ศึกตัดสิน?ทุกคนตั้งสมาธิเพิ่มขึ้นเดี๋ยวนั้นนั่นสิ นี่เป็นการประลองด้านบู๊รอบสุดท้ายแล้ว บัลลังก์สูงสุดของต้าเฉียนกำลังจะได้ข้อสรุปแล้วในที่สุดทุกอย่างก็จะยุติ!“น้องเจ็ด ศึกสุดท้ายนี้ เจ้าไม่คิดจะร่วมหรือ?”องค์ชายรองหันไปมองทางฉินอวิ๋นฟานและพูดฉินอวิ๋นฟานยักไหล่และตอบด้วยสีหน้าผ่อนคลาย “พี่รองก็บอกแล้วว่าเป็นศึกสุดท้าย และเป็นการแข่งตัดสินระหว่างพวกเราพี่น้อง ถ้าข้าไม่ร่วม เช่นนั้นศึกสุดท้ายนี้จะมิราบเรียบไร้รสชาติหรือ?”ครั้นกล่าวจบ ฉินอวิ๋นฟานก็ลุกขึ้นยืนเตรียมจะเดินไปทางแท่นประลอง ตอนนี้เอง อู่จ้านคว้าแขนของเขาเอาไว้และพูดด้วยความกังวลเล็กน้อย “เสี่ยวฟาน ต้องเข้าร่วมให้ได้หรือ?”“นั่นสิ รัชทายาท ท่านชนะสี่รอบแล้ว รอบสุดท้ายนี้ก็สละสิทธิ์ไปเถอะ?”เวลานี้มู่หรงจิ่นชักจะเป็นห่วงเหมือนกัน ในใจนางต่อสู้กันหนักมาก เพราะรัชทายาทอยู่ในวังหลวง ไม่เคยเห็นเขาฝึกยุทธ์สร้างความแข็งแกร่งของร่างกาย ยิ่งไม่เคยประลองกับใคร หากประลองกับยอดฝีมือสุ่มสี่สุ่มห้าเกรงว่าจะมีอันตราย“อ้อ? ชายารักกำลังเป็นห่วงข้าหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานจ้องมู่หรงจิ่น ถามด้วยสีหน้าหยอกล้อ“คือ... ข้า ข้า ข้าเปล่านะ
ฉินอวิ๋นฟานจำต้องยอมรับว่าลูกไม้ขององค์ชายรองไม่ธรรมดาฉินอวิ๋นฟานตอบเสียงผ่อนคลาย “การแข่งขันบนแท่นประลอง ไม่แบ่งแยกสูงต่ำ มีแต่แพ้ชนะ เจ้าไม่ต้องกังวลอะไรหรอกนะ พวกเขาต้องการให้เจ้าทำยังไง เจ้าก็ทำไปเถอะ”“อ้อ? รัชทายาทตระหนักถึงขั้นนี้เลยหรือ? ดูจะเตรียมใจไว้แล้ว”จ้าวหมิงหมิงยกยิ้ม ฉายแววโหดเหี้ยม“เหอะ จะต่อกรกับขยะเช่นพวกเจ้ามีอันใดต้องเตรียม?”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่ ใบหน้าดูถูก ทันทีที่จ้าวหมิงหมิงเผยฟันเขี้ยวแห่งความชั่วร้าย เขาก็ถูกฉินอวิ๋นฟานตัดสินประหารชีวิตแล้ว กับคนที่คิดจะสังหารเขา ฉินอวิ๋นฟานไม่เคยใจอ่อน“ท่าน ท่านกล้าว่าข้าเป็นขยะหรือ?”ถูกฉินอวิ๋นฟานพูดเยาะว่าเป็นขยะ จ้าวหมิงหมิงหรี่ดวงตาทั้งสอง ความฉุนพุ่งปรี๊ดขึ้นหัว เจตนาสังหารเข้มข้นก่อตัวเป็นรูปร่างชั่วพริบตา“ไม่ ๆ ๆ ข้าไม่ได้ว่าเจ้า แต่ว่าพวกเจ้าทั้งหมดว่าเป็นขยะ”ฉินอวิ๋นฟานเมินความโกรธเกรี้ยวของจ้าวหมิงหมิงโดยตรง ชี้บรรดาคนที่อยู่บนแท่นประลอง องค์ชายรองและคนอื่น ๆ เหยียดหยามต่อหน้าประชาชีเขาทำหน้ารังเกียจ ไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย ฟันเขี้ยวขององค์ชายรองชั่วร้ายนัก ต้องการทำให้เขาและองค์ชายใหญ่พิกลพิการหรืออ
“ฮ่า ๆ ๆ...”จ้าวหมิงหมิงแหงนหน้าหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง กล่าวด้วยใบหน้าโหดเหี้ยม “ข้าก็พูดมากนั่นแหละ แต่ท่านจะทำอะไรข้าได้? จะกัดข้าหรือ!!!”เขายิ่งพูดก็ยิ่งโอหัง ยิ่งพูดก็ยิ่งกำเริบเสิบสาน ไม่เห็นฉินอวิ๋นฟานอยู่ในสายตา ในสายตาของเขา ฉินอวิ๋นฟานก็คือคนที่ธรรมด๊าธรรมดาคนหนึ่ง ต่อสู้กับผู้ฝึกยุทธ์เช่นเขา เรียกได้ว่าหาที่ตายปัง!!!ก็ขณะที่จ้าวหมิงหมิงกำลังหยิ่งผยองโอหัง ฉินอวิ๋นฟานล้วงปืนสั้นห้าสี่ออกมาจากหน้าอกกระบอกหนึ่ง ยิงไปยังศีรษะของจ้าวหมิงหมิงที่กำลังกำแหงอย่างหาที่เปรียบมิได้และไม่ทันระวังตัวสักนิดเสียงเสียดหูทำให้ทุกคนตกใจโดยพลัน จ้าวหมิงหมิงผู้หยิ่งยโสเสียงหยุดชะงัก เห็นเพียงเขาดวงตาเบิกโพลง ระหว่างคิ้วมีรูเลือดชัดเจนอย่างยิ่งรูหนึ่ง เลือดสดไหลออกมาไม่หยุด“จ้าวหมิงหมิง?”คนแรกที่เห็นถึงความผิดปกติคือหยางจ่าน เห็นจ้าวหมิงหมิงไม่กระดุกกระดิก เขาจึงถามแบบหยั่งเชิง พบว่าอีกฝ่ายไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆยามนี้ ฉินอวิ๋นฟานค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน เป่าควันเขม่าตรงกระบอกปืนและมาถึงตรงหน้าจ้าวหมิงหมิง เพียงแตะร่างของเขาเบา ๆ เสียสมดุลน้ำหนัก ตามด้วยร่างของเขาล้มลงไปทันที ปราศจากพลั
“อย่างไร? เจ้าเป็นคนตั้งกติกา เจ้าว่าไงก็คืออย่างนั้น?”ยามนี้องค์ชายใหญ่ก้าวออกมาเสริมอีกดอก นึกถึงเมื่อครู่ที่ถูกเจ้ารองหลอกจนกระอักเลือด ในใจคับแค้นเหลือประมาณ บวกกับเห็นท่าทีเจ้าเจ็ดโต้แย้งเจ้ารอง อย่าให้พูดเลยว่าสะใจแค่ไหนเห็นท่าทางเจ้ารองพูดไม่ออก มันช่างปลอดโปร่งโล่งสบายแท้ ๆ“เจ้า...”ถูกฉินอวิ๋นฟานโต้แย้ง เปิดโปงอุบายของเขาต่อหน้าทุกคน ฉินอวิ๋นฮุยโกรธจนหน้าเขียวปัด ทีแรกคิดจะข่มฉินอวิ๋นฟาน ไม่นึกว่าไม่เพียงแต่ไม่ได้ประโยชน์ ซ้ำยังถูกทำให้อับอายขายหน้าอีก“ฝ่าบาท หม่อมฉันอยากทูลถาม การประลองด้านบู๊มีกติกาไม่อนุญาตให้ใช้อาวุธลับหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”ฉินอวิ๋นฟานมองทางเหมียวชิงอีและถามเหมียวชิงอีย่อมเข้าใจความหมายของฉินอวิ๋นฟาน โบราณว่าไว้ ใช้ความชั่วจัดการกับความชั่วจึงจะได้ผลดีที่สุดพูดเหตุผลกับอีกฝ่าย อีกฝ่ายยังจะเล่นหน้าด้วย พูดตัวบทกฎหมายกับอีกฝ่าย อีกฝ่ายยังจะอ้างสถานการณ์บ้านเมือง กลับกันจะพูดอย่างไรล้วนเป็นอีกฝ่ายมีเหตุผล ดังนั้นใช้วิธีการของเขาโต้กลับจึงจะได้ผลดีที่สุด“การประลองมิได้จำกัด และไม่ได้บอกว่าห้ามใช้อาวุธลับ เห็นชัดว่าจ้าวหมิงหมิงตายเพราะพูดมาก ตายเพร
นาทีที่หยางจ่านล้มลง ทุกคนในที่นั้นต่างตะลึงงัน โดยเฉพาะองค์ชายรอง ลูกตาแทบจะถลนออกมาแล้ว ไม่กล้าเชื่อโดยสิ้นเชิง จ้าวหมิงหมิงและหยางจ่านยอดฝีมือสองคนกลับล้มลงตามกันภายใต้อาวุธลับของฉินอวิ๋นฟาน“รัชทายาท รัชทายาทเก่งจังเลย”ยามนี้มู่หรงจิ่นมือรำเท้าย่ำ หลังจากหลายวันนี้ได้อยู่ร่วมกับฉินอวิ๋นฟาน นางได้รับความสะใจที่ไม่เคยมีมาก่อนจากอีกฝ่ายแม้จะแค้นใจเป็นอย่างมาก ทว่าฉินอวิ๋นฟานในเวลานี้คือวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ในใจนาง กอปรกับความพินาศของเหลียงคังจวิ้นได้ทำลายภาพลักษณ์อันสมบูรณ์แบบในใจนางจนสิ้นแล้ว กลับเป็นฉินอวิ๋นฟานในตอนนี้ ปรากฏตัวออกมาด้วยท่วงทำนองสมบูรณ์แบบ เติมเต็มมโนภาพที่หญิงสาวคนหนึ่งจะมีต่อบุรุษหัวใจของนางถูกฉินอวิ๋นฟานครอบครองโดยสิ้นเชิง“ฟานเอ๋อร์ทำได้ดีจริง ๆ”เวลานี้อู่จ้านรื้นน้ำตา เขายืนหยัดมาหลายปีขนาดนั้น ในที่สุดก็ได้เห็นรัชทายาทองอาจห้าวหาญ มีท่วงทำนองของผู้เป็นราชัน!“บ้าเอ๊ย บัดซบ!!!”องค์ชายรองเดือดดาลจนร้องคำรามเดี๋ยวนั้น เดิมนึกว่าคว้าชัยการประลองด้านบู๊ได้แล้วเขาจะสามารถตีเสมอฉินอวิ๋นฟาน คิดไม่ถึงว่าทุกอย่างจะกลายเป็นความฝันฟองสบู่ จบสิ้นทั้งหมดสุดท้า
เวลานี้ สายตาของทุกคนรวมศูนย์อยู่ที่ตัวฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียว รอนางประกาศผลท้ายที่สุด พร้อมกันนั้นมันยังชี้ชะตาและอนาคตของต้าเฉียนกับแคว้นเหมียวทางชายแดนตะวันตกด้วยเหมียวชิงอีลุกขึ้นยืนเอ่ย “การมาต้าเฉียนในครั้งนี้ ข้าได้รับประโยชน์มากมาย การประลองบุ๋นบู๊วิเศษมาก แสดงท่วงทำนองของแคว้นใหญ่ออกมาให้เห็นจนสิ้น นี่คืองานเลี้ยงใหญ่ของการมองเห็นและได้ยิน...”“ในการประลองครั้งนี้ การแสดงของรัชทายาทโดดเด่นที่สุด ในหนามีบาง ชวนให้คนหวนรสไม่รู้จบ ไม่ว่าจะเป็นวรรณกรรมหรือฝีมือ ล้วนเป็นผู้ที่แสดงออกได้ยอดเยี่ยมที่สุด แต่...”พอพูดมาถึงตรงนี้ ทั้งงานเกิดเสียงอื้ออึงขึ้น“เกิดอะไรขึ้น? ฮ่องเต้หญิงตรัสชมเชยก่อน แล้วจู่ ๆ ก็หันเห คงไม่ใช่ว่าพระนางไม่พอพระทัยรัชทายาทกระมัง?”“นี่ นี่ใครจะรู้เล่า หากเป็นเช่นนั้น เช่นนั้นทรงมิต้องเลือกระหว่างองค์ชายใหญ่กับองค์ชายรองหรือ? เพราะในศึกชิงบัลลังก์ครั้งนี้ หลัก ๆ ก็อยู่ที่พวกเขาสามคนนั่นแหละ”“เฮ้อ รัชทายาทไร้ซึ่งอิทธิพล ต่อสู้เพียงลำพัง แม้จะคว้าชัยไปได้ แต่สุดท้ายก็ยังไม่เข้าสายพระเนตรของฮ่องเต้หญิงอยู่ดี อย่างไรการเกี่ยวดองของสองแคว้น อิทธิพลคือสิ่งสำ
การประกาศรับงานใหญ่แบบกะทันหันของฉินอวิ๋นฟาน ทำเอาคนทั้งงานอึ้งจังงังไปเลยเนื่องจากเกิดความไม่สงบภายในเมื่อสามสิบปีก่อน ทำให้เศรษฐกิจต้าเฉียนที่อยู่รั้งท้ายอยู่แล้วต้องสาหัสสากรรจ์กว่าเดิม แม้ยี่สิบปีนี้จะพยายามไล่ตามอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ยังรั้งท้ายอยู่ดี การจะแซงหน้าแคว้นอื่นเดิมก็เป็นภารกิจที่บรรลุไม่ได้อยู่แล้ว“รัชทายาท ท่านแน่ใจหรือว่าไม่ได้กำลังล้อเล่นกับข้าน่ะ?”เหมียวชิงอีในเวลานี้สับสนงงงวยไปหมดแล้ว จ้องฉินอวิ๋นฟานอยู่นาน พบว่าท่าทีของอีกฝ่ายเหมือนไม่ได้กำลังล้อเล่น ในราชสำนัก ทุกคำมั่นล้วนมีผลตามกฎหมาย มิใช่เรื่องล้อเล่นในหนึ่งปี การจะพัฒนาระดับเศรษฐกิจให้อยู่ห้าอันดับต้นของเก้าแคว้นเป็นความยากระดับนรก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสามอันดับต้นต้าเยียน ต้าเซี่ย รวมถึงแคว้นฉู่สามแคว้น เรียกได้ว่าเป็นเสาค้ำยันฟ้าสามต้นยักษ์ของโลกใบนี้ พวกเขาครอบครองผืนดินอุดมสมบูรณ์และพื้นราบส่วนใหญ่ของโลก การคมนาคมเจริญ เศรษฐกิจพัฒนารวดเร็ว มิใช่แคว้นอื่นอยากล้ำหน้าก็จะล้ำหน้าได้ต้าเฉียนมีปริมาณน้ำที่ค่อนข้างอุดม มีเนินเขาเป็นส่วนใหญ่ ทำให้การเพาะปลูกลำบากมาก เศรษฐกิจพัฒนาช้า เทียบกับเศรษฐกิจเ
“แม้ฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวจะไม่ตั้งเงื่อนไขเช่นนี้ หม่อมฉันก็ยังจะใช้มันเป็นปณิธานเหมือนเดิมพ่ะย่ะค่ะ ต้องมุมานะทำให้ชาวต้าเฉียนได้แจ้งเกิด และเป็นชะตาในชีวิตนี้ของหม่อมฉัน ไม่โทษไม่เสียใจพ่ะย่ะค่ะ”ฉินอวิ๋นฟานถ่ายทอดจิตวิญญาณความฮึกเหิมออกไป สะเทือนใจทุกคนทันที เลือดร้อนพลุ่งพล่าน ถูกพลังแรงกล้าของเขาส่งมาถึง ในใจบังเกิดความเคารพยำเกรง!“ดี ต้องมุมานะทำให้ชาวต้าเฉียนได้แจ้งเกิด ดี ชะตาไม่โทษไม่เสียใจ!”ยามนี้เหมียวชิงอีกยากจะปกปิดความตื่นเต้นในใจ ยังไม่พูดถึงว่าฉินอวิ๋นฟานจะทำได้หรือไม่ แต่แค่จิตใจที่มีต่อบ้านเมืองดวงนี้ ท่าทีที่เห็นไพร่ฟ้าชาวประชาเป็นหน้าที่ของตนก็คู่ควรให้นางเหมียวชิงอีกยกย่องแล้ว“ราชสำนักต้าเฉียนไม่มั่นคง แคว้นเพื่อนบ้านคิดแผนการ หนึ่งปีก่อน ห้าเมืองที่ติดกับเมืองจัวถูกแคว้นเยียนยึดครอง บัดนี้เมืองจัวอยู่ในภาวะขอบขันล่มสลาย อาจถูกแคว้นเยียนกลืนกินได้ทุกเมื่อ”“ดังนั้นเงื่อนไขที่สองก็คือ หวังว่าในหนึ่งปีนี้ รัชทายาทจะสามารถคุ้มครองเมืองจัว รักษาเส้นทางชีวิตระหว่างแคว้นเหมียวกับต้าเฉียนเอาไว้ได้”“อ้อ? มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้ว หันไปมององค
“ฮ่า ๆ ๆ...มา ชนแก้ว!”ภายใต้แสงขมุกขมัว ทั้งสี่จรดสุราหมดจอก ฉินอวิ๋นฟานที่หิวไส่กิ่วสวาปามราวกับพายุ ไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็กวาดอาหารโอชาบนโต๊ะไปกว่าครึ่งเวลานี้มู่หรงจิ่น หลู่เซียงหลิงและเสี่ยวจวี๋ก็ดื่มจนแก้มแดงก่ำแล้ว งดงามอ้อนแอ้นจนอยากจะเด็ดมาดอมดม พวกนางกระดากใจยิ่งหนัก หลังจากอิ่มเอมกับสุราอาหารแล้ว ฉินอวิ๋นฟานก็ไม่สะกดอารมณ์พลุ่งพล่านอีกต่อไป โอบสองดรุณีไปยังเตียงทันที“สุดที่รักของข้า ข้าคิดถึงพวกเจ้าจะตายอยู่แล้ว!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย กระโจนใส่พวกนางโดยตรง สองดรุณีราวกับกระต่ายน้อยตื่นตกใจ ส่งเสียงร้อง “อ๊ะ” ออกมาทีหนึ่งจึงรีบมุดเข้าไปอยู่ด้านในของเตียง ยิ่งพวกนางเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานก็ยิ่งคึก“แหะ ๆ ร้องใช่ไหม คืนนี้จะให้พวกเจ้าร้องไห้เสียงแหบเสียงแห้งไปเลย!”ฉินอวิ๋นฟานเลียริมฝีปาก ความปรารถนาปะทุขึ้นโดยสิ้นเชิง เบื้องล่างท้องน้อยเร่าร้อนยากจะทานทนนานแล้ว ‘แควก’ ทีหนึ่ง เครื่องนุ่งห่มบนตัวฉีกขาด เผยกล้ามเนื้อแข็งแรงทั่วร่าง กลิ่นอายบุรุษเข้มข้นทำให้ลมหายใจของสามดรุณีกระชั้น กระนั้นกลับมิอาจสะกด ฉินอวิ๋นฟานเสือตะครุบอีกหน คว้าเท้าเล็กของหลู่เซียงหลิงเอาไว
ฉินอวิ๋นฟานตบบ่าหวังอันสือเบา ๆ แล้วกล่าวคำพูดจากใจ “ขุนนางในอนาคตของต้าเฉียนจะกระจ่างใสได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”“รัชทายาทโปรดวางใจ ข้าน้อยจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่นอนขอรับ!”หวังอันสือตื้นตันจนน้ำตานองหน้า ถ้อยคำสวยงามใดก็มิอาจบรรยายความรู้สึกในขณะนี้ของเขา ในที่สุดก็มีเวทีแสดงปณิธานซึ่งมีอยู่เต็มอกของเขาแล้ว ในโลกอันขุ่นมัวนี้ ในที่สุดเขาก็ได้แสดงฝีมือสักทีและสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกโชคดีคือ เขาได้พบกับป๋อเล่อ ผู้มีจุดมุ่งหมายและทิศทางปณิธานเดียวกับเขา มอบโอกาสพลิกชะตาให้กับเขาครั้งหนึ่งเมื่อได้รับคำตอบยืนยันของหวังอันสือ ฉินอวิ๋นฟานคลี่ยิ้มพึงพอใจ จึงออกไปจากห้องและตรงไปยังตำหนักรัชทายาท...“พี่อวิ๋นฟาน ท่านคงหิวแย่แล้วกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานเพิ่งกลับมาถึงตำหนักที่พัก จิ่นเอ๋อร์ก็รีบเดินมาต้อนรับ ส่วนเสี่ยวจวี๋และเซียงหลิงต่างประกบอยู่ทางซ้ายและทางขวาจู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็รู้สึกว่าตำหนักที่พักต่างออกไปจากปกติ ปกติจะมีนางกำนัลรับใช้อยู่ในจวนอย่างน้อยสี่คน ทว่าวันนี้กลับไม่มีแม้แต่คนเดียว ทั้งตำหนักมีเพียงผู้หญิงสามคนเท่านั้น คือจิ่นเอ๋อร์ เซียงหล
“รัชทายาท ท่านจะหารือเรื่องใหญ่กับข้าน้อยหรือขอรับ?!”เห็นท่าทางจริงใจของฉินอวิ๋นฟาน หวังอันสือร่างสะท้านเล็กน้อย ฉินอวิ๋นฟานคือรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินต้าเฉียนผู้สูงส่ง กลับมีเรื่องจะหารือกับเขา? มันมิควรเป็นคำสั่งหรือ?ฉินอวิ๋นฟานเปลี่ยนไปราวกับคนละคน ทำให้หวังอันสือสงบใจไม่ได้อยู่นาน ท่าทางเข้าหาได้ง่ายของฉินอวิ๋นฟานกับรัชทายาทผู้แข็งกร้าวราวกับเทพสังหารสถิตร่างที่เขาเพิ่งพบเมื่อครู่ต่างกันโดยสิ้นเชิงฉินอวิ๋นฟานพูดเป็นการเป็นงาน “ถูกต้อง หากจะพูดกันจริง ๆ ก็คือข้ามีเรื่องจะขอร้องเจ้า!”“มี มีเรื่องขอร้องข้าน้อย?”หวังอันสือสับสนมากกว่าเดิม เขาเป็นแค่ขุนนางระดับหก อาจารย์ต่ำต้อยคนหนึ่ง ไม่ว่าคนใดในเมืองหลวงที่ถูกบีบตายได้ง่าย ๆ น่ากลัวว่าจะมีอิทธิพลและฐานะเหนือเขา ฉินอวิ๋นฟานจะมีเรื่องขอร้องเขาได้อย่างไร?“หวังอันสือ ข้าได้ตรวจสอบเรื่องเกี่ยวกับเจ้ามาคร่าว ๆ ทั้งหมดแล้ว เจ้าคือผู้มีความสามารถที่ข้าต้องการจริง”ฉินอวิ๋นฟานเข้าประเด็นทันที “เจ้าน่าจะรู้ดีว่าตอนนี้ต้าเฉียนเป็นยังไง ถึงภายนอกดูสงบ แต่ความจริงคือคลื่นใต้น้ำ บรรดาองค์ชายและขั้วอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังต่อสู้กันจน
หลู่หนีสีหน้าเคร่งขรึม แสดงท่าทีอีกครั้ง เขารู้ว่าฉินอวิ๋นฟานเป็นคนเด็ดขาดฉับไว ในเมื่อฉินอวิ๋นฟานมอบงานนี้เขาก็ต้องเชื่อใจเขาหมดหัวใจอยู่แล้วอีกทั้งเรื่องนี้ยังสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อฉินอวิ๋นฟาน เป้าหมายของเขาชัดเจนมาก นั่นก็คือทำงานนี้ให้สำเร็จ สิ่งของเงินทองฉินอวิ๋นฟานทุ่มทุนมาก“เวลากระชั้นชิด พรุ่งนี้พวกท่านก็ออกเดินทางไปเมืองจัวเถอะ เรื่องนี้ต้องทำที่เมืองจัว หลิวเป้ยจะให้ความช่วยเหลือมอบความสะดวกทั้งหมดกับพวกท่านเอง ต้องการอะไรก็บอกได้เต็มที่ พวกท่านแค่ทุ่มเทกายใจทำงานก็พอ”ฉินอวิ๋นฟานกล่าวเสียงหนัก“เมีองจัว?”หลู่หนีลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบ “ก็ดี เมืองจัวเป็นคนของรัชทายาทเกือบทั้งหมด พวกเราแค่ทุ่มเทกายใจกับการผลิตก็พอ เช่นนี้จะลดอุปสรรคลงด้วย”......หลังจากกำชับทุกเรื่องเสร็จก็ดึกมาแล้ว ฉินอวิ๋นฟานลากร่างอันอ่อนล้ามายังที่รักษาตัวของพวกหวังอันสือ หลังจากทำความเข้าใจ ฉินอวิ๋นฟานพบว่าหวังอันสือคนนี้มีส่วนคล้ายคลึงกับหวังอันสือในสมัยซ่งเหนือบางส่วนดังนั้นฉินอวิ๋นฟานจึงรู้สึกเห็นใจขึ้นมาเพราะเวลานี้เขากำลังอยู่ในช่วงที่ต้องการคน หากหวังอันสือเป็นเหมือนกับหวังอันสือในประวัต
“ข้าเข้าใจความรู้สึกของพวกท่านในตอนนี้ดี”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยท่าทางมั่นใจ “ความจริงไม่ว่าข้าจะอธิบายกับพวกท่านยังไงก็เข้าใจยากอยู่ดี เพราะนี่คือการปฏิรูปอุตสาหกรรมล้ำยุค ในอดีตทุกคนต่างเรียกมันว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรก”หลู่หนีถามด้วยใบหน้างุนงง “ปฏิวัติอุตสาหกรรม? นั่นคือสิ่งใดหรือขอรับ?”“อื่ม! จะว่ายังไงดีล่ะ?”ฉินอวิ๋นฟานลูบคางพิจารณาครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย “ข้าจะยกตัวอย่างง่าย ๆ ให้พวกท่านฟังก็แล้วกัน ในสังคมศักดินาที่ทำการเกษตรเป็นหลัก ในตอนที่ชาวบ้านรดน้ำ ส่วนมากแล้วจะใช้กำลังคนเป็นสำคัญ ไม่เพียงแต่ประสิทธิภาพต่ำ หนำซ้ำยังต้องใช้แรงงานเยอะมาก”“ทว่านับจากท่านหลู่ปันคิดค้นกังหันน้ำและระหัดวิดน้ำขึ้นมาก็เพิ่มประสิทธิภาพในการรดน้ำสูงขึ้น ทั้งยังประหยัดแรงงานไปเยอะ นี่ก็คือการพัฒนาทักษะในการเพาะปลูก และสามารถเรียกได้ว่าเป็นการปฏิวัติทางเกษตรกรรม”“ดังนั้นเครื่องจักรนี้ของข้าซับซ้อนกว่าระหัดวิดน้ำมากกว่า แต่ปริมาณบรรจุขนส่งและแรงขับเคลื่อนของมันมีมากกว่ารถม้ามหาศาล ทำให้ประสิทธิภาพในการทำการค้าสูงขึ้น นี่ก็คือการปฏิวัติอย่างหนึ่งของการค้าและการเดินทาง ข้าเรียกมันว่าการปฏิวัติ
“ปืนใหญ่สนามอิตาลี? ชื่อช่างน่ามหัศจรรย์นัก!” หลู่หนีพูดด้วยใบหน้าสับสน!ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะน้อย ๆ ไม่ได้อธิบายมาก เขามองไปทางหลู่หนีแล้วพูดขึ้นอีก “ช่างใหญ่หลู่หนี ท่านทำเจ้าเหล็กนี้เถอะ ต้องระวังให้มาก จะดูแคลนอานุภาพของมันไม่ได้”“อ้อ? นี่คือสิ่งใดหรือ?”หลู่หนีรับภาพที่ฉินอวิ๋นฟานส่งมา ภาพนี้ไม่ใหญ่ ในนั้นมีแต่วัตถุทรงกลม ข้างบนมีแหวนอันหนึ่ง หลู่หนีเห็นแล้วทำหน้าฉงน“เจ้าสิ่งนี้เรียกว่าระเบิดมือ เอาไว้ใช้ป้องกันตัวในยามคับขันจะดีที่สุด ตอนท่านทำต้องป้องกันความปลอดภัย หากไม่เข้าใจอะไรก็มาถามข้าทันที”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย“ขอรับ! ข้าน้อยต้องตั้งใจทำแน่นอน!”ติดตามฉินอวิ๋นฟานมานานอย่างนี้ หลู่หนีรู้ดี หากฉินอวิ๋นฟานกำชับเช่นนี้ นั่นแสดงว่ามันต้องไม่ธรรมดา แม้มีขนาดเล็ก แต่จะมองข้ามไม่ได้เด็ดขาด เขาไม่กล้าประมาทสักนิด!“เอาละ ตอนนี้เหลือเรื่องที่สำคัญที่สุดอีกหนึ่งเรื่อง จำเป็นต้องให้พวกท่านสามคนทำให้สำเร็จ!”จู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็ขึงขังขึ้นมา เขาหยิบภาพเจ็ดแปดภาพมากองอยู่ตรงหน้าทุกคน ฉินอวิ๋นฟานวาดภาพพวกนี้เสร็จตั้งแต่อยู่ที่เมืองอู่โจว และสิ่งนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งในแผนการของเขาซึ่งมีค
“นายช่างใหญ่ทั้งสองเกรงใจแล้ว!”ฉินอวิ๋นฟานรีบสองก้าวรวบเป็นหนึ่งไปข้างหน้า คว้ามือของพวกเขาเอาไว้ก่อนจะกล่าวอย่างไมตรีจิต “เป็นพี่น้องบ้านเดียวกัน ไยต้องยึดติดกับขนบธรรมเนียมพื้น ๆ พวกนี้ด้วย? รีบเชิญข้างในเถอะ!”ฉินอวิ๋นฟานมีไมตรีเช่นนี้ทำให้หลู่เซินและหลู่เหมี่ยวต่างตกใจอย่างไม่เคยประสบ ประทับใจอย่างยิ่ง ส่วนหลู่หนีที่อยู่ด้านข้างเห็นแล้วตาค้างไปเลย พลางตะลึงถอนใจในใจ ‘เจ้าหมอนี่ ไม่เห็นเหมือนเมื่อกี้นี้เลยนี่!’ไม่นานพวกเขาก็มาถึงห้องหนังสือ หลังจากสนทนากันอย่างเรียบง่ายประมาณหนึ่งแล้ว การสนทนาของพวกเขาก็เข้าสู่ประเด็นหลัก และนี่ก็คือจุดประสงค์ที่ฉินอวิ๋นฟานเรียกหลู่หนีมาฉินอวิ๋นฟานกล่าวเสียงหนัก “ช่างใหญ่หลู่หนี ที่ข้าตามพวกท่านมาเพราะมีงานสำคัญมากงานหนึ่ง และเป็นภารกิจยากเย็นแสนเข็ญจะมอบให้พวกท่าน หวังว่าพวกท่านจะทำสำเร็จได้”“ภารกิจยากเย็นแสนเข็ญ?”เมื่อทั้งสามได้ยินก็พลันเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังขึ้นมา ที่พวกเขามาก็เพื่อทำงาน สามารถมีภารกิจสำคัญได้ย่อมเป็นเรื่องดี!“หลังจากดัดแปลงหน้าไม้ของเราแล้ว รูปโฉมก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เอเคสี่สิบแปดพัฒนาอานุภาพได้น่ากลัวถึงขีดสุดแ
ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้วถาม “ท่านก็รู้ ของที่พวกเราสร้างกันขึ้นมาล้วนเป็นเทคโนโลยีสุดล้ำ ทันทีที่เล็ดลอดออกไปจะเป็นการโจมตีพวกเราถึงตาย ดังนั้นข้ายอมให้ช้าลงหน่อยก็ไม่กล้าให้คนที่ไม่คุ้นเคยสอดมือยุ่งเรื่องนี้”ฉินอวิ๋นฟานย่อมเชื่อถือหลู่หนีเต็มร้อยอยู่แล้ว เพราะพวกเขาร่วมมือกันหลายเดือนเต็ม ๆ อีกอย่างลูกสาวของหลู่หนีก็กลายเป็นภรรยาของเขาแล้ว ไม่มีเหตุผลที่หลู่หนีจะหักหลังแต่คนนอกไม่เหมือนกัน ทันทีที่พวกเขาขโมยเทคโนโลยีหลักของเขาไป นั่นได้เดือดร้อนแล้ว เมื่อเทคโนโลยีสุดล้ำอย่างเอเคสี่สิบแปดผลิตในบ้านเมืองอื่น เช่นนั้นโลกใบนี้จะบังเกิดกลียุคแล้ว “รัชทายาทวางใจได้ พวกเขาสองคนคือศิษย์พี่หกและศิษย์พี่เจ็ดของข้าน้อย พวกเราสามคนโตมาด้วยกันแต่เล็ก สนิทกันมาก เชื่อได้แน่นอน และฝีมือของพวกเขาก็ไม่ด้อยไปกว่าข้าน้อยด้วย”หลู่หนีทุบอกรับประกัน “อันที่จริงที่อาจารย์ส่งพวกเขามาก็เป็นเพราะข้าน้อยเอ่ยปาก อย่างไรเสีย ลำพังข้าน้อยคนเดียวมีความจำกัดเรื่องความเร็ว ถ้าได้คนที่มีฝีมือดีมาช่วยเหลือ ต้องสำเร็จแบบทุ่นแรงได้มากแน่นอน”“อีกอย่าง อาจารย์ของข้าน้อยจัดเป็นขั้วอิทธิพลยุทธภพ ยึดมั่นกับการประดิษฐ์คิด
“นั่นสิ จุดยืนของฟานเอ๋อร์ในเวลานี้ไม่สู้ดีนัก ข้าก็สนับสนุนเขาโจ่งแจ้งไม่ได้ ไม่รู้ว่าต่อจากนี้เขาจะต้องเจอกับอะไรสิน่า?”ไท่ซั่งหวงพูดอย่างกังวลเล็กน้อย “หวังว่าในตอนที่ข้ายังมีชีวิตอยู่จะได้เห็นภาพต้าเฉียนสงบสุขร่มเย็น รุ่งเรืองแข็งแกร่ง ถึงตอนนั้นข้าก็วางใจหลับตาได้แล้ว!”......หลังจากสะสางงานเสร็จ หวังอันสือและคนอื่น ๆ ก็ถูกฉินอวิ๋นฟานเชิญที่ไปจวนรัชทายาท ทั้งเชิญหมอหลวงมาตรวจอาการรักษาพวกเขาโดยเฉพาะ“รัชทายาท ขอบคุณท่านอีกครั้งที่ช่วยเซียงหลิง...”หลู่หนีเพิ่งตามฉินอวิ๋นฟานเข้าห้องหนังสือมาก็อ้าปากพูดในฐานะที่เป็นคนซึ่งปราศจากตำแหน่งพิเศษ การต่อต้านหน่วยงานใหญ่อย่างสำนักศึกษาหลวงคือการรนหาที่ตายอย่างมิต้องสงสัย ฉินอวิ๋นฟานปรากฏตัวทันเวลา ทั้งยังทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยบุตรสาว นี่ทำให้หลู่หนีทราบซึ้งใจยิ่งนักในอดีต เขาถูกการประดิษฐ์ของฉินอวิ๋นฟานสยบ ดังนั้นจึงเข้าร่วมกับฉินอวิ๋นฟาน กระนั้นเขาไม่อยากให้บุตรสาวกลายเป็นผู้หญิงของอีกฝ่าย ทว่าความจริงได้พิสูจน์แล้ว ฉินอวิ๋นฟานคือคนที่ควรค่าแก่การฝากฝังเพิ่งจัดการขุนนางทุจริตที่ปกป้องพวกพ้องเดียวกันฝูงหนึ่งเสร็จ ฉินอวิ๋นฟานยังต