เสิ่นวั่นซานทำการค้ามานานหลายปีอย่างนั้น รู้ดีว่ารัชทายาทคงจะปลอมเป็นหมูเพื่อกินเสือ เขาต้องการให้เย่ซื่อกวานระบายอารมณ์ที่อัดอั้นมานานเริ่นซวี่คงมีคนหนุนหลังที่น่ากลัว แต่อย่างไรฉินอวิ๋นฟานก็เป็นรัชทายาทของต้าเฉียน แค่ฐานะก็พอกดให้เริ่นซวี่หายใจไม่ออกแล้ว ฐานะระหว่างพวกเขาคนละระดับชั้นโดยสิ้นเชิงเวลานี้เริ่นซวี่กำแหงแค่ไหน ประเดี๋ยวต้องอนาถเท่านั้น!“เชี่ย! เจ้าบัดซบนี่เป็นใคร? เห็นคนของข้าเป็นโคลนกระดาษรึ?! พวกเจ้าสามคนจัดการมัน! ข้าก็อยากดูสิว่ามันจะทำอะไรได้!”เริ่นซวี่หัวฟัดหัวเหวี่ยงจนปากเบี้ยว ชี้ฉินอวิ๋นฟานด่าคำรบหนึ่ง สั่งให้ลูกน้องลงมือทันที “ซ้อมมัน ซ้อมมันให้ตาย! ตายแล้วคิดกับข้า! ข้าก็อยากดูสิว่าตัวบัดซบนี่จะโอหังไปถึงเมื่อไร!”“ขอรับ!”ลูกสมุนทั้งสามของเริ่นซวี่ได้รับคำสั่งก็หวดหมัดไปทางเย่ซื่อกวานทันที เย่ซื่อกวานเห็นดังนั้นพลันแตกตื่น ไม่รู้ว่าตัวเองควรโต้ตอบดีหรือไม่ถ้าโต้ตอบ เขาย่อมสู้ได้ เพียงแต่สิ่งที่ต้องจ่ายราคาสูงนัก ทันทีที่ลงมือ เกรงว่าจะไม่มีทางให้หันหลังกลับแล้ว!ผลัวะ!!!ในตอนที่เย่ซื่อกวานลังเลอยู่นั้น หมัดของชายฉกรรจ์ทั้งสามตกอยู่บนตัวเขาแรง ๆ
“เฮ้ย! นี่มันอะไรกันเนี่ย?!”การปะทุกะทันหันของเย่ซื่อกวานทำเอาเริ่นซวี่ตกใจตัวกระตุก พลับนิ่งที่รังแกมานานอย่างนั้น กลับเป็นสัตว์ร้ายเหี้ยมเกรียมตัวหนึ่ง? นี่ทำเอาเขาตกใจขวัญเตลิด“เฮ้ย! นี่มันจะน่ากลัวไปแล้ว!”ลูกสมุนอีกคนตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ รีบสับขาวิ่ง พุ่งปรู๊ดเข้าไปในฝูงชน แต่น่าเสียดายที่เขาประเมินความเร็วของเย่ซื่อกวานต่ำเกินไป เห็นเพียงเย่ซื่อกวานเร็วยิ่งกว่า แวบเดียวก็คว้าคนที่จะหนีไปได้แล้ว!เย่ซื่อกวานไม่มีการเคลื่อนไหวใดที่ชักช้า โยนชายฉกรรจ์ผู้นั้นลงกับพื้น หนึ่งเท้าเหยียบบนหน้าอกของเขา หน้าอกของชายผู้นั้นยุบตัวลงไปทันที ชีวิตสิ้นสูญ!เย่ซื่อกวานในยามนี้กลายเป็นปีศาจคลุ้มคลั่งสังหารคนโดยสิ้นเชิงแล้ว ดวงตาแดงโลหิตจับจ้องอยู่ที่ตัวเริ่นซวี่ในเสี้ยววินาที!“ไอ้หยา! แม่จ๋า!”เริ่นซวี่รูม่านตาหดเล็ก ตกใจกับอายพิฆาตของเย่ซื่อกวานจนสองขาอ่อนยวบ ความโอหังเมื่อก่อนหน้านี้หายไปสิ้น แทนที่ด้วยความขวัญผวา“เถ้า เถ้าแก่เย่ ข้าผิดไปแล้ว ขอร้องละ เจ้าปล่อยข้าไปเถอะ ข้าจะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจอีกแล้ว พวกเราคืนดีกันนะ!”เริ่นซวี่รีบขอร้องให้ละเว้น ด้วยฝีไม้ลายมือที่เย่ซื่อกวานเพิ่งแส
อู่จ้านเสือกเท้าออกมาบังอยู่หน้าฉินอวิ๋นฟาน ตวาดว่า “เริ่นเจี้ยน ทางที่ดีท่านก็เบิกตาสุนัขของท่านดูให้ชัด ๆ คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าท่านคือใครกันแน่!”ก็ขณะที่ทุกคนกำลังซุบซิบกันไม่รู้ว่าอะไรคืออะไรอยู่ เริ่นเจี้ยนนัยน์ตาหดเล็กฉับพลัน ความหนาวสายหนึ่งแล่นขึ้นมาจากเท้าถึงสมอง เป็นตอนนี้เอง เขาเพิ่งมองดวงหน้าและฐานะของฉินอวิ๋นฟานชัดเจน“ทะ ทะ ท่านคือรัช รัชทายาท?!”ตอนนี้ เริ่นเจี้ยนไหนเลยจะสนใจอะไรได้ ตกใจจนวิญญาณจะหลุดออกจากร่าง คุกเข่าลงตุบต่อหน้าฉินอวิ๋นฟาน องครักษ์คนอื่น ๆ เห็นดังนั้นก็ตกใจจนหน้าซีดคุกเข่าลงทันทีเหมือนกัน!“ฮะ? มะ มันก็คือรัชทายาทในรัชกาลปัจจุบันฉินอวิ๋นฟาน? อัจฉริยะด้านวรรณกรรมคนนั้น?!”“สวรรค์! คิดไม่ถึงว่าข้าจะมีโอกาสได้ยลโฉมรัชทายาทสักครั้ง รูปงามแท้ องอาจเหลือเกิน!”“เคยได้ยินมานานแล้วว่ารัชทายาทเปี่ยมด้วยคุณธรรม เป็นรัชทายาทที่ทำเพื่อบ้านเมืองเพื่อประชาชน วันนี้ได้พบ สมชื่อจริง ๆ!”......ทันทีที่ทุกคนรู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าก็คือรัชทายาทในรัชกาลปัจจุบัน ล้วนไชโยกระโดดโลดเต้นด้วยความยินดีทั้งหมดทั้งสิ้น แสงจากโคมไฟในเทศกาลโคมไฟมืดสลัว หลาย ๆ คนมองดวงหน้าสูงศัก
เย่ซื่อกวานใช้เวลาครึ่งก้านธูปเต็ม ๆ เล่าความเป็นมาในสองปีนี้ที่ถูกเริ่นซวี่รังแกลบหลู่ แสดงความน้อยใจและความปวดใจทั้งหมดออกมาต่อหน้าทุกคนผู้คนมากมายในที่นั่นส่วนมากแล้วคือชาวบ้าน พวกเขารู้ความจนใจและคับแค้นใจที่ถูกผู้มีบารมีสูงศักดิ์กดขี่ข่มเหงแบบนั้นดี คนไม่น้อยในจำนวนนั้นเริ่มร้องไห้กระซิกตาม“เชี่ย! เจ้ามันบัดซบ!”แม้เริ่นเจี้ยนจะเป็นพี่ชายของเริ่นซวี่ก็รับไม่ได้แล้วเหมือนกัน โบกฝ่ามือใส่หน้าเริ่นซวี่ เคียดแค้นอย่างหาที่เปรียบมิได้กับพฤติกรรมเกินเลยของเริ่นซวี่ ให้เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง น้องชายคนนี้กลับเลวระยำถึงเพียงนี้?!ไม่แค่ทำลายโรงงานกระเบื้องของเย่ซื่อกวานประจำ ยังซ้อมพวกพี่น้องของเย่ซื่อกวานจนลุกจากเตียงไม่ได้? นี่ยังแล้วไป เขายังขืนใจภรรยาของเย่ซื่อกวานต่อหน้าพี่น้องของเขา? สุดท้ายบีบให้พวกเขาทั้งครอบครัวจบชีวิตตัวเองด้วยความแค้น!แม่เอ๊ยเยี่ยงปีศาจร้าย!“ท่านพี่ ข้าผิดไปแล้ว ข้าสำนึกผิดแล้วจริง ๆ ขอร้องละ ท่านให้โอกาสข้าอีกสักครั้งนะ ข้าไม่กล้าอีกแล้ว!”ยามนี้เริ่นซวี่ตระหนักถึงภัยมหันต์ในที่สุด มีฉินอวิ๋นฟานรัชทายาทผู้นี้อยู่ วันนี้น่ากลัวว่าต้องทำงานตามหน้าที่
“นั่นสิ เมื่อกี้เริ่นซวี่พาคนมารุมซ้อมเย่ซื่อกวานต่าง ๆ นานา แถมยังข่มขู่ซะ ทุกคนเห็นกันหมด รัชทายาทก็เห็นด้วย จะว่าเป็นการฟังความข้างเดียวได้ยังไง?”“ข้าก็ยินดีเป็นพยานให้เขา จะไม่ให้คนเลวระยำพรรค์นี้ทำความชั่วอีก!”......ฉินอวิ๋นฟานเหยียดยิ้ม มองภาพนี้อย่างเย็นชา เริ่นเจี้ยนก็จะถ่วงเวลานั่นแหละ แล้วผลักเรื่องนี้ไปให้ตระกูลเริ่นที่อยู่เบื้องหลัง ใช้เรื่องนี้กดเขา สุดท้ายก็บรรลุเป้าหมายให้ตัวเองรอดพ้นไปได้แต่ในตอนที่ฉินอวิ๋นฟานตัดสินคดีก็ไม่คิดให้เขากันตัวเองออกจากเรื่องนี้แล้ว ในฐานะที่เป็นผู้ว่าการเมือง คงทำเรื่องประเภทนี้มาไม่น้อย ปล่อยเขาไปไม่เท่ากับให้เขาเป็นเสืออาละวาด? ทำความชั่วต่อ?“พวกเขาพูดถูก ไม่ใช่แค่ข้าผู้เป็นรัชทายาทจะเป็นพยานได้ ทุกคนที่อยู่ข้างหลังข้าก็เป็นพยานได้เหมือนกัน!”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยปากเรียบ“เอ่อ นี่...”เริ่นเจี้ยนเผยสีหน้าปั้นยาก เพื่อไม่ให้ฉินอวิ๋นฟานผิดหวังจึงหัวเราะแก้เก้อ “รัชทายาท ท่านคิดว่าควรตัดสินอย่างไรขอรับ? ข้าน้อยจะปฏิบัติตามท่านทั้งหมด!”“อ้อ? ข้าคิดว่าควรตัดสินยังไง?”ฉินอวิ๋นฟานหน้าตึง “ถ้าทุกอย่างทำตามความคิดของข้าหมด เช่นนั้นยังต้
“ฮะ? จะ จะฆ่าข้าจริงหรือ?!!”เริ่นซวี่ลนลานแล้ว เขาล้มลุกคลุกคลานไปถึงข้างตัวเริ่นเจี้ยน กอดต้นขาเริ่นเจี้ยนแล้ววิงวอนสุดชีวิต “ท่านพี่ ข้าสำนึกผิดแล้วจริง ๆ ขอร้องท่านละ อย่าฆ่าข้าเลยนะ ให้ข้าทำอะไรก็ได้ ได้ทั้งนั้น...”เริ่นเจี้ยนใบหน้าพะอืดพะอม ถ้าเขาลงมือฆ่าเริ่นซวี่ด้วยตัวเอง ต่อไปเขาก็อยู่ในตระกูลเริ่นไม่ได้แล้ว แม้จะเป็นตระกูลสาขาของตระกูลเริ่นเหมือนกัน หากฐานะของครอบครัวเขาคนละชั้นกับเริ่นซวี่โดยสิ้นเชิง!นี่จะทำอย่างไรดี?!“เจ้าเนี่ยนะ เจ้าไม่ควรมาขอร้องข้า ควรขอร้องรัชทายาท...”เริ่นเจี้ยนส่ายหน้าพูดอย่างจนปัญญาเริ่นซวี่ปรี่มาหาฉินอวิ๋นฟานราวกับคว้าฟางเส้นสุดท้าย ใบหน้าตื่นตระหนก น้ำตาไหลพรากขอร้องไม่หยุด “รัชทายาท เป็นข้าน้อยที่มีตาหามีแววไม่ เป็นข้าน้อยที่ไม่ควรล่วงเกินท่าน ขอร้องละ ให้ทางรอดแก่ข้าน้อยเถอะ?”“ข้าน้อยต้องทำคุณทดแทนเรื่องที่ผ่านมาแน่นอน จะไม่รังแกพวกเย่ซื่อกวานอีก ท่านต้องการอะไรข้าน้อยจะรับปากทั้งหมด ขอแค่ไว้ชีวิตข้าน้อย ให้ข้าน้อยเป็นวัวเป็นม้าจะไม่ปฏิเสธแม้แต่คำเดียว!”เมื่อธารกำนัลเห็นภาพนี้ ใบหน้าบริสุทธิ์เปลี่ยนเป็นปั้นยากขึ้นมา การที่ขุนนางปกป
ทุกคนหันไปมอง เห็นเพียงชายชราอายุประมาณเจ็ดสิบคนหนึ่งพาชายตัวล่ำมาพร้อมผู้ติดตามเดินปรี่ออกมาจากท่ามกลางฝูงชนเมื่อทุกคนเห็นคนใหญ่คนโตมาอย่างร้อนใจจึงพากันเปิดทางให้“ท่านปู่ ท่านพ่อ พวกท่านมาได้สักที มาได้สักที! ข้าตกใจจะตายอยู่แล้ว ข้านึกว่าชาตินี้จะไม่ได้พบพวกท่านอีกแล้ว ฮือ ๆ ๆ...”เมื่อเห็นปู่และบิดาเฒ่าออกหน้ามาเอง เริ่นซวี่ส่งเสียงร้องไห้โฮ ดีที่ปู่กับบิดามาทันเวลา มิเช่นนั้นน่ากลัวว่าศีรษะของเขาต้องแยกที่อยู่กับตัวแล้ว“ซวี่เอ๋อร์ไม่ต้องกลัวนะ!”ชายชรารีบเดินมาปลอบโยนจิตใจของเริ่นซวี่ จากนั้นก็สาวเท้าไปถึงตรงหน้าฉินอวิ๋นฟาน คุกเข่าลงและกล่าวอย่างเคารพถึงที่สุด “ข้าน้อยเริ่นจื้อคุนผู้บังคับการเกลือหลวง คำนับรัชทายาท!”ผู้ติดตามที่เหลือก็คุกเข่าตรงหน้าฉินอวิ๋นฟานด้วยเหมือนกันฉินอวิ๋นฟานเลิกคิ้ว ตามระเบียบพิธีการของต้าเฉียน หากอยู่ข้างนอกแค่คำนับก็พอ หากไม่มีสถานการณ์จำเป็นไม่ต้องคุกเข่า อีกทั้งผู้บังคับการเกลือหลวงยังเป็นขุนนางใหญ่ระดับสองของต้าเฉียน จัดเป็นพวกที่มีความสามารถ ทัดเทียมกับหัวหน้าของหกกรม ยิ่งไม่จำเป็นต้องคุกเข่ากระนั้นฉินอวิ๋นฟานยังตอบออกไปตามมารยาท “ลุกข
“เจ้าคือผู้ว่าการเมือง ควรรู้ว่าต้องพูดยังไง!”เริ่นจื้อคุนหรี่ดวงตาทั้งสองเอ่ยเตือนถ้าเริ่นเจี้ยนเปลี่ยนคำพูดตอนนี้ เขาก็ใช้มันเป็นข้ออ้างได้ เริ่นซวี่ต้องมีโอกาสรอดแน่นอน แต่ถ้าเริ่นเจี้ยนทำงานตามระเบียบ เช่นนั้นก็ยุ่งแล้ว!ด้วยนิสัยของฉินอวิ๋นฟาน เขากล้าฆ่าหลานชายของเขาจริง ๆ!ทำงานเป็นขุนนางมาหลายปีอย่างนี้ เขาเป็นผู้ว่าการได้อย่างไร เริ่นเจี้ยนรู้ดีกว่าใครเพื่อน มนุษยสัมพันธ์พื้นฐานเขาย่อมเข้าใจ ถ้าไม่มีตระกูลคอยสนับสนุน เขาจะไม่ใช่กระทั่งลมผายสุนัข ปู่ห้าบอกเป็นนัยชัดเจนมากแล้วถ้าเขาฝืนเปลี่ยนคำพูดตอนนี้ ด้วยนิสัยของฉินอวิ๋นฟานจะต้องทำให้เขาตายอย่างอนาถแน่ ถ้าไม่กลับคำ เกรงว่าปู่ห้าคงต้องเล่นงานเขา!จนแล้วจนรอด ฉินอวิ๋นฟานไม่ลนลานสักนิด ถึงเริ่นเจี้ยนจะเปลี่ยนคำพูด ฉินอวิ๋นฟานก็มีวิธีจัดการเขาอยู่ดี!หลังจากพิจารณาต่อสู้ในสมองอย่างดุเดือด เริ่นเจี้ยนกัดฟัน ในที่สุดก็เล่าความเป็นมาทั้งหมดของเรื่องออกมาอย่างสมบูรณ์ทุกกระเบียดรอบหนึ่ง เขาตัดสินใจว่าจะไม่เก็บงำใด ๆ ต่อให้ถูกตระกูลเริ่นเตะออกจากกลุ่ม แต่อย่างไรก็ยังมีโอกาสรอดหากหลับตาพูดปดต่อหน้าฉินอวิ๋นฟาน ผลลัพธ์คือต้องตา