“ถ้าข้าเดาไม่ผิด องค์ชายรองต้องสัญญาอะไร มิเช่นนั้นด้วยนิสัยของเขา คงไม่ร่วมศึกชิงบัลลังก์ง่าย ๆ เช่นนี้”“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้!!!”ฉินอวิ๋นฟานผงกศีรษะหนัก ๆ ดูว่าหลิวเป้ยคงถูกองค์ชายรองปั่นหัวแล้ว ด้วยความเข้าใจที่ฉินอวิ๋นฟานมีต่อองค์ชายรอง คนที่ชำนาญการวางแผนชั่วร้ายคนหนึ่ง ในสายตามีแต่ผลประโยชน์ จะเป็นคนที่ยึดมั่นในสัจจะได้ยังไง?ไม่ถึงครึ่งนาที หลิวเป้ยยกกระถางเก้าร้อยชั่งได้จริง ๆ ทุกคนในลานฝึกยุทธ์กู่ร้องกระโดดโลดเต้น มือโบกเท้ารำ ดีใจกับความสำเร็จของหลิวเป้ยเวลานี้ สองมือหลิวเป้ยยกกระถางเก้าร้อยชั่งขึ้นสูง เส้นเลือดฝอยในดวงตาแตก กัดฟันแน่น สีหน้าของทั้งคนแทบผิดรูปผิดร่าง ภายใต้แรงถ่วงอย่างหนัก ใบหู จมูกมีเลือดสดซึมออกมา แต่หลิวเป้ยยังคงไม่ยอมแพ้การนับเวลายังคงดำเนินต่อ หลิวเป้ยยังอดทน จางเฟยและกวนอวี่ที่อยู่ด้านล่างทนดูไม่ไหวแล้ว“พี่ใหญ่ ยกได้ก็เก่งมากแล้ว พอประมาณก็พอ พวกเราอย่าเอาชีวิตมาเล่นเลย มันไม่คุ้มกัน!”จางเฟยอยู่ข้างล่างร้อนรนปานมดในกระทะร้อน ทำใจไม่ได้ แทบอยากขึ้นไปรับแทนพี่ใหญ่ แต่เขารู้นิสัยของอีกฝ่าย ดื้อรั้นนัก เพื่อชัยชนะแล้ว แม้แต่ชีวิตก็ใช้เดิมพัน“น
การประลองกำลังมาถึงช่วงสำคัญ เชื่อมโยงกับหัวใจทุกคน โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่สนับสนุนองค์ชายใหญ่ ชัยชนะครั้งนี้อาจตัดสินอนาคตและโชคชะตาของพวกเขาหลิวเป้ยผู้ช่วยขององค์ชายรองยกกระถางเก้าร้อยชั่งด้วยท่วงทำนองล้อเล่นกับชีวิต ทั้งยังสามารถยกได้นานถึงเจ็ดนาทีอย่างน่าสะพรึงกลัว สำหรับองค์ชายใหญ่ มันคือความท้าทายอย่างใหญ่หลวงแบบไม่ต้องสงสัยไม่ถึงสามนาที องค์ชายใหญ่กลับปรากฏสภาพที่กำลังใจกำลังกายไม่เพียงพอ สีหน้าซีดขาวมากขึ้นเรื่อย ๆ เหงื่อกาฬมากขึ้นทุกทีในฐานะที่อยู่สูงและมีสิทธิพิเศษมากมาย สาวงามข้างกายและผู้ติดตามขององค์ชายใหญ่ย่อมมีมากมายไม่สิ้นเขาซึ่งเข้าวิธียุทธ์ร่างกายแข็งแรง คนทั่วไปไม่อาจเทียบ ฮอร์โมนมากกว่าคนทั่วไปหลายเท่า แต่การสุขสันต์ทุกค่ำคืน แม้ร่างกายจะทำจากเหล็กก็รับไม่ไหว รายรับไม่พอจ่ายเพียงไม่กี่นาทีก็อ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด“พี่ใหญ่หนอพี่ใหญ่ ท่านทะนงตนมากเกินไปแล้ว”องค์ชายรองยิ้มร้าย “ถึงข้าจะพ่ายแพ้ในการประลองด้านบุ๋น จบอย่างอเนจอนาถ แล้วท่านเคยคิดหรือไม่ ข้ามุ่งเป้าเป็นพิเศษที่การประลองด้านบู๊ต่างหาก ขอเพียงท่านอดทนได้ไม่ถึงเจ็ดนาที เช่นนั้นชัยชนะสองรอบหลังก็จะตกเ
ชั่ววูบเดียว ทุกคนลุกขึ้นยืนพรวดพร้อมส่งเสียงกรีดร้อง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ยามนี้ สีหน้าองค์ชายใหญ่เปลี่ยนถนัด ในใจยิ่งประหวั่นพรั่นพรึงหมื่นส่วน กลิ่นอายแห่งความตายปะทะเข้าใบหน้ากระถางยักษ์อยู่เหนือศีรษะเขาสามชุ่น เป็นระยะห่างที่ประชิดเหลือเกิน ไม่มีโอกาสหลีกหนีใด ๆฉินอวิ๋นฟานยามนี้ขมวดคิ้วมุ่น หากกระถางใบนี้ทับอยู่บนตัวองค์ชายใหญ่ เขาจะต้องตายแน่ ในช่วงเวลาสำคัญของการชิงบัลลังก์ หากองค์ชายต้องเสียชีวิตเพราะการประลอง เรื่องนี้จะต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่วินาทีนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีของขนาดประมาณถั่วลันเตาพุ่งไปทางแท่นประลอง อานุภาพร้ายกาจมาก กระแทกกระถางยักษ์ใบนั้น ส่งเสียงสะเทือนเลือนลั่นในหูจนอื้ออึงจากนั้นก็เห็นวิถีเคลื่อนไหวของกระถางยักษ์เปลี่ยนแปลงทันใด ภายใต้แรงกระแทกอันหนักหน่วง มันลอยออกนอกแท่นประลองปัง!!!!น้ำหนักอันหนักอึ้ง ภายใต้แรงกระแทกหนัก ๆ มันตกอยู่บนพื้นอย่างจัง ลานฝึกยุทธ์สั่นสะเทือนทันใด การเปลี่ยนแปลงกะทันหันทำให้ทุกคนร้องเสียงหลงดังระงมซี้ด...ไม่มีใครไม่ระทึก กวาดสายตามองดูรอบ ๆ ไม่เห็นอะไรน่าสงสัย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?หลังจากพ้นเคราะห์ องค์
การประลองใกล้จะถึงช่วงท้าย สถานการณ์กระจ่างชัดทุกที มีคนยินดี มีคนทุกข์ใจห่างราชสำนักหลายปี สภาพการณ์ในราชสำนักตอนนี้ซับซ้อนกว่าที่ไท่ซั่งหวงคิดไว้มาก แม้เขาจะเป็นไม้ใกล้ฝั่ง แต่แววตาลุ่มลึกคู่นั้นฉายประกาย ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร ยิ่งไม่รู้ว่าเขากำลังรอคอยอะไรเติ้งซูหมิงเป็นองครักษ์คนสนิทที่จงรักภักดีกับเหมียวชิงอีที่สุด เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งอย่างออกหน้าของแคว้นเหมียว ยิ่งได้รับสมญานามองครักษ์หญิงงามอันดับหนึ่งนางไม่เพียงสรีระนูนเว้าสวยสด ดวงหน้ารูปไข่หมดจดเรียบเนียนงามปานหยกขาว เย็นชาอย่างยิ่ง ทำให้คนรักแต่ขลาด กลับมีความปรารถนาอยู่ในใจ ทุกเรื่องที่นางทำล้วนเป็นตัวแทนของเหมียวชิงอีนางเปล่งเสียงด้วยใบหน้าเรียบเฉย “การประลองด้านบู๊รอบสุดท้ายคือการประลองพลังยุทธ์ ขอเชิญองค์ชายทุกท่านประจำที่ด้วย!”สิ้นเสียงของเติ้งซูหมิง ลานฝึกยุทธ์กลายเป็นคึกคักขึ้นมาอีกครั้ง“น้องรอง ต่อให้เจ้ามีแผนร้ายวิธีการมากแค่ไหน ก็หาคนช่วยได้แค่คนเดียว ดังนั้นการประลองพลังยุทธ์ต้องอาศัยตัวเองแล้ว เจ้าเตรียมใจไว้แล้วหรือ?”ถึงองค์ชายใหญ่จะบาดเจ็บ แต่อย่างไรเขาก็เป็นคนหนุ่มอันดับหนึ่งของต
พฤติกรรมขององค์ชายรองทำให้องค์ชายใหญ่และบริวารไม่พอใจโกรธแค้น ต่างพากันกล่าวโทษอย่างหนัก กระทั่งทำให้เรื่องบานปลาย ใช้เรื่องนี้กำหนดพฤติกรรมขององค์ชายรองไท่ซั่งหวง ฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวและคนอื่น ๆ ขมวดคิ้วมุ่นเหมือนกัน แต่การแข่งขันยังไม่เริ่ม ทั้งเห็นชัดว่าองค์ชายรองจงใจทำเช่นนี้ พวกเขาจึงได้แต่ดูสถานการณ์อย่างเงียบ ๆ“รัชทายาท ตามกติกา ดูเหมือนว่าองค์ชายรองจะละเมิดแล้วกระมัง?”มู่หรงจิ่นใบหน้าสับสน เวลานี้เกิดความรู้สึกสนใจขึ้นมาอย่างหนักเหมือนกัน แต่นางไม่รู้จักคนอื่น ดังนั้นจึงได้แต่ถามฉินอวิ๋นฟาน อย่างไรเวลานี้ฉินอวิ๋นฟานก็สลัดคราบเดิมแล้ว เห็นเขาใบหน้าราบเรียบ นางจึงถามด้วยความแปลกใจ“เขาไม่ได้ทำผิดกติกา ถ้าข้าทายไม่ผิด ตั้งแต่เริ่มการประลองด้านบู๊ พี่รองเริ่มเผยเขี้ยวเล็บแล้ว ความทะเยอทะยานของเขามีมากนัก พวกเราทุกคนอยู่ในแผนการของเขาทั้งหมด”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนักเริ่มแรก ฉินอวิ๋นฟานยังไม่เห็นความผิดปกติ กระทั่งเริ่มการประลองกำลัง จู่ ๆ เขาก็ตงิดใจขึ้นมา ฉินอวิ๋นฮุยกำลังใช้ช่องโหว่ของกติกาเล่นโกง คนซึ่งเชี่ยวชาญการใช้ช่องโหว่คนหนึ่ง จะให้คนอื่นจับข้อบกพร่องที่ชัดเจนอย
ศึกตัดสิน?ทุกคนตั้งสมาธิเพิ่มขึ้นเดี๋ยวนั้นนั่นสิ นี่เป็นการประลองด้านบู๊รอบสุดท้ายแล้ว บัลลังก์สูงสุดของต้าเฉียนกำลังจะได้ข้อสรุปแล้วในที่สุดทุกอย่างก็จะยุติ!“น้องเจ็ด ศึกสุดท้ายนี้ เจ้าไม่คิดจะร่วมหรือ?”องค์ชายรองหันไปมองทางฉินอวิ๋นฟานและพูดฉินอวิ๋นฟานยักไหล่และตอบด้วยสีหน้าผ่อนคลาย “พี่รองก็บอกแล้วว่าเป็นศึกสุดท้าย และเป็นการแข่งตัดสินระหว่างพวกเราพี่น้อง ถ้าข้าไม่ร่วม เช่นนั้นศึกสุดท้ายนี้จะมิราบเรียบไร้รสชาติหรือ?”ครั้นกล่าวจบ ฉินอวิ๋นฟานก็ลุกขึ้นยืนเตรียมจะเดินไปทางแท่นประลอง ตอนนี้เอง อู่จ้านคว้าแขนของเขาเอาไว้และพูดด้วยความกังวลเล็กน้อย “เสี่ยวฟาน ต้องเข้าร่วมให้ได้หรือ?”“นั่นสิ รัชทายาท ท่านชนะสี่รอบแล้ว รอบสุดท้ายนี้ก็สละสิทธิ์ไปเถอะ?”เวลานี้มู่หรงจิ่นชักจะเป็นห่วงเหมือนกัน ในใจนางต่อสู้กันหนักมาก เพราะรัชทายาทอยู่ในวังหลวง ไม่เคยเห็นเขาฝึกยุทธ์สร้างความแข็งแกร่งของร่างกาย ยิ่งไม่เคยประลองกับใคร หากประลองกับยอดฝีมือสุ่มสี่สุ่มห้าเกรงว่าจะมีอันตราย“อ้อ? ชายารักกำลังเป็นห่วงข้าหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานจ้องมู่หรงจิ่น ถามด้วยสีหน้าหยอกล้อ“คือ... ข้า ข้า ข้าเปล่านะ
ฉินอวิ๋นฟานจำต้องยอมรับว่าลูกไม้ขององค์ชายรองไม่ธรรมดาฉินอวิ๋นฟานตอบเสียงผ่อนคลาย “การแข่งขันบนแท่นประลอง ไม่แบ่งแยกสูงต่ำ มีแต่แพ้ชนะ เจ้าไม่ต้องกังวลอะไรหรอกนะ พวกเขาต้องการให้เจ้าทำยังไง เจ้าก็ทำไปเถอะ”“อ้อ? รัชทายาทตระหนักถึงขั้นนี้เลยหรือ? ดูจะเตรียมใจไว้แล้ว”จ้าวหมิงหมิงยกยิ้ม ฉายแววโหดเหี้ยม“เหอะ จะต่อกรกับขยะเช่นพวกเจ้ามีอันใดต้องเตรียม?”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่ ใบหน้าดูถูก ทันทีที่จ้าวหมิงหมิงเผยฟันเขี้ยวแห่งความชั่วร้าย เขาก็ถูกฉินอวิ๋นฟานตัดสินประหารชีวิตแล้ว กับคนที่คิดจะสังหารเขา ฉินอวิ๋นฟานไม่เคยใจอ่อน“ท่าน ท่านกล้าว่าข้าเป็นขยะหรือ?”ถูกฉินอวิ๋นฟานพูดเยาะว่าเป็นขยะ จ้าวหมิงหมิงหรี่ดวงตาทั้งสอง ความฉุนพุ่งปรี๊ดขึ้นหัว เจตนาสังหารเข้มข้นก่อตัวเป็นรูปร่างชั่วพริบตา“ไม่ ๆ ๆ ข้าไม่ได้ว่าเจ้า แต่ว่าพวกเจ้าทั้งหมดว่าเป็นขยะ”ฉินอวิ๋นฟานเมินความโกรธเกรี้ยวของจ้าวหมิงหมิงโดยตรง ชี้บรรดาคนที่อยู่บนแท่นประลอง องค์ชายรองและคนอื่น ๆ เหยียดหยามต่อหน้าประชาชีเขาทำหน้ารังเกียจ ไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย ฟันเขี้ยวขององค์ชายรองชั่วร้ายนัก ต้องการทำให้เขาและองค์ชายใหญ่พิกลพิการหรืออ
“ฮ่า ๆ ๆ...”จ้าวหมิงหมิงแหงนหน้าหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง กล่าวด้วยใบหน้าโหดเหี้ยม “ข้าก็พูดมากนั่นแหละ แต่ท่านจะทำอะไรข้าได้? จะกัดข้าหรือ!!!”เขายิ่งพูดก็ยิ่งโอหัง ยิ่งพูดก็ยิ่งกำเริบเสิบสาน ไม่เห็นฉินอวิ๋นฟานอยู่ในสายตา ในสายตาของเขา ฉินอวิ๋นฟานก็คือคนที่ธรรมด๊าธรรมดาคนหนึ่ง ต่อสู้กับผู้ฝึกยุทธ์เช่นเขา เรียกได้ว่าหาที่ตายปัง!!!ก็ขณะที่จ้าวหมิงหมิงกำลังหยิ่งผยองโอหัง ฉินอวิ๋นฟานล้วงปืนสั้นห้าสี่ออกมาจากหน้าอกกระบอกหนึ่ง ยิงไปยังศีรษะของจ้าวหมิงหมิงที่กำลังกำแหงอย่างหาที่เปรียบมิได้และไม่ทันระวังตัวสักนิดเสียงเสียดหูทำให้ทุกคนตกใจโดยพลัน จ้าวหมิงหมิงผู้หยิ่งยโสเสียงหยุดชะงัก เห็นเพียงเขาดวงตาเบิกโพลง ระหว่างคิ้วมีรูเลือดชัดเจนอย่างยิ่งรูหนึ่ง เลือดสดไหลออกมาไม่หยุด“จ้าวหมิงหมิง?”คนแรกที่เห็นถึงความผิดปกติคือหยางจ่าน เห็นจ้าวหมิงหมิงไม่กระดุกกระดิก เขาจึงถามแบบหยั่งเชิง พบว่าอีกฝ่ายไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆยามนี้ ฉินอวิ๋นฟานค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน เป่าควันเขม่าตรงกระบอกปืนและมาถึงตรงหน้าจ้าวหมิงหมิง เพียงแตะร่างของเขาเบา ๆ เสียสมดุลน้ำหนัก ตามด้วยร่างของเขาล้มลงไปทันที ปราศจากพลั
“ฮ่า ๆ ๆ...มา ชนแก้ว!”ภายใต้แสงขมุกขมัว ทั้งสี่จรดสุราหมดจอก ฉินอวิ๋นฟานที่หิวไส่กิ่วสวาปามราวกับพายุ ไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็กวาดอาหารโอชาบนโต๊ะไปกว่าครึ่งเวลานี้มู่หรงจิ่น หลู่เซียงหลิงและเสี่ยวจวี๋ก็ดื่มจนแก้มแดงก่ำแล้ว งดงามอ้อนแอ้นจนอยากจะเด็ดมาดอมดม พวกนางกระดากใจยิ่งหนัก หลังจากอิ่มเอมกับสุราอาหารแล้ว ฉินอวิ๋นฟานก็ไม่สะกดอารมณ์พลุ่งพล่านอีกต่อไป โอบสองดรุณีไปยังเตียงทันที“สุดที่รักของข้า ข้าคิดถึงพวกเจ้าจะตายอยู่แล้ว!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย กระโจนใส่พวกนางโดยตรง สองดรุณีราวกับกระต่ายน้อยตื่นตกใจ ส่งเสียงร้อง “อ๊ะ” ออกมาทีหนึ่งจึงรีบมุดเข้าไปอยู่ด้านในของเตียง ยิ่งพวกนางเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานก็ยิ่งคึก“แหะ ๆ ร้องใช่ไหม คืนนี้จะให้พวกเจ้าร้องไห้เสียงแหบเสียงแห้งไปเลย!”ฉินอวิ๋นฟานเลียริมฝีปาก ความปรารถนาปะทุขึ้นโดยสิ้นเชิง เบื้องล่างท้องน้อยเร่าร้อนยากจะทานทนนานแล้ว ‘แควก’ ทีหนึ่ง เครื่องนุ่งห่มบนตัวฉีกขาด เผยกล้ามเนื้อแข็งแรงทั่วร่าง กลิ่นอายบุรุษเข้มข้นทำให้ลมหายใจของสามดรุณีกระชั้น กระนั้นกลับมิอาจสะกด ฉินอวิ๋นฟานเสือตะครุบอีกหน คว้าเท้าเล็กของหลู่เซียงหลิงเอาไว
ฉินอวิ๋นฟานตบบ่าหวังอันสือเบา ๆ แล้วกล่าวคำพูดจากใจ “ขุนนางในอนาคตของต้าเฉียนจะกระจ่างใสได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”“รัชทายาทโปรดวางใจ ข้าน้อยจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่นอนขอรับ!”หวังอันสือตื้นตันจนน้ำตานองหน้า ถ้อยคำสวยงามใดก็มิอาจบรรยายความรู้สึกในขณะนี้ของเขา ในที่สุดก็มีเวทีแสดงปณิธานซึ่งมีอยู่เต็มอกของเขาแล้ว ในโลกอันขุ่นมัวนี้ ในที่สุดเขาก็ได้แสดงฝีมือสักทีและสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกโชคดีคือ เขาได้พบกับป๋อเล่อ ผู้มีจุดมุ่งหมายและทิศทางปณิธานเดียวกับเขา มอบโอกาสพลิกชะตาให้กับเขาครั้งหนึ่งเมื่อได้รับคำตอบยืนยันของหวังอันสือ ฉินอวิ๋นฟานคลี่ยิ้มพึงพอใจ จึงออกไปจากห้องและตรงไปยังตำหนักรัชทายาท...“พี่อวิ๋นฟาน ท่านคงหิวแย่แล้วกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานเพิ่งกลับมาถึงตำหนักที่พัก จิ่นเอ๋อร์ก็รีบเดินมาต้อนรับ ส่วนเสี่ยวจวี๋และเซียงหลิงต่างประกบอยู่ทางซ้ายและทางขวาจู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็รู้สึกว่าตำหนักที่พักต่างออกไปจากปกติ ปกติจะมีนางกำนัลรับใช้อยู่ในจวนอย่างน้อยสี่คน ทว่าวันนี้กลับไม่มีแม้แต่คนเดียว ทั้งตำหนักมีเพียงผู้หญิงสามคนเท่านั้น คือจิ่นเอ๋อร์ เซียงหล
“รัชทายาท ท่านจะหารือเรื่องใหญ่กับข้าน้อยหรือขอรับ?!”เห็นท่าทางจริงใจของฉินอวิ๋นฟาน หวังอันสือร่างสะท้านเล็กน้อย ฉินอวิ๋นฟานคือรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินต้าเฉียนผู้สูงส่ง กลับมีเรื่องจะหารือกับเขา? มันมิควรเป็นคำสั่งหรือ?ฉินอวิ๋นฟานเปลี่ยนไปราวกับคนละคน ทำให้หวังอันสือสงบใจไม่ได้อยู่นาน ท่าทางเข้าหาได้ง่ายของฉินอวิ๋นฟานกับรัชทายาทผู้แข็งกร้าวราวกับเทพสังหารสถิตร่างที่เขาเพิ่งพบเมื่อครู่ต่างกันโดยสิ้นเชิงฉินอวิ๋นฟานพูดเป็นการเป็นงาน “ถูกต้อง หากจะพูดกันจริง ๆ ก็คือข้ามีเรื่องจะขอร้องเจ้า!”“มี มีเรื่องขอร้องข้าน้อย?”หวังอันสือสับสนมากกว่าเดิม เขาเป็นแค่ขุนนางระดับหก อาจารย์ต่ำต้อยคนหนึ่ง ไม่ว่าคนใดในเมืองหลวงที่ถูกบีบตายได้ง่าย ๆ น่ากลัวว่าจะมีอิทธิพลและฐานะเหนือเขา ฉินอวิ๋นฟานจะมีเรื่องขอร้องเขาได้อย่างไร?“หวังอันสือ ข้าได้ตรวจสอบเรื่องเกี่ยวกับเจ้ามาคร่าว ๆ ทั้งหมดแล้ว เจ้าคือผู้มีความสามารถที่ข้าต้องการจริง”ฉินอวิ๋นฟานเข้าประเด็นทันที “เจ้าน่าจะรู้ดีว่าตอนนี้ต้าเฉียนเป็นยังไง ถึงภายนอกดูสงบ แต่ความจริงคือคลื่นใต้น้ำ บรรดาองค์ชายและขั้วอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังต่อสู้กันจน
หลู่หนีสีหน้าเคร่งขรึม แสดงท่าทีอีกครั้ง เขารู้ว่าฉินอวิ๋นฟานเป็นคนเด็ดขาดฉับไว ในเมื่อฉินอวิ๋นฟานมอบงานนี้เขาก็ต้องเชื่อใจเขาหมดหัวใจอยู่แล้วอีกทั้งเรื่องนี้ยังสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อฉินอวิ๋นฟาน เป้าหมายของเขาชัดเจนมาก นั่นก็คือทำงานนี้ให้สำเร็จ สิ่งของเงินทองฉินอวิ๋นฟานทุ่มทุนมาก“เวลากระชั้นชิด พรุ่งนี้พวกท่านก็ออกเดินทางไปเมืองจัวเถอะ เรื่องนี้ต้องทำที่เมืองจัว หลิวเป้ยจะให้ความช่วยเหลือมอบความสะดวกทั้งหมดกับพวกท่านเอง ต้องการอะไรก็บอกได้เต็มที่ พวกท่านแค่ทุ่มเทกายใจทำงานก็พอ”ฉินอวิ๋นฟานกล่าวเสียงหนัก“เมีองจัว?”หลู่หนีลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบ “ก็ดี เมืองจัวเป็นคนของรัชทายาทเกือบทั้งหมด พวกเราแค่ทุ่มเทกายใจกับการผลิตก็พอ เช่นนี้จะลดอุปสรรคลงด้วย”......หลังจากกำชับทุกเรื่องเสร็จก็ดึกมาแล้ว ฉินอวิ๋นฟานลากร่างอันอ่อนล้ามายังที่รักษาตัวของพวกหวังอันสือ หลังจากทำความเข้าใจ ฉินอวิ๋นฟานพบว่าหวังอันสือคนนี้มีส่วนคล้ายคลึงกับหวังอันสือในสมัยซ่งเหนือบางส่วนดังนั้นฉินอวิ๋นฟานจึงรู้สึกเห็นใจขึ้นมาเพราะเวลานี้เขากำลังอยู่ในช่วงที่ต้องการคน หากหวังอันสือเป็นเหมือนกับหวังอันสือในประวัต
“ข้าเข้าใจความรู้สึกของพวกท่านในตอนนี้ดี”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยท่าทางมั่นใจ “ความจริงไม่ว่าข้าจะอธิบายกับพวกท่านยังไงก็เข้าใจยากอยู่ดี เพราะนี่คือการปฏิรูปอุตสาหกรรมล้ำยุค ในอดีตทุกคนต่างเรียกมันว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรก”หลู่หนีถามด้วยใบหน้างุนงง “ปฏิวัติอุตสาหกรรม? นั่นคือสิ่งใดหรือขอรับ?”“อื่ม! จะว่ายังไงดีล่ะ?”ฉินอวิ๋นฟานลูบคางพิจารณาครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย “ข้าจะยกตัวอย่างง่าย ๆ ให้พวกท่านฟังก็แล้วกัน ในสังคมศักดินาที่ทำการเกษตรเป็นหลัก ในตอนที่ชาวบ้านรดน้ำ ส่วนมากแล้วจะใช้กำลังคนเป็นสำคัญ ไม่เพียงแต่ประสิทธิภาพต่ำ หนำซ้ำยังต้องใช้แรงงานเยอะมาก”“ทว่านับจากท่านหลู่ปันคิดค้นกังหันน้ำและระหัดวิดน้ำขึ้นมาก็เพิ่มประสิทธิภาพในการรดน้ำสูงขึ้น ทั้งยังประหยัดแรงงานไปเยอะ นี่ก็คือการพัฒนาทักษะในการเพาะปลูก และสามารถเรียกได้ว่าเป็นการปฏิวัติทางเกษตรกรรม”“ดังนั้นเครื่องจักรนี้ของข้าซับซ้อนกว่าระหัดวิดน้ำมากกว่า แต่ปริมาณบรรจุขนส่งและแรงขับเคลื่อนของมันมีมากกว่ารถม้ามหาศาล ทำให้ประสิทธิภาพในการทำการค้าสูงขึ้น นี่ก็คือการปฏิวัติอย่างหนึ่งของการค้าและการเดินทาง ข้าเรียกมันว่าการปฏิวัติ
“ปืนใหญ่สนามอิตาลี? ชื่อช่างน่ามหัศจรรย์นัก!” หลู่หนีพูดด้วยใบหน้าสับสน!ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะน้อย ๆ ไม่ได้อธิบายมาก เขามองไปทางหลู่หนีแล้วพูดขึ้นอีก “ช่างใหญ่หลู่หนี ท่านทำเจ้าเหล็กนี้เถอะ ต้องระวังให้มาก จะดูแคลนอานุภาพของมันไม่ได้”“อ้อ? นี่คือสิ่งใดหรือ?”หลู่หนีรับภาพที่ฉินอวิ๋นฟานส่งมา ภาพนี้ไม่ใหญ่ ในนั้นมีแต่วัตถุทรงกลม ข้างบนมีแหวนอันหนึ่ง หลู่หนีเห็นแล้วทำหน้าฉงน“เจ้าสิ่งนี้เรียกว่าระเบิดมือ เอาไว้ใช้ป้องกันตัวในยามคับขันจะดีที่สุด ตอนท่านทำต้องป้องกันความปลอดภัย หากไม่เข้าใจอะไรก็มาถามข้าทันที”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย“ขอรับ! ข้าน้อยต้องตั้งใจทำแน่นอน!”ติดตามฉินอวิ๋นฟานมานานอย่างนี้ หลู่หนีรู้ดี หากฉินอวิ๋นฟานกำชับเช่นนี้ นั่นแสดงว่ามันต้องไม่ธรรมดา แม้มีขนาดเล็ก แต่จะมองข้ามไม่ได้เด็ดขาด เขาไม่กล้าประมาทสักนิด!“เอาละ ตอนนี้เหลือเรื่องที่สำคัญที่สุดอีกหนึ่งเรื่อง จำเป็นต้องให้พวกท่านสามคนทำให้สำเร็จ!”จู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็ขึงขังขึ้นมา เขาหยิบภาพเจ็ดแปดภาพมากองอยู่ตรงหน้าทุกคน ฉินอวิ๋นฟานวาดภาพพวกนี้เสร็จตั้งแต่อยู่ที่เมืองอู่โจว และสิ่งนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งในแผนการของเขาซึ่งมีค
“นายช่างใหญ่ทั้งสองเกรงใจแล้ว!”ฉินอวิ๋นฟานรีบสองก้าวรวบเป็นหนึ่งไปข้างหน้า คว้ามือของพวกเขาเอาไว้ก่อนจะกล่าวอย่างไมตรีจิต “เป็นพี่น้องบ้านเดียวกัน ไยต้องยึดติดกับขนบธรรมเนียมพื้น ๆ พวกนี้ด้วย? รีบเชิญข้างในเถอะ!”ฉินอวิ๋นฟานมีไมตรีเช่นนี้ทำให้หลู่เซินและหลู่เหมี่ยวต่างตกใจอย่างไม่เคยประสบ ประทับใจอย่างยิ่ง ส่วนหลู่หนีที่อยู่ด้านข้างเห็นแล้วตาค้างไปเลย พลางตะลึงถอนใจในใจ ‘เจ้าหมอนี่ ไม่เห็นเหมือนเมื่อกี้นี้เลยนี่!’ไม่นานพวกเขาก็มาถึงห้องหนังสือ หลังจากสนทนากันอย่างเรียบง่ายประมาณหนึ่งแล้ว การสนทนาของพวกเขาก็เข้าสู่ประเด็นหลัก และนี่ก็คือจุดประสงค์ที่ฉินอวิ๋นฟานเรียกหลู่หนีมาฉินอวิ๋นฟานกล่าวเสียงหนัก “ช่างใหญ่หลู่หนี ที่ข้าตามพวกท่านมาเพราะมีงานสำคัญมากงานหนึ่ง และเป็นภารกิจยากเย็นแสนเข็ญจะมอบให้พวกท่าน หวังว่าพวกท่านจะทำสำเร็จได้”“ภารกิจยากเย็นแสนเข็ญ?”เมื่อทั้งสามได้ยินก็พลันเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังขึ้นมา ที่พวกเขามาก็เพื่อทำงาน สามารถมีภารกิจสำคัญได้ย่อมเป็นเรื่องดี!“หลังจากดัดแปลงหน้าไม้ของเราแล้ว รูปโฉมก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เอเคสี่สิบแปดพัฒนาอานุภาพได้น่ากลัวถึงขีดสุดแ
ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้วถาม “ท่านก็รู้ ของที่พวกเราสร้างกันขึ้นมาล้วนเป็นเทคโนโลยีสุดล้ำ ทันทีที่เล็ดลอดออกไปจะเป็นการโจมตีพวกเราถึงตาย ดังนั้นข้ายอมให้ช้าลงหน่อยก็ไม่กล้าให้คนที่ไม่คุ้นเคยสอดมือยุ่งเรื่องนี้”ฉินอวิ๋นฟานย่อมเชื่อถือหลู่หนีเต็มร้อยอยู่แล้ว เพราะพวกเขาร่วมมือกันหลายเดือนเต็ม ๆ อีกอย่างลูกสาวของหลู่หนีก็กลายเป็นภรรยาของเขาแล้ว ไม่มีเหตุผลที่หลู่หนีจะหักหลังแต่คนนอกไม่เหมือนกัน ทันทีที่พวกเขาขโมยเทคโนโลยีหลักของเขาไป นั่นได้เดือดร้อนแล้ว เมื่อเทคโนโลยีสุดล้ำอย่างเอเคสี่สิบแปดผลิตในบ้านเมืองอื่น เช่นนั้นโลกใบนี้จะบังเกิดกลียุคแล้ว “รัชทายาทวางใจได้ พวกเขาสองคนคือศิษย์พี่หกและศิษย์พี่เจ็ดของข้าน้อย พวกเราสามคนโตมาด้วยกันแต่เล็ก สนิทกันมาก เชื่อได้แน่นอน และฝีมือของพวกเขาก็ไม่ด้อยไปกว่าข้าน้อยด้วย”หลู่หนีทุบอกรับประกัน “อันที่จริงที่อาจารย์ส่งพวกเขามาก็เป็นเพราะข้าน้อยเอ่ยปาก อย่างไรเสีย ลำพังข้าน้อยคนเดียวมีความจำกัดเรื่องความเร็ว ถ้าได้คนที่มีฝีมือดีมาช่วยเหลือ ต้องสำเร็จแบบทุ่นแรงได้มากแน่นอน”“อีกอย่าง อาจารย์ของข้าน้อยจัดเป็นขั้วอิทธิพลยุทธภพ ยึดมั่นกับการประดิษฐ์คิด
“นั่นสิ จุดยืนของฟานเอ๋อร์ในเวลานี้ไม่สู้ดีนัก ข้าก็สนับสนุนเขาโจ่งแจ้งไม่ได้ ไม่รู้ว่าต่อจากนี้เขาจะต้องเจอกับอะไรสิน่า?”ไท่ซั่งหวงพูดอย่างกังวลเล็กน้อย “หวังว่าในตอนที่ข้ายังมีชีวิตอยู่จะได้เห็นภาพต้าเฉียนสงบสุขร่มเย็น รุ่งเรืองแข็งแกร่ง ถึงตอนนั้นข้าก็วางใจหลับตาได้แล้ว!”......หลังจากสะสางงานเสร็จ หวังอันสือและคนอื่น ๆ ก็ถูกฉินอวิ๋นฟานเชิญที่ไปจวนรัชทายาท ทั้งเชิญหมอหลวงมาตรวจอาการรักษาพวกเขาโดยเฉพาะ“รัชทายาท ขอบคุณท่านอีกครั้งที่ช่วยเซียงหลิง...”หลู่หนีเพิ่งตามฉินอวิ๋นฟานเข้าห้องหนังสือมาก็อ้าปากพูดในฐานะที่เป็นคนซึ่งปราศจากตำแหน่งพิเศษ การต่อต้านหน่วยงานใหญ่อย่างสำนักศึกษาหลวงคือการรนหาที่ตายอย่างมิต้องสงสัย ฉินอวิ๋นฟานปรากฏตัวทันเวลา ทั้งยังทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยบุตรสาว นี่ทำให้หลู่หนีทราบซึ้งใจยิ่งนักในอดีต เขาถูกการประดิษฐ์ของฉินอวิ๋นฟานสยบ ดังนั้นจึงเข้าร่วมกับฉินอวิ๋นฟาน กระนั้นเขาไม่อยากให้บุตรสาวกลายเป็นผู้หญิงของอีกฝ่าย ทว่าความจริงได้พิสูจน์แล้ว ฉินอวิ๋นฟานคือคนที่ควรค่าแก่การฝากฝังเพิ่งจัดการขุนนางทุจริตที่ปกป้องพวกพ้องเดียวกันฝูงหนึ่งเสร็จ ฉินอวิ๋นฟานยังต