องค์ชายใหญ่ฉินอวิ๋นคังนั่งลง สีท่าหน้าตาเหมือนวิญญาณหลุดลอย ซึมกะทือไปทั้งคน ร่างกายราวกับถูกสูบออกไปหมด“คังเอ๋อร์ ยังเจ็บหน้าหรือไม่?”เริ่นกุ้ยเฟยเป็นห่วงสภาพจิตใจของบุตรชายจึงตามมาที่จวนตระกูลฮั่วด้วย เห็นบุตรชายห่อเหี่ยวใจเช่นนี้ เริ่นซีหยวนผู้เป็นมารดาจึงปวดใจอย่างหาที่เปรียบมิได้ รีบเข้ามาปลอบ“เหอะ เจ็บแล้วจะยังไง ไม่เจ็บแล้วจะยังไง?”ฉินอวิ๋นคังส่ายหน้า พูดเหมือนใจไม่อยู่กับตัว“คังเอ๋อร์ ท่านตาเจ้าทำอย่างนี้ก็เพราะหวังดีต่อเจ้า หวังว่าเจ้าจะไม่เก็บใส่ใจนะ”เริ่นซีหยวนรีบอธิบายนางอยู่ในวังลึกมายี่สิบกว่าปี รู้ซึ้งถึงความโหดร้ายในการต่อสู้ ยิ่งรู้กำลังและฝีมือของบิดา ถ้าไม่มีการทุ่มเทของเขา บุตรชายคิดจะขึ้นตำแหน่งฮ่องเต้ โดยรวมแล้วคือไม่มีความเป็นไปได้และนี่ก็คือสาเหตุที่ทำไมนางถึงไม่กล้าออกหน้าปกป้องบุตรชาย แต่ไหนมาบิดาทำงานเด็ดขาด พูดหนึ่งไม่เป็นสอง เรื่องที่เขาตัดสินใจ เขาต้องมีเหตุผลแน่นอน ดังนั้นนางจึงได้แต่ปฏิบัติตาม“เหอะ หวังดีต่อข้า?”ฉินอวิ๋นคังหัวเราะเวทนา “ตบหน้าข้าต่อหน้าคนมากมายเช่นนั้น นี่เรียกว่าหวังดีต่อข้า? ยังไงข้าก็เป็นถึงองค์ชายใหญ่ของต้าเฉียนนะ
เวลานี้ฮั่วเจิ้นหลงขมวดคิ้วมุ่น สีหน้าอึมครึมจนน่ากลัว ท่าทีของท่านผู้เฒ่าในวันนี้ทำให้เขาตกใจอย่างหนัก แต่ความผิดที่องค์ชายใหญ่ทำในวันนี้แทบจะเป็นความผิดระดับสงคราม ไม่ว่าใครก็ต้องหัวเสียกว่าปกติเขาเอ่ยเสียงหนัก “คังเอ๋อร์ เจ้ายังจำแผนการที่เจ้ากับองค์ชายรองจะร่วมกันใส่ร้ายฉินอวิ๋นฟานได้หรือไม่?”“แผนใส่ร้ายฉินอวิ๋นฟาน?”เมื่อฉินอวิ๋นคังตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องก็กระตือรือร้นขึ้นมาชัดเจน เขาเลิกคิ้วถาม “ก็ต้องจำได้อยู่แล้ว เสด็จพ่อเพิ่งสวรรคตได้หนึ่งอาทิตย์ ถ้าไม่วางแผนกำจัดฉินอวิ๋นฟาน วันถัดไปคนที่จะขึ้นครองราชย์ก็ต้องเป็นมันแน่ ข้ากับน้องรองคงไม่มีโอกาสแม้แต่น้อยแล้ว”“ถูกต้อง ฉินอวิ๋นฟานในตอนนั้นเป็นแค่ไอ้โง่ตัวหนึ่ง ต่อให้เขาได้ขึ้นครองราชย์แล้วจะยังไง? ยังจะส่งผลต่อพวกเจ้าสองพี่น้องได้แค่ไหนกันเชียว? อำนาจใหญ่ยังอยู่ในมือพวกเจ้าพี่น้อง”ฮั่วเจิ้นหลงเอ่ยเสียงหนัก “แต่ถึงจะอย่างนั้น พวกเจ้าสองคนก็ยังเลือกที่จะเสี่ยง วางแผนต่ำช้ามากแผนการหนึ่งก็ต้องกำจัดฉินอวิ๋นฟานให้ได้ ว่ากันตามตรงก็มิใช่เพื่อกำจัดเขาที่เป็นก้างชิ้นนี้หรือ?”“เอ่อ...มันก็ถูกต้อง”ฉินอวิ๋นคังพยักหน้าด้
ฮั่วเจิ้นหลงถอนหายใจเอ่ย “แม้จะเป็นอดีตฮ่องเต้ที่ขึ้นครองราชย์เมื่อยี่สิบปีก่อน ก็ยังมีตระกูลเหอ ตระกูลเริ่นกับเงาของตระกูลอื่น ๆ ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนอันทรงพลังจากตระกูลใหญ่เหล่านี้ ใครจะขึ้นนั่งเก้าอี้มังกรตัวนั้นได้ง่าย ๆ บ้าง?”ถ้อยคำนี้ของพ่อตาทำให้ฉินอวิ๋นคังหน้าเปลี่ยนสีไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง ฝีมือและความสามารถของเสด็จพ่อในอดีตเป็นที่รู้กันทั่ว เด่นล้ำในบรรดาองค์ชายยี่สิบกว่าองค์ ขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดในสุดท้ายคิดไม่ถึงว่าเบื้องหลังจะมีความลับยิ่งใหญ่ปานนี้?“แม้วรยุทธ์องค์ชายสี่จะเทียบเจ้าไม่ได้ พรสวรรค์ด้านบุ๋นสู้องค์ชายรองไม่ได้ แต่เขาคือองค์ชาย! คือสายเลือดสืบราชสันตติวงศ์!”ฮั่วเจิ้นหลงเอ่ยเสียงหนัก “แค่ว่าคนของตัวเองได้ขึ้นครองราชย์ ก็จะความมั่นคงและผลประโยชน์ของตระกูลจะได้รับการประกัน ใครขึ้นแล้วจะยังไง? อีกอย่าง องค์ชายสี่ควบคุมง่ายกว่าเจ้านัก!”คำอธิบายของฮั่วเจิ้นหลงทำให้สีหน้าฉินอวิ๋นคังปั้นยากผิดปกติ เขาคิดมาตลอดว่าตัวเองคือองค์ชายผู้สูงส่ง คือบุตรที่คนทั้งตระกูลเริ่นต้องเอาใจพะเน้าพะนอ ถึงท่านตาจะเข้มงวด แต่โดยรวมกลับไม่ได้ควบคุมเขาสักเท่าไรให้เขาคิดอย่างไรก็ค
“ท่านพ่อตา ข้า ข้าเข้าใจแล้ว!”ถูกพ่อตาสั่งสอนยกหนึ่ง ฉินอวิ๋นคังราวกับตื่นขึ้นจากความฝัน ในที่สุดก็เข้าใจว่าตัวเองผิดถนัดแค่ไหน เคราะห์ดีที่ไม่ได้ช่วยเริ่นซวี่ มิเช่นนั้นความผิดของเขาจะหนักกว่าเดิมก่อนหน้านี้กว่าจะได้สร้างภาพจำและชื่อเสียงดีงามในใจประชาชนขึ้นมาได้หน่อยหนึ่ง สงสัยว่าจะถูกเขาทำลายไม่มีชิ้นดีแล้ว ฝ่ามือฉาดนั้นที่เขาได้รับ คิดแล้วช่างสมควรอย่างยิ่ง!ช่วยคนย่อมไม่ผิด แต่วิธีการและรูปแบบผิด!“เฮ้อ! เจ้าไม่คิดดูเล่า ด้วยนิสัยของฉินอวิ๋นฟาน เขาจะปล่อยเริ่นซวี่คนถ่อยเช่นนั้นได้ยังไง?”ฮั่วเจิ้นหลงพูดอย่างหนักใจ “ว่ากันตามหลัก ฉินอวิ๋นฟานน่าจะตัดหัวเริ่นซวี่ไปเลยจึงจะระบายความแค้นในใจถึงจะถูก แต่ทำไมเขาไม่ทำอย่างนั้น? หรือว่าเจ้าไม่ควรสงบใจพิจารณาสักหน่อย?”“หา ท่านพ่อตา ทะ ท่านหมายความว่า ฉินอวิ๋นฟานจงใจ? เขาทำไปเพื่อรอข้ามา? ใช้ความอยากช่วยคนของข้าเป็นโอกาส จะได้ใช้เรื่องนี้กดข้า เพิ่มภาพลักษณ์ในใจประชาชนของเขา?”ฉินอวิ๋นคังพูดอย่างเหลือเชื่อ“ยังไม่นับว่าโง่นัก อย่างน้อยยังคิดถึงเรื่องนี้ได้!”ฮั่วเจิ้นหลงใบหน้าปลื้มใจ ถือว่าไม่ได้เสียแรงตบหน้าเปล่า หลังจากเขาวิเคร
“อื่ม!”ฉินอวิ๋นฟานสองมือไพล่หลัง พยักหน้าน้อย ๆ จากนั้นจึงย่างเท้าขึ้นชั้นบนไปด้วยมาดสูงส่งจริงจัง หวงต้าหยวนตามอยู่ด้านข้างฉินอวิ๋นฟาน แสดงภาพลักษณ์สูงศักดิ์ของฉินอวิ๋นฟานออกมาจนสิ้นเซี่ยงเทียนเวิ่นที่อยู่ด้านข้างเห็นภาพนี้แล้วสองตาเบิกโพลง ท่าทางสูงส่งเย็นชามักปฏิเสธคนอยู่นอกพันลี้ของหวงต้าหยวน คนทั่วไปมิอาจเข้าตานาง และเขาก็ไม่รู้ว่าตามตื๊อมากี่ครั้งกี่หนแล้วแต่ก็ยังถูกหวงต้าหยวนปฏิเสธให้อยู่นอกประตูคิดไม่ถึง สตรีแกร่งผู้เต็มไปด้วยท่วงทำนองขนาดนี้กลับอ่อนน้อมถ่อมตนเช่นนี้ต่อหน้าฉินอวิ๋นฟาน ครานี้พลิกโฉมความรู้ความเข้าใจของเซี่ยงเทียนเวิ่นโดยสิ้นเชิงแล้ว เขาตกตะลึงทอดถอนใจอยู่ในใจ การที่บิดาให้เขาติดตามฉินอวิ๋นฟาน มันคือการตัดสินใจที่ถูกต้องขนาดไหน!“รัชทายาท เหนื่อยแล้วกระมัง? จะให้เรียกนางรำมา แล้วให้แม่นางต้าซวงกับแม่นางเสี่ยวซวงบรรเลงเพลงให้ท่านผ่อนคลายสักหน่อยก่อนหรือไม่?”หวงต้าหยวนยิ้มพราวเสน่ห์ฉินอวิ๋นฟานเชยตาเล็กน้อย เคลื่อนสายตาไปถึงตัวสองดรุณี อดสั่นระริกไม่ได้ ช่างเป็นกุหลาบหนามคู่หนึ่งแท้ ๆ ดูงดงามไร้ที่ติ กลับมิอาจเด็ดดอมพอนึกถึงประสบการณ์ในคืนวันนั้น ฉินอว
ระยะนี้ผ่านเรื่องราวมามากมาย เซี่ยงเทียนเวิ่นเติบโตขึ้นไม่น้อย การปฏิเสธอย่างเด็ดขาดของหวงต้าหยวน ทำให้เรื่องที่เขาพยายามมาหนึ่งปีสั่นคลอนเป็นครั้งแรก บางทีพวกเขาอาจไม่ใช่คนโลกเดียวกันจริง ๆ กระมัง!เซี่ยงเทียนเวิ่นกรอบตาแดง พูดอย่างเศร้าสร้อยเล็กน้อย “ขออภัยรัชทายาท ข้าไม่รู้ความเอง หวังท่านจะให้อภัย ข้าจะออกไปเดี๋ยวนี้!”“ไม่เป็นไร ล้วนเป็นพี่น้องบ้านเดียวกัน ข้าเข้าใจ!”ฉินอวิ๋นฟานเข้าใจจิตใจของเซี่ยงเทียนเวิ่นมาก หลงรักผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่มีทางได้มาในวัยหัวใจแรกแย้ม ชีวิตที่เริ่มต้นด้วยความหวานชื่นกลับไม่มีผลลัพธ์ นี่คือเรื่องน่าเศร้าเพียงไร จุดจบแค่คิดก็รู้แล้วตระกูลเซี่ยงจัดเป็นตระกูลวิถียุทธ์ ย่อมมีกำลังที่ไม่ต้องเอ่ยถึง แต่ตระกูลเช่นพวกเขาแบบนี้ทำการค้าน้อยนัก และไม่ลื่นเป็นปลาไหลเหมือนกับคนทำการค้า ยิ่งไม่มีอุบายที่เห็นแก่ผลประโยชน์เหมือนคนทำการค้า เมื่อเทียบกันแล้ว พวกเขากล้าหาญไขว่คว้ากำลังดังนั้นจากฐานนี้จึงตัดสินแล้วว่าเขากับหวงต้าหยวนอยู่กันคนละโลก ด้วยนิสัยใจคอของหวงต้าหยวน เกรงว่าผู้ชายที่สามารถเข้าตานางได้จะมีไม่มากในตอนที่เซี่ยงเทียนเวิ่นออกไป ฉินอวิ๋นฟานสำรว
“เนื่องจากตำลึงเงินมาปริมาณมาก ข้าจึงให้พวกเขานำตำลึงเงินทั้งหมดแลกเป็นเจ็ดล้านสองแสนตำลึงทองตามอัตราแลกเปลี่ยนตำลึงเงินกับตำลึงทอง นี่ก็คือหกล้านตำลึงทองของรัชทายาท”หวงต้าหยวนพูดพลางเปิดประตูลับห้องหนึ่งออก วินาทีที่เปิดประตูลับ ประกายแวววาวของทองคำสองหีบพลันสะท้อนเข้าสู่ม่านตา หีบใบใหญ่สองใบบรรจุทองคำเหลืองอร่าม ฉินอวิ๋นฟานพอใจมาก“อื่ม ไม่เลว! สมกับที่เป็นเจ้าหอหวง ประสิทธิภาพในการทำงานสูงแท้!”ฉินอวิ๋นฟานพยักหน้าอย่างพอใจ เขาเอ่ยเรียบ “แต่เรื่องเหล้า จู่ ๆ ข้าก็มีความคิดเรื่องอื่นเล็กน้อย”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หวงต้าหยวนตั้งสมาธิทันที นางถามอย่างแปลกใจ “เชิญรัชทายาทกล่าวได้”เกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ระหว่างกัน ฉินอวิ๋นฟานพูดเป็นการเป็นงาน “ข้าหวังว่าเจ้าจะระงับขายอู่เหลียงเย่ให้กับต้าเยียนทันที และจำกัดการขายกับแคว้นต่าง ๆ ด้วย ให้พวกเขาแค่ร้อยละหกสิบจากที่ต้องการ”“แล้วยังต้องประกาศเด็ดขาด ห้ามแคว้นใด ๆ ขายอู่เหลียงเย่ต่อให้ต้าเยียน มิเช่นนั้นจะระงับการส่งเหล้าไปยังแคว้นพวกเขาอย่างเด็ดขาด!”“เอ๊ะ ท่านต้องการทำให้ตลาดหิวหรือ?”ในตอนที่ตลาดเพิ่งจะเริ่มร้อนแรง จู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก
“เรื่องที่สอง ข้าได้ก่อตั้งเครือต้าเฉียนเหิงไท่แล้ว ผู้จัดการใหญ่คือเสิ่นวั่นซาน ข้ารวมเถ้าแก่ไม้ เถ้าแก่ก่อสร้าง รวมไปถึงเถ้าแก่โรงงานหลายแห่งที่ไม่เลวมารวมกลุ่มกัน ควบคุมอย่างเป็นเอกภาพ ดำเนินธุรกิจอย่างเป็นเอกภาพ”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย“เครือเหิงไท่?”หวงต้าหยวนใบหน้าสับสน ไม่รู้ว่า ‘เครือ’ คือสิ่งใด ที่ฉินอวิ๋นฟานทำมิควรเรียกว่าสมาคมการค้าหรือ? ช่างเป็นชื่อที่พิสดารพันลึกจริงแท้“ได้ยินมาตลอดว่าเจ้าหอหวงมีความสามารถเยี่ยมยอด ฝีมือการทำการค้าล้ำเลิศ ไม่ทราบว่าพอจะเดาออกหรือยังว่าจุดประสงค์เรื่องที่สองที่ข้าจะคุยกับเจ้าคืออะไร?”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มถามหวงต้าหยวนตอบอย่างไม่คิด “แม้ข้าจะไม่รู้ว่าทำไมท่านถึงตั้งชื่อประหลาดอย่างเครือเหิงไท่ แต่ข้ารู้สึกว่าไม่ต่างอะไรกับสมาคมการค้า และเถ้าแก่ที่อยู่กับท่านเหล่านี้ก็เกี่ยวข้องกับการสร้างโรงแรมห้าดาวต้าเฉียนทั้งหมด การที่ท่านรวมกลุ่มพวกเขากะทันหัน จะต้องทำงานใหญ่แน่!”“ด้วยความเข้าใจที่ข้ามีต่อท่าน โรงแรมห้าดาวหนึ่งแห่งน่าจะไม่ใช่เป้าหมายสุดท้าย ถ้าข้าเดาไม่ผิด ท่านคิดจะเปิดสาขา? นี่ก็คือต้องการมายืมคนจากข้า?”ฉินอวิ๋นฟานประหลาดใจกับการวิเครา
“เอ่อ... แต่เพียงแต่ข้าที่กังวลเช่นนี้ เกรงว่าทุกคนก็คงมีความกังวลนี้เหมือนกันกระมัง? อย่างไรเสีย ของอย่างบัญชีก็สามารถปลอมแปลงได้”เห็นฉินอวิ๋นฟานพูดตามตรง ฉินอวิ๋นฮุยจึงไม่อ้ำอึ้งอีก การยกเรื่องไม่ดีมาพูดแต่แรกมิใช่เรื่องน่าอายอันใด เพราะมันเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของพวกเขา เขาไม่อยากถูกฉินอวิ๋นฟานหลอก!“ฮ่า ๆ ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานลั่นเสียงหัวเราะทันที “พี่รองทำงานรอบคอบดังคาด น้องเจ็ดเลื่อมใส แต่ท่านคิดมากไปแล้ว ถ้าต้องดูแลเมืองการค้าสามเมือง คนของข้าไม่มีทางพอ ถ้าพวกท่านไม่ส่งคนมาช่วยงาน ข้าคงทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ”“อ้อ? น้องเจ็ดพูดจริงรึ?!”เมื่อนั้นหัวใจที่ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของฉินอวิ๋นฮุยจึงสงบลง หากเขาสามารถให้คนเข้าร่วมอยู่ในเมืองการค้าทั้งสามเมืองได้ เช่นนั้นเขาจะวางใจได้แล้ว เพราะจะรับประกันผลประโยชน์ของเขาได้ทั้งหมด!“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านวางใจได้เลย ระหว่างพวกเราพี่น้องแม้เป็นคู่ต่อสู้กัน แต่ต่อหน้าผลประโยชน์ของบ้านเมือง พวกเราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง มีเพียงเช่นนี้ต้าเฉียนเราจึงจะเฟื่องฟูได้นิรันดร์”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ดังนั้นในเรื่องการค้า เครือเหิงไท่จะรับผิดชอบกิจการหลักท
ฉินอวิ๋นฟานกล่าวอย่างจริงจัง “ต่อให้ใครกล้ามีความคิดส่วนตัวก็เปล่าประโยชน์ เพราะพวกเราต้องร่วมกันทำงาน หากไม่อยากเสียเมืองไป ไม่อยากตาย ทหารทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือ เป็นหนึ่งเดียวสู้กับภายนอก”“ดี ดีมาก ความคิดนี้ไม่เลว!”เมื่อฉินอวิ๋นฟานกล่าวออกมา ไท่ซั่งหวงรู้อยู่แล้วว่าฉินอวิ๋นฟานต้องทุ่มเทเพื่อแผนการนี้ มิเช่นนั้นจะไม่มีทางคิดแผนการสมบูรณ์แบบเช่นนี้ออกมาได้“อื่ม ไม่เลว!”ฉินอวิ๋นฮุยไม่ได้ดีใจกับแผนการสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของฉินอวิ๋นฟาน เพราะแม้เช่นนี้จะเป็นเรื่องดีต่อบ้านเมืองจริง หากไร้ประโยชน์อันใดต่อพวกเขา ในทางกลับกัน พวกเขายังจะกลายเป็นคนที่ถูกฉินอวิ๋นฟานใช้งานอีกด้วยพวกเขาส่งทหารรักษาเมือง ฉินอวิ๋นฟานกอบโกยกำไรอย่างบ้าคลั่ง คิดแล้วฉินอวิ๋นฮุยก็อยากตบหน้าตัวเองสักฉาด ลักไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวอีกหนึ่งกำมือโดยแท้!ทว่าไท่ซั่งหวงแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?ฉินอวิ๋นฟานรู้ความคิดของพวกเขาดี อีกอย่าง ถ้าครองผลงานเองในเวลานี้จะเป็นการเลือกที่ไม่ฉลาดเอามาก ๆ ฉินอวิ๋นฟานไม่ทำเรื่องเบาปัญญาเช่นนี้หรอก!โบราณกล่าว ตบหน้าฉาดหนึ่งต้องให้พุทราหวานหนึ่งลูก อีกฝ่ายส่งทหารม
ขณะนี้ ทั่วทั้งท้องพระโรงเงียบกริบ ถ้อยคำชวนให้คนมีจิตใจฮึกเหิมของฉินอวิ๋นฟานวนเวียนอยู่ในหัวของ แม้ไท่ซั่งหวงเองก็ยังตกตะลึงพรึงเพริดกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน!รัชทายาทวัยสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่ง ช่างเป็นชายชาตินักรบเลือดร้อนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน หากคนเช่นนี้เป็นจักรพรรดิ ไยต้องกลัวอนาคตต้าเฉียนจะไม่ศิวิไลซ์?“เกี่ยวกับการสร้างเมืองการค้าสี่แห่งในสี่ทิศของต้าเฉียน ทุกคนคัดค้านอย่างหนัก ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนมาก แต่ในเมื่อจะทำเรื่องนี้ ข้าก็ต้องยอมรับเสียงและความเห็นที่แตกต่าง ทุกคนว่ามาเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน มีแต่ต้องทำให้ทำคนยอมรับเรื่องนี้จากใจจริง เขาจึงจะยึดสิทธิ์ความเป็นผู้นำได้ มิเช่นนั้นต่อให้ใช้กำลังผลักดันเรื่องนี้ คนเหล่านี้ต้องเล่นตุกติกลับหลังเขาแน่ เช่นนี้มีแต่จะทำให้รำคาญดังนั้นฉินอวิ๋นฟานเตรียมตัวกับการคัดค้านและความคิดของทุกคนแต่แรกแล้ว ต้องการแค่โอกาสประจวบเหมาะหนึ่ง เพราะคนที่ป่วยเป็นโรคอิจฉาตาร้อนมีมากเหลือเกิน มีแต่ต้องคิดหาทางหยดยาดวงตาให้พวกเขาสักหน่อย จึงจะขจัดต้นตอของปัญหาได้ “นี่...”ผู้คนมากมายแน่นขนัดพูดไม่ออกสักคำ เพราะต่างมีความกังวลอยู่ในใจ ฉ
นาทีนี้ถังเจิ้นไห่ถูกโจมตีทำร้ายทางจิตใจอย่างหนัก ฉินอวิ๋นฟานปากคอเราะรายน่ากลัวจริง ๆ การโจมตีของเขารวดเร็วนัก เขาต้านทานไม่ไหวเลยเขาจนปัญญากับการโจมตีของฉินอวิ๋นฟานแล้ว ได้แต่ใช้สถานะข่มขู่ฉินอวิ๋นฟาน หวังว่าฉินอวิ๋นฟานจะหยุดโจมตีเขาน่าเสียดาย แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฟานก็ไม่ใช่คนใจบุญสุนทานอะไร และไม่เคยเป็นพวกยอมเสียเปรียบ หากมีคนโจมตีเขา ฉินอวิ๋นฟานจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด!ต้องถล่มอีกฝ่ายจนแพ้ราบคาบ นี่สิจึงจะเป็นเป้าหมายความเป็นคนของเขา และถังเจิ้นไห่ก็แตะเขตต้องห้ามของเขาพอดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานย่อมไม่ไว้หน้าเขา!ครั้นพวกฉินอวิ๋นฮุยเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็พากันมอบสายตาเห็นใจให้ถังเจิ้นไห่ พวกเขาเคยได้รับการสั่งสอนด้วยหมัดหนักจากฉินอวิ๋นฟานมานานแล้ว ในสถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย หากหาเรื่องฉินอวิ๋นฟานก็เท่ากับรนหาที่ตาย!ไท่ซั่งหวงและจางเต้าหลินฉายรอยยิ้มพึงพอใจ แม้ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานจะหยาบคายไม่รื่นหูไปบ้าง แต่สะใจยิ่งนัก! นักวางแผนร้ายเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง ถูกฉินอวิ๋นฟานฟาดกลับจนต้องสงสัยในชีวิต เด็ดสะระตี่แท้!“เกินไป? ตอนนี้ท่านรู้ว่าเกินไป? ตอนที่ท่านสาดน้ำคลำใส่
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน
“ได้!”ถังเจิ้นไห่พูดหน้าขรึม “ประการที่สองของความผิดร้ายแรงสามประการ รัชทายาทร่วมกันสร้างถนนกับแคว้นต่าง ๆ เรื่องนี้อึกทึกครึกโครมไปทั่ว ทันทีที่สร้างถนนที่กว้างยิ่งขึ้น การคมนาคมจะสะดวก คืออยากให้แคว้นรอบข้างรุกรานต้าเฉียนเราสะดวกยิ่งขึ้นหรือ? การกระทำเช่นนี้มิใช่แผนการล่มชาติแล้วมันคืออะไร?!”ซี้ด...เมื่อทุกคนได้ฟังต่างสูดลมเย็นเข้าปาก เกิดความสงสัยอย่างหนักกับจุดประสงค์ของฉินอวิ๋นฟาน ด้านหนึ่งมอบธัญพืช ด้านหนึ่งสร้างถนนกับทุกแคว้น จุดประสงค์จะชัดเจนเกินไปแล้วกระมัง?“ต่อ ประการที่สามเล่า!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มเรียบ เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะไปไกลขนาดไหน ช่างเป็นคนที่มีขอบเขตความรู้ความเข้าใจและวิสัยทัศน์โดยแท้ การกำหนดอนาคตของบ้านเมือง เป็นเช่นนี้ดังคาดหากให้พวกเฮ่อชินอ๋องเรืองอำนาจจริง ต้าเฉียนมิต้องจบเห่หรือ? ให้สวะพวกนี้ดูแลบ้านเมือง บ้านเมืองนั้นยังจะมีความหวังอะไร?พวกเขานอกจากจะมีความชั่วร้ายอยู่เต็มอก มีความคิดดำมืดอยู่เต็มสมอง ยังจะทำอันใดได้อีก?“หึ!”ถังเจิ้นไห่แค่นเสียงแล้วจึงเอ่ย “ประการที่สาม รัชทายาทร่วมมือกับแคว้นต่าง ๆ กีดกันต้าเยียน สังหารบุตรชายคนที่สี่ข
“อ้อ? ความผิดร้ายแรงสามประการของฟานเอ๋อร์? ไหนลองว่ามาดูสิ!”ไท่ซั่งหวงตั้งสมาธิ นึกสนใจขึ้นมาทันที อย่างลับ ๆ เขาให้ความสนใจกับพฤติกรรมของฟานเอ๋อร์มาก ไม่เคยได้ยินความผิดร้ายแรงสามประการอันใด เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะพูดอะไรความผิดร้ายแรงสามประการเสมือนระเบิดลูกใหญ่ ทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกขึ้นมา ยามนี้สายตาของทุกคนในที่นั้นต่างรวมศูนย์อยู่ที่ตัวของถังเจิ้นไห่“ประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการ ได้ยินว่ารัชทายาททำเมล็ดพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ขึ้นมา สามารถให้ผลผลิตสูงมาก เดิมนี่คือโอกาสดีที่สุดที่ต้าเฉียนเราจะแจ้งเกิด คิดไม่ถึงว่ารัชทายาทกลับมอบเมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูงให้กับแคว้นต่าง ๆ รอบข้าง ช่วยให้พวกเขามั่งคั่งมากขึ้น”ถังเจิ้นไห่กล่าวเสียงหนัก “ขอถามทุกท่านในที่นี้ พฤติกรรมเช่นนี้ของรัชทายาทคือกำลังช่วยเหลือศัตรูน่ากลัวของเราหรือไม่? พฤติกรรมเช่นนี้ของเขา คือการขายชาติหรือไม่?!”ตูม...ครั้นถังเจิ้นไห่กล่าวถ้อยคำนี้ออกมา บรรดาขุนนางต่างอึกทึกครึกโครม คนทั้งโลกต่างรู้เรื่องที่เมืองจัวเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์แทบทุกคน และเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานลงนามสัญญากับแคว้นต่าง ๆ ก็รู
“อื่ม! ดี!”ไท่ซั่งหวงเอ่ยเสียงหนัก “เช่นนั้นข้าขอประกาศอย่างเป็นทางการ แต่งตั้งหวังอันสือเป็นหัวหน้าสำนักศึกษาหลวง เจี่ยงฝานฝานเป็นรองหัวหน้า การรับตำแหน่งนี้มีผลอย่างเป็นทางการ หัวหน้าขันทีเฉา ร่างราชโองการเดี๋ยวนี้ ประกาศต่อใต้หล้า!”เมื่อเรื่องราวสิ้นสุดลง ใจที่กระวนกระวายของฉินอวิ๋นฟานก็สงบ เขามองจางเต้าหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง!ทว่าคนอื่น ๆ กลับมีความรู้สึกที่แปลกออกไป หลังจากหวังอันสือได้ขึ้นตำแหน่ง ทำให้พวกเขาตระหนักว่าสถานการณ์ในราชสำนักกำลังหลุดจากการควบคุมอย่างช้า ๆ ฉินอวิ๋นฟานกำลังจะครองราชสำนัก“เอาละ เรื่องสำนักศึกษาหลวงก็สิ้นสุดแล้ว แต่จะละเลยผลงานการไปเมืองอู่โจวของฟานเอ๋อร์ครั้งนี้ไม่ได้”ไท่ซั่งหวงกล่าวเสียงเข้ม “ฟานเอ๋อร์ไม่เพียงแต่ทำคำสัญญาเมื่อครึ่งปีก่อนสำเร็จ ยิ่งทำให้เศรษฐกิจต้าเฉียนเราพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ท้องพระคลังเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ พสกนิกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างช้า ๆ ทุกคนต่างเห็นความยอดเยี่ยมของฟานเอ๋อร์”“ฟานเอ๋อร์ ว่ามาเถอะ เจ้าอยากได้อะไรเป็นรางวัล? ขอเพียงสมเหตุสมผล ข้าจะให้เจ้าดังปรารถนา!”ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกดีใจมากที่
“...”‘ไม่ว่าจะเป็นใคร คนผู้นั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี’ ประโยคเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ถังเจิ้นไห่สยบ แม่งเอ๊ย เขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว หากเขามีความจำเป็นพูดออกมาไม่ได้!การเล่นเกมเลี่ยงบาลีของฉินอวิ๋นฟานทำให้แนวป้องกันของถังเจิ้นไห่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางต่างกัดฟันกรอด กลับทำอะไรไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานเฉกเช่นปลาหนีชิวลื่นไหลตัวหนึ่ง ทำอะไรเขาไม่ได้เลย!จางเต้าหลินที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงกับการกระทำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน เขาเคยเห็นคนหน้าด้าน กลับไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าหนาไร้ยางอายเช่นฉินอวิ๋นฟานมาก่อน หน้าไม่อายที่สุด!คนคนหนึ่งปั่นหัวเหล่าขุนนางใหญ่เป็นว่าเล่น โมโหโทโสจนร่ำไห้หาพ่อร้องหาแม่ กลับจนปัญญา ดูสีหน้าเขียวปัดของถังเจิ้นไห่ จางเต้าหลินกลั้นหัวเราะอย่างหนัก กลั้นจนภายในจะบอบช้ำแล้ว“เอาละ ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พอแค่นี้เถอะ!”ไท่ซั่งหวงเห็นว่าพอประมาณแล้ว จึงตัดสินเรื่องนี้ในที่สุด ได้แต่บอกว่าฟานเอ๋อร์ใช้ไหวพริบและผลลัพธ์ก็คือว่าเป็นที่น่าพอใจ“จางไท่เว่ย ในเมื่อมีสามตัวเลือก และทุกคนก็แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”ไท่ซั่งหวงไม่ได้ยอมรับคว