“ไม่ใช่นะขอรับ องค์ชายห้า หากเรื่องนี้เล็ดลอดออกไปจะต้องสะเทือนไปทั้งราชสำนักแน่ ไม่อย่างนั้นข้าน้อยจะไปถามองค์ชายรองสักหน่อยไหมขอรับ?”ชายชุดดำพูดอย่างระมัดระวัง“ทำไม? ตอนนี้ไม่เชื่อฟังคำพูดข้าแล้วหรือ?”ฉินอวิ๋นผู่ในดวงตาเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร เขาเอ่ยเสียงเย็น “ในเมื่อเจ้าไม่อยากฟังคำสั่งจากข้า เช่นนั้นก็ไสหัวไปเถอะ ข้าจะหาคนอื่น ถือเสียว่าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ ถ้าแพร่งพรายไปถึงหูคนที่สาม ข้าจะฆ่าล้างทั้งตระกูลเจ้า”“รับคำสั่งองค์ชายห้า ข้าน้อยจะไปปฏิบัติเดี๋ยวนี้!”มีหรือชายชุดดำจะไม่เข้าใจความหมายขององค์ชายห้า เห็นชัดว่าตัดสินใจจะหาเรื่องฉินอวิ๋นฟานแน่แล้ว และไม่พอใจเขาอย่างยิ่งด้วย ขอเพียงเขากล้าเดินออกจากประตูนี้ไป เด็กและคนแก่ทั้งตระกูลจะต้องตายเขาในเวลานี้ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ถ้าไม่ฟังคำสั่งขององค์ชายห้าก็คือรอความตาย!เห็นเงาแผ่นหลังของชายชุดดำที่จากไป ฉินอวิ๋นผู่ยกยิ้มมุมปาก ใบหน้าชั่วร้าย...ตอนนี้ฉินอวิ๋นฟานมาถึงประตูเมืองฝั่งทิศใต้แล้ว ตามการบอกของจางเต้าหลิน ไม่นานเขาก็มาถึงเรือนเก่าซอมซ่อแห่งหนึ่งก๊อก ๆ ๆ...อดกลั้นต่อความสับสน ฉินอวิ๋นฟานเคาะประตูเก่า ๆ บาน
“เฮ้อ! ขายหน้าจริง ๆ!”ฉินอวิ๋นฟานจนปัญญาจึงต้องเคาะประตูอีกหน เสียงหงุดหงิดอย่างยิ่งของลิ่งหูเสี่ยวดังตรงหน้ามาอีกครั้ง “ใครน่ะ โรคจิตใช่ไหม? จะไม่ให้คนได้หลับได้นอนหรือยังไง!”ถูกลิ่งหูเสี่ยวตวาดใส่ ฉินอวิ๋นฟานได้แต่รายงานฐานะของตัวเอง “เปิดประตู ข้าคือรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินต้าเฉียนฉินอวิ๋นฟาน!”“รัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินต้าเฉียนฉินอวิ๋นฟาน?”พอลิ่งหูเสี่ยวได้ยินก็ชะงักไป จากนั้นก็เผยความดูถูกตรงมุมปากออกมาอีก ดึกดื่นเที่ยงคืน รัชทายาทจะมาชุมชนแออัดหาเขาทำไม?ลิ่งหูเสี่ยวในตอนนี้สมองตื่นแล้วกว่าครึ่ง เขาโต้กลับไปด้วยความโมโห “ถ้าเจ้าคือรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดิน งั้นข้าก็คือไท่ซั่งหวง”“แม่เอ๊ย นี่เขาจะข่มข้าหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานมุมปากกระตุก หน้าดำเหมือนหมิ่นหม้อเพื่อให้สามารถอยู่รอดต่อไปในยุคนี้ เพื่อใช้สติปัญญาและความเพียรของตัวเองสร้างโลกอันสงบสุข กลางดึกมีสาวงามไม่สน กลับวิ่งมาหาผู้มีความสามารถสมควรแก่การเคารพยกย่อง แต่ดันถูกอีกฝ่ายด่าเป็นเจ้าลูกเต่า? ทำไมมันยากอย่างนี้นะ!“แค่ก ๆ ใครใช้ให้เมื่อกี้เจ้าวางมาดเล่า?”อู่จ้านเห็นฉินอวิ๋นฟานหน้าดำเป็นหมิ่นหม้อเกือบขำพร
“ปกติเจ้าได้เบี้ยหวัดเท่าไร? ทำไมถึงอยู่ในที่โกโรโกโสเช่นนี้? หรือว่าบ้านที่ดูดีสักหน่อยก็ไม่มีปัญญาซื้อหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานถามด้วยใบหน้าฉงน“ข้าน้อยได้เบี้ยหวัดเดือนละสิบตำลึงเงินขอรับ บวกกับค่าใช้จ่ายของคนแก่และเด็กจะซื้อบ้านไหวที่ไหน? เฮ้อ! ยังดี ฮูหยินของข้าน้อยเป็นคนมีเหตุผล มิเคยคิดเล็กคนน้อย ครอบครัวจึงถือว่าปรองดอง”ลิ่งหูเสี่ยวส่ายหน้าพูดด้วยความจนใจบ้านซอมซ่อเช่นนี้ ถ้าจะบอกว่ารังหนูก็ไม่เกินไป ดีกว่าบ้านมุงจากหน่อยเดียว พอจะหลบลมหลบฝนได้ ด้วยค่าครองชีพของเมืองหลวงต้าเฉียน สิบตำลึงเงินพอให้ครอบครัวกินใช้เท่านั้น จะซื้อบ้านคือการหวังสูงอย่างหนึ่งจริง ๆ“เบี้ยหวัดน้อยไปหน่อยจริง ๆ”ฉินอวิ๋นฟานลูบคางแล้วเอ่ย “ได้ยินว่าเจ้าเป็นคนมีความสามารถ ข้าอยากฟังความเห็นของเจ้าเกี่ยวกับภัยพิบัติครั้งนี้ ถ้ามีมาตรการแก้ไขปัญหาทำให้ข้าพอใจได้ ข้าจะเลื่อนขั้นขึ้นเบี้ยหวัดให้เจ้า สำหรับบ้านก็จะจัดการให้ด้วย”พอลิ่งหูเสี่ยวได้ยินก็กระตือรือร้นทันที พูดด้วยความตื่นเต้นอย่างหาที่เปรียบมิได้ “รัชทายาท ข้าน้อยเคยศึกษาวิเคราะห์ภูมิประเทศของต้าเฉียนมามาก พื้นที่กว่าครึ่งของต้าเฉียนคือเนินเขาและภ
“ความสามารถของเจ้าได้รับการยอมรับจากข้าแล้ว พรุ่งนี้ตามคนของข้าไปพื้นที่ภัยพิบัติเถอะ จัดการได้เต็มที่ เป็นอย่างไร?”ฉินอวิ๋นฟานในตอนนี้ไม่สนใจว่าลิ่งหูเสี่ยวจะเป็นคนของทางฝั่งไหนกันแน่ ในยุคนี้ มีคนเช่นนี้อยู่จึงจะเป็นวาสนาของประชาชน เพราะเขาสามารถเปลี่ยนชะตาของประชาชนได้แต่จะว่าไป ถ้าเขาเข้าพรรคเข้าพวกจริง แล้วจะอยู่ในบ้านซอมซ่อเช่นนั้นได้อย่างไร? คนแบบนี้ มีแต่ต้องให้เขาอยู่ในที่ที่เหมาะสมจึงจะแสดงความสามารถล้ำเลิศของเขาออกมาได้ ฉินอวิ๋นฟานใช้งานเขาก็วางใจด้วย“ข้าน้อย ยินดี ข้าน้อยยินดีอย่างยิ่งขอรับ!”ลิ่งหูเสี่ยวคุกเข่าลงด้วยความตื้นตันอีกครั้ง โขกศีรษะกับฉินอวิ๋นฟานสามหน โบราณว่าไว้ ม้าพันลี้มีมาก แต่ผู้ฝึกม้ามีน้อย ฉินอวิ๋นฟานก็คือผู้ฝึกม้าของเขาเขาคือผู้ขจัดภัยน้ำโดยเฉพาะ กลับถูกให้ลงทะเบียนอยู่ในกรมโยธา เป็นพนักงานว่างงานจัดระเบียบเอกสาร หลายปีมานี้อย่าให้พูดเลยว่าหัวใจขื่นขมแค่ไหน“ดึกมาแล้ว ข้าจะกลับแล้วนะ พรุ่งนี้เจ้าอย่าลืมไปรายงานตัวที่ภัตตาคารต้าเฉียนแต่เช้าด้วย”ยุ่งงวดมาทั้งวัน ฉินอวิ๋นฟานอ่อนล้าทั้งกายและใจมานานแล้ว เขาอ้าปากกว้างหาวหวอดก่อนจะลุกขึ้นยืนเตรีย
อู่จ้านตะคอกเสียงหนึ่ง สองมือสั่นระริก จับแขนของฉินอวิ๋นฟานเอาไว้แล้วเอ่ยเสียงหนัก “องค์ชายห้าสมควรตายจริง แต่จะหาโอกาสเหมาะ ๆ ได้ไหม? ฆ่าเขาตอนนี้ไม่เท่ากับต้องตายไปพร้อมกันหรือ? ความพยายามเมื่อก่อนหน้านี้มิต้องสูญเปล่า?”ฉินอวิ๋นฟานถูกอู่จ้านตะคอกใส่จึงใจเย็นลงหน่อย นึกถึงผู้ประสบเคราะห์ที่ต้องหิวตายสามแสนคน หัวใจของเขาทรมานราวถูกมีดกรีด“ได้ ข้าจะไม่ฆ่าเขา แต่ก็ต้องเก็บดอกเบี้ยให้ชาวบ้านที่ตายไปพวกนั้นหน่อย”ฉินอวิ๋นฟานที่ใจเย็นลงแล้วมุ่งหน้าไปคุกหลวงต่อในห้องขัง ฉินอวิ๋นผู่ที่เล่นไพ่เสร็จกำลังนอนหลับปุ๋ย นอนโอบกอดสาวงามร่างเปลือยอยู่ข้างกายอยู่บนเตียงใหญ่ในห้องขัง นี่มันไม่เหมือนกำลังติดคุกเลย แต่เหมือนกับอยู่บ้านตัวเองฉินอวิ๋นฟานเห็นภาพนี้แล้วสีหน้าเปลี่ยนเป็นแย่ ไฟโกรธปะทุขึ้นมาในหัวใจอีกครั้ง คว้าแส้ด้านข้างแล้วฟาดลงไปตรง ๆ“โอ๊ย ๆ...”ฉินอวิ๋นผู่ในความฝันถูกเฆี่ยนพร้อมกับหญิงสาวกะทันหัน ความเจ็บปวดแล่นมา อุทานร้องเสียงหลงในบัดดล ทันทีที่ทั้งสองลืมตาขึ้นก็คืนสติสัมปชัญญะ ตื่นโดยสมบูรณ์“ฉิน ฉินอวิ๋นฟาน? เจ้า เจ้ามาได้ยังไง?”ฉินอวิ๋นผู่สะดุ้งเดี๋ยวนั้น รีบใช้ผ้าปูเตีย
กลับถึงตำหนักรัชทายาท มู่หรงจิ่นหลับสนิทไปแล้ว แต่เล็กเสี่ยวจวี๋เป็นดั่งพี่น้องของมู่หรงจิ่น ร่างเงาไม่แยกจาก ทั้งยังร่วมเตียงเดียวกัน ครั้นฉินอวิ๋นฟานที่อ่อนล้าเห็นภาพนี้แล้วก็กระปรี้กระเปร่าไปทั้งคนทันทีมู่หรงจิ่นอยู่ในชุดนอนผ้าบางสีชมพู เสี่ยวจวี๋สวมชุดนอนผ้าบางสีฟ้า บางจนแทบจะเห็นทะลุปรุโปร่ง เนื้อหนังขาวสะอาดปานหิมะ หน้าอกสูงโด่งตั้งชั้นปรากฏอยู่ตรงหน้าฉินอวิ๋นฟานทั้งหมดภาพตรงหน้านี้ ฉินอวิ๋นฟานเห็นแล้วไฟราคะพุ่งปรี๊ด ลำคอแห้งผาก ทันใดนั้นท้องน้อยเร่าร้อนขึ้นมาอย่างหาที่เปรียบมิได้“แม่ยาหยี ข้ามาแล้ว!”ฉินอวิ๋นฟานยังจะสนอะไรมากได้ กระชากเสื้อผ้าบนตัวแล้วกระโจนเข้าไปทันที มุดหน้าลงจมกับความนุ่มนิ่มหอมหวาน“ว๊าย...”การเข้าร่วมอย่างกะทันหันของฉินอวิ๋นฟานทำให้สองนางที่กำลังหลับใหลสะดุ้งตื่น พอเห็นฉินอวิ๋นฟานตัวเปล่าล่อนจ้อน พวกนางก็ขวยเขินส่งเสียงหวานทันที“นางจิ้งจอกสองตัว ดูสิว่าข้าจะจัดการพวกเจ้ายังไง!”สองดรุณีแม้ถูกทำให้ตกใจตื่น แต่ก็ยังมีท่าทางงัวเงียชวนให้คนลุ่มหลงภาพตรงหน้านี้ ฉินอวิ๋นฟานอดกลั้นไม่ไหวอีกแล้ว สถานการณ์กลับตาลปัตร กุมอำนาจเป็นผู้กระทำก่อนภายใต้คว
ลิ่งหูชงซึ่งมีฐานะเป็นกุนซือมือหนึ่งข้างกายองค์ชายรองก็จนปัญญากับองค์ชายห้าเหมือนกัน เขาดูสถานการณ์ไม่ออก และไม่รู้จักสำรวมตัว หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเกรงว่าจะเป็นอุปสรรคในการขึ้นครองราชย์ขององค์ชายรองแต่อย่างไรเขาก็เป็นแค่กุนซือ ไม่กล้าพูดเรื่องในครอบครัวขององค์ชายรองมากนัก ได้แต่เตือนเล็กน้อย“แล้วตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง? อาการบาดเจ็บสาหัสหรือไม่?”องค์ชายรองสีหน้าดำทะมึนพลางเอ่ยเสียงหนักลิ่งหูชงตอบ “บาดแผลภายนอกค่อนข้างหนักเท่านั้น ให้หมอหลวงมาทำแผลแล้ว ไม่เป็นอะไรมาก”“ไม่ตายก็พอ ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนกับเขา ไม่อย่างนั้นไม่แน่ว่าต่อไปยังจะก่อเรื่องใหญ่อะไรขึ้นอีก ให้เขาสำนึกผิดอยู่ในห้องขังสักหน่อยเถอะ”ตอนนี้องค์ชายรองก็ตระหนักในความร้ายแรงแล้ว นึกว่าเรื่องนี้จะทำให้น้องห้าสงบเสงี่ยมสักระยะ จึงไม่ได้ติดตามเรื่องนี้ต่อและเพราะความประมาทเลินเล่อของเขาเพียงครั้งเดียว ทำให้เรื่องนี้ปะทุขึ้นมาถึงขั้นมิอาจกอบกู้ในท้ายที่สุดเช้าตรู่ สองดรุณีตื่นขึ้นมาจากความเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า เห็นฉินอวิ๋นฟานที่กำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่ตรงกลางและเตียงนอนที่ยุ่งเหยิงไปหมด พวกนางไม่รู้สึกต่อต้านเหมือนเมื
“ได้ ข้ารู้แล้ว สำหรับข้าเรื่องพวกนี้ไม่ยาก ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้แหละ”มู่หรงจิ่นลุกขึ้นยืนเตรียมจะออกไป กลับถูกฉินอวิ๋นฟานคว้าหมับ “แต่งตัวให้ผัวจ๋าก่อนสิ ผัวจ๋าจะไปกับเจ้า”ถูกฉินอวิ๋นฟานหยอกล้อทางวาจาอีกหน ครั้นเห็นสายตาเอาใจของฉินอวิ๋นฟานอีกครั้ง มู่หรงจิ่นใบหน้าขวยเขิน หยิบเสื้อผ้าชุดใหม่ที่พับไว้มาถึงตรงหน้าฉินอวิ๋นฟานขณะที่นางเห็นฉินอวิ๋นฟานตัวเปล่าล่อนจ้อนอย่างชัดเจนเป็นครั้งแรก ใบหน้าพลันกระดากฉินอวิ๋นฟานเห็นภาพนี้จึงยิ้มร้ายและพูดว่า “มีอะไรต้องอายกัน ใช่ว่าไม่เคยเห็น”“ไอ้หยา ท่านนิสัยไม่ดีจังเลย”มู่หรงจิ่นที่เขินอายรีบแต่งตัวให้ฉินอวิ๋นฟานอย่างรวดเร็วแล้วมาถึงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง สาวใช้สองคนก็เริ่มแต่งหน้าทำผมให้นางภัตตาคารต้าเฉียน เวลานี้เริ่มคึกคักนานแล้วฉินอวิ๋นฟานพามู่หรงจิ่นมาถึงตรงหน้าทุกคนด้วยท่วงทำนองที่โดดเด่นที่สุด“รัชทายาท!”เห็นฉินอวิ๋นฟานมาถึง พวกหลิวเป้ย ลิ่งหูเสี่ยว มู่หรงโหลว หานซิ่นและหลัวเหิงก็รีบมาโค้งคำนับ“มาครบแล้วนะ เช่นนั้นตอนนี้พวกเรามาเริ่มคุยเรื่องสำคัญกัน!”เห็นบรรดาคนที่เขาเชื่อใจและมีความคาดหวัง ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยสีหน้าเคร่งข