แชร์

บทที่ 8

ผู้เขียน: ไห่ตงชิง
คำพูดของหลี่เฉิน ทำให้หลี่เสวียนหน้าซีด

เขารีบตอบไปตามจิตใต้สำนึกว่า “ข้า ข้าไม่ได้กบฏ เสด็จแม่และท่านอาจารย์ตกลงจะให้ข้าดูพวกนั้น พวกเขาบอกว่าข้าควรเรียนรู้กิจการของรัฐล่วงหน้า...”

ทันทีที่เขาพูดเช่นนี้ เว่ยเสียนที่กำลังคุกเข่าอยู่ข้างๆ ก็แทบกระอักเลือดออกมา

องค์ชายเก้าเหตุใดจึงไร้ความคิดเช่นนี้ คำพูดเช่นนั้นกล่าวออกมาง่ายๆ ได้อย่างไร

“เรียนรู้กิจการของรัฐล่วงหน้า?”

หลี่เฉินจับจุดอ่อนของหลี่เสวียนได้ น้ำเสียงของเขาสูงขึ้นสองส่วน “เรียนรู้กิจการของรัฐล่วงหน้าเพื่ออะไร? หรือว่าเจ้าอยากให้เสด็จทรงสวรรคต จากนั้นก็เอาตำแหน่งของข้าไป?”

ในที่สุดหลี่เสวียนก็รู้ตัวว่าเพิ่งพูดอะไรออกไป

เขาหน้าซีด คุกเข่าลงเสียงดังตุบ รีบอธิบายด้วยความตื่นกลัวว่า “พี่รอง ข้า ข้าไม่ได้มีความหมายเช่นนั้น...”

เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มรุนแรงขึ้น สาวใช้ส่วนตัวของหลี่เสวียนจึงถอยหลังออกไปอย่างเงียบๆ และวิ่งตรงไปที่วังฮองเฮา

“จะมีความหมายเช่นนั้นหรือไม่ ข้าจะมาคิดบัญชีกับเจ้าทีหลัง”

หลี่เฉินพูดจบ เขาก็หันไปสั่งขันทีซานเป่าว่า “หูหนวกเหรอ? หรือจะให้ข้าลงมือเอง?”

ขันทีซานเป่าได้ยินก็รีบลุกขึ้นยืน สั่งองครักษ์เสื้อแพรสองนายให้ลากเว่ยเสียนออกไป

บาดแผลบนใบหน้าของเว่ยเสียนยังคงอยู่ และเลือดก็ยังไหลไม่หยุดเมื่อเขาถูกลากออกไป ก็ทิ้งรอยเลือดเป็นทางยาวไว้ใต้ร่างของเขา มีเพียงเสียงกรีดร้อง “องค์รัชทายาท ไว้ชีวิตกระหม่อมด้วย ข้าเพียงแต่ทำตามคำสั่ง ไว้ชีวิตกระหม่อมด้วย!”

เสียงของเว่ยเสียนค่อยๆ ห่างออกไป สุดท้ายก็ไม่เห็นตัวคน

หลี่เฉินเดินเข้าไปในห้องโถงสำนักขันทีฝ่ายตรวจฎีกาด้วยสีหน้าที่อ่านไม่ออก

ตอนนี้ กลุ่มขันทีของสำนักขันทีฝ่ายตรวจฎีกากำลังนั่งคุกเข่าบนพื้นและตัวสั่น

พวกเขาเห็นด้วยตาตนเองว่า เว่ยเสียนผู้หยิ่งผยองในสำนักขันทีฝ่ายตรวจฎีกานั้น ถูกคำพูดของหลี่เฉินไม่กี่คำก็โดนลากไปตัดหัว เวลานี้พวกเขายิ่งตกใจและหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น และไม่กล้ามองไปที่หลี่เฉิน

“ซานเป่า”

หลี่เฉินเรียกเบาๆ

ขันทีซานเป่ารีบคุกเข่าข้างหลี่เฉิน รอฟังคำสั่งลงมา

“ในสำนักขันทีฝ่ายตรวจฎีกา มีใครบ้างที่ไม่ได้เป็นพันธมิตรของเว่ยเสียน และสามารถดำรงตำแหน่งแทนเว่ยเสียนได้?”

ประโยคนี้ ซานเป่าสูดหายใจเข้าลึกๆ และกล่าวอย่างระมัดระวังว่า “ทูลองค์รัชทายาท เรื่องนี้ใหญ่เกินไป บ่าวไม่กล้าอวดดี”

“ไม่ใช่ว่าเจ้าวางแผนยืมมือข้าเพื่อกำจัดเว่ยเสียนหรอกหรือ? ในเมื่อข้าสังหารขันทีคนนั้นไปแล้ว ใยถึงไม่ฉวยโอกาสรับตำแหน่งเล่า?” หลี่เฉินกล่าวอย่างใจเย็น

ประโยคนี้ ทำให้ซานเป่ารู้สึกหนาวจากภายในสู่แขนขา

เขาหมอบลงกับพื้นในทันที หน้าผากของเขาแตะพื้น ชื่อเสียงอันโหดเหี้ยม ในฐานะกวางกงของหน่วยงานบูรพาซึ่งแพร่กระจายในหมู่ขุนนางบุ๋นบู๊ และทำให้ทุกคนต่างหวาดกลัวและเกลียดชัง เวลานี้ เขาตกต่ำราวกับหมาแก่

“องค์รัชทายาท บ่าวมิกล้า...”

“เอาล่ะ ข้าคร้านจะคุยกับเจ้า จำไว้ว่า ข้าชอบแค่สุนัขที่ซื่อสัตย์และมีประโยชน์เท่านั้น ไม่เช่นนั้น ชะตากรรมของเว่ยเสียนอาจจะตกเป็นของเจ้า”

“เหตุผลที่ขุนนางบุ๋นบู๊กลัวเจ้า นั่นก็เพราะฮ่องเต้มอบอำนาจให้เจ้า เจ้าเป็นขันทีและจะเป็นขันทีตลอดไป อำนาจของเจ้ามาจากราชวงศ์ ฮ่องเต้ได้มอบอำนาจการปกครองประเทศให้แก่ข้า เช่นนั้นข้าก็มีอำนาจกุมชะตากรรมของเจ้าไว้ ดูแลตัวเองให้ดี”

“ส่งรายชื่อบุคคลที่ยังว่างและเหมาะแก่การเป็นขันทีผู้ถือพู่กันฝ่ายตรวจฎีกามา ข้าจะเลือกคนใหม่ ส่วนพันธมิตรของเว่ยเสียน ก็ให้ไปเหมือนเว่ยเสียนก็แล้วกัน”

หลี่เฉินพูดเสร็จ เขาก็เพิกเฉยต่อเสียงอ้อนวอนและเสียงร้องขอความเมตตาที่ก้องกังวานตรงหน้าประตูสำนักขันทีฝ่ายตรวจฎีกา จากนั้นก็หันไปมองหลี่เสวียนที่ยืนตัวสั่นที่หน้าประตู

“เจ้าเข้ามา”

เมื่อหลี่เสวียนได้ยินหลี่เฉินเรียก เขาก็ก้าวมาตรงหน้าหลี่เฉินอย่างระมัดระวัง

ก่อนที่เขาจะได้พูด หลี่เฉินก็ยกมือตบหน้าหลี่เสวียน

เพี๊ยะ

เสียงตบดังชัดเจนมาก ทำให้ใบหน้าขาวซีดของหลี่เสวียนพลันแดงก่ำขึ้นมา และมีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก

การตบครั้งนี้ ยังระงับเสียงร้องและขอความเมตตาจากพวกขันทีอีกด้วย

หลี่เสวียนถูกตบจนเซ่อ

เขาคิดไม่ถึงว่าหลี่เฉินจะกล้าลงมือกับเขา

“เจ้าและข้าเป็นพี่น้องต่างมารดา ข้าไม่ต้องการฆ่าคนในสายเลือดเดียวกัน แต่มีบางสิ่งที่ไม่ควรเป็นของเจ้า ดังนั้นอย่าแตะต้องมัน และข้าสัญญาว่าชีวิตครึ่งหลังของเจ้าจะมั่นคงและเจริญรุ่งเรือง แต่ถ้าเจ้ามีใจคิดเป็นอย่างอื่น ข้าจะทำให้เจ้าตายอย่างอนาถ”

ครอบครัวราชวงศ์เป็นครอบครัวที่โหดเหี้ยมที่สุดตั้งแต่สมัยโบราณ

ต่อหน้าราชบัลลังก์ ไม่ต้องพูดถึงพี่น้องต่างมารดาเลย แม้แต่พ่อลูกทางสายเลือดก็ยังหันมาทะเลาะกันเองด้วยซ้ำ

หลี่เฉินทะลุมิติมา เขารู้ดีว่า ตัวเองทำได้เพียงปีนขึ้นไปบนเก้าอี้มังกรเท่านั้น และไม่มีใครจะหยุดเขาได้ ไม่เช่นนั้นเขาจะต้องตาย

ไม่ว่าจะเป็นเพื่ออำนาจสูงสุดในใต้หล้า หรือเพื่อชีวิตน้อยๆ ของเขาเอง หลี่เฉินก็ตัดสินใจว่าใครก็ตามที่กล้าจะโลภในราชบัลลังก์ จะถูกฆ่าอย่างแน่นอน

หลี่เสวียนตัวสั่นเทิ้ม

ความเจ็บปวดบนใบหน้ายังรู้สึก แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ การจ้องมองที่เย็นชาของหลี่เฉินที่ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวถึงกระดูก

ในขณะเดียวกัน ความอัปยศและความโกรธในกระดูก ก็ทำให้หลี่เสวียนตาแดงก่ำขึ้นมา

หลี่เฉินแสดงสีหน้าเย็นชา เขายังหวังว่าหลี่เสวียนจะพุ่งเข้ามาโจมตีเขาตอนนี้ บวกกับหลี่เสวียนได้อ่านสาส์นกราบทูลข้อราชการ แค่นั้นก็ทำให้หลี่เสวียนโดนโทษประหารแล้ว ถึงตอนนั้น แม้แต่ฮองเฮากับจ้าวเสวียนจีก็ไม่สามารถปกป้องเขาได้

ตอนนี้เอง สาวใช้ในวังคนหนึ่งและกลุ่มองค์รักษ์ก็รีบเดินเข้ามา

“คารวะองค์รัชทายาท คารวะองค์ชายเก้า บ่าวชื่อหลี่ชุ่ยเออร์เป็นนางกำนัลคนสนิทของฮองเฮา ฮองเฮาทรงมีรับสั่งเชิญองค์รัชทายาทและองค์ชายเก้าไปเข้าเฝ้าที่พระราชวังหงส์สราญ”

เมื่อพระราชดำรัสของฮองเฮามาถึง แผนการของหลี่เฉินก็ล้มเหลว

ในขณะนั้นหลี่เสวียนก็ค่อยๆ ได้สติกลับมาบ้างแล้ว

“ลูกรับพระบัญชา” หลี่เสวียนรีบตอบรับ

หลี่เฉินพูดเสียงเรียบว่า “นำทางไป”

เมื่อมองแผ่นหลังของหลี่เฉินที่เดินจากไป ขันทีซานเป่าก็ค่อยๆ ลุกขึ้นจากพื้น และหายใจลึกๆ ด้วยความโล่งอก

เขาเป็นกวางกงแห่งหน่วยงานบูรพา ผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพร เหล่าขุนนางบู๊บุ๋นล้วนกลัวจนตัวสั่น

นอกจากจ้าวเสวียนจีกับลูกน้องข้างกายพวกนั้น ที่เขากวางกงไม่อาจลงมือได้ ส่วนคนอื่นๆ ไม่มีใครที่ไม่กลัวเขา

แต่ซานเป่ารู้ดีว่า องค์รัชทายาทหลี่เฉินพูดถูก อำนาจของเขามาจากราชวงศ์ หากราชวงศ์พ่ายแพ้ พวกขุนนางบู๊บุ๋นเหล่านั้นก็จะฉีกเขาเป็นชิ้นๆ ในทันที โดยที่ราชวงศ์ไม่ต้องทำอะไรเลย

เพราะเหตุนี้เขาจึงสามารถพึ่งพาอำนาจของฮ่องเต้ได้เท่านั้น

“องค์รัชทายาท...น่ากลัวจริงๆ”

ขันทีซานเป่าสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพึมพำออกมาว่า “ดูเหมือนทุกคนจะประเมินวิธีการขององค์รัชทายาทต่ำไป… เขามีความเด็ดขาดในการฆ่า แต่การลงมือทุกครั้งล้วนสมเหตุสมผล เกรงว่าคงไม่มีใครพูดว่าเขาไร้ค่าได้อีก... ”

“กวางกง”

องครักษ์เสื้อแพรนายหนึ่งเดินเข้ามาหาซานเป่า เขาเหลือบมองไปยังขันทีในสำนักขันทีฝ่ายตรวจฎีกาที่กำลังร่ำไห้เหล่านั้น แล้วกระซิบถามว่า “คนพวกนี้...”

“ไม่ได้ยินที่องค์รัชทายาทรับสั่งหรือ? ยกเว้นชื่อที่ข้าเอ่ยถึง ที่เหลือฆ่าให้หมด”

ซานเป่ามองขันทีเหล่านั้นอย่างเย็นชา และพูดอย่างไม่แยแส

ภายในพระราชวังหงส์สราญ

ในห้องโถงบรรทม

จ้าวชิงหลานสวมมงกุฎหงส์ และเสื้อคลุมฮองเฮานั่งอยู่ในห้องโถง รัศมีสูงส่งยิ่งใหญ่ของมารดาแผ่นดินแผ่ออกมาจากตัวนาง

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสถานะอันสูงส่ง หรือเพราะนางเป็นสตรีที่สูงศักดิ์ที่สุดในใต้หล้า แต่กล่าวโดยสรุปว่า จ้าวชิงหลานซึ่งสวมเสื้อคลุมฮองเฮานั้น เพียงแค่นั่งอยู่ที่นั่นด้วยท่าทางสูงส่ง ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกเกรงขามอยู่ในใจ และไม่อาจดูหมิ่นได้

ข้อยกเว้นเพียงอย่างเดียวก็คือหลี่เฉิน

“อวดดีเกินไปแล้ว!”

จ้าวชิงหลานตบพนักพิงและกล่าวด้วยความโมโหว่า “พวกเจ้าสองคน คนหนึ่งคือองค์รัชทายาท ส่วนอีกคนคือองค์ชายเก้า ล้วนแต่เป็นเชื้อพระวงศ์ทั้งนั้น เป็นพี่น้องต่างมารดา มีอะไรก็พูดคุยกันดีๆ จะลงไม้ลงมือทำไม?”

จ้าวชิงหลานเอนเอียงไปทางองค์ชายเก้ามากกว่า นางชี้ไปที่แก้มที่บวมแดงของหลี่เสวียน แล้วถามหลี่เฉินว่า “องค์รัชทายาท เจ้าตีองค์ชายเก้าจนเป็นเช่นนี้ มันเป็นความผิดของเจ้า!”

ราวกับไม่เห็นว่าฮองเฮาโกรธมากเพียงใด หลี่เฉินตอบเสียงเรียบว่า “ที่ข้าไม่ฆ่าเขาก็เพราะเห็นแก่หน้าเสด็จพ่อ”

ประโยคนี้ ทำเอาจ้าวชิงหลานตาค้าง

นางพูดด้วยความโกรธ “เจ้าว่าอะไรนะ!?”

“ฮองเฮาฟังไม่เข้าใจหรือ?”

หลี่เฉินเหลือบมองหลี่ซวนที่ปิดหน้าตัวเองอย่างอับอายแล้วพูดว่า “ข้าไม่ฆ่าเขา เพราะเห็นแก่หน้าเสด็จพ่อ”

จ้าวชิงหลานโกรธมากจนหายใจแรง และพูดว่า “เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นองค์รัชทายาท แล้วข้าจะสั่งสอนเจ้าไม่ได้หรือ ข้ายังเป็นฮองเฮาอยู่นะ!”

“ใช่แล้ว ท่านเป็นฮองเฮา เป็นมารดาแผ่นดิน แต่วังหลังห้ามเข้าไปยุ่งกับกิจการของรัฐ ข้าไม่เพียงแต่เป็นองค์รัชทายาท แต่ยังได้รับการแต่งตั้งจากเสด็จพ่อให้เป็นผู้ดูแลประเทศ องค์ชายเก้าอ่านสาส์นกราบทูลข้อราชการโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเสด็จพ่อ ฮองเฮาไม่รู้หรือว่านี่เป็นโทษที่ร้ายแรงเพียงใด? แม้ข้าจะสังหารเขา แล้วใครจะกล้าว่าข้า?”

จ้าวชิงหลานกัดฟันแน่น นางแทบรอไม่ไหวที่จะปลดหลี่เฉินลงจากตำแหน่งองค์รัชทายาท แต่นางก็รู้ว่า นางไม่มีอำนาจนั้น

ยิ่งคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งโกรธเคืองมากขึ้นเท่านั้น นางหายใจเข้าลึกๆ แทบจะระงับความโกรธในใจไว้ไม่ได้เลย จากนั้นก็หันไปหาหลี่เสวียนแล้วพูดว่า “เจ้าไปที่ห้องโถงข้างๆ ก่อน แล้วทบทวนบทเรียนของวันนี้ ข้ามีเรื่องจะพูดคุยกับองค์รัชทายาท”

หลี่เสวียนเหลือบมองหลี่เฉินอย่างหวาดกลัว จากนั้นก็คุกเข่าคารวะตามธรรมเนียม แล้วถอยออกไป

รอจนหลี่เสวียนเดินออกไปแล้ว จ้าวชิงหลานจึงหันมาพูดกับหลี่เฉินว่า “เสด็จพ่อของเจ้าหมดสติ และไม่สามารถจัดการกิจการของรัฐได้อีกต่อไป ข้าจึงขอให้องค์ชายเก้าอ่านสาส์นกราบทูลข้อราชการบางส่วน เพราะต้องการให้เขาแบ่งเบาภาระงานราชการบางส่วนของเจ้ากับเสด็จพ่อ”

“อืม ข้าเชื่อ”

ทัศนคติของหลี่เฉิน กระตุ้นความโกรธของจ้าวชิงหลานอีกครั้ง

แต่ก่อนที่นางจะพูดต่อ หลี่เฉินก็โบกมือ และพูดกับสาวใช้ที่อยู่รอบตัวว่า “พวกเจ้าถอยไปซะ ข้ามีเรื่องจะคุยกับฮองเฮาตามลำพัง”

สาวใช้ในวังหงส์สราญล้วนเป็นคนสนิทของจ้าวชิงหลาน พวกนางทั้งหมดมองไปที่จ้าวชิงหลานโดยไม่พูดอะไร

จ้าวชิงหลานขมวดคิ้ว ร้องหึออกมาเบาๆ คิดว่าหลี่เฉินคงไม่กล้าทำอะไรเป็นแน่ ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องของหลี่เสวียนก็ไม่สมเหตุสมผลเลยจริงๆ หากคนนอกได้ยินเข้า ไม่ว่าเจตนาดีหรือไม่ก็ยังดูแย่อยู่ดี ดังนั้นนางจึงโบกมือแล้วพูดว่า “ออกไป”

รอจนสาวใช้ออกไปทุกคนแล้ว เหลือเพียงจ้าวชิงหลานและหลี่เฉินในห้องโถงใหญ่ของวังหงส์สราญ จ้าวชิงหลานจึง กล่าวว่า “ว่ามา เจ้ามีอะไรจะพูดกับข้า”

หลี่เฉินไม่พูด แต่เดินไปหาจ้าวชิงหลาน

จ้าวชิงหลานตกตะลึงเล็กน้อย รอจนหลี่เฉินเดินมาถึงตรงหน้า นางก็เพิ่งตระหนักได้ว่า คนผู้นี้กล้าหาญชาญชัยเพียงใด

“กล้าดี เจ้า..."

จ้าวชิงหลานต้องการจะใช้คำพูดหยุดหลี่เฉิน แต่หลี่เฉินมีหรือจะฟัง

นางพูดได้เพียงสามคำเท่านั้น หลี่เฉินก็นั่งอย่างสง่าผ่าเผยอยู่ข้างๆ จ้าวชิงหลาน แล้วยกมือขึ้นมาเพื่อคว้ามือที่เยือกเย็นและนุ่มนวลของจ้าวชิงหลาน

จ้าวชิงหลานตกตะลึง นางดึงมือของนางออกตามสัญชาตญาณ ราวกับถูกไฟฟ้าช็อต

แต่หลังจากออกแรงดึงจนสุดแรงแล้ว ก็ไม่อาจดึงออกมาได้

หลี่เฉินจับมือเล็กๆ ของจ้าวชิงหลาน จับปอยผมของจ้าวชิงหลานเข้ามาใกล้อย่างอุกอาจ จากนั้นก็พูดกระซิบว่า “ฮองเฮา อย่าโมโหอีกเลยนะ ไม่ว่าเจ้าจะงดงามเพียงใด แต่ถ้าโกรธทุกวันเช่นนี้ คงหลีกเลี่ยงริ้วรอยไม่ได้”

จ้าวชิงหลานทั้งโมโหทั้งอับอาย นางอยากจะตะคอกด่า แต่ก็กลัวว่าจะทำให้คนที่อยู่ห้องข้างๆ ตกใจ

“เจ้า รีบปล่อยมือของข้าซะ!” จ้าวชิงหลานพูดอย่างร้อนใจ

หลี่เฉินหัวเราะเบา ๆ และแทนที่จะถอยกลับไป เขากลับกอดเอวของจ้าวชิงหลานให้ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก เมื่อสัมผัสได้ถึงรูปร่างอันงดงามของฮองเฮา หลี่เฉินจึงพูดว่า “เจ้างดงามเพียงนี้ ข้าจะทำใจปล่อยได้เยี่ยงไร?”

จ้าวชิงหลานต้องการลุกหนี แต่กลับถูกหลี่เฉินกอดแน่นจนขยับตัวไม่ได้

“หลี่เสวียนอยู่ในห้องโถงด้านข้าง ส่วนนอกวังมีคนนับไม่ถ้วนรออยู่ เจ้าอยากให้ทุกคนเห็นฉากนี้ไหม” หลี่เฉินยิ้มน้อยๆ

ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
โต ธนสมบัติ
พระเอกจัดการแบบโหด
goodnovel comment avatar
ต.ตระกูล แก้ว
นุกดีพระเอกโหด
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 9

    คำพูดของหลี่เฉิน ทำให้จ้าวชิงหลานตัวแข็งทื่อหลี่เฉินเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ใกล้จนทั้งสองสามารถสัมผัสลมหายใจของกันและกันได้อย่างชัดเจนจ้าวชิงหลานกำลังดิ้นรนอยู่ในใจ นางรู้สึกว่าไม่สามารถเป็นแบบนี้ต่อไปได้แต่หลี่เฉินดูเหมือนจะไม่เกรงกลัวอะไรเลย และยังคงเขยับเข้ามาต่อภายในห้องโถงเงียบสงบอย่างน่าประหลาด มีเพียงเสียงเสื้อผ้าที่เสียดสีกันซึ่งเกิดจากการทะเลาะกันระหว่างทั้งสองร่าง และมีเสียงหอบหายใจเป็นครั้งคราวความรู้สึกของการเป็นหัวขโมยนั้น ทำให้หลี่เฉินรู้สึกตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นเมื่อเห็นฮองเฮาผู้เป็นมารดาของแผ่นดินถูกเขากระตุ้นให้โกรธและอับอาย หลี่เฉินก็รู้สึกเหมือนมีไฟลุกอยู่ในใจ“นี่คือพระราชวังหงส์สราญ ที่ประทับของฮองเฮา เจ้า เจ้าไม่กลัวตายจริงหรือ?” จ้าวชิงหลานพูดอย่างร้อนใจ พลางข่มขู่เสียงเบา“กลัวสิ ทำไมจะไม่กลัวตาย ใต้หล้านี้มีใครบ้างที่ไม่กลัวตาย”หลี่เฉินลุกขึ้นเล็กน้อย ก่อนผลักจ้าวชิงหลานลงบนเบาะขนาดใหญ่ด้วยท่าทางก้าวร้าว และมองลงมาที่เสด็จแม่ของเขา ​​ผู้หญิงที่หายใจถี่อยู่ใต้ร่างเขาจ้าวชิงหลานทั้งตกใจทั้งกลัว“ดังนั้น พวกเราต้องเบาๆ เสียงหน่อยนะ”คำพูดของหลี่เ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 10

    ครึ่งชั่วโมงต่อมา เหลยนั่วซานเสนาบดีกรมครัวเรือนก็มาถึงเมื่อมาถึงห้องสีเจิ้งในตำหนักบูรพา เหลยนั่วซานประสานมือ และกล่าวอย่างไม่เป็นทางการกับหลี่เฉินว่า “กระหม่อมเหลยนั่วซาน เข้าเฝ้าองค์รัชทายาท”หลี่เฉินมองเหลยนั่วซานด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ และกล่าวว่า “เจ้าขุนนาง พบข้ายังไม่คุกเข่าอีกหรือ?”เหลยนั่วซานยิ้มเยาะ และพูดอย่างมั่นใจว่า “แน่นอนว่ากระหม่อมเป็นขุนนาง แต่ตามกฎบรรพชนนั้น กระหม่อมคุกเข่าคารวะให้เพียงฮ่องเต้ ฮองเฮา และไทเฮาเท่านั้น สำหรับองค์รัชทายาท แค่ประสานมือคารวะก็พอ”ปึงหลี่เฉินกระแทกสาส์นกราบทูลข้อราชการในมือลงโต๊ะเสียงดังปึง “เนื่องจากข้าเป็นผู้ดูแลประเทศ พบข้าเท่ากับพบเสด็จพ่อ ข้าที่อยู่ตรงหน้าเจ้าในตอนนี้ คือตัวแทนของเสด็จพ่อ เจ้าพบแล้วไม่คารวะ นับเป็นอาชญากรรมร้ายแรง!”ด้วยเสียงปังดังนี้ องครักษ์เสื้อแพรหลายคนจึงรีบเข้ามาในห้องโถงทันที และจ้องมองไปที่เหลยนั่วซานด้วยเจตนาฆ่า ราวกับว่าแค่หลี่เฉินสั่ง พวกเขาก็จะกระโจนใส่เหลยนั่วซานในทันที เหลยนั่วซานสะดุ้งตกใจเขาไม่คาดคิดว่าหลี่เฉินที่เพิ่งดูแลประเทศ จะไม่เล่นไปตามบทด้วยวิธีนี้ พวกเขาจะใช้อำนาจของฮ่องเต้โดยตรงเพ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 11

    หลังจากพูดจบ หลี่เฉินมองไปที่สวีฉังชิง และพูดอย่างใจเย็น “ตอนนี้ตำแหน่งเสนาบดีกรมครัวเรือนขาดคน ข้าได้วางโอกาสไว้ตรงหน้าเจ้าแล้ว หากเจ้าทำสำเร็จ เจ้าจะได้เป็นเสนาบดีคนต่อไป แต่ถ้าหากจัดการได้ไม่ดี ข้าแทนที่ด้วยคนอื่น เจ้าเข้าใจความหมายหรือไม่?”สวีฉังชิงใจเต้นไม่เป็นส่ำ เขาคุกเข่าเสียงดัง “กระหม่อม เต็มใจทำเพื่อฝ่าพระบาท!”ตั้งแต่สมัยโบราณผลประโยชน์มักจะดึงดูดใจผู้คนเสมอ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นตำแหน่งผู้นำกรมคนหนึ่ง หัวหน้ากรมครัวเรือนมีหน้าที่ดูแลเรื่องเงินและอาหารของประเทศ มันยิ่งใหญ่เกินกว่าที่คนทั่วไปจะจินตนาการได้หลังจากส่งสวีฉังชิงออกไป ก่อนที่หลี่เฉินจะจิบชา ซานเป่าก็มาถึง“ฝ่าบาท หน่วยบูรพาได้รับข่าวว่า ทูตของเซียนเฉามาถึงเมืองหลวงเมื่อไม่กี่เดือนก่อน และกำลังติดต่อกับเจ้าหน้าที่ขุนนางใหญ่ในเมืองหลวง โดยสัญญาว่าจะทำกำไรมหาศาล และต้องการกระตุ้นให้จักรวรรดิส่งกองกำลังไปยังเซียนเฉา เพื่อ แก้ปัญหาวิกฤติจากการถูกตงอิ๋งรุกราน”รายงานของซานเป่าทำให้หลี่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ สถานการณ์ในเมืองหลวงมีความซับซ้อนอยู่แล้ว และกองกำลังต่างๆ ล้วนปะปนกัน เพียงแค่กระต

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 12

    เฉินจิ้งชวนที่หมอบอยู่ที่พื้นก็สะดุ้งตกใจขึ้นมา เขากัดฟันตอบไปว่า “ทูลองค์รัชทายาท กระหม่อม...”“ตามระเบียบมารยาทของต้าฉิน พ่อค้าอยู่ในระดับที่ต่ำที่สุด ประตูบ้านสูงไม่เกินสามเมตร ขั้นบันไดมีเพียงแค่สี่ขั้น จำนวนตะปูที่ประตูต้องไม่เกินสามสิบหกตัว และไม่ได้รับอนุญาตให้เป็นเจ้าของที่ดินในเมืองหลวง เฉินจิ้งชวน เจ้ากำลังเหยียบย่ำระเบียบมารยาทของต้าฉิน และปฏิบัติต่อมันเหมือนไม่มีค่างั้นหรือ?”หลี่เฉินพูดขัดคำพูดของเฉินจิ้งชวนด้วยน้ำเสียงเนิบนาบแม้ว่าน้ำเสียงของคำพูดเหล่านี้จะไม่แยแส แต่ก็แฝงเจตนาฆ่าที่เย็นชาท่ามกลางจิตสังหาร องครักษ์เสื้อแพรหลายสิบคนเฝ้าดูอย่างกระตือรือร้น ดูเหมือนว่าตราบใดที่องค์รัชทายาทออกคำสั่ง ทุกคนในตระกูลเฉินก็จะกลายเป็นเนื้อบดทันทีเฉินจิ้งชวนรู้สึกหวาดกลัว เขาทำตามคำแนะนำของที่ปรึกษา และขอให้เขาเพิกเฉยต่องานเลี้ยงขององค์รัชทายาท เพราะไม่อยากอยู่คั่นกลางระหว่างองค์รัชทายาทและราชสำนัก พวกเขาไม่อยากตกเป็นเหยื่อท่ามกลางการแย่งชิงอำนาจของเชื้อพระวงศ์และขุนนางแม้ว่าเมื่อราชวงศ์นี้ก่อตั้งขึ้นไม่มีใครกล้าก้าวข้ามระเบียบมารยาท แต่ตอนนี้ราชวงศ์นี้มีมานานกว่า 200 ปีแ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 13

    สองคำที่เย็นชา จิตสังหารพุ่งพรวดราวกับปรอทตกลงบนพื้นดวงตาของเฉียนฮั่นเบิกกว้าง เขาหายใจเข้าลึก ๆ จนลืมหายใจออกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหลี่เฉินจะกล้าหาญเพียงนี้และต้องการจะสังหารเขาทันทีสำหรับองครักษ์เสื้อแพรแห่งหน่วยบูรพา ในสายตามีแต่เชื้อพระวงศ์เท่านั้น ไม่สนใจเหล่าขุนนางระดับสูง ภารกิจของพวกเขา ขุนนางระดับสูงคือศัตรูตามธรรมชาติของพวกเขาหลังจากได้รับคำสั่งของหลี่เฉิน องครักษ์เสื้อแพรทั้งสองก็ชักดาบออกมาทันที และภายใต้แสงดาบส่องประกาย เสียงกรีดร้องของเฉียนฮั่นดังโหยหวนราวกับเสียงผีร้อง เลือดสาดกระจาย เฉียนฮั่นถูกฟันล้มลงกับพื้น ทว่าการขัดขืนและร้องโหยหวนของเขา กลับแลกมากับแสงดาบที่รุนแรงยิ่งขึ้นท้ายที่สุดแล้ว เสียงร้องโหยหวนของเฉียนฮั่นก็อ่อนแอลง ร่างกายเต็มไปด้วยเลือดในวินาทีสุดท้ายของจิตสำนึก เขาได้ยินเพียงเสียงของหลี่เฉินอันเย็นชาและโหดเหี้ยมราวกับเทพเจ้าเหนือสวรรค์ทั้งเก้าและน่าเกรงขามอย่างยิ่ง“ข้าน้อยเฉียนฮั่น ในฐานะขุนนางรับส่งสารแห่งสำนักสารบรรณกลาง ขุนนางขั้นสามระดับสูงของราชสำนัก มิได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้น ลืมคำสอนของบรรพชนผู้ทรงภูมิปัญญา มิได้จงรักภักด

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 14

    “ท่านราชเลขาธิการ องค์รัชทายาทอายุน้อยไฟแรงกล้า บุ่มบ่ามเหลือเกิน ท่านในฐานะราชเลขาธิการ ต้องห้ามมิให้องค์รัชทายาทบังอาจเช่นนี้”ต้าหลี่ซื่อชิงซุนปั๋วหลี่เอ่ยด้วยความฉุนเฉียวด้านข้าง เถิงไหวอี้แห่งกรมยุติธรรมก็เอ่ยปาก “ใต้เท้าซุนพูดถูกต้องแล้ว ราชสำนักให้ความสำคัญกับราชเลขาธิการ หากปล่อยให้องค์รัชทายาทหนุ่มน้อยสร้างความวุ่นวายต่อไป คิดดูสิว่าเมื่อวันหนึ่งฮ่องเต้ทรงหายประชวรขึ้นมา แล้วได้เห็นสภาพเมืองหลวงที่วุ่นวาย ราษฎรโกรธแค้น ต้องทรงพิโรธจนล้มป่วยอีกแน่ ท่านราชเลขาธิการ ยามนี้เราคงต้องหาทางจัดการกับองค์รัชทายาทหนุ่มน้อยเสียแล้ว” จ้าวเสวียนจีหลับตาลงชั่วครู่ แล้วเอ่ยกับมหาอำมาตย์พระที่นั่งเจี้ยนจี่หวังเถิงฮ่วนที่เป็นขุนนางในสำนักราชเลขาธิการและกำลังก้มศีรษะดื่มน้ำชาด้วยเสียงราบเรียบ “สหายหวัง ท่านคิดเห็นเช่นไรกับเรื่องนี้”หวังเถิงฮ่วนวางถ้วยน้ำชาลงเบาๆ และตอบว่า “องค์รัชทายาทยังทรงพระเยาว์ เพิ่งเริ่รับตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ทราบเพียงใช้อำนาจเอาชีวิตคน แต่ทรงไม่เข้าใจว่าเบื้องหลังของอำนาจนั้น

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 15

    นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวชิงหลานเริ่มจับมือของหลี่เฉิน และเขาค่อย ๆ บีบผิวอันอ่อนนุ่มของจ้าวชิงหลานแล้วเอ่ยว่า “ฮองเฮามีแผนเช่นไร”จ้าวชิงหลานหักมือของเขาออกและพบว่าไม่อาจสลัดทิ้งได้ จึงเพิกเฉยต่อการกระทำที่เอาเปรียบของ หลี่เฉิน แล้วรีบเอ่ยว่าอย่างลาลาน “เหตุใดองค์รัชทายาทไม่ยอมละการสำเร็จราชการแทนไว้ก่อน เพราะราชสำนักตรงหน้าเจ้าก็ยังไม่คุ้นเคย เรียนรู้อยู่ข้างกายราชเลขาธิการไปก่อน รอถึงเวลาอันเหมาะสม ราชเลขาธิการย่อมคืนอำนาจให้ท่านรักษาการแทน” หลี่เฉินไม่ได้คาดหวังว่าจ้าวชิงหลานจะคิดถึงเขาในยามนี้ เขาได้ยินคำพูดของนางก็มิได้โกรธเคือง เพียงเอ่ยเสียงราบเรียบว่า “ฮองเฮาช่างเป้นลูกสาวที่ดีของตระกูลจ้าวเสียจริง ๆ เจ้าคิดทุกอย่างเพื่อราชเลขาธิการ เจ้าบอกว่านี่เป็นทางออกที่ดีสำหรับทั้งสองฝ่าย จริง ๆ แล้วต่างจากการที่ข้าถูกปลดตรงไหนหรือ”จ้าวชิงหลานขมวดคิ้วและเอ่ยว่า “แล้วแผนขององค์รัชทยาทคืออะไร”“ข้าจะทำอะไร พูดกับเจ้า มิใช่เท่ากับบอกราชเลขาธิการหรอกหรือ”หลี่เฉินหัวเราะจาง ๆ ยกมือขึ้นแล้วกอดเอวของจ้าวชิงหลานไว้ในอ้อมแขนของเขา และเอ่ยประชิดหูของนาง “ในเมื่อพ่อของเจ้าเนรคุณ ถ้าเช่นนั้นข้า

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 16

    เมื่อเห็นว่าองค์ชายเก้ากำลังจะเปิดม่านประตูและความลับระหว่างนางกับหลี่เฉินจะถูกเปิดเผย จ้าวชิงหลานก็รู้สึกว่าลมหายใจหยุดลงชั่วขณะหากองค์ชายเก้าเห็นฉากตรงหน้าขึ้นมาจริง ๆ นางและหลี่เฉินจะทำอะไรได้อีก นอกจากสังหารเขาและปิดปากเขาเล่าหลี่เฉิน หลี่เฉิน!จ้าวชิงหลานมองหลี่เฉินด้วยความตื่นตระหนก โดยหวังว่าเขาจะหาทางหยุดองค์ชายเก้าได้นางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวันหนึ่งนางจะต้องพึ่งพาหลี่เฉินเพื่อหาวิธีแก้ปัญหาทว่าหลี่เฉิน...ในยามนี้ มือของเขากลับไม่หยุด แต่ปลดสายรัดหน้าท้องของชุดชั้นในจ้าวชิงหลานออกดวงตาของจ้าวชิงหลานเบิกกว้างขณะที่รู้สึกว่าร่างกายคลายตัวขณะนี้ นางสงสัยจริง ๆ ว่าหลี่เฉินคือคนบ้ากามกลับชาติมาเกิดนางมีความคิดที่จะเพิกเฉยต่อทุกสิ่งและต่อสู้กับไอ้สารเลวผู้นีให้รู้แล้วรู้รอดตายไปด้วยกัน!ด้านนอก มือขององค์ชายเก้าได้ยื่นผ่านม่านประตูออกมาแล้ว เพียงแต่ต้องยกขึ้นเพื่อดูทุกสิ่งในห้องพักทันใดนั้น จ้าวชิงหลานรู้สึกถึงความเบาบนร่างกายของนาง และหลี่เฉินก็ลงจากร่างกายของนางจริง ๆฉะนั้น เมื่อองค์ชายเก้าเปิดม่านประตู เขาเห็นฮองเฮานอนอยู่บนตั่งนอนด้วยใบหน้าแดงก่ำและความลำบาก

บทล่าสุด

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 814

    แม้เย่ลู่เสินเสวียนจะมีการปกป้อง แต่ขุนนางคนอื่นๆ กลับไม่ได้โชคดีเช่นนั้นมีบางคนถูกแรงระเบิดซัดกระเด็นไปโดยตรง คนหนึ่งศีรษะกระแทกเสา เลือดพุ่งออกจากจมูกและปาก ก่อนร่างจะกระตุกสองครั้งแล้วนิ่งไปอีกสองคนถูกแรงระเบิดเหวี่ยงออกไปนอกหน้าต่าง ร่วงลงบนซากปรักหักพัง ไม่มีเสียงตอบสนองอีกเลยเย่ลู่เสินเสวียนเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงสิ่งแรกที่เขาคิดคือ หลี่เฉินต้องการฆ่าปิดปากเขาบ้าไปแล้วหรือ!? เขากล้าทำได้อย่างไร!?"ความตกใจและความโกรธที่ท่วมท้นทำให้ใบหน้าของเย่ลู่เสินเสวียนบิดเบี้ยว"เกิดอะไรขึ้นกันแน่!?"เย่ลู่เสินเสวียนตะโกนด้วยเสียงต่ำ แม้ฝุ่นควันจะเกาะเต็มตัว แต่เขาไม่สนใจ"องค์รัชทายาท มียอดฝีมือบุกเข้ามา"ชายชราผู้ค้อมตัวเอ่ยคนคนนี้เป็นคนเดียวกับที่ปกป้องเย่ลู่กู่จ้านฉีในวันนั้นมุมปากของเย่ลู่เสินเสวียนกระตุก สายตาเต็มไปด้วยความเย็นชาเขาคิดไม่ออกว่าทำไมไม่ว่ามองจากมุมไหน หลี่เฉินไม่ควรจะลงมือกับเขาในเวลานี้นี่เป็นเหตุผลที่เขากล้าปรากฏตัวในเมืองหลวง และแม้กระทั่งยั่วยุหลี่เฉินด้วยเย่ลู่เสินเสวียนไม่ใช่คนโง่ หากไม่มีความมั่นใจ เขาย่อมไม่เสี่ยงชีวิตเช่นนี้เว้นแ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 813

    เมื่อเย่ลู่เสินเสวียนออกคำสั่ง องครักษ์หลายคนช่วยกันยกศพของฮาเลยต้าลี่เข้ามาตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงเวลานี้ ศพของฮาเลยต้าลี่ผ่านไปห้าหรือหกชั่วยามแล้ว จนร่างกายแข็งทื่อเลือดที่ไหลจนหมดทำให้ศพซีดเผือด ฮาเลยต้าลี่นอนแข็งอยู่บนพื้นห้องโถง ทุกคนในที่นั้นล้วนมีสีหน้าเรียบเฉยสำหรับคนแคว้นเหลียว ความตายไม่ใช่เรื่องน่าตกใจไม่มีใครรู้สึกเสียใจกับการตายของฮาเลยต้าลี่แม้กระทั่งเย่ลู่เสินเสวียนเอง แม้ลูกนอกสมรสของเขาเสียชีวิต เขายังไม่รู้สึกสะเทือนใจมากนัก นับประสาอะไรกับฮาเลยต้าลี่สิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกขมขื่นคือ ฮาเลยต้าลี่ตายอย่างน่าอับอาย โดยฝีมือต้าฉินฮาเลยต้าลี่ถูกหลี่เฉินใช้ปืนจ่อปากยิงจนตาย ตอนนี้ปากของเขายังคงเปิดอ้ากว้าง เผยให้เห็นฟันสีขาวและลิ้นซีดเผือด ภายในปากเต็มไปด้วยเลือดสีดำที่แห้งจนแข็ง มองดูน่ากลัวและน่าขยะแขยงเย่ลู่เสินเสวียนสั่งให้พลิกศพของฮาเลยต้าลี่ไปอีกด้าน เผยให้เห็นบาดแผลที่ด้านหลังศีรษะ ซึ่งเป็นรูขนาดเท่ากำปั้นเด็กบริเวณแผลยังคงมีเลือดและเศษสมองหลงเหลืออยู่ เมื่อมองผ่านรูเข้าไป สามารถเห็นกะโหลกที่ภายในว่างเปล่าเกือบครึ่ง ภาพที่เห็นนี้ หากคนจิตใจอ่อนแอคงร

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 812

    หลังฟังคำอธิบายของหลี่เฉิน กงฮุยอวี่รู้สึกว่า คนที่เล่นการเมืองเหล่านี้ ช่างมีจิตใจสกปรกเหลือเกินทุกการกระทำเล็กๆ ล้วนแฝงความหมายอันลึกซึ้งไม่น่าแปลกใจที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา สำนักบัวขาวแม้จะมีผู้นำที่เก่งกาจหรือศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ยังไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ถ้าราชวงศ์หลี่ทั้งหมดมีระดับความสามารถเช่นนี้ สำนักบัวขาวที่เป็นเพียงกลุ่มเล็กๆ จะเอาอะไรไปสู้กับราชสำนัก?เพียงแค่เล่ห์เหลี่ยมไม่กี่อย่าง ก็สามารถปั่นหัวเหล่าผู้คนของสำนักบัวขาวได้แล้วเมื่อนึกถึงอดีตราชวงศ์ที่แม้จะอ่อนแออย่างถึงที่สุด แต่คำสั่งปราบดินแดนเพียงฉบับเดียวก็ทำให้วีรชนแห่งเขาเหลียงซานหนึ่งร้อยแปดคนแยกย้ายกันไป กงฮุยอวี่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าหนทางของสำนักบัวขาวช่างมืดมนเหลือเกินนางสลัดความคิดวุ่นวายเหล่านี้ออกไป ก่อนตอบกลับด้วยท่าทีเย็นชา "ต้องการให้ข้าลงมือเมื่อไหร่?"เมื่อเห็นว่ากงฮุยอวี่ตอบรับ หลี่เฉินถอนหายใจโล่งอกทันทีและกล่าวว่า "คืนนี้!"กงฮุยอวี่มองหลี่เฉินลึกซึ้งครั้งหนึ่งก่อนหมุนตัวเดินจากไปหลี่เฉินอารมณ์ดีขึ้นวั่นเจียวเจียวเดินถือของว่างมาพอดี พร้อมพูดว่า "องค์รัชทายาทสนมกล่าวว่าองค์ชายยังไม่ไ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 811

    หลี่เฉินแค่นเสียงเย็นออกมาแม้เขาจะไม่พอใจที่หน่วยบูรพาทำงานล้มเหลว แต่ก็เข้าใจว่านี่ไม่ใช่ความผิดของหน่วยบูรพาโดยลำพังหลี่อิ๋นหู่และจ้าวเสวียนจีร่วมมือกัน การหลบซ่อนจากสายตาของหน่วยบูรพาไม่ได้เป็นเรื่องยากเย็นอะไรต้องไม่ลืมว่าเมื่อหน่วยบูรพาก่อตั้งขึ้น จ้าวเสวียนจีได้มีอำนาจมหาศาลอยู่ก่อนแล้วหลายปีที่ผ่านมา หน่วยบูรพาอาจพัฒนาไปไม่น้อย แต่จ้าวเสวียนจีเองก็เติบโตยิ่งกว่า"จับตาดูพวกเขาอย่างใกล้ชิด"หลี่เฉินกล่าวเสียงหนักแน่น "ข้าต้องการรู้ว่าพวกเขาเตรียมกำลังคนไว้เท่าไหร่ และคิดจะลงมือเมื่อใด"เขาหรี่ตาลงก่อนกล่าวต่อ "การกบฏไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขาน่าจะเลือกเวลาพิเศษบางช่วงเพื่อเริ่มเคลื่อนไหว และสิ่งสำคัญที่สุดคือการควบคุมตัวข้า แล้วจึงยึดพระราชวังหลวง""หากสำเร็จ พวกเขาจะผลักดันให้หลี่อิ๋นหู่ขึ้นเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งองค์รัชทายาท หรือไม่ก็ยิ่งกว่านั้น สังหารข้าเพื่อขึ้นครองบัลลังก์โดยตรง"เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ซานเป่าถึงกับแสดงสีหน้าจริงจัง ขณะที่กงฮุยอวี่ผู้ซึ่งปกติไม่สนใจงานราชการก็ยังอดไม่ได้ที่จะมองอย่างสนใจหลี่เฉินลุกขึ้นเดินไปยังประตูพระที่นั่งซีเจิ้ง มองท้องฟ้าที่มื

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 810

    คำมั่นสัญญานี้ เพียงพอที่จะทำให้ชีวิตของจ้าวหรุ่ยเต็มไปด้วยความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งตลอดชีวิตไม่เพียงแต่นางเท่านั้น แม้แต่ครอบครัวของบิดานาง ก็จะได้รับหลักประกันทางการเมืองในระดับหนึ่งจากตำแหน่งสนมของนางแม้หลี่เฉินจะไม่ใช่คนที่มักให้สิทธิพิเศษหรือผลประโยชน์แก่จ้าวเหอซานเพียงเพราะจ้าวหรุ่ย แต่หากวันใดจ้าวเหอซานทำผิดพลาด หลี่เฉินก็อาจยอมละเว้นชีวิตของเขาเพื่อเห็นแก่จ้าวหรุ่ยจ้าวหรุ่ยเข้าใจในจุดนี้เป็นอย่างดีสำหรับนาง ซึ่งครั้งหนึ่งเคยทรยศจ้าวเสวียนจีมาก่อน การได้รับคำมั่นนี้ถือเป็นสิ่งที่พิสูจน์ถึงความรักลึกซึ้งที่หลี่เฉินมีให้นางจ้าวหรุ่ยจึงคิดจะคุกเข่าลงขอบคุณแต่กลับถูกหลี่เฉินจับตัวไว้"หม่อมฉัน ขอบพระทัยองค์ชายเพคะ" จ้าวหรุ่ยกล่าวด้วยความตื้นตัน"พักผ่อนให้ดีเถอะ ข้าจะกลับมาร่วมทานอาหารค่ำกับเจ้า"หลังจากปลอบใจจ้าวหรุ่ยเรียบร้อย หลี่เฉินก็ลุกออกจากตำหนักเมื่อมาถึงพระที่นั่งซีเจิ้ง ซานเป่ากำลังรออยู่แล้วโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ซานเป่าก็รีบนำข่าวสารจากสวีเว่ยส่งให้หลี่เฉินทันทีหลี่เฉินเพิ่งอ่านจบ กงฮุยอวี่ก็กลับมากงฮุยอวี่หันมารายงานหลี่เฉินทันที โดยไม่สนใจซานเป่า

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 809

    หลงไหวอวี้ไม่ได้มีเพียงอาจารย์ลึกลับผู้นั้นคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง แต่ยังมีอ๋องแห่งแคว้นอีกผู้หนึ่ง ซึ่งหลี่อิ๋นหู่รู้อยู่ก่อนแล้วทว่าอ๋องผู้นั้นคือผู้ใดกันแน่ หลี่อิ๋นหู่กลับไม่ได้รับข่าวคราวใดๆ เลยแต่ก่อนเขายังพอจะรอคอยได้อย่างใจเย็น ทว่าตอนนี้สถานการณ์พลิกผันรวดเร็วจนเขาไม่อาจนิ่งนอนใจอีกต่อไป ทำให้ต้องเสี่ยงชีวิตเดิมพันครั้งนี้เขาต้องการรู้ว่าใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังหลงไหวอวี้และอาจารย์ส่วนการเฝ้าจับตาสวีเว่ยนั้น เป็นเพียงเพราะเขาระแวดระวังเป็นนิสัย โดยไม่เชื่อใจผู้ใดอย่างเต็มที่หลี่อิ๋นหู่ไม่คิดว่าสวีเว่ยจะทรยศเขาได้ตลอดมาหลายเรื่องราวพิสูจน์ให้เห็นว่าสวีเว่ยเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์หาได้ยากแต่สิ่งที่เขาไม่รู้คือ ในขณะที่เขาสั่งให้คนสนิทไปจับตาสวีเว่ยอยู่นั้น สวีเว่ยซึ่งเขามองว่าเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ กลับส่งข่าวสารทั้งหมดไปยังตำหนักบูรพาผ่านทางเครือข่ายของหน่วยบูรพาทันทีที่ก้าวออกจากจวนอ๋องหลังส่งข่าวสำคัญไปแล้ว สวีเว่ยไม่กล้าแสดงท่าทีใดให้เป็นที่สงสัย เขาทำตามคำสั่งของหลี่อิ๋นหู่โดยตรง มุ่งหน้าไปยังประตูตะวันตกเพื่อพบกับนักพรตปลอมตัวที่หลี่อิ๋นหู่กำหนดไว้ พร้อมรับ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 808

    “ถูกต้อง ช่วงนี้การตัดสินใจสำคัญหลายอย่างของข้าก็ได้รับความช่วยเหลือจากพวกเจ้า แต่การตัดสินใจที่ดีแค่ไหน ก็ยังเป็นการปรับตัวให้เหมาะสมกับเงื่อนไขปัจจุบันเท่านั้น มิอาจช่วยให้ข้าเพิ่มอำนาจในระยะเวลาอันสั้นได้”หลี่อิ๋นหู่กล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ข้าไม่มีเวลาแล้ว และตำหนักบูรพาเองก็จะไม่ให้ข้าได้มีเวลานั้น ดังนั้นสิ่งที่ข้าต้องการคือการตัดสินใจเสี่ยงสุดตัว เพื่อสร้างหนทางรอดใหม่!”หลงไหวอวี้ยังคงรักษาสีหน้าสงบนิ่ง ไม่แสดงความรู้สึกใดๆแต่ปฏิกิริยาดังกล่าวกลับแฝงความไม่พอใจเอาไว้อย่างชัดเจนเขาประสานมือคำนับแล้วตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ในเมื่อท่านอ๋องมีใจมุ่งมั่นเช่นนี้ ไหวอวี้จะเร่งติดต่ออาจารย์ให้เร็วที่สุด พวกเราสองคนจะพยายามช่วยท่านอ๋องขึ้นครองบัลลังก์อย่างเต็มกำลัง”“แต่ข้าขอถามท่านอ๋องว่า ท่านอ๋องได้ตกลงอะไรกับจ้าวเสวียนจีไว้บ้าง หรือว่าจ้าวเสวียนจีได้เปิดเผยไพ่ในมือให้ท่านเห็นมากน้อยเพียงใด?”หลี่อิ๋นหู่เลิกคิ้วเล็กน้อย ดวงตาฉายแววครุ่นคิดแม้หลงไหวอวี้จะเป็นที่ปรึกษาคนสนิท แต่เขาและอาจารย์ยังคงลึกลับเกินไป หลี่อิ๋นหู่ไม่อาจมอบความไว้วางใจทั้งหมดให้พวกเขาได้ด้วยเหตุนี้ บางเรื

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 807

    “แต่หากล้มเหลว ข้าเองก็ไม่อาจรักษาชีวิตไว้ได้ และคนในจวนอ๋องกว่าร้อยชีวิตก็อย่าหวังว่าจะรอด ด้วยนิสัยขององค์รัชทายาท ต่อให้เป็นไข่ไก่ในครัวก็ยังต้องถูกเขย่าให้แตกหมด”หลี่อิ๋นหู่ตบลงบนบ่าของสวีเว่ยอย่างหนัก พลางพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เจ้าและข้าล้วนอยู่บนเรือลำเดียวกัน หากข้าพ่ายแพ้ เจ้าก็หนีไม่พ้น ดังนั้นเรื่องนี้สำคัญถึงชีวิต ข้าเชื่อว่าเจ้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ”ใครบอกว่าข้ากับเจ้าลงเรือลำเดียวกัน!ชีวิตข้าเป็นสุนัขขององค์รัชทายาท แม้ตายก็เป็นสุนัขตายขององค์รัชทายาท!สวีเว่ยแอบคิดในใจอย่างเดือดดาล แต่สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความซื่อสัตย์ เขากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “โปรดวางใจเถิดท่านอ๋อง กระหม่อมพร้อมทำทุกอย่างเพื่อท่าน ไม่ว่าจะลำบากเพียงใด”หลี่อิ๋นหู่พยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนโบกมือและพูดว่า “ไปเถอะ”สวีเว่ยที่กำลังเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและกระตือรือร้นเดินออกจากห้องหนังสือไปเมื่อสวีเว่ยจากไป หลี่อิ๋นหู่ลดสายตาลงและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ออกมาได้แล้ว”จากห้องลับในห้องหนังสือ หลงไหวอวี้ก้าวออกมา“เรื่องทุกอย่างเจ้าได้ยินหมดแล้ว ข้าได้ตัดสิ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 806

    สวีเว่ยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาตอบรับทันทีว่า “กล้า!”หลี่อิ๋นหู่พยักหน้าด้วยความพอใจ พลางกล่าวว่า “ดีมาก”เขาไม่ได้สั่งงานทันที แต่เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงช้าๆ ว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้สถานการณ์มันตึงเครียดแค่ไหน? องค์รัชทายาทกับข้า แม้จะเป็นพี่น้อง แต่เขาใจแคบ ย่อมไม่อาจยอมรับการมีอยู่ของข้าได้ และอาจลงมือกับข้าได้ทุกเมื่อ”สวีเว่ยทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อ สายตาเบิกกว้างเต็มไปด้วยความตกใจสีหน้าของเขาเหมาะเจาะกับที่หลี่อิ๋นหู่คาดการณ์ไว้ใครก็ตามที่ได้ยินความลับเช่นนี้เป็นครั้งแรก ย่อมต้องมีปฏิกิริยาเช่นนี้แต่สิ่งที่หลี่อิ๋นหู่ไม่รู้คือ ความตกใจของสวีเว่ยมีเพียงครึ่งเดียวเท่านั้นที่เสแสร้ง อีกครึ่งหนึ่งมาจากความจริงที่ว่า หลี่อิ๋นหู่ไว้ใจเขาถึงขนาดบอกความลับสำคัญเช่นนี้“ข้าอยากจะช่วยองค์รัชทายาทอย่างสุดกำลัง แต่เขากลับไม่ไว้ใจข้า สวีเว่ย เจ้าคิดว่าข้าควรทำอย่างไรดี?”สวีเว่ยรีบตอบว่า “กระหม่อมไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ กระหม่อมรู้เพียงว่า ชีวิตของกระหม่อมเป็นของท่านอ๋อง หากท่านอ๋องต้องการสิ่งใด กระหม่อมย่อมปฏิบัติตาม ไม่ว่าใครคิดจะทำร้ายท่านอ๋อง ก็ต้องข้ามศพกระหม่อมไปก่อน!”หลี่อิ๋

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status