“นั่นสิ เมื่อกี้เริ่นซวี่พาคนมารุมซ้อมเย่ซื่อกวานต่าง ๆ นานา แถมยังข่มขู่ซะ ทุกคนเห็นกันหมด รัชทายาทก็เห็นด้วย จะว่าเป็นการฟังความข้างเดียวได้ยังไง?”“ข้าก็ยินดีเป็นพยานให้เขา จะไม่ให้คนเลวระยำพรรค์นี้ทำความชั่วอีก!”......ฉินอวิ๋นฟานเหยียดยิ้ม มองภาพนี้อย่างเย็นชา เริ่นเจี้ยนก็จะถ่วงเวลานั่นแหละ แล้วผลักเรื่องนี้ไปให้ตระกูลเริ่นที่อยู่เบื้องหลัง ใช้เรื่องนี้กดเขา สุดท้ายก็บรรลุเป้าหมายให้ตัวเองรอดพ้นไปได้แต่ในตอนที่ฉินอวิ๋นฟานตัดสินคดีก็ไม่คิดให้เขากันตัวเองออกจากเรื่องนี้แล้ว ในฐานะที่เป็นผู้ว่าการเมือง คงทำเรื่องประเภทนี้มาไม่น้อย ปล่อยเขาไปไม่เท่ากับให้เขาเป็นเสืออาละวาด? ทำความชั่วต่อ?“พวกเขาพูดถูก ไม่ใช่แค่ข้าผู้เป็นรัชทายาทจะเป็นพยานได้ ทุกคนที่อยู่ข้างหลังข้าก็เป็นพยานได้เหมือนกัน!”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยปากเรียบ“เอ่อ นี่...”เริ่นเจี้ยนเผยสีหน้าปั้นยาก เพื่อไม่ให้ฉินอวิ๋นฟานผิดหวังจึงหัวเราะแก้เก้อ “รัชทายาท ท่านคิดว่าควรตัดสินอย่างไรขอรับ? ข้าน้อยจะปฏิบัติตามท่านทั้งหมด!”“อ้อ? ข้าคิดว่าควรตัดสินยังไง?”ฉินอวิ๋นฟานหน้าตึง “ถ้าทุกอย่างทำตามความคิดของข้าหมด เช่นนั้นยังต้
“ฮะ? จะ จะฆ่าข้าจริงหรือ?!!”เริ่นซวี่ลนลานแล้ว เขาล้มลุกคลุกคลานไปถึงข้างตัวเริ่นเจี้ยน กอดต้นขาเริ่นเจี้ยนแล้ววิงวอนสุดชีวิต “ท่านพี่ ข้าสำนึกผิดแล้วจริง ๆ ขอร้องท่านละ อย่าฆ่าข้าเลยนะ ให้ข้าทำอะไรก็ได้ ได้ทั้งนั้น...”เริ่นเจี้ยนใบหน้าพะอืดพะอม ถ้าเขาลงมือฆ่าเริ่นซวี่ด้วยตัวเอง ต่อไปเขาก็อยู่ในตระกูลเริ่นไม่ได้แล้ว แม้จะเป็นตระกูลสาขาของตระกูลเริ่นเหมือนกัน หากฐานะของครอบครัวเขาคนละชั้นกับเริ่นซวี่โดยสิ้นเชิง!นี่จะทำอย่างไรดี?!“เจ้าเนี่ยนะ เจ้าไม่ควรมาขอร้องข้า ควรขอร้องรัชทายาท...”เริ่นเจี้ยนส่ายหน้าพูดอย่างจนปัญญาเริ่นซวี่ปรี่มาหาฉินอวิ๋นฟานราวกับคว้าฟางเส้นสุดท้าย ใบหน้าตื่นตระหนก น้ำตาไหลพรากขอร้องไม่หยุด “รัชทายาท เป็นข้าน้อยที่มีตาหามีแววไม่ เป็นข้าน้อยที่ไม่ควรล่วงเกินท่าน ขอร้องละ ให้ทางรอดแก่ข้าน้อยเถอะ?”“ข้าน้อยต้องทำคุณทดแทนเรื่องที่ผ่านมาแน่นอน จะไม่รังแกพวกเย่ซื่อกวานอีก ท่านต้องการอะไรข้าน้อยจะรับปากทั้งหมด ขอแค่ไว้ชีวิตข้าน้อย ให้ข้าน้อยเป็นวัวเป็นม้าจะไม่ปฏิเสธแม้แต่คำเดียว!”เมื่อธารกำนัลเห็นภาพนี้ ใบหน้าบริสุทธิ์เปลี่ยนเป็นปั้นยากขึ้นมา การที่ขุนนางปกป
ทุกคนหันไปมอง เห็นเพียงชายชราอายุประมาณเจ็ดสิบคนหนึ่งพาชายตัวล่ำมาพร้อมผู้ติดตามเดินปรี่ออกมาจากท่ามกลางฝูงชนเมื่อทุกคนเห็นคนใหญ่คนโตมาอย่างร้อนใจจึงพากันเปิดทางให้“ท่านปู่ ท่านพ่อ พวกท่านมาได้สักที มาได้สักที! ข้าตกใจจะตายอยู่แล้ว ข้านึกว่าชาตินี้จะไม่ได้พบพวกท่านอีกแล้ว ฮือ ๆ ๆ...”เมื่อเห็นปู่และบิดาเฒ่าออกหน้ามาเอง เริ่นซวี่ส่งเสียงร้องไห้โฮ ดีที่ปู่กับบิดามาทันเวลา มิเช่นนั้นน่ากลัวว่าศีรษะของเขาต้องแยกที่อยู่กับตัวแล้ว“ซวี่เอ๋อร์ไม่ต้องกลัวนะ!”ชายชรารีบเดินมาปลอบโยนจิตใจของเริ่นซวี่ จากนั้นก็สาวเท้าไปถึงตรงหน้าฉินอวิ๋นฟาน คุกเข่าลงและกล่าวอย่างเคารพถึงที่สุด “ข้าน้อยเริ่นจื้อคุนผู้บังคับการเกลือหลวง คำนับรัชทายาท!”ผู้ติดตามที่เหลือก็คุกเข่าตรงหน้าฉินอวิ๋นฟานด้วยเหมือนกันฉินอวิ๋นฟานเลิกคิ้ว ตามระเบียบพิธีการของต้าเฉียน หากอยู่ข้างนอกแค่คำนับก็พอ หากไม่มีสถานการณ์จำเป็นไม่ต้องคุกเข่า อีกทั้งผู้บังคับการเกลือหลวงยังเป็นขุนนางใหญ่ระดับสองของต้าเฉียน จัดเป็นพวกที่มีความสามารถ ทัดเทียมกับหัวหน้าของหกกรม ยิ่งไม่จำเป็นต้องคุกเข่ากระนั้นฉินอวิ๋นฟานยังตอบออกไปตามมารยาท “ลุกข
“เจ้าคือผู้ว่าการเมือง ควรรู้ว่าต้องพูดยังไง!”เริ่นจื้อคุนหรี่ดวงตาทั้งสองเอ่ยเตือนถ้าเริ่นเจี้ยนเปลี่ยนคำพูดตอนนี้ เขาก็ใช้มันเป็นข้ออ้างได้ เริ่นซวี่ต้องมีโอกาสรอดแน่นอน แต่ถ้าเริ่นเจี้ยนทำงานตามระเบียบ เช่นนั้นก็ยุ่งแล้ว!ด้วยนิสัยของฉินอวิ๋นฟาน เขากล้าฆ่าหลานชายของเขาจริง ๆ!ทำงานเป็นขุนนางมาหลายปีอย่างนี้ เขาเป็นผู้ว่าการได้อย่างไร เริ่นเจี้ยนรู้ดีกว่าใครเพื่อน มนุษยสัมพันธ์พื้นฐานเขาย่อมเข้าใจ ถ้าไม่มีตระกูลคอยสนับสนุน เขาจะไม่ใช่กระทั่งลมผายสุนัข ปู่ห้าบอกเป็นนัยชัดเจนมากแล้วถ้าเขาฝืนเปลี่ยนคำพูดตอนนี้ ด้วยนิสัยของฉินอวิ๋นฟานจะต้องทำให้เขาตายอย่างอนาถแน่ ถ้าไม่กลับคำ เกรงว่าปู่ห้าคงต้องเล่นงานเขา!จนแล้วจนรอด ฉินอวิ๋นฟานไม่ลนลานสักนิด ถึงเริ่นเจี้ยนจะเปลี่ยนคำพูด ฉินอวิ๋นฟานก็มีวิธีจัดการเขาอยู่ดี!หลังจากพิจารณาต่อสู้ในสมองอย่างดุเดือด เริ่นเจี้ยนกัดฟัน ในที่สุดก็เล่าความเป็นมาทั้งหมดของเรื่องออกมาอย่างสมบูรณ์ทุกกระเบียดรอบหนึ่ง เขาตัดสินใจว่าจะไม่เก็บงำใด ๆ ต่อให้ถูกตระกูลเริ่นเตะออกจากกลุ่ม แต่อย่างไรก็ยังมีโอกาสรอดหากหลับตาพูดปดต่อหน้าฉินอวิ๋นฟาน ผลลัพธ์คือต้องตา
ยามนี้ ทุกคนต่างเริ่มมองฉินอวิ๋นฟานด้วยแววตาเคารพ ท่าทีเด็ดขาดของเขาเท่ไปเลย! อารมณ์ที่ชาวบ้านเก็บกดมานานนับว่าได้ระบายสักทีทีแรกทุกคนนึกว่าเรื่องจะจบแต่เพียงเท่านี้ หากมีเสียงทรงพลังดังมาจากข้างหลังอีก “น้องเจ็ด เจ้าจะทำเกินไปหน่อยแล้วหรือไม่?!”ทุกคนหันหน้าไปดู เห็นเพียงองค์ชายใหญ่ฉินอวิ๋นคังเดินมาทางฉินอวิ๋นฟานอย่างน่าเกรงขาม!ฉินอวิ๋นฟานไม่แปลกใจกับการปรากฏตัวของฉินอวิ๋นคังสักนิด ไม่ว่าจะเป็นฐานะหรือตำแหน่ง ฉินอวิ๋นคังมีสิทธิ์งัดข้อกับเขาจริง ๆแต่ถึงจะเป็นเช่นนี้มันก็แก้ไขอะไรไม่ได้ เรื่องที่เขาฉินอวิ๋นฟานตัดสินใจจะไม่มีวันเปลี่ยน ! โดยเฉพาะกับปีศาจร้ายเยี่ยงเริ่นซวี่ เขาไม่เคยเมตตาใจอ่อน!อย่าว่าแต่องค์ชายใหญ่เลย ต่อให้เง็กเซียนฮ่องเต้มาเขาก็ยังจะฆ่าไม่ให้พลาดเหมือนเดิม!“พี่ใหญ่ ในฐานะที่ข้าเป็นรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินของต้าเฉียน ข้ามีความรับผิดชอบ มีหน้าที่รักษาความยุติธรรมในกฎหมายของต้าเฉียน”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยใบหน้าเรียบ “สำหรับ ‘เกินไป’ ที่ท่านพูด ข้ากลับไม่คิดอย่างนั้น ทุกสิ่งที่ข้าทำล้วนเป็นไปตามครรลองของกฎหมาย”องค์ชายใหญ่แข็งกร้าวเสมอ กับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟา
“เจ้า เจ้ามันรั้น!”เวลานี้ฉินอวิ๋นคังโกรธจนอยากด่าพ่อล่อแม่แล้ว พอฉินอวิ๋นฟานดื้อแพ่งขึ้นมาจะพาลให้คนปวดเศียรเวียนเกล้าจริง ๆ พูดอะไรก็ไม่สน ดื้อจะตายอยู่แล้ว!เขาเลือดขึ้นหน้าจนเดินวนอยู่กับที่ ก่อนจะตะคอก “แล้วถ้าวันนี้ข้าจะช่วยเขาให้ได้ล่ะ?!”“ท่านช่วยไม่ได้ เง็กเซียนฮ่องเต้มาเริ่นซวี่ก็ยังต้องตาย!”ฉินอวิ๋นฟานท่าทีแข็งกร้าว“น้องเจ็ด เจ้าต้องรู้นะ ในฐานะที่เป็นขุนนางใหญ่ของต้าเฉียน ในสถานการณ์ที่เรื่องราวไม่ได้หนักหนาจนเกินไป ย่อมมีสิทธิ์ในการละเว้นโทษ ต่อให้เจ้ายืนกรานฝ่ายเดียวก็ไม่มีประโยชน์ วันนี้ ไม่ว่ายังไงข้าก็จะรักษาชีวิตของเริ่นซวี่เอาไว้ให้ได้!”ฉินอวิ๋นคังเอ่ยเสียงหนัก“อ้อ? ละเว้นโทษได้?”ฉินอวิ๋นฟานเลิกคิ้ว เหมือนว่ากฎหมายต้าเฉียนจะมีเรื่องนี้อยู่จริง ๆ เพื่อให้โอกาสขุนนางผู้สร้างคุณงามความดีพวกนั้นได้มีโอกาสกลับใจ ตระหนักความผิดเสียใจกับความเลอะเลือนทันกาลเขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง ในช่วงความเป็นความตายนี้ พี่ใหญ่กับยกข้อกำหนดนี้ออกมาห้ามไม่ให้เขาฆ่าเริ่นซวี่แต่ถ้าวันนี้เริ่นซวี่ไม่ตาย เช่นนั้นทุกอย่างที่เขาทำในวันนี้จะมีความหมายอะไร? จะอธิบายกับคนที่ตายไปยั
ดวงไฟแห่งความหวังที่เพิ่งจะผุดขึ้นมาดวงริบหรี่ดับมอดไปอีกครั้ง!“ยังจะมีใครได้อีก? ก็เขาไง!”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่ ชี้เริ่นซวี่พลางพูดในตอนที่ฉินอวิ๋นคังมองไปทางเริ่นซวี่ เขาแทบอยากตบปากตัวเองหลาย ๆ ครั้งให้หนัก เรื่องที่เพิ่งออกจากปากตัวเองไป หรือว่าจะกลับคำ?ถ้าเริ่นซวี่พูดจาหมิ่นเบื้องสูงจริง วันนี้เขาต้องตายแน่ ต่อให้ไท่ซั่งหวงมาก็จะไม่ละเว้นเขา!“จบกัน! สิ้นสุดแล้ว!”ความหวังของเริ่นจื้อคุนแห้งขอด ไม่ว่าเขาจะใช้ผลงานยิ่งใหญ่เพียงไรไปแลกก็เกรงว่าจะช่วยไม่ได้ คำพูดล่วงเกินเบื้องสูงของหลานชายคือการท้าทายอำนาจของทั้งราชวงศ์ ไม่มีใครกล้าปกป้องเขาง่าย ๆ!“จะ เจ้าพูดเช่นนี้จริงรึ?!”องค์ชายใหญ่มองไปทางเริ่นซวี่ ถามแบบคิดไม่ถึง“ท่านพี่ ก็ข้าไม่รู้นี่ว่าเขาก็คือรัชทายาท ตอนนั้นเขาจะขวางให้ได้ ข้าโมโหมาก มันอดไม่ได้จริง ๆ ก็เลยหลุดปากไป ข้าไม่ได้ตั้งใจนะ!”เริ่นซวี่น้ำตาไหลพรากเอ่ย “ถ้าข้ารู้ว่าตัวตนของเขาคือรัชทายาท ถึงท่านจะให้ข้ายืมความกล้าสักหนึ่งร้อย ข้าก็ไม่กล้าพูดอย่างนี้หรอก ข้าถูกปรักปรำจริง ๆ ท่านพี่ ขอร้องละ ช่วยข้าด้วย ช่วยข้า ข้ายังเด็ก ข้ายังไม่อยากตายจริง ๆ!”จ้องหน
ฉินอวิ๋นฟานฉินอวิ๋นฟานถูกฉินอวิ๋นฟานแกล้งต่อหน้าสาธารณชน องค์ชายใหญ่โมโหพลุ่งพล่าน เขาเอ่ยเสียงเย็นเยียบ “ฉินอวิ๋นฟาน เจ้าไม่เคยคิดจะปล่อยเริ่นซวี่ไปใช่ไหม?!”“อ้อ? พี่ใหญ่ ในที่สุดท่านก็เข้าใจแล้วนะ? เข้าใจตอนนี้ยังไม่สาย!”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยความหมายลึกซึ้ง ใบหน้าเต็มไปด้วยสีสันเย้ยหยัน เรื่องที่เขาฉินอวิ๋นฟานตัดสินใจแล้วจะต้องทำให้ได้ ไม่บรรลุเป้าหมายจะไม่หยุด! หนำซ้ำพฤติกรรมของเริ่นซวี่ก็ชั่วช้ามิอาจให้อภัยปล่อยเขา? เป็นไปไม่ได้!“เจ้ามันแน่ เจ้ามันแน่มาก!”ฉินอวิ๋นคังข่มไฟโกรธในใจอย่างหนัก คำรามเสียงต่ำ “ข้าละไม่เข้าใจจริง ๆ นี่มันเพราะอะไรกันแน่? ทำไมเจ้าต้องหาเรื่องเริ่นซวี่ให้ได้? จะปล่อย ๆ เขาไปมันยากขนาดนั้นเลยหรือ?!”ถูกองค์ชายใหญ่ถามเสียงเข้ม ฉินอวิ๋นฟานจึงไม่แกล้งทำอีก พูดด้วยน้ำเสียงที่คนต้องตะลึง “อยากรู้ว่าเพราะอะไร? ได้! วันนี้ข้าจะบอกท่านต่อหน้าทุกคนว่าเพราะอะไร!”“นับจากวินาทีที่เริ่นซวี่พูดกับเย่ซื่อกวานว่า ‘ความพยายามสามชั่วอายุคนของตระกูลเริ่นข้า ทำไมต้องแพ้ให้กับการตรากตรำศึกษาสิบปีของเจ้าด้วย’ เขาก็ถูกข้าตัดสินประหารชีวิตแล้ว! ไม่มีใครมีสิทธิ์ใช้สิ่งที่