จ้องดวงตาโตทอประกาย คิ้วบางดังใบหลิวของสองดรุณี ฉินอวิ๋นฟานเผยสีหน้ากระหยิ่มใจ “ถ้าข้าแพ้ ก็ให้พวกเจ้าสองคนเป็นอาจารย์ดนตรีของข้า เป็นอย่างไร?”ครั้นเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ตำหนักใหญ่ใหญ่ก็มีเสียงซี้ดดังขึ้นทันที ในสายตาของทุกคนฉายแววดูถูก เมื่อครู่ยังทำท่าจริงจังอยู่เลย ตอนนี้ไม่แสร้งทำแล้วหรือ?สองดรุณีมีชื่อเสียงโด่งดังในราชวงศ์ของเก้าแคว้น ขุนนางคหบดีที่เชิญพวกนางเป็นอาจารย์ดนตรีด้วยเงินมหาศาลมีนักต่อนัก ยังเคยมีอ๋องแห่งราชวงศ์ต้องการแต่งงานกับพวกนาง แต่สุดท้ายก็ถูกปฏิเสธหมดเจ้าเป็นแค่รัชทายาทไม่เอาไหน มีคุณสมบัติอะไรหมายปองพวกนาง?สองดรุณีปราศจากโทสะ หากยิ้มหวานตอบ “รัชทายาทล้อเล่นแล้ว พวกเราสองพี่น้องใช้ชีวิตอิสระจนเคยชิน ไม่คิดเข้าสำนักศึกษาเป็นอาจารย์ ต้องขออภัยด้วยเจ้าค่ะ”แม่นางต้าซวงปฏิเสธสัญญาไม่เป็นจริงเป็นจังที่ฉินอวิ๋นฟานเสนอต่อหน้าทุกคน พวกนางไม่ปฏิเสธว่าฉินอวิ๋นฟานดูมีความสามารถ แต่พวกนางที่เป็นสตรีประเภทนี้ กับเรื่องราวและสิ่งของ มักมีสติและอยู่กับความจริงมากกว่าฉินอวิ๋นฟานเอ่ย “นั่นยังไม่ง่ายหรือ ถ้าเจ้าชนะ ข้าจะรับปากคำขอสามข้อของเจ้า ขอเพียงเป็นเรื่องที่ไม่ผิดต่อ
เวลานี้ สายตาทุกคู่ล้วนรวมอยู่กับตัวของฉินอวิ๋นฟาน หากพูดถึงพรสวรรค์ด้านวรรณกรรม ทุกคนย่อมไม่มีอะไรจะพูด แต่ถ้าจะแข่งกันด้านดนตรี เช่นนั้นมากน้อยคือไม่ประมาณตนชัดเจน ไม่มีใครเห็นดีกับฉินอวิ๋นฟานเลย จึงมอบสายตาเยาะเย้ยเสียดสีมาให้เขาเป็นธรรมดาฉินอวิ๋นฟานไม่ยี่หระ ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยและเอ่ย “แม่นางต้าซวง จะขอยืมพิณของเจ้าหน่อยได้หรือไม่?”“ย่อมได้เจ้าค่ะ!”แม่นางต้าซวงมิได้ปฏิเสธ แต่ลุกขึ้นยืนมอบที่นั่งให้ฉินอวิ๋นฟานเลย ตอนนี้นางอยากรู้นัก หรือว่ารัชทายาทจะไม่ได้ล้อเล่นจริง ๆ?หรือว่าเขาสามารถบรรเลงเพลงได้จริง?ภายใต้ทุกสายตา เห็นเพียงฉินอวิ๋นฟานหย่อนก้นลงนั่งตรงที่นั่งของแม่นางต้าซวง ดีดเบา ๆ เสียงก็ดังขึ้น ทั้งยังให้รู้สึกว่าเป็นจังหวะอย่างยิ่ง“ไม่เลว เป็นพิณดีจริง ๆ”ฉินอวิ๋นฟานกล่าวชมเชยอย่างไม่ขี้เหนียวสักนิด “แต่หวังว่าอีกประเดี๋ยวแม่นางต้าซวงจะไม่ปวดใจจึงจะดี” เมื่อสิ้นเสียง เห็นเพียงฉินอวิ๋นฟานยกมือทั้งสองขึ้นอีกครั้งและตกลงบนสายพิณโดยตรงแม่นางต้าซวงใบหน้าฉงนฉงาย ก็ขณะที่นางกำลังจะขมวดคิ้ว จู่ ๆ เสียงดนตรีคมกริบที่พกพาความหนาวเหน็บดังขึ้นฉับพลัน เสียดแทงกระตุ้นประ
เมื่อเห็นสองดรุณีตกตะลึงหนัก ฉินอวิ๋นฟานไม่รู้สึกแปลกใจสักนิด เพลงดักซุ่มสิบทิศแม้อยู่ในยุคปัจจุบันก็เป็นสุดยอดเพลงที่มีความล้ำเลิศในล้ำเลิศ ทำนองเพลงบ้าน ๆ ในยุคโบราณแบบนี้เทียบไม่ติดฝุ่น“เพลงนี้มีชื่อว่าดักซุ่มสิบทิศ เป็นผลงานที่ข้าแต่งด้วยตัวเองนั่นแหละ”ฉินอวิ๋นฟานเชิดหน้ายืดอก กระหยิ่มใจเป็นที่สุด นี่ก็คือความรู้สึกของการโจมตีแบบลดมิติหรือ? สะใจไปเลย เมื่อก่อนต้องสู้กับพวกทหารขั้นเทพพวกนั้น แต่ตอนนี้ควบคุมนางฟ้าแสนสวยพวกนี้ได้แบบสบาย ๆ เจ๋งสุด ๆ ไปเลย“แม้ข้าน้อยจะอยู่ที่หอวั่งเจียงมานาน ไม่เข้าใจความเด็ดขาดและความโหดเหี้ยมของสมรภูมิ แต่หลังจากได้ฟังเพลงนี้ มันทำให้พวกเราพี่น้องราวกับได้อยู่ในสนามรบ สัมผัสกลิ่นคาวเลือดและความยากลำบากในสนามรบอย่างลึกซึ้ง ความหนาวเหน็บที่โหดร้าย ทำให้คนเกิดความรู้สึกเคารพ”แม่นางต้าซวงเดินมาถึงตรงหน้าฉินอวิ๋นฟาน ในดวงตาเต็มไปด้วยความชื่นชม “รัชทายาทเป็นอัจฉริยะ ข้าน้อยละอายที่สู้ไม่ได้ การแข่งดนตรีรอบนี้ ข้าน้อยแพ้แล้วเจ้าค่ะ”ซ่า...ในตำหนักใหญ่เกิดเสียงอึกทึก เนื่องจากพวกเขาไม่ใช่อาจารย์ดนตรีที่ชำนาญการ แม้รู้สึกว่าเพลงของฉินอวิ๋นฟานน่าทึ่ง
“เอ่อ คือว่าแม่นางต้าซวง แม่นางเสี่ยวซวง มิต้องมากพิธี พวกเรารุ่นราวคราวเดียวกัน ต่อไปแลกเปลี่ยนกันให้มาก ๆ ข้ามีหลายเรื่องที่อยากขอคำชี้แนะจากพวกเจ้า”สองนางเอ่ย “รัชทายาทถ่อมตนแล้ว”การประลองด้านบุ๋นยุติแต่เพียงเท่านี้ เนื่องจากความสามารถแตกต่างกันชัดเจน ฉินอวิ๋นฟานจึงคว้าชัยทั้งสามรอบไปได้ทั้งหมด ผลลัพธ์เช่นนี้ทำให้ทุกคนในที่นี้ต่างตกตะลึงอ้าปากค้างหากสายตาสามารถสังหารคน น่ากลัวว่าฉินอวิ๋นฟานจะถูกองค์ชายรองสังหารไปรอบที่ร้อยแล้ว ก็เวลานี้เอง ในใจขององค์ชายรองบังเกิดวิกฤตการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ทว่าตอนนี้องค์ชายใหญ่กลับร่าเริงขึ้นมาก น้องรองแพ้ราบคาบ เช่นนั้นเขามิใช่ได้เปรียบเด็ดขาดหรือ?“การประลองด้านบุ๋นสิ้นสุดแต่เพียงเท่านี้ รัชทายาทต้าเฉียนชนะทั้งสามรอบ ยินดีด้วยเจ้าค่ะรัชทายาท”เติ้งซูหมิงประกาศผลการประลองขั้นแรกอย่างจริงจัง แต่ผลลัพธ์นี้อยู่เหนือความคาดหมายของทุกคน บรรดาคนที่ยึดองค์ชายใหญ่และองค์ชายรองเป็นเสาหลักหน้าตาเคร่งเครียดโดยทั่วกัน“การประลองด้านบู๊ต่อไปนี้ ต้องดำเนินที่ลานฝึกยุทธ์ ขอเชิญทุกท่านร่วมการประลองด้านบู๊สุดท้ายนี้ที่ลานฝึกยุทธ์ด้วย”ขันทีเฒ่าข้างกายไท่ซั่
“ร่วมมือ? เจ้าคิดว่าระหว่างเรายังมีความจำเป็นต้องร่วมมือกันหรือ?”องค์ชายใหญ่กระหยิ่มยิ้มย่อง ในดวงตาล้วนเป็นความไม่ให้ค่าและดูถูก ความร่วมมือเมื่อสามวันก่อนเป็นเพราะฉินอวิ๋นฟานจะได้ครองบัลลังก์แล้ว พวกเขาจึงจำต้องร่วมมือกันบัดนี้สถานการณ์องค์ชายใหญ่เป็นต่อ เขาย่อมไม่ร่วมมือกับองค์ชายรองง่าย ๆ“แน่นอนว่ามี คาดว่าท่านคงจะเห็นแล้ว ด้วยแนวโน้มในตอนนี้ เจ้าเจ็ดมีโอกาสชนะมาก หากไม่กำจัดมัน โอกาสของพวกเราก็จะริบหรี่ลงทุกที!”องค์ชายรองเอ่ยองค์ชายใหญ่ขมวดคิ้ว พิจารณาครู่หนึ่งแล้วจึงตอบ “ความหมายของเจ้าคือรอบสุดท้ายจะ...”คำพูดมิไม่ได้กล่าวจนจบ ทั้งสองตรวจสอบความคิดของกันและกันผ่านสายตา องค์ชายรองพยักหน้าเป็นการยืนยัน องค์ชายใหญ่หรี่ตา คล้ายกำลังตัดสินใจเรื่องใหญ่อย่างไรอย่างนั้นทางตะวันออกของตำหนักว่านฉงมีลานกว้างแห่งหนึ่ง ตรงกลางมีแท่นประลองทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ นี่คือลานฝึกยุทธ์อันศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของต้าเฉียน การประลองบู๊ การประลองทักษะต่าง ๆ รวมถึงกิจกรรมสำคัญจะประกอบจนลุล่วง ณ ที่แห่งนี้ทั้งหมด“รอบแรกของการประลองด้านบู๊คือยิงธนู! ขอเชิญองค์ชายที่ร่วมประลองประจำที่ด้วย!”เติ้
“องค์ชายใหญ่ พวกเราเจอกันอีกแล้วนะขอรับ ไม่ทราบว่าทักษะการยิงธนูของท่านก้าวหน้าหรือไม่” เยี่ยนเป่ยวางตัวเหมาะสม“หึ คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเข้าพวกกับองค์ชายห้า เหนือความคาดหมายของข้าจริง ๆ”องค์ชายใหญ่พูดด้วยสีหน้าอึมครึม “แต่วันนี้ข้าจะไม่สู้กับเจ้าหรอก ข้าจะออมแรงเตรียมตัวกับสองรอบหลัง หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวังนะ!”“เว่ยเหยียน!!!”องค์ชายใหญ่เปล่งเสียงทีหนึ่ง เห็นเพียงบุรุษรูปร่างสมดุล ผิวพรรณดำคล้ำแบกคันศรและธนูอยู่ที่หลังเดินขึ้นแท่นประลองมาถึงตรงหน้าองค์ชายใหญ่ช้า ๆ ทันทีที่ทุกคนเห็นเว่ยเหยียนต่างรู้สึกงุนงง“นี่ เว่ยเหยียนผู้นี้คือใครกัน? ทำไมไม่ยักเคยเห็นมาก่อน?”“การประลองสำคัญเช่นนี้ องค์ชายใหญ่กลับหาเจ้าหนุ่มคนหนึ่งมาลงแข่ง จะเห็นเป็นการเล่นแบบเด็ก ๆ ไปหน่อยหรือไม่?”......ทุกคนพากันงงงวยกับการกระทำขององค์ชายใหญ่ เห็นสีหน้าองค์ชายใหญ่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม สายตาของบรรดาองค์ชายและคนอื่น ๆ ต่างมีข้อกังขา ทว่าฉินอวิ๋นฟานกลับเห็นความพิเศษเล็กน้อยแม้เว่ยเหยียนจะไม่มีรูปร่างกำยำ ทว่าปัจจัยทางสรีระกลับยอดเยี่ยมอย่างแปลกประหลาด ฉินอวิ๋นฟานคือหน่วยรบพิเศษสุดยอดในยุคปัจจุ
“สวรรค์ของข้า นี่ก็คืออานุภาพของธนูทองคำศักดิ์สิทธิ์หรือ? องค์ชายรองยังสามารถยิงเข้าเหรียญทองแดงที่ระยะร้อยห้าสิบเมตรได้ จะน่ากลัวเกินไปแล้วกระมัง?”“สมกับที่เป็นธนูเทพอันดับหนึ่งของต้าเฉียนที่องค์อดีตฮ่องเต้ประทานให้ อยู่ในมือขององค์ชายรองยิ่งน่ากลัวเหมือนเจ้าของ ต่อให้เป็นสุดยอดนักแม่นธนูขั้นเทพเกรงว่าจะเท่านั้นเอง”“องค์ชายรองไม่เพียงแต่มีพรสวรรค์ด้านวรรณกรรมสูงส่ง ยังมีความสามารถในการยิงธนูล่าสัตว์น่ากลัวเช่นนี้อีก สมกับที่เป็นองค์ชายผู้โดดเด่นที่สุดของต้าเฉียน”......บรรดาแคว้นทั้งหลายต่างอาศัยการยิงธนูในการโจมตีระยะไกล มือธนูจึงล้ำค่าอย่างเห็นได้ชัด เหตุนี้ทุกแคว้นต่างจึงบ่มเพาะผู้มีความสามารถด้านนี้มากที่สุดลูกหลานในราชวงศ์โดยมากจะมีความเชี่ยวชาญประมาณหนึ่ง แต่หากเทียบกับนักธนูมืออาชีพเหล่านั้น มากน้อยยังต่างกันอยู่บ้าง อย่างไรเสีย พวกเขาก็เคยผ่านร้อยสนามรบ มีประสบการณ์มากมาย ฝีมือการยิงธนูที่องค์ชายรองแสดงออกมาจึงทำให้ทุกคนอึ้งที่สุด“ร้อยห้าสิบเมตร ก็งั้น ๆ แหละ”องค์ชายรองฉินอวิ๋นฮุยยักไหล่ทำหน้าสบาย ๆ ในดวงตาที่เขามองไปทางฉินอวิ๋นฟานล้วนเป็นการเสียดสี ถ้าบอกว่าฉินอว
ฉินอวิ๋นฟานโต้กลับไปโดยตรงเขายกหน้าไม้ขึ้นเบา ๆ วางลูกศรขนนกไว้ในร่อง ตามด้วยยกหน้าไม้ในระดับสายตา เล็งไปที่เหรียญทองแดง เพียงกดปุ่มเบา ๆ ลูกศรขนนกก็พุ่งออกไป เกิดเป็นเสียงผ่าอากาศ“หึ ทำท่าทำทาง!”สิ้นเสียงองค์ชายรอง ทั้งคนแข็งทื่ออยู่กับที่ ใบหน้าเปลี่ยนสีฉับพลัน ในดวงตาเต็มไปด้วยความตะลึงฉึก!!!ไม่มีใครเชื่อว่าของที่อยู่ในมือฉินอวิ๋นฟานจะมีพลังอะไรได้ ยิ่งอย่าพูดถึงว่าจะยิงโดนเป้าเหรียญทองแดง ความดูถูกดูแคลนท่วมท้นสายตาของทุกคนทันทีที่ฉินอวิ๋นฟานยิงถูกใจกลางเป้าเหรียญทองแดง ทุกคนเบิกตาโพลงอ้าปากหวอ ในดวงตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ“เป็นไปได้ยังไง? เจ้าสิ่งนี้มีระยะการยิงที่น่ากลัวขนาดนี้เลยหรือ?”องค์ชายรองใบหน้าเปลี่ยนสีฉับพลัน เขาในเวลานี้ทรมานราวกับกินอุจจาระ เพิ่งพูดจาเสียดสีฉินอวิ๋นฟานไปหยก ๆ พริบตาเดียวก็ขายหน้าต่อหน้าธารกำนัล แสดงความโง่เขลาของตัวเองออกมาจนหมดทำไมของกระจ้อยร่อยเช่นนี้จึงมีระยะการยิงและพลังโจมตีมากขนาดนี้นะ? เขาคิดไม่ตกจริง ๆ ไม่เพียงเท่านี้ ทุกคนก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน“ปัญญามีน้อย!”ฉินอวิ๋นฟานไม่สนใจการตกตะลึงขององค์ชายรอง แต่เสียดสีอย่างเย็นชาป