คำอธิบายของอู่จ้านทำให้ทุกคนในที่นั้นต้องสูดลมเย็นเข้าปอดเฮือกหนึ่ง นิ่งงันไปเลย ตระกูลเริ่นไม่เพียงแต่เป็นตระกูลเก่าแก่ตระกูลหนึ่ง ทั้งยังมีราชวงศ์อยู่เบื้องหลัง องค์ชายใหญ่มีฐานะโดดเด่นในราชสำนัก ใครจะกล้าล่วงเกินตระกูลเริ่น?!แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานก็ยิ่งมีความรู้สึกหายใจไม่ออก นี่ก็คือความกดดันจากอำนาจเด็ดขาดหรือ? มีอำนาจเด็ดขาดก็สามารถทำตามอำเภอใจได้หรือ?เย่ซื่อกวานแค่อยากใช้ฝีมือที่ดีกว่ารังสรรค์ชีวิตที่สวยงามในอนาคตเท่านั้น ทำไมมันยากอย่างนี้ล่ะ?มีคนอยู่ข้างหลังก็เก่งมาแล้วหรือ? มีคนอยู่ข้างหลังก็อยู่เหนือกฎหมายแล้ว? มีคนอยู่ข้างหลังก็ย่ำยีศักดิ์ศรีและชีวิตของผู้อื่นได้?!“เริ่นซวี่ เจ้ารังแกคนมากเกินไปแล้วนะ รังแกคนมากเกินไปแล้ว!”ด้านล่าง เย่ซื่อกวานที่ถูกซ้อมร้อนรนผลักชายฉกรรจ์ทั้งสี่ออกรุนแรง เขาแผดเสียงตวาดอย่างบ้าคลั่งฉินอวิ๋นฟานจ้องร่างบึกของเย่ซื่อกวาน ผิวดำเกรียม ถ้าออกแรงเต็มที่ น่ากลัวว่าคนพวกนี้คงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่ซื่อกวาน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าอำนาจเด็ดขาด เขากลับไม่กล้าต่อต้านแม้แต่น้อย นอกจากจะโกรธแค้นอย่างไร้สามารถ ก็คือทำอะไรไม่ได้เลย“รังแกคนมา
“ลองว่ามาดูสิ เจ้าคิดจะลองยังไง?”ก็ขณะที่เย่ซื่อกวานใบหน้าหมดหวัง จู่ ๆ ก็มีเสียงทุ้มต่ำน่าเกรงขามโดยที่ไม่โกรธดังขึ้นมาจากด้านนอกของฝูงชน เมื่อทุกคนหันไปมอง เห็นเพียงชายหนุ่มสุภาพ รูปร่างสูงโปร่ง สองมือไพล่หลัง สาวเท้ายาวออกมาจากภัตตาคารต้าเฉียนการปรากฏตัวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ทุกคนต่างแสดงสีหน้าประหลาดใจ ชั่วขณะ กลับไม่มีใครจำฉินอวิ๋นฟานได้ เห็นฉินอวิ๋นฟานแส่หาเรื่อง ทุกคนต่างทอดสายตาเสียดายทั้งหมดเริ่นซวี่เลิกคิ้วเล็กน้อย หันไปมองทางฉินอวิ๋นฟาน ก่อนจะพูดขึ้นแบบดูถูก “เจ้ามารดามันเป็นใครก็กล้ายุ่งเรื่องบิดาของเจ้า? เบื่อโลกแล้วใช่ไหม?!”“บิดาข้า? เจ้าแน่ใจหรือว่าจะพูดกับข้าอย่างนี้?”ฉินอวิ๋นฟานน้ำเสียงเย็นเฉียบ“ทำไม? เจ้ามารดามันสามเศียรหกกรรึ?!”เริ่นซวี่เห็นฉินอวิ๋นฟานกวนส้นเท้าอย่างนี้ พูดจายังจะกำแหงกว่าเขาอีก จึงมีน้ำโหทันที พูดด้วยใบหน้าหงุดหงิด “ว่าเจ้าแล้วจะทำไม? ไม่ยอม? ไม่รู้ว่าพ่อข้าคือใครละสิ? กลัวแต่ข้าพูดออกไปแล้วเจ้าจะฉี่ราด!”“หึ สามหาว! ตบปาก!”ฉินอวิ๋นฟานแค่เสียง อู่จ้านลงมือเร็วรี่ ก้าวเท้าพรวดไปเหมือนลูกศร ตบหน้าเริ่นซวี่แรง ๆ ฉาดหนึ่ง ทำเอาเริ่นซวี่หน้
เสิ่นวั่นซานทำการค้ามานานหลายปีอย่างนั้น รู้ดีว่ารัชทายาทคงจะปลอมเป็นหมูเพื่อกินเสือ เขาต้องการให้เย่ซื่อกวานระบายอารมณ์ที่อัดอั้นมานานเริ่นซวี่คงมีคนหนุนหลังที่น่ากลัว แต่อย่างไรฉินอวิ๋นฟานก็เป็นรัชทายาทของต้าเฉียน แค่ฐานะก็พอกดให้เริ่นซวี่หายใจไม่ออกแล้ว ฐานะระหว่างพวกเขาคนละระดับชั้นโดยสิ้นเชิงเวลานี้เริ่นซวี่กำแหงแค่ไหน ประเดี๋ยวต้องอนาถเท่านั้น!“เชี่ย! เจ้าบัดซบนี่เป็นใคร? เห็นคนของข้าเป็นโคลนกระดาษรึ?! พวกเจ้าสามคนจัดการมัน! ข้าก็อยากดูสิว่ามันจะทำอะไรได้!”เริ่นซวี่หัวฟัดหัวเหวี่ยงจนปากเบี้ยว ชี้ฉินอวิ๋นฟานด่าคำรบหนึ่ง สั่งให้ลูกน้องลงมือทันที “ซ้อมมัน ซ้อมมันให้ตาย! ตายแล้วคิดกับข้า! ข้าก็อยากดูสิว่าตัวบัดซบนี่จะโอหังไปถึงเมื่อไร!”“ขอรับ!”ลูกสมุนทั้งสามของเริ่นซวี่ได้รับคำสั่งก็หวดหมัดไปทางเย่ซื่อกวานทันที เย่ซื่อกวานเห็นดังนั้นพลันแตกตื่น ไม่รู้ว่าตัวเองควรโต้ตอบดีหรือไม่ถ้าโต้ตอบ เขาย่อมสู้ได้ เพียงแต่สิ่งที่ต้องจ่ายราคาสูงนัก ทันทีที่ลงมือ เกรงว่าจะไม่มีทางให้หันหลังกลับแล้ว!ผลัวะ!!!ในตอนที่เย่ซื่อกวานลังเลอยู่นั้น หมัดของชายฉกรรจ์ทั้งสามตกอยู่บนตัวเขาแรง ๆ
“เฮ้ย! นี่มันอะไรกันเนี่ย?!”การปะทุกะทันหันของเย่ซื่อกวานทำเอาเริ่นซวี่ตกใจตัวกระตุก พลับนิ่งที่รังแกมานานอย่างนั้น กลับเป็นสัตว์ร้ายเหี้ยมเกรียมตัวหนึ่ง? นี่ทำเอาเขาตกใจขวัญเตลิด“เฮ้ย! นี่มันจะน่ากลัวไปแล้ว!”ลูกสมุนอีกคนตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ รีบสับขาวิ่ง พุ่งปรู๊ดเข้าไปในฝูงชน แต่น่าเสียดายที่เขาประเมินความเร็วของเย่ซื่อกวานต่ำเกินไป เห็นเพียงเย่ซื่อกวานเร็วยิ่งกว่า แวบเดียวก็คว้าคนที่จะหนีไปได้แล้ว!เย่ซื่อกวานไม่มีการเคลื่อนไหวใดที่ชักช้า โยนชายฉกรรจ์ผู้นั้นลงกับพื้น หนึ่งเท้าเหยียบบนหน้าอกของเขา หน้าอกของชายผู้นั้นยุบตัวลงไปทันที ชีวิตสิ้นสูญ!เย่ซื่อกวานในยามนี้กลายเป็นปีศาจคลุ้มคลั่งสังหารคนโดยสิ้นเชิงแล้ว ดวงตาแดงโลหิตจับจ้องอยู่ที่ตัวเริ่นซวี่ในเสี้ยววินาที!“ไอ้หยา! แม่จ๋า!”เริ่นซวี่รูม่านตาหดเล็ก ตกใจกับอายพิฆาตของเย่ซื่อกวานจนสองขาอ่อนยวบ ความโอหังเมื่อก่อนหน้านี้หายไปสิ้น แทนที่ด้วยความขวัญผวา“เถ้า เถ้าแก่เย่ ข้าผิดไปแล้ว ขอร้องละ เจ้าปล่อยข้าไปเถอะ ข้าจะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจอีกแล้ว พวกเราคืนดีกันนะ!”เริ่นซวี่รีบขอร้องให้ละเว้น ด้วยฝีไม้ลายมือที่เย่ซื่อกวานเพิ่งแส
อู่จ้านเสือกเท้าออกมาบังอยู่หน้าฉินอวิ๋นฟาน ตวาดว่า “เริ่นเจี้ยน ทางที่ดีท่านก็เบิกตาสุนัขของท่านดูให้ชัด ๆ คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าท่านคือใครกันแน่!”ก็ขณะที่ทุกคนกำลังซุบซิบกันไม่รู้ว่าอะไรคืออะไรอยู่ เริ่นเจี้ยนนัยน์ตาหดเล็กฉับพลัน ความหนาวสายหนึ่งแล่นขึ้นมาจากเท้าถึงสมอง เป็นตอนนี้เอง เขาเพิ่งมองดวงหน้าและฐานะของฉินอวิ๋นฟานชัดเจน“ทะ ทะ ท่านคือรัช รัชทายาท?!”ตอนนี้ เริ่นเจี้ยนไหนเลยจะสนใจอะไรได้ ตกใจจนวิญญาณจะหลุดออกจากร่าง คุกเข่าลงตุบต่อหน้าฉินอวิ๋นฟาน องครักษ์คนอื่น ๆ เห็นดังนั้นก็ตกใจจนหน้าซีดคุกเข่าลงทันทีเหมือนกัน!“ฮะ? มะ มันก็คือรัชทายาทในรัชกาลปัจจุบันฉินอวิ๋นฟาน? อัจฉริยะด้านวรรณกรรมคนนั้น?!”“สวรรค์! คิดไม่ถึงว่าข้าจะมีโอกาสได้ยลโฉมรัชทายาทสักครั้ง รูปงามแท้ องอาจเหลือเกิน!”“เคยได้ยินมานานแล้วว่ารัชทายาทเปี่ยมด้วยคุณธรรม เป็นรัชทายาทที่ทำเพื่อบ้านเมืองเพื่อประชาชน วันนี้ได้พบ สมชื่อจริง ๆ!”......ทันทีที่ทุกคนรู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าก็คือรัชทายาทในรัชกาลปัจจุบัน ล้วนไชโยกระโดดโลดเต้นด้วยความยินดีทั้งหมดทั้งสิ้น แสงจากโคมไฟในเทศกาลโคมไฟมืดสลัว หลาย ๆ คนมองดวงหน้าสูงศัก
เย่ซื่อกวานใช้เวลาครึ่งก้านธูปเต็ม ๆ เล่าความเป็นมาในสองปีนี้ที่ถูกเริ่นซวี่รังแกลบหลู่ แสดงความน้อยใจและความปวดใจทั้งหมดออกมาต่อหน้าทุกคนผู้คนมากมายในที่นั่นส่วนมากแล้วคือชาวบ้าน พวกเขารู้ความจนใจและคับแค้นใจที่ถูกผู้มีบารมีสูงศักดิ์กดขี่ข่มเหงแบบนั้นดี คนไม่น้อยในจำนวนนั้นเริ่มร้องไห้กระซิกตาม“เชี่ย! เจ้ามันบัดซบ!”แม้เริ่นเจี้ยนจะเป็นพี่ชายของเริ่นซวี่ก็รับไม่ได้แล้วเหมือนกัน โบกฝ่ามือใส่หน้าเริ่นซวี่ เคียดแค้นอย่างหาที่เปรียบมิได้กับพฤติกรรมเกินเลยของเริ่นซวี่ ให้เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง น้องชายคนนี้กลับเลวระยำถึงเพียงนี้?!ไม่แค่ทำลายโรงงานกระเบื้องของเย่ซื่อกวานประจำ ยังซ้อมพวกพี่น้องของเย่ซื่อกวานจนลุกจากเตียงไม่ได้? นี่ยังแล้วไป เขายังขืนใจภรรยาของเย่ซื่อกวานต่อหน้าพี่น้องของเขา? สุดท้ายบีบให้พวกเขาทั้งครอบครัวจบชีวิตตัวเองด้วยความแค้น!แม่เอ๊ยเยี่ยงปีศาจร้าย!“ท่านพี่ ข้าผิดไปแล้ว ข้าสำนึกผิดแล้วจริง ๆ ขอร้องละ ท่านให้โอกาสข้าอีกสักครั้งนะ ข้าไม่กล้าอีกแล้ว!”ยามนี้เริ่นซวี่ตระหนักถึงภัยมหันต์ในที่สุด มีฉินอวิ๋นฟานรัชทายาทผู้นี้อยู่ วันนี้น่ากลัวว่าต้องทำงานตามหน้าที่
“นั่นสิ เมื่อกี้เริ่นซวี่พาคนมารุมซ้อมเย่ซื่อกวานต่าง ๆ นานา แถมยังข่มขู่ซะ ทุกคนเห็นกันหมด รัชทายาทก็เห็นด้วย จะว่าเป็นการฟังความข้างเดียวได้ยังไง?”“ข้าก็ยินดีเป็นพยานให้เขา จะไม่ให้คนเลวระยำพรรค์นี้ทำความชั่วอีก!”......ฉินอวิ๋นฟานเหยียดยิ้ม มองภาพนี้อย่างเย็นชา เริ่นเจี้ยนก็จะถ่วงเวลานั่นแหละ แล้วผลักเรื่องนี้ไปให้ตระกูลเริ่นที่อยู่เบื้องหลัง ใช้เรื่องนี้กดเขา สุดท้ายก็บรรลุเป้าหมายให้ตัวเองรอดพ้นไปได้แต่ในตอนที่ฉินอวิ๋นฟานตัดสินคดีก็ไม่คิดให้เขากันตัวเองออกจากเรื่องนี้แล้ว ในฐานะที่เป็นผู้ว่าการเมือง คงทำเรื่องประเภทนี้มาไม่น้อย ปล่อยเขาไปไม่เท่ากับให้เขาเป็นเสืออาละวาด? ทำความชั่วต่อ?“พวกเขาพูดถูก ไม่ใช่แค่ข้าผู้เป็นรัชทายาทจะเป็นพยานได้ ทุกคนที่อยู่ข้างหลังข้าก็เป็นพยานได้เหมือนกัน!”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยปากเรียบ“เอ่อ นี่...”เริ่นเจี้ยนเผยสีหน้าปั้นยาก เพื่อไม่ให้ฉินอวิ๋นฟานผิดหวังจึงหัวเราะแก้เก้อ “รัชทายาท ท่านคิดว่าควรตัดสินอย่างไรขอรับ? ข้าน้อยจะปฏิบัติตามท่านทั้งหมด!”“อ้อ? ข้าคิดว่าควรตัดสินยังไง?”ฉินอวิ๋นฟานหน้าตึง “ถ้าทุกอย่างทำตามความคิดของข้าหมด เช่นนั้นยังต้
“ฮะ? จะ จะฆ่าข้าจริงหรือ?!!”เริ่นซวี่ลนลานแล้ว เขาล้มลุกคลุกคลานไปถึงข้างตัวเริ่นเจี้ยน กอดต้นขาเริ่นเจี้ยนแล้ววิงวอนสุดชีวิต “ท่านพี่ ข้าสำนึกผิดแล้วจริง ๆ ขอร้องท่านละ อย่าฆ่าข้าเลยนะ ให้ข้าทำอะไรก็ได้ ได้ทั้งนั้น...”เริ่นเจี้ยนใบหน้าพะอืดพะอม ถ้าเขาลงมือฆ่าเริ่นซวี่ด้วยตัวเอง ต่อไปเขาก็อยู่ในตระกูลเริ่นไม่ได้แล้ว แม้จะเป็นตระกูลสาขาของตระกูลเริ่นเหมือนกัน หากฐานะของครอบครัวเขาคนละชั้นกับเริ่นซวี่โดยสิ้นเชิง!นี่จะทำอย่างไรดี?!“เจ้าเนี่ยนะ เจ้าไม่ควรมาขอร้องข้า ควรขอร้องรัชทายาท...”เริ่นเจี้ยนส่ายหน้าพูดอย่างจนปัญญาเริ่นซวี่ปรี่มาหาฉินอวิ๋นฟานราวกับคว้าฟางเส้นสุดท้าย ใบหน้าตื่นตระหนก น้ำตาไหลพรากขอร้องไม่หยุด “รัชทายาท เป็นข้าน้อยที่มีตาหามีแววไม่ เป็นข้าน้อยที่ไม่ควรล่วงเกินท่าน ขอร้องละ ให้ทางรอดแก่ข้าน้อยเถอะ?”“ข้าน้อยต้องทำคุณทดแทนเรื่องที่ผ่านมาแน่นอน จะไม่รังแกพวกเย่ซื่อกวานอีก ท่านต้องการอะไรข้าน้อยจะรับปากทั้งหมด ขอแค่ไว้ชีวิตข้าน้อย ให้ข้าน้อยเป็นวัวเป็นม้าจะไม่ปฏิเสธแม้แต่คำเดียว!”เมื่อธารกำนัลเห็นภาพนี้ ใบหน้าบริสุทธิ์เปลี่ยนเป็นปั้นยากขึ้นมา การที่ขุนนางปกป
“เอ่อ... แต่เพียงแต่ข้าที่กังวลเช่นนี้ เกรงว่าทุกคนก็คงมีความกังวลนี้เหมือนกันกระมัง? อย่างไรเสีย ของอย่างบัญชีก็สามารถปลอมแปลงได้”เห็นฉินอวิ๋นฟานพูดตามตรง ฉินอวิ๋นฮุยจึงไม่อ้ำอึ้งอีก การยกเรื่องไม่ดีมาพูดแต่แรกมิใช่เรื่องน่าอายอันใด เพราะมันเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของพวกเขา เขาไม่อยากถูกฉินอวิ๋นฟานหลอก!“ฮ่า ๆ ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานลั่นเสียงหัวเราะทันที “พี่รองทำงานรอบคอบดังคาด น้องเจ็ดเลื่อมใส แต่ท่านคิดมากไปแล้ว ถ้าต้องดูแลเมืองการค้าสามเมือง คนของข้าไม่มีทางพอ ถ้าพวกท่านไม่ส่งคนมาช่วยงาน ข้าคงทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ”“อ้อ? น้องเจ็ดพูดจริงรึ?!”เมื่อนั้นหัวใจที่ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของฉินอวิ๋นฮุยจึงสงบลง หากเขาสามารถให้คนเข้าร่วมอยู่ในเมืองการค้าทั้งสามเมืองได้ เช่นนั้นเขาจะวางใจได้แล้ว เพราะจะรับประกันผลประโยชน์ของเขาได้ทั้งหมด!“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านวางใจได้เลย ระหว่างพวกเราพี่น้องแม้เป็นคู่ต่อสู้กัน แต่ต่อหน้าผลประโยชน์ของบ้านเมือง พวกเราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง มีเพียงเช่นนี้ต้าเฉียนเราจึงจะเฟื่องฟูได้นิรันดร์”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ดังนั้นในเรื่องการค้า เครือเหิงไท่จะรับผิดชอบกิจการหลักท
ฉินอวิ๋นฟานกล่าวอย่างจริงจัง “ต่อให้ใครกล้ามีความคิดส่วนตัวก็เปล่าประโยชน์ เพราะพวกเราต้องร่วมกันทำงาน หากไม่อยากเสียเมืองไป ไม่อยากตาย ทหารทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือ เป็นหนึ่งเดียวสู้กับภายนอก”“ดี ดีมาก ความคิดนี้ไม่เลว!”เมื่อฉินอวิ๋นฟานกล่าวออกมา ไท่ซั่งหวงรู้อยู่แล้วว่าฉินอวิ๋นฟานต้องทุ่มเทเพื่อแผนการนี้ มิเช่นนั้นจะไม่มีทางคิดแผนการสมบูรณ์แบบเช่นนี้ออกมาได้“อื่ม ไม่เลว!”ฉินอวิ๋นฮุยไม่ได้ดีใจกับแผนการสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของฉินอวิ๋นฟาน เพราะแม้เช่นนี้จะเป็นเรื่องดีต่อบ้านเมืองจริง หากไร้ประโยชน์อันใดต่อพวกเขา ในทางกลับกัน พวกเขายังจะกลายเป็นคนที่ถูกฉินอวิ๋นฟานใช้งานอีกด้วยพวกเขาส่งทหารรักษาเมือง ฉินอวิ๋นฟานกอบโกยกำไรอย่างบ้าคลั่ง คิดแล้วฉินอวิ๋นฮุยก็อยากตบหน้าตัวเองสักฉาด ลักไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวอีกหนึ่งกำมือโดยแท้!ทว่าไท่ซั่งหวงแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?ฉินอวิ๋นฟานรู้ความคิดของพวกเขาดี อีกอย่าง ถ้าครองผลงานเองในเวลานี้จะเป็นการเลือกที่ไม่ฉลาดเอามาก ๆ ฉินอวิ๋นฟานไม่ทำเรื่องเบาปัญญาเช่นนี้หรอก!โบราณกล่าว ตบหน้าฉาดหนึ่งต้องให้พุทราหวานหนึ่งลูก อีกฝ่ายส่งทหารม
ขณะนี้ ทั่วทั้งท้องพระโรงเงียบกริบ ถ้อยคำชวนให้คนมีจิตใจฮึกเหิมของฉินอวิ๋นฟานวนเวียนอยู่ในหัวของ แม้ไท่ซั่งหวงเองก็ยังตกตะลึงพรึงเพริดกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน!รัชทายาทวัยสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่ง ช่างเป็นชายชาตินักรบเลือดร้อนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน หากคนเช่นนี้เป็นจักรพรรดิ ไยต้องกลัวอนาคตต้าเฉียนจะไม่ศิวิไลซ์?“เกี่ยวกับการสร้างเมืองการค้าสี่แห่งในสี่ทิศของต้าเฉียน ทุกคนคัดค้านอย่างหนัก ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนมาก แต่ในเมื่อจะทำเรื่องนี้ ข้าก็ต้องยอมรับเสียงและความเห็นที่แตกต่าง ทุกคนว่ามาเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน มีแต่ต้องทำให้ทำคนยอมรับเรื่องนี้จากใจจริง เขาจึงจะยึดสิทธิ์ความเป็นผู้นำได้ มิเช่นนั้นต่อให้ใช้กำลังผลักดันเรื่องนี้ คนเหล่านี้ต้องเล่นตุกติกลับหลังเขาแน่ เช่นนี้มีแต่จะทำให้รำคาญดังนั้นฉินอวิ๋นฟานเตรียมตัวกับการคัดค้านและความคิดของทุกคนแต่แรกแล้ว ต้องการแค่โอกาสประจวบเหมาะหนึ่ง เพราะคนที่ป่วยเป็นโรคอิจฉาตาร้อนมีมากเหลือเกิน มีแต่ต้องคิดหาทางหยดยาดวงตาให้พวกเขาสักหน่อย จึงจะขจัดต้นตอของปัญหาได้ “นี่...”ผู้คนมากมายแน่นขนัดพูดไม่ออกสักคำ เพราะต่างมีความกังวลอยู่ในใจ ฉ
นาทีนี้ถังเจิ้นไห่ถูกโจมตีทำร้ายทางจิตใจอย่างหนัก ฉินอวิ๋นฟานปากคอเราะรายน่ากลัวจริง ๆ การโจมตีของเขารวดเร็วนัก เขาต้านทานไม่ไหวเลยเขาจนปัญญากับการโจมตีของฉินอวิ๋นฟานแล้ว ได้แต่ใช้สถานะข่มขู่ฉินอวิ๋นฟาน หวังว่าฉินอวิ๋นฟานจะหยุดโจมตีเขาน่าเสียดาย แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฟานก็ไม่ใช่คนใจบุญสุนทานอะไร และไม่เคยเป็นพวกยอมเสียเปรียบ หากมีคนโจมตีเขา ฉินอวิ๋นฟานจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด!ต้องถล่มอีกฝ่ายจนแพ้ราบคาบ นี่สิจึงจะเป็นเป้าหมายความเป็นคนของเขา และถังเจิ้นไห่ก็แตะเขตต้องห้ามของเขาพอดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานย่อมไม่ไว้หน้าเขา!ครั้นพวกฉินอวิ๋นฮุยเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็พากันมอบสายตาเห็นใจให้ถังเจิ้นไห่ พวกเขาเคยได้รับการสั่งสอนด้วยหมัดหนักจากฉินอวิ๋นฟานมานานแล้ว ในสถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย หากหาเรื่องฉินอวิ๋นฟานก็เท่ากับรนหาที่ตาย!ไท่ซั่งหวงและจางเต้าหลินฉายรอยยิ้มพึงพอใจ แม้ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานจะหยาบคายไม่รื่นหูไปบ้าง แต่สะใจยิ่งนัก! นักวางแผนร้ายเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง ถูกฉินอวิ๋นฟานฟาดกลับจนต้องสงสัยในชีวิต เด็ดสะระตี่แท้!“เกินไป? ตอนนี้ท่านรู้ว่าเกินไป? ตอนที่ท่านสาดน้ำคลำใส่
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน
“ได้!”ถังเจิ้นไห่พูดหน้าขรึม “ประการที่สองของความผิดร้ายแรงสามประการ รัชทายาทร่วมกันสร้างถนนกับแคว้นต่าง ๆ เรื่องนี้อึกทึกครึกโครมไปทั่ว ทันทีที่สร้างถนนที่กว้างยิ่งขึ้น การคมนาคมจะสะดวก คืออยากให้แคว้นรอบข้างรุกรานต้าเฉียนเราสะดวกยิ่งขึ้นหรือ? การกระทำเช่นนี้มิใช่แผนการล่มชาติแล้วมันคืออะไร?!”ซี้ด...เมื่อทุกคนได้ฟังต่างสูดลมเย็นเข้าปาก เกิดความสงสัยอย่างหนักกับจุดประสงค์ของฉินอวิ๋นฟาน ด้านหนึ่งมอบธัญพืช ด้านหนึ่งสร้างถนนกับทุกแคว้น จุดประสงค์จะชัดเจนเกินไปแล้วกระมัง?“ต่อ ประการที่สามเล่า!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มเรียบ เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะไปไกลขนาดไหน ช่างเป็นคนที่มีขอบเขตความรู้ความเข้าใจและวิสัยทัศน์โดยแท้ การกำหนดอนาคตของบ้านเมือง เป็นเช่นนี้ดังคาดหากให้พวกเฮ่อชินอ๋องเรืองอำนาจจริง ต้าเฉียนมิต้องจบเห่หรือ? ให้สวะพวกนี้ดูแลบ้านเมือง บ้านเมืองนั้นยังจะมีความหวังอะไร?พวกเขานอกจากจะมีความชั่วร้ายอยู่เต็มอก มีความคิดดำมืดอยู่เต็มสมอง ยังจะทำอันใดได้อีก?“หึ!”ถังเจิ้นไห่แค่นเสียงแล้วจึงเอ่ย “ประการที่สาม รัชทายาทร่วมมือกับแคว้นต่าง ๆ กีดกันต้าเยียน สังหารบุตรชายคนที่สี่ข
“อ้อ? ความผิดร้ายแรงสามประการของฟานเอ๋อร์? ไหนลองว่ามาดูสิ!”ไท่ซั่งหวงตั้งสมาธิ นึกสนใจขึ้นมาทันที อย่างลับ ๆ เขาให้ความสนใจกับพฤติกรรมของฟานเอ๋อร์มาก ไม่เคยได้ยินความผิดร้ายแรงสามประการอันใด เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะพูดอะไรความผิดร้ายแรงสามประการเสมือนระเบิดลูกใหญ่ ทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกขึ้นมา ยามนี้สายตาของทุกคนในที่นั้นต่างรวมศูนย์อยู่ที่ตัวของถังเจิ้นไห่“ประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการ ได้ยินว่ารัชทายาททำเมล็ดพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ขึ้นมา สามารถให้ผลผลิตสูงมาก เดิมนี่คือโอกาสดีที่สุดที่ต้าเฉียนเราจะแจ้งเกิด คิดไม่ถึงว่ารัชทายาทกลับมอบเมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูงให้กับแคว้นต่าง ๆ รอบข้าง ช่วยให้พวกเขามั่งคั่งมากขึ้น”ถังเจิ้นไห่กล่าวเสียงหนัก “ขอถามทุกท่านในที่นี้ พฤติกรรมเช่นนี้ของรัชทายาทคือกำลังช่วยเหลือศัตรูน่ากลัวของเราหรือไม่? พฤติกรรมเช่นนี้ของเขา คือการขายชาติหรือไม่?!”ตูม...ครั้นถังเจิ้นไห่กล่าวถ้อยคำนี้ออกมา บรรดาขุนนางต่างอึกทึกครึกโครม คนทั้งโลกต่างรู้เรื่องที่เมืองจัวเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์แทบทุกคน และเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานลงนามสัญญากับแคว้นต่าง ๆ ก็รู
“อื่ม! ดี!”ไท่ซั่งหวงเอ่ยเสียงหนัก “เช่นนั้นข้าขอประกาศอย่างเป็นทางการ แต่งตั้งหวังอันสือเป็นหัวหน้าสำนักศึกษาหลวง เจี่ยงฝานฝานเป็นรองหัวหน้า การรับตำแหน่งนี้มีผลอย่างเป็นทางการ หัวหน้าขันทีเฉา ร่างราชโองการเดี๋ยวนี้ ประกาศต่อใต้หล้า!”เมื่อเรื่องราวสิ้นสุดลง ใจที่กระวนกระวายของฉินอวิ๋นฟานก็สงบ เขามองจางเต้าหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง!ทว่าคนอื่น ๆ กลับมีความรู้สึกที่แปลกออกไป หลังจากหวังอันสือได้ขึ้นตำแหน่ง ทำให้พวกเขาตระหนักว่าสถานการณ์ในราชสำนักกำลังหลุดจากการควบคุมอย่างช้า ๆ ฉินอวิ๋นฟานกำลังจะครองราชสำนัก“เอาละ เรื่องสำนักศึกษาหลวงก็สิ้นสุดแล้ว แต่จะละเลยผลงานการไปเมืองอู่โจวของฟานเอ๋อร์ครั้งนี้ไม่ได้”ไท่ซั่งหวงกล่าวเสียงเข้ม “ฟานเอ๋อร์ไม่เพียงแต่ทำคำสัญญาเมื่อครึ่งปีก่อนสำเร็จ ยิ่งทำให้เศรษฐกิจต้าเฉียนเราพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ท้องพระคลังเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ พสกนิกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างช้า ๆ ทุกคนต่างเห็นความยอดเยี่ยมของฟานเอ๋อร์”“ฟานเอ๋อร์ ว่ามาเถอะ เจ้าอยากได้อะไรเป็นรางวัล? ขอเพียงสมเหตุสมผล ข้าจะให้เจ้าดังปรารถนา!”ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกดีใจมากที่
“...”‘ไม่ว่าจะเป็นใคร คนผู้นั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี’ ประโยคเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ถังเจิ้นไห่สยบ แม่งเอ๊ย เขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว หากเขามีความจำเป็นพูดออกมาไม่ได้!การเล่นเกมเลี่ยงบาลีของฉินอวิ๋นฟานทำให้แนวป้องกันของถังเจิ้นไห่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางต่างกัดฟันกรอด กลับทำอะไรไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานเฉกเช่นปลาหนีชิวลื่นไหลตัวหนึ่ง ทำอะไรเขาไม่ได้เลย!จางเต้าหลินที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงกับการกระทำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน เขาเคยเห็นคนหน้าด้าน กลับไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าหนาไร้ยางอายเช่นฉินอวิ๋นฟานมาก่อน หน้าไม่อายที่สุด!คนคนหนึ่งปั่นหัวเหล่าขุนนางใหญ่เป็นว่าเล่น โมโหโทโสจนร่ำไห้หาพ่อร้องหาแม่ กลับจนปัญญา ดูสีหน้าเขียวปัดของถังเจิ้นไห่ จางเต้าหลินกลั้นหัวเราะอย่างหนัก กลั้นจนภายในจะบอบช้ำแล้ว“เอาละ ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พอแค่นี้เถอะ!”ไท่ซั่งหวงเห็นว่าพอประมาณแล้ว จึงตัดสินเรื่องนี้ในที่สุด ได้แต่บอกว่าฟานเอ๋อร์ใช้ไหวพริบและผลลัพธ์ก็คือว่าเป็นที่น่าพอใจ“จางไท่เว่ย ในเมื่อมีสามตัวเลือก และทุกคนก็แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”ไท่ซั่งหวงไม่ได้ยอมรับคว