“เจ้าคือผู้ว่าการเมือง ควรรู้ว่าต้องพูดยังไง!”เริ่นจื้อคุนหรี่ดวงตาทั้งสองเอ่ยเตือนถ้าเริ่นเจี้ยนเปลี่ยนคำพูดตอนนี้ เขาก็ใช้มันเป็นข้ออ้างได้ เริ่นซวี่ต้องมีโอกาสรอดแน่นอน แต่ถ้าเริ่นเจี้ยนทำงานตามระเบียบ เช่นนั้นก็ยุ่งแล้ว!ด้วยนิสัยของฉินอวิ๋นฟาน เขากล้าฆ่าหลานชายของเขาจริง ๆ!ทำงานเป็นขุนนางมาหลายปีอย่างนี้ เขาเป็นผู้ว่าการได้อย่างไร เริ่นเจี้ยนรู้ดีกว่าใครเพื่อน มนุษยสัมพันธ์พื้นฐานเขาย่อมเข้าใจ ถ้าไม่มีตระกูลคอยสนับสนุน เขาจะไม่ใช่กระทั่งลมผายสุนัข ปู่ห้าบอกเป็นนัยชัดเจนมากแล้วถ้าเขาฝืนเปลี่ยนคำพูดตอนนี้ ด้วยนิสัยของฉินอวิ๋นฟานจะต้องทำให้เขาตายอย่างอนาถแน่ ถ้าไม่กลับคำ เกรงว่าปู่ห้าคงต้องเล่นงานเขา!จนแล้วจนรอด ฉินอวิ๋นฟานไม่ลนลานสักนิด ถึงเริ่นเจี้ยนจะเปลี่ยนคำพูด ฉินอวิ๋นฟานก็มีวิธีจัดการเขาอยู่ดี!หลังจากพิจารณาต่อสู้ในสมองอย่างดุเดือด เริ่นเจี้ยนกัดฟัน ในที่สุดก็เล่าความเป็นมาทั้งหมดของเรื่องออกมาอย่างสมบูรณ์ทุกกระเบียดรอบหนึ่ง เขาตัดสินใจว่าจะไม่เก็บงำใด ๆ ต่อให้ถูกตระกูลเริ่นเตะออกจากกลุ่ม แต่อย่างไรก็ยังมีโอกาสรอดหากหลับตาพูดปดต่อหน้าฉินอวิ๋นฟาน ผลลัพธ์คือต้องตา
ยามนี้ ทุกคนต่างเริ่มมองฉินอวิ๋นฟานด้วยแววตาเคารพ ท่าทีเด็ดขาดของเขาเท่ไปเลย! อารมณ์ที่ชาวบ้านเก็บกดมานานนับว่าได้ระบายสักทีทีแรกทุกคนนึกว่าเรื่องจะจบแต่เพียงเท่านี้ หากมีเสียงทรงพลังดังมาจากข้างหลังอีก “น้องเจ็ด เจ้าจะทำเกินไปหน่อยแล้วหรือไม่?!”ทุกคนหันหน้าไปดู เห็นเพียงองค์ชายใหญ่ฉินอวิ๋นคังเดินมาทางฉินอวิ๋นฟานอย่างน่าเกรงขาม!ฉินอวิ๋นฟานไม่แปลกใจกับการปรากฏตัวของฉินอวิ๋นคังสักนิด ไม่ว่าจะเป็นฐานะหรือตำแหน่ง ฉินอวิ๋นคังมีสิทธิ์งัดข้อกับเขาจริง ๆแต่ถึงจะเป็นเช่นนี้มันก็แก้ไขอะไรไม่ได้ เรื่องที่เขาฉินอวิ๋นฟานตัดสินใจจะไม่มีวันเปลี่ยน ! โดยเฉพาะกับปีศาจร้ายเยี่ยงเริ่นซวี่ เขาไม่เคยเมตตาใจอ่อน!อย่าว่าแต่องค์ชายใหญ่เลย ต่อให้เง็กเซียนฮ่องเต้มาเขาก็ยังจะฆ่าไม่ให้พลาดเหมือนเดิม!“พี่ใหญ่ ในฐานะที่ข้าเป็นรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินของต้าเฉียน ข้ามีความรับผิดชอบ มีหน้าที่รักษาความยุติธรรมในกฎหมายของต้าเฉียน”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยใบหน้าเรียบ “สำหรับ ‘เกินไป’ ที่ท่านพูด ข้ากลับไม่คิดอย่างนั้น ทุกสิ่งที่ข้าทำล้วนเป็นไปตามครรลองของกฎหมาย”องค์ชายใหญ่แข็งกร้าวเสมอ กับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟา
“เจ้า เจ้ามันรั้น!”เวลานี้ฉินอวิ๋นคังโกรธจนอยากด่าพ่อล่อแม่แล้ว พอฉินอวิ๋นฟานดื้อแพ่งขึ้นมาจะพาลให้คนปวดเศียรเวียนเกล้าจริง ๆ พูดอะไรก็ไม่สน ดื้อจะตายอยู่แล้ว!เขาเลือดขึ้นหน้าจนเดินวนอยู่กับที่ ก่อนจะตะคอก “แล้วถ้าวันนี้ข้าจะช่วยเขาให้ได้ล่ะ?!”“ท่านช่วยไม่ได้ เง็กเซียนฮ่องเต้มาเริ่นซวี่ก็ยังต้องตาย!”ฉินอวิ๋นฟานท่าทีแข็งกร้าว“น้องเจ็ด เจ้าต้องรู้นะ ในฐานะที่เป็นขุนนางใหญ่ของต้าเฉียน ในสถานการณ์ที่เรื่องราวไม่ได้หนักหนาจนเกินไป ย่อมมีสิทธิ์ในการละเว้นโทษ ต่อให้เจ้ายืนกรานฝ่ายเดียวก็ไม่มีประโยชน์ วันนี้ ไม่ว่ายังไงข้าก็จะรักษาชีวิตของเริ่นซวี่เอาไว้ให้ได้!”ฉินอวิ๋นคังเอ่ยเสียงหนัก“อ้อ? ละเว้นโทษได้?”ฉินอวิ๋นฟานเลิกคิ้ว เหมือนว่ากฎหมายต้าเฉียนจะมีเรื่องนี้อยู่จริง ๆ เพื่อให้โอกาสขุนนางผู้สร้างคุณงามความดีพวกนั้นได้มีโอกาสกลับใจ ตระหนักความผิดเสียใจกับความเลอะเลือนทันกาลเขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง ในช่วงความเป็นความตายนี้ พี่ใหญ่กับยกข้อกำหนดนี้ออกมาห้ามไม่ให้เขาฆ่าเริ่นซวี่แต่ถ้าวันนี้เริ่นซวี่ไม่ตาย เช่นนั้นทุกอย่างที่เขาทำในวันนี้จะมีความหมายอะไร? จะอธิบายกับคนที่ตายไปยั
ดวงไฟแห่งความหวังที่เพิ่งจะผุดขึ้นมาดวงริบหรี่ดับมอดไปอีกครั้ง!“ยังจะมีใครได้อีก? ก็เขาไง!”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่ ชี้เริ่นซวี่พลางพูดในตอนที่ฉินอวิ๋นคังมองไปทางเริ่นซวี่ เขาแทบอยากตบปากตัวเองหลาย ๆ ครั้งให้หนัก เรื่องที่เพิ่งออกจากปากตัวเองไป หรือว่าจะกลับคำ?ถ้าเริ่นซวี่พูดจาหมิ่นเบื้องสูงจริง วันนี้เขาต้องตายแน่ ต่อให้ไท่ซั่งหวงมาก็จะไม่ละเว้นเขา!“จบกัน! สิ้นสุดแล้ว!”ความหวังของเริ่นจื้อคุนแห้งขอด ไม่ว่าเขาจะใช้ผลงานยิ่งใหญ่เพียงไรไปแลกก็เกรงว่าจะช่วยไม่ได้ คำพูดล่วงเกินเบื้องสูงของหลานชายคือการท้าทายอำนาจของทั้งราชวงศ์ ไม่มีใครกล้าปกป้องเขาง่าย ๆ!“จะ เจ้าพูดเช่นนี้จริงรึ?!”องค์ชายใหญ่มองไปทางเริ่นซวี่ ถามแบบคิดไม่ถึง“ท่านพี่ ก็ข้าไม่รู้นี่ว่าเขาก็คือรัชทายาท ตอนนั้นเขาจะขวางให้ได้ ข้าโมโหมาก มันอดไม่ได้จริง ๆ ก็เลยหลุดปากไป ข้าไม่ได้ตั้งใจนะ!”เริ่นซวี่น้ำตาไหลพรากเอ่ย “ถ้าข้ารู้ว่าตัวตนของเขาคือรัชทายาท ถึงท่านจะให้ข้ายืมความกล้าสักหนึ่งร้อย ข้าก็ไม่กล้าพูดอย่างนี้หรอก ข้าถูกปรักปรำจริง ๆ ท่านพี่ ขอร้องละ ช่วยข้าด้วย ช่วยข้า ข้ายังเด็ก ข้ายังไม่อยากตายจริง ๆ!”จ้องหน
ฉินอวิ๋นฟานฉินอวิ๋นฟานถูกฉินอวิ๋นฟานแกล้งต่อหน้าสาธารณชน องค์ชายใหญ่โมโหพลุ่งพล่าน เขาเอ่ยเสียงเย็นเยียบ “ฉินอวิ๋นฟาน เจ้าไม่เคยคิดจะปล่อยเริ่นซวี่ไปใช่ไหม?!”“อ้อ? พี่ใหญ่ ในที่สุดท่านก็เข้าใจแล้วนะ? เข้าใจตอนนี้ยังไม่สาย!”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยความหมายลึกซึ้ง ใบหน้าเต็มไปด้วยสีสันเย้ยหยัน เรื่องที่เขาฉินอวิ๋นฟานตัดสินใจแล้วจะต้องทำให้ได้ ไม่บรรลุเป้าหมายจะไม่หยุด! หนำซ้ำพฤติกรรมของเริ่นซวี่ก็ชั่วช้ามิอาจให้อภัยปล่อยเขา? เป็นไปไม่ได้!“เจ้ามันแน่ เจ้ามันแน่มาก!”ฉินอวิ๋นคังข่มไฟโกรธในใจอย่างหนัก คำรามเสียงต่ำ “ข้าละไม่เข้าใจจริง ๆ นี่มันเพราะอะไรกันแน่? ทำไมเจ้าต้องหาเรื่องเริ่นซวี่ให้ได้? จะปล่อย ๆ เขาไปมันยากขนาดนั้นเลยหรือ?!”ถูกองค์ชายใหญ่ถามเสียงเข้ม ฉินอวิ๋นฟานจึงไม่แกล้งทำอีก พูดด้วยน้ำเสียงที่คนต้องตะลึง “อยากรู้ว่าเพราะอะไร? ได้! วันนี้ข้าจะบอกท่านต่อหน้าทุกคนว่าเพราะอะไร!”“นับจากวินาทีที่เริ่นซวี่พูดกับเย่ซื่อกวานว่า ‘ความพยายามสามชั่วอายุคนของตระกูลเริ่นข้า ทำไมต้องแพ้ให้กับการตรากตรำศึกษาสิบปีของเจ้าด้วย’ เขาก็ถูกข้าตัดสินประหารชีวิตแล้ว! ไม่มีใครมีสิทธิ์ใช้สิ่งที่
เมื่อพูดออกมา หนังตาองค์ชายใหญ่กระตุกรัว ๆ ให้เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง ฉินอวิ๋นฟานจะบ้าบิ่นถึงขั้นนี้ เพื่อฆ่าคนตระกูลเริ่นคนหนึ่ง เขาถึงกับทำได้ทุกอย่าง ไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมาเลยหรือ?“พี่ใหญ่ การแสดงออกของท่านในวันนี้คือความไม่เหมาะสม”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะพูดเย้ย “ท่านรู้นิสัยของข้าดี ไม่ว่าวันนี้ท่านจะทำอะไรก็คุ้มกะลาหัวของเริ่นซวี่ไม่ได้ ข้าของเตือนท่าน ทางที่ดีรีบกลับไปรับการลงโทษเสียแต่ตอนนี้ ขืนยังดึงดันต่อไปจะมีแต่ทำให้ท่านอนาถมากขึ้น!”ยามนี้ ฉินอวิ๋นคังที่กำลังโมโหเลือดขึ้นหน้าไม่ตระหนักความหมายในคำพูดของฉินอวิ๋นฟาน ภายใต้สถานการณ์ตรงหน้า ไม่ว่าจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนก็แพ้ต่อฉินอวิ๋นฟานราบคาบเทียบกับการขายขี้หน้าอยู่ตรงนี้ มิสู้รีบไปอย่างยับเยินดีกว่า แต่ก่อนจะจากไปเขามองด้วยสายตาดุร้ายและทิ้งคำหนัก “ฉินอวิ๋นฟาน เจ้ารอดูเถอะ ข้าไม่จบกับเจ้าแน่!”ฉินอวิ๋นฟานเบะปาก ทำหน้าไม่ยี่หระ คำพูดข่มคนเช่นนี้ของฉินอวิ๋นคัง เขาฟังมาครั้งแรกเสียเมื่อไร แล้วผลเป็นอย่างไร? เขาก็ยังสุขีสโมสรเหมือนเดิมมิใช่หรือ?แน่จริงก็เอาเลยสิ! เขาฉินอวิ๋นฟานจะรับคำท้าทั้งหมด!“เริ่นเจี้ยน ลงทัณฑ์!”
“ตบปาก!”ท่ามกลางบรรยากาศอึดอัด จู่ ๆ ก็มีเสียงทุ้มหนักและเต็มไปด้วยความน่าเกรงขามสายหนึ่งดังขึ้น ท่านผู้เฒ่าตระกูลเริ่นสายตาคมกริบดั่งอินทรี จ้องฉินอวิ๋นคังแบบบ่อน้ำโบราณไร้คลื่น แล้วพูดขึ้นกะทันหันคำสั่งที่มาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยทำให้ทุกคนในที่นั้นหนังตากระตุกรัว ๆ ใบหน้าคือความตื่นตระหนก ฉินอวิ๋นคังคือองค์ชายใหญ่นะ กลับต่ำต้อยเช่นนี้เลยหรือ?ผู้ที่ตอบสนองก่อนเป็นคนแรกคือเริ่นซีหยวนมารดาขององค์ชายใหญ่ นางพูดด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “ท่านพ่อ นี่ นี่จะไม่ดีกระมัง?”“เจ้าถอยไป!”ท่านผู้เฒ่าตระกูลเริ่นไม่เปิดโอกาสใด ๆ ให้บุตรสาวขอร้อง ตวาดให้ถอยออกไปทันที สายตาไม่มีคลื่น พลังแข็งกร้าว ทำให้ทุกคนในที่นั้นล้วนสูดลมเย็นท่านผู้เฒ่าไม่โกรธเช่นนี้มานานมากแล้ว วันนี้เกิดอะไรขึ้น?แม้แต่ฮั่วเจิ้นหลงผู้มีฐานะสูงส่ง ยามนี้ก็ยังไม่กล้าขัดสักนิด ท่าทีเคารพนบนอบ เขาเคยติดตามท่านผู้เฒ่าเริ่นยี่สิบกว่าปี รู้นิสัยของอีกฝ่ายชัดเจน เรื่องที่เขาตัดสินใจแล้วจะไม่อนุญาตให้สงสัย!ฉินอวิ๋นคังในเวลานี้สับสนไปหมดแล้ว เขาถามด้วยใบหน้าฉงน “ท่านตา นี่มันเพราะอะไร? ข้าออกหน้าแทนตระกูลเริ่นชัด ๆ แล้วข้าก็พยายาม
เริ่นจื้อเย่ามองไปทางฮั่วเจิ้นหลงและเอ่ยเสียงหนัก “ฮั่วหลง คังเอ๋อร์คือคนที่บ่มเพาะเพื่อเป็นผู้สืบทอดต้าเฉียน เช่นนี้ต่อไปจะได้อย่างไร? พวกเรามีเวลาไม่มากแล้ว ถ้าการต่อสู้ล้มเหลง พื้นที่ในการเอาตัวรอดของเราก็จะยิ่งลำบากมากขึ้น เจ้าต้องให้ความสำคัญแล้วนะ”ถูกท่านผู้เฒ่าเริ่นตักเตือน ฮั่วเจิ้นหลงสีหน้าตึงเครียด แสดงท่าทีทันที “ฮั่วหลงเข้าใจขอรับ ฮั่วหลงต้องเห็นเป็นสำคัญแน่นอน จะอบรมอย่างดี”“เรื่องนี้ก็พอเท่านี้เถอะ ต่อไปต้องเน้นความสุขุม จะบุ่มบ่ามไม่ได้!”เริ่นจื้อเย่าโบกมือแล้วจึงออกไป ทิ้งทุกคนที่ยังขวัญหาย พอท่านผู้เฒ่าระเบิดโทสะขึ้นมาน่ากลัวเหลือเกิน ตั้งแต่ต้นจนจบ ถึงฉินอวิ๋นคังจะมีศักดิ์สูงส่งเป็นองค์ชายใหญ่ก็ไม่กล้าเถียงในตำหนักเหยียนเหนียน ไท่ซั่งหวงกำลังนอนอยู่บนเก้าอี้ฟังการบรรเลงเพลงของนางกำนัลอย่างผ่อนคลาย เฉาเจิ้งฉุนส่ายหน้าไม่อยากรบกวน แต่สถานการณ์พิเศษ เขาจึงได้แต่ส่งสัญญาณให้นางกำนัลออกไป“เฮ้อ! ไท่ซั่งหวง รัชทายาทเพิ่งไปได้ครึ่งวันก็เกือบทำฟ้าต้าเฉียนถล่มแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”เฉาเจิ้งฉุนถอนหายใจเอ่ย“หือ? มีเรื่องอะไร?”ไท่ซั่งหวงขมวดคิ้ว ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน ขอเพียงเป
ในที่สุดเหมิงฉาก็รับไม่ไหว ร้องตะโกนคำที่แทบจะเป็นความอัปยศนั้นการแข่งขันทางบู๊นี้ก็ปิดฉากลงท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของทุกคน...เรื่องหักเหจากการคาดหมายของทุกคนเหลียงจ้านอิงและเหลียงเทียนจื้อต่างคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้จะล้วงปืนสั้นออกมาพลิกสถานการณ์ในการแข่งขันด้านบู๊นี้กระทั่งว่าเหลียงเทียนจื้อไม่มีโอกาสจะได้ออกโรงเลย...เช่นละครอย่างไรอย่างนั้น เนื่องจากเหมิงฉากลัวสุดขีดจึงยกมือยอมแพ้ดังนั้นเหลียงเทียนอี้จึงคว้าชัยชนะการแข่งขันรอบนี้ได้อย่างง่ายดายโดยไม่เปลืองแรงภาพมหัศจรรย์เกิดให้แบบไม่มีการเปลี่ยนแปลงลุ้นระทึกและไม่มีเลือดร้อนพลุ่งพล่านที่ใครคาดหวัง!ถึงขั้นว่าลวงตามากแต่ผลลัพธ์เป็นของจริงแท้แน่นอน เหลียงเทียนอี้ชนะแล้ว......“ดูท่าครั้งนี้ฟานเอ๋อร์จะช่วยข้าได้มากอีกแล้ว”เหลียงเทียนอี้กลับมาถึงด้านในก็คืนปืนสั้นให้ฉินอวิ๋นฟานและพรูลมหนัก ๆ“เหอะ ๆ เสด็จน้าชมเกินไปแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของท่านทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับข้าสักหน่อย”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่ มิได้กล่าวอะไรอีกถ้าจะบอกว่าเขาทำอะไรเพื่อเหลียงเทียนอี้ นั่นก็แค่บอกเขาว่าความจริงการแข่งขันนี้สามาร
การกระทำของเหลียงเทียนอี้ทำให้ทุกคนในนั้นตกตะลึงแม้แต่เหลียงจ้านอิงที่อยู่บนปะรำก็ยังหยุดการดื่มน้ำชาไม่ได้ มองไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ“เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?”เหลียงเทียนจื้อมองเหลียงเทียนอี้ที่ปราศจากเครื่องป้องกันใด ๆ ด้านข้าง ใบหน้าแปลกใจนี่คือการแข่งขันบู๊นะ คือสถานที่ตีรันฟันแทง ถ้าไม่ระวังอาจต้องคมศาสตราได้จริง ๆ ศีรษะย้ายที่อยู่ หากไม่ใช่เพราะมั่นใจกับฝีมือของตัวเองมาก กอปรกับวางแผนร่วมกับทางซยงหนูดีแล้วเขาคงต้องสวมชุดเกราะหนักมารับมือกับการแข่งขันด้านบู๊วันนี้เหมือนกันทว่าการกระทำเช่นนี้ของเหลียงเทียนอี้ต่างจากการรนหาที่ตายอย่างไร?ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลก เหลียงเทียนจื้อหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย...ทั้งที่เขาควรดีใจกับเวลานี้ ถ้าเหลียงเทียนอี้เกิดอุบัติเหตุในการแข่งขันรอบนี้ เช่นนั้นบัลลังก์ต้องเป็นของเขาแน่แล้วแต่ใจกับกระวนกระวาย อย่างไรก็ไม่เป็นสุข“หรือว่าเขาแอบวางแผนอะไร?”ทันใดนั้นเหมิงฉาเริ่มบุกโจมตีก่อนแล้วร่างสูงใหญ่นั้นหวดขวานใหญ่หนักร้อยชั่งพลางเข้าใกล้เหลียงเทียนอี้อย่างต่อเนื่องภายใต้แสงสุริยา คมมีดนั้นน่ากลัวเช่นนี้ ราวกับแค่ถากเถือเบา ๆ ก็เฉือนศีรษ
“ข้าเอง!”ทันใดนั้นเหลียงเทียนอี้ก็ก้าวออกมาช้า ๆโง่อย่างที่คิด...เหลียงเทียนจื้อยืนยิ้มเยาะอยู่ในใจข้างหลังเขารู้นิสัยของพี่ชายดี และรู้ว่าเหลียงเทียนอี้เป็นคนดื้อรั้นมากเมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ก็มักจะดาหน้าออกไปทันทีแม้เผชิญหน้ากับพันขุนศึกหมื่นอาชาก็ยังปราศจากความกลัวเกรง พลีตนจนตัวตาย...แต่พฤติกรรมวู่วามเช่นนี้ กลัวแต่ต้องจบอย่างอนาถในท้ายที่สุด“ฮ่า ๆ ๆ รัชทายาทกล้าหาญดังคาด!” เหมิงฉาหัวเราะเสียงดัง “ปกติยังนึกว่าท่านเป็นแต่สะบัดพู่กันขีดเขียน วันนี้ข้าอยากลองดูสิว่าฝีมือดาบกระบี่ของท่านจะล้ำลึกหรือไม่?”เพิ่งกล่าวจบ เหมิงฉาก็กวัดแกว่งขวานใหญ่พลางเดินประชิดไปทางเหลียงเทียนอี้ทีละก้าวรูปร่างใหญ่นั้น ร่างกายแข็งแรงนั้น แค่ยืนอยู่ก็สร้างแรงกดดันที่มองไม่เห็นแล้วทำให้หลาย ๆ คนเห็นแล้วอดเกิดใจกลัวอย่างหนึ่งขึ้นมาไม่ได้“อุ๊ย ท่านพี่จะเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวนี้ยังไง?”เหลียงจื่อฝูที่อยู่บนปะรำหน้าทุกข์ร้อน สองมือบีบผ้าเช็ดหน้าแน่น สีหน้าซีดไปเล็กน้อยนางจ้องเหลียงเทียนอี้กลางลานฝึกซ้อม“ท่านพี่ไม่มีความสามารถด้านนี้เท่าไร ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหมิงฉา!”ผู้เป็นน้องสาว
เหลียงเทียนอี้ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าราบเรียบ มองอารมณ์ไม่ออกแต่ในใจเขารู้ดี การต่อสู้ครั้งนี้ได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการตั้งแต่เหมิงฉาเริ่มพูดแล้วนี่คือการหยามหน้า คือการหยามเหยียดอย่างชัดเจนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย“เป็นยังไง? องค์ชายสาม?”เหมิงฉาเมินเหลียงเทียนอี้ที่อยู่อีกทางหนึ่ง แล้วใช้สายตาท้าทายมองไปทางเหลียงเทียนจื้อ ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “ได้ยินว่าฝีมือการใช้ดาบกระบี่ขององค์ชายสามค่อนข้างร้ายกาจ วันนี้ข้าขอท้าทายสักหน่อยเถิด”“มิเป็นไร” เหลียงเทียนจื้อฉีกยิ้ม ใบหน้าเปื้อนไปด้วยความกระหยิ่มใจจากนั้นก็ชักกระบี่ล้ำค่าคู่กายออกมาจากตรงเอวช้า ๆการต่อสู้ครั้งนี้ คือของเขาเท่านั้น!และเป็นเขาได้เท่านั้น!เขาต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเขาเหลียงเทียนจื้อต่างหากที่เป็นผู้ชนะในท้ายที่สุดคนนั้น คือคนที่สามารถเอาชนะซยงหนูได้อย่างแท้จริง!......“ดูท่าทุกอย่างจะดำเนินไปตามแผนนะ”เหลียงจ้านอิงดื่มน้ำชาสบายใจเฉิบอยู่บนปะรำมองผลสะท้อนกลับอย่างอบอุ่นของเหล่าผู้ชม จิตใจยิ่งฮึกเหิมตื่นเต้นไม่พูดไม่ได้เลย ถ้อยคำนั้นของเหมิงฉาทำให้เกิดผลดีเยี่ยม สามารถชักจูงอารมณ์ของทุกคนได้ในพริบตาเขาเช
ตกลงไว้แต่แรกว่าเป็นการแข่งขันรูปแบบปิด และไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร นอกจากราชวงศ์จะมิมีผู้ใดล่วงรู้ทว่าตอนนี้กลับแข่งขันในลานกว้างต่อหน้าธารกำนัล?หากท่านพี่แพ้มิต้องเป็นที่หัวเราะไปทั่วหรือ?“นี่ก็คือผลลัพธ์ที่ทางเหลียงชินอ๋องต้องการกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานนั่งลงด้านข้าง ยิ้มพูดอย่างเฉยชา “ในฐานะที่เป็นละครฉายซ้ำของวันนี้ พวกเขาแค่ต้องการให้ทุกคนได้เห็นความประดักประเดิดของเสด็จน้าเท่านั้น”แต่แพ้จากการต่อสู้เช่นนั้นผลลัพธ์ต้องเทข้างแน่โอรสสวรรค์ของต้าเหลียงที่กล่าวขานกลับแพ้ให้กับคนป่าเถื่อน ทั้งความสามารถยังมิสู้องค์ชายสามเหลียงเทียนจื้อขอเพียงมีการพูดประเภทนี้ต่อไป ไม่นานอัตราการสนับสนุนเหลียงเทียนจื้อก็จะพุ่งสูงลูกไม้พรรค์นี้ช่างโหดเหี้ยมนัก“น่ารังเกียจจริง ๆ...” คิ้วงามเหลียงจื่อฝูย่นยู่เล็กน้อย อดกระตุกมุมปากไม่ได้ “ไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้”“เมื่อวานท่านพี่ชนะการแข่งขันด้านบุ๋นกับซยงหนูในท้องพระโรง พวกเขาไม่เห็นจะพูดกันเลย เลวทรามจริง ๆ!”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะอย่างไม่ออกความเห็นเขากลับไม่ใส่ใจว่าเมื่อวานจะชนะหรือแพ้ วันนี้ต่างหากที่เป็นส่วนสำค
สำหรับเหลียงเทียนอี้ การแข่งขันในวันนี้ค่อนข้างน่าตกใจแต่ยังดีที่สุดท้ายเขาสามารถคลี่คลายได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้พวกซยงหนูหน้าบึ้งตึง โจมตีจนพวกเขารับมือไม่ทันดูท่าปกติว่างเว้นจากการงานอ่านหนังสือให้มากจะมีประโยชน์...หลังประชุมเช้า เหลียงเทียนอี้ก็อดรนทนไม่ไหวบอกข่าวดีกับฉินอวิ๋นฟาน อยากแบ่งปันความสุขและความเปรมปรีดิ์ของตนแต่พอได้ยินฉินอวิ๋นฟานตอบกลับ เขาจึงตระหนักว่าเรื่องราวไม่ได้เรียบง่ายธรรมดาอย่างที่เขาคิดอย่างนั้น“การแข่งขันทางบู๊ในวันพรุ่งนี้จึงจะเป็นส่วนสำคัญอย่างแท้จริง”คำพูดราบเรียบประโยคหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานทำให้ความยินดีปรีดาของเหลียงเทียนอี้ในแต่เดิมสูญสิ้น สีหน้าอึมครึมมากขึ้นเรื่อย ๆ“ข้าย่อมรู้ดี...แต่ปกติ คนที่จะชนะในการแข่งขันทางบู๊คงจะเป็นน้องสาม”เกี่ยวกับจุดนี้แทบไม่มีอะไรให้ลุ้นเพราะเหลียงเทียนจื้อร่ำเรียนกับเหลียงจ้านอิงแต่เล็ก อีกทั้งยังเคยเข้าสนามรบฟาดฟันกับศัตรู ด้านประสบการณ์การรบ จึงมีความคล่องมากกว่าเป็นธรรมดาเช่นนี้ หากคิดจะชิงคะแนนหนึ่งมาจากมือของเหลียงเทียนจื้อ คาดว่าต้องยากเป็นพิเศษเมื่อเห็นเหลียงเทียนอี้มีท่าทางปราศจากใจฮึดสู้ ฉินอวิ
“พันทุบหมื่นเจาะจึงได้แผ่นดิน ไฟโหมเผาไหม้เป็นอาจิณ ร่างแหลกกายเหลวมิหวั่น คงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ในโลกา”ฝุ่นหินหนึ่งบททำให้หลิ่วเหวินเซี่ยมั่นใจมากขึ้นไม่น้อยครั้งนี้เขาไม่ออมมืออีก ทั้งยังท่องออกมาจนจบ ไม่เปิดโอกาสใด ๆ ให้กับเหลียงเทียนอี้เช่นเดียวกัน เขาทำนอกเหนือแผนเดิม ไม่คิดสนใจความรู้สึกของเหลียงเทียนจื้ออีก“นี่ นี่มันกลอนอะไร?”เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ด้านหลังเหงื่อตก ในหัวถึงขั้นว่าไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับกลอนบทนี้แน่นอน ด้วยความทึ่มทื่อของเขาจะต่อกลอนได้อย่างไร ได้แต่เกาหลังศีรษะยิก ๆทว่าเหลียงเทียนอี้ยังใจเย็นเหมือนเดิม เพียงครู่เดียวก็ตอบ“หวงคะนึงความทุกข์เข็ญในการสอบ บัดนี้ไฟสงครามสงบผ่านพ้นสี่ปี”“บ้างเมืองไหวเอนดังกิ่งหลิว ใครเล่ามิใช่ผิวน้ำฝนซัดสาด”“หวงข่งทานปราชัยพรั่นพรึงถึงวันนี้ หลิงติงหยางอ้างว้างถอนหายใจ”“นับแต่โบราณใครบ้างมิดับสูญ เหลือใจรักชาติในพงศาวดาร”ครั้นกล่าวออกมาก็ได้รีบเสียงปรบมือดังสนั่นขุนนางบุ๋นบู๊ที่ชมละครฉากเด็ดในแต่เดิม ยามนี้ยอมสยบกับความสามารถทางวรรณกรรมของเหลียงเทียนอี้แล้วไม่ว่าจะเป็นกลอนในสมัยใด เหลียงเทียนอี้ก็เหมือน
ชั่วขณะ ท้องพระโรงเงียบกริบ สายตาของทุกคนรวมศูนย์อยู่กับตัวของเหลียงเทียนอี้แทบทั้งหมดในดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความยินดีหลังจากหลิ่วเหวินเซี่ยร่ายกลอนท่อนแรกออกมา เหลียงเทียนอี้กลับสามารถตอบสนองทันควันพร้อมต่อท่อนหลังความเร็วเช่นนี้เรียกว่าเร็วยิ่ง!“อวิ๋นเฉ่าสาทรฤดูมีเขียวแห่งวสันต์ของกวีราชวงศ์ซ่ง คือยอดบทกวีโดยแท้!”เหลียงเทียนอี้พยักหน้าอย่างสง่างาม ใบหน้าประดับรอยยิ้มมั่นใจงานนี้ทำให้เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ข้างล่างหน้าตึงฉับพลันเหลียงจ้านอิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยิ่งหนักกว่า สายตาที่มองมาราวกับมีไฟพุ่งออกมาได้“บ้าเอ๊ย...ถูกชิงตัดหน้าไปก่อน!”เหลียงเทียนจื้อกัดฟันกรอด ในใจกรุ่นโกรธไม่หยุดทั้งที่เขาทำการบ้านมาล่วงหน้า ไม่ว่าหลิ่วเหวินเซี่ยจะท่องกลอนบทใดเขาก็เตรียมเอาไว้หมดแล้วแต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขากลับเร็วสู้เหลียงเทียนอี้ไม่ได้!และไม่รู้ว่าตัวเองโง่เขลาหรือเหลียงเทียนอี้เก่งจริงกันแน่!“รัชทายาททรงภูมิแท้ ข้าน้อยเลื่อมใส!”หลิ่วเหวินเซี่ยพยักหน้าด้วยสีหน้าคงเดิมทว่าในใจกลับไม่พอใจเล็กน้อยแล้วคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้ผู้นี้จะมีฝีมือ เขาจงใจเลือกบทกวี
การกระทำเช่นนี้คือการแสดงความยโสหยิ่งผยองของซยงหนูอย่างมิต้องสงสัย“เหมิงฉา คารวะรัชทายาท”“หลิ่วเหวินเซี่ย คารวะรัชทายาท”คนอื่น ๆ ก็ทักทายตามด้วยเหมือนกัน เมื่อนั้นเหลียงเทียนอี้จึงรู้ฐานะของพวกเขาดูแล้วหนึ่งคนในนั้นก็คือบุตรชายของเหมิงเก๋อเอ่อร์ หรือก็คือคนที่มาท้าทายเขาในครั้งนี้อย่างที่เหลียงจ้านอิงบอก การมาครั้งนี้ของเหมิงเก๋อเอ่อร์ก็เพื่อหยั่งเชิงเขาโดยอ้างเหตุผลเยี่ยมเยือนฮ่องเต้ต้าเหลียง ดังนั้นเรื่องที่เริ่มสนทนาในท้องพระโรงจึงเกี่ยวกับสุขภาพของฮ่องเต้ต้าเหลียงแทบจะทั้งหมดทว่าทุกคนในที่นั้นต่างรู้ดี จุดประสงค์ของผู้นิยมสุรามิได้อยู่ที่สุรานี่อย่างไร ครั้นเปลี่ยนเรื่อง เหมิงเก๋อเอ่อร์ก็กล่าวถึงการแข่งขันเลย“ได้ยินว่ารัชทายาทและองค์ชายสามเก่งทั้งบุ๋นแล้วบู๊มานาน คืออัจฉริยะของต้าเหลียง การมาเยือนต้าเหลียงครั้งนี้ นอกจากจะเยี่ยมฮ่องเต้ต้าเหลียงสหายเก่าท่านนี้ ก็อยากให้บุตรชายได้ประมือกับรัชทายาทและองค์ชายสักหน่อย”เหมิงเก๋อเอ่อร์สีหน้าขึงขัง ในที่สุดก็เข้าประเด็นชั่วขณะ ทุกคนในท้องพระโรงหัวใจจะหลุดออกมาอยู่แล้ว ต่างสังเกตสีหน้าเหลียงเทียนอี้อย่างแนบเนียนทว่าเ