เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของฉินอวิ๋นฟาน เซี่ยงเทียนเวิ่นคอยติดตามอยู่ข้างตัวฉินอวิ๋นฟานตลอดเวลา และสยบต่อลูกไม้น่าสะพรึงรวมถึงการมองการณ์ไกลของฉินอวิ๋นฟานด้วยเป็นเวลาเดียวกัน ฉินอวิ๋นฮุยพาผู้ติดตามปรากฏตัวอยู่ที่จวนตระกูลฮั่ว!“น้องรอง เจ้าจะไร้ยางอายเกินไปแล้วกระมัง? ตกลงกันแล้วว่าจะกดน้องเจ็ดด้วยกัน เจ้ากลับดีเลย พอถึงเวลาสำคัญเจ้าดันกลับลำเสียอย่างนั้น ทำเอาข้าทำอะไรไม่ถูก เป็นคนไม่ถือสัจจะเช่นนี้ไม่ได้กระมัง?!”ฉินอวิ๋นคังจ้ององค์ชายรองฉินอวิ๋นฮุย ใบหน้าขมึงทึง ไม่ปกปิดความโกรธของเขาสักนิดฉินอวิ๋นฮุยไม่แปลกใจเลยสักนิดกับการที่ฉินอวิ๋นคังจะมีปฏิกิริยาเดือดดาลเช่นนี้ มิเช่นนั้นก็ไม่ใช่นิสัยวู่วามของพี่ใหญ่แล้ว เขารีบยิ้มให้ “พี่ใหญ่ ท่านก็พูดหนักเกินไป ข้าใช่ว่าไม่ถือสัจจะ แค่คิดว่าการเตรียมตัวไม่พอจะโจมตีน้องเจ็ดเท่านั้น”“อ่อ? เจ้ายังจะแก้ตัวอีก? ตอนนั้นข้า...”พอได้ยินการอธิบายของฉินอวิ๋นฮุย ฉินอวิ๋นคังก็ยิ่งโมโห ในตอนที่เขากำลังจะตอกกลับน้องรอง จู่ ๆ พ่อตาฮั่วเจิ้นหลงก็เอ่ยปากขึ้น “คังเอ๋อร์ ในเมื่อองค์ชายรองมาแล้วก็ต้องมีเรื่องพูด ไยเจ้าต้องถือสาเรื่องที่ผ่านไปแล้วด้วย?”
“ทำยังไง? องค์ชายรองก็มานี่แล้วมิใช่หรือ?”ฮั่วเจิ้นหลงน่าเกรงขามโดยที่ไม่โกรธ สองมือไพล่หลัง พลังแข็งแกร่งสายหนึ่งทำให้คนรู้สึกกดดันอย่างหนัก เขามองไปทางองค์ชายรองฉินอวิ๋นฮุยแล้วเอ่ยเสียงหนัก “คาดว่าองค์ชายรองคงมีแผนการรับมือแล้วกระมัง?”ฉินอวิ๋นฮุยเหยียดมุมปากเล็กน้อย เผยรอยยิ้มจาง ๆ แล้วเอ่ย “ย่อมมีวิธี ถ้าสำเร็จ น้องเจ็ดต้องจบเห่แน่ แต่ผิดพลาดหลายครั้งอย่างนี้ ไม่รู้ว่าเที่ยวนี้จะเป็นยังไง”“อ้อ? ไหนลองว่ามาดู!”ฮั่วเจิ้นหลงเลิกคิ้ว ตามที่เขารู้จักองค์ชายรอง การที่เขาพูดเช่นนี้ได้ ย่อมต้องมีความมั่นใจประมาณหนึ่ง เพียงแต่ระยะนี้คงถูกฉินอวิ๋นฟานโจมตีจนเกิดปมในใจ คิดจะดึงพวกเขาลงน้ำด้วยรึ?หากฮั่วเจิ้นหลงสติแจ่มชัดนัก ย่อมมองเห็นความเสี่ยงว่ามีมากน้อย เนื่องจากองค์ชายรองไวเป็นกรด ช่ำชองการใช้อุบายแผนร้าย ดีไม่ดีจะเป็นหญ้าบนกำแพงอีก ถึงตอนนั้นกลับจะเป็นผลเสียต่อพวกเขา“ความจริงถ้าจะว่าไป ความได้เปรียบของน้องเจ็ดในตอนนี้ก็คือหัวการค้า กฤษฎีกาที่เขาเสนอเกี่ยวกับเรื่องเงินทั้งหมด ไยพวกเราไม่ลงมือกับธุรกิจของเขาเล่า ล้มเขาเสียก็จบแล้วนี่?!”ฉินอวิ๋นฮุยเอ่ย“หือ?”ฮั่วเจิ้นหลงตาเป็
“เขาคือใคร?”ฮั่วเจิ้นหลงมองไปทางองค์ชายรองฉินอวิ๋นฮุยด้วยความแปลกใจเล็กน้อยแล้วถามฉินอวิ๋นฮุยรวบพัดพึ่บ สายตาคมกริบดังอินทรีย์ตกอยู่บนตัวชายผู้นั้น ก่อนจะเอ่ยเสียงหนัก “เจ้าแนะนำตัวเองหน่อยเถอะ”อีกฝ่ายได้ยินก็รีบคุกเข่าลง พูดด้วยเสียงสั่นเครือเล็กน้อย “ขะ ข้าน้อยชื่อว่ามู่หรงฟู่สุ่ย เป็นตระกูลสาขาของตระกูลมู่หรง ทำงานอยู่ที่ภัตตาคารต้าเฉียนยี่สิบปีเศษแล้วขอรับ”“อ้อ? ที่แท้ท่านก็เตรียมการแต่แรกแล้ว?”ฮั่วเจิ้นหลงจ้องชายตรงหน้าด้วยความทึ่ง องค์ชายรองมากเล่ห์ดังคาด เดิมนึกว่าหลังจากถูกฉินอวิ๋นฟานเอาชนะจะสงบเสงี่ยม ไม่คิดว่าเขาจะยื่นมือเข้าภายในของฉินอวิ๋นฟานแล้ว?โบราณว่าไว้ ทวนแจ้งหลบง่าย ศรลับยากกัน ถ้าฉินอวิ๋นฮุยใช้ไพ่ตายนี้ หันศรไปทางฉินอวิ๋นฟานกะทันหัน นั่นมิต้องเอาชีวิตกึ่งหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานเลยหรือ?“ข้าก็พาคนมาอยู่ตรงหน้าท่านแล้ว อยู่ที่ว่าพวกท่านจะทำหรือไม่!”ฉินอวิ๋นฮุยสองมือกอดอก กระหยิ่มใจ“ฮ่า ๆ ๆ...”ฮั่วเจิ้นหลงพลันหัวเราะร่า “องค์ชายรองมีไพ่ในมือเช่นนี้ ยังดึงพวกเราเข้าร่วมอีก ดูท่าท่านจะถูกฉินอวิ๋นฟานทำให้ตกใจจนขวัญเสียแล้วนะ”ฮั่วเจิ้นหลงถากถาง ใบหน้าของฉิ
“อ้อ? กำลังง่วงเหงาหาวนอน องค์ชายรองก็มอบหมอนมา!”พอฮั่วเจิ้นหลงได้ยินดังนั้นดวงตาพลันเปล่งประกาย หลังจากผ่านเรื่องราวในระยะนี้ เขาตระหนักถึงภัยคุกคามใหญ่หลวงจากฉินอวิ๋นฟาน กอปรกับการแสดงความสามารถในราชสำนัก ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ต้องฉุดฝีเท้าที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของฉินอวิ๋นฟานให้จงได้“แม่ทัพผู้เฒ่าฮั่ว คาดว่าท่านน่าจะเคยเห็นฝีมือของฉินอวิ๋นฟานมาแล้ว แถมเสด็จปู่ยังเอนเอียงไปทางเขาชัดเจนอีก ดังนั้นข้าคิดว่าพวกเราระวังหน่อยเป็นดี จะบุ่มบ่ามไม่ได้อีก”ฉินอวิ๋นฮุยเอ่ย “ดังนั้นข้าจึงคิดเช่นนี้ ให้มู่หรงฟู่สุ่ยหยั่งเชิงสถานการณ์ก่อน ถ้าฉินอวิ๋นฟานไม่ได้ป้องกันอะไรมากจริง พวกเราค่อยวางแผนขั้นต่อไปอีกที ล้มเขาในคราวเดียว ท่านคิดว่าอย่างไร?”องค์ชายรองฉินอวิ๋นฮุยผู้เสียทีให้กับฉินอวิ๋นฟานมาหลายต่อหลายครั้ง ระมัดระวังรอบคอบมากขึ้น แม้เขาจะมีไพ่ตายอยู่ในมือ แต่ก็ไม่กล้าไปหาเรื่องฉินอวิ๋นฟานผู้เป็นดาวพิฆาตคนนี้ ทันทีที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน เขาจะรับแรงสะเทือนถึงชีวิตชนิดนั้นไม่ไหว“ข้าว่าดียิ่ง!”ฮั่วเจิ้นหลงผงกศีรษะเห็นด้วยเนือง ๆ โบราณกล่าว ขับขี่ระวังได้เรือหมื่นปี[1] เขาเห็นดีเห็นงามแผนกา
......หลังจากออกจากตำหนักเหยียนเหนียน ฉินอวิ๋นฟานก็ไม่ได้ว่าง เขามาถึงเรือนตระกูลมู่หรงทันที ยามนี้พ่อตาเฒ่ามู่หรงซื่อควานกำลังรออยู่แล้ว“พ่อลูกเขย เจ้ามาได้สักที!”ฉินอวิ๋นฟานเพิ่งเข้ามาถึงห้องโถง สุราดีอาหารรสเลิศเตรียมพร้อมสรรพบนโต๊ะอาหารแล้ว รอแต่คนสำคัญของานปรากฏตัว แม้มู่หรงซื่อควานจะมีฐานะสูงส่งเป็นถึงพ่อตาของรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินต้าเฉียน แต่ก็ไม่กล้าจัดงานเลี้ยงพอฉินอวิ๋นฟานโผล่มา มู่หรงซื่อควานก็ฉีกยิ้มปรี่ไปหาทันที อย่างไรเสีย ลูกเขยคนนี้คือความภูมิใจสูงสุดของเขา ถ้าไม่มีลูกเขยคนนี้ ตระกูลมู่หรงจะทะยานรุดหน้าได้อย่างรวดเร็วในระยะเวลาสั้น ๆ หนึ่งเดือนได้อย่างไร?“ท่านพ่อตาเกรงใจแล้ว ข้าเพิ่งเสร็จธุระม้าไม่หยุดเท้ามาทันที แต่ก็ยังทำให้พวกท่านรอเสียนาน”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มแย้มเข้าไปหา“รอไม่นาน รอไม่นาน มาได้เวลาพอดี!”มู่หรงซื่อควานรีบนำทางให้ฉินอวิ๋นฟานนั่งตำแหน่งหลัก ในยุคสมัยนี้ สูงต่ำมีลำดับ แม้ว่าฉินอวิ๋นฟานจะเป็นลูกเขย แต่อย่างไรเขาก็คือรัชทายาทของแว่นแคว้น ฐานะสูงศักดิ์เพียงไร ดังนั้นต้องให้เขาเป็นใหญ่บนโต๊ะอาหารฉินอวิ๋นฟานไม่เกรงใจนั่งลงเลย อู่จ้าน เซี่ยง
ฉินอวิ๋นฟานควบคุมวัฒนธรรมโต๊ะสุราได้แม่นยำนานแล้ว แม้เขาจะเกลียดรูปแบบประเภทนี้มาก แต่ก็ได้ประโยชน์จริง ๆ คนทั่วไปยากจะต่อต้านอีกอย่าง เวลานี้เป็นช่วงที่เขากำลังต้องการบุคลากร ทั้งตระกูลเจียงยังเป็นขั้วอิทธิพลยุทธภพ สามารถประกันกำลังให้เขาได้มากขึ้นมากฉินอวิ๋นฟานรีบพูด “อาเจียง นี่ล้วนสมควร ท่านคือผู้ใหญ่ ทั้งยังเป็นสหายร่วมตายของท่านพ่อตาข้า ข้าได้ยินท่านพ่อตาชื่นชมท่านอยู่บ่อย ๆ”“บอกว่าท่านเป็นคนซื่อตรง รักษาสัจจะ ตระกูลเจียงยิ่งมีผู้มากความสามารถนัก จิตใจผดุงความเป็นธรรม ข้าก็รู้สึกภูมิใจกับท่านพ่อตาที่มีสหายเช่นท่านเหมือนกัน!”ฉินอวิ๋นฟานสรรเสริญเยินยอไปชุดใหญ่ ชมจนเจียงเฟิงทำอะไรไม่ถูก หัวใจชุ่มฉ่ำ“ตระกูลเจียงเราเป็นแค่ขั้วอิทธิพลยุทธภพเล็ก ๆ กลับได้รับการวิจารณ์จากรัชทายาทสูงเช่นนี้ เป็นวาสนาของตระกูลเจียงแล้ว”เจียงเฟิงส่ายหน้าพลางพูด“แม้ตระกูลเจียงจะไม่ได้อยู่ที่เมืองหลวง แต่ข้าเคยได้ยินชื่อเสียงมานานแล้ว คู่ควรต่อคำวิจารณ์สูงเช่นนี้โดยแท้ ดังนั้นข้าจึงขอร้องท่านพ่อตาหลายครั้ง หวังว่าจะได้พบกับผู้นำตระกูลเจียงสักหน”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย “วันนี้ได้พบ ท่วงทำนองสะท้อนคน ใจ
ในเมื่อฉินอวิ๋นฟานพูดขนาดนี้แล้ว จะต้องทำได้แน่นอน!“พี่เจียง รัชทายาทวางพิมพ์เขียวมโหฬารเอาไว้นานแล้ว ในฐานะที่เป็นสหาย ข้าหวังว่าเราจะได้ร่วมกันทำงานใหญ่ แน่นอน ข้าเคารพการตัดสินใจของท่าน หวังว่าท่านจะตรึกตรองให้ดี!”มู่หรงซื่อควานก็พูดอย่างจริงจังอยู่ด้านข้างเหมือนกันเจียงเฟิงหันหน้าเคลื่อนสายตาไปมองบุตรชายเจียงเสี่ยวไป๋ ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา “เสี่ยวไป๋ เรื่องนี้จะตัดสินชะตาในอนาคตของตระกูลเจียง เจ้าเห็นว่ายังไง?”เจียงเสี่ยวไป๋สีหน้าเคร่งขรึม “ท่านพ่อ ขนาดท่านลุงเซี่ยงยังเชื่อรัชทายาทเช่นนี้ พวกเรายังมีอะไรต้องลังเลอีกหรือ? แน่นอน ข้าสนับสนุนการตัดสินใจทุกเรื่องของท่าน!”ท่าทีของเจียงเสี่ยวไป๋ชัดเจนมาก มิหนำซ้ำเขายังเคยได้ยินเชื่อเสียงของฉินอวิ๋นฟานมาแต่แรกแล้ว เรื่องที่เมืองจัวเรียกได้ว่ารู้กันถ้วนหน้า นั่นคือผู้ที่เป็นแบบอย่างซึ่งเขาเคารพ สามารถติดตามนายเช่นนี้ได้ เขาไม่เสียใจแล้ว!เจียงเฟิงแบกรับชะตาของทั้งตระกูล ย่อมไม่กล้าผลีผลาม เมื่อได้รับการสนับสนุนจากทุกคน เขามีหน้าเข้มขรึม คล้ายตัดสินใจในเรื่องที่ลำบากมากเขาเอ่ยด้วยสายตาแน่วแน่ “รัชทายาท ตระกูลเจียงยินดีเข้าร่วมก
จ้องเถ้าแก่ที่ผู้สมัครใจติดตาม ฉินอวิ๋นฟานฉายรอยยิ้มเต็มใบหน้า คนเหล่านี้ทำงานด้านการก่อสร้าง การค้าแปรรูปไม้ ผลิตเครื่องเรือน เครื่องเคลือบ อิฐกระเบื้องเป็นส่วนใหญ่พวกเขาไม่มีภูมิหลังตัวตนนัก ดังนั้นจึงทำการค้าในเมืองหลวงด้วยความยากลำบากอย่างหาที่เปรียบมิได้ อาศัยฝีมือดีและอยู่ในสายงานนี้ได้เพียงระดับกลาง นอกจากนี้พวกเขายังถูกคนของทางการและขุนนางสะกดข่มอยู่เสมอ มักต้องควักเงินทองแสดงความกตัญญู หวังว่าจะเอาตัวรอดภายใต้การกดขี่จากพวกบุญหนักศักดิ์ใหญ่เหล่านี้ พวกเขาลำบากแสนเข็ญ เงินส่วนมากล้วนถูกผู้มีอำนาจสูงศักดิ์เหล่านั้นรีดไถไปด้วยข้ออ้างและเหตุผลต่าง ๆ นานา หากได้แต่มองตาปริบ ๆในตอนที่ฉินอวิ๋นฟานสร้างโรงแรมห้าดาวต้าเฉียนได้นำคนทำความเข้าใจกับทั้งเมืองหลวง ศึกษาตื้นลึกหนาบาง สุดท้ายพบว่าฝีมือของคนพวกนี้ประณีตโดยแท้ ทว่าการค้ากลับเงียบเหงา กลับมีบางคนที่นำสินค้าบ้าน ๆ เข้ามา แต่ขายดีเทน้ำเทท่า แถมยังประกอบกิจการใหญ่โตอีกสุดท้ายก็คือมีคนทำการค้าโดยรูปแบบสกปรก ผูกขาด กดขี่ ใช้วิธีการเดียวกับพวกมาเฟีย ดังนั้นบรรดาเถ้าแก่น้ำดีมีความสามารถจึงมีการค้าเพียงน้อยนิดนี่อดทำให้ฉินอวิ๋นฟ