“ฮะ? จะ จะฆ่าข้าจริงหรือ?!!”เริ่นซวี่ลนลานแล้ว เขาล้มลุกคลุกคลานไปถึงข้างตัวเริ่นเจี้ยน กอดต้นขาเริ่นเจี้ยนแล้ววิงวอนสุดชีวิต “ท่านพี่ ข้าสำนึกผิดแล้วจริง ๆ ขอร้องท่านละ อย่าฆ่าข้าเลยนะ ให้ข้าทำอะไรก็ได้ ได้ทั้งนั้น...”เริ่นเจี้ยนใบหน้าพะอืดพะอม ถ้าเขาลงมือฆ่าเริ่นซวี่ด้วยตัวเอง ต่อไปเขาก็อยู่ในตระกูลเริ่นไม่ได้แล้ว แม้จะเป็นตระกูลสาขาของตระกูลเริ่นเหมือนกัน หากฐานะของครอบครัวเขาคนละชั้นกับเริ่นซวี่โดยสิ้นเชิง!นี่จะทำอย่างไรดี?!“เจ้าเนี่ยนะ เจ้าไม่ควรมาขอร้องข้า ควรขอร้องรัชทายาท...”เริ่นเจี้ยนส่ายหน้าพูดอย่างจนปัญญาเริ่นซวี่ปรี่มาหาฉินอวิ๋นฟานราวกับคว้าฟางเส้นสุดท้าย ใบหน้าตื่นตระหนก น้ำตาไหลพรากขอร้องไม่หยุด “รัชทายาท เป็นข้าน้อยที่มีตาหามีแววไม่ เป็นข้าน้อยที่ไม่ควรล่วงเกินท่าน ขอร้องละ ให้ทางรอดแก่ข้าน้อยเถอะ?”“ข้าน้อยต้องทำคุณทดแทนเรื่องที่ผ่านมาแน่นอน จะไม่รังแกพวกเย่ซื่อกวานอีก ท่านต้องการอะไรข้าน้อยจะรับปากทั้งหมด ขอแค่ไว้ชีวิตข้าน้อย ให้ข้าน้อยเป็นวัวเป็นม้าจะไม่ปฏิเสธแม้แต่คำเดียว!”เมื่อธารกำนัลเห็นภาพนี้ ใบหน้าบริสุทธิ์เปลี่ยนเป็นปั้นยากขึ้นมา การที่ขุนนางปกป
ทุกคนหันไปมอง เห็นเพียงชายชราอายุประมาณเจ็ดสิบคนหนึ่งพาชายตัวล่ำมาพร้อมผู้ติดตามเดินปรี่ออกมาจากท่ามกลางฝูงชนเมื่อทุกคนเห็นคนใหญ่คนโตมาอย่างร้อนใจจึงพากันเปิดทางให้“ท่านปู่ ท่านพ่อ พวกท่านมาได้สักที มาได้สักที! ข้าตกใจจะตายอยู่แล้ว ข้านึกว่าชาตินี้จะไม่ได้พบพวกท่านอีกแล้ว ฮือ ๆ ๆ...”เมื่อเห็นปู่และบิดาเฒ่าออกหน้ามาเอง เริ่นซวี่ส่งเสียงร้องไห้โฮ ดีที่ปู่กับบิดามาทันเวลา มิเช่นนั้นน่ากลัวว่าศีรษะของเขาต้องแยกที่อยู่กับตัวแล้ว“ซวี่เอ๋อร์ไม่ต้องกลัวนะ!”ชายชรารีบเดินมาปลอบโยนจิตใจของเริ่นซวี่ จากนั้นก็สาวเท้าไปถึงตรงหน้าฉินอวิ๋นฟาน คุกเข่าลงและกล่าวอย่างเคารพถึงที่สุด “ข้าน้อยเริ่นจื้อคุนผู้บังคับการเกลือหลวง คำนับรัชทายาท!”ผู้ติดตามที่เหลือก็คุกเข่าตรงหน้าฉินอวิ๋นฟานด้วยเหมือนกันฉินอวิ๋นฟานเลิกคิ้ว ตามระเบียบพิธีการของต้าเฉียน หากอยู่ข้างนอกแค่คำนับก็พอ หากไม่มีสถานการณ์จำเป็นไม่ต้องคุกเข่า อีกทั้งผู้บังคับการเกลือหลวงยังเป็นขุนนางใหญ่ระดับสองของต้าเฉียน จัดเป็นพวกที่มีความสามารถ ทัดเทียมกับหัวหน้าของหกกรม ยิ่งไม่จำเป็นต้องคุกเข่ากระนั้นฉินอวิ๋นฟานยังตอบออกไปตามมารยาท “ลุกข
“เจ้าคือผู้ว่าการเมือง ควรรู้ว่าต้องพูดยังไง!”เริ่นจื้อคุนหรี่ดวงตาทั้งสองเอ่ยเตือนถ้าเริ่นเจี้ยนเปลี่ยนคำพูดตอนนี้ เขาก็ใช้มันเป็นข้ออ้างได้ เริ่นซวี่ต้องมีโอกาสรอดแน่นอน แต่ถ้าเริ่นเจี้ยนทำงานตามระเบียบ เช่นนั้นก็ยุ่งแล้ว!ด้วยนิสัยของฉินอวิ๋นฟาน เขากล้าฆ่าหลานชายของเขาจริง ๆ!ทำงานเป็นขุนนางมาหลายปีอย่างนี้ เขาเป็นผู้ว่าการได้อย่างไร เริ่นเจี้ยนรู้ดีกว่าใครเพื่อน มนุษยสัมพันธ์พื้นฐานเขาย่อมเข้าใจ ถ้าไม่มีตระกูลคอยสนับสนุน เขาจะไม่ใช่กระทั่งลมผายสุนัข ปู่ห้าบอกเป็นนัยชัดเจนมากแล้วถ้าเขาฝืนเปลี่ยนคำพูดตอนนี้ ด้วยนิสัยของฉินอวิ๋นฟานจะต้องทำให้เขาตายอย่างอนาถแน่ ถ้าไม่กลับคำ เกรงว่าปู่ห้าคงต้องเล่นงานเขา!จนแล้วจนรอด ฉินอวิ๋นฟานไม่ลนลานสักนิด ถึงเริ่นเจี้ยนจะเปลี่ยนคำพูด ฉินอวิ๋นฟานก็มีวิธีจัดการเขาอยู่ดี!หลังจากพิจารณาต่อสู้ในสมองอย่างดุเดือด เริ่นเจี้ยนกัดฟัน ในที่สุดก็เล่าความเป็นมาทั้งหมดของเรื่องออกมาอย่างสมบูรณ์ทุกกระเบียดรอบหนึ่ง เขาตัดสินใจว่าจะไม่เก็บงำใด ๆ ต่อให้ถูกตระกูลเริ่นเตะออกจากกลุ่ม แต่อย่างไรก็ยังมีโอกาสรอดหากหลับตาพูดปดต่อหน้าฉินอวิ๋นฟาน ผลลัพธ์คือต้องตา
ยามนี้ ทุกคนต่างเริ่มมองฉินอวิ๋นฟานด้วยแววตาเคารพ ท่าทีเด็ดขาดของเขาเท่ไปเลย! อารมณ์ที่ชาวบ้านเก็บกดมานานนับว่าได้ระบายสักทีทีแรกทุกคนนึกว่าเรื่องจะจบแต่เพียงเท่านี้ หากมีเสียงทรงพลังดังมาจากข้างหลังอีก “น้องเจ็ด เจ้าจะทำเกินไปหน่อยแล้วหรือไม่?!”ทุกคนหันหน้าไปดู เห็นเพียงองค์ชายใหญ่ฉินอวิ๋นคังเดินมาทางฉินอวิ๋นฟานอย่างน่าเกรงขาม!ฉินอวิ๋นฟานไม่แปลกใจกับการปรากฏตัวของฉินอวิ๋นคังสักนิด ไม่ว่าจะเป็นฐานะหรือตำแหน่ง ฉินอวิ๋นคังมีสิทธิ์งัดข้อกับเขาจริง ๆแต่ถึงจะเป็นเช่นนี้มันก็แก้ไขอะไรไม่ได้ เรื่องที่เขาฉินอวิ๋นฟานตัดสินใจจะไม่มีวันเปลี่ยน ! โดยเฉพาะกับปีศาจร้ายเยี่ยงเริ่นซวี่ เขาไม่เคยเมตตาใจอ่อน!อย่าว่าแต่องค์ชายใหญ่เลย ต่อให้เง็กเซียนฮ่องเต้มาเขาก็ยังจะฆ่าไม่ให้พลาดเหมือนเดิม!“พี่ใหญ่ ในฐานะที่ข้าเป็นรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินของต้าเฉียน ข้ามีความรับผิดชอบ มีหน้าที่รักษาความยุติธรรมในกฎหมายของต้าเฉียน”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยใบหน้าเรียบ “สำหรับ ‘เกินไป’ ที่ท่านพูด ข้ากลับไม่คิดอย่างนั้น ทุกสิ่งที่ข้าทำล้วนเป็นไปตามครรลองของกฎหมาย”องค์ชายใหญ่แข็งกร้าวเสมอ กับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟา
“เจ้า เจ้ามันรั้น!”เวลานี้ฉินอวิ๋นคังโกรธจนอยากด่าพ่อล่อแม่แล้ว พอฉินอวิ๋นฟานดื้อแพ่งขึ้นมาจะพาลให้คนปวดเศียรเวียนเกล้าจริง ๆ พูดอะไรก็ไม่สน ดื้อจะตายอยู่แล้ว!เขาเลือดขึ้นหน้าจนเดินวนอยู่กับที่ ก่อนจะตะคอก “แล้วถ้าวันนี้ข้าจะช่วยเขาให้ได้ล่ะ?!”“ท่านช่วยไม่ได้ เง็กเซียนฮ่องเต้มาเริ่นซวี่ก็ยังต้องตาย!”ฉินอวิ๋นฟานท่าทีแข็งกร้าว“น้องเจ็ด เจ้าต้องรู้นะ ในฐานะที่เป็นขุนนางใหญ่ของต้าเฉียน ในสถานการณ์ที่เรื่องราวไม่ได้หนักหนาจนเกินไป ย่อมมีสิทธิ์ในการละเว้นโทษ ต่อให้เจ้ายืนกรานฝ่ายเดียวก็ไม่มีประโยชน์ วันนี้ ไม่ว่ายังไงข้าก็จะรักษาชีวิตของเริ่นซวี่เอาไว้ให้ได้!”ฉินอวิ๋นคังเอ่ยเสียงหนัก“อ้อ? ละเว้นโทษได้?”ฉินอวิ๋นฟานเลิกคิ้ว เหมือนว่ากฎหมายต้าเฉียนจะมีเรื่องนี้อยู่จริง ๆ เพื่อให้โอกาสขุนนางผู้สร้างคุณงามความดีพวกนั้นได้มีโอกาสกลับใจ ตระหนักความผิดเสียใจกับความเลอะเลือนทันกาลเขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง ในช่วงความเป็นความตายนี้ พี่ใหญ่กับยกข้อกำหนดนี้ออกมาห้ามไม่ให้เขาฆ่าเริ่นซวี่แต่ถ้าวันนี้เริ่นซวี่ไม่ตาย เช่นนั้นทุกอย่างที่เขาทำในวันนี้จะมีความหมายอะไร? จะอธิบายกับคนที่ตายไปยั
ดวงไฟแห่งความหวังที่เพิ่งจะผุดขึ้นมาดวงริบหรี่ดับมอดไปอีกครั้ง!“ยังจะมีใครได้อีก? ก็เขาไง!”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่ ชี้เริ่นซวี่พลางพูดในตอนที่ฉินอวิ๋นคังมองไปทางเริ่นซวี่ เขาแทบอยากตบปากตัวเองหลาย ๆ ครั้งให้หนัก เรื่องที่เพิ่งออกจากปากตัวเองไป หรือว่าจะกลับคำ?ถ้าเริ่นซวี่พูดจาหมิ่นเบื้องสูงจริง วันนี้เขาต้องตายแน่ ต่อให้ไท่ซั่งหวงมาก็จะไม่ละเว้นเขา!“จบกัน! สิ้นสุดแล้ว!”ความหวังของเริ่นจื้อคุนแห้งขอด ไม่ว่าเขาจะใช้ผลงานยิ่งใหญ่เพียงไรไปแลกก็เกรงว่าจะช่วยไม่ได้ คำพูดล่วงเกินเบื้องสูงของหลานชายคือการท้าทายอำนาจของทั้งราชวงศ์ ไม่มีใครกล้าปกป้องเขาง่าย ๆ!“จะ เจ้าพูดเช่นนี้จริงรึ?!”องค์ชายใหญ่มองไปทางเริ่นซวี่ ถามแบบคิดไม่ถึง“ท่านพี่ ก็ข้าไม่รู้นี่ว่าเขาก็คือรัชทายาท ตอนนั้นเขาจะขวางให้ได้ ข้าโมโหมาก มันอดไม่ได้จริง ๆ ก็เลยหลุดปากไป ข้าไม่ได้ตั้งใจนะ!”เริ่นซวี่น้ำตาไหลพรากเอ่ย “ถ้าข้ารู้ว่าตัวตนของเขาคือรัชทายาท ถึงท่านจะให้ข้ายืมความกล้าสักหนึ่งร้อย ข้าก็ไม่กล้าพูดอย่างนี้หรอก ข้าถูกปรักปรำจริง ๆ ท่านพี่ ขอร้องละ ช่วยข้าด้วย ช่วยข้า ข้ายังเด็ก ข้ายังไม่อยากตายจริง ๆ!”จ้องหน
ฉินอวิ๋นฟานฉินอวิ๋นฟานถูกฉินอวิ๋นฟานแกล้งต่อหน้าสาธารณชน องค์ชายใหญ่โมโหพลุ่งพล่าน เขาเอ่ยเสียงเย็นเยียบ “ฉินอวิ๋นฟาน เจ้าไม่เคยคิดจะปล่อยเริ่นซวี่ไปใช่ไหม?!”“อ้อ? พี่ใหญ่ ในที่สุดท่านก็เข้าใจแล้วนะ? เข้าใจตอนนี้ยังไม่สาย!”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยความหมายลึกซึ้ง ใบหน้าเต็มไปด้วยสีสันเย้ยหยัน เรื่องที่เขาฉินอวิ๋นฟานตัดสินใจแล้วจะต้องทำให้ได้ ไม่บรรลุเป้าหมายจะไม่หยุด! หนำซ้ำพฤติกรรมของเริ่นซวี่ก็ชั่วช้ามิอาจให้อภัยปล่อยเขา? เป็นไปไม่ได้!“เจ้ามันแน่ เจ้ามันแน่มาก!”ฉินอวิ๋นคังข่มไฟโกรธในใจอย่างหนัก คำรามเสียงต่ำ “ข้าละไม่เข้าใจจริง ๆ นี่มันเพราะอะไรกันแน่? ทำไมเจ้าต้องหาเรื่องเริ่นซวี่ให้ได้? จะปล่อย ๆ เขาไปมันยากขนาดนั้นเลยหรือ?!”ถูกองค์ชายใหญ่ถามเสียงเข้ม ฉินอวิ๋นฟานจึงไม่แกล้งทำอีก พูดด้วยน้ำเสียงที่คนต้องตะลึง “อยากรู้ว่าเพราะอะไร? ได้! วันนี้ข้าจะบอกท่านต่อหน้าทุกคนว่าเพราะอะไร!”“นับจากวินาทีที่เริ่นซวี่พูดกับเย่ซื่อกวานว่า ‘ความพยายามสามชั่วอายุคนของตระกูลเริ่นข้า ทำไมต้องแพ้ให้กับการตรากตรำศึกษาสิบปีของเจ้าด้วย’ เขาก็ถูกข้าตัดสินประหารชีวิตแล้ว! ไม่มีใครมีสิทธิ์ใช้สิ่งที่
เมื่อพูดออกมา หนังตาองค์ชายใหญ่กระตุกรัว ๆ ให้เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง ฉินอวิ๋นฟานจะบ้าบิ่นถึงขั้นนี้ เพื่อฆ่าคนตระกูลเริ่นคนหนึ่ง เขาถึงกับทำได้ทุกอย่าง ไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมาเลยหรือ?“พี่ใหญ่ การแสดงออกของท่านในวันนี้คือความไม่เหมาะสม”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะพูดเย้ย “ท่านรู้นิสัยของข้าดี ไม่ว่าวันนี้ท่านจะทำอะไรก็คุ้มกะลาหัวของเริ่นซวี่ไม่ได้ ข้าของเตือนท่าน ทางที่ดีรีบกลับไปรับการลงโทษเสียแต่ตอนนี้ ขืนยังดึงดันต่อไปจะมีแต่ทำให้ท่านอนาถมากขึ้น!”ยามนี้ ฉินอวิ๋นคังที่กำลังโมโหเลือดขึ้นหน้าไม่ตระหนักความหมายในคำพูดของฉินอวิ๋นฟาน ภายใต้สถานการณ์ตรงหน้า ไม่ว่าจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนก็แพ้ต่อฉินอวิ๋นฟานราบคาบเทียบกับการขายขี้หน้าอยู่ตรงนี้ มิสู้รีบไปอย่างยับเยินดีกว่า แต่ก่อนจะจากไปเขามองด้วยสายตาดุร้ายและทิ้งคำหนัก “ฉินอวิ๋นฟาน เจ้ารอดูเถอะ ข้าไม่จบกับเจ้าแน่!”ฉินอวิ๋นฟานเบะปาก ทำหน้าไม่ยี่หระ คำพูดข่มคนเช่นนี้ของฉินอวิ๋นคัง เขาฟังมาครั้งแรกเสียเมื่อไร แล้วผลเป็นอย่างไร? เขาก็ยังสุขีสโมสรเหมือนเดิมมิใช่หรือ?แน่จริงก็เอาเลยสิ! เขาฉินอวิ๋นฟานจะรับคำท้าทั้งหมด!“เริ่นเจี้ยน ลงทัณฑ์!”
“เอ่อ... แต่เพียงแต่ข้าที่กังวลเช่นนี้ เกรงว่าทุกคนก็คงมีความกังวลนี้เหมือนกันกระมัง? อย่างไรเสีย ของอย่างบัญชีก็สามารถปลอมแปลงได้”เห็นฉินอวิ๋นฟานพูดตามตรง ฉินอวิ๋นฮุยจึงไม่อ้ำอึ้งอีก การยกเรื่องไม่ดีมาพูดแต่แรกมิใช่เรื่องน่าอายอันใด เพราะมันเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของพวกเขา เขาไม่อยากถูกฉินอวิ๋นฟานหลอก!“ฮ่า ๆ ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานลั่นเสียงหัวเราะทันที “พี่รองทำงานรอบคอบดังคาด น้องเจ็ดเลื่อมใส แต่ท่านคิดมากไปแล้ว ถ้าต้องดูแลเมืองการค้าสามเมือง คนของข้าไม่มีทางพอ ถ้าพวกท่านไม่ส่งคนมาช่วยงาน ข้าคงทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ”“อ้อ? น้องเจ็ดพูดจริงรึ?!”เมื่อนั้นหัวใจที่ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของฉินอวิ๋นฮุยจึงสงบลง หากเขาสามารถให้คนเข้าร่วมอยู่ในเมืองการค้าทั้งสามเมืองได้ เช่นนั้นเขาจะวางใจได้แล้ว เพราะจะรับประกันผลประโยชน์ของเขาได้ทั้งหมด!“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านวางใจได้เลย ระหว่างพวกเราพี่น้องแม้เป็นคู่ต่อสู้กัน แต่ต่อหน้าผลประโยชน์ของบ้านเมือง พวกเราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง มีเพียงเช่นนี้ต้าเฉียนเราจึงจะเฟื่องฟูได้นิรันดร์”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ดังนั้นในเรื่องการค้า เครือเหิงไท่จะรับผิดชอบกิจการหลักท
ฉินอวิ๋นฟานกล่าวอย่างจริงจัง “ต่อให้ใครกล้ามีความคิดส่วนตัวก็เปล่าประโยชน์ เพราะพวกเราต้องร่วมกันทำงาน หากไม่อยากเสียเมืองไป ไม่อยากตาย ทหารทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือ เป็นหนึ่งเดียวสู้กับภายนอก”“ดี ดีมาก ความคิดนี้ไม่เลว!”เมื่อฉินอวิ๋นฟานกล่าวออกมา ไท่ซั่งหวงรู้อยู่แล้วว่าฉินอวิ๋นฟานต้องทุ่มเทเพื่อแผนการนี้ มิเช่นนั้นจะไม่มีทางคิดแผนการสมบูรณ์แบบเช่นนี้ออกมาได้“อื่ม ไม่เลว!”ฉินอวิ๋นฮุยไม่ได้ดีใจกับแผนการสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของฉินอวิ๋นฟาน เพราะแม้เช่นนี้จะเป็นเรื่องดีต่อบ้านเมืองจริง หากไร้ประโยชน์อันใดต่อพวกเขา ในทางกลับกัน พวกเขายังจะกลายเป็นคนที่ถูกฉินอวิ๋นฟานใช้งานอีกด้วยพวกเขาส่งทหารรักษาเมือง ฉินอวิ๋นฟานกอบโกยกำไรอย่างบ้าคลั่ง คิดแล้วฉินอวิ๋นฮุยก็อยากตบหน้าตัวเองสักฉาด ลักไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวอีกหนึ่งกำมือโดยแท้!ทว่าไท่ซั่งหวงแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?ฉินอวิ๋นฟานรู้ความคิดของพวกเขาดี อีกอย่าง ถ้าครองผลงานเองในเวลานี้จะเป็นการเลือกที่ไม่ฉลาดเอามาก ๆ ฉินอวิ๋นฟานไม่ทำเรื่องเบาปัญญาเช่นนี้หรอก!โบราณกล่าว ตบหน้าฉาดหนึ่งต้องให้พุทราหวานหนึ่งลูก อีกฝ่ายส่งทหารม
ขณะนี้ ทั่วทั้งท้องพระโรงเงียบกริบ ถ้อยคำชวนให้คนมีจิตใจฮึกเหิมของฉินอวิ๋นฟานวนเวียนอยู่ในหัวของ แม้ไท่ซั่งหวงเองก็ยังตกตะลึงพรึงเพริดกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน!รัชทายาทวัยสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่ง ช่างเป็นชายชาตินักรบเลือดร้อนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน หากคนเช่นนี้เป็นจักรพรรดิ ไยต้องกลัวอนาคตต้าเฉียนจะไม่ศิวิไลซ์?“เกี่ยวกับการสร้างเมืองการค้าสี่แห่งในสี่ทิศของต้าเฉียน ทุกคนคัดค้านอย่างหนัก ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนมาก แต่ในเมื่อจะทำเรื่องนี้ ข้าก็ต้องยอมรับเสียงและความเห็นที่แตกต่าง ทุกคนว่ามาเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน มีแต่ต้องทำให้ทำคนยอมรับเรื่องนี้จากใจจริง เขาจึงจะยึดสิทธิ์ความเป็นผู้นำได้ มิเช่นนั้นต่อให้ใช้กำลังผลักดันเรื่องนี้ คนเหล่านี้ต้องเล่นตุกติกลับหลังเขาแน่ เช่นนี้มีแต่จะทำให้รำคาญดังนั้นฉินอวิ๋นฟานเตรียมตัวกับการคัดค้านและความคิดของทุกคนแต่แรกแล้ว ต้องการแค่โอกาสประจวบเหมาะหนึ่ง เพราะคนที่ป่วยเป็นโรคอิจฉาตาร้อนมีมากเหลือเกิน มีแต่ต้องคิดหาทางหยดยาดวงตาให้พวกเขาสักหน่อย จึงจะขจัดต้นตอของปัญหาได้ “นี่...”ผู้คนมากมายแน่นขนัดพูดไม่ออกสักคำ เพราะต่างมีความกังวลอยู่ในใจ ฉ
นาทีนี้ถังเจิ้นไห่ถูกโจมตีทำร้ายทางจิตใจอย่างหนัก ฉินอวิ๋นฟานปากคอเราะรายน่ากลัวจริง ๆ การโจมตีของเขารวดเร็วนัก เขาต้านทานไม่ไหวเลยเขาจนปัญญากับการโจมตีของฉินอวิ๋นฟานแล้ว ได้แต่ใช้สถานะข่มขู่ฉินอวิ๋นฟาน หวังว่าฉินอวิ๋นฟานจะหยุดโจมตีเขาน่าเสียดาย แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฟานก็ไม่ใช่คนใจบุญสุนทานอะไร และไม่เคยเป็นพวกยอมเสียเปรียบ หากมีคนโจมตีเขา ฉินอวิ๋นฟานจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด!ต้องถล่มอีกฝ่ายจนแพ้ราบคาบ นี่สิจึงจะเป็นเป้าหมายความเป็นคนของเขา และถังเจิ้นไห่ก็แตะเขตต้องห้ามของเขาพอดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานย่อมไม่ไว้หน้าเขา!ครั้นพวกฉินอวิ๋นฮุยเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็พากันมอบสายตาเห็นใจให้ถังเจิ้นไห่ พวกเขาเคยได้รับการสั่งสอนด้วยหมัดหนักจากฉินอวิ๋นฟานมานานแล้ว ในสถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย หากหาเรื่องฉินอวิ๋นฟานก็เท่ากับรนหาที่ตาย!ไท่ซั่งหวงและจางเต้าหลินฉายรอยยิ้มพึงพอใจ แม้ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานจะหยาบคายไม่รื่นหูไปบ้าง แต่สะใจยิ่งนัก! นักวางแผนร้ายเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง ถูกฉินอวิ๋นฟานฟาดกลับจนต้องสงสัยในชีวิต เด็ดสะระตี่แท้!“เกินไป? ตอนนี้ท่านรู้ว่าเกินไป? ตอนที่ท่านสาดน้ำคลำใส่
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน
“ได้!”ถังเจิ้นไห่พูดหน้าขรึม “ประการที่สองของความผิดร้ายแรงสามประการ รัชทายาทร่วมกันสร้างถนนกับแคว้นต่าง ๆ เรื่องนี้อึกทึกครึกโครมไปทั่ว ทันทีที่สร้างถนนที่กว้างยิ่งขึ้น การคมนาคมจะสะดวก คืออยากให้แคว้นรอบข้างรุกรานต้าเฉียนเราสะดวกยิ่งขึ้นหรือ? การกระทำเช่นนี้มิใช่แผนการล่มชาติแล้วมันคืออะไร?!”ซี้ด...เมื่อทุกคนได้ฟังต่างสูดลมเย็นเข้าปาก เกิดความสงสัยอย่างหนักกับจุดประสงค์ของฉินอวิ๋นฟาน ด้านหนึ่งมอบธัญพืช ด้านหนึ่งสร้างถนนกับทุกแคว้น จุดประสงค์จะชัดเจนเกินไปแล้วกระมัง?“ต่อ ประการที่สามเล่า!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มเรียบ เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะไปไกลขนาดไหน ช่างเป็นคนที่มีขอบเขตความรู้ความเข้าใจและวิสัยทัศน์โดยแท้ การกำหนดอนาคตของบ้านเมือง เป็นเช่นนี้ดังคาดหากให้พวกเฮ่อชินอ๋องเรืองอำนาจจริง ต้าเฉียนมิต้องจบเห่หรือ? ให้สวะพวกนี้ดูแลบ้านเมือง บ้านเมืองนั้นยังจะมีความหวังอะไร?พวกเขานอกจากจะมีความชั่วร้ายอยู่เต็มอก มีความคิดดำมืดอยู่เต็มสมอง ยังจะทำอันใดได้อีก?“หึ!”ถังเจิ้นไห่แค่นเสียงแล้วจึงเอ่ย “ประการที่สาม รัชทายาทร่วมมือกับแคว้นต่าง ๆ กีดกันต้าเยียน สังหารบุตรชายคนที่สี่ข
“อ้อ? ความผิดร้ายแรงสามประการของฟานเอ๋อร์? ไหนลองว่ามาดูสิ!”ไท่ซั่งหวงตั้งสมาธิ นึกสนใจขึ้นมาทันที อย่างลับ ๆ เขาให้ความสนใจกับพฤติกรรมของฟานเอ๋อร์มาก ไม่เคยได้ยินความผิดร้ายแรงสามประการอันใด เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะพูดอะไรความผิดร้ายแรงสามประการเสมือนระเบิดลูกใหญ่ ทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกขึ้นมา ยามนี้สายตาของทุกคนในที่นั้นต่างรวมศูนย์อยู่ที่ตัวของถังเจิ้นไห่“ประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการ ได้ยินว่ารัชทายาททำเมล็ดพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ขึ้นมา สามารถให้ผลผลิตสูงมาก เดิมนี่คือโอกาสดีที่สุดที่ต้าเฉียนเราจะแจ้งเกิด คิดไม่ถึงว่ารัชทายาทกลับมอบเมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูงให้กับแคว้นต่าง ๆ รอบข้าง ช่วยให้พวกเขามั่งคั่งมากขึ้น”ถังเจิ้นไห่กล่าวเสียงหนัก “ขอถามทุกท่านในที่นี้ พฤติกรรมเช่นนี้ของรัชทายาทคือกำลังช่วยเหลือศัตรูน่ากลัวของเราหรือไม่? พฤติกรรมเช่นนี้ของเขา คือการขายชาติหรือไม่?!”ตูม...ครั้นถังเจิ้นไห่กล่าวถ้อยคำนี้ออกมา บรรดาขุนนางต่างอึกทึกครึกโครม คนทั้งโลกต่างรู้เรื่องที่เมืองจัวเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์แทบทุกคน และเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานลงนามสัญญากับแคว้นต่าง ๆ ก็รู
“อื่ม! ดี!”ไท่ซั่งหวงเอ่ยเสียงหนัก “เช่นนั้นข้าขอประกาศอย่างเป็นทางการ แต่งตั้งหวังอันสือเป็นหัวหน้าสำนักศึกษาหลวง เจี่ยงฝานฝานเป็นรองหัวหน้า การรับตำแหน่งนี้มีผลอย่างเป็นทางการ หัวหน้าขันทีเฉา ร่างราชโองการเดี๋ยวนี้ ประกาศต่อใต้หล้า!”เมื่อเรื่องราวสิ้นสุดลง ใจที่กระวนกระวายของฉินอวิ๋นฟานก็สงบ เขามองจางเต้าหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง!ทว่าคนอื่น ๆ กลับมีความรู้สึกที่แปลกออกไป หลังจากหวังอันสือได้ขึ้นตำแหน่ง ทำให้พวกเขาตระหนักว่าสถานการณ์ในราชสำนักกำลังหลุดจากการควบคุมอย่างช้า ๆ ฉินอวิ๋นฟานกำลังจะครองราชสำนัก“เอาละ เรื่องสำนักศึกษาหลวงก็สิ้นสุดแล้ว แต่จะละเลยผลงานการไปเมืองอู่โจวของฟานเอ๋อร์ครั้งนี้ไม่ได้”ไท่ซั่งหวงกล่าวเสียงเข้ม “ฟานเอ๋อร์ไม่เพียงแต่ทำคำสัญญาเมื่อครึ่งปีก่อนสำเร็จ ยิ่งทำให้เศรษฐกิจต้าเฉียนเราพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ท้องพระคลังเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ พสกนิกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างช้า ๆ ทุกคนต่างเห็นความยอดเยี่ยมของฟานเอ๋อร์”“ฟานเอ๋อร์ ว่ามาเถอะ เจ้าอยากได้อะไรเป็นรางวัล? ขอเพียงสมเหตุสมผล ข้าจะให้เจ้าดังปรารถนา!”ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกดีใจมากที่
“...”‘ไม่ว่าจะเป็นใคร คนผู้นั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี’ ประโยคเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ถังเจิ้นไห่สยบ แม่งเอ๊ย เขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว หากเขามีความจำเป็นพูดออกมาไม่ได้!การเล่นเกมเลี่ยงบาลีของฉินอวิ๋นฟานทำให้แนวป้องกันของถังเจิ้นไห่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางต่างกัดฟันกรอด กลับทำอะไรไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานเฉกเช่นปลาหนีชิวลื่นไหลตัวหนึ่ง ทำอะไรเขาไม่ได้เลย!จางเต้าหลินที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงกับการกระทำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน เขาเคยเห็นคนหน้าด้าน กลับไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าหนาไร้ยางอายเช่นฉินอวิ๋นฟานมาก่อน หน้าไม่อายที่สุด!คนคนหนึ่งปั่นหัวเหล่าขุนนางใหญ่เป็นว่าเล่น โมโหโทโสจนร่ำไห้หาพ่อร้องหาแม่ กลับจนปัญญา ดูสีหน้าเขียวปัดของถังเจิ้นไห่ จางเต้าหลินกลั้นหัวเราะอย่างหนัก กลั้นจนภายในจะบอบช้ำแล้ว“เอาละ ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พอแค่นี้เถอะ!”ไท่ซั่งหวงเห็นว่าพอประมาณแล้ว จึงตัดสินเรื่องนี้ในที่สุด ได้แต่บอกว่าฟานเอ๋อร์ใช้ไหวพริบและผลลัพธ์ก็คือว่าเป็นที่น่าพอใจ“จางไท่เว่ย ในเมื่อมีสามตัวเลือก และทุกคนก็แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”ไท่ซั่งหวงไม่ได้ยอมรับคว