“ทำยังไง? องค์ชายรองก็มานี่แล้วมิใช่หรือ?”ฮั่วเจิ้นหลงน่าเกรงขามโดยที่ไม่โกรธ สองมือไพล่หลัง พลังแข็งแกร่งสายหนึ่งทำให้คนรู้สึกกดดันอย่างหนัก เขามองไปทางองค์ชายรองฉินอวิ๋นฮุยแล้วเอ่ยเสียงหนัก “คาดว่าองค์ชายรองคงมีแผนการรับมือแล้วกระมัง?”ฉินอวิ๋นฮุยเหยียดมุมปากเล็กน้อย เผยรอยยิ้มจาง ๆ แล้วเอ่ย “ย่อมมีวิธี ถ้าสำเร็จ น้องเจ็ดต้องจบเห่แน่ แต่ผิดพลาดหลายครั้งอย่างนี้ ไม่รู้ว่าเที่ยวนี้จะเป็นยังไง”“อ้อ? ไหนลองว่ามาดู!”ฮั่วเจิ้นหลงเลิกคิ้ว ตามที่เขารู้จักองค์ชายรอง การที่เขาพูดเช่นนี้ได้ ย่อมต้องมีความมั่นใจประมาณหนึ่ง เพียงแต่ระยะนี้คงถูกฉินอวิ๋นฟานโจมตีจนเกิดปมในใจ คิดจะดึงพวกเขาลงน้ำด้วยรึ?หากฮั่วเจิ้นหลงสติแจ่มชัดนัก ย่อมมองเห็นความเสี่ยงว่ามีมากน้อย เนื่องจากองค์ชายรองไวเป็นกรด ช่ำชองการใช้อุบายแผนร้าย ดีไม่ดีจะเป็นหญ้าบนกำแพงอีก ถึงตอนนั้นกลับจะเป็นผลเสียต่อพวกเขา“ความจริงถ้าจะว่าไป ความได้เปรียบของน้องเจ็ดในตอนนี้ก็คือหัวการค้า กฤษฎีกาที่เขาเสนอเกี่ยวกับเรื่องเงินทั้งหมด ไยพวกเราไม่ลงมือกับธุรกิจของเขาเล่า ล้มเขาเสียก็จบแล้วนี่?!”ฉินอวิ๋นฮุยเอ่ย“หือ?”ฮั่วเจิ้นหลงตาเป็
“เขาคือใคร?”ฮั่วเจิ้นหลงมองไปทางองค์ชายรองฉินอวิ๋นฮุยด้วยความแปลกใจเล็กน้อยแล้วถามฉินอวิ๋นฮุยรวบพัดพึ่บ สายตาคมกริบดังอินทรีย์ตกอยู่บนตัวชายผู้นั้น ก่อนจะเอ่ยเสียงหนัก “เจ้าแนะนำตัวเองหน่อยเถอะ”อีกฝ่ายได้ยินก็รีบคุกเข่าลง พูดด้วยเสียงสั่นเครือเล็กน้อย “ขะ ข้าน้อยชื่อว่ามู่หรงฟู่สุ่ย เป็นตระกูลสาขาของตระกูลมู่หรง ทำงานอยู่ที่ภัตตาคารต้าเฉียนยี่สิบปีเศษแล้วขอรับ”“อ้อ? ที่แท้ท่านก็เตรียมการแต่แรกแล้ว?”ฮั่วเจิ้นหลงจ้องชายตรงหน้าด้วยความทึ่ง องค์ชายรองมากเล่ห์ดังคาด เดิมนึกว่าหลังจากถูกฉินอวิ๋นฟานเอาชนะจะสงบเสงี่ยม ไม่คิดว่าเขาจะยื่นมือเข้าภายในของฉินอวิ๋นฟานแล้ว?โบราณว่าไว้ ทวนแจ้งหลบง่าย ศรลับยากกัน ถ้าฉินอวิ๋นฮุยใช้ไพ่ตายนี้ หันศรไปทางฉินอวิ๋นฟานกะทันหัน นั่นมิต้องเอาชีวิตกึ่งหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานเลยหรือ?“ข้าก็พาคนมาอยู่ตรงหน้าท่านแล้ว อยู่ที่ว่าพวกท่านจะทำหรือไม่!”ฉินอวิ๋นฮุยสองมือกอดอก กระหยิ่มใจ“ฮ่า ๆ ๆ...”ฮั่วเจิ้นหลงพลันหัวเราะร่า “องค์ชายรองมีไพ่ในมือเช่นนี้ ยังดึงพวกเราเข้าร่วมอีก ดูท่าท่านจะถูกฉินอวิ๋นฟานทำให้ตกใจจนขวัญเสียแล้วนะ”ฮั่วเจิ้นหลงถากถาง ใบหน้าของฉิ
“อ้อ? กำลังง่วงเหงาหาวนอน องค์ชายรองก็มอบหมอนมา!”พอฮั่วเจิ้นหลงได้ยินดังนั้นดวงตาพลันเปล่งประกาย หลังจากผ่านเรื่องราวในระยะนี้ เขาตระหนักถึงภัยคุกคามใหญ่หลวงจากฉินอวิ๋นฟาน กอปรกับการแสดงความสามารถในราชสำนัก ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ต้องฉุดฝีเท้าที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของฉินอวิ๋นฟานให้จงได้“แม่ทัพผู้เฒ่าฮั่ว คาดว่าท่านน่าจะเคยเห็นฝีมือของฉินอวิ๋นฟานมาแล้ว แถมเสด็จปู่ยังเอนเอียงไปทางเขาชัดเจนอีก ดังนั้นข้าคิดว่าพวกเราระวังหน่อยเป็นดี จะบุ่มบ่ามไม่ได้อีก”ฉินอวิ๋นฮุยเอ่ย “ดังนั้นข้าจึงคิดเช่นนี้ ให้มู่หรงฟู่สุ่ยหยั่งเชิงสถานการณ์ก่อน ถ้าฉินอวิ๋นฟานไม่ได้ป้องกันอะไรมากจริง พวกเราค่อยวางแผนขั้นต่อไปอีกที ล้มเขาในคราวเดียว ท่านคิดว่าอย่างไร?”องค์ชายรองฉินอวิ๋นฮุยผู้เสียทีให้กับฉินอวิ๋นฟานมาหลายต่อหลายครั้ง ระมัดระวังรอบคอบมากขึ้น แม้เขาจะมีไพ่ตายอยู่ในมือ แต่ก็ไม่กล้าไปหาเรื่องฉินอวิ๋นฟานผู้เป็นดาวพิฆาตคนนี้ ทันทีที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน เขาจะรับแรงสะเทือนถึงชีวิตชนิดนั้นไม่ไหว“ข้าว่าดียิ่ง!”ฮั่วเจิ้นหลงผงกศีรษะเห็นด้วยเนือง ๆ โบราณกล่าว ขับขี่ระวังได้เรือหมื่นปี[1] เขาเห็นดีเห็นงามแผนกา
......หลังจากออกจากตำหนักเหยียนเหนียน ฉินอวิ๋นฟานก็ไม่ได้ว่าง เขามาถึงเรือนตระกูลมู่หรงทันที ยามนี้พ่อตาเฒ่ามู่หรงซื่อควานกำลังรออยู่แล้ว“พ่อลูกเขย เจ้ามาได้สักที!”ฉินอวิ๋นฟานเพิ่งเข้ามาถึงห้องโถง สุราดีอาหารรสเลิศเตรียมพร้อมสรรพบนโต๊ะอาหารแล้ว รอแต่คนสำคัญของานปรากฏตัว แม้มู่หรงซื่อควานจะมีฐานะสูงส่งเป็นถึงพ่อตาของรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินต้าเฉียน แต่ก็ไม่กล้าจัดงานเลี้ยงพอฉินอวิ๋นฟานโผล่มา มู่หรงซื่อควานก็ฉีกยิ้มปรี่ไปหาทันที อย่างไรเสีย ลูกเขยคนนี้คือความภูมิใจสูงสุดของเขา ถ้าไม่มีลูกเขยคนนี้ ตระกูลมู่หรงจะทะยานรุดหน้าได้อย่างรวดเร็วในระยะเวลาสั้น ๆ หนึ่งเดือนได้อย่างไร?“ท่านพ่อตาเกรงใจแล้ว ข้าเพิ่งเสร็จธุระม้าไม่หยุดเท้ามาทันที แต่ก็ยังทำให้พวกท่านรอเสียนาน”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มแย้มเข้าไปหา“รอไม่นาน รอไม่นาน มาได้เวลาพอดี!”มู่หรงซื่อควานรีบนำทางให้ฉินอวิ๋นฟานนั่งตำแหน่งหลัก ในยุคสมัยนี้ สูงต่ำมีลำดับ แม้ว่าฉินอวิ๋นฟานจะเป็นลูกเขย แต่อย่างไรเขาก็คือรัชทายาทของแว่นแคว้น ฐานะสูงศักดิ์เพียงไร ดังนั้นต้องให้เขาเป็นใหญ่บนโต๊ะอาหารฉินอวิ๋นฟานไม่เกรงใจนั่งลงเลย อู่จ้าน เซี่ยง
ฉินอวิ๋นฟานควบคุมวัฒนธรรมโต๊ะสุราได้แม่นยำนานแล้ว แม้เขาจะเกลียดรูปแบบประเภทนี้มาก แต่ก็ได้ประโยชน์จริง ๆ คนทั่วไปยากจะต่อต้านอีกอย่าง เวลานี้เป็นช่วงที่เขากำลังต้องการบุคลากร ทั้งตระกูลเจียงยังเป็นขั้วอิทธิพลยุทธภพ สามารถประกันกำลังให้เขาได้มากขึ้นมากฉินอวิ๋นฟานรีบพูด “อาเจียง นี่ล้วนสมควร ท่านคือผู้ใหญ่ ทั้งยังเป็นสหายร่วมตายของท่านพ่อตาข้า ข้าได้ยินท่านพ่อตาชื่นชมท่านอยู่บ่อย ๆ”“บอกว่าท่านเป็นคนซื่อตรง รักษาสัจจะ ตระกูลเจียงยิ่งมีผู้มากความสามารถนัก จิตใจผดุงความเป็นธรรม ข้าก็รู้สึกภูมิใจกับท่านพ่อตาที่มีสหายเช่นท่านเหมือนกัน!”ฉินอวิ๋นฟานสรรเสริญเยินยอไปชุดใหญ่ ชมจนเจียงเฟิงทำอะไรไม่ถูก หัวใจชุ่มฉ่ำ“ตระกูลเจียงเราเป็นแค่ขั้วอิทธิพลยุทธภพเล็ก ๆ กลับได้รับการวิจารณ์จากรัชทายาทสูงเช่นนี้ เป็นวาสนาของตระกูลเจียงแล้ว”เจียงเฟิงส่ายหน้าพลางพูด“แม้ตระกูลเจียงจะไม่ได้อยู่ที่เมืองหลวง แต่ข้าเคยได้ยินชื่อเสียงมานานแล้ว คู่ควรต่อคำวิจารณ์สูงเช่นนี้โดยแท้ ดังนั้นข้าจึงขอร้องท่านพ่อตาหลายครั้ง หวังว่าจะได้พบกับผู้นำตระกูลเจียงสักหน”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย “วันนี้ได้พบ ท่วงทำนองสะท้อนคน ใจ
ในเมื่อฉินอวิ๋นฟานพูดขนาดนี้แล้ว จะต้องทำได้แน่นอน!“พี่เจียง รัชทายาทวางพิมพ์เขียวมโหฬารเอาไว้นานแล้ว ในฐานะที่เป็นสหาย ข้าหวังว่าเราจะได้ร่วมกันทำงานใหญ่ แน่นอน ข้าเคารพการตัดสินใจของท่าน หวังว่าท่านจะตรึกตรองให้ดี!”มู่หรงซื่อควานก็พูดอย่างจริงจังอยู่ด้านข้างเหมือนกันเจียงเฟิงหันหน้าเคลื่อนสายตาไปมองบุตรชายเจียงเสี่ยวไป๋ ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา “เสี่ยวไป๋ เรื่องนี้จะตัดสินชะตาในอนาคตของตระกูลเจียง เจ้าเห็นว่ายังไง?”เจียงเสี่ยวไป๋สีหน้าเคร่งขรึม “ท่านพ่อ ขนาดท่านลุงเซี่ยงยังเชื่อรัชทายาทเช่นนี้ พวกเรายังมีอะไรต้องลังเลอีกหรือ? แน่นอน ข้าสนับสนุนการตัดสินใจทุกเรื่องของท่าน!”ท่าทีของเจียงเสี่ยวไป๋ชัดเจนมาก มิหนำซ้ำเขายังเคยได้ยินเชื่อเสียงของฉินอวิ๋นฟานมาแต่แรกแล้ว เรื่องที่เมืองจัวเรียกได้ว่ารู้กันถ้วนหน้า นั่นคือผู้ที่เป็นแบบอย่างซึ่งเขาเคารพ สามารถติดตามนายเช่นนี้ได้ เขาไม่เสียใจแล้ว!เจียงเฟิงแบกรับชะตาของทั้งตระกูล ย่อมไม่กล้าผลีผลาม เมื่อได้รับการสนับสนุนจากทุกคน เขามีหน้าเข้มขรึม คล้ายตัดสินใจในเรื่องที่ลำบากมากเขาเอ่ยด้วยสายตาแน่วแน่ “รัชทายาท ตระกูลเจียงยินดีเข้าร่วมก
จ้องเถ้าแก่ที่ผู้สมัครใจติดตาม ฉินอวิ๋นฟานฉายรอยยิ้มเต็มใบหน้า คนเหล่านี้ทำงานด้านการก่อสร้าง การค้าแปรรูปไม้ ผลิตเครื่องเรือน เครื่องเคลือบ อิฐกระเบื้องเป็นส่วนใหญ่พวกเขาไม่มีภูมิหลังตัวตนนัก ดังนั้นจึงทำการค้าในเมืองหลวงด้วยความยากลำบากอย่างหาที่เปรียบมิได้ อาศัยฝีมือดีและอยู่ในสายงานนี้ได้เพียงระดับกลาง นอกจากนี้พวกเขายังถูกคนของทางการและขุนนางสะกดข่มอยู่เสมอ มักต้องควักเงินทองแสดงความกตัญญู หวังว่าจะเอาตัวรอดภายใต้การกดขี่จากพวกบุญหนักศักดิ์ใหญ่เหล่านี้ พวกเขาลำบากแสนเข็ญ เงินส่วนมากล้วนถูกผู้มีอำนาจสูงศักดิ์เหล่านั้นรีดไถไปด้วยข้ออ้างและเหตุผลต่าง ๆ นานา หากได้แต่มองตาปริบ ๆในตอนที่ฉินอวิ๋นฟานสร้างโรงแรมห้าดาวต้าเฉียนได้นำคนทำความเข้าใจกับทั้งเมืองหลวง ศึกษาตื้นลึกหนาบาง สุดท้ายพบว่าฝีมือของคนพวกนี้ประณีตโดยแท้ ทว่าการค้ากลับเงียบเหงา กลับมีบางคนที่นำสินค้าบ้าน ๆ เข้ามา แต่ขายดีเทน้ำเทท่า แถมยังประกอบกิจการใหญ่โตอีกสุดท้ายก็คือมีคนทำการค้าโดยรูปแบบสกปรก ผูกขาด กดขี่ ใช้วิธีการเดียวกับพวกมาเฟีย ดังนั้นบรรดาเถ้าแก่น้ำดีมีความสามารถจึงมีการค้าเพียงน้อยนิดนี่อดทำให้ฉินอวิ๋นฟ
ทันใดนั้นฉินอวิ๋นฟานก็เอากระดาษออกมาแล้วเอ่ยเสียงหนัก “ถ้าอยากจะเข้าร่วมกับข้า แค่คำมั่นลมปากยังไม่พอ ที่ข้าฉินอวิ๋นฟานเกลียดที่สุดก็คือคนที่ตีสองหน้า!”“ดังนั้นต้องลงชื่อในสัญญาร่วมเป็นตายฉบับนี้ข้าจึงจะเชื่อความภักดีของพวกท่าน ไม่ว่าผู้ใดทรยศหักหลังก็คือตายทั้งตระกูล ตอนนี้ถ้ามีคนนึกเสียใจแล้วยังทัน!”“อะไรนะ?! นี่ นี่จะทำยังไงดี?!”“นั่นสิ ดีไม่ดียังต้องถูกฆ่าล้างทั้งตระกูล นี่...”“สัญญาร่วมเป็นตายฉบับนี้จะลงชื่อยังไง? ลงชื่อไปแล้วไม่เท่ากับฝากชีวิตไว้ในมือของรัชทายาทหรือ... วันข้างหน้าจะหันหลังกลับไม่ได้แล้วนะ!”......เมื่อได้ยินว่าต้องลงชื่อในสัญญาร่วมเป็นตาย ทุกคนก็ตื่นตระหนกทันที สีหน้าปั้นยากฉับพลัน พวกเขารู้เรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานทำในต้าเฉียนดี ถ้าลงชื่อไปแล้วจะต้องทำตามทุกอย่างโดยไม่มีเงื่อนไข มิเช่นนั้น...“มีปัญหาก็ถามตอนนี้ได้ทุกเมื่อ คิดว่าไม่เหมาะสมก็ไปได้ คิดว่าเหมาะสมก็อยู่ต่อ ข้าที่นี่ไม่ต้องการคนไม่ซื่อ!”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงเย็นเฉียบ“นี่...”ทุกคนต่างมองหน้ากัน ชั่วขณะไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีเป็นตอนนี้เอง เสิ่นวั่นซานก้าวออกมาอีกครั้ง ลงชื่อตัวเองในสัญญาอ
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน
“ได้!”ถังเจิ้นไห่พูดหน้าขรึม “ประการที่สองของความผิดร้ายแรงสามประการ รัชทายาทร่วมกันสร้างถนนกับแคว้นต่าง ๆ เรื่องนี้อึกทึกครึกโครมไปทั่ว ทันทีที่สร้างถนนที่กว้างยิ่งขึ้น การคมนาคมจะสะดวก คืออยากให้แคว้นรอบข้างรุกรานต้าเฉียนเราสะดวกยิ่งขึ้นหรือ? การกระทำเช่นนี้มิใช่แผนการล่มชาติแล้วมันคืออะไร?!”ซี้ด...เมื่อทุกคนได้ฟังต่างสูดลมเย็นเข้าปาก เกิดความสงสัยอย่างหนักกับจุดประสงค์ของฉินอวิ๋นฟาน ด้านหนึ่งมอบธัญพืช ด้านหนึ่งสร้างถนนกับทุกแคว้น จุดประสงค์จะชัดเจนเกินไปแล้วกระมัง?“ต่อ ประการที่สามเล่า!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มเรียบ เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะไปไกลขนาดไหน ช่างเป็นคนที่มีขอบเขตความรู้ความเข้าใจและวิสัยทัศน์โดยแท้ การกำหนดอนาคตของบ้านเมือง เป็นเช่นนี้ดังคาดหากให้พวกเฮ่อชินอ๋องเรืองอำนาจจริง ต้าเฉียนมิต้องจบเห่หรือ? ให้สวะพวกนี้ดูแลบ้านเมือง บ้านเมืองนั้นยังจะมีความหวังอะไร?พวกเขานอกจากจะมีความชั่วร้ายอยู่เต็มอก มีความคิดดำมืดอยู่เต็มสมอง ยังจะทำอันใดได้อีก?“หึ!”ถังเจิ้นไห่แค่นเสียงแล้วจึงเอ่ย “ประการที่สาม รัชทายาทร่วมมือกับแคว้นต่าง ๆ กีดกันต้าเยียน สังหารบุตรชายคนที่สี่ข
“อ้อ? ความผิดร้ายแรงสามประการของฟานเอ๋อร์? ไหนลองว่ามาดูสิ!”ไท่ซั่งหวงตั้งสมาธิ นึกสนใจขึ้นมาทันที อย่างลับ ๆ เขาให้ความสนใจกับพฤติกรรมของฟานเอ๋อร์มาก ไม่เคยได้ยินความผิดร้ายแรงสามประการอันใด เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะพูดอะไรความผิดร้ายแรงสามประการเสมือนระเบิดลูกใหญ่ ทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกขึ้นมา ยามนี้สายตาของทุกคนในที่นั้นต่างรวมศูนย์อยู่ที่ตัวของถังเจิ้นไห่“ประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการ ได้ยินว่ารัชทายาททำเมล็ดพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ขึ้นมา สามารถให้ผลผลิตสูงมาก เดิมนี่คือโอกาสดีที่สุดที่ต้าเฉียนเราจะแจ้งเกิด คิดไม่ถึงว่ารัชทายาทกลับมอบเมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูงให้กับแคว้นต่าง ๆ รอบข้าง ช่วยให้พวกเขามั่งคั่งมากขึ้น”ถังเจิ้นไห่กล่าวเสียงหนัก “ขอถามทุกท่านในที่นี้ พฤติกรรมเช่นนี้ของรัชทายาทคือกำลังช่วยเหลือศัตรูน่ากลัวของเราหรือไม่? พฤติกรรมเช่นนี้ของเขา คือการขายชาติหรือไม่?!”ตูม...ครั้นถังเจิ้นไห่กล่าวถ้อยคำนี้ออกมา บรรดาขุนนางต่างอึกทึกครึกโครม คนทั้งโลกต่างรู้เรื่องที่เมืองจัวเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์แทบทุกคน และเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานลงนามสัญญากับแคว้นต่าง ๆ ก็รู
“อื่ม! ดี!”ไท่ซั่งหวงเอ่ยเสียงหนัก “เช่นนั้นข้าขอประกาศอย่างเป็นทางการ แต่งตั้งหวังอันสือเป็นหัวหน้าสำนักศึกษาหลวง เจี่ยงฝานฝานเป็นรองหัวหน้า การรับตำแหน่งนี้มีผลอย่างเป็นทางการ หัวหน้าขันทีเฉา ร่างราชโองการเดี๋ยวนี้ ประกาศต่อใต้หล้า!”เมื่อเรื่องราวสิ้นสุดลง ใจที่กระวนกระวายของฉินอวิ๋นฟานก็สงบ เขามองจางเต้าหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง!ทว่าคนอื่น ๆ กลับมีความรู้สึกที่แปลกออกไป หลังจากหวังอันสือได้ขึ้นตำแหน่ง ทำให้พวกเขาตระหนักว่าสถานการณ์ในราชสำนักกำลังหลุดจากการควบคุมอย่างช้า ๆ ฉินอวิ๋นฟานกำลังจะครองราชสำนัก“เอาละ เรื่องสำนักศึกษาหลวงก็สิ้นสุดแล้ว แต่จะละเลยผลงานการไปเมืองอู่โจวของฟานเอ๋อร์ครั้งนี้ไม่ได้”ไท่ซั่งหวงกล่าวเสียงเข้ม “ฟานเอ๋อร์ไม่เพียงแต่ทำคำสัญญาเมื่อครึ่งปีก่อนสำเร็จ ยิ่งทำให้เศรษฐกิจต้าเฉียนเราพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ท้องพระคลังเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ พสกนิกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างช้า ๆ ทุกคนต่างเห็นความยอดเยี่ยมของฟานเอ๋อร์”“ฟานเอ๋อร์ ว่ามาเถอะ เจ้าอยากได้อะไรเป็นรางวัล? ขอเพียงสมเหตุสมผล ข้าจะให้เจ้าดังปรารถนา!”ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกดีใจมากที่
“...”‘ไม่ว่าจะเป็นใคร คนผู้นั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี’ ประโยคเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ถังเจิ้นไห่สยบ แม่งเอ๊ย เขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว หากเขามีความจำเป็นพูดออกมาไม่ได้!การเล่นเกมเลี่ยงบาลีของฉินอวิ๋นฟานทำให้แนวป้องกันของถังเจิ้นไห่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางต่างกัดฟันกรอด กลับทำอะไรไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานเฉกเช่นปลาหนีชิวลื่นไหลตัวหนึ่ง ทำอะไรเขาไม่ได้เลย!จางเต้าหลินที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงกับการกระทำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน เขาเคยเห็นคนหน้าด้าน กลับไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าหนาไร้ยางอายเช่นฉินอวิ๋นฟานมาก่อน หน้าไม่อายที่สุด!คนคนหนึ่งปั่นหัวเหล่าขุนนางใหญ่เป็นว่าเล่น โมโหโทโสจนร่ำไห้หาพ่อร้องหาแม่ กลับจนปัญญา ดูสีหน้าเขียวปัดของถังเจิ้นไห่ จางเต้าหลินกลั้นหัวเราะอย่างหนัก กลั้นจนภายในจะบอบช้ำแล้ว“เอาละ ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พอแค่นี้เถอะ!”ไท่ซั่งหวงเห็นว่าพอประมาณแล้ว จึงตัดสินเรื่องนี้ในที่สุด ได้แต่บอกว่าฟานเอ๋อร์ใช้ไหวพริบและผลลัพธ์ก็คือว่าเป็นที่น่าพอใจ“จางไท่เว่ย ในเมื่อมีสามตัวเลือก และทุกคนก็แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”ไท่ซั่งหวงไม่ได้ยอมรับคว
ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยปากเดี๋ยวนั้น “ข้าแค่บอกว่า ‘สัจธรรมมักอยู่ในมือของคนส่วนน้อย ของไร้ประโยชน์กองหนึ่งสนับสนุนมีประโยชน์อันใด?’ ข้าระบุหรือยังว่าหมายถึงใคร?”“หือ? รัชทายาท นี่ท่านหมายความว่ายังไง?”เห็นท่าทางฉินอวิ๋นฟานกำลังจะแก้ต่างให้ตัวเอง ถังเจิ้นไห่หน้าดำทะมึน เขาพูดขึ้นมาทันทีว่า“แน่นอนว่าหมายความตามนั้น ยังจะมีความหมายอะไรอีก?”ฉินอวิ๋นฟานแบมือออก “ข้ารำคาญของไร้ประโยชน์จำนวนหนึ่งมากจริง ๆ นี่คือการแสดงออกและการระบายของข้าตามปกติ มีปัญหาอะไรหรือ? ที่ข้าพูดมาได้ชี้ไปที่ใครแล้วหรือยัง?”คำอธิบายที่มาอย่างกะทันหันของฉินอวิ๋นฟานทำให้ทุกคนในที่นั้นงงงวยไปเลย จริงอยู่ที่เมื่อครู่ฉินอวิ๋นฟานพูดว่าของไร้ประโยชน์จำนวนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นใครนี่“ไม่ถูก รัชทายาท เมื่อครู่ท่านไม่ได้หมายความว่าอย่างนี้นี่!”ยามนี้สมองน้อย ๆ ของถังเจิ้นไห่ถูกฉินอวิ๋นฟานทำให้ฝ่อแล้ว ฉินอวิ๋นฟานมิใช่ทำเรื่องจริงให้บิดเบี้ยว เถียงข้าง ๆ คู่ ๆ หรือ? เล่นเกมเลี่ยงบาลีต่อหน้าทุกคนเลย?“เช่นนั้นขอถามแม่ทัพผู้เฒ่าถัง ข้าหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานย้อนถาม ทำให้ถังเจิ้นไห่อึ้งอยู่กับที่ หมายความว่าอย
“รัชทายาท ท่านก็เห็นแล้ว”ถังเจิ้นไห่มองไปทางฉินอวิ๋นฟานด้วยความกระหยิ่มแล้วเอ่ยต่อ “เวลานี้ทุกคนต่างสนับสนุนพ่อลูกตระกูลเจี่ยง ไม่มีใครสนับสนุนหวังอันสือสักคน ท่านยังจะโต้แย้งอีกหรือไม่?”กับความโอหังของถังเจิ้นไห่ ฉินอวิ๋นฟานหน้าดำทะมึนจนแทบหยดเป็นน้ำ ทว่าฉินอวิ๋นฟานมิใช่คนที่จะยอมแพ้ง่าย ๆ“เหอะ แล้วจะยังไง? สัจธรรมมักอยู่ในมือของคนส่วนน้อย ของไร้ประโยชน์กองหนึ่งสนับสนุนมีประโยชน์อันใด? ได้แต่พิสูจน์ให้เห็นถึงความคับแคบและเบาปัญญาของพวกเขาเท่านั้น!”ฉินอวิ๋นฟานเยาะเย้ยด้วยใบหน้าดูถูก ยิ่งพวกเขาทำเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานก็ยิ่งรำคาญ และยิ่งตอกย้ำการตัดสินใจที่จะสลายพวกเขาด้วยที่ต้าเฉียนอยู่อันดับรั้งท้ายเช่นนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะการเพิกเฉยและความฉ้อฉลของหนอนเจาะพวกนี้ จึงทำให้เกิดสถานการณ์ในปัจจุบัน พวกเขาเห็นดีเห็นงามไม่ได้หมายถึงฉินอวิ๋นฟานจะยอมแพ้“บังอาจ!!!”“น่ารังเกียจ!!!”“รัชทายาทจะทำเกินไปแล้วกระมัง พวกเราแค่แสดงความเห็นของพวกเราเท่านั้น กลับถูกรัชทายาทลบหลู่ด่าทอว่าเป็นของไร้ประโยชน์? ไม่เคารพผู้อื่นเอาเสียเลย!”“ไท่ซั่งหวงโปรดให้ความเป็นธรรมแก่พวกเราด้วยพ่ะย่ะค่ะ ในฐ
ดังนั้นหลังจากได้เมืองอู่โจวกลับคืนมา ชื่อเสียงและเสียงเรียกร้องที่มีต่อฉินอวิ๋นฟานในต้าเฉียนก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ หากพวกเขายังกบดานต่อไป เช่นนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็จะกลายเป็นไร้ความหมาย“อ้อ? แม่ทัพผู้เฒ่าถัง ท่านหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานประหลาดใจมากกับการที่จู่ ๆ ถังเจิ้นไห่ก็ก้าวออกมา หากฉินอวิ๋นฮุยกับฉินอวิ๋นคังออกมาแย้งเขา เขาจะไม่แปลกใจสักนิด แต่การออกหน้าของถังเจิ้นไห่ทำให้เขาจำต้องระวัง“รัชทายาทก็บอกมิใช่หรือ ในฐานะที่ข้าคือขุนนางของต้าเฉียน พวกเราสมควรทำงานเพื่อบ้านเมือง”ถังเจิ้นไห่กล่าวสีหน้าเคร่งขรึม “ดังนั้นกระหม่อมคิดว่าหวังอันสือไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหัวหน้านี้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเห็นว่าหัวหน้าสำนักศึกษาหลวงต้องเลือกผู้ที่มีความสามารถเหนือคน มีชาติตระกูลดีสืบทอดมาดำรงตำแหน่งจะเหมาะสมกว่า”“อื่ม ที่ใต้เท้าถังว่ามาก็ใช่จะไม่มีเหตุผล”ไท่ซั่งหวงพยักหน้า เอ่ยปากด้วยสีหน้าสงบ “ไม่ทราบว่าใต้เท้าถังมีคนที่เหมาะสมกว่าหรือไม่?”ถังเจิ้นไห่ตอบหนักแน่น “ทูลไท่ซั่งหวง กระหม่อมคิดว่าบุตรชายเจี่ยงหย่งกังจากสำนักราชเลขา เจี่ยงฝานฝานเหมาะสมกว่าพ่ะย่ะค่ะ ตระกูลเจี่ยงไม่เพียงแ
“เด็กบางคนคือเด็ก เด็กบางคนเกิดมาก็คือปีศาจ ข้าฆ่าปีศาจมีอะไรผิด?”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ถ้าพี่รองไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ก็ตรวจสอบให้ละเอียดได้ หากข้าไม่มีจุดไหนที่ทำไม่ถูก ท่านก็ต้องทนเอาไว้ อย่างไรนี่ก็คือลักษณะการทำงานของข้าฉินอวิ๋นฟาน”“สำหรับทำไมถึงฆ่าคนเยอะอย่างนั้น ข้าได้แต่บอกท่านว่าพวกเขาล้วนสมควรตาย พร้อมกันนั้น ข้ากำลังเตือนทุกคน มีบางเรื่องทำได้ มีบ้างเรื่องทำไม่ได้ ถ้าใครกล้าล้ำเส้น ข้าฉินอวิ๋นฟานก็จะเอาชีวิตมันผู้นั้นเหมือนกัน!”“และถ้าจะให้ข้ามอบเหตุผลให้ได้ละก็ เช่นนั้นข้าได้แต่พูดว่าเพราะข้าคือรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินของต้าเฉียน มีกระบี่อาญาสิทธิ์อยู่ในมือ คือผู้ดำรงกฎหมายต้าเฉียน ข้ามีอำนาจและมีหน้าที่พิทักษ์บ้านเมืองของต้าเฉียน ชาวบ้านคือรากฐานของเรา มิใช่คนที่พวกท่านจะข่มเหงรังแกได้ตามอำเภอใจ!”ซี้ด...ฉินอวิ๋นฟานกล่าววาจาเผด็จการ ทำเอาทุกคนในที่นั้นต่างสูดลมเย็นเข้าปาก แม้ในใจพวกเขาจะมีความแค้นมากมายเพียงใด หากเวลานี้ได้แต่สะกดกลั้นเอาไว้เพราะฉินอวิ๋นฟานไม่เพียงแต่มีอำนาจประหารอันเป็นอำนาจสูงสุด ยังยืนอยู่บนจุดสูงสุดของอำนาจราชวงศ์ต้าเฉียน ผู้ใดกล้าคั