ฉินอวิ๋นฟานโต้กลับไปโดยตรงเขายกหน้าไม้ขึ้นเบา ๆ วางลูกศรขนนกไว้ในร่อง ตามด้วยยกหน้าไม้ในระดับสายตา เล็งไปที่เหรียญทองแดง เพียงกดปุ่มเบา ๆ ลูกศรขนนกก็พุ่งออกไป เกิดเป็นเสียงผ่าอากาศ“หึ ทำท่าทำทาง!”สิ้นเสียงองค์ชายรอง ทั้งคนแข็งทื่ออยู่กับที่ ใบหน้าเปลี่ยนสีฉับพลัน ในดวงตาเต็มไปด้วยความตะลึงฉึก!!!ไม่มีใครเชื่อว่าของที่อยู่ในมือฉินอวิ๋นฟานจะมีพลังอะไรได้ ยิ่งอย่าพูดถึงว่าจะยิงโดนเป้าเหรียญทองแดง ความดูถูกดูแคลนท่วมท้นสายตาของทุกคนทันทีที่ฉินอวิ๋นฟานยิงถูกใจกลางเป้าเหรียญทองแดง ทุกคนเบิกตาโพลงอ้าปากหวอ ในดวงตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ“เป็นไปได้ยังไง? เจ้าสิ่งนี้มีระยะการยิงที่น่ากลัวขนาดนี้เลยหรือ?”องค์ชายรองใบหน้าเปลี่ยนสีฉับพลัน เขาในเวลานี้ทรมานราวกับกินอุจจาระ เพิ่งพูดจาเสียดสีฉินอวิ๋นฟานไปหยก ๆ พริบตาเดียวก็ขายหน้าต่อหน้าธารกำนัล แสดงความโง่เขลาของตัวเองออกมาจนหมดทำไมของกระจ้อยร่อยเช่นนี้จึงมีระยะการยิงและพลังโจมตีมากขนาดนี้นะ? เขาคิดไม่ตกจริง ๆ ไม่เพียงเท่านี้ ทุกคนก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน“ปัญญามีน้อย!”ฉินอวิ๋นฟานไม่สนใจการตกตะลึงขององค์ชายรอง แต่เสียดสีอย่างเย็นชาป
รอบที่สามเพิ่งจะเริ่มต้น องค์ชายรองก็ก้าวออกไปสองก้าวและประกาศอย่างจริงจัง “ร้อยแปดสิบเมตรคือขีดจำกัดของข้าแล้ว การประลองต่อจากนี้ข้าขอสละสิทธิ์!”ซ่า...ทั้งสนามมีเสียงดังระงม การประลองมาถึงช่วงสำคัญที่สุด คิดไม่ถึงว่าองค์ชายรองจะสละสิทธิ์?กล่าวถึงความสามารถ เยี่ยนเป่ยคืออันดับหนึ่งด้านการยิงธนูของต้าเฉียน มีเขาอยู่ ถึงองค์ชายรองจะเก่งสักแค่ไหนไม่มีทางเอาชนะเขาได้จริง ๆ คิดดูแล้วการที่องค์ชายรองจะสละสิทธิ์ก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผลอีกอย่างเว่ยเหยียนที่องค์ชายใหญ่เชิญมา เห็นชัดว่าเป็นยอดฝีมือยิงธนูชั้นเลิศแน่นอน การประลองครั้งนี้เกรงว่าจะยิ่งน่าสนุกเยี่ยนเป่ยไม่ลังเล ในแววตาคือความเผด็จการที่ราบรื่นตลอดทาง แววตาคมกริบประหนึ่งเหยี่ยวนั้นกำลังจ้องกลางเป้าเหรียญทองแดงตรงจุดสองร้อยเมตร เห็นเพียงเขาหรี่ดวงตาทั้งสองข้าง ลูกศรขนนกในมือพุ่งตัวออกไป จากนั้นก็เป็นเสียงหวีดหวิวของศรฉึก!!!ก็ขณะที่ทุกคนกำลังกลั้นลมหายใจ เห็นเพียงศรขนนกยิงถูกเหรียญทองแดงอย่างมั่นคงราวเส้นแสงสายหนึ่ง หลังจากเหรียญทองแดงตกลง ทั้งสนามร้องเฮกันขึ้นมาสีหน้าเว่ยเหยียนยังคงสงบ แววตาปราศจากสิ่งอื่น จ้องกลางเป้าตรงจ
“รัชทายาทคมในฝักหลายปี ปกติแทบไม่มีตัวตน แม้จะเป็นนางกำนัลก็ยังกลั่นแกล้งเขา บัดนี้กลับยืนอยู่จุดสูงสุด เหลือบมองทุกคน...เขาน่ากลัวแล้ว”......ผ่านการประลองหลายรอบ ทุกคนชินชาแล้ว ความตะลึงที่ฉินอวิ๋นฟานนำมาให้มีมากเกินไป มักให้คนคิดไม่ถึง และเป็นการเอาชนะในท้ายที่สุดด้วยท่วงทำนองเด็ดขาดไม่ว่าจะเป็นอัจฉริยะที่เก่งกาจสักแค่ไหน ร้ายกาจเพียงไร ต่อหน้าฉินอวิ๋นฟานล้วนไร้สีสันเหมือนเดิม สุดท้ายก็แพ้ราบคาบอยู่ดีทีแรกนี่คือการแข่งตัดสินระหว่างองค์ชายใหญ่และองค์ชายรอง ไม่นึกว่าฉินอวิ๋นฟานต่างหากที่เป็นจ้าวในท้ายที่สุด ทุกคนคิดว่าการฉวยชัยชนะไปจากตรงหน้าฉินอวิ๋นฟาน คือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ความรู้สึกอ่อนแรงอย่างหนักสายหนึ่งอัดแน่นอยู่ในหัวใจทุกคนเพื่อตัดสินผู้ชนะในท้ายที่สุด การประลองจะเพิ่มระยะทางเป็นสองร้อยยี่สิบเมตร และเป็นตามคาดของทุกคน ขีดจำกัดของเว่ยเหยียนและเยี่ยนเป่ยอยู่ที่สองร้อยเมตร ระยะสองร้อยยี่สิบเมตร พวกเขาล้มเหลวตามระเบียบสุดท้ายฉินอวิ๋นฟานยิงถูกกลางเป้าเหรียญทองแดงระยะสองร้อยยี่สิบเมตรได้อย่างมั่นคง คว้าชัยไปได้อีกครั้งประลองด้านบุ๋นและประลองด้านบู๊มีการประลองทั้งหมด
ความสามารถที่ฉินอวิ๋นฟานแสดงออกมาทำให้องค์ชายใหญ่และองค์ชายรองตระหนักถึงวิกฤตร้ายแรงอย่างหนึ่งความมุ่งมั่นที่จะกำจัดฉินอวิ๋นฟานแรงกล้ามากขึ้นทุกที ถ้าเขายังลงแข่งในรอบต่อไป จะต้องกำจัดเขาให้ได้ มิเช่นนั้น ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ สถานการณ์จะไม่เป็นผลดีกับพวกเขาอย่างยิ่ง แต่ถ้าฉินอวิ๋นฟานไม่ลงแข่ง เช่นนั้นทุกอย่างยังอาจพลิกผันหรือก็หมายถึง ในการแข่งสองรอบที่เหลือ ไม่ว่าจะเป็นชัยชนะในรอบไหนก็สำคัญกับพวกเขาสองคนอย่างยิ่งยวดบนแท่นประลอง องค์ชายใหญ่ท่วงทำนองแข็งแกร่ง เนื้อตัวบนล่างเต็มไปด้วยเจตนารบ ประหนึ่งสัตว์ร้ายบ้าคลั่งตัวหนึ่ง กล้ามเนื้อปริแตก กล้ามเนื้อสีทองแดงอัดแน่นไปด้วยพลัง ในค่ายทหารมักมีการประลองกำลังและประลองยุทธ์เป็นประจำ หลายปีนี้องค์ชายใหญ่ฉินอวิ๋นคังยืนหนึ่งอย่างมั่นคง เรียกได้ว่ามีพลังเต็มเปี่ยม เป็นจ้าวแห่งหมู่มวลบุรุษเพศ“กระถางมา!!!”องค์ชายใหญ่ตวาดเสียงหนึ่ง ไม่นานคนกลุ่มหนึ่งก็ยกกระถางสามขาขนาดยักษ์ขึ้นไปบนแท่นประลองในสมัยโบราณจะใช้กระถางสามขาในการเซ่นไหว้ เป็นสัญลักษณ์ของการรับเจตนารมณ์ฟ้าดังนั้นจึงเข้มงวดกับน้ำหนักของกระถางมากที่สุด ช่างที่ทำกระถางจะต้องประกัน
อู่จ้านส่ายหน้าพูด “รัชทายาท ท่านเคยโง่เขลาเบาปัญญามาก่อน มิอาจบอกเรื่องพวกนี้กับท่านได้ แต่จะบอกท่านเวลานี้ก็ยังไม่สาย!”“ในโลกปัจจุบันนี้ เพื่อปกครองควบคุมประชาชนได้ดียิ่งขึ้น ราชวงศ์ใหญ่ต่าง ๆ จึงส่งเสริมความคิดของขงจื๊อ เผยแผ่ภาพลักษณ์อันน่ายกย่องและเรื่องราวอันดีงามของฮ่องเต้ ทำให้ประชาชนยำเกรงศรัทธาพวกเขาเหมือนกับเทพ”“บวกกับข้อจำกัดทางกฎหมาย เมื่อล่วงเลยมาเป็นเวลานานวิถียุทธ์จึงค่อย ๆ สูญหายไป ผู้ที่สามารถเดินอยู่บนวิถียุทธ์ได้มีน้อยนัก มีเพียงพวกคนใหญ่คนโตกุมอำนาจจึงให้ความสำคัญกับวิถียุทธ์”“เพราะเพียงมีพลังยุทธ์สูงจึงจะมีเบี้ยเจรจาอย่างเท่าเทียม ถ้าประชาชนส่วนมากแห่ไปศรัทธาวิถียุทธ์กันหมด นี่คือภาพที่จ้าวแคว้นไหน ๆ ก็ไม่อยากเห็น”“องค์ชายใหญ่ชำนาญการรบแต่เยาว์วัย คลุกคลีกับการฝึกฝนวิถียุทธ์มานาน วิถียุทธ์ในตอนนี้ท่าทางน่าจะอยู่ระดับแปดแล้ว ห่างจากระดับเก้าสูงสุดอีกแค่ก้าวเดียว”อยู่ในวังหลายปี อู่จ้านได้เห็นหลักของจักรพรรดิจนสยอง ยังดีที่รัชทายาทโง่งม อยู่กินไปวัน ๆ รอความตาย ไม่เข้าร่วมการแก่งแย่งชิงดีใด ๆ เป็นคนอยู่เฉย ๆ ใช่จะไม่ดีแต่ฮ่องเต้ต้าเฉียนกลับสวรรคตกะทันหัน
เสียงหนึ่งโพล่งออกมาจากฝูงชน ทุกคนต่างหันไปมองตามเสียง เห็นเพียงชายคนหนึ่งที่ดูอายุอานามประมาณสามสิบ ใบหน้าประหนึ่งหยก สุภาพเรียบร้อย มือของเขาถือกระบี่วิญญูชน เดินขึ้นแท่นประลองช้า ๆพอเห็นคนมา องค์ชายใหญ่เลิกคิ้วเล็กน้อย เห็นชัดว่าเขาไม่รู้จักอีกฝ่าย“เจ้าเป็นใคร?”องค์ชายใหญ่ขมวดคิ้วถาม“ข้าคือหลิวเป้ยแห่งเมืองจัว วันนี้ได้รับคำเชิญจากองค์ชายรองมาประลองกำลังขอรับ”หลิวเป้ยวางตัวเหมาะสม รายงานชาติตระกูล ย่างเท้ามาถึงบนแท่นประลอง“อะไรนะ? เขาก็คือหลิวเป้ย(เล่าปี่)? สุภาพบุรุษอันดับหนึ่งแห่งเมืองจัว จิตใจดีงาม มีเมตตารักความยุติธรรม แม้จะยากจนข้นแค้น กลับมีปณิธาน มีจิตใจของจอมยุทธ์ เรียกได้ว่าชื่อเสียงระบือไกลทีเดียว”“ไม่เพียงเท่านี้ เขายังสาบานเป็นพี่น้องร่วมเป็นร่วมตายกับเทพยุทธ์คนขายเนื้อจางเฟย (เตียวหุย) แห่งเมืองจัวและเทพดาบกวนอวี่ (กวนอู) ที่สวนดอกท้อ เมืองจัวรู้กันทั่ว”“หลิวเป้ยดูหน้าตาสะอาดหมดจด จะยกกระถางยักษ์หกร้อยชั่งได้จริงหรือ? ที่เขาเผชิญคือองค์ชายใหญ่เชียวนะ คนหนุ่มอันดับหนึ่งของต้าเฉียน”......กระถางยักษ์เป็นรายการแข่งขันที่นิยมเสมอมา นั่นคือสัญลักษณ์ของกำล
“เจ้า เจ้ากล้าพูดว่าข้าไม่ไหวหรือ?”ถูกองค์ชายรองฉินอวิ๋นฮุยยั่วยุ ไฟโทสะองค์ชายใหญ่เพิ่มขึ้นพรวด เขามองด้วยสายตาที่เกรี้ยวโกรธพลางพูด “น้องรอง ให้ดีเจ้าจงเบิกตาสุนัขของเจ้าดูให้ดีว่าข้ายกกระถางเก้าร้อยชั่งได้หรือไม่”“พี่ใหญ่กล้าหาญดังคาด วันนี้ก็ให้พวกเราได้เห็นท่วงทำนองแห่งยุคของท่านสักหน่อยเถอะ!”กลยุทธ์ยุแม่ทัพได้ผลจริง ๆ เห็นองค์ชายใหญ่ติดกับ องค์ชายรองหัวเราะเสียงเย็น ในดวงตาล้วนเป็นความกระหยิ่มใจ ยามนี้ กระถางยักษ์เก้าร้อยชั่งถูกคนหามขึ้นแท่นประลองแล้ว“ช้าก่อน!”ก็ขณะที่องค์ชายใหญ่เตรียมจะลงมือ จู่ ๆ แม่ทัพฝ่ายซ้ายฮั่วเจิ้นหลงก็เดินออกมา เขามีความน่าเกรงขามแม้ยามสงบ แผ่พลังแกร่งกล้าออกมาจากเนื้อตัวบนล่าง เพียงสายตาเดียวทำให้คนขนลุกโดยที่ไม่หนาวนี่คือกลิ่นอายเด็ดขาดของผู้ที่อยู่ในสนามรบหลายสิบปีจึงจะมี“ท่านพ่อตา มีอะไรหรือ?”องค์ชายใหญ่หันไปมองพ่อตา ถามด้วยใบหน้าฉงน“คังเอ๋อร์ เจ้ารอก่อน!”ฮั่วเจิ้นหลงหันไปมองทางองค์ชายรองพร้อมเอ่ยเสียงหนัก “องค์ชายรองสมกับที่เป็นหนึ่งในองค์ชายผู้โดดเด่นแห่งต้าเฉียน มีความเข้าใจในกติกาการแข่งขันลึกซึ้งเช่นนี้ ข้าผู้แซ่ฮั่วเลื่อมใส!”
ฉินอวิ๋นฟานที่ดูเรื่องสนุกอยู่ข้าง ๆ ถูกลูกไม้ที่คาดไม่ถึงขององค์ชายรองนี้ทำให้อึ้งอยู่เหมือนกัน ถ้าเขาไม่ชนะ เช่นนั้นก็ใช้กติกา ใช้ฐานะน้องชายแท้ ๆ เชื้อเชิญให้ผู้แข่งขันที่ร้ายกาจที่สุดประลองกับองค์ชายใหญ่ และเอาชนะอีกฝ่ายทั้งอย่างนี้วิธีการและนิสัยใจคอเช่นนี้ ทำให้ฉินอวิ๋นฟานระแวงคนผู้นี้มากขึ้นทันทีท่ามกลางความคาดหวังของทุกคน เห็นเพียงหลิวเป้ยกระชากเสื้อท่อนบนออก เผยกล้ามเอ๊ทแพคกับกล้ามเนื้อแข็งแรงออกสู่อากาศโดยตรงว้าว...ทันทีที่เห็นกล้ามเนื้อฟิตเปรียะทั้งตัวของหลิวเป้ย ทุกคนก็โกลาหลทันที ดูคนที่หน้าไม่ได้จริง ๆ ผิวเผินดูสุภาพเรียบร้อย คิดไม่ถึงว่าจะเป็นชายฉกรรจ์ล่ำบึกคนหนึ่งมิน่าพวกจางเฟยกวนอวี่ถึงยินยอมกราบหลิวเป้ยเป็นพี่ใหญ่ ดูท่าคนผู้นี้จะไม่ธรรมดาพู่...ครั้นเห็นภาพนี้ ฉินอวิ๋นฟานน้ำพุ่งออกจากปากอีกครั้ง ทำไมมันไม่เหมือนในประวัติศาสตร์เลยเนี่ย หลิวเป้ยกลายเป็นผู้ชายกล้ามปูไปตั้งแต่เมื่อไร? อยู่นานได้เห็นเยอะจริง ๆ!ภายใต้สายตาของทุกคน สองมือหลิวเป้ยจับด้านล่างของกระถางเก้าร้อยชั่งฉับพลัน สองขาย่อลง ออกแรงทันที ส่งเสียงครางต่ำหนัก ๆ ทีหนึ่งไม่กี่วินาทีให้หลัง กร
“เอ่อ... แต่เพียงแต่ข้าที่กังวลเช่นนี้ เกรงว่าทุกคนก็คงมีความกังวลนี้เหมือนกันกระมัง? อย่างไรเสีย ของอย่างบัญชีก็สามารถปลอมแปลงได้”เห็นฉินอวิ๋นฟานพูดตามตรง ฉินอวิ๋นฮุยจึงไม่อ้ำอึ้งอีก การยกเรื่องไม่ดีมาพูดแต่แรกมิใช่เรื่องน่าอายอันใด เพราะมันเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของพวกเขา เขาไม่อยากถูกฉินอวิ๋นฟานหลอก!“ฮ่า ๆ ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานลั่นเสียงหัวเราะทันที “พี่รองทำงานรอบคอบดังคาด น้องเจ็ดเลื่อมใส แต่ท่านคิดมากไปแล้ว ถ้าต้องดูแลเมืองการค้าสามเมือง คนของข้าไม่มีทางพอ ถ้าพวกท่านไม่ส่งคนมาช่วยงาน ข้าคงทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ”“อ้อ? น้องเจ็ดพูดจริงรึ?!”เมื่อนั้นหัวใจที่ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของฉินอวิ๋นฮุยจึงสงบลง หากเขาสามารถให้คนเข้าร่วมอยู่ในเมืองการค้าทั้งสามเมืองได้ เช่นนั้นเขาจะวางใจได้แล้ว เพราะจะรับประกันผลประโยชน์ของเขาได้ทั้งหมด!“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านวางใจได้เลย ระหว่างพวกเราพี่น้องแม้เป็นคู่ต่อสู้กัน แต่ต่อหน้าผลประโยชน์ของบ้านเมือง พวกเราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง มีเพียงเช่นนี้ต้าเฉียนเราจึงจะเฟื่องฟูได้นิรันดร์”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ดังนั้นในเรื่องการค้า เครือเหิงไท่จะรับผิดชอบกิจการหลักท
ฉินอวิ๋นฟานกล่าวอย่างจริงจัง “ต่อให้ใครกล้ามีความคิดส่วนตัวก็เปล่าประโยชน์ เพราะพวกเราต้องร่วมกันทำงาน หากไม่อยากเสียเมืองไป ไม่อยากตาย ทหารทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือ เป็นหนึ่งเดียวสู้กับภายนอก”“ดี ดีมาก ความคิดนี้ไม่เลว!”เมื่อฉินอวิ๋นฟานกล่าวออกมา ไท่ซั่งหวงรู้อยู่แล้วว่าฉินอวิ๋นฟานต้องทุ่มเทเพื่อแผนการนี้ มิเช่นนั้นจะไม่มีทางคิดแผนการสมบูรณ์แบบเช่นนี้ออกมาได้“อื่ม ไม่เลว!”ฉินอวิ๋นฮุยไม่ได้ดีใจกับแผนการสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของฉินอวิ๋นฟาน เพราะแม้เช่นนี้จะเป็นเรื่องดีต่อบ้านเมืองจริง หากไร้ประโยชน์อันใดต่อพวกเขา ในทางกลับกัน พวกเขายังจะกลายเป็นคนที่ถูกฉินอวิ๋นฟานใช้งานอีกด้วยพวกเขาส่งทหารรักษาเมือง ฉินอวิ๋นฟานกอบโกยกำไรอย่างบ้าคลั่ง คิดแล้วฉินอวิ๋นฮุยก็อยากตบหน้าตัวเองสักฉาด ลักไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวอีกหนึ่งกำมือโดยแท้!ทว่าไท่ซั่งหวงแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?ฉินอวิ๋นฟานรู้ความคิดของพวกเขาดี อีกอย่าง ถ้าครองผลงานเองในเวลานี้จะเป็นการเลือกที่ไม่ฉลาดเอามาก ๆ ฉินอวิ๋นฟานไม่ทำเรื่องเบาปัญญาเช่นนี้หรอก!โบราณกล่าว ตบหน้าฉาดหนึ่งต้องให้พุทราหวานหนึ่งลูก อีกฝ่ายส่งทหารม
ขณะนี้ ทั่วทั้งท้องพระโรงเงียบกริบ ถ้อยคำชวนให้คนมีจิตใจฮึกเหิมของฉินอวิ๋นฟานวนเวียนอยู่ในหัวของ แม้ไท่ซั่งหวงเองก็ยังตกตะลึงพรึงเพริดกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน!รัชทายาทวัยสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่ง ช่างเป็นชายชาตินักรบเลือดร้อนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน หากคนเช่นนี้เป็นจักรพรรดิ ไยต้องกลัวอนาคตต้าเฉียนจะไม่ศิวิไลซ์?“เกี่ยวกับการสร้างเมืองการค้าสี่แห่งในสี่ทิศของต้าเฉียน ทุกคนคัดค้านอย่างหนัก ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนมาก แต่ในเมื่อจะทำเรื่องนี้ ข้าก็ต้องยอมรับเสียงและความเห็นที่แตกต่าง ทุกคนว่ามาเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน มีแต่ต้องทำให้ทำคนยอมรับเรื่องนี้จากใจจริง เขาจึงจะยึดสิทธิ์ความเป็นผู้นำได้ มิเช่นนั้นต่อให้ใช้กำลังผลักดันเรื่องนี้ คนเหล่านี้ต้องเล่นตุกติกลับหลังเขาแน่ เช่นนี้มีแต่จะทำให้รำคาญดังนั้นฉินอวิ๋นฟานเตรียมตัวกับการคัดค้านและความคิดของทุกคนแต่แรกแล้ว ต้องการแค่โอกาสประจวบเหมาะหนึ่ง เพราะคนที่ป่วยเป็นโรคอิจฉาตาร้อนมีมากเหลือเกิน มีแต่ต้องคิดหาทางหยดยาดวงตาให้พวกเขาสักหน่อย จึงจะขจัดต้นตอของปัญหาได้ “นี่...”ผู้คนมากมายแน่นขนัดพูดไม่ออกสักคำ เพราะต่างมีความกังวลอยู่ในใจ ฉ
นาทีนี้ถังเจิ้นไห่ถูกโจมตีทำร้ายทางจิตใจอย่างหนัก ฉินอวิ๋นฟานปากคอเราะรายน่ากลัวจริง ๆ การโจมตีของเขารวดเร็วนัก เขาต้านทานไม่ไหวเลยเขาจนปัญญากับการโจมตีของฉินอวิ๋นฟานแล้ว ได้แต่ใช้สถานะข่มขู่ฉินอวิ๋นฟาน หวังว่าฉินอวิ๋นฟานจะหยุดโจมตีเขาน่าเสียดาย แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฟานก็ไม่ใช่คนใจบุญสุนทานอะไร และไม่เคยเป็นพวกยอมเสียเปรียบ หากมีคนโจมตีเขา ฉินอวิ๋นฟานจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด!ต้องถล่มอีกฝ่ายจนแพ้ราบคาบ นี่สิจึงจะเป็นเป้าหมายความเป็นคนของเขา และถังเจิ้นไห่ก็แตะเขตต้องห้ามของเขาพอดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานย่อมไม่ไว้หน้าเขา!ครั้นพวกฉินอวิ๋นฮุยเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็พากันมอบสายตาเห็นใจให้ถังเจิ้นไห่ พวกเขาเคยได้รับการสั่งสอนด้วยหมัดหนักจากฉินอวิ๋นฟานมานานแล้ว ในสถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย หากหาเรื่องฉินอวิ๋นฟานก็เท่ากับรนหาที่ตาย!ไท่ซั่งหวงและจางเต้าหลินฉายรอยยิ้มพึงพอใจ แม้ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานจะหยาบคายไม่รื่นหูไปบ้าง แต่สะใจยิ่งนัก! นักวางแผนร้ายเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง ถูกฉินอวิ๋นฟานฟาดกลับจนต้องสงสัยในชีวิต เด็ดสะระตี่แท้!“เกินไป? ตอนนี้ท่านรู้ว่าเกินไป? ตอนที่ท่านสาดน้ำคลำใส่
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน
“ได้!”ถังเจิ้นไห่พูดหน้าขรึม “ประการที่สองของความผิดร้ายแรงสามประการ รัชทายาทร่วมกันสร้างถนนกับแคว้นต่าง ๆ เรื่องนี้อึกทึกครึกโครมไปทั่ว ทันทีที่สร้างถนนที่กว้างยิ่งขึ้น การคมนาคมจะสะดวก คืออยากให้แคว้นรอบข้างรุกรานต้าเฉียนเราสะดวกยิ่งขึ้นหรือ? การกระทำเช่นนี้มิใช่แผนการล่มชาติแล้วมันคืออะไร?!”ซี้ด...เมื่อทุกคนได้ฟังต่างสูดลมเย็นเข้าปาก เกิดความสงสัยอย่างหนักกับจุดประสงค์ของฉินอวิ๋นฟาน ด้านหนึ่งมอบธัญพืช ด้านหนึ่งสร้างถนนกับทุกแคว้น จุดประสงค์จะชัดเจนเกินไปแล้วกระมัง?“ต่อ ประการที่สามเล่า!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มเรียบ เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะไปไกลขนาดไหน ช่างเป็นคนที่มีขอบเขตความรู้ความเข้าใจและวิสัยทัศน์โดยแท้ การกำหนดอนาคตของบ้านเมือง เป็นเช่นนี้ดังคาดหากให้พวกเฮ่อชินอ๋องเรืองอำนาจจริง ต้าเฉียนมิต้องจบเห่หรือ? ให้สวะพวกนี้ดูแลบ้านเมือง บ้านเมืองนั้นยังจะมีความหวังอะไร?พวกเขานอกจากจะมีความชั่วร้ายอยู่เต็มอก มีความคิดดำมืดอยู่เต็มสมอง ยังจะทำอันใดได้อีก?“หึ!”ถังเจิ้นไห่แค่นเสียงแล้วจึงเอ่ย “ประการที่สาม รัชทายาทร่วมมือกับแคว้นต่าง ๆ กีดกันต้าเยียน สังหารบุตรชายคนที่สี่ข
“อ้อ? ความผิดร้ายแรงสามประการของฟานเอ๋อร์? ไหนลองว่ามาดูสิ!”ไท่ซั่งหวงตั้งสมาธิ นึกสนใจขึ้นมาทันที อย่างลับ ๆ เขาให้ความสนใจกับพฤติกรรมของฟานเอ๋อร์มาก ไม่เคยได้ยินความผิดร้ายแรงสามประการอันใด เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะพูดอะไรความผิดร้ายแรงสามประการเสมือนระเบิดลูกใหญ่ ทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกขึ้นมา ยามนี้สายตาของทุกคนในที่นั้นต่างรวมศูนย์อยู่ที่ตัวของถังเจิ้นไห่“ประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการ ได้ยินว่ารัชทายาททำเมล็ดพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ขึ้นมา สามารถให้ผลผลิตสูงมาก เดิมนี่คือโอกาสดีที่สุดที่ต้าเฉียนเราจะแจ้งเกิด คิดไม่ถึงว่ารัชทายาทกลับมอบเมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูงให้กับแคว้นต่าง ๆ รอบข้าง ช่วยให้พวกเขามั่งคั่งมากขึ้น”ถังเจิ้นไห่กล่าวเสียงหนัก “ขอถามทุกท่านในที่นี้ พฤติกรรมเช่นนี้ของรัชทายาทคือกำลังช่วยเหลือศัตรูน่ากลัวของเราหรือไม่? พฤติกรรมเช่นนี้ของเขา คือการขายชาติหรือไม่?!”ตูม...ครั้นถังเจิ้นไห่กล่าวถ้อยคำนี้ออกมา บรรดาขุนนางต่างอึกทึกครึกโครม คนทั้งโลกต่างรู้เรื่องที่เมืองจัวเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์แทบทุกคน และเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานลงนามสัญญากับแคว้นต่าง ๆ ก็รู
“อื่ม! ดี!”ไท่ซั่งหวงเอ่ยเสียงหนัก “เช่นนั้นข้าขอประกาศอย่างเป็นทางการ แต่งตั้งหวังอันสือเป็นหัวหน้าสำนักศึกษาหลวง เจี่ยงฝานฝานเป็นรองหัวหน้า การรับตำแหน่งนี้มีผลอย่างเป็นทางการ หัวหน้าขันทีเฉา ร่างราชโองการเดี๋ยวนี้ ประกาศต่อใต้หล้า!”เมื่อเรื่องราวสิ้นสุดลง ใจที่กระวนกระวายของฉินอวิ๋นฟานก็สงบ เขามองจางเต้าหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง!ทว่าคนอื่น ๆ กลับมีความรู้สึกที่แปลกออกไป หลังจากหวังอันสือได้ขึ้นตำแหน่ง ทำให้พวกเขาตระหนักว่าสถานการณ์ในราชสำนักกำลังหลุดจากการควบคุมอย่างช้า ๆ ฉินอวิ๋นฟานกำลังจะครองราชสำนัก“เอาละ เรื่องสำนักศึกษาหลวงก็สิ้นสุดแล้ว แต่จะละเลยผลงานการไปเมืองอู่โจวของฟานเอ๋อร์ครั้งนี้ไม่ได้”ไท่ซั่งหวงกล่าวเสียงเข้ม “ฟานเอ๋อร์ไม่เพียงแต่ทำคำสัญญาเมื่อครึ่งปีก่อนสำเร็จ ยิ่งทำให้เศรษฐกิจต้าเฉียนเราพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ท้องพระคลังเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ พสกนิกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างช้า ๆ ทุกคนต่างเห็นความยอดเยี่ยมของฟานเอ๋อร์”“ฟานเอ๋อร์ ว่ามาเถอะ เจ้าอยากได้อะไรเป็นรางวัล? ขอเพียงสมเหตุสมผล ข้าจะให้เจ้าดังปรารถนา!”ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกดีใจมากที่
“...”‘ไม่ว่าจะเป็นใคร คนผู้นั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี’ ประโยคเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ถังเจิ้นไห่สยบ แม่งเอ๊ย เขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว หากเขามีความจำเป็นพูดออกมาไม่ได้!การเล่นเกมเลี่ยงบาลีของฉินอวิ๋นฟานทำให้แนวป้องกันของถังเจิ้นไห่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางต่างกัดฟันกรอด กลับทำอะไรไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานเฉกเช่นปลาหนีชิวลื่นไหลตัวหนึ่ง ทำอะไรเขาไม่ได้เลย!จางเต้าหลินที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงกับการกระทำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน เขาเคยเห็นคนหน้าด้าน กลับไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าหนาไร้ยางอายเช่นฉินอวิ๋นฟานมาก่อน หน้าไม่อายที่สุด!คนคนหนึ่งปั่นหัวเหล่าขุนนางใหญ่เป็นว่าเล่น โมโหโทโสจนร่ำไห้หาพ่อร้องหาแม่ กลับจนปัญญา ดูสีหน้าเขียวปัดของถังเจิ้นไห่ จางเต้าหลินกลั้นหัวเราะอย่างหนัก กลั้นจนภายในจะบอบช้ำแล้ว“เอาละ ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พอแค่นี้เถอะ!”ไท่ซั่งหวงเห็นว่าพอประมาณแล้ว จึงตัดสินเรื่องนี้ในที่สุด ได้แต่บอกว่าฟานเอ๋อร์ใช้ไหวพริบและผลลัพธ์ก็คือว่าเป็นที่น่าพอใจ“จางไท่เว่ย ในเมื่อมีสามตัวเลือก และทุกคนก็แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”ไท่ซั่งหวงไม่ได้ยอมรับคว