องค์ชายใหญ่ฉินอวิ๋นคังนั่งลง สีท่าหน้าตาเหมือนวิญญาณหลุดลอย ซึมกะทือไปทั้งคน ร่างกายราวกับถูกสูบออกไปหมด“คังเอ๋อร์ ยังเจ็บหน้าหรือไม่?”เริ่นกุ้ยเฟยเป็นห่วงสภาพจิตใจของบุตรชายจึงตามมาที่จวนตระกูลฮั่วด้วย เห็นบุตรชายห่อเหี่ยวใจเช่นนี้ เริ่นซีหยวนผู้เป็นมารดาจึงปวดใจอย่างหาที่เปรียบมิได้ รีบเข้ามาปลอบ“เหอะ เจ็บแล้วจะยังไง ไม่เจ็บแล้วจะยังไง?”ฉินอวิ๋นคังส่ายหน้า พูดเหมือนใจไม่อยู่กับตัว“คังเอ๋อร์ ท่านตาเจ้าทำอย่างนี้ก็เพราะหวังดีต่อเจ้า หวังว่าเจ้าจะไม่เก็บใส่ใจนะ”เริ่นซีหยวนรีบอธิบายนางอยู่ในวังลึกมายี่สิบกว่าปี รู้ซึ้งถึงความโหดร้ายในการต่อสู้ ยิ่งรู้กำลังและฝีมือของบิดา ถ้าไม่มีการทุ่มเทของเขา บุตรชายคิดจะขึ้นตำแหน่งฮ่องเต้ โดยรวมแล้วคือไม่มีความเป็นไปได้และนี่ก็คือสาเหตุที่ทำไมนางถึงไม่กล้าออกหน้าปกป้องบุตรชาย แต่ไหนมาบิดาทำงานเด็ดขาด พูดหนึ่งไม่เป็นสอง เรื่องที่เขาตัดสินใจ เขาต้องมีเหตุผลแน่นอน ดังนั้นนางจึงได้แต่ปฏิบัติตาม“เหอะ หวังดีต่อข้า?”ฉินอวิ๋นคังหัวเราะเวทนา “ตบหน้าข้าต่อหน้าคนมากมายเช่นนั้น นี่เรียกว่าหวังดีต่อข้า? ยังไงข้าก็เป็นถึงองค์ชายใหญ่ของต้าเฉียนนะ
เวลานี้ฮั่วเจิ้นหลงขมวดคิ้วมุ่น สีหน้าอึมครึมจนน่ากลัว ท่าทีของท่านผู้เฒ่าในวันนี้ทำให้เขาตกใจอย่างหนัก แต่ความผิดที่องค์ชายใหญ่ทำในวันนี้แทบจะเป็นความผิดระดับสงคราม ไม่ว่าใครก็ต้องหัวเสียกว่าปกติเขาเอ่ยเสียงหนัก “คังเอ๋อร์ เจ้ายังจำแผนการที่เจ้ากับองค์ชายรองจะร่วมกันใส่ร้ายฉินอวิ๋นฟานได้หรือไม่?”“แผนใส่ร้ายฉินอวิ๋นฟาน?”เมื่อฉินอวิ๋นคังตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องก็กระตือรือร้นขึ้นมาชัดเจน เขาเลิกคิ้วถาม “ก็ต้องจำได้อยู่แล้ว เสด็จพ่อเพิ่งสวรรคตได้หนึ่งอาทิตย์ ถ้าไม่วางแผนกำจัดฉินอวิ๋นฟาน วันถัดไปคนที่จะขึ้นครองราชย์ก็ต้องเป็นมันแน่ ข้ากับน้องรองคงไม่มีโอกาสแม้แต่น้อยแล้ว”“ถูกต้อง ฉินอวิ๋นฟานในตอนนั้นเป็นแค่ไอ้โง่ตัวหนึ่ง ต่อให้เขาได้ขึ้นครองราชย์แล้วจะยังไง? ยังจะส่งผลต่อพวกเจ้าสองพี่น้องได้แค่ไหนกันเชียว? อำนาจใหญ่ยังอยู่ในมือพวกเจ้าพี่น้อง”ฮั่วเจิ้นหลงเอ่ยเสียงหนัก “แต่ถึงจะอย่างนั้น พวกเจ้าสองคนก็ยังเลือกที่จะเสี่ยง วางแผนต่ำช้ามากแผนการหนึ่งก็ต้องกำจัดฉินอวิ๋นฟานให้ได้ ว่ากันตามตรงก็มิใช่เพื่อกำจัดเขาที่เป็นก้างชิ้นนี้หรือ?”“เอ่อ...มันก็ถูกต้อง”ฉินอวิ๋นคังพยักหน้าด้
ฮั่วเจิ้นหลงถอนหายใจเอ่ย “แม้จะเป็นอดีตฮ่องเต้ที่ขึ้นครองราชย์เมื่อยี่สิบปีก่อน ก็ยังมีตระกูลเหอ ตระกูลเริ่นกับเงาของตระกูลอื่น ๆ ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนอันทรงพลังจากตระกูลใหญ่เหล่านี้ ใครจะขึ้นนั่งเก้าอี้มังกรตัวนั้นได้ง่าย ๆ บ้าง?”ถ้อยคำนี้ของพ่อตาทำให้ฉินอวิ๋นคังหน้าเปลี่ยนสีไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง ฝีมือและความสามารถของเสด็จพ่อในอดีตเป็นที่รู้กันทั่ว เด่นล้ำในบรรดาองค์ชายยี่สิบกว่าองค์ ขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดในสุดท้ายคิดไม่ถึงว่าเบื้องหลังจะมีความลับยิ่งใหญ่ปานนี้?“แม้วรยุทธ์องค์ชายสี่จะเทียบเจ้าไม่ได้ พรสวรรค์ด้านบุ๋นสู้องค์ชายรองไม่ได้ แต่เขาคือองค์ชาย! คือสายเลือดสืบราชสันตติวงศ์!”ฮั่วเจิ้นหลงเอ่ยเสียงหนัก “แค่ว่าคนของตัวเองได้ขึ้นครองราชย์ ก็จะความมั่นคงและผลประโยชน์ของตระกูลจะได้รับการประกัน ใครขึ้นแล้วจะยังไง? อีกอย่าง องค์ชายสี่ควบคุมง่ายกว่าเจ้านัก!”คำอธิบายของฮั่วเจิ้นหลงทำให้สีหน้าฉินอวิ๋นคังปั้นยากผิดปกติ เขาคิดมาตลอดว่าตัวเองคือองค์ชายผู้สูงส่ง คือบุตรที่คนทั้งตระกูลเริ่นต้องเอาใจพะเน้าพะนอ ถึงท่านตาจะเข้มงวด แต่โดยรวมกลับไม่ได้ควบคุมเขาสักเท่าไรให้เขาคิดอย่างไรก็ค
“ท่านพ่อตา ข้า ข้าเข้าใจแล้ว!”ถูกพ่อตาสั่งสอนยกหนึ่ง ฉินอวิ๋นคังราวกับตื่นขึ้นจากความฝัน ในที่สุดก็เข้าใจว่าตัวเองผิดถนัดแค่ไหน เคราะห์ดีที่ไม่ได้ช่วยเริ่นซวี่ มิเช่นนั้นความผิดของเขาจะหนักกว่าเดิมก่อนหน้านี้กว่าจะได้สร้างภาพจำและชื่อเสียงดีงามในใจประชาชนขึ้นมาได้หน่อยหนึ่ง สงสัยว่าจะถูกเขาทำลายไม่มีชิ้นดีแล้ว ฝ่ามือฉาดนั้นที่เขาได้รับ คิดแล้วช่างสมควรอย่างยิ่ง!ช่วยคนย่อมไม่ผิด แต่วิธีการและรูปแบบผิด!“เฮ้อ! เจ้าไม่คิดดูเล่า ด้วยนิสัยของฉินอวิ๋นฟาน เขาจะปล่อยเริ่นซวี่คนถ่อยเช่นนั้นได้ยังไง?”ฮั่วเจิ้นหลงพูดอย่างหนักใจ “ว่ากันตามหลัก ฉินอวิ๋นฟานน่าจะตัดหัวเริ่นซวี่ไปเลยจึงจะระบายความแค้นในใจถึงจะถูก แต่ทำไมเขาไม่ทำอย่างนั้น? หรือว่าเจ้าไม่ควรสงบใจพิจารณาสักหน่อย?”“หา ท่านพ่อตา ทะ ท่านหมายความว่า ฉินอวิ๋นฟานจงใจ? เขาทำไปเพื่อรอข้ามา? ใช้ความอยากช่วยคนของข้าเป็นโอกาส จะได้ใช้เรื่องนี้กดข้า เพิ่มภาพลักษณ์ในใจประชาชนของเขา?”ฉินอวิ๋นคังพูดอย่างเหลือเชื่อ“ยังไม่นับว่าโง่นัก อย่างน้อยยังคิดถึงเรื่องนี้ได้!”ฮั่วเจิ้นหลงใบหน้าปลื้มใจ ถือว่าไม่ได้เสียแรงตบหน้าเปล่า หลังจากเขาวิเคร
“อื่ม!”ฉินอวิ๋นฟานสองมือไพล่หลัง พยักหน้าน้อย ๆ จากนั้นจึงย่างเท้าขึ้นชั้นบนไปด้วยมาดสูงส่งจริงจัง หวงต้าหยวนตามอยู่ด้านข้างฉินอวิ๋นฟาน แสดงภาพลักษณ์สูงศักดิ์ของฉินอวิ๋นฟานออกมาจนสิ้นเซี่ยงเทียนเวิ่นที่อยู่ด้านข้างเห็นภาพนี้แล้วสองตาเบิกโพลง ท่าทางสูงส่งเย็นชามักปฏิเสธคนอยู่นอกพันลี้ของหวงต้าหยวน คนทั่วไปมิอาจเข้าตานาง และเขาก็ไม่รู้ว่าตามตื๊อมากี่ครั้งกี่หนแล้วแต่ก็ยังถูกหวงต้าหยวนปฏิเสธให้อยู่นอกประตูคิดไม่ถึง สตรีแกร่งผู้เต็มไปด้วยท่วงทำนองขนาดนี้กลับอ่อนน้อมถ่อมตนเช่นนี้ต่อหน้าฉินอวิ๋นฟาน ครานี้พลิกโฉมความรู้ความเข้าใจของเซี่ยงเทียนเวิ่นโดยสิ้นเชิงแล้ว เขาตกตะลึงทอดถอนใจอยู่ในใจ การที่บิดาให้เขาติดตามฉินอวิ๋นฟาน มันคือการตัดสินใจที่ถูกต้องขนาดไหน!“รัชทายาท เหนื่อยแล้วกระมัง? จะให้เรียกนางรำมา แล้วให้แม่นางต้าซวงกับแม่นางเสี่ยวซวงบรรเลงเพลงให้ท่านผ่อนคลายสักหน่อยก่อนหรือไม่?”หวงต้าหยวนยิ้มพราวเสน่ห์ฉินอวิ๋นฟานเชยตาเล็กน้อย เคลื่อนสายตาไปถึงตัวสองดรุณี อดสั่นระริกไม่ได้ ช่างเป็นกุหลาบหนามคู่หนึ่งแท้ ๆ ดูงดงามไร้ที่ติ กลับมิอาจเด็ดดอมพอนึกถึงประสบการณ์ในคืนวันนั้น ฉินอว
ระยะนี้ผ่านเรื่องราวมามากมาย เซี่ยงเทียนเวิ่นเติบโตขึ้นไม่น้อย การปฏิเสธอย่างเด็ดขาดของหวงต้าหยวน ทำให้เรื่องที่เขาพยายามมาหนึ่งปีสั่นคลอนเป็นครั้งแรก บางทีพวกเขาอาจไม่ใช่คนโลกเดียวกันจริง ๆ กระมัง!เซี่ยงเทียนเวิ่นกรอบตาแดง พูดอย่างเศร้าสร้อยเล็กน้อย “ขออภัยรัชทายาท ข้าไม่รู้ความเอง หวังท่านจะให้อภัย ข้าจะออกไปเดี๋ยวนี้!”“ไม่เป็นไร ล้วนเป็นพี่น้องบ้านเดียวกัน ข้าเข้าใจ!”ฉินอวิ๋นฟานเข้าใจจิตใจของเซี่ยงเทียนเวิ่นมาก หลงรักผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่มีทางได้มาในวัยหัวใจแรกแย้ม ชีวิตที่เริ่มต้นด้วยความหวานชื่นกลับไม่มีผลลัพธ์ นี่คือเรื่องน่าเศร้าเพียงไร จุดจบแค่คิดก็รู้แล้วตระกูลเซี่ยงจัดเป็นตระกูลวิถียุทธ์ ย่อมมีกำลังที่ไม่ต้องเอ่ยถึง แต่ตระกูลเช่นพวกเขาแบบนี้ทำการค้าน้อยนัก และไม่ลื่นเป็นปลาไหลเหมือนกับคนทำการค้า ยิ่งไม่มีอุบายที่เห็นแก่ผลประโยชน์เหมือนคนทำการค้า เมื่อเทียบกันแล้ว พวกเขากล้าหาญไขว่คว้ากำลังดังนั้นจากฐานนี้จึงตัดสินแล้วว่าเขากับหวงต้าหยวนอยู่กันคนละโลก ด้วยนิสัยใจคอของหวงต้าหยวน เกรงว่าผู้ชายที่สามารถเข้าตานางได้จะมีไม่มากในตอนที่เซี่ยงเทียนเวิ่นออกไป ฉินอวิ๋นฟานสำรว
“เนื่องจากตำลึงเงินมาปริมาณมาก ข้าจึงให้พวกเขานำตำลึงเงินทั้งหมดแลกเป็นเจ็ดล้านสองแสนตำลึงทองตามอัตราแลกเปลี่ยนตำลึงเงินกับตำลึงทอง นี่ก็คือหกล้านตำลึงทองของรัชทายาท”หวงต้าหยวนพูดพลางเปิดประตูลับห้องหนึ่งออก วินาทีที่เปิดประตูลับ ประกายแวววาวของทองคำสองหีบพลันสะท้อนเข้าสู่ม่านตา หีบใบใหญ่สองใบบรรจุทองคำเหลืองอร่าม ฉินอวิ๋นฟานพอใจมาก“อื่ม ไม่เลว! สมกับที่เป็นเจ้าหอหวง ประสิทธิภาพในการทำงานสูงแท้!”ฉินอวิ๋นฟานพยักหน้าอย่างพอใจ เขาเอ่ยเรียบ “แต่เรื่องเหล้า จู่ ๆ ข้าก็มีความคิดเรื่องอื่นเล็กน้อย”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หวงต้าหยวนตั้งสมาธิทันที นางถามอย่างแปลกใจ “เชิญรัชทายาทกล่าวได้”เกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ระหว่างกัน ฉินอวิ๋นฟานพูดเป็นการเป็นงาน “ข้าหวังว่าเจ้าจะระงับขายอู่เหลียงเย่ให้กับต้าเยียนทันที และจำกัดการขายกับแคว้นต่าง ๆ ด้วย ให้พวกเขาแค่ร้อยละหกสิบจากที่ต้องการ”“แล้วยังต้องประกาศเด็ดขาด ห้ามแคว้นใด ๆ ขายอู่เหลียงเย่ต่อให้ต้าเยียน มิเช่นนั้นจะระงับการส่งเหล้าไปยังแคว้นพวกเขาอย่างเด็ดขาด!”“เอ๊ะ ท่านต้องการทำให้ตลาดหิวหรือ?”ในตอนที่ตลาดเพิ่งจะเริ่มร้อนแรง จู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก
“เรื่องที่สอง ข้าได้ก่อตั้งเครือต้าเฉียนเหิงไท่แล้ว ผู้จัดการใหญ่คือเสิ่นวั่นซาน ข้ารวมเถ้าแก่ไม้ เถ้าแก่ก่อสร้าง รวมไปถึงเถ้าแก่โรงงานหลายแห่งที่ไม่เลวมารวมกลุ่มกัน ควบคุมอย่างเป็นเอกภาพ ดำเนินธุรกิจอย่างเป็นเอกภาพ”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย“เครือเหิงไท่?”หวงต้าหยวนใบหน้าสับสน ไม่รู้ว่า ‘เครือ’ คือสิ่งใด ที่ฉินอวิ๋นฟานทำมิควรเรียกว่าสมาคมการค้าหรือ? ช่างเป็นชื่อที่พิสดารพันลึกจริงแท้“ได้ยินมาตลอดว่าเจ้าหอหวงมีความสามารถเยี่ยมยอด ฝีมือการทำการค้าล้ำเลิศ ไม่ทราบว่าพอจะเดาออกหรือยังว่าจุดประสงค์เรื่องที่สองที่ข้าจะคุยกับเจ้าคืออะไร?”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มถามหวงต้าหยวนตอบอย่างไม่คิด “แม้ข้าจะไม่รู้ว่าทำไมท่านถึงตั้งชื่อประหลาดอย่างเครือเหิงไท่ แต่ข้ารู้สึกว่าไม่ต่างอะไรกับสมาคมการค้า และเถ้าแก่ที่อยู่กับท่านเหล่านี้ก็เกี่ยวข้องกับการสร้างโรงแรมห้าดาวต้าเฉียนทั้งหมด การที่ท่านรวมกลุ่มพวกเขากะทันหัน จะต้องทำงานใหญ่แน่!”“ด้วยความเข้าใจที่ข้ามีต่อท่าน โรงแรมห้าดาวหนึ่งแห่งน่าจะไม่ใช่เป้าหมายสุดท้าย ถ้าข้าเดาไม่ผิด ท่านคิดจะเปิดสาขา? นี่ก็คือต้องการมายืมคนจากข้า?”ฉินอวิ๋นฟานประหลาดใจกับการวิเครา