“ข้ารู้ ถ้าพวกเจ้าเข้าพวกกับข้ายากจะหลีกเลี่ยงการถูกบรรดาผู้มีอิทธิพลสูงศักดิ์เหล่านั้นข่มขู่ ขย่มขวัญ ข้าคำนึงถึงจุดนี้แต่แรกแล้ว และจะจัดผู้คุ้มกันจากยุทธภพให้พวกเจ้าคนละหนึ่งคน คุ้มครองสวัสดิภาพของพวกเจ้าโดยเฉพาะ”“พร้อมกันนั้นจะให้ยอดฝีมือหนึ่งคนคุ้มครองความปลอดภัยของครอบครัวพวกเจ้าด้วย พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องพะวงอะไรอีก”ครั้นได้ยินคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน ทุกคนพลันซาบซึ้งกรอบตาแดงถึงที่สุด นี่คือครั้งแรก! ความรู้สึกที่ถูกเห็นเป็นคนมันดีแท้! นึกถึงก่อนหน้านี้ถูกคนรังแกเหยียบย่ำเหมือนสุนัขตัวหนึ่ง ความรู้สึกที่ร้องเรียกสวรรค์ สวรรค์ไม่ตอบกลับ เรียกปฐพี ปฐพีไม่ขานรับทุกวี่วันช่างขื่นขมนักให้พวกเขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง รัชทายาทเตรียมการทุกอย่างให้พวกเขาแต่แรกแล้ว โดยเฉพาะด้านความปลอดภัยในชีวิต ยิ่งเป็นขั้วอิทธิพลยุทธภพคุ้มครองทำให้พวกเขาก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้อย่างวางใจสวัสดิการนี้ดีเลิศเหลือเกิน รู้สึกเหมือนทุกอย่างคือความฝันอย่างไรอย่างนั้น“รัชทายาทรอบคอบยิ่งนัก เสิ่นวั่นซานยินดีติดตามจนตัวตายขอรับ!”ยามนี้เสิ่นวั่นซานตื้นตันใจที่สุด คุกเข่าลงตรงหน้าฉินอวิ๋นฟานเป็นการแสดงออกถึ
ด้านล่าง ชายฉกรรจ์สี่คนกำลังรุมเตะต่อยชายหนุ่มผู้หนึ่ง ทว่าชายหนุ่มกลับไม่มีแรงต่อต้าน สองมือกุมศีรษะ คุดคู้ตัวกลม สุดแล้วแต่พวกเขาจะใช้ความรุนแรง ด้านข้างมีชายปากแหลมหน้าตอบในชุดผ้าแพรคนหนึ่ง ดูไปก็ก่นด่าไป สายตาเต็มไปด้วยความพยาบาทมู่หรงซื่อควาน เสิ่นวั่นซาน อู่จ้านและคนอื่น ๆ เห็นเหตุการณ์นี้แล้วก็รีบมาล้อม ยามนี้ หน้าประตูภัตตาคารต้าเฉียนมีคนมาออดูเรื่องสนุกแน่นขนัดจนลมไม่ลอดผ่าน พวกเขามองดูจากข้างบน กลับเห็นอย่างชัดเจน“บัดซบ! คุณชายเริ่นมารังแกพี่เย่อีกแล้ว!”เมื่อเห็นภาพตรงหน้า เสิ่นวั่นซานเดือดดาลเดี๋ยวนั้น ความโกรธแค้นด้วยมีคุณธรรมแน่นอก สองมือกำหมัดแน่นจนเกิดเสียงดังกรอบแกรบ แต่เขากลับทำอะไรไม่ได้“อ้อ? เจ้ารู้จักพวกเขาหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานมองไปทางเสิ่นวั่นซานด้วยใบหน้าประหลาดใจ ดูจากสีหน้าเคียดแค้นของเสิ่นวั่นซาน เห็นชัดว่าเขาไม่ได้ประสบเรื่องนี้เป็นครั้งแรก!“รู้จักขอรับ! พี่เย่ชื่อว่าเย่ซื่อกวาน เป็นคนที่ไม่มีชาติกำเนิดอะไร เขาเปิดโรงงานทำกระเบื้องสีชาดแห่งหนึ่งในเมืองหลวง เนื่องจากกระเบื้องสีชาดที่เขาทำแข็งแรงกว่า ทนทานกว่าและถูกกว่ากระเบื้องสีครามมาก ที่สำคัญไปกว่า
คำอธิบายของอู่จ้านทำให้ทุกคนในที่นั้นต้องสูดลมเย็นเข้าปอดเฮือกหนึ่ง นิ่งงันไปเลย ตระกูลเริ่นไม่เพียงแต่เป็นตระกูลเก่าแก่ตระกูลหนึ่ง ทั้งยังมีราชวงศ์อยู่เบื้องหลัง องค์ชายใหญ่มีฐานะโดดเด่นในราชสำนัก ใครจะกล้าล่วงเกินตระกูลเริ่น?!แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานก็ยิ่งมีความรู้สึกหายใจไม่ออก นี่ก็คือความกดดันจากอำนาจเด็ดขาดหรือ? มีอำนาจเด็ดขาดก็สามารถทำตามอำเภอใจได้หรือ?เย่ซื่อกวานแค่อยากใช้ฝีมือที่ดีกว่ารังสรรค์ชีวิตที่สวยงามในอนาคตเท่านั้น ทำไมมันยากอย่างนี้ล่ะ?มีคนอยู่ข้างหลังก็เก่งมาแล้วหรือ? มีคนอยู่ข้างหลังก็อยู่เหนือกฎหมายแล้ว? มีคนอยู่ข้างหลังก็ย่ำยีศักดิ์ศรีและชีวิตของผู้อื่นได้?!“เริ่นซวี่ เจ้ารังแกคนมากเกินไปแล้วนะ รังแกคนมากเกินไปแล้ว!”ด้านล่าง เย่ซื่อกวานที่ถูกซ้อมร้อนรนผลักชายฉกรรจ์ทั้งสี่ออกรุนแรง เขาแผดเสียงตวาดอย่างบ้าคลั่งฉินอวิ๋นฟานจ้องร่างบึกของเย่ซื่อกวาน ผิวดำเกรียม ถ้าออกแรงเต็มที่ น่ากลัวว่าคนพวกนี้คงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่ซื่อกวาน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าอำนาจเด็ดขาด เขากลับไม่กล้าต่อต้านแม้แต่น้อย นอกจากจะโกรธแค้นอย่างไร้สามารถ ก็คือทำอะไรไม่ได้เลย“รังแกคนมา
“ลองว่ามาดูสิ เจ้าคิดจะลองยังไง?”ก็ขณะที่เย่ซื่อกวานใบหน้าหมดหวัง จู่ ๆ ก็มีเสียงทุ้มต่ำน่าเกรงขามโดยที่ไม่โกรธดังขึ้นมาจากด้านนอกของฝูงชน เมื่อทุกคนหันไปมอง เห็นเพียงชายหนุ่มสุภาพ รูปร่างสูงโปร่ง สองมือไพล่หลัง สาวเท้ายาวออกมาจากภัตตาคารต้าเฉียนการปรากฏตัวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ทุกคนต่างแสดงสีหน้าประหลาดใจ ชั่วขณะ กลับไม่มีใครจำฉินอวิ๋นฟานได้ เห็นฉินอวิ๋นฟานแส่หาเรื่อง ทุกคนต่างทอดสายตาเสียดายทั้งหมดเริ่นซวี่เลิกคิ้วเล็กน้อย หันไปมองทางฉินอวิ๋นฟาน ก่อนจะพูดขึ้นแบบดูถูก “เจ้ามารดามันเป็นใครก็กล้ายุ่งเรื่องบิดาของเจ้า? เบื่อโลกแล้วใช่ไหม?!”“บิดาข้า? เจ้าแน่ใจหรือว่าจะพูดกับข้าอย่างนี้?”ฉินอวิ๋นฟานน้ำเสียงเย็นเฉียบ“ทำไม? เจ้ามารดามันสามเศียรหกกรรึ?!”เริ่นซวี่เห็นฉินอวิ๋นฟานกวนส้นเท้าอย่างนี้ พูดจายังจะกำแหงกว่าเขาอีก จึงมีน้ำโหทันที พูดด้วยใบหน้าหงุดหงิด “ว่าเจ้าแล้วจะทำไม? ไม่ยอม? ไม่รู้ว่าพ่อข้าคือใครละสิ? กลัวแต่ข้าพูดออกไปแล้วเจ้าจะฉี่ราด!”“หึ สามหาว! ตบปาก!”ฉินอวิ๋นฟานแค่เสียง อู่จ้านลงมือเร็วรี่ ก้าวเท้าพรวดไปเหมือนลูกศร ตบหน้าเริ่นซวี่แรง ๆ ฉาดหนึ่ง ทำเอาเริ่นซวี่หน้
เสิ่นวั่นซานทำการค้ามานานหลายปีอย่างนั้น รู้ดีว่ารัชทายาทคงจะปลอมเป็นหมูเพื่อกินเสือ เขาต้องการให้เย่ซื่อกวานระบายอารมณ์ที่อัดอั้นมานานเริ่นซวี่คงมีคนหนุนหลังที่น่ากลัว แต่อย่างไรฉินอวิ๋นฟานก็เป็นรัชทายาทของต้าเฉียน แค่ฐานะก็พอกดให้เริ่นซวี่หายใจไม่ออกแล้ว ฐานะระหว่างพวกเขาคนละระดับชั้นโดยสิ้นเชิงเวลานี้เริ่นซวี่กำแหงแค่ไหน ประเดี๋ยวต้องอนาถเท่านั้น!“เชี่ย! เจ้าบัดซบนี่เป็นใคร? เห็นคนของข้าเป็นโคลนกระดาษรึ?! พวกเจ้าสามคนจัดการมัน! ข้าก็อยากดูสิว่ามันจะทำอะไรได้!”เริ่นซวี่หัวฟัดหัวเหวี่ยงจนปากเบี้ยว ชี้ฉินอวิ๋นฟานด่าคำรบหนึ่ง สั่งให้ลูกน้องลงมือทันที “ซ้อมมัน ซ้อมมันให้ตาย! ตายแล้วคิดกับข้า! ข้าก็อยากดูสิว่าตัวบัดซบนี่จะโอหังไปถึงเมื่อไร!”“ขอรับ!”ลูกสมุนทั้งสามของเริ่นซวี่ได้รับคำสั่งก็หวดหมัดไปทางเย่ซื่อกวานทันที เย่ซื่อกวานเห็นดังนั้นพลันแตกตื่น ไม่รู้ว่าตัวเองควรโต้ตอบดีหรือไม่ถ้าโต้ตอบ เขาย่อมสู้ได้ เพียงแต่สิ่งที่ต้องจ่ายราคาสูงนัก ทันทีที่ลงมือ เกรงว่าจะไม่มีทางให้หันหลังกลับแล้ว!ผลัวะ!!!ในตอนที่เย่ซื่อกวานลังเลอยู่นั้น หมัดของชายฉกรรจ์ทั้งสามตกอยู่บนตัวเขาแรง ๆ
“เฮ้ย! นี่มันอะไรกันเนี่ย?!”การปะทุกะทันหันของเย่ซื่อกวานทำเอาเริ่นซวี่ตกใจตัวกระตุก พลับนิ่งที่รังแกมานานอย่างนั้น กลับเป็นสัตว์ร้ายเหี้ยมเกรียมตัวหนึ่ง? นี่ทำเอาเขาตกใจขวัญเตลิด“เฮ้ย! นี่มันจะน่ากลัวไปแล้ว!”ลูกสมุนอีกคนตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ รีบสับขาวิ่ง พุ่งปรู๊ดเข้าไปในฝูงชน แต่น่าเสียดายที่เขาประเมินความเร็วของเย่ซื่อกวานต่ำเกินไป เห็นเพียงเย่ซื่อกวานเร็วยิ่งกว่า แวบเดียวก็คว้าคนที่จะหนีไปได้แล้ว!เย่ซื่อกวานไม่มีการเคลื่อนไหวใดที่ชักช้า โยนชายฉกรรจ์ผู้นั้นลงกับพื้น หนึ่งเท้าเหยียบบนหน้าอกของเขา หน้าอกของชายผู้นั้นยุบตัวลงไปทันที ชีวิตสิ้นสูญ!เย่ซื่อกวานในยามนี้กลายเป็นปีศาจคลุ้มคลั่งสังหารคนโดยสิ้นเชิงแล้ว ดวงตาแดงโลหิตจับจ้องอยู่ที่ตัวเริ่นซวี่ในเสี้ยววินาที!“ไอ้หยา! แม่จ๋า!”เริ่นซวี่รูม่านตาหดเล็ก ตกใจกับอายพิฆาตของเย่ซื่อกวานจนสองขาอ่อนยวบ ความโอหังเมื่อก่อนหน้านี้หายไปสิ้น แทนที่ด้วยความขวัญผวา“เถ้า เถ้าแก่เย่ ข้าผิดไปแล้ว ขอร้องละ เจ้าปล่อยข้าไปเถอะ ข้าจะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจอีกแล้ว พวกเราคืนดีกันนะ!”เริ่นซวี่รีบขอร้องให้ละเว้น ด้วยฝีไม้ลายมือที่เย่ซื่อกวานเพิ่งแส
อู่จ้านเสือกเท้าออกมาบังอยู่หน้าฉินอวิ๋นฟาน ตวาดว่า “เริ่นเจี้ยน ทางที่ดีท่านก็เบิกตาสุนัขของท่านดูให้ชัด ๆ คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าท่านคือใครกันแน่!”ก็ขณะที่ทุกคนกำลังซุบซิบกันไม่รู้ว่าอะไรคืออะไรอยู่ เริ่นเจี้ยนนัยน์ตาหดเล็กฉับพลัน ความหนาวสายหนึ่งแล่นขึ้นมาจากเท้าถึงสมอง เป็นตอนนี้เอง เขาเพิ่งมองดวงหน้าและฐานะของฉินอวิ๋นฟานชัดเจน“ทะ ทะ ท่านคือรัช รัชทายาท?!”ตอนนี้ เริ่นเจี้ยนไหนเลยจะสนใจอะไรได้ ตกใจจนวิญญาณจะหลุดออกจากร่าง คุกเข่าลงตุบต่อหน้าฉินอวิ๋นฟาน องครักษ์คนอื่น ๆ เห็นดังนั้นก็ตกใจจนหน้าซีดคุกเข่าลงทันทีเหมือนกัน!“ฮะ? มะ มันก็คือรัชทายาทในรัชกาลปัจจุบันฉินอวิ๋นฟาน? อัจฉริยะด้านวรรณกรรมคนนั้น?!”“สวรรค์! คิดไม่ถึงว่าข้าจะมีโอกาสได้ยลโฉมรัชทายาทสักครั้ง รูปงามแท้ องอาจเหลือเกิน!”“เคยได้ยินมานานแล้วว่ารัชทายาทเปี่ยมด้วยคุณธรรม เป็นรัชทายาทที่ทำเพื่อบ้านเมืองเพื่อประชาชน วันนี้ได้พบ สมชื่อจริง ๆ!”......ทันทีที่ทุกคนรู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าก็คือรัชทายาทในรัชกาลปัจจุบัน ล้วนไชโยกระโดดโลดเต้นด้วยความยินดีทั้งหมดทั้งสิ้น แสงจากโคมไฟในเทศกาลโคมไฟมืดสลัว หลาย ๆ คนมองดวงหน้าสูงศัก
เย่ซื่อกวานใช้เวลาครึ่งก้านธูปเต็ม ๆ เล่าความเป็นมาในสองปีนี้ที่ถูกเริ่นซวี่รังแกลบหลู่ แสดงความน้อยใจและความปวดใจทั้งหมดออกมาต่อหน้าทุกคนผู้คนมากมายในที่นั่นส่วนมากแล้วคือชาวบ้าน พวกเขารู้ความจนใจและคับแค้นใจที่ถูกผู้มีบารมีสูงศักดิ์กดขี่ข่มเหงแบบนั้นดี คนไม่น้อยในจำนวนนั้นเริ่มร้องไห้กระซิกตาม“เชี่ย! เจ้ามันบัดซบ!”แม้เริ่นเจี้ยนจะเป็นพี่ชายของเริ่นซวี่ก็รับไม่ได้แล้วเหมือนกัน โบกฝ่ามือใส่หน้าเริ่นซวี่ เคียดแค้นอย่างหาที่เปรียบมิได้กับพฤติกรรมเกินเลยของเริ่นซวี่ ให้เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง น้องชายคนนี้กลับเลวระยำถึงเพียงนี้?!ไม่แค่ทำลายโรงงานกระเบื้องของเย่ซื่อกวานประจำ ยังซ้อมพวกพี่น้องของเย่ซื่อกวานจนลุกจากเตียงไม่ได้? นี่ยังแล้วไป เขายังขืนใจภรรยาของเย่ซื่อกวานต่อหน้าพี่น้องของเขา? สุดท้ายบีบให้พวกเขาทั้งครอบครัวจบชีวิตตัวเองด้วยความแค้น!แม่เอ๊ยเยี่ยงปีศาจร้าย!“ท่านพี่ ข้าผิดไปแล้ว ข้าสำนึกผิดแล้วจริง ๆ ขอร้องละ ท่านให้โอกาสข้าอีกสักครั้งนะ ข้าไม่กล้าอีกแล้ว!”ยามนี้เริ่นซวี่ตระหนักถึงภัยมหันต์ในที่สุด มีฉินอวิ๋นฟานรัชทายาทผู้นี้อยู่ วันนี้น่ากลัวว่าต้องทำงานตามหน้าที่