คำอธิบายของอู่จ้านทำให้ทุกคนในที่นั้นต้องสูดลมเย็นเข้าปอดเฮือกหนึ่ง นิ่งงันไปเลย ตระกูลเริ่นไม่เพียงแต่เป็นตระกูลเก่าแก่ตระกูลหนึ่ง ทั้งยังมีราชวงศ์อยู่เบื้องหลัง องค์ชายใหญ่มีฐานะโดดเด่นในราชสำนัก ใครจะกล้าล่วงเกินตระกูลเริ่น?!แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานก็ยิ่งมีความรู้สึกหายใจไม่ออก นี่ก็คือความกดดันจากอำนาจเด็ดขาดหรือ? มีอำนาจเด็ดขาดก็สามารถทำตามอำเภอใจได้หรือ?เย่ซื่อกวานแค่อยากใช้ฝีมือที่ดีกว่ารังสรรค์ชีวิตที่สวยงามในอนาคตเท่านั้น ทำไมมันยากอย่างนี้ล่ะ?มีคนอยู่ข้างหลังก็เก่งมาแล้วหรือ? มีคนอยู่ข้างหลังก็อยู่เหนือกฎหมายแล้ว? มีคนอยู่ข้างหลังก็ย่ำยีศักดิ์ศรีและชีวิตของผู้อื่นได้?!“เริ่นซวี่ เจ้ารังแกคนมากเกินไปแล้วนะ รังแกคนมากเกินไปแล้ว!”ด้านล่าง เย่ซื่อกวานที่ถูกซ้อมร้อนรนผลักชายฉกรรจ์ทั้งสี่ออกรุนแรง เขาแผดเสียงตวาดอย่างบ้าคลั่งฉินอวิ๋นฟานจ้องร่างบึกของเย่ซื่อกวาน ผิวดำเกรียม ถ้าออกแรงเต็มที่ น่ากลัวว่าคนพวกนี้คงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่ซื่อกวาน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าอำนาจเด็ดขาด เขากลับไม่กล้าต่อต้านแม้แต่น้อย นอกจากจะโกรธแค้นอย่างไร้สามารถ ก็คือทำอะไรไม่ได้เลย“รังแกคนมา
“ลองว่ามาดูสิ เจ้าคิดจะลองยังไง?”ก็ขณะที่เย่ซื่อกวานใบหน้าหมดหวัง จู่ ๆ ก็มีเสียงทุ้มต่ำน่าเกรงขามโดยที่ไม่โกรธดังขึ้นมาจากด้านนอกของฝูงชน เมื่อทุกคนหันไปมอง เห็นเพียงชายหนุ่มสุภาพ รูปร่างสูงโปร่ง สองมือไพล่หลัง สาวเท้ายาวออกมาจากภัตตาคารต้าเฉียนการปรากฏตัวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ทุกคนต่างแสดงสีหน้าประหลาดใจ ชั่วขณะ กลับไม่มีใครจำฉินอวิ๋นฟานได้ เห็นฉินอวิ๋นฟานแส่หาเรื่อง ทุกคนต่างทอดสายตาเสียดายทั้งหมดเริ่นซวี่เลิกคิ้วเล็กน้อย หันไปมองทางฉินอวิ๋นฟาน ก่อนจะพูดขึ้นแบบดูถูก “เจ้ามารดามันเป็นใครก็กล้ายุ่งเรื่องบิดาของเจ้า? เบื่อโลกแล้วใช่ไหม?!”“บิดาข้า? เจ้าแน่ใจหรือว่าจะพูดกับข้าอย่างนี้?”ฉินอวิ๋นฟานน้ำเสียงเย็นเฉียบ“ทำไม? เจ้ามารดามันสามเศียรหกกรรึ?!”เริ่นซวี่เห็นฉินอวิ๋นฟานกวนส้นเท้าอย่างนี้ พูดจายังจะกำแหงกว่าเขาอีก จึงมีน้ำโหทันที พูดด้วยใบหน้าหงุดหงิด “ว่าเจ้าแล้วจะทำไม? ไม่ยอม? ไม่รู้ว่าพ่อข้าคือใครละสิ? กลัวแต่ข้าพูดออกไปแล้วเจ้าจะฉี่ราด!”“หึ สามหาว! ตบปาก!”ฉินอวิ๋นฟานแค่เสียง อู่จ้านลงมือเร็วรี่ ก้าวเท้าพรวดไปเหมือนลูกศร ตบหน้าเริ่นซวี่แรง ๆ ฉาดหนึ่ง ทำเอาเริ่นซวี่หน้
เสิ่นวั่นซานทำการค้ามานานหลายปีอย่างนั้น รู้ดีว่ารัชทายาทคงจะปลอมเป็นหมูเพื่อกินเสือ เขาต้องการให้เย่ซื่อกวานระบายอารมณ์ที่อัดอั้นมานานเริ่นซวี่คงมีคนหนุนหลังที่น่ากลัว แต่อย่างไรฉินอวิ๋นฟานก็เป็นรัชทายาทของต้าเฉียน แค่ฐานะก็พอกดให้เริ่นซวี่หายใจไม่ออกแล้ว ฐานะระหว่างพวกเขาคนละระดับชั้นโดยสิ้นเชิงเวลานี้เริ่นซวี่กำแหงแค่ไหน ประเดี๋ยวต้องอนาถเท่านั้น!“เชี่ย! เจ้าบัดซบนี่เป็นใคร? เห็นคนของข้าเป็นโคลนกระดาษรึ?! พวกเจ้าสามคนจัดการมัน! ข้าก็อยากดูสิว่ามันจะทำอะไรได้!”เริ่นซวี่หัวฟัดหัวเหวี่ยงจนปากเบี้ยว ชี้ฉินอวิ๋นฟานด่าคำรบหนึ่ง สั่งให้ลูกน้องลงมือทันที “ซ้อมมัน ซ้อมมันให้ตาย! ตายแล้วคิดกับข้า! ข้าก็อยากดูสิว่าตัวบัดซบนี่จะโอหังไปถึงเมื่อไร!”“ขอรับ!”ลูกสมุนทั้งสามของเริ่นซวี่ได้รับคำสั่งก็หวดหมัดไปทางเย่ซื่อกวานทันที เย่ซื่อกวานเห็นดังนั้นพลันแตกตื่น ไม่รู้ว่าตัวเองควรโต้ตอบดีหรือไม่ถ้าโต้ตอบ เขาย่อมสู้ได้ เพียงแต่สิ่งที่ต้องจ่ายราคาสูงนัก ทันทีที่ลงมือ เกรงว่าจะไม่มีทางให้หันหลังกลับแล้ว!ผลัวะ!!!ในตอนที่เย่ซื่อกวานลังเลอยู่นั้น หมัดของชายฉกรรจ์ทั้งสามตกอยู่บนตัวเขาแรง ๆ
“เฮ้ย! นี่มันอะไรกันเนี่ย?!”การปะทุกะทันหันของเย่ซื่อกวานทำเอาเริ่นซวี่ตกใจตัวกระตุก พลับนิ่งที่รังแกมานานอย่างนั้น กลับเป็นสัตว์ร้ายเหี้ยมเกรียมตัวหนึ่ง? นี่ทำเอาเขาตกใจขวัญเตลิด“เฮ้ย! นี่มันจะน่ากลัวไปแล้ว!”ลูกสมุนอีกคนตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ รีบสับขาวิ่ง พุ่งปรู๊ดเข้าไปในฝูงชน แต่น่าเสียดายที่เขาประเมินความเร็วของเย่ซื่อกวานต่ำเกินไป เห็นเพียงเย่ซื่อกวานเร็วยิ่งกว่า แวบเดียวก็คว้าคนที่จะหนีไปได้แล้ว!เย่ซื่อกวานไม่มีการเคลื่อนไหวใดที่ชักช้า โยนชายฉกรรจ์ผู้นั้นลงกับพื้น หนึ่งเท้าเหยียบบนหน้าอกของเขา หน้าอกของชายผู้นั้นยุบตัวลงไปทันที ชีวิตสิ้นสูญ!เย่ซื่อกวานในยามนี้กลายเป็นปีศาจคลุ้มคลั่งสังหารคนโดยสิ้นเชิงแล้ว ดวงตาแดงโลหิตจับจ้องอยู่ที่ตัวเริ่นซวี่ในเสี้ยววินาที!“ไอ้หยา! แม่จ๋า!”เริ่นซวี่รูม่านตาหดเล็ก ตกใจกับอายพิฆาตของเย่ซื่อกวานจนสองขาอ่อนยวบ ความโอหังเมื่อก่อนหน้านี้หายไปสิ้น แทนที่ด้วยความขวัญผวา“เถ้า เถ้าแก่เย่ ข้าผิดไปแล้ว ขอร้องละ เจ้าปล่อยข้าไปเถอะ ข้าจะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจอีกแล้ว พวกเราคืนดีกันนะ!”เริ่นซวี่รีบขอร้องให้ละเว้น ด้วยฝีไม้ลายมือที่เย่ซื่อกวานเพิ่งแส
อู่จ้านเสือกเท้าออกมาบังอยู่หน้าฉินอวิ๋นฟาน ตวาดว่า “เริ่นเจี้ยน ทางที่ดีท่านก็เบิกตาสุนัขของท่านดูให้ชัด ๆ คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าท่านคือใครกันแน่!”ก็ขณะที่ทุกคนกำลังซุบซิบกันไม่รู้ว่าอะไรคืออะไรอยู่ เริ่นเจี้ยนนัยน์ตาหดเล็กฉับพลัน ความหนาวสายหนึ่งแล่นขึ้นมาจากเท้าถึงสมอง เป็นตอนนี้เอง เขาเพิ่งมองดวงหน้าและฐานะของฉินอวิ๋นฟานชัดเจน“ทะ ทะ ท่านคือรัช รัชทายาท?!”ตอนนี้ เริ่นเจี้ยนไหนเลยจะสนใจอะไรได้ ตกใจจนวิญญาณจะหลุดออกจากร่าง คุกเข่าลงตุบต่อหน้าฉินอวิ๋นฟาน องครักษ์คนอื่น ๆ เห็นดังนั้นก็ตกใจจนหน้าซีดคุกเข่าลงทันทีเหมือนกัน!“ฮะ? มะ มันก็คือรัชทายาทในรัชกาลปัจจุบันฉินอวิ๋นฟาน? อัจฉริยะด้านวรรณกรรมคนนั้น?!”“สวรรค์! คิดไม่ถึงว่าข้าจะมีโอกาสได้ยลโฉมรัชทายาทสักครั้ง รูปงามแท้ องอาจเหลือเกิน!”“เคยได้ยินมานานแล้วว่ารัชทายาทเปี่ยมด้วยคุณธรรม เป็นรัชทายาทที่ทำเพื่อบ้านเมืองเพื่อประชาชน วันนี้ได้พบ สมชื่อจริง ๆ!”......ทันทีที่ทุกคนรู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าก็คือรัชทายาทในรัชกาลปัจจุบัน ล้วนไชโยกระโดดโลดเต้นด้วยความยินดีทั้งหมดทั้งสิ้น แสงจากโคมไฟในเทศกาลโคมไฟมืดสลัว หลาย ๆ คนมองดวงหน้าสูงศัก
เย่ซื่อกวานใช้เวลาครึ่งก้านธูปเต็ม ๆ เล่าความเป็นมาในสองปีนี้ที่ถูกเริ่นซวี่รังแกลบหลู่ แสดงความน้อยใจและความปวดใจทั้งหมดออกมาต่อหน้าทุกคนผู้คนมากมายในที่นั่นส่วนมากแล้วคือชาวบ้าน พวกเขารู้ความจนใจและคับแค้นใจที่ถูกผู้มีบารมีสูงศักดิ์กดขี่ข่มเหงแบบนั้นดี คนไม่น้อยในจำนวนนั้นเริ่มร้องไห้กระซิกตาม“เชี่ย! เจ้ามันบัดซบ!”แม้เริ่นเจี้ยนจะเป็นพี่ชายของเริ่นซวี่ก็รับไม่ได้แล้วเหมือนกัน โบกฝ่ามือใส่หน้าเริ่นซวี่ เคียดแค้นอย่างหาที่เปรียบมิได้กับพฤติกรรมเกินเลยของเริ่นซวี่ ให้เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง น้องชายคนนี้กลับเลวระยำถึงเพียงนี้?!ไม่แค่ทำลายโรงงานกระเบื้องของเย่ซื่อกวานประจำ ยังซ้อมพวกพี่น้องของเย่ซื่อกวานจนลุกจากเตียงไม่ได้? นี่ยังแล้วไป เขายังขืนใจภรรยาของเย่ซื่อกวานต่อหน้าพี่น้องของเขา? สุดท้ายบีบให้พวกเขาทั้งครอบครัวจบชีวิตตัวเองด้วยความแค้น!แม่เอ๊ยเยี่ยงปีศาจร้าย!“ท่านพี่ ข้าผิดไปแล้ว ข้าสำนึกผิดแล้วจริง ๆ ขอร้องละ ท่านให้โอกาสข้าอีกสักครั้งนะ ข้าไม่กล้าอีกแล้ว!”ยามนี้เริ่นซวี่ตระหนักถึงภัยมหันต์ในที่สุด มีฉินอวิ๋นฟานรัชทายาทผู้นี้อยู่ วันนี้น่ากลัวว่าต้องทำงานตามหน้าที่
“นั่นสิ เมื่อกี้เริ่นซวี่พาคนมารุมซ้อมเย่ซื่อกวานต่าง ๆ นานา แถมยังข่มขู่ซะ ทุกคนเห็นกันหมด รัชทายาทก็เห็นด้วย จะว่าเป็นการฟังความข้างเดียวได้ยังไง?”“ข้าก็ยินดีเป็นพยานให้เขา จะไม่ให้คนเลวระยำพรรค์นี้ทำความชั่วอีก!”......ฉินอวิ๋นฟานเหยียดยิ้ม มองภาพนี้อย่างเย็นชา เริ่นเจี้ยนก็จะถ่วงเวลานั่นแหละ แล้วผลักเรื่องนี้ไปให้ตระกูลเริ่นที่อยู่เบื้องหลัง ใช้เรื่องนี้กดเขา สุดท้ายก็บรรลุเป้าหมายให้ตัวเองรอดพ้นไปได้แต่ในตอนที่ฉินอวิ๋นฟานตัดสินคดีก็ไม่คิดให้เขากันตัวเองออกจากเรื่องนี้แล้ว ในฐานะที่เป็นผู้ว่าการเมือง คงทำเรื่องประเภทนี้มาไม่น้อย ปล่อยเขาไปไม่เท่ากับให้เขาเป็นเสืออาละวาด? ทำความชั่วต่อ?“พวกเขาพูดถูก ไม่ใช่แค่ข้าผู้เป็นรัชทายาทจะเป็นพยานได้ ทุกคนที่อยู่ข้างหลังข้าก็เป็นพยานได้เหมือนกัน!”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยปากเรียบ“เอ่อ นี่...”เริ่นเจี้ยนเผยสีหน้าปั้นยาก เพื่อไม่ให้ฉินอวิ๋นฟานผิดหวังจึงหัวเราะแก้เก้อ “รัชทายาท ท่านคิดว่าควรตัดสินอย่างไรขอรับ? ข้าน้อยจะปฏิบัติตามท่านทั้งหมด!”“อ้อ? ข้าคิดว่าควรตัดสินยังไง?”ฉินอวิ๋นฟานหน้าตึง “ถ้าทุกอย่างทำตามความคิดของข้าหมด เช่นนั้นยังต้
“ฮะ? จะ จะฆ่าข้าจริงหรือ?!!”เริ่นซวี่ลนลานแล้ว เขาล้มลุกคลุกคลานไปถึงข้างตัวเริ่นเจี้ยน กอดต้นขาเริ่นเจี้ยนแล้ววิงวอนสุดชีวิต “ท่านพี่ ข้าสำนึกผิดแล้วจริง ๆ ขอร้องท่านละ อย่าฆ่าข้าเลยนะ ให้ข้าทำอะไรก็ได้ ได้ทั้งนั้น...”เริ่นเจี้ยนใบหน้าพะอืดพะอม ถ้าเขาลงมือฆ่าเริ่นซวี่ด้วยตัวเอง ต่อไปเขาก็อยู่ในตระกูลเริ่นไม่ได้แล้ว แม้จะเป็นตระกูลสาขาของตระกูลเริ่นเหมือนกัน หากฐานะของครอบครัวเขาคนละชั้นกับเริ่นซวี่โดยสิ้นเชิง!นี่จะทำอย่างไรดี?!“เจ้าเนี่ยนะ เจ้าไม่ควรมาขอร้องข้า ควรขอร้องรัชทายาท...”เริ่นเจี้ยนส่ายหน้าพูดอย่างจนปัญญาเริ่นซวี่ปรี่มาหาฉินอวิ๋นฟานราวกับคว้าฟางเส้นสุดท้าย ใบหน้าตื่นตระหนก น้ำตาไหลพรากขอร้องไม่หยุด “รัชทายาท เป็นข้าน้อยที่มีตาหามีแววไม่ เป็นข้าน้อยที่ไม่ควรล่วงเกินท่าน ขอร้องละ ให้ทางรอดแก่ข้าน้อยเถอะ?”“ข้าน้อยต้องทำคุณทดแทนเรื่องที่ผ่านมาแน่นอน จะไม่รังแกพวกเย่ซื่อกวานอีก ท่านต้องการอะไรข้าน้อยจะรับปากทั้งหมด ขอแค่ไว้ชีวิตข้าน้อย ให้ข้าน้อยเป็นวัวเป็นม้าจะไม่ปฏิเสธแม้แต่คำเดียว!”เมื่อธารกำนัลเห็นภาพนี้ ใบหน้าบริสุทธิ์เปลี่ยนเป็นปั้นยากขึ้นมา การที่ขุนนางปกป
ในที่สุดเหมิงฉาก็รับไม่ไหว ร้องตะโกนคำที่แทบจะเป็นความอัปยศนั้นการแข่งขันทางบู๊นี้ก็ปิดฉากลงท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของทุกคน...เรื่องหักเหจากการคาดหมายของทุกคนเหลียงจ้านอิงและเหลียงเทียนจื้อต่างคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้จะล้วงปืนสั้นออกมาพลิกสถานการณ์ในการแข่งขันด้านบู๊นี้กระทั่งว่าเหลียงเทียนจื้อไม่มีโอกาสจะได้ออกโรงเลย...เช่นละครอย่างไรอย่างนั้น เนื่องจากเหมิงฉากลัวสุดขีดจึงยกมือยอมแพ้ดังนั้นเหลียงเทียนอี้จึงคว้าชัยชนะการแข่งขันรอบนี้ได้อย่างง่ายดายโดยไม่เปลืองแรงภาพมหัศจรรย์เกิดให้แบบไม่มีการเปลี่ยนแปลงลุ้นระทึกและไม่มีเลือดร้อนพลุ่งพล่านที่ใครคาดหวัง!ถึงขั้นว่าลวงตามากแต่ผลลัพธ์เป็นของจริงแท้แน่นอน เหลียงเทียนอี้ชนะแล้ว......“ดูท่าครั้งนี้ฟานเอ๋อร์จะช่วยข้าได้มากอีกแล้ว”เหลียงเทียนอี้กลับมาถึงด้านในก็คืนปืนสั้นให้ฉินอวิ๋นฟานและพรูลมหนัก ๆ“เหอะ ๆ เสด็จน้าชมเกินไปแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของท่านทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับข้าสักหน่อย”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่ มิได้กล่าวอะไรอีกถ้าจะบอกว่าเขาทำอะไรเพื่อเหลียงเทียนอี้ นั่นก็แค่บอกเขาว่าความจริงการแข่งขันนี้สามาร
การกระทำของเหลียงเทียนอี้ทำให้ทุกคนในนั้นตกตะลึงแม้แต่เหลียงจ้านอิงที่อยู่บนปะรำก็ยังหยุดการดื่มน้ำชาไม่ได้ มองไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ“เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?”เหลียงเทียนจื้อมองเหลียงเทียนอี้ที่ปราศจากเครื่องป้องกันใด ๆ ด้านข้าง ใบหน้าแปลกใจนี่คือการแข่งขันบู๊นะ คือสถานที่ตีรันฟันแทง ถ้าไม่ระวังอาจต้องคมศาสตราได้จริง ๆ ศีรษะย้ายที่อยู่ หากไม่ใช่เพราะมั่นใจกับฝีมือของตัวเองมาก กอปรกับวางแผนร่วมกับทางซยงหนูดีแล้วเขาคงต้องสวมชุดเกราะหนักมารับมือกับการแข่งขันด้านบู๊วันนี้เหมือนกันทว่าการกระทำเช่นนี้ของเหลียงเทียนอี้ต่างจากการรนหาที่ตายอย่างไร?ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลก เหลียงเทียนจื้อหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย...ทั้งที่เขาควรดีใจกับเวลานี้ ถ้าเหลียงเทียนอี้เกิดอุบัติเหตุในการแข่งขันรอบนี้ เช่นนั้นบัลลังก์ต้องเป็นของเขาแน่แล้วแต่ใจกับกระวนกระวาย อย่างไรก็ไม่เป็นสุข“หรือว่าเขาแอบวางแผนอะไร?”ทันใดนั้นเหมิงฉาเริ่มบุกโจมตีก่อนแล้วร่างสูงใหญ่นั้นหวดขวานใหญ่หนักร้อยชั่งพลางเข้าใกล้เหลียงเทียนอี้อย่างต่อเนื่องภายใต้แสงสุริยา คมมีดนั้นน่ากลัวเช่นนี้ ราวกับแค่ถากเถือเบา ๆ ก็เฉือนศีรษ
“ข้าเอง!”ทันใดนั้นเหลียงเทียนอี้ก็ก้าวออกมาช้า ๆโง่อย่างที่คิด...เหลียงเทียนจื้อยืนยิ้มเยาะอยู่ในใจข้างหลังเขารู้นิสัยของพี่ชายดี และรู้ว่าเหลียงเทียนอี้เป็นคนดื้อรั้นมากเมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ก็มักจะดาหน้าออกไปทันทีแม้เผชิญหน้ากับพันขุนศึกหมื่นอาชาก็ยังปราศจากความกลัวเกรง พลีตนจนตัวตาย...แต่พฤติกรรมวู่วามเช่นนี้ กลัวแต่ต้องจบอย่างอนาถในท้ายที่สุด“ฮ่า ๆ ๆ รัชทายาทกล้าหาญดังคาด!” เหมิงฉาหัวเราะเสียงดัง “ปกติยังนึกว่าท่านเป็นแต่สะบัดพู่กันขีดเขียน วันนี้ข้าอยากลองดูสิว่าฝีมือดาบกระบี่ของท่านจะล้ำลึกหรือไม่?”เพิ่งกล่าวจบ เหมิงฉาก็กวัดแกว่งขวานใหญ่พลางเดินประชิดไปทางเหลียงเทียนอี้ทีละก้าวรูปร่างใหญ่นั้น ร่างกายแข็งแรงนั้น แค่ยืนอยู่ก็สร้างแรงกดดันที่มองไม่เห็นแล้วทำให้หลาย ๆ คนเห็นแล้วอดเกิดใจกลัวอย่างหนึ่งขึ้นมาไม่ได้“อุ๊ย ท่านพี่จะเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวนี้ยังไง?”เหลียงจื่อฝูที่อยู่บนปะรำหน้าทุกข์ร้อน สองมือบีบผ้าเช็ดหน้าแน่น สีหน้าซีดไปเล็กน้อยนางจ้องเหลียงเทียนอี้กลางลานฝึกซ้อม“ท่านพี่ไม่มีความสามารถด้านนี้เท่าไร ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหมิงฉา!”ผู้เป็นน้องสาว
เหลียงเทียนอี้ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าราบเรียบ มองอารมณ์ไม่ออกแต่ในใจเขารู้ดี การต่อสู้ครั้งนี้ได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการตั้งแต่เหมิงฉาเริ่มพูดแล้วนี่คือการหยามหน้า คือการหยามเหยียดอย่างชัดเจนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย“เป็นยังไง? องค์ชายสาม?”เหมิงฉาเมินเหลียงเทียนอี้ที่อยู่อีกทางหนึ่ง แล้วใช้สายตาท้าทายมองไปทางเหลียงเทียนจื้อ ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “ได้ยินว่าฝีมือการใช้ดาบกระบี่ขององค์ชายสามค่อนข้างร้ายกาจ วันนี้ข้าขอท้าทายสักหน่อยเถิด”“มิเป็นไร” เหลียงเทียนจื้อฉีกยิ้ม ใบหน้าเปื้อนไปด้วยความกระหยิ่มใจจากนั้นก็ชักกระบี่ล้ำค่าคู่กายออกมาจากตรงเอวช้า ๆการต่อสู้ครั้งนี้ คือของเขาเท่านั้น!และเป็นเขาได้เท่านั้น!เขาต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเขาเหลียงเทียนจื้อต่างหากที่เป็นผู้ชนะในท้ายที่สุดคนนั้น คือคนที่สามารถเอาชนะซยงหนูได้อย่างแท้จริง!......“ดูท่าทุกอย่างจะดำเนินไปตามแผนนะ”เหลียงจ้านอิงดื่มน้ำชาสบายใจเฉิบอยู่บนปะรำมองผลสะท้อนกลับอย่างอบอุ่นของเหล่าผู้ชม จิตใจยิ่งฮึกเหิมตื่นเต้นไม่พูดไม่ได้เลย ถ้อยคำนั้นของเหมิงฉาทำให้เกิดผลดีเยี่ยม สามารถชักจูงอารมณ์ของทุกคนได้ในพริบตาเขาเช
ตกลงไว้แต่แรกว่าเป็นการแข่งขันรูปแบบปิด และไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร นอกจากราชวงศ์จะมิมีผู้ใดล่วงรู้ทว่าตอนนี้กลับแข่งขันในลานกว้างต่อหน้าธารกำนัล?หากท่านพี่แพ้มิต้องเป็นที่หัวเราะไปทั่วหรือ?“นี่ก็คือผลลัพธ์ที่ทางเหลียงชินอ๋องต้องการกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานนั่งลงด้านข้าง ยิ้มพูดอย่างเฉยชา “ในฐานะที่เป็นละครฉายซ้ำของวันนี้ พวกเขาแค่ต้องการให้ทุกคนได้เห็นความประดักประเดิดของเสด็จน้าเท่านั้น”แต่แพ้จากการต่อสู้เช่นนั้นผลลัพธ์ต้องเทข้างแน่โอรสสวรรค์ของต้าเหลียงที่กล่าวขานกลับแพ้ให้กับคนป่าเถื่อน ทั้งความสามารถยังมิสู้องค์ชายสามเหลียงเทียนจื้อขอเพียงมีการพูดประเภทนี้ต่อไป ไม่นานอัตราการสนับสนุนเหลียงเทียนจื้อก็จะพุ่งสูงลูกไม้พรรค์นี้ช่างโหดเหี้ยมนัก“น่ารังเกียจจริง ๆ...” คิ้วงามเหลียงจื่อฝูย่นยู่เล็กน้อย อดกระตุกมุมปากไม่ได้ “ไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้”“เมื่อวานท่านพี่ชนะการแข่งขันด้านบุ๋นกับซยงหนูในท้องพระโรง พวกเขาไม่เห็นจะพูดกันเลย เลวทรามจริง ๆ!”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะอย่างไม่ออกความเห็นเขากลับไม่ใส่ใจว่าเมื่อวานจะชนะหรือแพ้ วันนี้ต่างหากที่เป็นส่วนสำค
สำหรับเหลียงเทียนอี้ การแข่งขันในวันนี้ค่อนข้างน่าตกใจแต่ยังดีที่สุดท้ายเขาสามารถคลี่คลายได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้พวกซยงหนูหน้าบึ้งตึง โจมตีจนพวกเขารับมือไม่ทันดูท่าปกติว่างเว้นจากการงานอ่านหนังสือให้มากจะมีประโยชน์...หลังประชุมเช้า เหลียงเทียนอี้ก็อดรนทนไม่ไหวบอกข่าวดีกับฉินอวิ๋นฟาน อยากแบ่งปันความสุขและความเปรมปรีดิ์ของตนแต่พอได้ยินฉินอวิ๋นฟานตอบกลับ เขาจึงตระหนักว่าเรื่องราวไม่ได้เรียบง่ายธรรมดาอย่างที่เขาคิดอย่างนั้น“การแข่งขันทางบู๊ในวันพรุ่งนี้จึงจะเป็นส่วนสำคัญอย่างแท้จริง”คำพูดราบเรียบประโยคหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานทำให้ความยินดีปรีดาของเหลียงเทียนอี้ในแต่เดิมสูญสิ้น สีหน้าอึมครึมมากขึ้นเรื่อย ๆ“ข้าย่อมรู้ดี...แต่ปกติ คนที่จะชนะในการแข่งขันทางบู๊คงจะเป็นน้องสาม”เกี่ยวกับจุดนี้แทบไม่มีอะไรให้ลุ้นเพราะเหลียงเทียนจื้อร่ำเรียนกับเหลียงจ้านอิงแต่เล็ก อีกทั้งยังเคยเข้าสนามรบฟาดฟันกับศัตรู ด้านประสบการณ์การรบ จึงมีความคล่องมากกว่าเป็นธรรมดาเช่นนี้ หากคิดจะชิงคะแนนหนึ่งมาจากมือของเหลียงเทียนจื้อ คาดว่าต้องยากเป็นพิเศษเมื่อเห็นเหลียงเทียนอี้มีท่าทางปราศจากใจฮึดสู้ ฉินอวิ
“พันทุบหมื่นเจาะจึงได้แผ่นดิน ไฟโหมเผาไหม้เป็นอาจิณ ร่างแหลกกายเหลวมิหวั่น คงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ในโลกา”ฝุ่นหินหนึ่งบททำให้หลิ่วเหวินเซี่ยมั่นใจมากขึ้นไม่น้อยครั้งนี้เขาไม่ออมมืออีก ทั้งยังท่องออกมาจนจบ ไม่เปิดโอกาสใด ๆ ให้กับเหลียงเทียนอี้เช่นเดียวกัน เขาทำนอกเหนือแผนเดิม ไม่คิดสนใจความรู้สึกของเหลียงเทียนจื้ออีก“นี่ นี่มันกลอนอะไร?”เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ด้านหลังเหงื่อตก ในหัวถึงขั้นว่าไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับกลอนบทนี้แน่นอน ด้วยความทึ่มทื่อของเขาจะต่อกลอนได้อย่างไร ได้แต่เกาหลังศีรษะยิก ๆทว่าเหลียงเทียนอี้ยังใจเย็นเหมือนเดิม เพียงครู่เดียวก็ตอบ“หวงคะนึงความทุกข์เข็ญในการสอบ บัดนี้ไฟสงครามสงบผ่านพ้นสี่ปี”“บ้างเมืองไหวเอนดังกิ่งหลิว ใครเล่ามิใช่ผิวน้ำฝนซัดสาด”“หวงข่งทานปราชัยพรั่นพรึงถึงวันนี้ หลิงติงหยางอ้างว้างถอนหายใจ”“นับแต่โบราณใครบ้างมิดับสูญ เหลือใจรักชาติในพงศาวดาร”ครั้นกล่าวออกมาก็ได้รีบเสียงปรบมือดังสนั่นขุนนางบุ๋นบู๊ที่ชมละครฉากเด็ดในแต่เดิม ยามนี้ยอมสยบกับความสามารถทางวรรณกรรมของเหลียงเทียนอี้แล้วไม่ว่าจะเป็นกลอนในสมัยใด เหลียงเทียนอี้ก็เหมือน
ชั่วขณะ ท้องพระโรงเงียบกริบ สายตาของทุกคนรวมศูนย์อยู่กับตัวของเหลียงเทียนอี้แทบทั้งหมดในดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความยินดีหลังจากหลิ่วเหวินเซี่ยร่ายกลอนท่อนแรกออกมา เหลียงเทียนอี้กลับสามารถตอบสนองทันควันพร้อมต่อท่อนหลังความเร็วเช่นนี้เรียกว่าเร็วยิ่ง!“อวิ๋นเฉ่าสาทรฤดูมีเขียวแห่งวสันต์ของกวีราชวงศ์ซ่ง คือยอดบทกวีโดยแท้!”เหลียงเทียนอี้พยักหน้าอย่างสง่างาม ใบหน้าประดับรอยยิ้มมั่นใจงานนี้ทำให้เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ข้างล่างหน้าตึงฉับพลันเหลียงจ้านอิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยิ่งหนักกว่า สายตาที่มองมาราวกับมีไฟพุ่งออกมาได้“บ้าเอ๊ย...ถูกชิงตัดหน้าไปก่อน!”เหลียงเทียนจื้อกัดฟันกรอด ในใจกรุ่นโกรธไม่หยุดทั้งที่เขาทำการบ้านมาล่วงหน้า ไม่ว่าหลิ่วเหวินเซี่ยจะท่องกลอนบทใดเขาก็เตรียมเอาไว้หมดแล้วแต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขากลับเร็วสู้เหลียงเทียนอี้ไม่ได้!และไม่รู้ว่าตัวเองโง่เขลาหรือเหลียงเทียนอี้เก่งจริงกันแน่!“รัชทายาททรงภูมิแท้ ข้าน้อยเลื่อมใส!”หลิ่วเหวินเซี่ยพยักหน้าด้วยสีหน้าคงเดิมทว่าในใจกลับไม่พอใจเล็กน้อยแล้วคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้ผู้นี้จะมีฝีมือ เขาจงใจเลือกบทกวี
การกระทำเช่นนี้คือการแสดงความยโสหยิ่งผยองของซยงหนูอย่างมิต้องสงสัย“เหมิงฉา คารวะรัชทายาท”“หลิ่วเหวินเซี่ย คารวะรัชทายาท”คนอื่น ๆ ก็ทักทายตามด้วยเหมือนกัน เมื่อนั้นเหลียงเทียนอี้จึงรู้ฐานะของพวกเขาดูแล้วหนึ่งคนในนั้นก็คือบุตรชายของเหมิงเก๋อเอ่อร์ หรือก็คือคนที่มาท้าทายเขาในครั้งนี้อย่างที่เหลียงจ้านอิงบอก การมาครั้งนี้ของเหมิงเก๋อเอ่อร์ก็เพื่อหยั่งเชิงเขาโดยอ้างเหตุผลเยี่ยมเยือนฮ่องเต้ต้าเหลียง ดังนั้นเรื่องที่เริ่มสนทนาในท้องพระโรงจึงเกี่ยวกับสุขภาพของฮ่องเต้ต้าเหลียงแทบจะทั้งหมดทว่าทุกคนในที่นั้นต่างรู้ดี จุดประสงค์ของผู้นิยมสุรามิได้อยู่ที่สุรานี่อย่างไร ครั้นเปลี่ยนเรื่อง เหมิงเก๋อเอ่อร์ก็กล่าวถึงการแข่งขันเลย“ได้ยินว่ารัชทายาทและองค์ชายสามเก่งทั้งบุ๋นแล้วบู๊มานาน คืออัจฉริยะของต้าเหลียง การมาเยือนต้าเหลียงครั้งนี้ นอกจากจะเยี่ยมฮ่องเต้ต้าเหลียงสหายเก่าท่านนี้ ก็อยากให้บุตรชายได้ประมือกับรัชทายาทและองค์ชายสักหน่อย”เหมิงเก๋อเอ่อร์สีหน้าขึงขัง ในที่สุดก็เข้าประเด็นชั่วขณะ ทุกคนในท้องพระโรงหัวใจจะหลุดออกมาอยู่แล้ว ต่างสังเกตสีหน้าเหลียงเทียนอี้อย่างแนบเนียนทว่าเ