หลิวเป้ยถามอย่างไม่เข้าใจ “รัชทายาทเชิญถาม”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย “เรื่องการบรรเทาภัยพิบัติ อย่างมากหนึ่งเดือนก็แก้ไขเสร็จแล้ว ถึงตอนนั้นเจ้าคิดจะทำอะไร? มีแผนการหรือไม่?”หลิวเป้ยตอบด้วยใบหน้าปลาบปลื้ม “เฮ้อ ถ้าสามารถแก้ไขเรื่องผู้ประสบเคราะห์ได้ข้าน้อยก็วางใจแล้ว หลังจากทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบสันติ ข้าน้อยคิดจะทำอาชีพเดิมต่อขอรับ เพราะอย่างไรก็ต้องเลี้ยงปากเลี้ยงท้องครอบครัว”“สงบสันติ? เป็นไปไม่ค่อยได้กระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้วเอ่ย “เจ้าลืมโศกนาฏกรรมห้าเมืองไปแล้วหรือ? เจ้าคิดว่าต้าเยียนได้ห้าเมืองไปแล้วจะพอใจจริงหรือ?”“เมืองจัวอยู่ใกล้กับห้าเมืองเช่นนี้ ทันทีที่ต้าเยียนเปิดศึกกับต้าเฉียน จะต้องเสียเมืองจัวไปเป็นเมืองแรก เจ้าคิดว่าถึงตอนนั้นแล้วเจ้าจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้?”“เอ่อ นี่...”พอได้ยินคำพูดนี้ ใบหน้าหลิวเป้ยเปลี่ยนเป็นปั้นยากในพริบตา พอนึกถึงห้าเมืองเมื่อปีกลาย หลิวเป้ยปวดใจยิ่งนักพี่ชายลูกพี่ลูกน้องห่าง ๆ ของเขาเคยทำการค้ากับห้าเมือง ความเป็นอยู่นับว่าดี แต่สงครามที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้พวกเขาต้องกลายเป็นคนต่างบ้านต่างเมืองที่น่าเศร้ายิ่งกว่าคือ ภรรยาของ
“สถานการณ์ค่ายทานหลางระยะนี้เป็นยังไงบ้าง?”ฉินอวิ๋นฟานวางแผนรายละเอียดเรื่องการบรรเทาภัยพิบัติอีกเล็กน้อย หลังจากรับรองว่าจะไม่เกิดข้อผิดพลาดจึงให้ทุกคนไปเตรียมงานหลังจากนี้ ก่อนจะรั้งตัวหานซิ่นและหลัวเหิงให้อยู่ต่อหานซิ่นในตอนนี้ศีรษะสวมกวานหยก สวมชุดผาวสีน้ำเงินเข้ม พกกระบี่คมกริบตรงเอว แม้รูปร่างผอมแห้ง กลับสูงตรงมาก เป็นคนละคนกับที่ใส่เสื้อผ้าปุ ๆ ปะ ๆ เมื่อก่อนหน้านี้เขาเอ่ยปากช้า ๆ “ทะเบียนสำมะโนครัวทหารจัดทำเสร็จเรียบร้อยแล้วขอรับ พวกทหารซาบซึ้งใจกับการปฏิบัติอย่างพิเศษของรัชทายาทยิ่งนัก ฝึกซ้อมขยันขันแข็งมากขึ้น สองวันนี้ข้าน้อยรับสมัครคนฝีมือดีอีกสองพันคน รวมฝึกด้วยกันแล้ว หลังจากนี้จะรับและคัดเลือกทหารฝีมือดีมากขึ้นขอรับ”“ส่งเสริมทหารเก่าที่มีประสบการณ์มากจำนวนหนึ่ง ประเมินความสามารถของแต่ละคนและจัดแบ่งเป็นกลุ่ม เลือกทหารหน้าไม้ฝีมือดีสามร้อยคนหนึ่งหน่วย ศึกระยะประชิดและการโจมตีระยะไกลล้วนพัฒนาอย่างก้าวกระโดด”“หน้าไม้ขนาดกลางและขนาดใหญ่ก็กำลังจัดเตรียมอย่างลับ ๆ เรื่องพวกนี้ต้องมอบหมายให้คนที่ไว้ใจได้ที่สุดจึงจะดี ดังนั้นหนึ่งเดือนมานี้ข้าน้อยจึงทดสอบและคัดเลือกทหาร
ยามนี้หานซิ่นตื้นตันจนน้ำตาจะไหล เขาอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าฉินอวิ๋นฟานจะเชื่อใจเขาถึงขั้นนี้?ไม่เพียงแต่ไม่ถามที่ไปของเงิน ยังจะให้เขาพยายามใช้เงินอีก นายที่เชื่อใจเขาอย่างไร้เงื่อนไข ทำให้หานซิ่นยิ่งมุ่งมั่งว่าจะต้องติดตามอวิ๋นฟานทำงานใหญ่ให้จงได้“การไปพื้นที่ภัยพิบัติครั้งนี้ยังมีภารกิจสำคัญมากที่จะมอบหมายให้เจ้า เจ้าต้องคัดเลือกทุกคนด้วยตัวเอง จะต้องทำให้ทุกคนจงรักภักดีโดยปราศจากเงื่อนไขเต็มร้อย”นี่คือแผนการที่สองที่ฉินอวิ๋นฟานจะทำ ดังนั้นเวลานี้คือช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ จะต้องทำให้ทุกคนจงรักภักดีราวกับนักรบพลีชีพ มิเช่นนั้น ทันทีที่ปากกระบอกปืนเล็งไปที่คนของตัวเอง เช่นนั้นจะยุ่งแล้วปืนคือความรุนแรงสุดขั้ว ทั้งเป็นการรับรองผลประโยชน์ที่สมบูรณ์ และเป็นของที่อันตรายอย่างยิ่งยวดในเวลาเดียวกัน ถ้าสามารถกุมกองกำลังพิเศษในรูปแบบสมัยใหม่นี้ให้อยู่ในมือตัวเองได้ย่อมไม่ต้องเกรงกลัวผู้ใด แต่หากเกิดช่องโหว่ภายใน เมื่อนั้นอันตรายก็จะมาถึงตัวฉินอวิ๋นฟานไม่อยากให้ไม้ตายของตัวเองกลายเป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงของตัวเอง“รัชทายาท หรือว่าท่านยังมีแผนการอื่นอีกหรือขอรับ?”หานซิ่นสบตากับหลัวเหิงทีหนึ
“เช่น เช่นนั้นทำไมเมื่อครู่เสี่ยวหงถึงบอกว่าท่านเรียกคุณหนูใหญ่ไปดูโคมไฟล่ะเจ้าคะ?”ฉินอวิ๋นฟานตะลึงงันเดี๋ยวนั้น ตระหนักถึงความผิดปกติทันที เนื่องจากช่วงนี้ฉินอวิ๋นฟานหายจากอาการป่วย เรื่องที่ต้องจัดการมีมากขึ้นทุกที คนช่วยงานไม่พอ พวกเสี่ยวหงคือสาวใช้ที่รับเข้ามาใหม่“แย่แล้ว เกิดเรื่องแล้ว!”ฉินอวิ๋นฟานรู้ซึ้งถึงความชั่วช้าอันตรายของศึกในวัง กอปรกับช่วงนี้เขาฉายประกายคมเด่นล้ำ ล่วงเกินคนจำนวนไม่น้อย ตอนนี้จู่ ๆ มู่หรงจิ่นก็ถูกคนล่อลวงไป จะต้องมีคนจงใจมุ่งเป้ามาที่เขาแน่เขาไม่มีขั้วอิทธิพลใด ๆ ในวัง ตอนนี้ไม่รู้เลยว่าจิ่นเอ๋อร์อยู่ที่ไหน วังหลวงใหญ่ออกปานนั้น สถานที่ต้องห้ามมากอย่างนั้น คิดจะตรวจสอบความเป็นมาให้เร็วที่สุดและหานางให้เจอคือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ฉินอวิ๋นฟานในตอนนี้ลนลานโดยสิ้นเชิงแล้ว เขาร้อนรนจนเหงื่อกาฬผุด“เสี่ยวจวี๋ พระชายารัชทายาทตามเสี่ยวหงไปนานแค่ไหนแล้ว?”ตอนนี้ใบหน้าของอู่จ้านก็ร้อนรนเหมือนกัน เขารีบถาม ฟ้ามืดแล้ว เวลายิ่งล่วงเลยก็ยิ่งตามหายาก“นาน นานแค่ไหน?”ตอนนี้เสี่ยวจวี๋ตัวสั่นไปทั้งตัว หัวสมองสับสนไปหมด พอถูกอู่จ้านตะคอก นางจึงตั้งสติขึ้นมาได้เ
ถ้าเป็นฝีมือของเหอกุ้ยเฟยจริง ๆ เขาจะให้นางอสรพิษผู้นี้ได้ชดใช้อย่างสาสม มู่หรงจิ่นคือสิ่งต้องห้ามของเขา ไม่ว่าใครก็ล่วงเกินรังแกลบหลู่ไม่ได้ มิเช่นนั้นจะต้องรับกับเพลิงโทสะไม่สิ้นสุดของฉินอวิ๋นฟาน“ถ้าเป็นฝีมือของเหอกุ้ยเฟยจริง งั้นก็ยุ่งแล้ว”อู่จ้านขมวดคิ้วแน่นในวังหลวงต่างจากข้างนอก หากไม่มีหลักฐานหรือคำสั่งที่แน่ชัด ไม่ว่าใครก็ห้ามย่างเข้าวังหลัง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะไปตามหาคนคนหนึ่งนอกเสียจากมีคดีพิเศษ มิเช่นนั้นย่างเข้าวังหลังเท่ากับล่วงเกินฮ่องเต้ ประหารได้ทันทีหากพระชายารัชทายาทถูกคนกักขังอย่างลับ ๆ อยู่วังหลังจะไม่ใช่แค่เรื่องยุ่งธรรมดา ถ้าไม่มีหลักฐานก็ได้แต่มองตาปริบ ๆ อยู่อย่างนั้นไม่นานพวกฉินอวิ๋นฟานก็มาถึงหอบุปผาอย่างรวดเร็ว หอบุปผาในเวลานี้มีนางกำนัลและขันทีกำลังจัดช่อดอกไม้อยู่ไม่น้อย“เสี่ยวเต๋อจื่ออยู่ที่ไหน?”ฉินอวิ๋นฟานรู้ชื่อขันทีน้อยผู้นั้นจากเสี่ยวจวี๋ระหว่างทาง พอมาถึงก็ตะโกนเรียกด้วยความโกรธทันที “นางกำนัลขันทีทั้งหมด ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้”พอได้ยินเสียงตวาดกร้าว ทุกคนก็ตกใจขวัญผวา เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?บรรดานางกำนัลและขันทีเห็นการแต่งกายของผู
สองดวงตาฉินอวิ๋นฟานเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย เขาตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยวเสียงหนึ่ง ดังราชสีห์เพศผู้ที่คลุ้มคลั่ง เนื้อตัวบนล่างมีจิตสังหารเต็มพิกัด แรงกดดันไร้ลักษณ์ทำให้หัวใจของเสี่ยวเต๋อจื่อตกสู่เหวลึกทันทีความกดดันมหาศาลทำให้เสี่ยวเต๋อจื่อตกใจตัวสั่นเทิ้มเขารีบพูด “เสี่ยวหงไม่ใช่นางกำนัลของหอบุปผาขอรับ นางเป็นคนที่ขันทีอีกคนหนึ่งแนะนำมา ขันทีผู้นั้นข้าน้อยคุ้นหน้าอยู่บ้าง เหมือนจะเป็นคนจากจวนองค์ชายห้า ถ้าไม่เกินคาด เสี่ยวหงน่าจะเป็นสาวใช้จากจวนขององค์ชายห้าขอรับ”“อะไรนะ? คนขององค์ชายห้า?”อู่จ้านใบหน้าเปลี่ยนสี ได้กลิ่นอันตราย เมื่อวานฉินอวิ๋นฟานเกือบจะฟันเขาแล้ว ทั้งยังซ้อมเขาอย่างหนักอีกยกหนึ่ง หรือว่าองค์ชายห้าจะแก้แค้นไวขนาดนี้?“รัชทายาท รัชทายาทขอรับ ขอร้องละ ปล่อย...”ฉึก...เสี่ยวเต๋อจื่อยังไม่ทันพูดจบประโยคก็ถูกฉินอวิ๋นฟานปาดคอตายอนาถไปแล้ว ทันทีที่คนผู้นี้ทำกระทำการลักพาตัวมู่หรงจิ่น เขาก็คือคนตายซี้ด...หัวหน้าขันทีเห็นภาพตรงหน้า สูดลมเย็นเข้าปอดหนึ่งเฮือก ตกใจจนขาอ่อน ไม่มีความกล้าแม้แต่จะมองฉินอวิ๋นฟานสักหน“โยนศพของมันให้หมากิน”เพลิงโทสะของฉินอวิ๋นฟานยังไม่ล
“พระชายารัชทายาทที่รักของข้า ถึงตอนนี้เจ้าจะรู้ก็สายไปแล้ว”เสี่ยวหงเลียปาก ใบหน้าชวนหลงใหล อยู่ต่อหน้าฉินอวิ๋นผู่ นางรับบทบาทนางร้ายโดยสมบูรณ์ ให้ท่ายั่วยวนไม่หยุด ภาพนี้ทำให้มู่หรงจิ่นยากจะมองตรง“มู่หรงจิ่น ข้าหมายปองความงามแห่งยุคของเจ้ามานานแล้ว ติดที่ศักดิ์ศรีของราชวงศ์และกฎหมายจึงอดกลั้นเอาไว้ แต่พันไม่ควรหมื่นไม่ควร ฉินอวิ๋นฟานหยามข้าครั้งแล้วครั้งเล่า”ฉินอวิ๋นผู่พูดหน้าเหี้ยม “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็อย่างหาว่าข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน ข้าต้องทำให้ไอ้ฉินอวิ๋นฟานอยู่ภายใต้เงามืดของข้าตลอดชีวิต ให้มันรู้ว่าอะไรคือความเจ็บปวด อะไรหรือความสิ้นหวัง”“มันเห็นเจ้าเป็นเหมือนสมบัติล้ำค่ามิใช่หรือ? เช่นนั้นข้าก็จะสัมผัสความล้ำค่าของเจ้าสักหน่อยแล้วกัน”ฉินอวิ๋นผู่เลียปาก ตีประชิดมู่หรงจิ่นทีละก้าว พอคิดถึงบาดแผลที่ฉินอวิ๋นฟานทำไว้กับเขาแล้วก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ พอนึกว่าเขากำลังจะย่ำยีผู้หญิงของฉินอวิ๋นฟาน มันก็ทำให้เขาคึกคะนองมาก รอยแส้บนตัวยิ่งเจ็บ เขายิ่งรู้สึกสะใจ“เจ้า เจ้าอย่าเข้ามานะ เจ้าทำเช่นนี้คือความผิดร้ายแรง ผิดต่อจารีตประเพณี ไม่เพียงฉินอวิ๋นฟานจะไม่ปล่อยเจ้า ไท่ซั่งหวงก็
“แย่แล้ว องค์ชายรอง เกิดเรื่องใหญ่แล้ว เกิดเรื่องใหญ่โตแล้ว!”ในขณะเดียวกัน จวนขององค์ชายรองจ้าละหวั่นแล้ว ลิ่งหูชงมาถึงห้องหนังสือขององค์ชายรองด้วยความเร่งรีบ“มีอะไรหรือ? ท่านลิ่งหู”องค์ชายรองไม่รู้ถึงความร้ายแรงของเรื่อง จึงพูดอย่างไม่รีบไม่ร้อนลิ่งหูชงพูดด้วยใจหน้าหมดหนทาง “องค์ชายห้าหาเรื่องอีกแล้ว!”“น้องห้าอยู่ในคุกหลวงมิใช่หรือ? บาดเจ็บหนักอย่างนั้นยังจะก่อเรื่องอะไรได้?”องค์ชายรองขมวดคิ้วถาม“รีบพูดมาเถอะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”ลิ่งหูชงโยนขันทีชุดดำลงกับพื้นแล้วตะคอกเสียงดุขันทีชุดดำรีบอธิบาย “องค์ชายรอง นี่จะโทษข้าน้อยไม่ได้นะขอรับ องค์ชายห้าให้ข้าน้อยทำ เขาให้ข้าน้อยหลอกพระชายารัชทายาทไปที่ห้องลับเพื่อกระทำชำเรา เขาต้องการแก้แค้นฉินอวิ๋นฟาน...”จังหวะที่ฉินอวิ๋นฟานสังหารเสี่ยวเต๋อจื่อ ขันทีชุดดำก็ตระหนักถึงความร้ายแรง และน่าจะสืบสาวถึงตัวองค์ชายห้าได้ด้วยนิสัยของฉินอวิ๋นฟาน แค้นที่ย่ำยีภรรยาต้องทะยานขึ้นฟ้าแน่ ถ้าจะพูดถึงคนที่กล้าสังหารองค์ชายห้าในวังหลวง เกรงว่าไม่พ้นเขาฉินอวิ๋นฟาน เขาจึงรีบเล่าต้นสายปลายเหตุของเรื่องทั้งหมดรอบหนึ่ง“อะไรนะ น้องห้าลักพา