ยามนี้ ทุกคนต่างเริ่มมองฉินอวิ๋นฟานด้วยแววตาเคารพ ท่าทีเด็ดขาดของเขาเท่ไปเลย! อารมณ์ที่ชาวบ้านเก็บกดมานานนับว่าได้ระบายสักทีทีแรกทุกคนนึกว่าเรื่องจะจบแต่เพียงเท่านี้ หากมีเสียงทรงพลังดังมาจากข้างหลังอีก “น้องเจ็ด เจ้าจะทำเกินไปหน่อยแล้วหรือไม่?!”ทุกคนหันหน้าไปดู เห็นเพียงองค์ชายใหญ่ฉินอวิ๋นคังเดินมาทางฉินอวิ๋นฟานอย่างน่าเกรงขาม!ฉินอวิ๋นฟานไม่แปลกใจกับการปรากฏตัวของฉินอวิ๋นคังสักนิด ไม่ว่าจะเป็นฐานะหรือตำแหน่ง ฉินอวิ๋นคังมีสิทธิ์งัดข้อกับเขาจริง ๆแต่ถึงจะเป็นเช่นนี้มันก็แก้ไขอะไรไม่ได้ เรื่องที่เขาฉินอวิ๋นฟานตัดสินใจจะไม่มีวันเปลี่ยน ! โดยเฉพาะกับปีศาจร้ายเยี่ยงเริ่นซวี่ เขาไม่เคยเมตตาใจอ่อน!อย่าว่าแต่องค์ชายใหญ่เลย ต่อให้เง็กเซียนฮ่องเต้มาเขาก็ยังจะฆ่าไม่ให้พลาดเหมือนเดิม!“พี่ใหญ่ ในฐานะที่ข้าเป็นรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินของต้าเฉียน ข้ามีความรับผิดชอบ มีหน้าที่รักษาความยุติธรรมในกฎหมายของต้าเฉียน”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยใบหน้าเรียบ “สำหรับ ‘เกินไป’ ที่ท่านพูด ข้ากลับไม่คิดอย่างนั้น ทุกสิ่งที่ข้าทำล้วนเป็นไปตามครรลองของกฎหมาย”องค์ชายใหญ่แข็งกร้าวเสมอ กับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟา
“เจ้า เจ้ามันรั้น!”เวลานี้ฉินอวิ๋นคังโกรธจนอยากด่าพ่อล่อแม่แล้ว พอฉินอวิ๋นฟานดื้อแพ่งขึ้นมาจะพาลให้คนปวดเศียรเวียนเกล้าจริง ๆ พูดอะไรก็ไม่สน ดื้อจะตายอยู่แล้ว!เขาเลือดขึ้นหน้าจนเดินวนอยู่กับที่ ก่อนจะตะคอก “แล้วถ้าวันนี้ข้าจะช่วยเขาให้ได้ล่ะ?!”“ท่านช่วยไม่ได้ เง็กเซียนฮ่องเต้มาเริ่นซวี่ก็ยังต้องตาย!”ฉินอวิ๋นฟานท่าทีแข็งกร้าว“น้องเจ็ด เจ้าต้องรู้นะ ในฐานะที่เป็นขุนนางใหญ่ของต้าเฉียน ในสถานการณ์ที่เรื่องราวไม่ได้หนักหนาจนเกินไป ย่อมมีสิทธิ์ในการละเว้นโทษ ต่อให้เจ้ายืนกรานฝ่ายเดียวก็ไม่มีประโยชน์ วันนี้ ไม่ว่ายังไงข้าก็จะรักษาชีวิตของเริ่นซวี่เอาไว้ให้ได้!”ฉินอวิ๋นคังเอ่ยเสียงหนัก“อ้อ? ละเว้นโทษได้?”ฉินอวิ๋นฟานเลิกคิ้ว เหมือนว่ากฎหมายต้าเฉียนจะมีเรื่องนี้อยู่จริง ๆ เพื่อให้โอกาสขุนนางผู้สร้างคุณงามความดีพวกนั้นได้มีโอกาสกลับใจ ตระหนักความผิดเสียใจกับความเลอะเลือนทันกาลเขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง ในช่วงความเป็นความตายนี้ พี่ใหญ่กับยกข้อกำหนดนี้ออกมาห้ามไม่ให้เขาฆ่าเริ่นซวี่แต่ถ้าวันนี้เริ่นซวี่ไม่ตาย เช่นนั้นทุกอย่างที่เขาทำในวันนี้จะมีความหมายอะไร? จะอธิบายกับคนที่ตายไปยั
ดวงไฟแห่งความหวังที่เพิ่งจะผุดขึ้นมาดวงริบหรี่ดับมอดไปอีกครั้ง!“ยังจะมีใครได้อีก? ก็เขาไง!”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่ ชี้เริ่นซวี่พลางพูดในตอนที่ฉินอวิ๋นคังมองไปทางเริ่นซวี่ เขาแทบอยากตบปากตัวเองหลาย ๆ ครั้งให้หนัก เรื่องที่เพิ่งออกจากปากตัวเองไป หรือว่าจะกลับคำ?ถ้าเริ่นซวี่พูดจาหมิ่นเบื้องสูงจริง วันนี้เขาต้องตายแน่ ต่อให้ไท่ซั่งหวงมาก็จะไม่ละเว้นเขา!“จบกัน! สิ้นสุดแล้ว!”ความหวังของเริ่นจื้อคุนแห้งขอด ไม่ว่าเขาจะใช้ผลงานยิ่งใหญ่เพียงไรไปแลกก็เกรงว่าจะช่วยไม่ได้ คำพูดล่วงเกินเบื้องสูงของหลานชายคือการท้าทายอำนาจของทั้งราชวงศ์ ไม่มีใครกล้าปกป้องเขาง่าย ๆ!“จะ เจ้าพูดเช่นนี้จริงรึ?!”องค์ชายใหญ่มองไปทางเริ่นซวี่ ถามแบบคิดไม่ถึง“ท่านพี่ ก็ข้าไม่รู้นี่ว่าเขาก็คือรัชทายาท ตอนนั้นเขาจะขวางให้ได้ ข้าโมโหมาก มันอดไม่ได้จริง ๆ ก็เลยหลุดปากไป ข้าไม่ได้ตั้งใจนะ!”เริ่นซวี่น้ำตาไหลพรากเอ่ย “ถ้าข้ารู้ว่าตัวตนของเขาคือรัชทายาท ถึงท่านจะให้ข้ายืมความกล้าสักหนึ่งร้อย ข้าก็ไม่กล้าพูดอย่างนี้หรอก ข้าถูกปรักปรำจริง ๆ ท่านพี่ ขอร้องละ ช่วยข้าด้วย ช่วยข้า ข้ายังเด็ก ข้ายังไม่อยากตายจริง ๆ!”จ้องหน
ฉินอวิ๋นฟานฉินอวิ๋นฟานถูกฉินอวิ๋นฟานแกล้งต่อหน้าสาธารณชน องค์ชายใหญ่โมโหพลุ่งพล่าน เขาเอ่ยเสียงเย็นเยียบ “ฉินอวิ๋นฟาน เจ้าไม่เคยคิดจะปล่อยเริ่นซวี่ไปใช่ไหม?!”“อ้อ? พี่ใหญ่ ในที่สุดท่านก็เข้าใจแล้วนะ? เข้าใจตอนนี้ยังไม่สาย!”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยความหมายลึกซึ้ง ใบหน้าเต็มไปด้วยสีสันเย้ยหยัน เรื่องที่เขาฉินอวิ๋นฟานตัดสินใจแล้วจะต้องทำให้ได้ ไม่บรรลุเป้าหมายจะไม่หยุด! หนำซ้ำพฤติกรรมของเริ่นซวี่ก็ชั่วช้ามิอาจให้อภัยปล่อยเขา? เป็นไปไม่ได้!“เจ้ามันแน่ เจ้ามันแน่มาก!”ฉินอวิ๋นคังข่มไฟโกรธในใจอย่างหนัก คำรามเสียงต่ำ “ข้าละไม่เข้าใจจริง ๆ นี่มันเพราะอะไรกันแน่? ทำไมเจ้าต้องหาเรื่องเริ่นซวี่ให้ได้? จะปล่อย ๆ เขาไปมันยากขนาดนั้นเลยหรือ?!”ถูกองค์ชายใหญ่ถามเสียงเข้ม ฉินอวิ๋นฟานจึงไม่แกล้งทำอีก พูดด้วยน้ำเสียงที่คนต้องตะลึง “อยากรู้ว่าเพราะอะไร? ได้! วันนี้ข้าจะบอกท่านต่อหน้าทุกคนว่าเพราะอะไร!”“นับจากวินาทีที่เริ่นซวี่พูดกับเย่ซื่อกวานว่า ‘ความพยายามสามชั่วอายุคนของตระกูลเริ่นข้า ทำไมต้องแพ้ให้กับการตรากตรำศึกษาสิบปีของเจ้าด้วย’ เขาก็ถูกข้าตัดสินประหารชีวิตแล้ว! ไม่มีใครมีสิทธิ์ใช้สิ่งที่
เมื่อพูดออกมา หนังตาองค์ชายใหญ่กระตุกรัว ๆ ให้เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง ฉินอวิ๋นฟานจะบ้าบิ่นถึงขั้นนี้ เพื่อฆ่าคนตระกูลเริ่นคนหนึ่ง เขาถึงกับทำได้ทุกอย่าง ไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมาเลยหรือ?“พี่ใหญ่ การแสดงออกของท่านในวันนี้คือความไม่เหมาะสม”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะพูดเย้ย “ท่านรู้นิสัยของข้าดี ไม่ว่าวันนี้ท่านจะทำอะไรก็คุ้มกะลาหัวของเริ่นซวี่ไม่ได้ ข้าของเตือนท่าน ทางที่ดีรีบกลับไปรับการลงโทษเสียแต่ตอนนี้ ขืนยังดึงดันต่อไปจะมีแต่ทำให้ท่านอนาถมากขึ้น!”ยามนี้ ฉินอวิ๋นคังที่กำลังโมโหเลือดขึ้นหน้าไม่ตระหนักความหมายในคำพูดของฉินอวิ๋นฟาน ภายใต้สถานการณ์ตรงหน้า ไม่ว่าจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนก็แพ้ต่อฉินอวิ๋นฟานราบคาบเทียบกับการขายขี้หน้าอยู่ตรงนี้ มิสู้รีบไปอย่างยับเยินดีกว่า แต่ก่อนจะจากไปเขามองด้วยสายตาดุร้ายและทิ้งคำหนัก “ฉินอวิ๋นฟาน เจ้ารอดูเถอะ ข้าไม่จบกับเจ้าแน่!”ฉินอวิ๋นฟานเบะปาก ทำหน้าไม่ยี่หระ คำพูดข่มคนเช่นนี้ของฉินอวิ๋นคัง เขาฟังมาครั้งแรกเสียเมื่อไร แล้วผลเป็นอย่างไร? เขาก็ยังสุขีสโมสรเหมือนเดิมมิใช่หรือ?แน่จริงก็เอาเลยสิ! เขาฉินอวิ๋นฟานจะรับคำท้าทั้งหมด!“เริ่นเจี้ยน ลงทัณฑ์!”
“ตบปาก!”ท่ามกลางบรรยากาศอึดอัด จู่ ๆ ก็มีเสียงทุ้มหนักและเต็มไปด้วยความน่าเกรงขามสายหนึ่งดังขึ้น ท่านผู้เฒ่าตระกูลเริ่นสายตาคมกริบดั่งอินทรี จ้องฉินอวิ๋นคังแบบบ่อน้ำโบราณไร้คลื่น แล้วพูดขึ้นกะทันหันคำสั่งที่มาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยทำให้ทุกคนในที่นั้นหนังตากระตุกรัว ๆ ใบหน้าคือความตื่นตระหนก ฉินอวิ๋นคังคือองค์ชายใหญ่นะ กลับต่ำต้อยเช่นนี้เลยหรือ?ผู้ที่ตอบสนองก่อนเป็นคนแรกคือเริ่นซีหยวนมารดาขององค์ชายใหญ่ นางพูดด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “ท่านพ่อ นี่ นี่จะไม่ดีกระมัง?”“เจ้าถอยไป!”ท่านผู้เฒ่าตระกูลเริ่นไม่เปิดโอกาสใด ๆ ให้บุตรสาวขอร้อง ตวาดให้ถอยออกไปทันที สายตาไม่มีคลื่น พลังแข็งกร้าว ทำให้ทุกคนในที่นั้นล้วนสูดลมเย็นท่านผู้เฒ่าไม่โกรธเช่นนี้มานานมากแล้ว วันนี้เกิดอะไรขึ้น?แม้แต่ฮั่วเจิ้นหลงผู้มีฐานะสูงส่ง ยามนี้ก็ยังไม่กล้าขัดสักนิด ท่าทีเคารพนบนอบ เขาเคยติดตามท่านผู้เฒ่าเริ่นยี่สิบกว่าปี รู้นิสัยของอีกฝ่ายชัดเจน เรื่องที่เขาตัดสินใจแล้วจะไม่อนุญาตให้สงสัย!ฉินอวิ๋นคังในเวลานี้สับสนไปหมดแล้ว เขาถามด้วยใบหน้าฉงน “ท่านตา นี่มันเพราะอะไร? ข้าออกหน้าแทนตระกูลเริ่นชัด ๆ แล้วข้าก็พยายาม
เริ่นจื้อเย่ามองไปทางฮั่วเจิ้นหลงและเอ่ยเสียงหนัก “ฮั่วหลง คังเอ๋อร์คือคนที่บ่มเพาะเพื่อเป็นผู้สืบทอดต้าเฉียน เช่นนี้ต่อไปจะได้อย่างไร? พวกเรามีเวลาไม่มากแล้ว ถ้าการต่อสู้ล้มเหลง พื้นที่ในการเอาตัวรอดของเราก็จะยิ่งลำบากมากขึ้น เจ้าต้องให้ความสำคัญแล้วนะ”ถูกท่านผู้เฒ่าเริ่นตักเตือน ฮั่วเจิ้นหลงสีหน้าตึงเครียด แสดงท่าทีทันที “ฮั่วหลงเข้าใจขอรับ ฮั่วหลงต้องเห็นเป็นสำคัญแน่นอน จะอบรมอย่างดี”“เรื่องนี้ก็พอเท่านี้เถอะ ต่อไปต้องเน้นความสุขุม จะบุ่มบ่ามไม่ได้!”เริ่นจื้อเย่าโบกมือแล้วจึงออกไป ทิ้งทุกคนที่ยังขวัญหาย พอท่านผู้เฒ่าระเบิดโทสะขึ้นมาน่ากลัวเหลือเกิน ตั้งแต่ต้นจนจบ ถึงฉินอวิ๋นคังจะมีศักดิ์สูงส่งเป็นองค์ชายใหญ่ก็ไม่กล้าเถียงในตำหนักเหยียนเหนียน ไท่ซั่งหวงกำลังนอนอยู่บนเก้าอี้ฟังการบรรเลงเพลงของนางกำนัลอย่างผ่อนคลาย เฉาเจิ้งฉุนส่ายหน้าไม่อยากรบกวน แต่สถานการณ์พิเศษ เขาจึงได้แต่ส่งสัญญาณให้นางกำนัลออกไป“เฮ้อ! ไท่ซั่งหวง รัชทายาทเพิ่งไปได้ครึ่งวันก็เกือบทำฟ้าต้าเฉียนถล่มแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”เฉาเจิ้งฉุนถอนหายใจเอ่ย“หือ? มีเรื่องอะไร?”ไท่ซั่งหวงขมวดคิ้ว ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน ขอเพียงเป
“พ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ตระกูลใหญ่สามารถควบคุมผู้ที่จะขึ้นเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ได้ สำหรับราชวงศ์ ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปจะเป็นสัญญาณอันตรายจริง ๆ”เฉาเจิ้งฉุนพยักหน้าพูด “รัชทายาทไม่เพียงแต่มีสติปัญญาล้ำเลิศเหนือคน ยังกล้าหาญมากแผนการ นอกจากนั้นยังกล้าต่อต้านทานอำนาจตระกูลใหญ่ ไม่เกรงกลัวมหาอำนาจ ถ้าเขาสามารถเปิดศักราชใหม่ของต้าเฉียนได้จริง บางทีอนาคตของต้าเฉียนอาจจะรุ่งโรจน์นะพ่ะย่ะค่ะ”เขาติดตามฮ่องเต้สองสมัยสี่สิบกว่าปี เรียกได้ว่ารอบรู้สภาพการณ์โดยรวมของทั้งต้าเฉียน ตามการพัฒนาของยุคสมัย ตระกูลใหญ่ต่าง ๆ มีผลกระทบต่อราชวงศ์ต้าเฉียนมากขึ้นทุกขณะการจะออกกฤษฎีกาหลาย ๆ ฉบับจำต้องคำนึงถึงผลประโยชน์พื้นฐานของตระกูลใหญ่ทั้งหลาย ตำแหน่งสำคัญต่าง ๆ ที่กุมอำนาจจริงของต้าเฉียน เพื่อให้ได้เข้าร่วมแล้วตระกูลใหญ่ต่างแย่งชิงกันอย่างบ้าคลั่ง แบ่งฝักฝ่ายรุนแรงมากขึ้นทุกทีในตอนที่อดีตฮ่องเต้ชิงบัลลังก์ก็ได้รับความช่วยเหลือสนับสนุนจากตระกูลใหญ่มากมาย แม้ยี่สิบกว่าปีมานี้ทรงอยากบั่นทอนกำลังพวกเขาให้ลดลงบ้าง แต่สุดท้ายกลับพบว่าอีกฝ่ายหยั่งรากฝังลึกกับแคว้นนี้นานแล้ว มีลูกศิษย์และอดีตผู้ใต้บังคับบัญชากระจายทั่