แชร์

บทที่ 460

ผู้เขียน: ไห่ตงชิง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-08 18:00:01
ในระบบของจักรวรรดิต้าฉิน นับตั้งแต่ที่ไท่จูยกเลิกระบบอัครมหาเสนาบดี อำนาจของจักรพรรดิก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่สิ่งที่ตามมาก็คือกิจของรัฐที่ยุ่งวุ่นวายอย่างมาก

หากไม่มีอัครมหาเสนาบดี กิจของรัฐทั้งหมดก็ค้างอยู่บนบ่าของจักรพรรดิ และไม่ใช่จักรพรรดิทุกพระองค์ที่จะขยันขันแข็งเหมือนไท่จู หลังจากยึดครองประเทศได้ก็พักผ่อนเพียงสามหรือสี่ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น และเวลาที่เหลือก็ถูกใช้ไปกับการจัดการกิจของรัฐ

จักรพรรดิก็เป็นมนุษย์เช่นกันและต้องการการพักผ่อน เป็นไปไม่ได้ที่จักรพรรดิจะจัดการเรื่องหนักๆ ของรัฐบาลเพียงลำพัง

ดังนั้นจึงมีสำนักราชเลขาขึ้นมา

ในสำนักราชเลขาจะมีมหาอำมาตย์ทั้งหมด 5 คน ราชเลขาหนึ่งคนและผู้ช่วยรองอีกสี่คน แต่ไม่มีกฎตายตัวว่าท่านราชเลขาจะเป็นผู้ช่วยหลักเท่านั้น

มันขึ้นอยู่กับทักษะของแต่ละคนและความชอบของจักรพรรดิ

โดยทั่วไปแล้วผู้ที่มีบารมีสูงสุดก็จะเป็นราชเลขา

ดังนั้นในรัชกาลนี้ จ้าวเสวียนจีที่เป็นราชเลขามาหลายปี จึงควบคุมอำนาจของสำนักราชเลขามาโดยตลอด แม้กระทั่งเคยแข่งกับอำนาจของจักรพรรดิด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตาม เมื่อหลี่เฉินเชิญถานไถจิ้งจือออกมาแล้ว ปั
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 461

    และตอนนี้เอง หลี่เฉินเหลือบมองผู้คนด้านล่างแล้วพูดว่า “นอกจากนี้ ข้าอยากจะสร้างสถาบันการศึกษาในเขตชานเมืองทางตะวันตกของเมืองหลวง”“จุดประสงค์ของสถาบันการศึกษาแห่งนี้คือ จัดหาสถานที่สำหรับพักอาศัย ศึกษาเล่าเรียนและใช้ชีวิตให้กับนักศึกษาจากทั่วทุกมุมโลก โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย”“เราจะรับสมัครนักศึกษาชุดแรกจำนวน 1,000 คน ไม่มีกฎเกณฑ์ในการรับเข้าเรียน นักเรียนทุกคนมีอายุเกิน 13 ปี และอ่านออกเขียนได้” “นอกจากนี้ยังมีที่ว่างอีก 500 ที่ โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องเป็นช่างฝีมือที่ยอดเยี่ยม ทุกคนที่มีทักษะฝีมือล้วนยินดีต้อนรับ” เมื่อเทียบกับข่าวที่ถานไถจิ้งจือเข้ารับราชการ เรื่องนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่บางคนยังคงได้กลิ่นบางอย่างผิดปกติในราชสำนักนั้นทุกประโยคและทุกคำพูดจะต้องได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบ หากพลาดรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ความหมายที่ได้รับอาจจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงทันใดนั้น ขุนนางที่สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติก็กล่าวออกมาว่า “ฝ่าบาท ตามที่พระองค์ทรงตรัส สถาบันแห่งนี้ก่อตั้งโดยราชสำนักซึ่งจะรับนักเรียนทั้งหมด 1,500 คน เช่นนั้นแล้วย่อมต้องการพื้นที่ไม่น้อย มิหนำซ้ำค่าใช้จ่ายทั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-08
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 462

    คำพูดของหลี่เฉิน ทำให้ซูเจิ้นถิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งซูเจิ้นถิงเป็นคนซื่อสัตย์มาทั้งชีวิต และครั้งเดียวที่เขาเปิดประตูหลังก็คือ ตอนที่เขาทนไม่ได้ที่ญาติห่างๆ อย่างเจิ้งเป่าหรงคุกเข่าขอร้องทั้งคืน จึงเขียนจดหมายแนะนำให้เจิ้งเป่าหรงนำไปซื้อตำแหน่งขุนนางด้วยเหตุนี้ ซูเจิ้นถิงจึงไม่เข้าใจความหมายเบื้องหลังเสียงหัวเราะขององค์รัชทายาทจริงๆเมื่อเห็นว่าซูเจิ้นถิงไม่เข้าใจความนัยของตัวเอง หลี่เฉินจึงยกมือโอบไหล่ของเขา ทำให้ฝ่ายหลังรู้สึกประหลาดใจ หลี่เฉินหัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวว่า “ประชาชนทั่วไปแต่งงานก็ได้รับของขวัญอวยพร ข้าอภิเษกสมรสทั้งที และยังอภิเษกสมรสกับบุตรสาวของแม่ทัพใหญ่ซู ทายาทของเทพสงคราม นี่คือพระชายาองค์รัชทายาทแห่งตำหนักบูรพา!”“บรรดาขุนนางฝ่ายพลเรือนและฝ่ายทหารของราชวงศ์ หากพวกเขาไม่มอบของขวัญอวยพรที่ล้ำค่าให้กับข้า พวกเขาไม่กลัวว่าข้าจะไม่รังแกพวกเขาหรือ?”ซูเจิ้นถิงเบิกตากว้าง มองหลี่เฉินด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เขาไม่คิดเลยว่า องค์รัชทายาทจะมุ่งเป้าไปที่ขุนนางพลเรือนและทหาร และ...และดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสามารถรอดพ้นจากมีดเล่มนี้ได้ซูเจิ้นถิงผู้ไม่เคยคาดหวังว่าหลี่เฉินจะใ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-08
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 463

    แม้จะรู้ว่าตัวเองถูกหลี่เฉินวางกับดักใส่ แต่ซูเจิ้นถิงไม่เพียงไม่รู้สึกแย่ ในทางกลับกันเขารู้สึกยินดีมากกว่าหลี่เฉินเสียอีก ตอนนี้ไม่เพียงแต่ตัวเขาเองเท่านั้น แต่ความรุ่งโรจน์ของตระกูลซูทั้งหมดต่างเดิมพันไว้ที่ตำหนักบูรพา ยิ่งหลี่เฉินมีอำนาจและเจ้าเล่ห์มากเท่าไหร่ ยิ่งพิสูจน์ได้ว่าการลงทุนของเขาถูกต้องมากขึ้นเท่านั้นเพียงเสี้ยววินาที ความคิดมากมายได้พรั่งพรูอยู่ในหัวของซูเจิ้นถิงไม่หยุด หลังจากอยู่ตำหนักบูรพาได้ระยะหนึ่ง เขาก็ขอตัวลา เพื่อคิดหาวิธีช่วยหลี่เฉินโกงเงินคน ทันทีที่ซูเจิ้นถิงจากไป หลี่เฉินก็มีเวลาว่างเล็กน้อยเขาเรียกไห่ตงชิงมา และลูบเหยี่ยวซึ่งบาดเจ็บจากการช่วยชีวิตเขาเบาๆ จากนั้นก็หันไปหาวั่นเจียวเจียวผู้มีพระคุณอีกคนแล้วพูดว่า “อาการบาดเจ็บหายดีแล้วหรือยัง?”วั่นเจียวเจียวกล่าวยิ้มๆ ว่า “ทูลฝ่าบาท หายดีแล้วเพคะ”“ครั้งนี้เจ้าช่วยชีวิตข้าเอาไว้ พูดมา เจ้าต้องการรางวัลอะไร?”หลี่เฉินเหลือบมองวั่นเจียวเจียวแล้วพูดว่า “อย่าปฏิเสธอย่างสุภาพ เจ้าก็รู้ ข้าขี้เหนียวที่จะให้โอกาสผู้คน หากเจ้าสุภาพ ข้าจะไม่ให้รางวัลเจ้าจริงๆ”วั่นเจียวเจียวหน้าแดง และกระซิบเสียงเบาว่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-09
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 464

    เจิ้งเป่าหรงไม่เคยคาดหวังว่า องค์รัชทายาทจะเสด็จออกจากตำหนักเพื่อมาต้อนรับด้วยตัวเองแต่แล้วเจิ้งเป่าหรงก็ตระหนักได้ว่าไม่ว่าจะคิดจากมุมไหน ตัวเองก็ดูเหมือนจะไม่มีคุณสมบัติเช่นนั้น ดังนั้น องค์รัชทายาทคงจะมีพระประสงค์อื่น“ลุกขึ้นเถอะ” หลี่เฉินให้เจิ้งเป่าหรงลุกขึ้นแล้วพูดว่า “เจ้ามาถึงเร็วมาก”เจิ้งเป่าหรงรีบตอบกลับทันทีว่า “กระหม่อมไม่กล้าชักช้า หลังจากกลับไปอธิบายและจัดข้าวของนิดหน่อย ก็ตรงมาที่เมืองหลวงก่อน ส่วนครอบครัวและญาติๆ จะตามมาทีหลัง”“อืม ไม่เลว อย่างน้อยทัศนคติก็ถูกต้อง” หลี่เฉินพยักหน้าและพูดว่า “ไปกันเถอะ ตามข้าออกไปสักรอบ”จิตใจของเจิ้งเป่าหรงเต็มไปด้วยความสงสัย ไม่รู้ว่าองค์รัชทายาทจะพาเขาไปที่ไหนแต่ในเมื่อหลี่เฉินไม่ได้พูดอะไร และเขาก็ไม่กล้าถาม จึงทำได้เพียงหุบปากให้สนิทแล้วเดินตามหลังหลี่เฉินอย่างระมัดระวังหลี่เฉินขึ้นรถม้า ส่วนเจิ้งเป่าหรงนั้นไม่มีคุณสมบัติที่จะนั่งรถม้าคันเดียวกับเขา ดังนั้นจึงมีการเตรียมรถม้าอีกคันให้กับเขาครึ่งชั่วยามต่อมา รถม้าก็หยุดที่ทางเข้าลานล่าสัตว์ราชวงศ์ หลี่เฉินลงจากรถ และเรียกเจิ้งเป่าหรงให้ติดตามตัวเองมา ในขณะที

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-09
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 465

    ไม่ว่าหลี่เคอโส่วจะจงใจแสดงให้หลี่เฉินเห็น หรือว่าหลี่เคอโส่วเฝ้านาทดลองมันเทศทั้งวันทั้งคืนจริงๆ แต่ขอเพียงการทดลองปลูกมันเทศประสบความสำเร็จ หลี่เฉินก็จะพอใจกับการแสดงของหลี่เคอโส่ว “ลุกขึ้นเถอะ ไม่ต้องมากพิธี”หลี่เฉินพาหลี่เคอโส่วที่ระวังตัวเกินเหตุ และเจิ้งเป่าหรงซึ่งยังคงเต็มไปด้วยความสงสัยแต่รู้สึกอย่างคลุมเครือว่ามีเรื่องสำคัญกำลังจะเกิดขึ้น เข้าไปในเรือนกระจกที่เรียบง่าย ด้านใน มีชาวนาหลายสิบคนกำลังดูแลมันเทศอย่างระมัดระวังเมื่อเทียบกับรูปลักษณ์ที่เปราะบางและน่าสงสารในตอนปลูกครั้งแรก ตอนนี้เรือนกระจกก็เขียวชอุ่ม บนพื้นเต็มไปด้วยใบมันเทศสีเขียวหลี่เฉินดีใจมากเมื่อเห็นสิ่งนี้ไม่ผิดแน่ สิ่งนี้เหมือนกับมันเทศที่เขาเคยเห็นในทุ่งนาที่ชนบทเมื่อชาติก่อนทุกประการ“ฝ่าบาท มันเทศเหล่านี้สุกแล้ว”หลี่เคอโส่วกล่าวอย่างตื่นเต้น “หลังจากที่พวกเราวัดแล้ว มันเทศเหล่านี้ออกผลอย่างต่ำ 4-5 ผล มากสุดก็ 8-9 ผล หรือมากกว่าสิบผล แต่ละลูกก็ใหญ่เท่ากับกำปั้นของผู้ใหญ่ ผลผลิตนี้ช่างน่าทึ่งมากฝ่าบาท!” หลี่เฉินรู้สึกยินดีมากขึ้นเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขานั่งยองๆ และดึงมันเทศออกจากหลุมโดยตรง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-09
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 466

    แม้แต่หลี่เฉินยังตกตะลึงเล็กน้อยกับฉากนี้เมื่อเห็นความประหลาดใจในสายตาของผู้คนโดยรอบ เจิ้งเป่าหรงจึงรู้สึกตัวว่าได้สูญเสียกริยาไปแล้วใบหน้าที่มันเยิ้มเต็มไปด้วยความเขินอาย เขารีบคุกเข่าลงแล้วพูดว่า “ฝ่าบาท โปรดประทานอภัยแก่กระหม่อมด้วย กระหม่อมตื่นเต้นมาก จนทำตัวไม่เหมาะสมต่อหน้าฝ่าบาท” “ไม่เป็นไร”แน่นอนว่าหลี่เฉินไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ เขาพูดอย่างจริงจังว่า “เจ้าแตกต่างจากขุนนางระดับสูงในเมืองหลวงพวกนั้น ตรงที่เจ้าไม่กินอาหารบนโลกมนุษย์[footnoteRef:1] เจ้าทำงานคลุกคลีกับคนรากหญ้า ยิ่งใกล้ชิดกับประชาชนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งยากจะเป็นขุนนางได้” [1: กินอาหารบนโลกมนุษย์ อุปมาถึง การแสวงหาชื่อเสียง โชคลาภ ความมั่งคั่งทางวัตถุของผู้คน] “เจ้าก็เห็นผลผลิตของพืชชนิดนี้แล้ว พูดตรงๆ หากส่งเสริมสำเร็จ เจ้าก็จะมีชื่อเสียงนานนับพันปี แต่ปัญหาคือเจ้าต้องหาทางทำให้ประชาชนในเขตอำนาจของเจ้ายอมรับ ”หลี่เฉินเห็นเจิ้งเป่าหรงครุ่นคิดก็กล่าวว่า “แผ่นดินใหญ่แตกต่างจากพื้นที่ชายฝั่ง แต่ความหลงใหลในที่ดินและการเกษตรของประชาชนล้วนเหมือนกัน ตลอดหลายร้อยหลายพันปีมานี้ ไม่มีใครเคยลองให้พวกเขาปลูกมั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-09
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 467

    “อย่างที่บอกไป ข้าไม่ตระหนี่ในการให้อำนาจแก่คนเบื้องล่าง ไม่ว่าจะมีความสามารถมากแค่ไหน แต่เจ้าก็ต้องมีอำนาจมากตามไปด้วย ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะเป็นไปตามกฎเกณฑ์หรือไม่ เพราะกฎนี้ข้าเป็นผู้กำหนดเอง ในเมื่อข้าพยักหน้า ก็ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้”หลี่เฉินมองไปที่เจิ้งเป่าหรง และพูดเสียงเรียบว่า “ในเมื่อข้าให้สิ่งที่เจ้าต้องการไปแล้ว เช่นนั้นสิ่งที่ข้าต้องการ เจ้าก็ต้องทำให้ได้”ก่อนที่เจิ้งเป่าหรงจะพูดอะไรบางอย่างที่แสดงถึงความภักดี หลี่เฉินก็หันไปหาหลี่เคอโส่วและพูดว่า “ต่อจากนี้ไป ลานล่าสัตว์จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับผู้ว่าการเมืองหลวง เพื่อดำเนินการส่งเสริมมันเทศเบื้องต้น พวกเจ้าควรจะรวบรวมข้อควรระวังในการดูแลมันเทศให้เร็วที่สุด ทำเป็นคู่มือเพาะปลูกที่ประชาชนทั่วไปสามารถอ่านเข้าใจได้ง่าย”“เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก่อนการเพาะปลูกในฤดูใบไม้ผลิจะมาถึง ภารกิจของพวกเจ้าจึงไม่เบาเลย” หลี่เคอโส่วกล่าวด้วยความเคารพทันที “กระหม่อมจะปฏิบัติตามพระราชดำรัสสั่งของฝ่าบาท”หลี่เฉินพยักหน้าและพูดอย่างพอใจว่า “พวกเจ้าทุกคนทำงานหนักในช่วงนี้ และตอนนี้ก็มีผลงานแล้ว สมควรได้รับรางวัล”“เดิมทีเจ้าม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-10
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 468

    “รายงานท่านจอมพล เราได้ทำการตรวจนับสนามรบเสร็จเรียบร้อยแล้ว คราวนี้กองทัพของพวกเรามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3,600 คน บาดเจ็บสาหัสกว่า 700 คน และมีผู้เสียชีวิตในการรบ 4,200 คน ส่วนฝ่ายศัตรูถูกสังหารรวมกว่า 10,000 คน จำนวนธัญพืชและสัมภาระที่ยึดได้ สามารถใช้เลี้ยงกองทัพพวกเราได้หกวัน”หลังจากฟังรายงานของผู้ใต้บังคับบัญชาแล้ว ซูผิงเป่ยก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจเวลานี้เขานั่งอยู่ในกระโจมหลัก ขนาบด้วยแม่ทัพใต้บัญชาการทั้งซ้ายขวา ทุกคนต่างค่อนข้างพอใจกับผลลัพธ์นี้“หนึ่งแลกสาม แม้ว่าผลลัพธ์จะไม่ดีเท่ากับตอนที่จักรวรรดิอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ แต่ผลการรบในตอนนี้ก็นับว่าไม่แย่” รองแม่ทัพคนสนิทที่ติดตามซูผิงเป่ยจากเมืองหลวงมาได้เปิดปากกล่าว“ในช่วงเวลานั้น? ถ้าย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้น แค่กองทัพของพวกเรามาถึง พวกตงอิ๋งก็คงโยนหมวกถอดเกราะยอมแพ้ไปนานแล้ว” ซูผิงเป่ยถอนหายใจและกล่าวว่า “ตอนนี้กองทัพของเราได้เข้าสู่เสียนเฉาและต่อสู้มาหลายวันแล้ว ถึงแม้ว่าจะกอบกู้ดินแดนที่สูญเสียไปในเสียนเฉาได้เป็นจำนวนมาก แต่เมืองหลวงของเสียนเฉายังอยู่ภายใต้การควบคุมของตงอิ๋ง”“เมื่อเช้าเชื้อพระวงศ์เสียนเฉามาที่นี่อีกครั้ง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-10

บทล่าสุด

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 706

    คำพูดของเหวินอ๋องฟังดูราบเรียบ แต่กลับซ่อนความโกรธแค้นและความอาฆาตที่ลุกโชนจากหัวใจของบิดาที่สูญเสียบุตรไปไม่มีความเศร้าใดในโลกที่หนักหนาไปกว่าการที่คนแก่ต้องสูญเสียลูกหลานก่อนเวลาอันควรและในตอนนี้ เหวินอ๋องก็กำลังเผชิญกับชะตากรรมอันเจ็บปวดนี้ต้วนจิ่นเจียงมองเหวินอ๋องที่อยู่ข้างๆ พลันเกิดความคิดขึ้นในใจแม้ว่าหลี่จวิ้นเจ๋อจะไม่ได้เป็นผู้มีปัญญาเลิศล้ำ แต่เขากลับกลัวบิดาของเขาอย่างมาก อีกทั้งยังทำตัวว่านอนสอนง่ายมาตลอด ไม่เช่นนั้นด้วยอุปนิสัยของคนหนุ่มวัยสมัยนี้ จะสามารถอดทนทำตัวสงบเสงี่ยมในเมืองหลวงอันรุ่งเรืองได้หลายปีเช่นนั้นหรือ?ดังนั้น การกระทำของหลี่จวิ้นเจ๋อ รวมถึงการร่วมมือกับจ้าวเสวียนจี ย่อมต้องมีการบอกใบ้หรือชี้นำจากเหวินอ๋องแน่นอน เขาถึงกล้าทำเช่นนั้นถ้าเช่นนั้น เหวินอ๋องอาจจะคาดการณ์เรื่องนี้ไว้แล้วตั้งแต่ต้น?ความคิดนี้ทำให้เหงื่อเย็นผุดขึ้นมาบนหน้าผากของต้วนจิ่นเจียง เขายืนนิ่งไม่กล้าขยับตัวเขารู้สึกราวกับว่าเหวินอ๋อง ผู้ที่เขารู้จักมาหลายสิบปี และคิดว่ารู้จักกันดีคนนี้ กลายเป็นคนแปลกหน้า และอาจกลายร่างเป็นอสูรร้ายที่พร้อมจะเขมือบเขาได้ทุกเมื่อ“พูดถึง ต้อง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 705

    เหวินอ๋องมีบุตรชายสี่คนและบุตรสาวหกคน นับว่าเป็นตระกูลใหญ่ที่เปี่ยมด้วยความอุดมสมบูรณ์แต่ต้วนจิ่นเจียงรู้ดีว่า ในสายตาของเหวินอ๋องผู้เย็นชา ลูกชายและลูกสาวคนอื่นๆ เป็นเพียงเครื่องประดับที่ไม่มีความสำคัญคนที่เหวินอ๋องให้ความสำคัญจริงๆ คือหลี่จวิ้นเจ๋อ บุตรชายคนโตที่เกิดจากพระชายาการเสียชีวิตของพระชายาระหว่างการคลอดหลี่จวิ้นเจ๋อ ทำให้เหวินอ๋องเทความสนใจและความหวังทั้งหมดไปที่เขาและเพราะหลี่จวิ้นเจ๋อมีความสำคัญมาก ต้าสิงฮ่องเต้จึงเก็บตัวเขาไว้ในเมืองหลวงในนามคือเพราะต้าสิงฮ่องเต้ทรงชื่นชอบหลานชายผู้นี้และต้องการอบรมสั่งสอนด้วยพระองค์เองแต่ความจริงแล้ว หลี่จวิ้นเจ๋อถูกจับเป็นตัวประกันเรื่องนี้แม้แต่ชาวบ้านธรรมดาก็ยังมองออกและการจับตัวประกันเช่นนี้ เหล่าอ๋องแห่งแคว้นคนอื่นๆ ไม่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้แต่อย่างใดนี่แสดงให้เห็นว่าต้าสิงฮ่องเต้ทรงหวาดระแวงเหวินอ๋องเพียงใดตราบใดที่หลี่จวิ้นเจ๋อยังมีชีวิตอยู่ ย่อมทำให้เหวินอ๋องต้องระมัดระวังตัวแต่ตอนนี้หลี่จวิ้นเจ๋อได้สิ้นชีวิตลงแล้ว ใครจะรู้ว่าเหวินอ๋องจะทำอะไรต่อไปเพียงชั่วครู่ ต้วนจิ่นเจียงก็คิดไปไกล“เขาตายอย่างไรหรือ?

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 704

    วั่นเจียวเจียวดีใจจนเนื้อเต้น นางใช้มือประคองคาง พลางมองหลี่เฉินด้วยแววตาเปี่ยมไปด้วยความชื่นชม พลางกล่าวว่า “องค์ชาย พระองค์ทรงรู้เรื่องมากมายถึงเพียงนี้ได้อย่างไรเพคะ?”“อ่านหนังสือให้มากๆ”หลี่เฉินตอบอย่างไม่ใยดีว่า “เลิกอ่านหนังสือเรื่องราวรักๆ ใคร่ๆ พวกนั้นบ้าง หันไปอ่านหนังสือที่มีประโยชน์เสีย วันก่อนข้าเห็นเจ้ากำลังถือหนังสือเรื่องราวเล่มหนึ่งอ่านอย่างติดใจ เจ้าคงอ่านหนังสือเรื่องราวในวังครบแล้วกระมัง?”วั่นเจียวเจียวทำหน้ากระอักกระอ่วนเล็กน้อย ก่อนตอบว่า “ที่มีอยู่ในวังหม่อมฉันอ่านหมดแล้วเพคะ ช่วงนี้ต้องให้คนช่วยไปหาซื้อจากตลาดข้างนอกมาเพิ่ม มีบางเล่มที่เขียนได้สนุกมากเลยเพคะ”หญิงสาวมักเต็มไปด้วยความฝันในวัยสาว อีกทั้งในยุคนี้ไม่มีสิ่งบันเทิงใจมากมาย ดังนั้นการอ่านหนังสือเรื่องราวความรักหรือเรื่องลี้ลับจึงเป็นทางออกที่นิยมหลี่เฉินไม่ได้เข้มงวดกับวั่นเจียวเจียวมากนัก เมื่อเห็นว่านางชื่นชอบจริงๆ เขาก็ปล่อยไปตามใจ“ส่งคนไปเรียกซูเจิ้นถิงและซูผิงเป่ยมา ข้ามีเรื่องจะหารือกับพวกเขา”...ที่ริมแม่น้ำฉินหวายในจินหลิง สายฝนโปรยปรายในฤดูใบไม้ผลิ ชายชราอายุราวครึ่งร้อยผู้หนึ่ง ส

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 703

    มือเรียวงามขาวสะอาดของหลิวซือฉุนจุ่มลงในน้ำใสในอ่างทอง นางเริ่มต้นด้วยการทำให้มือเปียก แล้วใช้สบู่ก้อนนั้นถูจนทั่ว ก่อนล้างออกด้วยน้ำสะอาดทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้คำแนะนำของหลี่เฉิน ผู้ที่สอนวิธีการใช้สบู่ก้อนแรกในโลกมนุษย์ไม่นานนัก หลิวซือฉุนก็พบกับความมหัศจรรย์ของสบู่ แม้จะดูมันเยิ้ม แต่กลับมีศักยภาพในการทำความสะอาดสูงมาก หลังจากล้างมือด้วยสบู่แล้ว มือของนางดูสะอาดสดชื่น คราบน้ำมันและสิ่งสกปรกต่างๆ หายไปอย่างไร้ร่องรอยแม้มือของหลิวซือฉุนจะสะอาดอยู่แล้ว แต่ความสดชื่นที่สบู่นี้มอบให้กลับเป็นความรู้สึกที่นางไม่ค่อยได้สัมผัส นางรู้สึกได้ชัดเจนว่าสบู่นี้สามารถล้างคราบน้ำมันที่มองไม่เห็นออกจากมือของนางได้หมด“องค์ชาย สิ่งนี้ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง!?” หลิวซือฉุนแสดงความตื่นเต้น จนวั่นเจียวเจียวที่อยู่ข้างๆ แสดงความอิจฉาออกมาไม่มีสตรีคนใดที่ไม่รักความงามหรือความสะอาดหากไม่ใช่เพราะองค์ชายอยู่ที่นี่ด้วย วั่นเจียวเจียวคงรีบไปลองใช้ด้วยตนเองแล้วหลี่เฉินยิ้มพลางกล่าวว่า “ประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมันคือการทำความสะอาด โดยเฉพาะสิ่งที่มีน้ำมัน มันมีประสิทธิภาพยอดเยี่ยม”“ปัจจุบันแม้ตระกูลมั่ง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 702

    หลิวซือฉุนพักอยู่ในเมืองหลวง และดูเหมือนจะรู้ดีว่าหลี่เฉินจะเรียกพบนางในไม่ช้า ดังนั้นจึงไม่ไปที่ไหน เพียงแค่รออยู่ที่บ้านครึ่งชั่วยามต่อมา หลิวซือฉุนก็ปรากฏตัวในพระที่นั่งสีเจิ้ง“หม่อมฉันหลิวซือฉุน ขอคารวะองค์รัชทายาท”แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่มาเยือนสถานที่แห่งนี้ แต่หลิวซือฉุนยังคงรู้สึกอึดอัดจากบรรยากาศแห่งราชวงศ์ที่หนักแน่นทุกครั้งหลี่เฉินมองดูหลิวซือฉุนที่คำนับอย่างไร้ที่ติ แล้วกล่าวว่า “รูปร่างเจ้าอวบอิ่มขึ้นไม่น้อย”หลิวซือฉุนขมวดคิ้ว ถามว่า “องค์ชายกำลังบอกว่าหม่อมฉันอ้วนหรือเพคะ?”หลี่เฉินหัวเราะเบาๆ แล้วตอบว่า “หากเป็นคนอื่นคงอ้วน แต่สำหรับเจ้า ไม่เหมือนกัน”หลี่เฉินมองดูหลิวซือฉุนที่มีกลิ่นอายของหญิงสาวนักธุรกิจเด่นชัดขึ้นทุกวัน เขารู้สึกสนุกที่ได้เห็นการเติบโตของนางการที่ได้บ่มเพาะหญิงแกร่งทางการค้าอย่างนี้ด้วยตนเอง ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ไม่เลวโดยเฉพาะเมื่อหญิงแกร่งคนนี้ ไม่ว่าอยู่ภายนอกจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่ต่อหน้าเขา กลับว่านอนสอนง่ายราวกับลูกแกะต้องบอกว่า...เป็นรัชทายาทนี่มันดีจริง“ช่วงนี้การเปิดธนาคารเผชิญกับอุปสรรคมากมาย เรื่องนี้ข้ารู้แล้ว”หลังจากสล

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 701

    สวีฉังชิงมีความสามารถอยู่บ้าง แม้จะมีข้อเสียที่เห็นได้ชัดเช่นกัน แต่หลี่เฉินยังคงวางใจมอบหมายงานของธนาคารให้เขาทำ หากไม่ใช่ปัญหาจริงๆ สวีฉังชิงย่อมไม่มาบ่นถึงตำหนักบูรพาแน่ไม่มีผู้นำคนใดชอบลูกน้องที่โยนปัญหาให้หัวหน้าจัดการอยู่เสมอสวีฉังชิงเข้าใจเรื่องนี้อย่างลึกซึ้งดังนั้นคำพูดของสวีฉังชิง หลี่เฉินจึงให้ความสำคัญอย่างยิ่งเขาวางฎีกาในมือลงแล้วกล่าวว่า “ปัญหาอะไรหรือ?”สวีฉังชิงกล่าวอย่างขุ่นเคืองว่า “ตอนนี้ธนาคารสองแห่งในเมืองหลวงใกล้จะเปิดทำการแล้ว การตั้งสาขาในพื้นที่นครบาลค่อนข้างราบรื่น แต่เมื่อออกจากพื้นที่นครบาล ไปตั้งสาขาในมณฑลอื่นกลับพบกับความยากลำบากมากมาย”“ตามที่กรมครัวเรือนออกเอกสารมา ได้ขอให้ที่ว่าการอำเภอในท้องถิ่นจัดหาสถานที่สำหรับธนาคาร อีกทั้งยังให้เงินทุนหมุนเวียนของที่ว่าการอำเภอฝากไว้ที่ธนาคารด้วย แต่ในตอนนี้ที่ว่าการอำเภอหลายแห่งกลับอ้างว่าไม่มีสถานที่ว่าง หรือไม่มีเงินสำรองอยู่ในสำนักงานปกครองส่วนท้องถิ่น เหตุผลมากมายเหล่านี้ล้วนเป็นข้ออ้างเพื่อขัดขวางการเปิดทำการของธนาคาร”สวีฉังชิงกล่าวอย่างโมโหว่า “แต่เดิมราษฎรยังพอสนใจธนาคารที่เปิดโดยราชสำนักอยู่บ้า

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 700

    “ข้าดูแล้ว เห็นว่าสิ่งนี้เมื่อยิงออกไป กระสุนที่ออกจากลำกล้องมีวิถีที่ไม่มั่นคง ถูกปัจจัยอย่างแรงลมส่งผลกระทบได้ง่าย ดังนั้น อาจพิจารณาเพิ่มลายเกลียวในลำกล้อง เพื่อให้กระสุนหมุนเป็นเกลียวระหว่างบิน เช่นนี้จะช่วยเพิ่มความเสถียรในการยิงได้อย่างมาก”ช่างฝีมือมีสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อย ก่อนจะถามด้วยความระมัดระวังว่า “องค์ชายกล่าวถึงสิ่งที่เรียกว่าลายเกลียวใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”หลี่เฉินมองเขาครู่หนึ่ง ก่อนจะถามด้วยความกระอักกระอ่วนเล็กน้อยว่า “เจ้า...รู้หรือ?”ช่างฝีมือผู้นั้นรีบโค้งคำนับแล้วตอบว่า “เมื่อสองสามปีที่ผ่านมา ตอนที่เราปรับปรุงปืนใหญ่ ได้ค้นพบว่าการเพิ่มลายเกลียวในลำกล้องช่วยเพิ่มระยะและความแม่นยำได้อย่างมาก คิดไม่ถึงว่าองค์รัชทายาทจะทราบเรื่องนี้ องค์ชายช่างเป็นผู้มีปัญญาเกินคนยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ”สำหรับคำเยินยอเช่นนี้ หลี่เฉินรู้สึกกระดากใจอยู่บ้างเขาหัวเราะเบาๆ เพื่อข้ามเรื่องนี้ไป แล้วกล่าวว่า “ในเมื่อพวกเจ้าทราบถึงหลักการของลายเกลียวแล้ว เช่นนั้นการทำก็คงไม่ยากใช่หรือไม่?”“ไม่ยากพ่ะย่ะค่ะ”ช่างฝีมือตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “สองข้อเสนอขององค์ชาย หากเร่งมือจริงๆ เพียงสอง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 699

    แม้ว่าจะไม่ได้ใช้งานมานาน แต่ช่างฝีมือคนนั้นก็แสดงให้เห็นถึงความชำนาญ เขาดำเนินการบรรจุกระสุนอย่างคล่องแคล่วในขณะที่หลี่เฉินกำลังรอ กวนจือเหวยที่ยืนอยู่ข้างๆ เอ่ยถามด้วยความสงสัย "องค์ชาย เหตุใดพระองค์จึงสนพระทัยในสิ่งประดิษฐ์เหล่านี้ขึ้นมาได้?"หลี่เฉินตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ของสิ่งนี้มีอนาคตที่ยิ่งใหญ่ แต่พวกเจ้ากลับทำให้มันต้องถูกละเลย"กวนจือเหวยยิ้มแห้งๆ แต่ในใจกลับไม่เชื่อมั่นเขาคิดในใจว่าองค์ชายไม่ตั้งพระทัยในหน้าที่ของรัชทายาท กลับมาสนใจของเล่นเช่นนี้แม้องค์ชายจะฉลาดล้ำเลิศ แต่จะเก่งไปทุกเรื่องหรือ?ในขณะสนทนา ช่างฝีมือก็เสร็จสิ้นการบรรจุกระสุนหลี่เฉินเดินออกจากพระที่นั่งสีเจิ้ง มุ่งหน้าไปยังลานกว้าง ยกปืนขึ้นเล็งไปยังต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไปสิบกว่าก้าวปืนไฟนี้ยังคงใช้ดินปืน ซึ่งมีความเสี่ยงพอสมควร โดยเฉพาะหลังจากไม่ได้รับการดูแลมานาน ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็รู้สึกกังวลเพราะหากเกิดระเบิดขึ้นมาจะไม่มีใครรอดพ้นความผิดกวนจือเหวยมองด้วยความตกใจ รีบเอ่ยเตือน "องค์ชาย โปรดระวัง..."ก่อนที่เขาจะพูดจบ เสียงระเบิดดังปังก็ดังขึ้นขัดคำพูดของเขาพร้อมกลิ่นฉุนของดินปื

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 698

    เมื่อได้ยินเสียงตะโกนด่าของจ้าวเสวียนจี เสียงในความมืดเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า "เนื่องจากไม่มีใครเข้าใกล้ตำหนักเฟิ่งสี่ได้ พวกเราจึงได้ยินมาเพียงเสียงรบกวนเล็กน้อย แต่เมื่อมีรายงานเข้ามา ก็น่าจะมีมูลอยู่บ้าง""อย่างไรก็ตาม คาดว่าไม่น่าจะถึงขั้นร้ายแรง"จ้าวเสวียนจีที่โกรธจนหนวดเครากระเพื่อม ตบโต๊ะอย่างแรงก่อนตะโกนออกมา "เจ้าคนสารเลว กล้าดูหมิ่นชิงหลานเช่นนี้ ข้าจะฆ่ามันให้ได้!"หลังจากระบายอารมณ์ออกมา จ้าวเสวียนจีก็ตระหนักว่า เขาอยู่ในสถานะที่ทำได้เพียงโกรธเท่านั้นด้วยการที่คนทั้งหมดในตำหนักเฟิ่งสี่ถูกแทนที่ เขาจึงไม่สามารถติดต่อกับจ้าวชิงหลานได้โดยตรงต้องใช้เวลาไม่น้อยในการสร้างช่องทางใหม่เมื่อคิดได้ดังนั้น จ้าวเสวียนจีก็ลุกขึ้น กล่าวว่า "ไปจัดการ ข้าจะเข้าวัง"เขากระวนกระวายใจอย่างยิ่งที่จะได้รู้ว่าบุตรสาวของเขาถูกหลี่เฉินรังแกจริงหรือไม่แม้ว่าจ้าวเสวียนจีจะเป็นคนเหี้ยมโหดและทะเยอทะยานเพียงใด แต่ในฐานะบิดา ความห่วงใยโดยสัญชาตญาณที่มีต่อบุตรหลานก็ยังคงอยู่"ขอรับ"เสียงหนึ่งดังขึ้นจากในความมืด ไม่มีการแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพียงตอบรับสั้นๆ ก่อ

DMCA.com Protection Status