ศึกตัดสิน?ทุกคนตั้งสมาธิเพิ่มขึ้นเดี๋ยวนั้นนั่นสิ นี่เป็นการประลองด้านบู๊รอบสุดท้ายแล้ว บัลลังก์สูงสุดของต้าเฉียนกำลังจะได้ข้อสรุปแล้วในที่สุดทุกอย่างก็จะยุติ!“น้องเจ็ด ศึกสุดท้ายนี้ เจ้าไม่คิดจะร่วมหรือ?”องค์ชายรองหันไปมองทางฉินอวิ๋นฟานและพูดฉินอวิ๋นฟานยักไหล่และตอบด้วยสีหน้าผ่อนคลาย “พี่รองก็บอกแล้วว่าเป็นศึกสุดท้าย และเป็นการแข่งตัดสินระหว่างพวกเราพี่น้อง ถ้าข้าไม่ร่วม เช่นนั้นศึกสุดท้ายนี้จะมิราบเรียบไร้รสชาติหรือ?”ครั้นกล่าวจบ ฉินอวิ๋นฟานก็ลุกขึ้นยืนเตรียมจะเดินไปทางแท่นประลอง ตอนนี้เอง อู่จ้านคว้าแขนของเขาเอาไว้และพูดด้วยความกังวลเล็กน้อย “เสี่ยวฟาน ต้องเข้าร่วมให้ได้หรือ?”“นั่นสิ รัชทายาท ท่านชนะสี่รอบแล้ว รอบสุดท้ายนี้ก็สละสิทธิ์ไปเถอะ?”เวลานี้มู่หรงจิ่นชักจะเป็นห่วงเหมือนกัน ในใจนางต่อสู้กันหนักมาก เพราะรัชทายาทอยู่ในวังหลวง ไม่เคยเห็นเขาฝึกยุทธ์สร้างความแข็งแกร่งของร่างกาย ยิ่งไม่เคยประลองกับใคร หากประลองกับยอดฝีมือสุ่มสี่สุ่มห้าเกรงว่าจะมีอันตราย“อ้อ? ชายารักกำลังเป็นห่วงข้าหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานจ้องมู่หรงจิ่น ถามด้วยสีหน้าหยอกล้อ“คือ... ข้า ข้า ข้าเปล่านะ
ฉินอวิ๋นฟานจำต้องยอมรับว่าลูกไม้ขององค์ชายรองไม่ธรรมดาฉินอวิ๋นฟานตอบเสียงผ่อนคลาย “การแข่งขันบนแท่นประลอง ไม่แบ่งแยกสูงต่ำ มีแต่แพ้ชนะ เจ้าไม่ต้องกังวลอะไรหรอกนะ พวกเขาต้องการให้เจ้าทำยังไง เจ้าก็ทำไปเถอะ”“อ้อ? รัชทายาทตระหนักถึงขั้นนี้เลยหรือ? ดูจะเตรียมใจไว้แล้ว”จ้าวหมิงหมิงยกยิ้ม ฉายแววโหดเหี้ยม“เหอะ จะต่อกรกับขยะเช่นพวกเจ้ามีอันใดต้องเตรียม?”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่ ใบหน้าดูถูก ทันทีที่จ้าวหมิงหมิงเผยฟันเขี้ยวแห่งความชั่วร้าย เขาก็ถูกฉินอวิ๋นฟานตัดสินประหารชีวิตแล้ว กับคนที่คิดจะสังหารเขา ฉินอวิ๋นฟานไม่เคยใจอ่อน“ท่าน ท่านกล้าว่าข้าเป็นขยะหรือ?”ถูกฉินอวิ๋นฟานพูดเยาะว่าเป็นขยะ จ้าวหมิงหมิงหรี่ดวงตาทั้งสอง ความฉุนพุ่งปรี๊ดขึ้นหัว เจตนาสังหารเข้มข้นก่อตัวเป็นรูปร่างชั่วพริบตา“ไม่ ๆ ๆ ข้าไม่ได้ว่าเจ้า แต่ว่าพวกเจ้าทั้งหมดว่าเป็นขยะ”ฉินอวิ๋นฟานเมินความโกรธเกรี้ยวของจ้าวหมิงหมิงโดยตรง ชี้บรรดาคนที่อยู่บนแท่นประลอง องค์ชายรองและคนอื่น ๆ เหยียดหยามต่อหน้าประชาชีเขาทำหน้ารังเกียจ ไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย ฟันเขี้ยวขององค์ชายรองชั่วร้ายนัก ต้องการทำให้เขาและองค์ชายใหญ่พิกลพิการหรืออ
“ฮ่า ๆ ๆ...”จ้าวหมิงหมิงแหงนหน้าหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง กล่าวด้วยใบหน้าโหดเหี้ยม “ข้าก็พูดมากนั่นแหละ แต่ท่านจะทำอะไรข้าได้? จะกัดข้าหรือ!!!”เขายิ่งพูดก็ยิ่งโอหัง ยิ่งพูดก็ยิ่งกำเริบเสิบสาน ไม่เห็นฉินอวิ๋นฟานอยู่ในสายตา ในสายตาของเขา ฉินอวิ๋นฟานก็คือคนที่ธรรมด๊าธรรมดาคนหนึ่ง ต่อสู้กับผู้ฝึกยุทธ์เช่นเขา เรียกได้ว่าหาที่ตายปัง!!!ก็ขณะที่จ้าวหมิงหมิงกำลังหยิ่งผยองโอหัง ฉินอวิ๋นฟานล้วงปืนสั้นห้าสี่ออกมาจากหน้าอกกระบอกหนึ่ง ยิงไปยังศีรษะของจ้าวหมิงหมิงที่กำลังกำแหงอย่างหาที่เปรียบมิได้และไม่ทันระวังตัวสักนิดเสียงเสียดหูทำให้ทุกคนตกใจโดยพลัน จ้าวหมิงหมิงผู้หยิ่งยโสเสียงหยุดชะงัก เห็นเพียงเขาดวงตาเบิกโพลง ระหว่างคิ้วมีรูเลือดชัดเจนอย่างยิ่งรูหนึ่ง เลือดสดไหลออกมาไม่หยุด“จ้าวหมิงหมิง?”คนแรกที่เห็นถึงความผิดปกติคือหยางจ่าน เห็นจ้าวหมิงหมิงไม่กระดุกกระดิก เขาจึงถามแบบหยั่งเชิง พบว่าอีกฝ่ายไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆยามนี้ ฉินอวิ๋นฟานค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน เป่าควันเขม่าตรงกระบอกปืนและมาถึงตรงหน้าจ้าวหมิงหมิง เพียงแตะร่างของเขาเบา ๆ เสียสมดุลน้ำหนัก ตามด้วยร่างของเขาล้มลงไปทันที ปราศจากพลั
“อย่างไร? เจ้าเป็นคนตั้งกติกา เจ้าว่าไงก็คืออย่างนั้น?”ยามนี้องค์ชายใหญ่ก้าวออกมาเสริมอีกดอก นึกถึงเมื่อครู่ที่ถูกเจ้ารองหลอกจนกระอักเลือด ในใจคับแค้นเหลือประมาณ บวกกับเห็นท่าทีเจ้าเจ็ดโต้แย้งเจ้ารอง อย่าให้พูดเลยว่าสะใจแค่ไหนเห็นท่าทางเจ้ารองพูดไม่ออก มันช่างปลอดโปร่งโล่งสบายแท้ ๆ“เจ้า...”ถูกฉินอวิ๋นฟานโต้แย้ง เปิดโปงอุบายของเขาต่อหน้าทุกคน ฉินอวิ๋นฮุยโกรธจนหน้าเขียวปัด ทีแรกคิดจะข่มฉินอวิ๋นฟาน ไม่นึกว่าไม่เพียงแต่ไม่ได้ประโยชน์ ซ้ำยังถูกทำให้อับอายขายหน้าอีก“ฝ่าบาท หม่อมฉันอยากทูลถาม การประลองด้านบู๊มีกติกาไม่อนุญาตให้ใช้อาวุธลับหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”ฉินอวิ๋นฟานมองทางเหมียวชิงอีและถามเหมียวชิงอีย่อมเข้าใจความหมายของฉินอวิ๋นฟาน โบราณว่าไว้ ใช้ความชั่วจัดการกับความชั่วจึงจะได้ผลดีที่สุดพูดเหตุผลกับอีกฝ่าย อีกฝ่ายยังจะเล่นหน้าด้วย พูดตัวบทกฎหมายกับอีกฝ่าย อีกฝ่ายยังจะอ้างสถานการณ์บ้านเมือง กลับกันจะพูดอย่างไรล้วนเป็นอีกฝ่ายมีเหตุผล ดังนั้นใช้วิธีการของเขาโต้กลับจึงจะได้ผลดีที่สุด“การประลองมิได้จำกัด และไม่ได้บอกว่าห้ามใช้อาวุธลับ เห็นชัดว่าจ้าวหมิงหมิงตายเพราะพูดมาก ตายเพร
นาทีที่หยางจ่านล้มลง ทุกคนในที่นั้นต่างตะลึงงัน โดยเฉพาะองค์ชายรอง ลูกตาแทบจะถลนออกมาแล้ว ไม่กล้าเชื่อโดยสิ้นเชิง จ้าวหมิงหมิงและหยางจ่านยอดฝีมือสองคนกลับล้มลงตามกันภายใต้อาวุธลับของฉินอวิ๋นฟาน“รัชทายาท รัชทายาทเก่งจังเลย”ยามนี้มู่หรงจิ่นมือรำเท้าย่ำ หลังจากหลายวันนี้ได้อยู่ร่วมกับฉินอวิ๋นฟาน นางได้รับความสะใจที่ไม่เคยมีมาก่อนจากอีกฝ่ายแม้จะแค้นใจเป็นอย่างมาก ทว่าฉินอวิ๋นฟานในเวลานี้คือวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ในใจนาง กอปรกับความพินาศของเหลียงคังจวิ้นได้ทำลายภาพลักษณ์อันสมบูรณ์แบบในใจนางจนสิ้นแล้ว กลับเป็นฉินอวิ๋นฟานในตอนนี้ ปรากฏตัวออกมาด้วยท่วงทำนองสมบูรณ์แบบ เติมเต็มมโนภาพที่หญิงสาวคนหนึ่งจะมีต่อบุรุษหัวใจของนางถูกฉินอวิ๋นฟานครอบครองโดยสิ้นเชิง“ฟานเอ๋อร์ทำได้ดีจริง ๆ”เวลานี้อู่จ้านรื้นน้ำตา เขายืนหยัดมาหลายปีขนาดนั้น ในที่สุดก็ได้เห็นรัชทายาทองอาจห้าวหาญ มีท่วงทำนองของผู้เป็นราชัน!“บ้าเอ๊ย บัดซบ!!!”องค์ชายรองเดือดดาลจนร้องคำรามเดี๋ยวนั้น เดิมนึกว่าคว้าชัยการประลองด้านบู๊ได้แล้วเขาจะสามารถตีเสมอฉินอวิ๋นฟาน คิดไม่ถึงว่าทุกอย่างจะกลายเป็นความฝันฟองสบู่ จบสิ้นทั้งหมดสุดท้า
เวลานี้ สายตาของทุกคนรวมศูนย์อยู่ที่ตัวฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียว รอนางประกาศผลท้ายที่สุด พร้อมกันนั้นมันยังชี้ชะตาและอนาคตของต้าเฉียนกับแคว้นเหมียวทางชายแดนตะวันตกด้วยเหมียวชิงอีลุกขึ้นยืนเอ่ย “การมาต้าเฉียนในครั้งนี้ ข้าได้รับประโยชน์มากมาย การประลองบุ๋นบู๊วิเศษมาก แสดงท่วงทำนองของแคว้นใหญ่ออกมาให้เห็นจนสิ้น นี่คืองานเลี้ยงใหญ่ของการมองเห็นและได้ยิน...”“ในการประลองครั้งนี้ การแสดงของรัชทายาทโดดเด่นที่สุด ในหนามีบาง ชวนให้คนหวนรสไม่รู้จบ ไม่ว่าจะเป็นวรรณกรรมหรือฝีมือ ล้วนเป็นผู้ที่แสดงออกได้ยอดเยี่ยมที่สุด แต่...”พอพูดมาถึงตรงนี้ ทั้งงานเกิดเสียงอื้ออึงขึ้น“เกิดอะไรขึ้น? ฮ่องเต้หญิงตรัสชมเชยก่อน แล้วจู่ ๆ ก็หันเห คงไม่ใช่ว่าพระนางไม่พอพระทัยรัชทายาทกระมัง?”“นี่ นี่ใครจะรู้เล่า หากเป็นเช่นนั้น เช่นนั้นทรงมิต้องเลือกระหว่างองค์ชายใหญ่กับองค์ชายรองหรือ? เพราะในศึกชิงบัลลังก์ครั้งนี้ หลัก ๆ ก็อยู่ที่พวกเขาสามคนนั่นแหละ”“เฮ้อ รัชทายาทไร้ซึ่งอิทธิพล ต่อสู้เพียงลำพัง แม้จะคว้าชัยไปได้ แต่สุดท้ายก็ยังไม่เข้าสายพระเนตรของฮ่องเต้หญิงอยู่ดี อย่างไรการเกี่ยวดองของสองแคว้น อิทธิพลคือสิ่งสำ
การประกาศรับงานใหญ่แบบกะทันหันของฉินอวิ๋นฟาน ทำเอาคนทั้งงานอึ้งจังงังไปเลยเนื่องจากเกิดความไม่สงบภายในเมื่อสามสิบปีก่อน ทำให้เศรษฐกิจต้าเฉียนที่อยู่รั้งท้ายอยู่แล้วต้องสาหัสสากรรจ์กว่าเดิม แม้ยี่สิบปีนี้จะพยายามไล่ตามอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ยังรั้งท้ายอยู่ดี การจะแซงหน้าแคว้นอื่นเดิมก็เป็นภารกิจที่บรรลุไม่ได้อยู่แล้ว“รัชทายาท ท่านแน่ใจหรือว่าไม่ได้กำลังล้อเล่นกับข้าน่ะ?”เหมียวชิงอีในเวลานี้สับสนงงงวยไปหมดแล้ว จ้องฉินอวิ๋นฟานอยู่นาน พบว่าท่าทีของอีกฝ่ายเหมือนไม่ได้กำลังล้อเล่น ในราชสำนัก ทุกคำมั่นล้วนมีผลตามกฎหมาย มิใช่เรื่องล้อเล่นในหนึ่งปี การจะพัฒนาระดับเศรษฐกิจให้อยู่ห้าอันดับต้นของเก้าแคว้นเป็นความยากระดับนรก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสามอันดับต้นต้าเยียน ต้าเซี่ย รวมถึงแคว้นฉู่สามแคว้น เรียกได้ว่าเป็นเสาค้ำยันฟ้าสามต้นยักษ์ของโลกใบนี้ พวกเขาครอบครองผืนดินอุดมสมบูรณ์และพื้นราบส่วนใหญ่ของโลก การคมนาคมเจริญ เศรษฐกิจพัฒนารวดเร็ว มิใช่แคว้นอื่นอยากล้ำหน้าก็จะล้ำหน้าได้ต้าเฉียนมีปริมาณน้ำที่ค่อนข้างอุดม มีเนินเขาเป็นส่วนใหญ่ ทำให้การเพาะปลูกลำบากมาก เศรษฐกิจพัฒนาช้า เทียบกับเศรษฐกิจเ
“แม้ฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวจะไม่ตั้งเงื่อนไขเช่นนี้ หม่อมฉันก็ยังจะใช้มันเป็นปณิธานเหมือนเดิมพ่ะย่ะค่ะ ต้องมุมานะทำให้ชาวต้าเฉียนได้แจ้งเกิด และเป็นชะตาในชีวิตนี้ของหม่อมฉัน ไม่โทษไม่เสียใจพ่ะย่ะค่ะ”ฉินอวิ๋นฟานถ่ายทอดจิตวิญญาณความฮึกเหิมออกไป สะเทือนใจทุกคนทันที เลือดร้อนพลุ่งพล่าน ถูกพลังแรงกล้าของเขาส่งมาถึง ในใจบังเกิดความเคารพยำเกรง!“ดี ต้องมุมานะทำให้ชาวต้าเฉียนได้แจ้งเกิด ดี ชะตาไม่โทษไม่เสียใจ!”ยามนี้เหมียวชิงอีกยากจะปกปิดความตื่นเต้นในใจ ยังไม่พูดถึงว่าฉินอวิ๋นฟานจะทำได้หรือไม่ แต่แค่จิตใจที่มีต่อบ้านเมืองดวงนี้ ท่าทีที่เห็นไพร่ฟ้าชาวประชาเป็นหน้าที่ของตนก็คู่ควรให้นางเหมียวชิงอีกยกย่องแล้ว“ราชสำนักต้าเฉียนไม่มั่นคง แคว้นเพื่อนบ้านคิดแผนการ หนึ่งปีก่อน ห้าเมืองที่ติดกับเมืองจัวถูกแคว้นเยียนยึดครอง บัดนี้เมืองจัวอยู่ในภาวะขอบขันล่มสลาย อาจถูกแคว้นเยียนกลืนกินได้ทุกเมื่อ”“ดังนั้นเงื่อนไขที่สองก็คือ หวังว่าในหนึ่งปีนี้ รัชทายาทจะสามารถคุ้มครองเมืองจัว รักษาเส้นทางชีวิตระหว่างแคว้นเหมียวกับต้าเฉียนเอาไว้ได้”“อ้อ? มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้ว หันไปมององค