Share

บทที่ 8

Author: ไห่ตงชิง
คำพูดของหลี่เฉิน ทำให้หลี่เสวียนหน้าซีด

เขารีบตอบไปตามจิตใต้สำนึกว่า “ข้า ข้าไม่ได้กบฏ เสด็จแม่และท่านอาจารย์ตกลงจะให้ข้าดูพวกนั้น พวกเขาบอกว่าข้าควรเรียนรู้กิจการของรัฐล่วงหน้า...”

ทันทีที่เขาพูดเช่นนี้ เว่ยเสียนที่กำลังคุกเข่าอยู่ข้างๆ ก็แทบกระอักเลือดออกมา

องค์ชายเก้าเหตุใดจึงไร้ความคิดเช่นนี้ คำพูดเช่นนั้นกล่าวออกมาง่ายๆ ได้อย่างไร

“เรียนรู้กิจการของรัฐล่วงหน้า?”

หลี่เฉินจับจุดอ่อนของหลี่เสวียนได้ น้ำเสียงของเขาสูงขึ้นสองส่วน “เรียนรู้กิจการของรัฐล่วงหน้าเพื่ออะไร? หรือว่าเจ้าอยากให้เสด็จทรงสวรรคต จากนั้นก็เอาตำแหน่งของข้าไป?”

ในที่สุดหลี่เสวียนก็รู้ตัวว่าเพิ่งพูดอะไรออกไป

เขาหน้าซีด คุกเข่าลงเสียงดังตุบ รีบอธิบายด้วยความตื่นกลัวว่า “พี่รอง ข้า ข้าไม่ได้มีความหมายเช่นนั้น...”

เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มรุนแรงขึ้น สาวใช้ส่วนตัวของหลี่เสวียนจึงถอยหลังออกไปอย่างเงียบๆ และวิ่งตรงไปที่วังฮองเฮา

“จะมีความหมายเช่นนั้นหรือไม่ ข้าจะมาคิดบัญชีกับเจ้าทีหลัง”

หลี่เฉินพูดจบ เขาก็หันไปสั่งขันทีซานเป่าว่า “หูหนวกเหรอ? หรือจะให้ข้าลงมือเอง?”

ขันทีซานเป่าได้ยินก็รีบลุกขึ้นยืน สั่งองครักษ์เสื้อแพรสองนายให้ลากเว่ยเสียนออกไป

บาดแผลบนใบหน้าของเว่ยเสียนยังคงอยู่ และเลือดก็ยังไหลไม่หยุดเมื่อเขาถูกลากออกไป ก็ทิ้งรอยเลือดเป็นทางยาวไว้ใต้ร่างของเขา มีเพียงเสียงกรีดร้อง “องค์รัชทายาท ไว้ชีวิตกระหม่อมด้วย ข้าเพียงแต่ทำตามคำสั่ง ไว้ชีวิตกระหม่อมด้วย!”

เสียงของเว่ยเสียนค่อยๆ ห่างออกไป สุดท้ายก็ไม่เห็นตัวคน

หลี่เฉินเดินเข้าไปในห้องโถงสำนักขันทีฝ่ายตรวจฎีกาด้วยสีหน้าที่อ่านไม่ออก

ตอนนี้ กลุ่มขันทีของสำนักขันทีฝ่ายตรวจฎีกากำลังนั่งคุกเข่าบนพื้นและตัวสั่น

พวกเขาเห็นด้วยตาตนเองว่า เว่ยเสียนผู้หยิ่งผยองในสำนักขันทีฝ่ายตรวจฎีกานั้น ถูกคำพูดของหลี่เฉินไม่กี่คำก็โดนลากไปตัดหัว เวลานี้พวกเขายิ่งตกใจและหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น และไม่กล้ามองไปที่หลี่เฉิน

“ซานเป่า”

หลี่เฉินเรียกเบาๆ

ขันทีซานเป่ารีบคุกเข่าข้างหลี่เฉิน รอฟังคำสั่งลงมา

“ในสำนักขันทีฝ่ายตรวจฎีกา มีใครบ้างที่ไม่ได้เป็นพันธมิตรของเว่ยเสียน และสามารถดำรงตำแหน่งแทนเว่ยเสียนได้?”

ประโยคนี้ ซานเป่าสูดหายใจเข้าลึกๆ และกล่าวอย่างระมัดระวังว่า “ทูลองค์รัชทายาท เรื่องนี้ใหญ่เกินไป บ่าวไม่กล้าอวดดี”

“ไม่ใช่ว่าเจ้าวางแผนยืมมือข้าเพื่อกำจัดเว่ยเสียนหรอกหรือ? ในเมื่อข้าสังหารขันทีคนนั้นไปแล้ว ใยถึงไม่ฉวยโอกาสรับตำแหน่งเล่า?” หลี่เฉินกล่าวอย่างใจเย็น

ประโยคนี้ ทำให้ซานเป่ารู้สึกหนาวจากภายในสู่แขนขา

เขาหมอบลงกับพื้นในทันที หน้าผากของเขาแตะพื้น ชื่อเสียงอันโหดเหี้ยม ในฐานะกวางกงของหน่วยงานบูรพาซึ่งแพร่กระจายในหมู่ขุนนางบุ๋นบู๊ และทำให้ทุกคนต่างหวาดกลัวและเกลียดชัง เวลานี้ เขาตกต่ำราวกับหมาแก่

“องค์รัชทายาท บ่าวมิกล้า...”

“เอาล่ะ ข้าคร้านจะคุยกับเจ้า จำไว้ว่า ข้าชอบแค่สุนัขที่ซื่อสัตย์และมีประโยชน์เท่านั้น ไม่เช่นนั้น ชะตากรรมของเว่ยเสียนอาจจะตกเป็นของเจ้า”

“เหตุผลที่ขุนนางบุ๋นบู๊กลัวเจ้า นั่นก็เพราะฮ่องเต้มอบอำนาจให้เจ้า เจ้าเป็นขันทีและจะเป็นขันทีตลอดไป อำนาจของเจ้ามาจากราชวงศ์ ฮ่องเต้ได้มอบอำนาจการปกครองประเทศให้แก่ข้า เช่นนั้นข้าก็มีอำนาจกุมชะตากรรมของเจ้าไว้ ดูแลตัวเองให้ดี”

“ส่งรายชื่อบุคคลที่ยังว่างและเหมาะแก่การเป็นขันทีผู้ถือพู่กันฝ่ายตรวจฎีกามา ข้าจะเลือกคนใหม่ ส่วนพันธมิตรของเว่ยเสียน ก็ให้ไปเหมือนเว่ยเสียนก็แล้วกัน”

หลี่เฉินพูดเสร็จ เขาก็เพิกเฉยต่อเสียงอ้อนวอนและเสียงร้องขอความเมตตาที่ก้องกังวานตรงหน้าประตูสำนักขันทีฝ่ายตรวจฎีกา จากนั้นก็หันไปมองหลี่เสวียนที่ยืนตัวสั่นที่หน้าประตู

“เจ้าเข้ามา”

เมื่อหลี่เสวียนได้ยินหลี่เฉินเรียก เขาก็ก้าวมาตรงหน้าหลี่เฉินอย่างระมัดระวัง

ก่อนที่เขาจะได้พูด หลี่เฉินก็ยกมือตบหน้าหลี่เสวียน

เพี๊ยะ

เสียงตบดังชัดเจนมาก ทำให้ใบหน้าขาวซีดของหลี่เสวียนพลันแดงก่ำขึ้นมา และมีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก

การตบครั้งนี้ ยังระงับเสียงร้องและขอความเมตตาจากพวกขันทีอีกด้วย

หลี่เสวียนถูกตบจนเซ่อ

เขาคิดไม่ถึงว่าหลี่เฉินจะกล้าลงมือกับเขา

“เจ้าและข้าเป็นพี่น้องต่างมารดา ข้าไม่ต้องการฆ่าคนในสายเลือดเดียวกัน แต่มีบางสิ่งที่ไม่ควรเป็นของเจ้า ดังนั้นอย่าแตะต้องมัน และข้าสัญญาว่าชีวิตครึ่งหลังของเจ้าจะมั่นคงและเจริญรุ่งเรือง แต่ถ้าเจ้ามีใจคิดเป็นอย่างอื่น ข้าจะทำให้เจ้าตายอย่างอนาถ”

ครอบครัวราชวงศ์เป็นครอบครัวที่โหดเหี้ยมที่สุดตั้งแต่สมัยโบราณ

ต่อหน้าราชบัลลังก์ ไม่ต้องพูดถึงพี่น้องต่างมารดาเลย แม้แต่พ่อลูกทางสายเลือดก็ยังหันมาทะเลาะกันเองด้วยซ้ำ

หลี่เฉินทะลุมิติมา เขารู้ดีว่า ตัวเองทำได้เพียงปีนขึ้นไปบนเก้าอี้มังกรเท่านั้น และไม่มีใครจะหยุดเขาได้ ไม่เช่นนั้นเขาจะต้องตาย

ไม่ว่าจะเป็นเพื่ออำนาจสูงสุดในใต้หล้า หรือเพื่อชีวิตน้อยๆ ของเขาเอง หลี่เฉินก็ตัดสินใจว่าใครก็ตามที่กล้าจะโลภในราชบัลลังก์ จะถูกฆ่าอย่างแน่นอน

หลี่เสวียนตัวสั่นเทิ้ม

ความเจ็บปวดบนใบหน้ายังรู้สึก แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ การจ้องมองที่เย็นชาของหลี่เฉินที่ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวถึงกระดูก

ในขณะเดียวกัน ความอัปยศและความโกรธในกระดูก ก็ทำให้หลี่เสวียนตาแดงก่ำขึ้นมา

หลี่เฉินแสดงสีหน้าเย็นชา เขายังหวังว่าหลี่เสวียนจะพุ่งเข้ามาโจมตีเขาตอนนี้ บวกกับหลี่เสวียนได้อ่านสาส์นกราบทูลข้อราชการ แค่นั้นก็ทำให้หลี่เสวียนโดนโทษประหารแล้ว ถึงตอนนั้น แม้แต่ฮองเฮากับจ้าวเสวียนจีก็ไม่สามารถปกป้องเขาได้

ตอนนี้เอง สาวใช้ในวังคนหนึ่งและกลุ่มองค์รักษ์ก็รีบเดินเข้ามา

“คารวะองค์รัชทายาท คารวะองค์ชายเก้า บ่าวชื่อหลี่ชุ่ยเออร์เป็นนางกำนัลคนสนิทของฮองเฮา ฮองเฮาทรงมีรับสั่งเชิญองค์รัชทายาทและองค์ชายเก้าไปเข้าเฝ้าที่พระราชวังหงส์สราญ”

เมื่อพระราชดำรัสของฮองเฮามาถึง แผนการของหลี่เฉินก็ล้มเหลว

ในขณะนั้นหลี่เสวียนก็ค่อยๆ ได้สติกลับมาบ้างแล้ว

“ลูกรับพระบัญชา” หลี่เสวียนรีบตอบรับ

หลี่เฉินพูดเสียงเรียบว่า “นำทางไป”

เมื่อมองแผ่นหลังของหลี่เฉินที่เดินจากไป ขันทีซานเป่าก็ค่อยๆ ลุกขึ้นจากพื้น และหายใจลึกๆ ด้วยความโล่งอก

เขาเป็นกวางกงแห่งหน่วยงานบูรพา ผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพร เหล่าขุนนางบู๊บุ๋นล้วนกลัวจนตัวสั่น

นอกจากจ้าวเสวียนจีกับลูกน้องข้างกายพวกนั้น ที่เขากวางกงไม่อาจลงมือได้ ส่วนคนอื่นๆ ไม่มีใครที่ไม่กลัวเขา

แต่ซานเป่ารู้ดีว่า องค์รัชทายาทหลี่เฉินพูดถูก อำนาจของเขามาจากราชวงศ์ หากราชวงศ์พ่ายแพ้ พวกขุนนางบู๊บุ๋นเหล่านั้นก็จะฉีกเขาเป็นชิ้นๆ ในทันที โดยที่ราชวงศ์ไม่ต้องทำอะไรเลย

เพราะเหตุนี้เขาจึงสามารถพึ่งพาอำนาจของฮ่องเต้ได้เท่านั้น

“องค์รัชทายาท...น่ากลัวจริงๆ”

ขันทีซานเป่าสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพึมพำออกมาว่า “ดูเหมือนทุกคนจะประเมินวิธีการขององค์รัชทายาทต่ำไป… เขามีความเด็ดขาดในการฆ่า แต่การลงมือทุกครั้งล้วนสมเหตุสมผล เกรงว่าคงไม่มีใครพูดว่าเขาไร้ค่าได้อีก... ”

“กวางกง”

องครักษ์เสื้อแพรนายหนึ่งเดินเข้ามาหาซานเป่า เขาเหลือบมองไปยังขันทีในสำนักขันทีฝ่ายตรวจฎีกาที่กำลังร่ำไห้เหล่านั้น แล้วกระซิบถามว่า “คนพวกนี้...”

“ไม่ได้ยินที่องค์รัชทายาทรับสั่งหรือ? ยกเว้นชื่อที่ข้าเอ่ยถึง ที่เหลือฆ่าให้หมด”

ซานเป่ามองขันทีเหล่านั้นอย่างเย็นชา และพูดอย่างไม่แยแส

ภายในพระราชวังหงส์สราญ

ในห้องโถงบรรทม

จ้าวชิงหลานสวมมงกุฎหงส์ และเสื้อคลุมฮองเฮานั่งอยู่ในห้องโถง รัศมีสูงส่งยิ่งใหญ่ของมารดาแผ่นดินแผ่ออกมาจากตัวนาง

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสถานะอันสูงส่ง หรือเพราะนางเป็นสตรีที่สูงศักดิ์ที่สุดในใต้หล้า แต่กล่าวโดยสรุปว่า จ้าวชิงหลานซึ่งสวมเสื้อคลุมฮองเฮานั้น เพียงแค่นั่งอยู่ที่นั่นด้วยท่าทางสูงส่ง ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกเกรงขามอยู่ในใจ และไม่อาจดูหมิ่นได้

ข้อยกเว้นเพียงอย่างเดียวก็คือหลี่เฉิน

“อวดดีเกินไปแล้ว!”

จ้าวชิงหลานตบพนักพิงและกล่าวด้วยความโมโหว่า “พวกเจ้าสองคน คนหนึ่งคือองค์รัชทายาท ส่วนอีกคนคือองค์ชายเก้า ล้วนแต่เป็นเชื้อพระวงศ์ทั้งนั้น เป็นพี่น้องต่างมารดา มีอะไรก็พูดคุยกันดีๆ จะลงไม้ลงมือทำไม?”

จ้าวชิงหลานเอนเอียงไปทางองค์ชายเก้ามากกว่า นางชี้ไปที่แก้มที่บวมแดงของหลี่เสวียน แล้วถามหลี่เฉินว่า “องค์รัชทายาท เจ้าตีองค์ชายเก้าจนเป็นเช่นนี้ มันเป็นความผิดของเจ้า!”

ราวกับไม่เห็นว่าฮองเฮาโกรธมากเพียงใด หลี่เฉินตอบเสียงเรียบว่า “ที่ข้าไม่ฆ่าเขาก็เพราะเห็นแก่หน้าเสด็จพ่อ”

ประโยคนี้ ทำเอาจ้าวชิงหลานตาค้าง

นางพูดด้วยความโกรธ “เจ้าว่าอะไรนะ!?”

“ฮองเฮาฟังไม่เข้าใจหรือ?”

หลี่เฉินเหลือบมองหลี่ซวนที่ปิดหน้าตัวเองอย่างอับอายแล้วพูดว่า “ข้าไม่ฆ่าเขา เพราะเห็นแก่หน้าเสด็จพ่อ”

จ้าวชิงหลานโกรธมากจนหายใจแรง และพูดว่า “เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นองค์รัชทายาท แล้วข้าจะสั่งสอนเจ้าไม่ได้หรือ ข้ายังเป็นฮองเฮาอยู่นะ!”

“ใช่แล้ว ท่านเป็นฮองเฮา เป็นมารดาแผ่นดิน แต่วังหลังห้ามเข้าไปยุ่งกับกิจการของรัฐ ข้าไม่เพียงแต่เป็นองค์รัชทายาท แต่ยังได้รับการแต่งตั้งจากเสด็จพ่อให้เป็นผู้ดูแลประเทศ องค์ชายเก้าอ่านสาส์นกราบทูลข้อราชการโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเสด็จพ่อ ฮองเฮาไม่รู้หรือว่านี่เป็นโทษที่ร้ายแรงเพียงใด? แม้ข้าจะสังหารเขา แล้วใครจะกล้าว่าข้า?”

จ้าวชิงหลานกัดฟันแน่น นางแทบรอไม่ไหวที่จะปลดหลี่เฉินลงจากตำแหน่งองค์รัชทายาท แต่นางก็รู้ว่า นางไม่มีอำนาจนั้น

ยิ่งคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งโกรธเคืองมากขึ้นเท่านั้น นางหายใจเข้าลึกๆ แทบจะระงับความโกรธในใจไว้ไม่ได้เลย จากนั้นก็หันไปหาหลี่เสวียนแล้วพูดว่า “เจ้าไปที่ห้องโถงข้างๆ ก่อน แล้วทบทวนบทเรียนของวันนี้ ข้ามีเรื่องจะพูดคุยกับองค์รัชทายาท”

หลี่เสวียนเหลือบมองหลี่เฉินอย่างหวาดกลัว จากนั้นก็คุกเข่าคารวะตามธรรมเนียม แล้วถอยออกไป

รอจนหลี่เสวียนเดินออกไปแล้ว จ้าวชิงหลานจึงหันมาพูดกับหลี่เฉินว่า “เสด็จพ่อของเจ้าหมดสติ และไม่สามารถจัดการกิจการของรัฐได้อีกต่อไป ข้าจึงขอให้องค์ชายเก้าอ่านสาส์นกราบทูลข้อราชการบางส่วน เพราะต้องการให้เขาแบ่งเบาภาระงานราชการบางส่วนของเจ้ากับเสด็จพ่อ”

“อืม ข้าเชื่อ”

ทัศนคติของหลี่เฉิน กระตุ้นความโกรธของจ้าวชิงหลานอีกครั้ง

แต่ก่อนที่นางจะพูดต่อ หลี่เฉินก็โบกมือ และพูดกับสาวใช้ที่อยู่รอบตัวว่า “พวกเจ้าถอยไปซะ ข้ามีเรื่องจะคุยกับฮองเฮาตามลำพัง”

สาวใช้ในวังหงส์สราญล้วนเป็นคนสนิทของจ้าวชิงหลาน พวกนางทั้งหมดมองไปที่จ้าวชิงหลานโดยไม่พูดอะไร

จ้าวชิงหลานขมวดคิ้ว ร้องหึออกมาเบาๆ คิดว่าหลี่เฉินคงไม่กล้าทำอะไรเป็นแน่ ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องของหลี่เสวียนก็ไม่สมเหตุสมผลเลยจริงๆ หากคนนอกได้ยินเข้า ไม่ว่าเจตนาดีหรือไม่ก็ยังดูแย่อยู่ดี ดังนั้นนางจึงโบกมือแล้วพูดว่า “ออกไป”

รอจนสาวใช้ออกไปทุกคนแล้ว เหลือเพียงจ้าวชิงหลานและหลี่เฉินในห้องโถงใหญ่ของวังหงส์สราญ จ้าวชิงหลานจึง กล่าวว่า “ว่ามา เจ้ามีอะไรจะพูดกับข้า”

หลี่เฉินไม่พูด แต่เดินไปหาจ้าวชิงหลาน

จ้าวชิงหลานตกตะลึงเล็กน้อย รอจนหลี่เฉินเดินมาถึงตรงหน้า นางก็เพิ่งตระหนักได้ว่า คนผู้นี้กล้าหาญชาญชัยเพียงใด

“กล้าดี เจ้า..."

จ้าวชิงหลานต้องการจะใช้คำพูดหยุดหลี่เฉิน แต่หลี่เฉินมีหรือจะฟัง

นางพูดได้เพียงสามคำเท่านั้น หลี่เฉินก็นั่งอย่างสง่าผ่าเผยอยู่ข้างๆ จ้าวชิงหลาน แล้วยกมือขึ้นมาเพื่อคว้ามือที่เยือกเย็นและนุ่มนวลของจ้าวชิงหลาน

จ้าวชิงหลานตกตะลึง นางดึงมือของนางออกตามสัญชาตญาณ ราวกับถูกไฟฟ้าช็อต

แต่หลังจากออกแรงดึงจนสุดแรงแล้ว ก็ไม่อาจดึงออกมาได้

หลี่เฉินจับมือเล็กๆ ของจ้าวชิงหลาน จับปอยผมของจ้าวชิงหลานเข้ามาใกล้อย่างอุกอาจ จากนั้นก็พูดกระซิบว่า “ฮองเฮา อย่าโมโหอีกเลยนะ ไม่ว่าเจ้าจะงดงามเพียงใด แต่ถ้าโกรธทุกวันเช่นนี้ คงหลีกเลี่ยงริ้วรอยไม่ได้”

จ้าวชิงหลานทั้งโมโหทั้งอับอาย นางอยากจะตะคอกด่า แต่ก็กลัวว่าจะทำให้คนที่อยู่ห้องข้างๆ ตกใจ

“เจ้า รีบปล่อยมือของข้าซะ!” จ้าวชิงหลานพูดอย่างร้อนใจ

หลี่เฉินหัวเราะเบา ๆ และแทนที่จะถอยกลับไป เขากลับกอดเอวของจ้าวชิงหลานให้ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก เมื่อสัมผัสได้ถึงรูปร่างอันงดงามของฮองเฮา หลี่เฉินจึงพูดว่า “เจ้างดงามเพียงนี้ ข้าจะทำใจปล่อยได้เยี่ยงไร?”

จ้าวชิงหลานต้องการลุกหนี แต่กลับถูกหลี่เฉินกอดแน่นจนขยับตัวไม่ได้

“หลี่เสวียนอยู่ในห้องโถงด้านข้าง ส่วนนอกวังมีคนนับไม่ถ้วนรออยู่ เจ้าอยากให้ทุกคนเห็นฉากนี้ไหม” หลี่เฉินยิ้มน้อยๆ

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Mga Comments (2)
goodnovel comment avatar
โต ธนสมบัติ
พระเอกจัดการแบบโหด
goodnovel comment avatar
ต.ตระกูล แก้ว
นุกดีพระเอกโหด
Tignan lahat ng Komento

Kaugnay na kabanata

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 9

    คำพูดของหลี่เฉิน ทำให้จ้าวชิงหลานตัวแข็งทื่อหลี่เฉินเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ใกล้จนทั้งสองสามารถสัมผัสลมหายใจของกันและกันได้อย่างชัดเจนจ้าวชิงหลานกำลังดิ้นรนอยู่ในใจ นางรู้สึกว่าไม่สามารถเป็นแบบนี้ต่อไปได้แต่หลี่เฉินดูเหมือนจะไม่เกรงกลัวอะไรเลย และยังคงเขยับเข้ามาต่อภายในห้องโถงเงียบสงบอย่างน่าประหลาด มีเพียงเสียงเสื้อผ้าที่เสียดสีกันซึ่งเกิดจากการทะเลาะกันระหว่างทั้งสองร่าง และมีเสียงหอบหายใจเป็นครั้งคราวความรู้สึกของการเป็นหัวขโมยนั้น ทำให้หลี่เฉินรู้สึกตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นเมื่อเห็นฮองเฮาผู้เป็นมารดาของแผ่นดินถูกเขากระตุ้นให้โกรธและอับอาย หลี่เฉินก็รู้สึกเหมือนมีไฟลุกอยู่ในใจ“นี่คือพระราชวังหงส์สราญ ที่ประทับของฮองเฮา เจ้า เจ้าไม่กลัวตายจริงหรือ?” จ้าวชิงหลานพูดอย่างร้อนใจ พลางข่มขู่เสียงเบา“กลัวสิ ทำไมจะไม่กลัวตาย ใต้หล้านี้มีใครบ้างที่ไม่กลัวตาย”หลี่เฉินลุกขึ้นเล็กน้อย ก่อนผลักจ้าวชิงหลานลงบนเบาะขนาดใหญ่ด้วยท่าทางก้าวร้าว และมองลงมาที่เสด็จแม่ของเขา ​​ผู้หญิงที่หายใจถี่อยู่ใต้ร่างเขาจ้าวชิงหลานทั้งตกใจทั้งกลัว“ดังนั้น พวกเราต้องเบาๆ เสียงหน่อยนะ”คำพูดของหลี่เ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 10

    ครึ่งชั่วโมงต่อมา เหลยนั่วซานเสนาบดีกรมครัวเรือนก็มาถึงเมื่อมาถึงห้องสีเจิ้งในตำหนักบูรพา เหลยนั่วซานประสานมือ และกล่าวอย่างไม่เป็นทางการกับหลี่เฉินว่า “กระหม่อมเหลยนั่วซาน เข้าเฝ้าองค์รัชทายาท”หลี่เฉินมองเหลยนั่วซานด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ และกล่าวว่า “เจ้าขุนนาง พบข้ายังไม่คุกเข่าอีกหรือ?”เหลยนั่วซานยิ้มเยาะ และพูดอย่างมั่นใจว่า “แน่นอนว่ากระหม่อมเป็นขุนนาง แต่ตามกฎบรรพชนนั้น กระหม่อมคุกเข่าคารวะให้เพียงฮ่องเต้ ฮองเฮา และไทเฮาเท่านั้น สำหรับองค์รัชทายาท แค่ประสานมือคารวะก็พอ”ปึงหลี่เฉินกระแทกสาส์นกราบทูลข้อราชการในมือลงโต๊ะเสียงดังปึง “เนื่องจากข้าเป็นผู้ดูแลประเทศ พบข้าเท่ากับพบเสด็จพ่อ ข้าที่อยู่ตรงหน้าเจ้าในตอนนี้ คือตัวแทนของเสด็จพ่อ เจ้าพบแล้วไม่คารวะ นับเป็นอาชญากรรมร้ายแรง!”ด้วยเสียงปังดังนี้ องครักษ์เสื้อแพรหลายคนจึงรีบเข้ามาในห้องโถงทันที และจ้องมองไปที่เหลยนั่วซานด้วยเจตนาฆ่า ราวกับว่าแค่หลี่เฉินสั่ง พวกเขาก็จะกระโจนใส่เหลยนั่วซานในทันที เหลยนั่วซานสะดุ้งตกใจเขาไม่คาดคิดว่าหลี่เฉินที่เพิ่งดูแลประเทศ จะไม่เล่นไปตามบทด้วยวิธีนี้ พวกเขาจะใช้อำนาจของฮ่องเต้โดยตรงเพ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 11

    หลังจากพูดจบ หลี่เฉินมองไปที่สวีฉังชิง และพูดอย่างใจเย็น “ตอนนี้ตำแหน่งเสนาบดีกรมครัวเรือนขาดคน ข้าได้วางโอกาสไว้ตรงหน้าเจ้าแล้ว หากเจ้าทำสำเร็จ เจ้าจะได้เป็นเสนาบดีคนต่อไป แต่ถ้าหากจัดการได้ไม่ดี ข้าแทนที่ด้วยคนอื่น เจ้าเข้าใจความหมายหรือไม่?”สวีฉังชิงใจเต้นไม่เป็นส่ำ เขาคุกเข่าเสียงดัง “กระหม่อม เต็มใจทำเพื่อฝ่าพระบาท!”ตั้งแต่สมัยโบราณผลประโยชน์มักจะดึงดูดใจผู้คนเสมอ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นตำแหน่งผู้นำกรมคนหนึ่ง หัวหน้ากรมครัวเรือนมีหน้าที่ดูแลเรื่องเงินและอาหารของประเทศ มันยิ่งใหญ่เกินกว่าที่คนทั่วไปจะจินตนาการได้หลังจากส่งสวีฉังชิงออกไป ก่อนที่หลี่เฉินจะจิบชา ซานเป่าก็มาถึง“ฝ่าบาท หน่วยบูรพาได้รับข่าวว่า ทูตของเซียนเฉามาถึงเมืองหลวงเมื่อไม่กี่เดือนก่อน และกำลังติดต่อกับเจ้าหน้าที่ขุนนางใหญ่ในเมืองหลวง โดยสัญญาว่าจะทำกำไรมหาศาล และต้องการกระตุ้นให้จักรวรรดิส่งกองกำลังไปยังเซียนเฉา เพื่อ แก้ปัญหาวิกฤติจากการถูกตงอิ๋งรุกราน”รายงานของซานเป่าทำให้หลี่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ สถานการณ์ในเมืองหลวงมีความซับซ้อนอยู่แล้ว และกองกำลังต่างๆ ล้วนปะปนกัน เพียงแค่กระต

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 12

    เฉินจิ้งชวนที่หมอบอยู่ที่พื้นก็สะดุ้งตกใจขึ้นมา เขากัดฟันตอบไปว่า “ทูลองค์รัชทายาท กระหม่อม...”“ตามระเบียบมารยาทของต้าฉิน พ่อค้าอยู่ในระดับที่ต่ำที่สุด ประตูบ้านสูงไม่เกินสามเมตร ขั้นบันไดมีเพียงแค่สี่ขั้น จำนวนตะปูที่ประตูต้องไม่เกินสามสิบหกตัว และไม่ได้รับอนุญาตให้เป็นเจ้าของที่ดินในเมืองหลวง เฉินจิ้งชวน เจ้ากำลังเหยียบย่ำระเบียบมารยาทของต้าฉิน และปฏิบัติต่อมันเหมือนไม่มีค่างั้นหรือ?”หลี่เฉินพูดขัดคำพูดของเฉินจิ้งชวนด้วยน้ำเสียงเนิบนาบแม้ว่าน้ำเสียงของคำพูดเหล่านี้จะไม่แยแส แต่ก็แฝงเจตนาฆ่าที่เย็นชาท่ามกลางจิตสังหาร องครักษ์เสื้อแพรหลายสิบคนเฝ้าดูอย่างกระตือรือร้น ดูเหมือนว่าตราบใดที่องค์รัชทายาทออกคำสั่ง ทุกคนในตระกูลเฉินก็จะกลายเป็นเนื้อบดทันทีเฉินจิ้งชวนรู้สึกหวาดกลัว เขาทำตามคำแนะนำของที่ปรึกษา และขอให้เขาเพิกเฉยต่องานเลี้ยงขององค์รัชทายาท เพราะไม่อยากอยู่คั่นกลางระหว่างองค์รัชทายาทและราชสำนัก พวกเขาไม่อยากตกเป็นเหยื่อท่ามกลางการแย่งชิงอำนาจของเชื้อพระวงศ์และขุนนางแม้ว่าเมื่อราชวงศ์นี้ก่อตั้งขึ้นไม่มีใครกล้าก้าวข้ามระเบียบมารยาท แต่ตอนนี้ราชวงศ์นี้มีมานานกว่า 200 ปีแ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 13

    สองคำที่เย็นชา จิตสังหารพุ่งพรวดราวกับปรอทตกลงบนพื้นดวงตาของเฉียนฮั่นเบิกกว้าง เขาหายใจเข้าลึก ๆ จนลืมหายใจออกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหลี่เฉินจะกล้าหาญเพียงนี้และต้องการจะสังหารเขาทันทีสำหรับองครักษ์เสื้อแพรแห่งหน่วยบูรพา ในสายตามีแต่เชื้อพระวงศ์เท่านั้น ไม่สนใจเหล่าขุนนางระดับสูง ภารกิจของพวกเขา ขุนนางระดับสูงคือศัตรูตามธรรมชาติของพวกเขาหลังจากได้รับคำสั่งของหลี่เฉิน องครักษ์เสื้อแพรทั้งสองก็ชักดาบออกมาทันที และภายใต้แสงดาบส่องประกาย เสียงกรีดร้องของเฉียนฮั่นดังโหยหวนราวกับเสียงผีร้อง เลือดสาดกระจาย เฉียนฮั่นถูกฟันล้มลงกับพื้น ทว่าการขัดขืนและร้องโหยหวนของเขา กลับแลกมากับแสงดาบที่รุนแรงยิ่งขึ้นท้ายที่สุดแล้ว เสียงร้องโหยหวนของเฉียนฮั่นก็อ่อนแอลง ร่างกายเต็มไปด้วยเลือดในวินาทีสุดท้ายของจิตสำนึก เขาได้ยินเพียงเสียงของหลี่เฉินอันเย็นชาและโหดเหี้ยมราวกับเทพเจ้าเหนือสวรรค์ทั้งเก้าและน่าเกรงขามอย่างยิ่ง“ข้าน้อยเฉียนฮั่น ในฐานะขุนนางรับส่งสารแห่งสำนักสารบรรณกลาง ขุนนางขั้นสามระดับสูงของราชสำนัก มิได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้น ลืมคำสอนของบรรพชนผู้ทรงภูมิปัญญา มิได้จงรักภักด

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 14

    “ท่านราชเลขาธิการ องค์รัชทายาทอายุน้อยไฟแรงกล้า บุ่มบ่ามเหลือเกิน ท่านในฐานะราชเลขาธิการ ต้องห้ามมิให้องค์รัชทายาทบังอาจเช่นนี้”ต้าหลี่ซื่อชิงซุนปั๋วหลี่เอ่ยด้วยความฉุนเฉียวด้านข้าง เถิงไหวอี้แห่งกรมยุติธรรมก็เอ่ยปาก “ใต้เท้าซุนพูดถูกต้องแล้ว ราชสำนักให้ความสำคัญกับราชเลขาธิการ หากปล่อยให้องค์รัชทายาทหนุ่มน้อยสร้างความวุ่นวายต่อไป คิดดูสิว่าเมื่อวันหนึ่งฮ่องเต้ทรงหายประชวรขึ้นมา แล้วได้เห็นสภาพเมืองหลวงที่วุ่นวาย ราษฎรโกรธแค้น ต้องทรงพิโรธจนล้มป่วยอีกแน่ ท่านราชเลขาธิการ ยามนี้เราคงต้องหาทางจัดการกับองค์รัชทายาทหนุ่มน้อยเสียแล้ว” จ้าวเสวียนจีหลับตาลงชั่วครู่ แล้วเอ่ยกับมหาอำมาตย์พระที่นั่งเจี้ยนจี่หวังเถิงฮ่วนที่เป็นขุนนางในสำนักราชเลขาธิการและกำลังก้มศีรษะดื่มน้ำชาด้วยเสียงราบเรียบ “สหายหวัง ท่านคิดเห็นเช่นไรกับเรื่องนี้”หวังเถิงฮ่วนวางถ้วยน้ำชาลงเบาๆ และตอบว่า “องค์รัชทายาทยังทรงพระเยาว์ เพิ่งเริ่รับตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ทราบเพียงใช้อำนาจเอาชีวิตคน แต่ทรงไม่เข้าใจว่าเบื้องหลังของอำนาจนั้น

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 15

    นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวชิงหลานเริ่มจับมือของหลี่เฉิน และเขาค่อย ๆ บีบผิวอันอ่อนนุ่มของจ้าวชิงหลานแล้วเอ่ยว่า “ฮองเฮามีแผนเช่นไร”จ้าวชิงหลานหักมือของเขาออกและพบว่าไม่อาจสลัดทิ้งได้ จึงเพิกเฉยต่อการกระทำที่เอาเปรียบของ หลี่เฉิน แล้วรีบเอ่ยว่าอย่างลาลาน “เหตุใดองค์รัชทายาทไม่ยอมละการสำเร็จราชการแทนไว้ก่อน เพราะราชสำนักตรงหน้าเจ้าก็ยังไม่คุ้นเคย เรียนรู้อยู่ข้างกายราชเลขาธิการไปก่อน รอถึงเวลาอันเหมาะสม ราชเลขาธิการย่อมคืนอำนาจให้ท่านรักษาการแทน” หลี่เฉินไม่ได้คาดหวังว่าจ้าวชิงหลานจะคิดถึงเขาในยามนี้ เขาได้ยินคำพูดของนางก็มิได้โกรธเคือง เพียงเอ่ยเสียงราบเรียบว่า “ฮองเฮาช่างเป้นลูกสาวที่ดีของตระกูลจ้าวเสียจริง ๆ เจ้าคิดทุกอย่างเพื่อราชเลขาธิการ เจ้าบอกว่านี่เป็นทางออกที่ดีสำหรับทั้งสองฝ่าย จริง ๆ แล้วต่างจากการที่ข้าถูกปลดตรงไหนหรือ”จ้าวชิงหลานขมวดคิ้วและเอ่ยว่า “แล้วแผนขององค์รัชทยาทคืออะไร”“ข้าจะทำอะไร พูดกับเจ้า มิใช่เท่ากับบอกราชเลขาธิการหรอกหรือ”หลี่เฉินหัวเราะจาง ๆ ยกมือขึ้นแล้วกอดเอวของจ้าวชิงหลานไว้ในอ้อมแขนของเขา และเอ่ยประชิดหูของนาง “ในเมื่อพ่อของเจ้าเนรคุณ ถ้าเช่นนั้นข้า

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 16

    เมื่อเห็นว่าองค์ชายเก้ากำลังจะเปิดม่านประตูและความลับระหว่างนางกับหลี่เฉินจะถูกเปิดเผย จ้าวชิงหลานก็รู้สึกว่าลมหายใจหยุดลงชั่วขณะหากองค์ชายเก้าเห็นฉากตรงหน้าขึ้นมาจริง ๆ นางและหลี่เฉินจะทำอะไรได้อีก นอกจากสังหารเขาและปิดปากเขาเล่าหลี่เฉิน หลี่เฉิน!จ้าวชิงหลานมองหลี่เฉินด้วยความตื่นตระหนก โดยหวังว่าเขาจะหาทางหยุดองค์ชายเก้าได้นางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวันหนึ่งนางจะต้องพึ่งพาหลี่เฉินเพื่อหาวิธีแก้ปัญหาทว่าหลี่เฉิน...ในยามนี้ มือของเขากลับไม่หยุด แต่ปลดสายรัดหน้าท้องของชุดชั้นในจ้าวชิงหลานออกดวงตาของจ้าวชิงหลานเบิกกว้างขณะที่รู้สึกว่าร่างกายคลายตัวขณะนี้ นางสงสัยจริง ๆ ว่าหลี่เฉินคือคนบ้ากามกลับชาติมาเกิดนางมีความคิดที่จะเพิกเฉยต่อทุกสิ่งและต่อสู้กับไอ้สารเลวผู้นีให้รู้แล้วรู้รอดตายไปด้วยกัน!ด้านนอก มือขององค์ชายเก้าได้ยื่นผ่านม่านประตูออกมาแล้ว เพียงแต่ต้องยกขึ้นเพื่อดูทุกสิ่งในห้องพักทันใดนั้น จ้าวชิงหลานรู้สึกถึงความเบาบนร่างกายของนาง และหลี่เฉินก็ลงจากร่างกายของนางจริง ๆฉะนั้น เมื่อองค์ชายเก้าเปิดม่านประตู เขาเห็นฮองเฮานอนอยู่บนตั่งนอนด้วยใบหน้าแดงก่ำและความลำบาก

Pinakabagong kabanata

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1053

    “นี่มันเรื่องอะไร?”ซูจิ่นพ่ากดดันต่อทันที “หากเจ้ามีเหตุผล ก็กล่าวมาเถิด ให้คนทั้งใต้หล้าได้ยินให้ชัดว่า องค์รัชทายาทนั้น ‘โง่งม’ อย่างไร?”เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ เสียงของซูจิ่นพ่าพลันเย็นเยียบลง “หากเจ้าพูดออกมาไม่ได้ เช่นนั้นก็คือการใส่ร้าย ใส่ร้ายองค์รัชทายาทผู้ครองแผ่นดิน ถือเป็นอาชญากรรม ต้องประหาร!”คำว่า “ต้องประหาร” สิ้นสุดลงในวินาทีใด อำนาจและบารมีอันยิ่งใหญ่ก็ปกคลุมรอบทิศจนขุนนางผู้นั้นถึงกับทรุดตัวนั่งตูมลงกลางพื้นซึ่งชุ่มไปด้วยน้ำฝนเขาถึงกับหวาดกลัวจนหมดสติเมื่อร่างล้มลง มือทั้งสองย่อมต้องยันพื้นไว้โดยสัญชาตญาณ ทว่าเมื่อฝ่ามือเขายื่นออกไป กลับสัมผัสกับพื้นของทางเสด็จในพระราชวัง หน้าพระที่นั่งไท่เหอ มีทางเดินอยู่สามสายสายหนึ่งคือ “ทางสามัญ” สำหรับขุนนางเดินใช้สายหนึ่งคือ “ทางอ๋อง” สำหรับเจ้านาย ราชนิกูลและเชื้อพระวงศ์และอีกสายคือ “ทางจักรพรรดิ” หรือเรียกว่า “ทางเสด็จ” เป็นทางที่มีเพียงฮ่องเต้และองค์รัชทายาทเท่านั้นที่สามารถเดินผ่านได้ตามกฎหมาย แบ่งทางเดินแต่ละสายตามสถานะผู้เดินอย่างเคร่งครัด หากผู้ต่ำศักดิ์ละเมิด ย่อมถือว่าเป็นการล่วงละเมิดเบื้องสูง มีโทษฐานก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1052

    เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นโดยไร้สัญญาณเตือน ทำให้ทุกคนในที่นั้นแลเห็นใบหน้าของหลี่เฉินอย่างชัดเจน ภายใต้สายฝนที่เทกระหน่ำและหลี่เฉินเองก็สามารถมองเห็นสีหน้าของเหล่าขุนนางได้ถนัดตาในสีหน้าพวกเหล่าขุนนาง บ้างจริงจัง บ้างเงียบงัน บ้างหวาดหวั่น ทว่ามากที่สุด...คือความเย็นชาไร้ซึ่งอารมณ์พวกเขาราวกับแน่ใจว่า คืนนี้องค์รัชทายาทจะต้องถูกบีบให้สละตำแหน่งอย่างแน่นอนเสียงตะโกนขอให้องค์รัชทายาทสละราชบัลลังก์ดังระงม ประหนึ่งคลื่นมหึมาที่ถาโถมกดทับอยู่บนร่างของหลี่เฉินซูจิ่นพ่าหันไปมองด้านข้างของหลี่เฉิน ใบหน้าของเขาเรียบเฉยไร้อารมณ์ แต่ด้วยความใกล้ชิด นางรู้ดีว่าร่างกายของบุรุษข้างกายกำลังสั่นไหวเล็กน้อยนั่นมิใช่ความหวาดกลัว แต่เป็นความโกรธในห้วงเวลานี้ ซูจิ่นพ่ารู้สึกเลือดลมพลุ่งพล่านจุกแน่นอยู่ในลำคอ ไม่อาจกลืนกลับไปได้อีกนางจำต้องกล่าวบางสิ่งออกมา“หยาบช้า!”เสียงตำหนิของซูจิ่นพ่าดังใสชัดเจน ในค่ำคืนอันเปียกชื้นอึมครึมนั้น เสียงของนางมิได้ละมุนดังเช่นทุกครั้ง ทว่าหนักแน่นเด็ดเดี่ยวอย่างน่าครั่นคร้ามดั่งเสียงขานแรกของนกฟีนิกซ์วัยเยาว์ แม้ยังไม่เติบโตเต็มที่ แต่ก็เผยแววสง่างามของสตรีผ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1051

    สายฝนเทกระหน่ำ ในห้วงฟ้าดินนั้น นอกจากเสียงเม็ดฝนกระทบพื้นอันอึกทึกแล้ว กลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาอีกเลยทันใดนั้น เสียงขานราชาศัพท์กังวานลั่นไปทั่วสะพานจินสุ่ย“ฮองเฮาเสด็จ!”“องค์รัชทายาทเสด็จ!”“พระชายาองค์รัชทายาทเสด็จ!”เสียงขานรับเสด็จทั้งสามดังขึ้นติดกัน ทำให้เหล่าขุนนางหลายสิบคนเริ่มเคลื่อนไหวเล็กน้อย ทว่าจางปี้อู่ซึ่งยืนอยู่แถวหน้าสุดกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นว่า “สงบปากสงบคำ”เพียงคำเดียว ทุกคนก็เงียบลงทันทีในเวลาไม่นาน ร่างสองร่างก็ปรากฏตัวเคียงข้างกันที่หน้าสะพานจินสุ่ยชุดแต่งงานสีแดงฉาน ภายใต้ม่านฝนและรัตติกาล กลับยิ่งสะดุดตาพร้อมกับการปรากฏตัวของพวกเขา คือเสียงฝีเท้าของเหล่าองครักษ์ที่เรียงรายอย่างเป็นระเบียบองครักษ์อวี่หลินเดินเข้าสู่ลานพิธีพวกเขากระจายตัวรายล้อมกำแพงแดงโดยรอบลานสะพานจินสุ่ย จนล้อมพื้นที่โดยรอบไว้ทั้งหมดเหล่าขุนนางเพียงแต่ยืนมองนิ่งๆ ไม่มีใครขัดขืน ไม่มีผู้ใดกล่าวคำหนึ่งคำราวกับรู้ดีว่า...ทหารเหล่านี้ ไร้ความหมายซานเป่าอยากจะกางร่มให้หลี่เฉินกับซูจิ่นพ่า ทว่าหลี่เฉินโบกมือ แล้วหยิบร่มไปกางเหนือศีรษะของซูจิ่นพ่า ส่วนตนกลับปล่อยให้ร่า

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1050

    “ข้าเข้าใจแล้ว…เข้าใจหมดทุกอย่างแล้ว”หลี่อิ๋นหู่ระเบิดเสียงหัวเราะลั่น“ไม่แปลกใจเลย ไม่ว่าอย่างไร ข้าทำสิ่งใด เจ้าก็ล่วงรู้หมด ที่แท้เป็นเช่นนี้! เป็นเช่นนี้เอง!”หลี่เฉินมองหลี่อิ๋นหู่ที่หัวเราะจนหอบหายใจแทบไม่ทัน สีหน้าไร้อารมณ์เขาหันหลัง เดินตรงเข้าไปในศาลบูรพกษัตริย์ซานเป่ากลับไม่ได้หันตาม แต่เดินตรงไปทางหลี่อิ๋นหู่ด้านหลังหลี่เฉิน เสียงหัวเราะของหลี่อิ๋นหู่ยังไม่จางหาย เขาหัวเราะพลางตะโกนลั่น “หลี่เฉิน เจ้าอย่าได้ลำพองใจ เจ้ารู้หรือไม่ว่าจ้าวเสวียนจีร้ายกาจเพียงใด! เจ้ารู้หรือไม่ว่าแผ่นดินนี้มีคนอีกมากมายที่ปรารถนาให้เจ้าตาย! ข้าเป็นแค่หุ่นเชิดก็จริง แต่ข้าก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้น!”“หากเจ้าฆ่าข้า คนพวกนั้นจะไม่อาจอยู่นิ่งได้ อาณาจักรที่เจ้าครอง จะไม่มีวันมั่นคงแน่นอน!”ฝีเท้าหลี่เฉินไม่หยุด ยังคงเดินไปข้างหน้า คำพูดของหลี่อิ๋นหู่ไม่มีผลใดๆ กับเขาเลยในเวลาเดียวกัน เสียงตวาดกร้าวของโจวสิงเจี่ยก็ดังขึ้น“เจ้าจะทำอะไร!”ไม่มีผู้ใดตอบต่อมาคือเสียงฟึ่บ! ของคลื่นลมที่ระเบิดออก ตามด้วยเสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองของโจวสิงเจี่ยถัดจากนั้น เสียงหัวเราะของหลี่อิ๋นหู่ก็เงียบห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1049

    หลี่อิ๋นหู่รู้ดีว่าหลี่เฉินจะต้องฆ่าตนทว่าเมื่อความตายมาปรากฏอยู่ตรงหน้าอย่างแท้จริง เขากลับหวาดกลัวขึ้นมาม่านตาหดแน่น ลำคอหลี่อิ๋นหู่แห้งผากจนลิ้นแทบขยับไม่ไหว“จ้าวเสวียนจีบางทีอาจกำลังรอให้เจ้าฆ่าข้าก็เป็นได้!” หลี่อิ๋นหู่พลันเอ่ยขึ้นมา“ไม่ผิด”หลี่เฉินยืนยันคำพูดของหลี่อิ๋นหู่อีกครั้ง“ความผิดของเจ้า คือเข่นฆ่าพี่น้องร่วมสายเลือด หากข้าฆ่าเจ้า เช่นนั้นข้าก็จะมีความผิดเดียวกับเจ้าอย่างเต็มประตู”“จ้าวเสวียนจีจะใช้ข้อหานี้ ประกาศไปทั่วแคว้น ทำให้ข้าเสื่อมเสียชื่อเสียง”หลี่อิ๋นหู่ราวกับคว้าได้หนึ่งในเส้นเชือกแห่งความหวัง จึงรีบกล่าวด้วยความร้อนรนว่า “เพราะฉะนั้นเจ้าก็ยิ่งห้ามหลงกลเขา!”“ข้าไม่กลัว”หลี่เฉินยิ้มอย่างอ่อนโยน “หลุมที่เจ้าก้าวลงไปแล้วต้องตาย ข้าเดินผ่านไป กลับสามารถถมให้ราบได้”สีหน้าหลี่อิ๋นหู่ชะงักนิ่งเขารู้สึกได้ว่าเส้นเชือกแห่งความหวังนั้น ค่อยๆ เลือนหายไป“อย่าฆ่าข้า!”หลี่อิ๋นหู่พลันทรุดตัวคุกเข่าลง สองเข่าติดพื้น ค่อยๆ คลานเข้าไปหาเขาหลี่เฉินไม่ได้พูดอะไร ไม่แม้แต่จะหลบหลีกปล่อยให้อีกฝ่ายคลานเข้ามาใกล้ พอเขาเอื้อมมือจะกอดขาหลี่เฉิน หลี่เฉินจึ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1048

    การระเบิดของระเบิดเทพต้าฉินทั้งสี่ระลอก ทำให้ผู้คนล้มตายไปหลายพันคน ทำลายขวัญกำลังใจของทัพกบฏจนราบคาบ ยังผลให้หลี่อิ๋นหู่ตื่นจากความฝันอันแสนหวานควันดินปืนยังลอยฟุ้งอยู่ทั่ว เปลวเพลิงที่ระเบิดทิ้งไว้ยังคงลุกไหม้ ธงรบที่ขาดวิ่นไหวระริกในสายลมยามโพล้เพล้ เสียงเปลวไฟแตกดังเปรี๊ยะๆ กับเสียงคร่ำครวญของบาดเจ็บที่ยังไม่สิ้นลมหายใจ ดังอยู่ไม่ขาดสายหลี่เฉินออกคำสั่ง ให้ทหารที่ยังมีแรงเหลือออกไปกวาดล้างสนามรบ“ฝ่าบาท พวกกบฏที่ยังรอดชีวิตอยู่ จะทรงให้ประหารหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”ซานเป่าใช้ความเคยชินในฐานะจางกงแห่งตงฉ่าง เห็นว่าศัตรูก็ต้องฆ่าให้สิ้นซาก จึงเอ่ยถาม“หากผู้ใดพอมีหวังรอดชีวิต ก็ให้รักษาไว้”หลี่เฉินปรายตามองซานเป่า เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “พวกเขาเลือกจุดยืนทางการเมืองไม่ได้ เรื่องนั้นเป็นของผู้ใหญ่ข้างบน ทหารเหล่านี้ ก็แค่สู้เพื่อค่าจ้างหนึ่งมื้อเท่านั้น ตั้งแต่ตำแหน่งแม่ทัพร้อยคนขึ้นไป ฆ่าให้หมด”การตัดสินใจที่ใหญ่ปล่อยเล็กเช่นนี้ แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และความใจกว้างของผู้เป็นกษัตริย์ซานเป่าค้อมกายรับคำ “ฝ่าบาททรงเปี่ยมด้วยเมตตา บ่าวขอรับพระโอวาทไว้”เมื่อซานเป่านำรับสั่งไ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1047

    มนุษย์ ย่อมหวาดกลัวต่อภัยอันไม่อาจหยั่งรู้ได้นี่คือสันดานดิบของมนุษย์ เป็นสัญชาตญาณที่เปลี่ยนแปลงมิได้ก่อนหน้านี้ เว้นแต่บุคคลส่วนน้อยอย่างหลี่เฉิน ก็แทบไม่มีผู้ใดเคยเห็นระเบิดเทพต้าฉินมาก่อนเลยเพราะฉะนั้น เมื่อมันแสดงโฉมหน้าดุร้ายในฐานะอาวุธสงครามออกมาเป็นครั้งแรกต่อหน้าฝูงชน ทุกผู้คน รวมทั้งทหารองครักษ์ที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่ร้อยนาย ต่างก็พากันตื่นตะลึงจนตาแตกเสียงระเบิดที่ดังกึกก้อง อานุภาพของมันรุนแรงจนชวนให้ผู้คนคิดว่าหรือจะเป็นเทพพิโรธที่ฟ้าดินบันดาลลงมาแม้แต่หลี่เฉินเอง ก็เพิ่งเคยเห็นผลของระเบิดเทพต้าฉินในสนามรบจริงเป็นครั้งแรกเช่นกันเขารู้สึกพึงใจอย่างยิ่งต่ออานุภาพของระเบิดเทพต้าฉิน ทว่าในใจกลับเจ็บราวกับมีเลือดซึมออกมาเหตุใดน่ะหรือ ก็เพราะทุกเสียงระเบิดนั้น ล้วนแปลเป็นเงินทั้งสิ้นตามต้นทุนในปัจจุบัน ระเบิดระเบิดเทพต้าฉินหนึ่งลูกมีค่าใช้จ่ายราวสองร้อยตำลึงเงินแท้จริงแล้ว ปืนใหญ่หนึ่งนัดเท่ากับทองคำหมื่นตำลึงยิ่งไปกว่านั้น คนที่สามารถสร้างมันได้ ในต้าฉินเวลานี้ก็มีเพียงซ่งอิงซิงคนเดียวเท่านั้น แม้เขาจะพยายามฝึกฝนผู้อื่นอยู่ แต่ของสิ่งนี้กลับต้องใช้พรสวรรค์ อ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1046

    มือปืนทั้งสามแถวพอยิงพร้อมกันเสร็จสิ้นรอบหนึ่ง ก็รีบควานเอาสิ่งของกลมดำสนิทสิ่งหนึ่งออกมาจากถุงผ้าที่คล้องอยู่ข้างกายเจ้าสิ่งนั้นดูแล้วไร้ค่าเสียยิ่งกว่าท่อนไม้ในมือของพวกเขา เป็นของที่ต่อให้ถูกโยนทิ้งไว้ข้างทางก็ไม่มีผู้ใดเหลียวแลแต่เมื่อมีตัวอย่างของท่อนไม้ที่กลับกลายเป็นปืนปรากฏอยู่ก่อนหน้าแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดกล้าดูแคลนของสิ่งนี้“นั่นคือสิ่งใดกัน?”หลี่อิ๋นหู่ขมวดคิ้วแน่น ความรู้สึกไม่สู้ดีถาโถมเข้ามาในใจทันทีก่อนหน้านี้ที่เห็นปืนดินปืน แม้จะทำให้เขาตื่นตระหนกอยู่บ้าง แต่ยังไม่ถึงขั้นเสียขวัญก่อนอื่น ปืนดินปืนนั้นมิใช่ของแปลกใหม่เสียทีเดียว จักรวรรดิต้าฉินในอดีตก็เคยคิดค้นของเช่นนี้ขึ้นมาแล้ว เพียงแต่ทุกคนต่างรู้ว่ามันเล็งได้ไม่แม่น แถมยังต้องเสียเวลายัดดินปืนใส่เข้าไป จึงมิได้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายหรือพัฒนาอย่างจริงจัง ผู้คนล้วนเห็นว่าอย่างไรก็ยังสู้ฝึกมือธนูที่มีกำลังแขนมากหน่อยไม่ได้และการที่หลี่เฉินนำปืนดินปืนกลับมาพัฒนาใหม่นั้นก็หาใช่ความลับไม่ ขุนนางมากมายต่างตำหนิเจ้าชายรัชทายาทว่าเอาแต่เล่นจนเสียงาน ริหลงใหลในกลไกแปลกประหลาดซึ่งถือเป็นศาสตร์นอกลู่นอกทางหลี่อิ๋นห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1045

    “ฝ่าบาท พะย่ะค่ะ เราคงรักษาแนวไว้ไม่อยู่แล้ว” ซานเป่ามองสถานการณ์ที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ จึงกล่าวกับหลี่เฉินว่า “ไม่สู้พวกเรากลับเข้าไปในศาลบูรพกษัตริย์ แล้วค่อยหาทางใหม่ดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” “ไม่เป็นไร”หลี่เฉินโบกมือเบาๆ เอ่ยว่า “ให้คนที่เหลือถอยกลับมาเถิด” “แต่ว่า…” หลี่เฉินเหลือบตามองซานเป่าหนึ่งแวบ ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “เมื่อใดกันที่เจ้ากลายเป็นผู้ตัดสินใจแทนข้า?” ซานเป่าหน้าตึงไปทันใด รีบก้มตัวยอมรับคำสั่งโดยไม่กล้าเถียงแม้แต่น้อย การรบในสนามยังคงดุเดือดโลหิต เมื่อความแตกต่างด้านจำนวนเพิ่มขึ้นตามอัตราผู้บาดเจ็บและล้มตาย เมื่อกำลังของทั้งสองฝ่ายใกล้ถึงขีดสุด สถานการณ์ก็เปลี่ยนเป็นการสังหารฝ่ายเดียว ขณะนั้นเอง คำสั่งถอยทัพก็ส่งต่อไปยังทุกหน่วย เหล่าทหารต่างรีบหดแนวรับอย่างเป็นระเบียบแม้เป็นการถอย แต่พวกเขายังคงปักหลักรักษาหน้าที่ ไม่มีผู้ใดหลบหนี ไม่แม้แต่จะแตกกระเจิง ทหารรักษาการณ์ที่เคยมีอยู่หลายพันนาย บัดนี้เหลือเพียงไม่กี่ร้อย ทั้งยังล้วนแต่มีบาดแผลติดตัว ดวงตาหลี่เฉินเปล่งประกาย เขาหันไปกล่าวกับซานเป่าข้างกายว่า “ศึกนี้ จงจดชื่อของเหล่าทหารที่เข้าร่วมไว้ทั้งห

Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status