“ตบปาก!”ท่ามกลางบรรยากาศอึดอัด จู่ ๆ ก็มีเสียงทุ้มหนักและเต็มไปด้วยความน่าเกรงขามสายหนึ่งดังขึ้น ท่านผู้เฒ่าตระกูลเริ่นสายตาคมกริบดั่งอินทรี จ้องฉินอวิ๋นคังแบบบ่อน้ำโบราณไร้คลื่น แล้วพูดขึ้นกะทันหันคำสั่งที่มาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยทำให้ทุกคนในที่นั้นหนังตากระตุกรัว ๆ ใบหน้าคือความตื่นตระหนก ฉินอวิ๋นคังคือองค์ชายใหญ่นะ กลับต่ำต้อยเช่นนี้เลยหรือ?ผู้ที่ตอบสนองก่อนเป็นคนแรกคือเริ่นซีหยวนมารดาขององค์ชายใหญ่ นางพูดด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “ท่านพ่อ นี่ นี่จะไม่ดีกระมัง?”“เจ้าถอยไป!”ท่านผู้เฒ่าตระกูลเริ่นไม่เปิดโอกาสใด ๆ ให้บุตรสาวขอร้อง ตวาดให้ถอยออกไปทันที สายตาไม่มีคลื่น พลังแข็งกร้าว ทำให้ทุกคนในที่นั้นล้วนสูดลมเย็นท่านผู้เฒ่าไม่โกรธเช่นนี้มานานมากแล้ว วันนี้เกิดอะไรขึ้น?แม้แต่ฮั่วเจิ้นหลงผู้มีฐานะสูงส่ง ยามนี้ก็ยังไม่กล้าขัดสักนิด ท่าทีเคารพนบนอบ เขาเคยติดตามท่านผู้เฒ่าเริ่นยี่สิบกว่าปี รู้นิสัยของอีกฝ่ายชัดเจน เรื่องที่เขาตัดสินใจแล้วจะไม่อนุญาตให้สงสัย!ฉินอวิ๋นคังในเวลานี้สับสนไปหมดแล้ว เขาถามด้วยใบหน้าฉงน “ท่านตา นี่มันเพราะอะไร? ข้าออกหน้าแทนตระกูลเริ่นชัด ๆ แล้วข้าก็พยายาม
เริ่นจื้อเย่ามองไปทางฮั่วเจิ้นหลงและเอ่ยเสียงหนัก “ฮั่วหลง คังเอ๋อร์คือคนที่บ่มเพาะเพื่อเป็นผู้สืบทอดต้าเฉียน เช่นนี้ต่อไปจะได้อย่างไร? พวกเรามีเวลาไม่มากแล้ว ถ้าการต่อสู้ล้มเหลง พื้นที่ในการเอาตัวรอดของเราก็จะยิ่งลำบากมากขึ้น เจ้าต้องให้ความสำคัญแล้วนะ”ถูกท่านผู้เฒ่าเริ่นตักเตือน ฮั่วเจิ้นหลงสีหน้าตึงเครียด แสดงท่าทีทันที “ฮั่วหลงเข้าใจขอรับ ฮั่วหลงต้องเห็นเป็นสำคัญแน่นอน จะอบรมอย่างดี”“เรื่องนี้ก็พอเท่านี้เถอะ ต่อไปต้องเน้นความสุขุม จะบุ่มบ่ามไม่ได้!”เริ่นจื้อเย่าโบกมือแล้วจึงออกไป ทิ้งทุกคนที่ยังขวัญหาย พอท่านผู้เฒ่าระเบิดโทสะขึ้นมาน่ากลัวเหลือเกิน ตั้งแต่ต้นจนจบ ถึงฉินอวิ๋นคังจะมีศักดิ์สูงส่งเป็นองค์ชายใหญ่ก็ไม่กล้าเถียงในตำหนักเหยียนเหนียน ไท่ซั่งหวงกำลังนอนอยู่บนเก้าอี้ฟังการบรรเลงเพลงของนางกำนัลอย่างผ่อนคลาย เฉาเจิ้งฉุนส่ายหน้าไม่อยากรบกวน แต่สถานการณ์พิเศษ เขาจึงได้แต่ส่งสัญญาณให้นางกำนัลออกไป“เฮ้อ! ไท่ซั่งหวง รัชทายาทเพิ่งไปได้ครึ่งวันก็เกือบทำฟ้าต้าเฉียนถล่มแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”เฉาเจิ้งฉุนถอนหายใจเอ่ย“หือ? มีเรื่องอะไร?”ไท่ซั่งหวงขมวดคิ้ว ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน ขอเพียงเป
“พ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ตระกูลใหญ่สามารถควบคุมผู้ที่จะขึ้นเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ได้ สำหรับราชวงศ์ ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปจะเป็นสัญญาณอันตรายจริง ๆ”เฉาเจิ้งฉุนพยักหน้าพูด “รัชทายาทไม่เพียงแต่มีสติปัญญาล้ำเลิศเหนือคน ยังกล้าหาญมากแผนการ นอกจากนั้นยังกล้าต่อต้านทานอำนาจตระกูลใหญ่ ไม่เกรงกลัวมหาอำนาจ ถ้าเขาสามารถเปิดศักราชใหม่ของต้าเฉียนได้จริง บางทีอนาคตของต้าเฉียนอาจจะรุ่งโรจน์นะพ่ะย่ะค่ะ”เขาติดตามฮ่องเต้สองสมัยสี่สิบกว่าปี เรียกได้ว่ารอบรู้สภาพการณ์โดยรวมของทั้งต้าเฉียน ตามการพัฒนาของยุคสมัย ตระกูลใหญ่ต่าง ๆ มีผลกระทบต่อราชวงศ์ต้าเฉียนมากขึ้นทุกขณะการจะออกกฤษฎีกาหลาย ๆ ฉบับจำต้องคำนึงถึงผลประโยชน์พื้นฐานของตระกูลใหญ่ทั้งหลาย ตำแหน่งสำคัญต่าง ๆ ที่กุมอำนาจจริงของต้าเฉียน เพื่อให้ได้เข้าร่วมแล้วตระกูลใหญ่ต่างแย่งชิงกันอย่างบ้าคลั่ง แบ่งฝักฝ่ายรุนแรงมากขึ้นทุกทีในตอนที่อดีตฮ่องเต้ชิงบัลลังก์ก็ได้รับความช่วยเหลือสนับสนุนจากตระกูลใหญ่มากมาย แม้ยี่สิบกว่าปีมานี้ทรงอยากบั่นทอนกำลังพวกเขาให้ลดลงบ้าง แต่สุดท้ายกลับพบว่าอีกฝ่ายหยั่งรากฝังลึกกับแคว้นนี้นานแล้ว มีลูกศิษย์และอดีตผู้ใต้บังคับบัญชากระจายทั่
องค์ชายใหญ่ฉินอวิ๋นคังนั่งลง สีท่าหน้าตาเหมือนวิญญาณหลุดลอย ซึมกะทือไปทั้งคน ร่างกายราวกับถูกสูบออกไปหมด“คังเอ๋อร์ ยังเจ็บหน้าหรือไม่?”เริ่นกุ้ยเฟยเป็นห่วงสภาพจิตใจของบุตรชายจึงตามมาที่จวนตระกูลฮั่วด้วย เห็นบุตรชายห่อเหี่ยวใจเช่นนี้ เริ่นซีหยวนผู้เป็นมารดาจึงปวดใจอย่างหาที่เปรียบมิได้ รีบเข้ามาปลอบ“เหอะ เจ็บแล้วจะยังไง ไม่เจ็บแล้วจะยังไง?”ฉินอวิ๋นคังส่ายหน้า พูดเหมือนใจไม่อยู่กับตัว“คังเอ๋อร์ ท่านตาเจ้าทำอย่างนี้ก็เพราะหวังดีต่อเจ้า หวังว่าเจ้าจะไม่เก็บใส่ใจนะ”เริ่นซีหยวนรีบอธิบายนางอยู่ในวังลึกมายี่สิบกว่าปี รู้ซึ้งถึงความโหดร้ายในการต่อสู้ ยิ่งรู้กำลังและฝีมือของบิดา ถ้าไม่มีการทุ่มเทของเขา บุตรชายคิดจะขึ้นตำแหน่งฮ่องเต้ โดยรวมแล้วคือไม่มีความเป็นไปได้และนี่ก็คือสาเหตุที่ทำไมนางถึงไม่กล้าออกหน้าปกป้องบุตรชาย แต่ไหนมาบิดาทำงานเด็ดขาด พูดหนึ่งไม่เป็นสอง เรื่องที่เขาตัดสินใจ เขาต้องมีเหตุผลแน่นอน ดังนั้นนางจึงได้แต่ปฏิบัติตาม“เหอะ หวังดีต่อข้า?”ฉินอวิ๋นคังหัวเราะเวทนา “ตบหน้าข้าต่อหน้าคนมากมายเช่นนั้น นี่เรียกว่าหวังดีต่อข้า? ยังไงข้าก็เป็นถึงองค์ชายใหญ่ของต้าเฉียนนะ
เวลานี้ฮั่วเจิ้นหลงขมวดคิ้วมุ่น สีหน้าอึมครึมจนน่ากลัว ท่าทีของท่านผู้เฒ่าในวันนี้ทำให้เขาตกใจอย่างหนัก แต่ความผิดที่องค์ชายใหญ่ทำในวันนี้แทบจะเป็นความผิดระดับสงคราม ไม่ว่าใครก็ต้องหัวเสียกว่าปกติเขาเอ่ยเสียงหนัก “คังเอ๋อร์ เจ้ายังจำแผนการที่เจ้ากับองค์ชายรองจะร่วมกันใส่ร้ายฉินอวิ๋นฟานได้หรือไม่?”“แผนใส่ร้ายฉินอวิ๋นฟาน?”เมื่อฉินอวิ๋นคังตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องก็กระตือรือร้นขึ้นมาชัดเจน เขาเลิกคิ้วถาม “ก็ต้องจำได้อยู่แล้ว เสด็จพ่อเพิ่งสวรรคตได้หนึ่งอาทิตย์ ถ้าไม่วางแผนกำจัดฉินอวิ๋นฟาน วันถัดไปคนที่จะขึ้นครองราชย์ก็ต้องเป็นมันแน่ ข้ากับน้องรองคงไม่มีโอกาสแม้แต่น้อยแล้ว”“ถูกต้อง ฉินอวิ๋นฟานในตอนนั้นเป็นแค่ไอ้โง่ตัวหนึ่ง ต่อให้เขาได้ขึ้นครองราชย์แล้วจะยังไง? ยังจะส่งผลต่อพวกเจ้าสองพี่น้องได้แค่ไหนกันเชียว? อำนาจใหญ่ยังอยู่ในมือพวกเจ้าพี่น้อง”ฮั่วเจิ้นหลงเอ่ยเสียงหนัก “แต่ถึงจะอย่างนั้น พวกเจ้าสองคนก็ยังเลือกที่จะเสี่ยง วางแผนต่ำช้ามากแผนการหนึ่งก็ต้องกำจัดฉินอวิ๋นฟานให้ได้ ว่ากันตามตรงก็มิใช่เพื่อกำจัดเขาที่เป็นก้างชิ้นนี้หรือ?”“เอ่อ...มันก็ถูกต้อง”ฉินอวิ๋นคังพยักหน้าด้
ฮั่วเจิ้นหลงถอนหายใจเอ่ย “แม้จะเป็นอดีตฮ่องเต้ที่ขึ้นครองราชย์เมื่อยี่สิบปีก่อน ก็ยังมีตระกูลเหอ ตระกูลเริ่นกับเงาของตระกูลอื่น ๆ ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนอันทรงพลังจากตระกูลใหญ่เหล่านี้ ใครจะขึ้นนั่งเก้าอี้มังกรตัวนั้นได้ง่าย ๆ บ้าง?”ถ้อยคำนี้ของพ่อตาทำให้ฉินอวิ๋นคังหน้าเปลี่ยนสีไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง ฝีมือและความสามารถของเสด็จพ่อในอดีตเป็นที่รู้กันทั่ว เด่นล้ำในบรรดาองค์ชายยี่สิบกว่าองค์ ขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดในสุดท้ายคิดไม่ถึงว่าเบื้องหลังจะมีความลับยิ่งใหญ่ปานนี้?“แม้วรยุทธ์องค์ชายสี่จะเทียบเจ้าไม่ได้ พรสวรรค์ด้านบุ๋นสู้องค์ชายรองไม่ได้ แต่เขาคือองค์ชาย! คือสายเลือดสืบราชสันตติวงศ์!”ฮั่วเจิ้นหลงเอ่ยเสียงหนัก “แค่ว่าคนของตัวเองได้ขึ้นครองราชย์ ก็จะความมั่นคงและผลประโยชน์ของตระกูลจะได้รับการประกัน ใครขึ้นแล้วจะยังไง? อีกอย่าง องค์ชายสี่ควบคุมง่ายกว่าเจ้านัก!”คำอธิบายของฮั่วเจิ้นหลงทำให้สีหน้าฉินอวิ๋นคังปั้นยากผิดปกติ เขาคิดมาตลอดว่าตัวเองคือองค์ชายผู้สูงส่ง คือบุตรที่คนทั้งตระกูลเริ่นต้องเอาใจพะเน้าพะนอ ถึงท่านตาจะเข้มงวด แต่โดยรวมกลับไม่ได้ควบคุมเขาสักเท่าไรให้เขาคิดอย่างไรก็ค
“ท่านพ่อตา ข้า ข้าเข้าใจแล้ว!”ถูกพ่อตาสั่งสอนยกหนึ่ง ฉินอวิ๋นคังราวกับตื่นขึ้นจากความฝัน ในที่สุดก็เข้าใจว่าตัวเองผิดถนัดแค่ไหน เคราะห์ดีที่ไม่ได้ช่วยเริ่นซวี่ มิเช่นนั้นความผิดของเขาจะหนักกว่าเดิมก่อนหน้านี้กว่าจะได้สร้างภาพจำและชื่อเสียงดีงามในใจประชาชนขึ้นมาได้หน่อยหนึ่ง สงสัยว่าจะถูกเขาทำลายไม่มีชิ้นดีแล้ว ฝ่ามือฉาดนั้นที่เขาได้รับ คิดแล้วช่างสมควรอย่างยิ่ง!ช่วยคนย่อมไม่ผิด แต่วิธีการและรูปแบบผิด!“เฮ้อ! เจ้าไม่คิดดูเล่า ด้วยนิสัยของฉินอวิ๋นฟาน เขาจะปล่อยเริ่นซวี่คนถ่อยเช่นนั้นได้ยังไง?”ฮั่วเจิ้นหลงพูดอย่างหนักใจ “ว่ากันตามหลัก ฉินอวิ๋นฟานน่าจะตัดหัวเริ่นซวี่ไปเลยจึงจะระบายความแค้นในใจถึงจะถูก แต่ทำไมเขาไม่ทำอย่างนั้น? หรือว่าเจ้าไม่ควรสงบใจพิจารณาสักหน่อย?”“หา ท่านพ่อตา ทะ ท่านหมายความว่า ฉินอวิ๋นฟานจงใจ? เขาทำไปเพื่อรอข้ามา? ใช้ความอยากช่วยคนของข้าเป็นโอกาส จะได้ใช้เรื่องนี้กดข้า เพิ่มภาพลักษณ์ในใจประชาชนของเขา?”ฉินอวิ๋นคังพูดอย่างเหลือเชื่อ“ยังไม่นับว่าโง่นัก อย่างน้อยยังคิดถึงเรื่องนี้ได้!”ฮั่วเจิ้นหลงใบหน้าปลื้มใจ ถือว่าไม่ได้เสียแรงตบหน้าเปล่า หลังจากเขาวิเคร
“อื่ม!”ฉินอวิ๋นฟานสองมือไพล่หลัง พยักหน้าน้อย ๆ จากนั้นจึงย่างเท้าขึ้นชั้นบนไปด้วยมาดสูงส่งจริงจัง หวงต้าหยวนตามอยู่ด้านข้างฉินอวิ๋นฟาน แสดงภาพลักษณ์สูงศักดิ์ของฉินอวิ๋นฟานออกมาจนสิ้นเซี่ยงเทียนเวิ่นที่อยู่ด้านข้างเห็นภาพนี้แล้วสองตาเบิกโพลง ท่าทางสูงส่งเย็นชามักปฏิเสธคนอยู่นอกพันลี้ของหวงต้าหยวน คนทั่วไปมิอาจเข้าตานาง และเขาก็ไม่รู้ว่าตามตื๊อมากี่ครั้งกี่หนแล้วแต่ก็ยังถูกหวงต้าหยวนปฏิเสธให้อยู่นอกประตูคิดไม่ถึง สตรีแกร่งผู้เต็มไปด้วยท่วงทำนองขนาดนี้กลับอ่อนน้อมถ่อมตนเช่นนี้ต่อหน้าฉินอวิ๋นฟาน ครานี้พลิกโฉมความรู้ความเข้าใจของเซี่ยงเทียนเวิ่นโดยสิ้นเชิงแล้ว เขาตกตะลึงทอดถอนใจอยู่ในใจ การที่บิดาให้เขาติดตามฉินอวิ๋นฟาน มันคือการตัดสินใจที่ถูกต้องขนาดไหน!“รัชทายาท เหนื่อยแล้วกระมัง? จะให้เรียกนางรำมา แล้วให้แม่นางต้าซวงกับแม่นางเสี่ยวซวงบรรเลงเพลงให้ท่านผ่อนคลายสักหน่อยก่อนหรือไม่?”หวงต้าหยวนยิ้มพราวเสน่ห์ฉินอวิ๋นฟานเชยตาเล็กน้อย เคลื่อนสายตาไปถึงตัวสองดรุณี อดสั่นระริกไม่ได้ ช่างเป็นกุหลาบหนามคู่หนึ่งแท้ ๆ ดูงดงามไร้ที่ติ กลับมิอาจเด็ดดอมพอนึกถึงประสบการณ์ในคืนวันนั้น ฉินอว