“อะไรนะ? พนันด้วยภัตตาคาร? เจ้าแน่ใจนะ?”พอได้ยินว่าเดิมพันด้วยภัตตาคารฝั่งตรงข้ามกับหอวั่งเจียง ซุนฉี่เชาก็ตื่นเต้นกระดี๊กระด๊าขึ้นมาทันที บิดาหมายตาภัตตาคารนั้นของตระกูลมู่หรงมานานแล้วเคยขอซื้อด้วยราคาสูงหลายครั้ง แต่มู่หรงซื่อควานปฏิเสธอย่างเด็ดขาด เพื่อให้ได้ที่ดินผืนนั้นมา บิดาของเขาคิดจนหัวร้างข้างแตก คิดทุกวิถีทางแต่ก็ไม่สำเร็จไม่นึกว่าจะมีคนยกภัตตาคารให้ก่อน? นี่มิใช่ขนมอบหล่นมาจากฟ้าที่ทุกคนพูดกันบ่อย ๆ หรือ?“แน่ใจ!”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยความจริงจังอย่างยิ่ง“ได้ ลงชื่อพิมพ์นิ้วมือ!”ซุนฉี่เชาในยามนี้ตื่นเต้นสุดขีด กลัวว่าฉินอวิ๋นฟานจะกลับคำพูด รีบเอาหนังสือสัญญาออกมาแล้วลงชื่อพิมพ์ลายนิ้วมือเดี๋ยวนั้น ก่อนจะยื่นไปตรงหน้าฉินอวิ๋นฟาน “เจ้าอย่าเสียใจภายหลังแล้วกัน ถึงตอนนั้นมู่หรงซื่อควานไม่ตกลงก็ต้องตกลง”“วางใจเถอะ!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มร้าย ลงชื่อและพิมพ์นิ้วมือทันที คนละหนึ่งฉบับ หลังจากได้ไปแล้ว ฉินอวิ๋นฟานก็ตบไหล่ซุนฉี่เชาและพูดว่า “พ่อเจ้าไม่เสียทีที่เลี้ยงเจ้าโตมาจนป่านนี้ ต่อไปต้องกตัญญูต่อเขาให้มากด้วยเล่า”“นั่นยังต้องให้พูดอีกหรือ”ซุนฉี่เชายืดตัวตรงพูด “ถ้าถึง
ทันทีที่ฉินอวิ๋นฟานเปิดกล่องอาหาร จางเต้าหลินนัยน์ตาหดเล็ก นี่มิใช่มังกรงูที่ร่ำลือกันหรือ? กลับถูกฉินอวิ๋นฟานเอามาทำเป็นอาหารไปเสียได้?แต่ที่ทำให้เขาประหลาดใจคือ กลับมีรสชาติหอมประหลาด คล้ายมีมนต์เสน่ห์ ทำให้คนน้ำลายสอฉินอวิ๋นฟานยิ้มเอ่ย “จางไท่เว่ย ท่านน่าจะรู้จักเจ้านี่กระมัง?”“มังกรงูในตำนาน!”จางเต้าหลินถามด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “รัชทายาทไม่ธรรมดาดังคาด แม้แต่ของพรรค์นี้ก็ยังกล้าแตะ ทำให้ข้าต้องมองใหม่จริง ๆ”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย “ชิมสักหน่อย?”“รัชทายาทเจาะจงมาจวนข้ากลางดึก หากไม่ลิ้มรสสักหน่อยจะมิเป็นการไม่ไว้หน้ารัชทายาทหรือ? ดมกลิ่นแล้วไม่เลวจริง ๆ”จางเต้าหลินไม่รีรอ หยิบตะเกียบคีบแล้ววางลงในปากทันที ทันทีที่สัมผัสกับรสชาติพิเศษนั้น จางเต้าหลินตัวกระตุก สวรรค์ รสดีเช่นนี้เชียวหรือ?“เจ้า เจ้าของสิ่งนี้รสดีเช่นนี้เลยหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มตอบ “มันคาวมาก หากทำไม่ถูกวิธีก็ยากจะกระเดือกลง แต่ข้ามีสูตรพิเศษ ถ้าใช้เป็นอาหารจานเด็ด จางไท่เว่ยคิดว่าจะเป็นอย่างไร?”“ต้องสะเทือนเลือนลั่นเป็นแน่!”จางเต้าหลินโพล่งปากออกมา ประเมินอาหารจากมังกรงูสองจานนี้ของฉินอวิ๋นฟานสูงมาก เข
ติดตามอดีตฮ่องเต้ยี่สิบกว่าปี ฉินอวิ๋นฟานเติบโตภายใต้หนังตาของจางเต้าหลิน เขารู้ดีว่าฉินอวิ๋นฟานเป็นคนอย่างไรสามวันก่อนเขานึกว่าฉินอวิ๋นฟานโจมตีกลับไปอย่างแข็งกร้าวเพื่อความอยู่รอดในช่วงวิกฤต ไม่นึกว่านั่นจะเป็นเพียงจุดเริ่มต้น...โดยเฉพาะการแสดงออกในวันนี้ ทำให้จางเต้าหลินตกตะลึงโดยแท้ ฉินอวิ๋นฟานราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่เพียงแต่มีความสามารถท่วมท้น ยิ่งมีสติปัญญาชัดแจ้ง ปณิธานมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว และมีใจห่วงใยชาวประชาฉินอวิ๋นฟานที่เป็นแบบนี้ทำให้เขาเห็นเงาของอดีตฮ่องเต้ในปีนั้น“เฮ้อ ช่วยไม่ได้ ฐานะของข้ากับเสด็จแม่พิเศษมาก อยากอยู่รอดได้แต่ทำเช่นนี้”ฉินอวิ๋นฟานส่ายหน้า ใบหน้าจนปัญญา เขาไม่ได้ปฏิเสธการสันนิษฐานของจางเต้าหลินและจะบอกกับจางเต้าหลินว่ารัชทายาทเมื่อก่อนหน้านี้เป็นคนงี่เง่า ส่วนเขาคือคนที่ทะลุมิติมาจากที่อื่นก็ไม่ได้ การใช้อุบาย เล่นปริศนาต่อหน้าจางเต้าหลินผู้มีปฏิภาณไหวพริบดีเลิศเช่นนี้ รังแต่จะทำให้เขามีอคติ มิสู้จริงใจต่อกัน“แต่ที่ข้ามาหาจางไท่เว่ยในครั้งนี้เพราะมีเรื่องอยากจะขอร้องจริง ๆ!”ฉินอวิ๋นฟานพูดอย่างจริงจัง“อ้อ? เชิญท่านว่ามา!”จางเต้าหลินช
จางเต้าหลินตอบ “ทางประตูเมืองฝั่งทิศใต้มีบ้านเก่า ๆ แถบหนึ่ง ที่อยู่ทางตะวันออกสุดก็คือบ้านของเขานั่นแหละ”“ได้ ขอบคุณมาก”ฉินอวิ๋นฟานจับมือจางเต้าหลินด้วยความตื่นเต้นพร้อมเอ่ย “จริงสิ สุรานี่ไม่เลว ท่านดื่มเองเถอะ ข้าไม่อยู่เป็นเพื่อนท่านแล้ว”พูดจบฉินอวิ๋นฟานก็โกยแนบ ภาพนี้ทำเอาจางเต้าหลินมองตาค้าง นี่ นี่ก็ไปแล้ว?มองเงาหลังที่จากไปของฉินอวิ๋นฟาน จางเต้าหลินส่ายหน้าอย่างจนใจและพูดว่า “ดูท่าเขาจะไม่มีคนใช้สอยจริง ๆ เพื่อลิ่งหูเสี่ยวถึงกับทิ้งข้าอยู่ที่นี่ตามลำพัง?”“แต่ก็ดี อย่างน้อยเขาก็มีความเพียรสูง ตั้งใจทำงานเพื่อประชาชน”เห็นตรงหน้ามีอาหารโอชามากมาย จางเต้าหลินส่ายหน้าพูด “ถ้าให้นางรู้ว่ามีของอร่อยแต่ไม่เรียกคงได้เอาเรื่องข้าอีกหลายวัน เฮ้อ นั่งคนเดียวน่าเบื่อพอดี ให้นางมาดื่มเป็นเพื่อนข้าหน่อยแล้วกัน”“อวี่ม่อ มีของอร่อยเจ้าจะกินหรือไม่? ถ้าไม่มาอีกข้าจะกินหมดแล้วนะ”จางเต้าหลินเพิ่มระดับเสียงหลายเดซิเบล พอพูดจบก็มีเสียงหวานหยาดเยิ้มของเด็กสาวดังมาจากที่ไกล ๆ “ท่านกล้า!”ครู่เดียว สาวน้อยหน้าตาเหมือนเด็กผิวพรรณขาวเนียนน่ารักคนหนึ่งในชุดสีชมพูอ่อนก็ซอยเท้าวิ่งมา ถ้าฉิน
หลังจากออกจากจวนไท่เว่ย ฉินอวิ๋นฟานตรงดิ่งไปยังที่พักของลิ่งหูเสี่ยว เขาอยากรู้เหลือเกินว่าคนที่จางเต้าหลินแนะนำจะเป็นคนอย่างไรก็แน่ขณะเดียวกัน ในคุกหลวง ฉินอวิ๋นผู่กำลังกินเนื้อดื่มสุราอย่างมูมมาม“องค์ชายห้า เรียกหาข้าน้อยมีอะไรจะสั่งหรือขอรับ?”ยามนี้ ชายชุดดำปรากฏตัวอยู่ในห้องขังของฉินอวิ๋นผู่ด้วยความเคารพนบนอบเห็นชายชุดดำมา ใบหน้าของฉินอวิ๋นผู่เปลี่ยนเป็นชั่วร้ายทันที ปัดสุราอาหารชั้นดีตรงหน้า จากนั้นจึงพูดด้วยใบหน้าเหี้ยมโหด “ข้ามารดามันอยู่ในคุก เจ้าคิดว่าข้าจะกลืนแค้นนี้ลงรึ?”ชายชุดดำเห็นองค์ชายห้ายังคงมีโทสะไม่ลดละ จึงเอ่ยอย่างระมัดระวัง “องค์ชายห้า แม้ท่านจะอยู่ในคุกหลวง แต่ที่ควรมีก็มีหมด มิได้รับความลำบากแม้แต่น้อย อีกอย่าง เอาไว้เรื่องผ่านไป องค์ชายรองย่อมหาวิธีช่วยท่านออกไปเองขอรับ”“ช่วยออกไป?”ฉินอวิ๋นผู่พูดด้วยหน้าเหี้ยม “ความอัปยศที่ข้าได้รับจะปล่อยผ่านไปได้ยังไง? ข้าถูกไอ้ขยะนั่นเหยียบหน้าจะปล่อยผ่านไปได้ยังไง?”“เอ่อ องค์ชายห้า ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ท่านที่ขายหน้า แต่เป็นหน้าตาขององค์ชายรองและตระกูลเหอด้วย องค์ชายรองต้องหาโอกาสเหมาะ ๆ จัดการกับฉินอวิ๋นฟานแน่
“ไม่ใช่นะขอรับ องค์ชายห้า หากเรื่องนี้เล็ดลอดออกไปจะต้องสะเทือนไปทั้งราชสำนักแน่ ไม่อย่างนั้นข้าน้อยจะไปถามองค์ชายรองสักหน่อยไหมขอรับ?”ชายชุดดำพูดอย่างระมัดระวัง“ทำไม? ตอนนี้ไม่เชื่อฟังคำพูดข้าแล้วหรือ?”ฉินอวิ๋นผู่ในดวงตาเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร เขาเอ่ยเสียงเย็น “ในเมื่อเจ้าไม่อยากฟังคำสั่งจากข้า เช่นนั้นก็ไสหัวไปเถอะ ข้าจะหาคนอื่น ถือเสียว่าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ ถ้าแพร่งพรายไปถึงหูคนที่สาม ข้าจะฆ่าล้างทั้งตระกูลเจ้า”“รับคำสั่งองค์ชายห้า ข้าน้อยจะไปปฏิบัติเดี๋ยวนี้!”มีหรือชายชุดดำจะไม่เข้าใจความหมายขององค์ชายห้า เห็นชัดว่าตัดสินใจจะหาเรื่องฉินอวิ๋นฟานแน่แล้ว และไม่พอใจเขาอย่างยิ่งด้วย ขอเพียงเขากล้าเดินออกจากประตูนี้ไป เด็กและคนแก่ทั้งตระกูลจะต้องตายเขาในเวลานี้ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ถ้าไม่ฟังคำสั่งขององค์ชายห้าก็คือรอความตาย!เห็นเงาแผ่นหลังของชายชุดดำที่จากไป ฉินอวิ๋นผู่ยกยิ้มมุมปาก ใบหน้าชั่วร้าย...ตอนนี้ฉินอวิ๋นฟานมาถึงประตูเมืองฝั่งทิศใต้แล้ว ตามการบอกของจางเต้าหลิน ไม่นานเขาก็มาถึงเรือนเก่าซอมซ่อแห่งหนึ่งก๊อก ๆ ๆ...อดกลั้นต่อความสับสน ฉินอวิ๋นฟานเคาะประตูเก่า ๆ บาน
“เฮ้อ! ขายหน้าจริง ๆ!”ฉินอวิ๋นฟานจนปัญญาจึงต้องเคาะประตูอีกหน เสียงหงุดหงิดอย่างยิ่งของลิ่งหูเสี่ยวดังตรงหน้ามาอีกครั้ง “ใครน่ะ โรคจิตใช่ไหม? จะไม่ให้คนได้หลับได้นอนหรือยังไง!”ถูกลิ่งหูเสี่ยวตวาดใส่ ฉินอวิ๋นฟานได้แต่รายงานฐานะของตัวเอง “เปิดประตู ข้าคือรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินต้าเฉียนฉินอวิ๋นฟาน!”“รัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินต้าเฉียนฉินอวิ๋นฟาน?”พอลิ่งหูเสี่ยวได้ยินก็ชะงักไป จากนั้นก็เผยความดูถูกตรงมุมปากออกมาอีก ดึกดื่นเที่ยงคืน รัชทายาทจะมาชุมชนแออัดหาเขาทำไม?ลิ่งหูเสี่ยวในตอนนี้สมองตื่นแล้วกว่าครึ่ง เขาโต้กลับไปด้วยความโมโห “ถ้าเจ้าคือรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดิน งั้นข้าก็คือไท่ซั่งหวง”“แม่เอ๊ย นี่เขาจะข่มข้าหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานมุมปากกระตุก หน้าดำเหมือนหมิ่นหม้อเพื่อให้สามารถอยู่รอดต่อไปในยุคนี้ เพื่อใช้สติปัญญาและความเพียรของตัวเองสร้างโลกอันสงบสุข กลางดึกมีสาวงามไม่สน กลับวิ่งมาหาผู้มีความสามารถสมควรแก่การเคารพยกย่อง แต่ดันถูกอีกฝ่ายด่าเป็นเจ้าลูกเต่า? ทำไมมันยากอย่างนี้นะ!“แค่ก ๆ ใครใช้ให้เมื่อกี้เจ้าวางมาดเล่า?”อู่จ้านเห็นฉินอวิ๋นฟานหน้าดำเป็นหมิ่นหม้อเกือบขำพร
“ปกติเจ้าได้เบี้ยหวัดเท่าไร? ทำไมถึงอยู่ในที่โกโรโกโสเช่นนี้? หรือว่าบ้านที่ดูดีสักหน่อยก็ไม่มีปัญญาซื้อหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานถามด้วยใบหน้าฉงน“ข้าน้อยได้เบี้ยหวัดเดือนละสิบตำลึงเงินขอรับ บวกกับค่าใช้จ่ายของคนแก่และเด็กจะซื้อบ้านไหวที่ไหน? เฮ้อ! ยังดี ฮูหยินของข้าน้อยเป็นคนมีเหตุผล มิเคยคิดเล็กคนน้อย ครอบครัวจึงถือว่าปรองดอง”ลิ่งหูเสี่ยวส่ายหน้าพูดด้วยความจนใจบ้านซอมซ่อเช่นนี้ ถ้าจะบอกว่ารังหนูก็ไม่เกินไป ดีกว่าบ้านมุงจากหน่อยเดียว พอจะหลบลมหลบฝนได้ ด้วยค่าครองชีพของเมืองหลวงต้าเฉียน สิบตำลึงเงินพอให้ครอบครัวกินใช้เท่านั้น จะซื้อบ้านคือการหวังสูงอย่างหนึ่งจริง ๆ“เบี้ยหวัดน้อยไปหน่อยจริง ๆ”ฉินอวิ๋นฟานลูบคางแล้วเอ่ย “ได้ยินว่าเจ้าเป็นคนมีความสามารถ ข้าอยากฟังความเห็นของเจ้าเกี่ยวกับภัยพิบัติครั้งนี้ ถ้ามีมาตรการแก้ไขปัญหาทำให้ข้าพอใจได้ ข้าจะเลื่อนขั้นขึ้นเบี้ยหวัดให้เจ้า สำหรับบ้านก็จะจัดการให้ด้วย”พอลิ่งหูเสี่ยวได้ยินก็กระตือรือร้นทันที พูดด้วยความตื่นเต้นอย่างหาที่เปรียบมิได้ “รัชทายาท ข้าน้อยเคยศึกษาวิเคราะห์ภูมิประเทศของต้าเฉียนมามาก พื้นที่กว่าครึ่งของต้าเฉียนคือเนินเขาและภ