จ้องเถ้าแก่ที่ผู้สมัครใจติดตาม ฉินอวิ๋นฟานฉายรอยยิ้มเต็มใบหน้า คนเหล่านี้ทำงานด้านการก่อสร้าง การค้าแปรรูปไม้ ผลิตเครื่องเรือน เครื่องเคลือบ อิฐกระเบื้องเป็นส่วนใหญ่พวกเขาไม่มีภูมิหลังตัวตนนัก ดังนั้นจึงทำการค้าในเมืองหลวงด้วยความยากลำบากอย่างหาที่เปรียบมิได้ อาศัยฝีมือดีและอยู่ในสายงานนี้ได้เพียงระดับกลาง นอกจากนี้พวกเขายังถูกคนของทางการและขุนนางสะกดข่มอยู่เสมอ มักต้องควักเงินทองแสดงความกตัญญู หวังว่าจะเอาตัวรอดภายใต้การกดขี่จากพวกบุญหนักศักดิ์ใหญ่เหล่านี้ พวกเขาลำบากแสนเข็ญ เงินส่วนมากล้วนถูกผู้มีอำนาจสูงศักดิ์เหล่านั้นรีดไถไปด้วยข้ออ้างและเหตุผลต่าง ๆ นานา หากได้แต่มองตาปริบ ๆในตอนที่ฉินอวิ๋นฟานสร้างโรงแรมห้าดาวต้าเฉียนได้นำคนทำความเข้าใจกับทั้งเมืองหลวง ศึกษาตื้นลึกหนาบาง สุดท้ายพบว่าฝีมือของคนพวกนี้ประณีตโดยแท้ ทว่าการค้ากลับเงียบเหงา กลับมีบางคนที่นำสินค้าบ้าน ๆ เข้ามา แต่ขายดีเทน้ำเทท่า แถมยังประกอบกิจการใหญ่โตอีกสุดท้ายก็คือมีคนทำการค้าโดยรูปแบบสกปรก ผูกขาด กดขี่ ใช้วิธีการเดียวกับพวกมาเฟีย ดังนั้นบรรดาเถ้าแก่น้ำดีมีความสามารถจึงมีการค้าเพียงน้อยนิดนี่อดทำให้ฉินอวิ๋นฟ
ทันใดนั้นฉินอวิ๋นฟานก็เอากระดาษออกมาแล้วเอ่ยเสียงหนัก “ถ้าอยากจะเข้าร่วมกับข้า แค่คำมั่นลมปากยังไม่พอ ที่ข้าฉินอวิ๋นฟานเกลียดที่สุดก็คือคนที่ตีสองหน้า!”“ดังนั้นต้องลงชื่อในสัญญาร่วมเป็นตายฉบับนี้ข้าจึงจะเชื่อความภักดีของพวกท่าน ไม่ว่าผู้ใดทรยศหักหลังก็คือตายทั้งตระกูล ตอนนี้ถ้ามีคนนึกเสียใจแล้วยังทัน!”“อะไรนะ?! นี่ นี่จะทำยังไงดี?!”“นั่นสิ ดีไม่ดียังต้องถูกฆ่าล้างทั้งตระกูล นี่...”“สัญญาร่วมเป็นตายฉบับนี้จะลงชื่อยังไง? ลงชื่อไปแล้วไม่เท่ากับฝากชีวิตไว้ในมือของรัชทายาทหรือ... วันข้างหน้าจะหันหลังกลับไม่ได้แล้วนะ!”......เมื่อได้ยินว่าต้องลงชื่อในสัญญาร่วมเป็นตาย ทุกคนก็ตื่นตระหนกทันที สีหน้าปั้นยากฉับพลัน พวกเขารู้เรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานทำในต้าเฉียนดี ถ้าลงชื่อไปแล้วจะต้องทำตามทุกอย่างโดยไม่มีเงื่อนไข มิเช่นนั้น...“มีปัญหาก็ถามตอนนี้ได้ทุกเมื่อ คิดว่าไม่เหมาะสมก็ไปได้ คิดว่าเหมาะสมก็อยู่ต่อ ข้าที่นี่ไม่ต้องการคนไม่ซื่อ!”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงเย็นเฉียบ“นี่...”ทุกคนต่างมองหน้ากัน ชั่วขณะไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีเป็นตอนนี้เอง เสิ่นวั่นซานก้าวออกมาอีกครั้ง ลงชื่อตัวเองในสัญญาอ
คนประเภทนี้ไม่จำเป็นต้องสอนอะไรเขา แค่ให้เวทีและโอกาสเขาก็สามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้แล้ว ฉินอวิ๋นฟานชอบมาก!ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉินอวิ๋นฟานไม่ได้รีบร้อนแสดงท่าที คนที่จะอยู่ต่อได้จริง ๆ ต้องเป็นคนที่ไม่คำนึงถึงความเป็นความตาย ตัดเส้นทางข้างหลังเด็ดขาด ทุ่มเทกายใจฝ่าฟันไปกับเขา และโอกาสนี้ ฉินอวิ๋นฟานจะมอบให้พวกเขาเพียงครั้งเดียวเท่านั้น!เสิ่นวั่นซานฉลาดมาก แวบเดียวก็มองความคิดของฉินอวิ๋นฟานออก นี่ก็คือสาเหตุที่เขาตัดสินใจเด็ดขาดเช่นนี้ นับจากผลิตชักโครก เขาก็พบโอกาสการค้ามหาศาลนี้แล้ว รู้สึกว่าฉินอวิ๋นฟานไม่ธรรมดา!ถ้าอยากฟื้นตัว ไม่อยากถูกข่มเหงรังแก บางทีรัชทายาทอาจเป็นโอกาสและทางออกเดียวของเขา ทันทีที่มู่หรงซื่อควานมาหาเขาด้วยตัวเอง เขาก็รับปากอย่างไม่ลังเล“รัช รัชทายาท ข้าน้อยอายุมากแล้ว เหนื่อยแล้วจริง ๆ ไม่อยากร่วมงานนี้แล้ว ขอลา!”ชายผู้หนึ่งที่อายุค่อนข้างมากเลือกถอนตัวในที่สุด ในสภาพแวดล้อมที่ดำมืดและฉ้อฉลเช่นนี้ พวกเขามีชีวิตรอดอยู่ในช่องแคบ การถูกบีบบังคับยิ่งเป็นเรื่องปกติหากลงชื่อในสัญญาฉบับนี้จะถอยหลังไม่ได้อีก อันตรายเกินไป เขาจึงตัดสินใจถอนตัวอย่างเด็ดขาด“รัชทายาท เ
“ข้ารู้ ถ้าพวกเจ้าเข้าพวกกับข้ายากจะหลีกเลี่ยงการถูกบรรดาผู้มีอิทธิพลสูงศักดิ์เหล่านั้นข่มขู่ ขย่มขวัญ ข้าคำนึงถึงจุดนี้แต่แรกแล้ว และจะจัดผู้คุ้มกันจากยุทธภพให้พวกเจ้าคนละหนึ่งคน คุ้มครองสวัสดิภาพของพวกเจ้าโดยเฉพาะ”“พร้อมกันนั้นจะให้ยอดฝีมือหนึ่งคนคุ้มครองความปลอดภัยของครอบครัวพวกเจ้าด้วย พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องพะวงอะไรอีก”ครั้นได้ยินคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน ทุกคนพลันซาบซึ้งกรอบตาแดงถึงที่สุด นี่คือครั้งแรก! ความรู้สึกที่ถูกเห็นเป็นคนมันดีแท้! นึกถึงก่อนหน้านี้ถูกคนรังแกเหยียบย่ำเหมือนสุนัขตัวหนึ่ง ความรู้สึกที่ร้องเรียกสวรรค์ สวรรค์ไม่ตอบกลับ เรียกปฐพี ปฐพีไม่ขานรับทุกวี่วันช่างขื่นขมนักให้พวกเขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง รัชทายาทเตรียมการทุกอย่างให้พวกเขาแต่แรกแล้ว โดยเฉพาะด้านความปลอดภัยในชีวิต ยิ่งเป็นขั้วอิทธิพลยุทธภพคุ้มครองทำให้พวกเขาก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้อย่างวางใจสวัสดิการนี้ดีเลิศเหลือเกิน รู้สึกเหมือนทุกอย่างคือความฝันอย่างไรอย่างนั้น“รัชทายาทรอบคอบยิ่งนัก เสิ่นวั่นซานยินดีติดตามจนตัวตายขอรับ!”ยามนี้เสิ่นวั่นซานตื้นตันใจที่สุด คุกเข่าลงตรงหน้าฉินอวิ๋นฟานเป็นการแสดงออกถึ
ด้านล่าง ชายฉกรรจ์สี่คนกำลังรุมเตะต่อยชายหนุ่มผู้หนึ่ง ทว่าชายหนุ่มกลับไม่มีแรงต่อต้าน สองมือกุมศีรษะ คุดคู้ตัวกลม สุดแล้วแต่พวกเขาจะใช้ความรุนแรง ด้านข้างมีชายปากแหลมหน้าตอบในชุดผ้าแพรคนหนึ่ง ดูไปก็ก่นด่าไป สายตาเต็มไปด้วยความพยาบาทมู่หรงซื่อควาน เสิ่นวั่นซาน อู่จ้านและคนอื่น ๆ เห็นเหตุการณ์นี้แล้วก็รีบมาล้อม ยามนี้ หน้าประตูภัตตาคารต้าเฉียนมีคนมาออดูเรื่องสนุกแน่นขนัดจนลมไม่ลอดผ่าน พวกเขามองดูจากข้างบน กลับเห็นอย่างชัดเจน“บัดซบ! คุณชายเริ่นมารังแกพี่เย่อีกแล้ว!”เมื่อเห็นภาพตรงหน้า เสิ่นวั่นซานเดือดดาลเดี๋ยวนั้น ความโกรธแค้นด้วยมีคุณธรรมแน่นอก สองมือกำหมัดแน่นจนเกิดเสียงดังกรอบแกรบ แต่เขากลับทำอะไรไม่ได้“อ้อ? เจ้ารู้จักพวกเขาหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานมองไปทางเสิ่นวั่นซานด้วยใบหน้าประหลาดใจ ดูจากสีหน้าเคียดแค้นของเสิ่นวั่นซาน เห็นชัดว่าเขาไม่ได้ประสบเรื่องนี้เป็นครั้งแรก!“รู้จักขอรับ! พี่เย่ชื่อว่าเย่ซื่อกวาน เป็นคนที่ไม่มีชาติกำเนิดอะไร เขาเปิดโรงงานทำกระเบื้องสีชาดแห่งหนึ่งในเมืองหลวง เนื่องจากกระเบื้องสีชาดที่เขาทำแข็งแรงกว่า ทนทานกว่าและถูกกว่ากระเบื้องสีครามมาก ที่สำคัญไปกว่า
คำอธิบายของอู่จ้านทำให้ทุกคนในที่นั้นต้องสูดลมเย็นเข้าปอดเฮือกหนึ่ง นิ่งงันไปเลย ตระกูลเริ่นไม่เพียงแต่เป็นตระกูลเก่าแก่ตระกูลหนึ่ง ทั้งยังมีราชวงศ์อยู่เบื้องหลัง องค์ชายใหญ่มีฐานะโดดเด่นในราชสำนัก ใครจะกล้าล่วงเกินตระกูลเริ่น?!แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานก็ยิ่งมีความรู้สึกหายใจไม่ออก นี่ก็คือความกดดันจากอำนาจเด็ดขาดหรือ? มีอำนาจเด็ดขาดก็สามารถทำตามอำเภอใจได้หรือ?เย่ซื่อกวานแค่อยากใช้ฝีมือที่ดีกว่ารังสรรค์ชีวิตที่สวยงามในอนาคตเท่านั้น ทำไมมันยากอย่างนี้ล่ะ?มีคนอยู่ข้างหลังก็เก่งมาแล้วหรือ? มีคนอยู่ข้างหลังก็อยู่เหนือกฎหมายแล้ว? มีคนอยู่ข้างหลังก็ย่ำยีศักดิ์ศรีและชีวิตของผู้อื่นได้?!“เริ่นซวี่ เจ้ารังแกคนมากเกินไปแล้วนะ รังแกคนมากเกินไปแล้ว!”ด้านล่าง เย่ซื่อกวานที่ถูกซ้อมร้อนรนผลักชายฉกรรจ์ทั้งสี่ออกรุนแรง เขาแผดเสียงตวาดอย่างบ้าคลั่งฉินอวิ๋นฟานจ้องร่างบึกของเย่ซื่อกวาน ผิวดำเกรียม ถ้าออกแรงเต็มที่ น่ากลัวว่าคนพวกนี้คงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่ซื่อกวาน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าอำนาจเด็ดขาด เขากลับไม่กล้าต่อต้านแม้แต่น้อย นอกจากจะโกรธแค้นอย่างไร้สามารถ ก็คือทำอะไรไม่ได้เลย“รังแกคนมา
“ลองว่ามาดูสิ เจ้าคิดจะลองยังไง?”ก็ขณะที่เย่ซื่อกวานใบหน้าหมดหวัง จู่ ๆ ก็มีเสียงทุ้มต่ำน่าเกรงขามโดยที่ไม่โกรธดังขึ้นมาจากด้านนอกของฝูงชน เมื่อทุกคนหันไปมอง เห็นเพียงชายหนุ่มสุภาพ รูปร่างสูงโปร่ง สองมือไพล่หลัง สาวเท้ายาวออกมาจากภัตตาคารต้าเฉียนการปรากฏตัวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ทุกคนต่างแสดงสีหน้าประหลาดใจ ชั่วขณะ กลับไม่มีใครจำฉินอวิ๋นฟานได้ เห็นฉินอวิ๋นฟานแส่หาเรื่อง ทุกคนต่างทอดสายตาเสียดายทั้งหมดเริ่นซวี่เลิกคิ้วเล็กน้อย หันไปมองทางฉินอวิ๋นฟาน ก่อนจะพูดขึ้นแบบดูถูก “เจ้ามารดามันเป็นใครก็กล้ายุ่งเรื่องบิดาของเจ้า? เบื่อโลกแล้วใช่ไหม?!”“บิดาข้า? เจ้าแน่ใจหรือว่าจะพูดกับข้าอย่างนี้?”ฉินอวิ๋นฟานน้ำเสียงเย็นเฉียบ“ทำไม? เจ้ามารดามันสามเศียรหกกรรึ?!”เริ่นซวี่เห็นฉินอวิ๋นฟานกวนส้นเท้าอย่างนี้ พูดจายังจะกำแหงกว่าเขาอีก จึงมีน้ำโหทันที พูดด้วยใบหน้าหงุดหงิด “ว่าเจ้าแล้วจะทำไม? ไม่ยอม? ไม่รู้ว่าพ่อข้าคือใครละสิ? กลัวแต่ข้าพูดออกไปแล้วเจ้าจะฉี่ราด!”“หึ สามหาว! ตบปาก!”ฉินอวิ๋นฟานแค่เสียง อู่จ้านลงมือเร็วรี่ ก้าวเท้าพรวดไปเหมือนลูกศร ตบหน้าเริ่นซวี่แรง ๆ ฉาดหนึ่ง ทำเอาเริ่นซวี่หน้
เสิ่นวั่นซานทำการค้ามานานหลายปีอย่างนั้น รู้ดีว่ารัชทายาทคงจะปลอมเป็นหมูเพื่อกินเสือ เขาต้องการให้เย่ซื่อกวานระบายอารมณ์ที่อัดอั้นมานานเริ่นซวี่คงมีคนหนุนหลังที่น่ากลัว แต่อย่างไรฉินอวิ๋นฟานก็เป็นรัชทายาทของต้าเฉียน แค่ฐานะก็พอกดให้เริ่นซวี่หายใจไม่ออกแล้ว ฐานะระหว่างพวกเขาคนละระดับชั้นโดยสิ้นเชิงเวลานี้เริ่นซวี่กำแหงแค่ไหน ประเดี๋ยวต้องอนาถเท่านั้น!“เชี่ย! เจ้าบัดซบนี่เป็นใคร? เห็นคนของข้าเป็นโคลนกระดาษรึ?! พวกเจ้าสามคนจัดการมัน! ข้าก็อยากดูสิว่ามันจะทำอะไรได้!”เริ่นซวี่หัวฟัดหัวเหวี่ยงจนปากเบี้ยว ชี้ฉินอวิ๋นฟานด่าคำรบหนึ่ง สั่งให้ลูกน้องลงมือทันที “ซ้อมมัน ซ้อมมันให้ตาย! ตายแล้วคิดกับข้า! ข้าก็อยากดูสิว่าตัวบัดซบนี่จะโอหังไปถึงเมื่อไร!”“ขอรับ!”ลูกสมุนทั้งสามของเริ่นซวี่ได้รับคำสั่งก็หวดหมัดไปทางเย่ซื่อกวานทันที เย่ซื่อกวานเห็นดังนั้นพลันแตกตื่น ไม่รู้ว่าตัวเองควรโต้ตอบดีหรือไม่ถ้าโต้ตอบ เขาย่อมสู้ได้ เพียงแต่สิ่งที่ต้องจ่ายราคาสูงนัก ทันทีที่ลงมือ เกรงว่าจะไม่มีทางให้หันหลังกลับแล้ว!ผลัวะ!!!ในตอนที่เย่ซื่อกวานลังเลอยู่นั้น หมัดของชายฉกรรจ์ทั้งสามตกอยู่บนตัวเขาแรง ๆ