Share

บทที่ 441

Author: ไห่ตงชิง
เมื่อเห็นปฏิกิริยาที่รุนแรงของท่านจิ้งจือในขณะนี้ หลี่เฉินก็ยิ้มออกมา

สำหรับคนอย่างท่านจิ้งจือ อำนาจและความมั่งคั่งล้วนไม่มีความหมายสำหรับเขา หากเขาต้องการ ก็สามารถได้มันมาเมื่อไรก็ได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่สนใจสิ่งเหล่านี้เลย

ในโลกนี้มีเพียงสองสิ่งที่ทำให้ผู้คนหลงใหลได้ก็คือชื่อเสียงและโชคลาภ ซึ่งชื่อเสียงอยู่ก่อนคำว่าโชคลาภ

หลังจากสนองความต้องการทางวัตถุแล้ว ทุกคนก็จะไล่ตามความต้องการทางจิตวิญญาณ และความต้องการทางจิตวิญญาณในยุคศักดินานี้ ก็คือชื่อเสียง ชื่อเสียงที่จะคงอยู่ตลอดไป

ดังนั้นท่านจิ้งจือจึงไม่กล้านำชื่อเสียงที่บริสุทธ์ของตัวเอง ถูกลากเข้าไปในหล่มของหลี่เฉิน

“สามปี”

จู่ๆ หลี่เฉินก็พูดขึ้นมาอย่างหัววัวไม่ตรงกับปากม้า

“ท่านจิ้งจือก็อายุมากแล้ว ไม่ว่าข้าจะปฏิบัติอย่างรุนแรงแค่ไหน ก็จะไม่ปล่อยให้ท่านจิ้งจือต้องแก่ตาย หรือเหนื่อยตายจากการทำงาน ดังนั้นข้าจะยืมเวลาของท่านจิ้งจือเพียงสามปีเท่านั้น”

“สามปีนี้ ท่านจิ้งจือจะต้องให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับความคิดริเริ่มทางการเมืองทั้งหมดของข้า ในระหว่างที่ดำรงตำแหน่งมหาอำมาตย์ตงเก๋อ”

“ข้ารับปากว่า ตราบใดที่ท่านจิ้งจือ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 442

    ในฐานะองค์รัชทายาท หลี่เฉินใจกว้างอย่างยิ่งที่ได้ให้ผลประโยชน์มหาศาลเช่นนี้ หากเขาพูดมากอีก เขาจะสูญเสียสถานะของเขาสถานะของท่านจิ้งจือก็ไม่ต่ำเช่นกัน เขาต้องการจะเห็นด้วย แต่ก็จำเป็นต้องมีทางลงให้เขาเขาไม่สามารถตกลงได้ทันที หลังจากที่หลี่เฉินบอกว่าจะสร้างรูปปั้นและให้เขาเป็นมหาราชครูระดับชาติ นั่นจะไม่ทำให้ท่านจิ้งจือดูเป็นคนเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัวมากหรอกหรือ?“ท่านอาจารย์ ไม่ใช่ท่านพูดบ่อยๆ ว่านักวิชาการ ชาวนา ช่างฝีมือ พ่อค้า ทุกคนควรถือว่าการรับใช้ชาติเป็นหน้าที่ของตน เพื่อนำความสงบเรียบร้อยมาสู่ครอบครัว ประเทศ และนำสันติสุขมาสู่ใต้หล้า”“ทุกคนในใต้หล้าต่างรู้ดีว่าท่านอาจารย์ไม่มีความทะเยอทะยานในราชสำนัก แต่ถ้าหากประเทศนี้ต้องการท่านอาจารย์จริงๆ ท่านก็ควรจะละทิ้งอิสรภาพดุจเมฆที่ล่องลอยและนกกระเรียนป่า คิดถึงผู้คนในใต้หล้า ด้วยวิธีนี้เท่านั้น จึงจะสามารถดำเนินตามรอยของมหาปราชญ์ได้” ซูจิ่นพ่าโค้งคำนับท่านจิ้งจือแล้วพูดว่า “ถ้าหากท่านอาจารย์เต็มใจที่จะรับราชการ ข้าคิดว่ามันจะเป็นพรสำหรับราชสำนักและผู้คนในใต้หล้า”ท่านจิ้งจือขมวดคิ้วและมองไปที่ซูจิ่นพ่า หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 443

    “และสถาบันแห่งนี้มีวัตถุประสงค์หลักสองประการ ประการแรกคือ เพื่อปลูกฝังผู้มีความสามารถในการสอบขุนนางสำหรับราชสำนัก”“ประการที่สองคือ การเตรียมทรัพยากรบุคคลสำหรับการขยายการศึกษาทั่วประเทศในอนาคต และรับสมัครผู้มีความรู้จากทั่วทุกมุมโลก ราชวงศ์สามารถจัดสรรงบประมาณพิเศษ เพื่อสนับสนุนนักศึกษาเหล่านี้ได้” แต่ความตั้งใจที่แท้จริงของหลี่เฉินไม่ได้ถูกเปิดเผย เขาต้องการเลือกความสามารถทางวิทยาศาสตร์ในหมู่นักศึกษาเหล่านี้!ความสามารถทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถนำไปใช้ได้!แน่นอนว่าหลี่เฉินไม่ได้สับสนกับการใช้เทคโนโลยีในสมัยนี้ แต่อุปกรณ์ป้องกันเมือง เครื่องมือทางทหาร และเครื่องมือการเกษตรบางอย่าง สามารถพัฒนาได้ด้วยระดับเทคโนโลยีในปัจจุบันด้วยความรู้ในโลกอนาคตที่ติดตัวเขามา เขาเชื่อว่าตราบใดที่เขามีความสามารถเพียงพอ เขาก็สามารถเพิ่มระดับเทคโนโลยีของจักรวรรดิต้าฉิน ให้อยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลกอย่างน้อยสามสิบปีในช่วงสั้นๆ เคล็ดลับวิทยาศาสตร์แค่ข้อเดียว ก็เกือบจะทำลายการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในยุคศักดินาทั้งหมดได้ตอนนี้หลี่เฉินต้องการจะฉีกหลุม หลี่เฉินมีแผนนี้ตั้งแต่ที่เขาพ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 444

    “เอาล่ะ”หลี่เฉินโบกมือกล่าวว่า “ครั้งนี้เป็นเพราะการทำงานหนักของเจ้าตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่ปัญหาด้านภาษียังอยู่ในบัญชี อย่าคิดว่าข้าจะไม่สนใจมันอีกต่อไป” “เมืองหลวงแตกต่างจากเวยไห่เว่ย ใช้นิ้วเท้าคิดก็น่าจะมองออกว่าเมืองหลวงนั้นซับซ้อนกว่าเวยไห่เว่ยหลายเท่า การให้โอกาสนี้แก่เจ้านั้นเป็นทั้งของขวัญและเป็นหายนะ แต่สิ่งนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้า”“หากคุณธรรมของเจ้าไม่คู่ควร เจ้าจะต้องรับผลที่ตามมาด้วยตัวเอง”เจิ้งเป่าหรงยังคงดื่มด่ำกับความยินดีที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง เขาไม่ได้ยินสิ่งใดเลยในขณะนี้ เขาเอาแต่พูดว่า “ฝ่าบาททรงวางพระทัย กระหม่อมจะบุกน้ำลุยไฟ และยอมตายเพื่อฝ่าบาท” “หวังว่าอย่างนั้น”หลังจากที่หลี่เฉินพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นและพูดกับท่านจิ้งจือว่า “เรื่องที่เวยไห่เว่ยทำให้เราล่าช้าไปนาน ถึงเวลาที่ข้าต้องกลับไปแล้ว” ท่านจิ้งจือประสานมือแล้วพูดว่า “ข้า...กระหม่อม ตามส่งเสด็จฝ่าบาท”“ไม่จำเป็น” หลี่เฉินพอใจกับคำแทนตัวของท่านจิ้งจือมาก เขายิ้มแล้วกล่าวว่า “ข้าไม่ชอบพิธีหยุมหยิมพวกนี้ ขอมีอิสระมากกว่านี้จะดีกว่า หลังจากที่ข้ากลับไปแล้ว ข้าจะออกพระราชโองการทันที เม

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 445

    เจิ้งเป่าหรงไม่รู้เกี่ยวกับเกมการเมืองระดับสูง และอาจจะมองภาพรวมของใต้หล้าไม่ออก แต่เขารู้สิ่งหนึ่ง เมื่อข่าวการแต่งตั้งของท่านจิ้งจือแพร่กระจายออกไป มันจะสร้างความฮือฮาไปทั่วทั้งประเทศอย่างแน่นอน และบังเอิญเขาได้เป็นพยานในเหตุการณ์นี้หัวใจของเขาเต้นเร็ว สัญชาตญาณบอกเจิ้งเป่าหรงว่าเขาจะต้องไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไปท่านจิ้งจือพยักหน้าและกล่าวว่า “พระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทช่างยากที่จะปฏิเสธ เวลานี้ประเทศกำลังอยู่ในความสับสนวุ่นวาย แม้ว่าข้าจะแก่แล้ว แต่ก็ไม่กล้าซุกอยู่ในมุมอย่างเงียบๆ”สิ่งที่ทำให้เจิ้งเปาหรงสงสัยก็คือ ในอดีตทั้งจักรพรรดิและอ๋องข้าราชบริพารต่างก็ใช้วิธีการต่างๆ ในการเชิญท่านจิ้งจือมารับใช้ แต่กลับล้มเหลวโดยไม่มีข้อยกเว้น แต่องค์รัชทายาทกลับทรงโน้มน้าวได้สำเร็จแล้ว มิรู้ว่าองค์รัชทายาททรงมอบผลประโยชน์มากมายเพียงใดให้กับท่านจิ้งจือ?ท่านจิ้งจือสามารถเห็นความคิดของเจิ้งเป่าหรงได้ทันที แต่โดยปกติแล้วเขาจะไม่บอกอะไรล่วงหน้า เขาเพียงพูดว่า “ใต้เท้าเจิ้งกำลังจะไปเมืองหลวงเพื่อรับตำแหน่ง ยังไม่รีบกลับไปเตรียมตัวเร็วๆ หรือ?”เมื่อเห็นว่าท่านจิ้งจือกำลังไล่แขกอ้อมๆ เจ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 446

    หลังจากเรื่องที่สนับสนุนสวีฉังชิงเริ่มเป็นที่รู้จักของผู้คนมากขึ้น ตอนนี้หลี่เฉินก็มีความมั่นใจมากพอที่จะกล่าวคำพูดดังกล่าวนี่ไม่ใช่แค่อำนาจเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ทุกคนเห็นว่าองค์รัชทายาทแห่งตำหนักบูรพาลงมือปฏิบัติจริงเพื่อสนับสนุนคนสนิทของเขา แทนที่จะพิจารณาทิ้งรถทันทีเพื่อประหยัดเงิน เมื่อมีบางอย่างเกิดขึ้นกับคนข้างล่างความประทับใจนี้จะช่วยยกระดับสถานะของหลี่เฉินอย่างมากในสายตาของขุนนางในราชสำนักท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีใครอยากติดตามผู้นำที่จะละทิ้งตัวเองไปได้ทุกเมื่อ ซูจิ่นพ่าได้ยินดังนั้นก็หยุดพูดท้ายที่สุดแล้วก็เป็นแค่ผู้ว่าการเมืองหลวงเท่านั้น อนาคตจะเป็นอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจิ้งเป่าหรงแต่อย่างน้อยตอนนี้ เขาก็เป็นแค่เบี้ยตัวเล็กๆ เท่านั้น ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ใดๆ ได้ “จริงสิ ฝ่าบาท พวกเรามีข่าวดีแล้วนะ!”จู่ๆ ซูจิ่นพ่าก็พูดด้วยความตื่นเต้นว่า “มันเทศที่พวกเราปลูกได้ออกผลชุดแรกแล้ว!”หลี่เฉินรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้ “เร็วขนาดนี้เชียวหรือ? ข้าคิดว่าคงต้องใช้เวลาอย่างน้อยเดือนกุมภาพันธ์ถึงจะออกผล? แล้วผลผลิตเป็นอย่างไรบ้าง?”ซูจิ่นพ่าฉีก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 447

    ชายชราพูดอย่างตื่นเต้น “ข้าอายุ 67 ปีแล้ว”ในจักรวรรดิต้าฉินคนส่วนใหญ่อายุขัยโดยเฉลี่ยเพียงห้าสิบห้าปีเท่านั้น อายุ 67 ปีถือว่าอายุยืนขั้นสุดจริงๆ ความจริงแล้ว ราชสำนักยังให้สิทธิพิเศษแก่ผู้สูงอายุเหล่านี้ด้วย เช่น หากอายุเกินหกสิบปี ไม่จำเป็นต้องคุกเข่าคำนับเมื่อเห็นขุนนางที่ต่ำกว่าขั้นที่สามหากอายุเกินเจ็ดสิบปี สำนักงานปกครองส่วนท้องถิ่นจะต้องส่งของขวัญแสดงความห่วงใยทุกปีหากอายุเกินแปดสิบปี ไม่จำเป็นต้องแสดงความเคารพเมื่อพบจักรพรรดิ เหล่าอ๋ององค์ชายและชนชั้นสูง หากพบเห็นจะต้องลงจากรถม้า “จักรวรรดิปกครองใต้หล้าด้วยความเมตตากรุณาและความกตัญญู เป็นเรื่องที่น่าละอายใจจริงๆ ที่ให้ผู้อาวุโสมาคำนับรุ่นเยาว์เช่นนี้”หลี่เฉินกล่าวอย่างอบอุ่น “แม้ว่าปัญหาเรื่องการเก็บภาษีจะได้รับการสอบสวนแล้ว และภาษีเบ็ดเตล็ดสำหรับประชาชนทั่วไปได้ถูกยกเลิกแล้ว แต่นี่คือสิ่งที่ราชสำนักควรทำ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องขอบคุณ”ชายชราพูดทั้งน้ำตาว่า “ท่านไม่รู้ว่าคนรากหญ้าอย่างพวกเรามีชีวิตที่ลำเข็ญเพียงใด ด้วยการลดภาษีนี้ ทุกคนจึงมีทางรอด นี่คือพระคุณช่วยชีวิต”หลี่เฉินโบกมือและกำลังจะพูด แต่เห็นชายชราถามอย

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 448

    “ดังนั้นพวกเราจึงต้องเกรงใจราชสำนักด้วย”คำพูดที่สมเหตุสมผลของซูจิ่นพ่า กลับได้มากับการถลึงตาใส่ของชายชรา เขาพูดว่า “เจ้าเป็นสตรี เกิดมารูปโฉมงดงาม แต่ไฉนถึงพูดจาไร้เหตุผลแบบนี้?” “การห้ามเดินทะเลนั้นผิดตั้งแต่แรก ราชสำนักควรจะให้ออกทะเลตั้งนานแล้ว พวกเราโตมากับทะเลมาหลายชั่วอายุคน และอาศัยทะเลเพื่อความอยู่รอด ราชสำนักสั่งห้ามออกทะเล แล้วจะให้พวกเรากินอะไร?”“ในที่สุดเราก็มีขุนนางที่สร้างแนวป้องกันทางชายฝั่งให้เรา จนสามารถจับปลาได้อย่างสงบสุขมาหลายปีแล้ว แต่กลับถูกปลดออกจากตำแหน่ง ราชสำนักทำเช่นนี้ได้อย่างไร?” ซูจิ่นพ่ากล่าวด้วยความโมโหว่า “แต่คนที่ฟ้องร้องเจิ้งเป่าหรงว่าเก็บภาษีสูงเกินไปก็คือพวกเจ้า พอเรื่องได้รับการจัดการแล้ว คนที่บ่นไม่เลิกก็คือพวกเจ้า พวกเจ้าอยากจะได้ของถูกแล้วยังอยากจะอวดฉลาด!” “เด็กสาวคนนี้ทำไมถึงพูดจาเช่นนี้!”ชายชราบูดบึ้งและพูดเสียงดังว่า “เจ้าเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะไปรู้อะไร ข้าแก่กว่าเจ้า หรือเจ้าจะบอกว่าสิ่งข้าคิดมันผิด?” หลี่เฉินกล่าวยิ้มๆ ว่า “ใช่ๆ จากมุมมองของเจ้า มันถูกต้องจริงๆ” “คนเราต้องกินต้องใช้ ใครที่ห้ามพวกเราไม่ให้กินไ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 449

    “ขั้นแรกให้ทดสอบปฏิกิริยาของผู้คนผ่านทางตระกูลหลิว ไม่ว่าจะโดยการบังคับหรือการชักจูงก็ตาม แต่ต้องให้ปลูกพืชชนิดนี้ก่อน”“ข้าไม่ได้คาดหวังว่าทุกคนจะยอมรับมันเทศตั้งแต่แรก มันจะต้องใช้เวลา แต่ถ้าผู้คนเห็นผลผลิตของมันเทศ พวกเขาจะเริ่มปลูกมันเทศอย่างบ้าคลั่ง โดยที่ราชสำนักไม่ต้องทำอะไรเลย”จู่ๆ ซูจิ่นพ่าก็พูดว่า “ตอนแรกคือการขนส่งเกลือ และตอนนี้ก็เป็นมันเทศ สองสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับรากฐานของผู้คนในใต้หล้า เจ้าสามารถฝากพวกมันทั้งหมดไว้กับผู้หญิงคนนั้น หลิวซือฉุน เจ้าไว้ใจนางหรือ?”หลี่เฉินกล่าวโดยไม่ต้องคิด “แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะไว้ใจพวกเขาอย่างสมบูรณ์ พ่อค้าให้ความสำคัญกับผลกำไร นี่คือจุดอ่อนของมนุษย์ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ แต่ก็เป็นข้อบกพร่องเช่นกัน แต่สำหรับตอนนี้ พวกเขายังมีประโยชน์อยู่ แต่เจ้าก็เตือนข้าว่าควรใช้การตรวจสอบและถ่วงดุลตั้งแต่เนิ่นๆ”หลังจากที่หลี่เฉินพูดจบ เขาก็ตระหนักว่าซูจิ่นพ่าไม่ได้พูดถึงตระกูลหลิว แต่พูดถึงหลิวซือฉุน เขาหันไปมองซูจิ่นพ่า และกล่าวอย่างยิ้มๆ ว่า “"มีความแตกต่างระหว่างหลิวซือฉุนกับตระกูลหลิวหรือไม่?”ซูจิ่นพ่าหันศีรษะอย่างไม่เป็นธรรมชาติ และพู

Latest chapter

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 838

    "พวกเจ้าทุกคนล้วนเป็นยอดคนที่ถูกคัดเลือกจากนับร้อยในพัน หากมองทั่วแผ่นดินที่มีประชากรนับสิบล้าน พวกเจ้าย่อมเป็นหนึ่งในแสน!"คำกล่าวของหลี่เฉินทำให้เลือดลมของเหล่านักศึกษาเดือดพล่านทุกคนล้วนตระหนักดีว่าหนทางที่ผ่านมานั้นไม่ง่ายเลย บางคนถึงกับต้องขายสมบัติทั้งครอบครัวเพื่อให้สามารถเดินทางมาถึงจุดนี้หากการสอบจอหงวนล้มเหลว พวกเขาส่วนใหญ่อาจต้องจบชีวิตไปพร้อมกับความยากจนและไร้หนทางดังนั้น แม้ว่าการสอบจอหงวนจะไม่ใช่สมรภูมิที่มีคมดาบ แต่ความโหดร้ายของมันก็แทบไม่แตกต่างจากสนามรบเมื่อย้อนระลึกถึงความยากลำบากที่ผ่านมา นักศึกษาทั้งหมดล้วนแสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกส่วนเหล่าขุนนางที่อยู่ในบริเวณนั้น ต่างก็รู้สึกสะเทือนใจเช่นกันเพราะในอดีต พวกเขาส่วนใหญ่ก็ล้วนเดินมาบนเส้นทางการสอบจอหงวนเช่นเดียวกันแต่โชคชะตาของพวกเขาดีกว่าคนรุ่นเดียวกันอย่างมาก เพราะในวันนี้ พวกเขาสามารถยืนอยู่หน้าพระที่นั่งไท่เหอ และเข้าร่วมราชสำนักได้เมื่อมองย้อนกลับไป ผู้คนที่ร่วมเดินทางมาด้วยกันในรุ่นเดียวกันนั้น บัดนี้เหลืออยู่ข้างกายน้อยมาก"การสอบจอหงวนเป็นเส้นทางที่ราชสำนักใช้ในการคัดเลือกบุคคลที่มีค

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 837

    เสียงเขาสัตว์อันแสนเศร้าสร้อยดังก้องไปทั่วบริเวณเหล่านักศึกษาค่อยๆ เดินเข้าสู่พื้นที่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยภายใต้การนำของเจ้าหน้าที่จากสำนักฮั่นหลิน พวกเขาถูกจัดให้อยู่ในลำดับอย่างเหมาะสมและมายืนประจำตำแหน่งในจัตุรัสสะพานจินสุ่ยในเวลานั้น ราชสำนักช่วงเช้าทั้งหมดได้ถูกย้ายออกจากพระที่นั่งไท่เหอ มาจัดขึ้นภายนอกแทน หลี่เฉินนั่งอยู่ที่ประตูใหญ่ของพระที่นั่งบริเวณนี้เองคือสถานที่ที่เขาเคยใช้ปืนจ่อยิงฮาเล่ย์ต้าลี่จนเสียชีวิตในวันนั้นเมื่อทุกคนประจำตำแหน่งแล้ว จ้าวเสวียนจีและถานไถจิ้งจือในฐานะผู้นำฝ่ายบุ๋น ซูเจิ้นถิงในฐานะผู้นำฝ่ายบู๊ ทั้งสามคนโค้งคำนับพร้อมเปล่งเสียงดังว่า"ขอถวายบังคมองค์รัชทายาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี"เมื่อฮ่องเต้ไม่อยู่ องค์รัชทายาทในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ย่อมเป็นผู้แทนของฮ่องเต้ในสถานการณ์อันเป็นทางการเช่นนี้หลังจากนั้น บรรดาขุนนางฝ่ายบุ๋นและบู๊ทั้งหมด รวมถึงนักศึกษาที่เข้าสอบจอหงวนต่างก็กล่าวถวายบังคมไม่มีผู้ใดกล้าละเลย"ขอถวายบังคมองค์รัชทายาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี"ที่จัตุรัสสะพานจินส

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 836

    กงฮุยอวี่ที่แสดงท่าทางออกมานั้น หลี่เฉินมองเห็นทุกสิ่งในสายตา แต่เขาเลือกที่จะไม่เอ่ยถึงให้กระจ่าง ในใจนั้นกลับเข้าใจอย่างแจ่มชัด ทว่ากลับไม่คิดสนใจนางต่อไปกงฮุยอวี่มองหลี่เฉินที่หันหลังกลับไปจัดการงานราชการในทันที ดวงตาที่เย็นเยียบของนางปรากฏความไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมาส่วนวั่นเจียวเจียวนั้น... นางรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ชนะในชีวิต ไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้นางมีความสุขมากกว่านี้อีกแล้วในการรับมือกับสตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสตรีเช่นกงฮุยอวี่ การเร่งร้อนย่อมไม่เป็นผลดีไม่เช่นนั้น ความพยายามทั้งหมดอาจสิ้นเปลืองจนกลายเป็นแรงเกินไป ทำให้ทุกอย่างย้อนกลับและต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้งอย่างน่าอึดอัดหลี่เฉินในตอนนี้ได้ก้าวไปอีกหนึ่งก้าว สำเร็จในการก่อกวนจิตใจของกงฮุยอวี่ ดังนั้นต่อไปจึงควรปล่อยให้อารมณ์คลี่คลายไปก่อน ทิ้งให้นางได้ครุ่นคิด จะได้ไม่เร่งร้อนเกินไปในมุมมองของหลี่เฉิน ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับกงฮุยอวี่ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับนักล่าและเหยื่อนักล่าต้องการจับเหยื่อ แต่เหยื่อกลับระแวดระวังสูงมาก หากผิดพลาดเพียงนิด ไม่เพียงแค่เหยื่อจะหนีไป แต่อาจจะหันกลับมาเล่นงานนักล่าเ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 835

    แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ ความคิดของหลี่เฉินที่จะเอาชนะใจของกงฮุยอวี่ก็ยิ่งรุนแรงขึ้นในชีวิตของผู้ชาย ย่อมต้องการผู้หญิงหลากหลายแบบอ่อนโยนและมีเสน่ห์อย่างจ้าวหรุ่ย เด็ดเดี่ยวและมั่นคงอย่างซูจิ่นพ่า และดื้อรั้นไม่ยอมคนอย่างกงฮุยอวี่ที่อยู่ตรงหน้า"นิยายเล่มนั้น สนุกไหม?" หลี่เฉินถามเหมือนไม่มีอะไรจะพูดกงฮุยอวี่ตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ก็ดี"หลี่เฉินยิ้มเมื่อได้ยินคำตอบนั้น ก่อนจะบอกให้วั่นเจียวเจียวไปหยิบสมุดเล่มหนึ่งมา แล้วส่งให้กงฮุยอวี่ "ลองดูนี่สิ"กงฮุยอวี่มองสมุดที่เห็นได้ชัดว่าเป็นงานเขียนด้วยมือ แล้วมองหน้าหลี่เฉิน แต่ไม่ได้ยื่นมือไปรับ"ข้าเขียนเอง"คำพูดนั้นทำให้ทุกคนในห้องตกใจวั่นเจียวเจียวที่ยืนอยู่ข้างๆ ถึงกับตาโตนางรู้ดีว่าหลี่เฉินยุ่งแค่ไหน งานราชกิจในพระที่นั่งสีเจิ้งแทบจะทำให้เขาไม่มีเวลาหายใจ แล้วเขายังมีเวลามาเขียนนิยายได้ด้วยหรือ?และยิ่งไปกว่านั้น … องค์รัชทายาทยังเขียนนิยายเป็น!วั่นเจียวเจียวมองหลี่เฉินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจและชื่นชม รู้สึกว่าองค์รัชทายาทที่ดูเหมือนจะไร้ที่ติ ตอนนี้ดูเหมือนจะไร้ข้อบกพร่องอย่างแท้จริงรูปงาม สถานะสูงส่ง มีความ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 834

    ซูผิงเป่ยยังคงไม่เข้าใจในสิ่งที่บิดากล่าว และเพียงเปิดปากจะถามอะไรบางอย่าง แต่ซูเจิ้นถิงก็ยกมือขึ้นห้ามและกล่าวว่า "เรื่องพวกนี้ เจ้าเดินตามข้ากับองค์ชายไปเรื่อยๆ ก็จะค่อยๆ ซึมซับและเข้าใจเอง ตอนนี้เจ้าคิดไม่ออก ต่อให้ข้าอธิบายมากเท่าใด เจ้าก็ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดี""การเมืองนั้นแตกต่างจากการรบ มันต้องใช้ความเข้าใจลึกซึ้ง และที่สำคัญที่สุดคือ ต้องใช้เวลาบ่มเพาะอย่างช้าๆ""ในตอนนี้ สิ่งที่เจ้าควรทำคือ ฟังให้มาก ดูให้มาก พูดให้น้อย และถามให้น้อยเข้าไว้""เอาล่ะ ในช่วงนี้ หากเจ้าไม่มีเรื่องจำเป็น ก็อย่ากลับบ้าน จงไปอยู่ในค่ายทหาร เข้าไปใกล้ชิดกับเหล่าทหารให้มากขึ้น การเมืองถึงที่สุดแล้วก็ต้องพึ่งกำลังทหาร""รู้ไหมว่าทำไมองค์ชายถึงฝากคนหนึ่งพันนายที่เจ้าพามาไว้กับหน่วยบูรพา? นั่นเพราะเพื่อเป็นแผนสำรองในกรณีฉุกเฉิน เจ้าต้องรับรองได้ว่า ในยามจำเป็น คนหนึ่งพันนายนี้ต้องยอมตายเพื่อองค์ชายโดยไม่ลังเล"ซูผิงเป่ยกลืนคำถามทั้งหมดกลับไป และรับคำอย่างนอบน้อม…เมื่อหลี่เฉินกลับถึง พระที่นั่งสีเจิ้ง วั่นเจียวเจียวกำลังสั่งการให้เหล่าขันทีนำก้อนน้ำแข็งมาวางทั่วทั้งท้องพระโรงในยุคโบราณ การผลิตน้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 833

    "ว่ามา"หลี่เฉินในตอนนี้ต้องการคำแนะนำจากซูเจิ้นถิงอย่างมาก ผู้ซึ่งเป็นแม่ทัพมากประสบการณ์และมีมุมมองทางยุทธศาสตร์ที่ลึกซึ้งเมื่อได้ยินว่าซูเจิ้นถิงมีความเห็นบางอย่าง เขาจึงไม่ลังเลที่จะให้เขากล่าวออกมาซูเจิ้นถิงจัดระเบียบความคิดเล็กน้อยก่อนกล่าวว่า "องค์ชาย มณฑลตงซานควรปล่อยไปเถอะพ่ะย่ะค่ะ อย่างที่องค์ชายทรงกล่าวไว้ มณฑลตงซานคือรังเก่าของจ้าวเสวียนจี เป็นทั้งแหล่งกำเนิดและบ้านเกิดของเขา ที่นั่นไม่ใช่เพียงสถานที่สำคัญ แต่ยังเต็มไปด้วยอำนาจที่เขาสร้างขึ้นเอง แม้แต่เจ้าเมืองที่นั่น ก็เป็นศิษย์ที่จ้าวเสวียนจีบ่มเพาะขึ้นมากับมือ การจะเคลื่อนไหวใดๆ ในมณฑลตงซานตอนนี้ สายเกินไปแล้ว""ดังนั้น ในความเห็นของกระหม่อม จุดสำคัญควรอยู่ที่หนานเหอ"เขาชี้ไปที่แผนที่ตำบลหนานเหอก่อนกล่าวต่อ "หากเราสามารถทำให้หนานเหอวางตัวเป็นกลางได้ อย่างน้อยก็จะทำให้จ้าวเสวียนจีไม่สามารถรับการสนับสนุนใดๆ จากที่นั่นได้ ในกรณีนี้ เราก็เพียงต้องเผชิญหน้ากับการวางแผนของเขาในพื้นที่นครหลวงและมณฑลตงซานเท่านั้น ซึ่งจะลดแรงกดดันลงได้มาก และผลสุดท้ายว่าใครจะแพ้หรือชนะ ก็ยังไม่อาจคาดเดาได้"นี่เป็นเหตุผลที่เข้าใจได้ง่าย

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 832

    ซูเจิ้นถิงขมวดคิ้วพลางเอ่ยว่า “นำแผนที่มา”ซูผิงเป่ยมองไปรอบๆ ห้องหนังสือ พบว่าในห้องมีเพียงสามคนไม่ว่ามองจากล่างขึ้นบนหรือบนลงล่าง ดูเหมือนงานเล็กๆ นี้จะตกเป็นของเขาโดยปริยายดังนั้น ซูผิงเป่ยจึงรีบไปหยิบแผนที่ทหารมาโดยไม่พูดอะไรแม้แผนที่นี้จะไม่ละเอียดเท่าแผนที่ในพระที่นั่งสีเจิ้งของหลี่เฉิน แต่สิ่งสำคัญที่ต้องมีในแผนที่ ก็ปรากฏครบถ้วนเมื่อแผนที่ถูกคลี่ออก ซูเจิ้นถิงมองพื้นที่รอบเมืองหลวง ก่อนจะสูดลมหายใจลึก“พื้นที่เมืองหลวงที่ขึ้นตรงต่อชุนเทียนฝู่ ตั้งอยู่ในมณฑลเป่ยจื๋อหลี่ ทางใต้คือมณฑลหนานจื๋อหลี่ ซึ่งทั้งสองรวมกันเป็นพื้นที่นครบาล แต่หากมองพื้นที่นครบาลเป็นหน่วยเดียว ทั้งหมดถูกล้อมรอบด้วยซีซาน ตงซาน และหนานเหอสามมณฑล นี่คือสถานการณ์ที่ไม่อาจถอยหลังได้อีกแล้ว”หลี่เฉินเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข่าวดีเพียงอย่างเดียวในตอนนี้ คือมณฑลซีซานผ่านความยากลำบากมาแล้ว เมื่อปีก่อนจ้าวซานเหอถูกส่งไปฟื้นฟูการบริหารและการทหาร ปัจจุบันซีซานถือว่าปลอดภัยแล้ว แต่ก็เพียงแค่ปลอดภัย การให้ซีซานส่งกำลังมาช่วยเหลือจึงแทบเป็นไปไม่ได้”“ดังนั้น จุดศูนย์กลางอย่างมณฑลหนานเหอ และทางซ้ายคือมณฑลตงซ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 831

    คำถามตรงไปตรงมาของหลี่เฉิน ทำให้หลี่เพ่ยเพ่ยหน้าแดงขึ้นทันทีแม้นางจะไม่ใช่หญิงงามเลิศ แต่ความเขินอายของสาวแรกแย้มก็ยังดูน่ารักอย่างยิ่งซูผิงเป่ยที่ยืนข้างหลี่เพ่ยเพ่ย ซึ่งมีนิสัยซุกซนและคุ้นเคยกับหลี่เฉินอยู่แล้ว จึงไม่รู้สึกเกรงใจมากนัก เขาหันไปมองหลี่เพ่ยเพ่ยก่อนเกาศีรษะ แล้วหัวเราะโง่ๆ พร้อมพูดว่า “ดีมากพ่ะย่ะค่ะ ดีมาก กระหม่อมชื่นชอบยิ่งนัก…”“ท่านพี่! ท่านพูดอะไรน่ะ!”ซูจิ่นพ่าถลึงตามองซูผิงเป่ยทันที ขัดจังหวะเขาโดยไม่รอให้พูดจบหากเป็นหญิงสาวทั่วไป การพูดเช่นนี้อาจไม่มีปัญหาแต่หลี่เพ่ยเพ่ยเป็นองค์หญิงแห่งราชวงศ์ การพูดเกินเลยเช่นนี้ถือว่าไม่เหมาะสมยิ่งไปกว่านั้น สองคนยังไม่ได้แต่งงานกันอย่างเป็นทางการ แม้จะเป็นสามีภรรยาแล้วก็ตาม ในราชวงศ์ต้าฉิน ฐานะของราชบุตรเขย ก็ยังต่ำกว่าองค์หญิงอยู่มาก จึงไม่ควรพูดจาล่วงเกินแน่นอนว่าเวลาส่วนตัวนั้นเป็นอีกอย่างหนึ่งหลี่เฉินโบกมือเบาๆ พลางกล่าวว่า “ไม่เป็นไร ความรักของชายหญิงเป็นเรื่องปกติ ข้าก็หวังว่าพวกเจ้าจะเข้ากันได้ดี เช่นนี้ งานสมรสครั้งนี้จึงจะนับว่าเป็นประโยชน์ทั้งสองฝ่าย”หลังพูดคุยกันต่ออีกเล็กน้อย หลี่เฉินสังเกตว่าหลี

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 830

    ซูจิ่นพ่าไม่คาดคิดว่าหลี่เฉินจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนาได้รวดเร็วเช่นนี้ทันทีที่เขาถาม นางก็รู้สึกอับอายอย่างมากนางรีบดันตัวเขาออกไป แล้วพูดอย่างดื้อรั้นว่า “เมื่อครู่ข้าเพียงพูดไปตามสถานการณ์เพื่อรับมือกับเขา ท่านดูไม่ออกหรือ?”แม้ว่าปากจะพูดเช่นนั้น แต่ใบหน้าอันขาวเนียนของซูจิ่นพ่ากลับแดงเรื่อขึ้นอย่างเห็นได้ชัดราวกับผลลูกพีชสุกฉ่ำที่ชวนให้ใครต่อใครอยากลิ้มลอง“จริงหรือ?”หลี่เฉินไม่ได้โกรธที่ถูกผลักออกไป เขาหยิบปลายผมของนางขึ้นมาเล่นในมือ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ “แต่ในหูข้า มันฟังดูเหมือนคำพูดจากใจที่เจ้าไม่กล้ายอมรับเสียมากกว่า”เมื่อเห็นปลายผมของตัวเองถูกเขาหยอกล้อ ซูจิ่นพ่าก็รีบดึงมันกลับมาการวาดคิ้วและเกล้ามวยผมให้กันนั้น ตั้งแต่โบราณมาก็ถือเป็นสิ่งที่คู่รักที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งและดีต่อกันอย่างยิ่งเท่านั้นที่จะทำกันเคยได้ยินประโยคที่ว่าเส้นผมเพียงเส้นเดียว ผูกใจเขาไว้หรือไม่?ดังนั้น สำหรับสตรี เส้นผมย่อมมีความหมายพิเศษอย่างยิ่งแม้ในทางกายภาพ เส้นผมอาจไม่มีความรู้สึกใดๆ แต่ฉากนี้กลับสร้างแรงกระทบทางจิตใจต่อซูจิ่นพ่าอย่างมหาศาล“ท่านอย่ามโนไปเอง!”เสียงของซูจ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status