แชร์

บทที่ 56

ผู้เขียน: ไห่ตงชิง
พฤติกรรมของหลี่เฉินที่ไม่มีการเตือนล่วงหน้านั้น ไม่เพียงแต่ทำให้หลิ่วปินเฉิงตกใจ แต่แม้กระทั่งซูเจิ้นถิงที่อยู่ข้างหลังหลี่เฉินก็ไม่คาดคิดมาก่อน

และถัดจากหลี่เฉิน ซูผิงเป่ยที่เพิ่งถูกแย่งดาบไปก็กลัวจนแข้งขาอ่อนแรง

แม้ว่าหลี่เฉินจะเป็นรัชทายาท หรือเป็นรัชทายาทที่สำเร็จราชการแทนพระองค์ แต่รัชทายาทมีเพียงชีวิตเดียวเท่านั้น

นี่คือค่ายเป่ยต้าหน่วยองครักษ์อวี่หลิน มีทหารทั้งหมดแปดพันนาย ซึ่งทั้งหมดล้วนอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของหลิ่วปินเฉิง

ที่นี่ บารมีของหลิ่วปินเฉิงนั้นยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าหลี่เฉินผู้เป็นรัชทายาทที่ไร้บารมีหรืออิทธิพลในกองทัพเสียอีก

ถ้าเผื่อว่าดาบนี้ฟาดลงไป ซูผิงเป่ยถึงขั้นหวาดระแวงว่าทหารแปดพันนายนี้จะก่อกบฏทันที ทหารเหล่านี้ยิ่งกังวลว่าตัวเองจะถูกรัชทายาทจัดการเช่นเดียวกับหลิ่วปินเฉิงหรือไม่ และบางทีอาจก่อเรื่องอะไรขึ้นมาก็ได้

ตอนนี้ซูผิงเป่ยอยากเอาดาบของตัวเองคืนจริงๆ เกลี้ยกล่อมองค์รัชทายาทให้สงบอารมณ์ลง...แต่ว่า เวลานี้เขาไม่มีสิทธิ์จะพูดอะไร

ไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อใด ซูเจิ้นถิงก็เดินไปอยู่ข้างๆ ซูผิงเป่ยอย่างเงียบเชียบ

“หากเกิดอะไรขึ้น เจ้าต้องพารัชทายาทเสด็จออกจาก
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 57

    “ปกป้ององค์รัชทายาท!”ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อเห็นการกบฏตรงหน้า ซูผิงเป่ยรู้สึกชาไปทั้งตัว เขาตะโกนแทบจะโดยสัญชาตญาณเมื่อใดที่ค่ายเป่ยต้าก่อกบฏจริงๆ เหล่าทหารที่โกรธแค้นจนเลือดขึ้นตา หลังจากที่ที่สังหารรัชทายาทแล้ว ไม่มีทางที่จะตระหนี่ถี่เหนียวไม่เข่นฆ่ากลุ่มพวกตัวเองแน่นอนอย่างไรก็ตายอยู่แล้ว มิสู้ลากคนลงหลุมด้วยดีกว่าซูผิงเป่ยที่อยู่ในฐานะทายาทของเทพสงคราม เขาก็เติบโตขึ้นมาในค่ายทหาร รู้ดีว่าทหารหัวโตป่าเถื่อนเหล่านี้ ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมเพียงใดพลั่กๆ องครักษ์เสื้อแพรหลายสิบคนเข้ามาในที่เกิดเหตุทันที ขณะเดียวกันก็ชักอาวุธออกมาปกป้องหลี่เฉินที่อยู่ตรงกลาง เผชิญหน้ากับแม่ทัพทหารในค่ายเป่ยต้าทุกคนโดยไม่ละสายตาที่แม่ทัพทหารในค่ายเป่ยต้ารู้สึกกระวนกระวายตื่นเต้นจนถึงขีดสุดก็เพราะการตายของหลิ่วปินเฉิง เมื่อองครักษ์อวี่หลินเคลื่อนไหว พวกเขาที่เดิมทีเป็นเหมือนนกตื่นกลัวกลับกลายเป็นตื่นเต้นฮึกเหิมอาวุธขององครักษ์เสื้อแพรและอาวุธของแม่ทัพทหารของค่ายเป่ยต้าปะทะกัน ทำให้เกิดเสียงโลหะกระทบกันบาดแก้วหูอย่างรุนแรง องครักษ์เสื้อแพรไม่กล้าลงมือ และแม่ทัพทหารของค่ายเป่ยต

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 58

    หลังจากพูดประโยคที่สี่ ทหารทั่วไปส่วนใหญ่ก็ทิ้งอาวุธให้หลี่เฉินโดยอัตโนมัติจากนั้นหันไปเผชิญหน้ากับเหล่าทหารยศสูงหัวแข็งที่เหลืออยู่ หลี่เฉินเหลือบมองอย่างเย็นชาคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นลูกน้องใต้บังคับบัญชาโดยตรงของหลิ่วปินเฉิง และยังเป็นขุมพลังหลักของค่ายเป่ยต้าอีกด้วย“พวกเจ้า จะติดตามหลิ่วปินเฉิงที่ตายแล้วจนถึงที่สุดจริงๆ งั้นหรือ”คำพูดของหลี่เฉินแต่ละคำ ทำให้หลายคนตื่นรู้ทหารยศสูงเหล่านี้ หลายคนเริ่มมีสีหน้าลังเลและยุ่งยากใจพวกเขารู้ว่าเมื่อใดที่ตัวเองก้าวไปอีกก้าวนั้นหมายความว่าอย่างไรแต่พวกเขายิ่งกว่าว่าจะถูกหลี่เฉินชำระบัญชีในเวลานี้ ซูเจิ้นถิงเดินไปอยู่ข้างๆ ของหลี่เฉินอย่างเงียบเชียบ เขามองไปที่ทหารยศสูงเหล่านั้น แล้วพูดว่า “พวกเจ้าเจ้ารู้จักข้าหรือไม่”ทหารยศสูงหลายคนประสานมือคำนับทันทีว่า “ทายาทของเทพสงคราม แม่ทัพซู ไม่มีผู้ใดไม่รู้จัก”ซูเจิ้นถิงพยักหน้าและกล่าวว่า “พวกเจ้ายังจำข้า ยังจำเทพสงครามได้ งั้นก็วางอาวุธลงเถิด”“ท่านพ่อได้จากไปแล้ว แต่ถ้าเขาอยู่ในสวรรค์ ไม่มีวันอยากเห็นอาวุธของทหารต้าฉินไม่มุ่งเป้าไปยังศัตรู คนป่าเถื่อน โจร แต่มุ่งเป้าไปยังรัชทายาท

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 59

    คำพูดนี้ของหลี่เฉิน ทำให้ทหารยศสูงทั้งสิบเอ็ดคนตกตะลึงพรึงเพริด พวกเขามองหลี่เฉินด้วยสีหน้าที่ทั้งตกใจและโกรธ ผู้ช่วยผู้บัญชาการคนเดียวที่เหลืออยู่ในหมู่พวกเขากล่าวว่า “องค์รัชทายาทรับปากแล้ว ว่าจะไม่สืบสาวราวเรื่องต่อ! หรือว่าองค์รัชทายาทคิดจะกลับคำพูด!?”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา ก็เผยให้เห็นถึงสิ่งที่พวกเขาทั้งสิบเอ็ดคนกังวลมากที่สุด แต่ละคนเป็นเหมือนนกที่หวาดกลัว มองหลี่เฉินอย่างปวดร้าวหลี่เฉินโบกมือ แล้วพูดเนิบๆ “ข้าพูดคำไหนคำนั้น ย่อมไม่กลืนน้ำลายตัวเองอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นข้าจะมาพูดอะไรกับพวกเจ้ามากมายขนาดนี้หรือ”หลังจากได้ยินคำนี้ สีหน้าของทั้งสิบเอ็ดคนก็ดูดีขึ้นมาก“เรื่องราวบานปลายมาถึงขนาดนี้แล้ว พวกเจ้าทุกคนคงรู้ว่า ถ้าเป็นช่วงที่ข้าเพิ่งสังหารหลิ่วปินเฉิงไป พวกเจ้าอาจจะมีโอกาสที่จะก่อการกบฏและฆ่าข้า แต่ตอนนี้ พวกเจ้าไม่มีโอกาสใดๆ แล้ว”หลี่เฉินบั่นคอหลิ่วปินเฉิงด้วยความโกรธ ซึ่งไม่มีใครคาดคิดว่าจะถึงขั้นนี้ แต่ก็ได้รับผลประโยชน์มหาศาลอย่างน้อยศักดิ์ศรีของเขา ก็หยั่งรากลึกอยู่ในหัวใจของผู้คนแล้วที่ได้ชื่อว่าเป็นคนกำหนดใช้ความรุนแรงเพื่อบรรลุเป้าหมาย อันได้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 60

    “องค์รัชทายาทตรัสถูกต้องแล้ว”คำพูดเหล่านี้ กลับเป็นซูเจิ้นถิงที่เป็นคนพูดเขาเหลือบมองลูกชายที่ยังคงเบิกตาโพลงด้วยความสับสน ถอนหายใจเบาๆ เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนอายุไล่เลี่ยกันแท้ๆ เหตุใดถึงแตกต่างกันมากขนาดนี้“ถ้าเป็นในยามปกติ เจ้าสามารถดึงมาเป็นพวก ทำให้แตกแยก และค่อยๆ เข้ายึดค่ายเป่ยต้าได้ เจ้าได้รับการสนับสนุนจากองค์รัชทายาท สิ่งที่ต้องสิ้นเปลืองก็มีแค่เวลาเท่านั้น”“แต่ในช่วงเวลาพิเศษเช่นนี้ หากต้องการควบคุมค่ายเป่ยต้าในเวลาที่สั้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ก็ทำได้เพียงรีบตัดปัญหาวุ่นวายทิ้งอย่างเด็ดขาด พวกเขาสิบเอ็ดคนนั้นย่อมกอดกันกลมอยู่แล้ว ประกอบกับหลิ่วปินเฉิงที่เพิ่งตาย พวกเขาจะต่อต้านเจ้าอย่างแน่นอน เจ้าทำได้เพียงเลียนแบบวิธีการของรัชทายาทที่ตัดหัวหลิ่วปินเฉิงด้วยโทสะ ทำให้ทุกคนหวาดกลัวด้วยการฆ่า”คำอธิบายของซูเจิ้นถิง ทำให้หลี่เฉินคิดจากใจว่าขิงแก่ยังเผ็ดหลี่เฉินพูดกับซูผิงเป่ยว่า “จะมีความเสี่ยงสูงเกินไปก็ใช่ แต่อย่าลืม เจ้าเป็นหลานชายของเทพสงคราม มีบิดาของเจ้าหนุนหลัง มีข้าคอยสนับสนุน ไม่ต้องกลัวสิ่งใด”“แต่การฆ่าก็ต้องใส่ใจรายละเอียดด้วย ต้องฆ่าด้วยวิธีใดถึงจะปลอด

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 61

    เขาอิ๋นซานนี้ปรากฏตรงหน้าหลี่เฉิน ทำให้ใบหน้าของหลี่เฉินเผยรอยยิ้มโล่งอกพลางเอ่ยว่า “ในที่สุดก็เอาเหรียญเงินเหล่านี้กลับมาได้อย่างปลอดภัย!”“เกิดภัยพิบัติติดต่อกันนานหลายปี เงินส่วนนี้สามารถบรรเทาส่วนติดขัดของราชวังได้ชั่วคราวแล้ว” ซูเจิ้นถิงกล่าว“หาคนไปส่งข่าวให้กรมครัวเรือน สั่งให้กรมครัวเรือนส่งคนมาจัดแจงเงินเหล่านี้เข้าคลัง และต้องขนเงินทั้งหมดเข้าพระคลังภายในวันนี้”หลังจากหลี่เฉินสั่งการเสร็จสรรพ ก็มีคนเริ่มยุ่งขึ้นมาส่วนหลี่เฉิน หลังจากที่เขาจัดการเรื่องภายในค่ายเป่ยต้าแล้ว ก็เดินทางกลับตำหนักบูรพาหลี่เฉินเพิ่งก้าวเท้าออกจากพื้นที่ค่ายเป่ยต้า หน่วยสอดแนมของกองกำลังแต่ละฝ่ายก็รีบรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายในค่ายเป่ยต้าให้กับหัวหน้าแต่ละฝ่ายของตนทันทีจ้าวเจี้ยนเยี่ยที่เป็นผู้บัญชาการของหน่วยองครักษ์อวี่หลินได้รับข่าวเป็นคนแรกๆจ้าวเจี้ยนเยี่ยที่ร่างกายกำยำสูงใหญ่ประดุจเสาเหล็กลุกตัวขึ้นพรวดจากกระโจมของตน เบิกตากว้างกล่าวว่า “หลิ่วปินเฉินตายแล้ว!?”หน่วยสอดแนมที่มารายงานรีบตอบ “ข้าน้อยเห็นเองกับตา มิบังอาจพูดปด องค์รัชทายาทปลิดชีวิตหลิ่วปินเฉินในดาบเดียว บัดนี้ร่างศพย

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 62

    จ้าวชิงหลานที่กำลังพักกลางวันอยู่ในพระตำหนักได้ยินว่าหลี่เฉินมาเข้าเฝ้า ก็ลนลานในบัดดลหลังจากวันนั้น ทุกครั้งที่จะต้องเจอหน้ากับหลี่เฉิน ก็ไม่มีสักครั้งที่ไม่ถูกเขารังแก จ้าวชิงหลานกลัวแล้วหลังจากครุ่นคิดแล้ว จ้าวชิงหลานจึงได้สั่งการให้ขันทีในตำหนักคนหนึ่งว่า “เจ้าไปทูลองค์รัชทายาทว่าข้าเหนื่อยแล้ว กำลังพักผ่อนอยู่ ให้เขาไม่ต้องเข้าเฝ้า กลับไปที่ตำหนักบูรพาเถอะ”ขันทีผู้นั้นลำบากใจเล็กน้อย เพราะอย่างไรรัชทายาทก็อยู่ข้างนอก เขาเองก็ไม่รู้ว่าตนออกไปปฏิเสธรัชทายาทเช่นนี้แล้วจะต้องเจอกับอะไรทว่าเขาก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของฮองเฮาจึงทำได้เพียงตอบตกลงเมื่อมาถึงข้างนอก หลี่เฉินมองขันทีที่กำลังถ่ายทอดคำพูดของฮองเฮาอย่างตั้งใจตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง จากนั้นยกเท้าขึ้นเตะเขาไปทีหนึ่ง“ข้ามาเข้าเฝ้าฮองเฮา นางจะไม่มาพบข้าได้อย่างไร สุนัขรับใช้อย่างเจ้าบังอาจมาขัดขวางนั้นหรือ? ไสหัวไป!”หลังจากเตะขันทีแล้ว หลี่เฉินก็เดินเข้าไปในตำหนักเฟิ่งสี่โดยตรง ไม่แม้แต่จะเห็นแก่กฎระเบียบของตำหนักเลยจ้าวชิงหลานมองดูรัชทายาทที่เข้ามาบุ่มบ่ามพลันเอ่ยด้วยน้ำเสียงกรุ่นโกรธ “ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่อยากพบเจ้า เ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 63

    “ไม่ใช่ครั้งแรกเสียหน่อย ฮองเฮายังไม่คุ้นชินอีกหรือ?”คำพูดของหลี่เฉิน ทำให้จ้าวชิงหลานทั้งโกรธทั้งอายนางสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามือที่เดิมแนบติดอยู่ที่ส่วนโค้งมนของนางนั้นยิ่งอยู่ยิ่งเหิมเกริมจ้าวชิงหลานจับแขนของหลี่เฉินเอาไว้ จากนั้นความตั้งใจแรกของจ้าวชิงหลานคือสะบัดฝ่ามือที่กำลังเล่นตุกติกนี้ออกไปแต่ทว่าขณะที่ใช้แรงต่อต้านนั้น จ้าวชิงหลานพบว่าไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหรือพลัง ก็ไม่สามารถสู้หลี่เฉินที่หนุ่มและแข็งแกร่งได้เลย“อ๊าก!”จ้าวชิงหลานกรีดร้อง หงายหลังล้มลงไปโดยควบคุมไม่อยู่หลี่เฉินเห็นดังนั้น ก็ยื่นมือออกไปคว้าเอวคอดของจ้าวชิงหลานไว้อย่างรวดเร็ว ทว่าศีรษะของจ้าวชิงหลานกลับพุ่งไปที่มุมโต๊ะ หลี่เฉินจึงกอดจ้าวชิงหลานไว้แล้วกลิ้งไปที่พื้นโดยไม่คิดมากทั้งสองกอดเข้าด้วยกันกลิ้งไปมาอยู่บนพื้นหลายตลบจ้าวชิงหลานเพียงแค่รู้สึกว่าโลกกำลังหมุน ร่างกายของนางถูกหลี่เฉินกอดเอาไว้ อ่อนนุ่ม และไม่บาดเจ็บอะไรทว่าจ้าวชิงหลานกลับรู้สึกว่าใบหน้าของตนร้อนผ่าว เพราะริมฝีปากแดงระเรื่อนั่นถูกหลี่เฉินฉวยโอกาสจูบเข้าแล้ว!สำหรับสตรีแล้วนั้น การจูบเป็นเรื่องที่มีความหมายมากจ้าวชิงห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 64

    ประโยคคลุมเครือเช่นนี้ ทำให้จ้าวชิงหลานรู้สึกเขินอายมาก“ราชโองการ ข้าจะเขียนให้ แต่เรื่องวันนี้ ต่อไปห้ามทำเช่นนี้อีก”ในที่สุดจ้าวชิงหลานก็คืนท่าทีเป็นฮองเฮาแห่งมาตุภูมิของตน แววตาเฉียมคมของนางเต็มไปด้วยความเย็นชาจ้องหลี่เฉินอยู่ พลางกล่าวว่า “ความอดทนของข้าก็มีจำกัดเหมือนกัน เจ้าทดสอบความอดทนของข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ข้าไม่มีทางยอมให้เจ้าทำตัวเหลวไหลแน่”“ข้าทำตัวเหลวไหลอย่างไรอีก?”หลี่เฉินพลางเอ่ยพลางเข้าใกล้จ้าวชิงหลาน จนกระทั่งปลายจมูกของทั้งสองชนกัน ลมหายใจผสมรวมกัน เขามองดวงตางดงามคู่นั้นของจ้าวชิงหลานแล้วเอ่ยหยอกล้อว่า “เช่นนี้น่ะหรือ?”จ้าวชิงหลานหายใจถี่ขึ้นนางคิดไม่ตกเลยว่าเหตุใดหลี่เฉินถึงได้กล้าเพียงนี้ทุกการกระทำ ทุกคำพูดของเขา หากแพร่งพรายออกไปต้องเป็นเรื่องอื้อฉาวที่สุดในใต้หล้าแน่ ไม่ว่าเขาจะสูงส่งมากเพียงใด ก็ไม่เว้นเช่นกันทว่าอาจเป็นเพราะเช่นนั้น ไม่ว่าจะเป็นหลี่เฉินหรือจ้าวชิงหลานเอง ต่างก็รู้สึกถึงความตื่นเต้นเล็กน้อยที่พูดออกมาไม่ได้ความตื่นเต้นนี้ จ้าวชิงหลานไม่มีทางยอมรับแน่นอน ทว่าการพัฒนาการของเรื่องนั้นกลับเป็นเครื่องยืนยันทุกอย่างจ้าวชิงหลานรู้ตั

บทล่าสุด

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 906

    ภายใต้สายตาที่จับจ้องมาของหลี่เฉิน หู่ข่ายที่เมื่อครู่ยังดูมั่นใจ กลับรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาทันทีเขารู้สึกเหมือนองค์รัชทายาทตรงหน้าเป็นเสือโคร่งดุร้าย กำลังเดินย่างกรายเข้ามาใกล้เขาช้าๆเสียงรองเท้าหนังที่ก้าวย่างช้าๆ แต่ละก้าวเหมือนกำลังเหยียบย่ำอยู่บนหัวใจของหู่ข่ายเมื่อจิตใจเริ่มสั่นคลอน หู่ข่ายก็พยายามระลึกถึงสถานะของตัวเอง ระลึกถึงเหวินอ๋องที่อยู่เบื้องหลัง แล้วรวบรวมความกล้าเอ่ยออกมาด้วยเสียงแข็ง “องค์ชาย กระหม่อมเพียงปฏิบัติตามคำสั่งของท่านอ๋อง ท่านอ๋องสั่งอย่างไร กระหม่อมก็ทำตามนั้น”คำพูดนี้แม้จะฟังดูเหมือนการเตือนหลี่เฉินว่ามีเหวินอ๋องอยู่เบื้องหลัง แต่ก็เผยให้เห็นถึงความหวาดกลัวของหู่ข่ายอย่างชัดเจนหลี่เฉินยืนนิ่งอยู่หน้าเกวียน ที่ตรงนั้นกลิ่นเหม็นเน่ายิ่งรุนแรงขึ้นเขากล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ดูเหมือนว่าการอภิเษกของข้า จะทำให้บางคนไม่พอใจสินะ”ทุกคนในที่นั้นต่างรู้ดีว่าหมายถึงใครหู่ข่ายกลืนน้ำลาย มองสบตากับผู้ติดตามที่มาด้วยกันพวกเขาเกรงกลัวบารมีของหลี่เฉิน ตอนนี้ต้องการเพียงแค่หนีออกจากตำหนักบูรพาให้เร็วที่สุด“องค์ชาย กระหม่อมทำหน้าที่เสร็จแล้ว ขออนุญาต

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 905

    หลี่เฉินไม่ได้สนใจหู่ข่ายแต่หันไปมองหีบขนาดใหญ่บนเกวียนแทนโดยปกติ ของขวัญแสดงความยินดีในงานอภิเษกจะมีการตกแต่งอย่างสวยงามบ้างก็ใช้ผ้าแดงคลุม บ้างก็ติดสัญลักษณ์มงคลแต่หีบสีดำใบนี้ดูเรียบง่ายเกินไป แถมเพราะความยาวที่ผิดปกติ จนดูคล้ายกับโลงศพเสียมากกว่าทุกคนที่อยู่ในที่นั้นล้วนเป็นคนมีประสบการณ์ เพียงแค่เห็นครั้งแรกก็รู้ได้ทันทีว่ามีปัญหาของขวัญที่เหวินอ๋องส่งมาไม่ใช่แค่ไม่ใส่ใจ แต่ยังมีเจตนาท้าทายอย่างชัดเจนเหอคุนมองหน้าหลี่เฉิน ก่อนจะตัดสินใจยืนขึ้นมาเผชิญหน้ากับหู่ข่าย “ของขวัญจากเหวินอ๋องมีรายการบรรยายหรือไม่?”หู่ข่ายตอบด้วยท่าทีไม่เกรงกลัว แถมยังแฝงไปด้วยความเยาะเย้ยเล็กน้อย “ของขวัญมีเพียงหนึ่งเดียว ไม่จำเป็นต้องมีรายการบรรยาย”เหอคุนขมวดคิ้ว รู้สึกไม่พอใจอย่างมากของที่เหวินอ๋องส่งมาชัดเจนว่าไม่ใช่ของดี แต่ในเมื่อองค์รัชทายาทยังไม่พูดอะไร ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชา เขาจึงต้องแสดงออกถึงความไม่พอใจแทนเขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แม้ไม่มีรายการบรรยาย อย่างน้อยก็ควรจะมีการบอกวัตถุประสงค์ ของขวัญในงานอภิเษกสมรสองค์รัชทายาทคือเรื่องที่ทุกคนในแผ่นดินร่วมยินดี การที่บ้านของท่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 904

    การปรากฏตัวของเจี้ยว่าง ในที่สุดแล้วก็เป็นเพียงการเพิ่มความเป็นไปได้ที่ดูเหมือนจะเป็นผลดีต่อหลี่เฉินในสถานการณ์ที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงได้ตลอดแต่อะไรก็ยังไม่แน่นอนสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ หลี่เฉินรู้จักธรรมชาติที่แท้จริงของจิตใจมนุษย์ ซึ่งเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและความไม่แน่นอนเจี้ยว่างดูเหมือนจะมีจิตใจที่ซื่อสัตย์ ต้องการทำสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อเส้าหลินแต่ปัญหาคือ เส้าหลินฝ่ายใต้และฝ่ายเหนือแยกกันมากว่าร้อยปีแล้ว แต่ละฝ่ายมีเจ้าอาวาสและระบบการปกครองของตัวเองหากเจี้ยว่างยังคงอยู่ในฐานะที่เป็นดั่งสัญลักษณ์มงคล ทั้งสองฝ่ายก็พร้อมจะเคารพนับถือแต่ถ้าเขาก้าวขึ้นมาเพื่อจะเป็นผู้นำของทั้งสองฝ่าย นั่นจะกลายเป็นปัญหาที่ไม่ง่ายเลยแม้หลี่เฉินจะไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง แต่เขาก็รู้ว่ามันมีความเสี่ยงสูงดังนั้นเขาจึงไม่ได้คาดหวังอะไรมากนักเพราะตอนนี้ เขายังมีสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าต้องทำ นั่นคือพิธีอภิเษกสมรสกับซูจิ่นพ่า ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นในอีกห้าวันข้างหน้า"เหลือเวลาอีกห้าวัน"ในเช้าวันถัดมา หลี่เฉินเรียกเหอคุนเข้ามาในพระที่นั่งสีเจิ้ง “อีกห้าวันก็จะถึงวันอภิเษกแล้ว ของขวัญแสดงความยินดีที

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 903

    แม้เจี้ยว่างจะมีศักดิ์สูงและเป็นยอดฝีมือระดับเซียนบนดิน ไม่ว่าใครในเส้าหลินต่างก็ต้องให้เกียรติเขาแต่ก็ใช่ว่าเขาจะสามารถตัดสินใจทุกเรื่องแทนเส้าหลินได้ยังคงมีคนในสำนักที่มีความเห็นต่างและหากเรื่องราวดำเนินไปผิดพลาด อาจกลายเป็นความขัดแย้งครั้งใหญ่เหมือนกับการแยกฝ่ายระหว่างเส้าหลินฝ่ายใต้ฝ่ายเหนือในอดีตความฝันตลอดชีวิตของเจี้ยว่างคือการทำให้พุทธศาสนาในเส้าหลินรุ่งเรือง จึงไม่กล้าที่จะเสี่ยงแม้จะมีพลังมากเพียงใด แต่ก็ไม่สามารถจัดการทุกเรื่องได้เมื่อเห็นท่าทีลำบากใจของเจี้ยว่าง หลี่เฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า “เงื่อนไขได้ถูกวางไว้แล้ว ท่านอาจารย์จะเป็นคนแรกที่ก้าวออกไปข้างหน้า หรือจะกลับไปตีไม้ปลุกระฆังอย่างสงบในวัด ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่านเอง”เจี้ยว่างถอนหายใจเบาๆ ก่อนตอบว่า “เรื่องนี้ยากยิ่งนัก มิใช่สิ่งที่อาตมาจะตัดสินใจได้โดยลำพัง ขอองค์ชายโปรดให้เวลาอาตมาพิจารณา”“เป็นธรรมดา”หลี่เฉินพยักหน้า “แต่ข้ามีเวลาให้แค่สามวันเท่านั้น ภายในสามวันนี้ ท่านต้องให้คำตอบ หากไม่มีข่าวใดๆ ข้าจะถือว่าท่านได้ปฏิเสธข้อเสนอของข้าแล้ว”เจี้ยว่างถอนหายใจอีกครั้งก่อนกล่าวว่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 902

    "นอกจากนี้ หากชายหญิงผู้มีศรัทธาแรงกล้าประสงค์จะบวช ทางการก็จะไม่ขัดขวาง""และสุดท้าย เส้าหลินสามารถเป็นตัวแทนราชสำนักในการควบคุมบรรดาสำนักในยุทธภพได้"ทันทีที่คำพูดสุดท้ายหลุดจากปาก สีหน้าของเจี้ยว่างที่ดูสงบไม่สะทกสะท้านมาตลอดก็พลันเปลี่ยนไป เขาเงยหน้ามองหลี่เฉินทันทีการตอบสนองของเจี้ยว่างนั้น หลี่เฉินล้วนคาดการณ์ไว้แล้ว เขาไม่กังวลเลยว่าเจี้ยว่างจะไม่สนใจข้อเสนอการได้เป็นผู้นำในยุทธภพเป็นสิ่งที่บรรดาสำนักใหญ่ต่างใฝ่ฝันและแย่งชิงกันมาหลายร้อยปีแม้เส้าหลินจะเป็นสำนักที่มีบารมีสูงส่งในหมู่สำนักต่างๆ แต่หากประกาศตัวเองว่าเป็นอันดับหนึ่งในยุทธภพ คงถูกบรรดาสำนักอื่นๆ รุมประณามสำนักในยุทธภพล้วนมีประวัติยาวนานเป็นร้อยปี ไม่มีใครยอมรับว่าเส้าหลินเหนือกว่าตนแต่หากราชสำนักมอบตำแหน่งที่มีการรับรองอย่างเป็นทางการให้เส้าหลินในการควบคุมยุทธภพ แม้จะถูกหัวเราะเยาะ แต่ก็คงเป็นเพียงพวกที่อิจฉาเท่านั้นยิ่งไปกว่านั้น สำหรับเส้าหลิน การมีตำแหน่งอย่างเป็นทางการจะช่วยเพิ่มโอกาสในการรับศิษย์และผู้ศรัทธาใหม่ๆการสืบทอดและการบำรุงศาสนจักร เป็นสิ่งที่เส้าหลินต้องการมากที่สุดในตอนนี้ดังนั้น ข้อ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 901

    หลี่เฉินวางถ้วยชาลง มองพระเฒ่าฝั่งตรงข้ามพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ผู้ที่บ่อนทำลายบ้านเมือง ไม่เคยเป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นได้ในวันสองวัน หรือแม้กระทั่งในรุ่นเดียว บางครั้งจุดเริ่มต้นของเรื่องนั้นอาจมาจากความตั้งใจที่ดี แต่เมื่อเป็นการปกครองโดยมนุษย์ ความผิดพลาดในแนวคิดของผู้สืบทอดย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้”“ปฐมจักรพรรดิแห่งราชวงศ์นี้ ได้ทรงบัญญัติกฎหมายเพื่อควบคุมศาสนาทั่วหล้า ในฐานะทายาทรุ่นหลัง ย่อมไม่มีทางเปลี่ยนแปลงแนวทางนี้ได้โดยง่าย”พระเฒ่าขมวดคิ้วเล็กน้อยเขาสัมผัสได้ถึงความยากลำบากของสิ่งที่ตนกำลังจะทำ จากท่าทีของหลี่เฉินแต่เมื่อคิดถึงความเสื่อมถอยของพุทธศาสนาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พระเฒ่าก็มีบางคำที่ต้องเอ่ย และบางสิ่งที่ต้องลงมือทำเขาถอนหายใจเบาๆ ก่อนกล่าวว่า “องค์ชาย ในเมื่อท่านยอมเปิดโอกาสพูดคุยกับอาตมา แสดงว่ายังมีทางอื่นอีก”หลี่เฉินหัวเราะเบาๆ ก่อนกล่าวว่า “แน่นอนว่าย่อมมีทาง”“ข้าขอถามท่านอาจารย์ว่า ที่ท่านว่ามานั้นเกี่ยวข้องกับเส้าหลินฝ่ายใต้หรือเส้าหลินฝ่ายเหนือ?”พุทธศาสนาในจักรวรรดิต้าฉิน โดยมีเส้าหลินเป็นศูนย์กลาง แต่เส้าหลินนั้นแยกออกเป็นสองฝ่าย คือเส้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 900

    หลี่เฉินยกถ้วยชาขึ้นจิบอีกครั้ง ก่อนจะวางลงและพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “กฎหมายข้อนี้ แม้จะมีถ้อยคำเพียงไม่กี่ร้อยคำ แต่ก็เหมือนกับคาถาที่รัดคอไว้แน่น พุทธและเต๋าต่างไม่สามารถกลับไปสู่ยุคเฟื่องฟูเช่นราชวงศ์ก่อนหน้านี้ได้ ท่านอาจารย์ที่มาในวันนี้ ก็เพื่อขอให้ข้าเปิดทางให้พวกเจ้าใช่หรือไม่?”พระสงฆ์ตอบตรงไปตรงมา“ใช่”หลี่เฉินยิ้มบาง “ข้าชอบความตรงไปตรงมาของท่าน แต่ท่านคิดว่าข้าจะยอมเปลี่ยนกฎที่บรรพชนตั้งไว้เพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำหรือ?”“จะบอกให้รู้ไว้ ข้าคิดว่ากฎหมายข้อนี้เป็นกฎหมายที่ยอดเยี่ยม เป็นผลงานชิ้นเอกที่สะท้อนถึงความเฉลียวฉลาดและวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของบรรพชน มันช่วยป้องกันปัญหานับไม่ถ้วนที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง และท่านอยากให้ข้าทำลายมันง่ายๆ อย่างนั้นหรือ?”พระสงฆ์ยังคงสงบนิ่งและพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “บรรพชนของพวกเราก็พยายามทำให้พุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองเช่นกัน แต่ตลอดกว่า 360 ปีที่ผ่านมา ก็ไม่เคยประสบความสำเร็จ นั่นแสดงให้เห็นถึงความยากลำบากของมัน”“องค์ชายเป็นผู้มีปัญญา ย่อมไม่อาจถูกหลอกลวงหรือถูกชักจูง ข้าจึงไม่คิดจะใช้เล่ห์กลกับท่าน ข้ามาเพียงเพื่อขอร้อง ให้ท่านช่วยเปิ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 899

    แม้แต่ซานเป่าเองยังรู้สึกว่า ท่าทีขององค์รัชทายาทในวันนี้ค่อนข้างกดดันและคุกคามเกินไปแต่พระสงฆ์ผู้เฒ่าหลังจากที่แสดงความโกรธไปชั่วครู่ กลับสงบนิ่งราวกับไม่รู้สึกอะไรอีก เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อม “องค์ชายทรงเป็นผู้ที่ผู้คนคาดหวังและยอมรับโดยทั่ว พุทธศาสนาเพียงขอทางรอด ไม่ได้หวังเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอำนาจทางโลก ขอให้องค์ชายทรงเมตตา”ดวงตาของหลี่เฉินหรี่ลงเล็กน้อยแม้ว่าเขาจะไม่มีความชอบต่อศาสนาใดๆ แต่เขาไม่เคยปฏิเสธที่จะใช้ประโยชน์จากทุกอย่างที่สามารถนำมาสนับสนุนการปกครองของเขาได้ยิ่งไปกว่านั้น จ้าวเสวียนจียังไม่ได้ถูกกำจัด บรรดาอ๋องต่างแคว้นยังคงจับตาดูอยู่ และการควบคุมจักรวรรดิต้าฉินของเขายังไม่ถึงจุดที่สามารถวางใจได้ การสนับสนุนจากพุทธศาสนาอาจเป็นกองกำลังลับที่ช่วยพลิกสถานการณ์ได้และถึงอย่างไร เขาก็ไม่คิดที่จะผลักพวกพระไปเข้ากับฝ่ายศัตรู"ที่นี่ไม่เหมาะที่จะพูดเรื่องนี้"หลี่เฉินหันไปสั่งซานเป่า "จัดหาที่ที่เงียบสงบสักแห่ง"ซานเป่ารับคำสั่งและรีบไปดำเนินการสำหรับซานเป่าแล้ว การหาที่เงียบสงบใกล้ๆ ไม่ใช่เรื่องยากเพียงเวลาไม่กี่อึดใจ เขาก็กลับมาพร้อมสถานที่เรียบร้อยเขาเลื

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 898

    "ช่างเป็นคำพูดที่ดี”หลี่เฉินหัวเราะเย็นชา "เช่นนั้นก็ลองดูกันสักตั้ง""ซานเป่า"เพียงแค่ได้ยินคำสั่งจากหลี่เฉิน ร่างกายของซานเป่าก็รู้สึกตึงเครียดขึ้นมาคำพูดเดินทางมาถึงจุดที่ไม่อาจถอยหลังกลับได้อีกแล้ว และหลี่เฉินก็แสดงเจตนาชัดเจนว่า เขาต้องการให้พระสงฆ์ตรงหน้าได้ลิ้มรสพลังของอำนาจจักรวรรดิถูกต้อง หลี่เฉินตั้งใจจะให้พระเฒ่าผู้นี้ได้ลิ้มรสชาติของอำนาจกษัตริย์ภายใต้ระบอบศักดินาว่าเป็นเช่นไรด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมานับพันปี หลี่เฉินรู้ดีว่าการจัดการศาสนาในทุกรูปแบบนั้นต้องใช้ความระมัดระวังไม่ว่าจะเป็นพุทธศาสนาหรือลัทธิเต๋า ซึ่งเป็นสองศาสนาหลักของแผ่นดินจีน หรือแม้แต่พวกตูลูหรือพระลามะในท้องถิ่น ที่แม้จะเป็นศาสนาสาขาเล็กๆ ก็ยังสามารถระดมศิษยานุศิษย์มาสร้างแนวคิดแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ที่แฝงความคิดกบฏปลอมๆ ได้ดังนั้น หากไม่จำเป็นจริงๆ หลี่เฉินก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับสองศาสนาใหญ่เหล่านี้เพราะเหตุใดเล่า? ก็เพราะพวกนี้รับมือยากยิ่งส่วนลัทธิอย่างสำนักบัวขาว ซึ่งเป็นศาสนาเทียมและความเชื่อปลอมๆ นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่แยกออกไปแต่พระสงฆ์ตรงหน้ากลับเป็นฝ่ายเข้าหาเขาเอง และหลี่เฉินก็

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status