเสียงดัง “ปกติยังนึกว่าท่านเป็นแต่สะบัดพู่กันขีดเขียน วันนี้ข้าอยากลองดูสิว่าฝีมือดาบกระบี่ของท่านจะล้ำลึกหรือไม่?”เพิ่งกล่าวจบ เหมิงฉาก็กวัดแกว่งขวานใหญ่พลางเดินประชิดไปทางเหลียงเทียนอี้ทีละก้าวรูปร่างใหญ่นั้น ร่างกายแข็งแรงนั้น แค่ยืนอยู่ก็สร้างแรงกดดันที่มองไม่เห็นแล้วทำให้หลาย ๆ คนเห็นแล้วอดเกิดใจกลัวอย่างหนึ่งขึ้นมาไม่ได้“อุ๊ย ท่านพี่จะเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวนี้ยังไง?”เหลียงจื่อฝูที่อยู่บนปะรำหน้าทุกข์ร้อน สองมือบีบผ้าเช็ดหน้าแน่น สีหน้าซีดไปเล็กน้อยนางจ้องเหลียงเทียนอี้กลางลานฝึกซ้อม“ท่านพี่ไม่มีความสามารถด้านนี้เท่าไร ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหมิงฉา!”ผู้เป็นน้องสาว
เหลียงเทียนอี้ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าราบเรียบ มองอารมณ์ไม่ออกแต่ในใจเขารู้ดี การต่อสู้ครั้งนี้ได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการตั้งแต่เหมิงฉาเริ่มพูดแล้วนี่คือการหยามหน้า คือการหยามเหยียดอย่างชัดเจนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย“เป็นยังไง? องค์ชายสาม?”เหมิงฉาเมินเหลียงเทียนอี้ที่อยู่อีกทางหนึ่ง แล้วใช้สายตาท้าทายมองไปทางเหลียงเทียนจื้อ ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “ได้ยินว่าฝีมือการใช้ดาบกระบี่ขององค์ชายสามค่อนข้างร้ายกาจ วันนี้ข้าขอท้าทายสักหน่อยเถิด”“มิเป็นไร” เหลียงเทียนจื้อฉีกยิ้ม ใบหน้าเปื้อนไปด้วยความกระหยิ่มใจจากนั้นก็ชักกระบี่ล้ำค่าคู่กายออกมาจากตรงเอวช้า ๆการต่อสู้ครั้งนี้ คือของเขาเท่านั้น!และเป็นเขาได้เท่านั้น!เขาต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเขาเหลียงเทียนจื้อต่างหากที่เป็นผู้ชนะในท้ายที่สุดคนนั้น คือคนที่สามารถเอาชนะซยงหนูได้อย่างแท้จริง!......“ดูท่าทุกอย่างจะดำเนินไปตามแผนนะ”เหลียงจ้านอิงดื่มน้ำชาสบายใจเฉิบอยู่บนปะรำมองผลสะท้อนกลับอย่างอบอุ่นของเหล่าผู้ชม จิตใจยิ่งฮึกเหิมตื่นเต้นไม่พูดไม่ได้เลย ถ้อยคำนั้นของเหมิงฉาทำให้เกิดผลดีเยี่ยม สามารถชักจูงอารมณ์ของทุกคนได้ในพริบตาเขาเช
ตกลงไว้แต่แรกว่าเป็นการแข่งขันรูปแบบปิด และไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร นอกจากราชวงศ์จะมิมีผู้ใดล่วงรู้ทว่าตอนนี้กลับแข่งขันในลานกว้างต่อหน้าธารกำนัล?หากท่านพี่แพ้มิต้องเป็นที่หัวเราะไปทั่วหรือ?“นี่ก็คือผลลัพธ์ที่ทางเหลียงชินอ๋องต้องการกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานนั่งลงด้านข้าง ยิ้มพูดอย่างเฉยชา “ในฐานะที่เป็นละครฉายซ้ำของวันนี้ พวกเขาแค่ต้องการให้ทุกคนได้เห็นความประดักประเดิดของเสด็จน้าเท่านั้น”แต่แพ้จากการต่อสู้เช่นนั้นผลลัพธ์ต้องเทข้างแน่โอรสสวรรค์ของต้าเหลียงที่กล่าวขานกลับแพ้ให้กับคนป่าเถื่อน ทั้งความสามารถยังมิสู้องค์ชายสามเหลียงเทียนจื้อขอเพียงมีการพูดประเภทนี้ต่อไป ไม่นานอัตราการสนับสนุนเหลียงเทียนจื้อก็จะพุ่งสูงลูกไม้พรรค์นี้ช่างโหดเหี้ยมนัก“น่ารังเกียจจริง ๆ...” คิ้วงามเหลียงจื่อฝูย่นยู่เล็กน้อย อดกระตุกมุมปากไม่ได้ “ไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้”“เมื่อวานท่านพี่ชนะการแข่งขันด้านบุ๋นกับซยงหนูในท้องพระโรง พวกเขาไม่เห็นจะพูดกันเลย เลวทรามจริง ๆ!”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะอย่างไม่ออกความเห็นเขากลับไม่ใส่ใจว่าเมื่อวานจะชนะหรือแพ้ วันนี้ต่างหากที่เป็นส่วนสำค
สำหรับเหลียงเทียนอี้ การแข่งขันในวันนี้ค่อนข้างน่าตกใจแต่ยังดีที่สุดท้ายเขาสามารถคลี่คลายได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้พวกซยงหนูหน้าบึ้งตึง โจมตีจนพวกเขารับมือไม่ทันดูท่าปกติว่างเว้นจากการงานอ่านหนังสือให้มากจะมีประโยชน์...หลังประชุมเช้า เหลียงเทียนอี้ก็อดรนทนไม่ไหวบอกข่าวดีกับฉินอวิ๋นฟาน อยากแบ่งปันความสุขและความเปรมปรีดิ์ของตนแต่พอได้ยินฉินอวิ๋นฟานตอบกลับ เขาจึงตระหนักว่าเรื่องราวไม่ได้เรียบง่ายธรรมดาอย่างที่เขาคิดอย่างนั้น“การแข่งขันทางบู๊ในวันพรุ่งนี้จึงจะเป็นส่วนสำคัญอย่างแท้จริง”คำพูดราบเรียบประโยคหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานทำให้ความยินดีปรีดาของเหลียงเทียนอี้ในแต่เดิมสูญสิ้น สีหน้าอึมครึมมากขึ้นเรื่อย ๆ“ข้าย่อมรู้ดี...แต่ปกติ คนที่จะชนะในการแข่งขันทางบู๊คงจะเป็นน้องสาม”เกี่ยวกับจุดนี้แทบไม่มีอะไรให้ลุ้นเพราะเหลียงเทียนจื้อร่ำเรียนกับเหลียงจ้านอิงแต่เล็ก อีกทั้งยังเคยเข้าสนามรบฟาดฟันกับศัตรู ด้านประสบการณ์การรบ จึงมีความคล่องมากกว่าเป็นธรรมดาเช่นนี้ หากคิดจะชิงคะแนนหนึ่งมาจากมือของเหลียงเทียนจื้อ คาดว่าต้องยากเป็นพิเศษเมื่อเห็นเหลียงเทียนอี้มีท่าทางปราศจากใจฮึดสู้ ฉินอวิ
“พันทุบหมื่นเจาะจึงได้แผ่นดิน ไฟโหมเผาไหม้เป็นอาจิณ ร่างแหลกกายเหลวมิหวั่น คงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ในโลกา”ฝุ่นหินหนึ่งบททำให้หลิ่วเหวินเซี่ยมั่นใจมากขึ้นไม่น้อยครั้งนี้เขาไม่ออมมืออีก ทั้งยังท่องออกมาจนจบ ไม่เปิดโอกาสใด ๆ ให้กับเหลียงเทียนอี้เช่นเดียวกัน เขาทำนอกเหนือแผนเดิม ไม่คิดสนใจความรู้สึกของเหลียงเทียนจื้ออีก“นี่ นี่มันกลอนอะไร?”เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ด้านหลังเหงื่อตก ในหัวถึงขั้นว่าไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับกลอนบทนี้แน่นอน ด้วยความทึ่มทื่อของเขาจะต่อกลอนได้อย่างไร ได้แต่เกาหลังศีรษะยิก ๆทว่าเหลียงเทียนอี้ยังใจเย็นเหมือนเดิม เพียงครู่เดียวก็ตอบ“หวงคะนึงความทุกข์เข็ญในการสอบ บัดนี้ไฟสงครามสงบผ่านพ้นสี่ปี”“บ้างเมืองไหวเอนดังกิ่งหลิว ใครเล่ามิใช่ผิวน้ำฝนซัดสาด”“หวงข่งทานปราชัยพรั่นพรึงถึงวันนี้ หลิงติงหยางอ้างว้างถอนหายใจ”“นับแต่โบราณใครบ้างมิดับสูญ เหลือใจรักชาติในพงศาวดาร”ครั้นกล่าวออกมาก็ได้รีบเสียงปรบมือดังสนั่นขุนนางบุ๋นบู๊ที่ชมละครฉากเด็ดในแต่เดิม ยามนี้ยอมสยบกับความสามารถทางวรรณกรรมของเหลียงเทียนอี้แล้วไม่ว่าจะเป็นกลอนในสมัยใด เหลียงเทียนอี้ก็เหมือน
ชั่วขณะ ท้องพระโรงเงียบกริบ สายตาของทุกคนรวมศูนย์อยู่กับตัวของเหลียงเทียนอี้แทบทั้งหมดในดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความยินดีหลังจากหลิ่วเหวินเซี่ยร่ายกลอนท่อนแรกออกมา เหลียงเทียนอี้กลับสามารถตอบสนองทันควันพร้อมต่อท่อนหลังความเร็วเช่นนี้เรียกว่าเร็วยิ่ง!“อวิ๋นเฉ่าสาทรฤดูมีเขียวแห่งวสันต์ของกวีราชวงศ์ซ่ง คือยอดบทกวีโดยแท้!”เหลียงเทียนอี้พยักหน้าอย่างสง่างาม ใบหน้าประดับรอยยิ้มมั่นใจงานนี้ทำให้เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ข้างล่างหน้าตึงฉับพลันเหลียงจ้านอิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยิ่งหนักกว่า สายตาที่มองมาราวกับมีไฟพุ่งออกมาได้“บ้าเอ๊ย...ถูกชิงตัดหน้าไปก่อน!”เหลียงเทียนจื้อกัดฟันกรอด ในใจกรุ่นโกรธไม่หยุดทั้งที่เขาทำการบ้านมาล่วงหน้า ไม่ว่าหลิ่วเหวินเซี่ยจะท่องกลอนบทใดเขาก็เตรียมเอาไว้หมดแล้วแต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขากลับเร็วสู้เหลียงเทียนอี้ไม่ได้!และไม่รู้ว่าตัวเองโง่เขลาหรือเหลียงเทียนอี้เก่งจริงกันแน่!“รัชทายาททรงภูมิแท้ ข้าน้อยเลื่อมใส!”หลิ่วเหวินเซี่ยพยักหน้าด้วยสีหน้าคงเดิมทว่าในใจกลับไม่พอใจเล็กน้อยแล้วคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้ผู้นี้จะมีฝีมือ เขาจงใจเลือกบทกวี
การกระทำเช่นนี้คือการแสดงความยโสหยิ่งผยองของซยงหนูอย่างมิต้องสงสัย“เหมิงฉา คารวะรัชทายาท”“หลิ่วเหวินเซี่ย คารวะรัชทายาท”คนอื่น ๆ ก็ทักทายตามด้วยเหมือนกัน เมื่อนั้นเหลียงเทียนอี้จึงรู้ฐานะของพวกเขาดูแล้วหนึ่งคนในนั้นก็คือบุตรชายของเหมิงเก๋อเอ่อร์ หรือก็คือคนที่มาท้าทายเขาในครั้งนี้อย่างที่เหลียงจ้านอิงบอก การมาครั้งนี้ของเหมิงเก๋อเอ่อร์ก็เพื่อหยั่งเชิงเขาโดยอ้างเหตุผลเยี่ยมเยือนฮ่องเต้ต้าเหลียง ดังนั้นเรื่องที่เริ่มสนทนาในท้องพระโรงจึงเกี่ยวกับสุขภาพของฮ่องเต้ต้าเหลียงแทบจะทั้งหมดทว่าทุกคนในที่นั้นต่างรู้ดี จุดประสงค์ของผู้นิยมสุรามิได้อยู่ที่สุรานี่อย่างไร ครั้นเปลี่ยนเรื่อง เหมิงเก๋อเอ่อร์ก็กล่าวถึงการแข่งขันเลย“ได้ยินว่ารัชทายาทและองค์ชายสามเก่งทั้งบุ๋นแล้วบู๊มานาน คืออัจฉริยะของต้าเหลียง การมาเยือนต้าเหลียงครั้งนี้ นอกจากจะเยี่ยมฮ่องเต้ต้าเหลียงสหายเก่าท่านนี้ ก็อยากให้บุตรชายได้ประมือกับรัชทายาทและองค์ชายสักหน่อย”เหมิงเก๋อเอ่อร์สีหน้าขึงขัง ในที่สุดก็เข้าประเด็นชั่วขณะ ทุกคนในท้องพระโรงหัวใจจะหลุดออกมาอยู่แล้ว ต่างสังเกตสีหน้าเหลียงเทียนอี้อย่างแนบเนียนทว่าเ