Share

บทที่ 428

Author: ไห่ตงชิง
ด้วยการแทรกแซงของหน่วยบูรพา เจ้าหน้าที่ก็ถูกแยกตัวออกไปบางส่วน เพื่อนำกลุ่มชาวบ้านที่ก่อเรื่องทะเลาะวิวาทจากไป

พวกเขาทุกคนดูมีความสุขมาก แม้จะต้องติดคุกสามวันก็ยังคงมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อกลุ่มชาวบ้านจากไปแล้ว หลี่เฉินก็มองไปที่เจ้าหน้าที่และพูดอย่างเฉยเมยว่า “ใครคือผู้ว่าราชการเวยไห่เว่ย?”

เจ้าหน้าที่ที่เป็นหัวหน้าก็รีบตอบไปว่า “ผู้ว่าราชการเวยไห่เว่ยของพวกเราคือ เจิ้งเป่าหรง”

หลี่เฉินครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง แต่ก็นึกไม่ออก

“ซานเป่า”

หลี่เฉินตะโกนเรียก “ส่งองครักษ์เสื้อแพรสองคนติดตามเจ้าหน้าที่คนนี้ไป และพาเจิ้งเป่าหรงมาพบข้าที่สถานบันกวนไห่”

สถานบันกวนไห่ เป็นที่พักอาศัยอันเงียบสงบของท่านจิ้งจือในเวยไห่เว่ย

หลี่เฉินจัดผมเผ้าให้เรียบร้อย และตรวจทานความสะอาดให้แน่ใจว่าไม่เลอะโคลน แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะเต็มไปด้วยความสงสัยและสับสน แต่ก็ไม่กล้าถามอยู่ดี แค่คิดว่าคนของหน่วยบูรพาจะตามตัวเองกลับไป พวกเขาก็รู้ว่าผู้ว่าราชการของตัวเองนั้นเจอปัญหาเข้าแล้ว ไม่แน่ว่าหมวกบนหัวน่าจะรักษาไว้ไม่ได้

หลังจากคิดเรื่องนี้ จู่ๆ ความคิดก็พลันกระจ่างขึ้นมา เจ้าหน้าที่คนนั้นยืนขึ้นแล้วโค้งคำนับอย่าง
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 429

    “ไม่เพียงเท่านั้น เวยไห่เว่ยยังมีเงินเสริมสร้างการป้องกันทางชายฝั่ง ชาวประมงที่อื่นไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปหาปลาในทะเลได้ เพราะมีนโยบายห้ามออกทะเล แต่ถ้าเป็นแถวชายฝั่งก็ยังไปได้ แต่ในหนึ่งปี ชาวประมงสามารถออกไปชายฝั่งได้เพียง 100 วันเท่านั้น แต่มีเพียงชาวประมงเวยไห่เว่ยเท่านั้นที่สามารถออกทะเลได้มากกว่า 200 วันต่อปี เป็นเพราะเวยไห่เว่ยใช้เงินเพื่อรักษาแนวป้องกันทางชายฝั่ง ทำให้พวกตงอิ๋งเรียนรู้ที่จะอ้อมเวยไห่เว่ยไป”หลี่เฉินตกตะลึงเมื่อได้ยินเรื่องนี้หากสิ่งที่ซูจิ่นพ่าพูดเป็นความจริง ภาษีเบ็ดเตล็ดของเวยไห่เว่ยก็ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกับความโลภของเจิ้งเป่าหรง“ทำไมเจ้าถึงรู้ชัดเจนขนาดนี้ล่ะ?” หลี่เฉินถามซูจิ่นพ่าหัวเราะแล้วพูดว่า “เมื่อครั้งที่เจิ้งเป่าหรงบริจาคเงินให้กับทางการ เขาเคยขอพบบิดาของข้าผ่านทางญาติห่างๆ แต่ท่านพ่อปฏิเสธในตอนแรก แต่แล้วเขาก็คุกเข่าที่หน้าประตูเป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน และท่านพ่อก็เขียนจดหมายแนะนำอย่างไม่เต็มใจ ส่งถึงกรมขุนนางและกรมครัวเรือน”“ไม่อย่างนั้นตำแหน่งผู้ว่าราชการจัดหวัดหนึ่ง ต่อให้ร่ำรวยแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีใครในตำแหน่งสูงๆ แนะนำ มีเงินก็ซื้อไม่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 430

    “ยังกล้าพูดแบบนั้นอีกเหรอ!?”สตรีนางนั้นตวาดอย่างเหลืออด “ใช่ เราได้เสริมกำลังการป้องกันชายฝั่งและทำเงินได้ แต่แล้วเงินที่ได้รับล่ะ? สุดท้ายแล้วมันก็ถูกเจ้าเรียกเก็บไปตามข้ออ้างต่างๆ ไม่ใช่เหรอ? แม้แต่บ้านของเจ้าเองและบ้านของภรรยาเจ้าก็ไม่เคยได้รับการยกเว้น แม้กระทั่งเลือกลงดาบที่บ้านของตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก เจ้า เจิ้งเป่าหรง ช่างมีอนาคตที่ดีจริงๆ!”“เจ้ารู้ไหมว่าคนข้างนอกเรียกเจ้าว่าเจิ้งปาผี แม้แต่คนรวยก็ยังด่าลับหลังเจ้าว่าไอ้ลูกชายไม่มีก้น!?”เจิ้งเป่าหรงโกรธจัด ขณะที่จะระเบิดอารมณ์ออกมาอยู่นั้น ก็มีเสียงดังมาจากนอกประตูก่อนที่เจิ้งเป่าหรงจะออกไปตรวจสอบ เจ้าหน้าที่หลายคนก็ถูกองครักษ์เสื้อแพรเตะเข้าไปในห้อง“เจ้าคือเจิ้งเป่าหรงใช่ไหม?” องครักษ์เสื้อแพรมองดูเจิ้งเป่าหรงที่ยืนขึ้นแล้วเดินเข้าไปถามอย่างเย็นชาเจิ้งเป่าหรงรีบตอบทันทีว่า “ใช่ แล้วพวกเจ้าเป็นใคร? เหตุใดถึงบุกรุกเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต? เจ้ารู้ไหมว่าข้าสามารถสั่งให้คนจับพวกเจ้า...”ก่อนที่เจิ้งเป่าหรงจะพูดจบ องครักษ์เสื้อแพรก็โยนป้ายแขวนเอวของไปในอ้อมแขนของอีกฝ่าย “ธุระขององครักษ์เสื้อแพรแห่งหน่วยบูรพา ข้ามา

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 431

    ซูจิ่นพ่าสะดุ้ง จิตใต้สำนึกสั่งให้นางหลบโดยไม่รู้ตัว“อย่าขยับ”หลี่เฉินกล่าวออกมาประโยคหนึ่ง ทำให้ซูจิ่นพ่าไม่กล้าเคลื่อนไหวหลี่เฉินจับปลายผมที่ปลิวไสวไปตามลมทะเลตรงข้างขมับของซูจิ่นพ่าไปทัดที่หลังหูของนาง เมื่อเห็นซูจิ่นพ่ายืนตัวแข็งทื่อ หลี่เฉินก็หัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “ทำไมเจ้าถึงเกร็งขนาดนี้ กลัวว่าข้าจะกินเจ้าหรือ?”ซูจิ่นพ่าคาดไม่ถึงว่าหลี่เฉินจะแสดงความอ่อนโยนออกมาโดยไม่ทันตั้งตัว แก้มของนางร้อนผ่าวเล็กน้อย ก่อนจะหันศีรษะไปอีกด้านแล้วกล่าวเสียงแข็งว่า “ใครจะรู้ว่าเจ้ากำลังจะทำอะไร”“ไปกันเถอะ พวกเราสามารถมองเห็นวิวทะเลได้ตลอดเวลา มาสถานบันกวนไห่ครั้งนี้ ไม่รู้ว่าจะได้มาอีกทีเมื่อไหร่?”หลี่เฉินพูดจบ เขาก็พาซูจิ่นพ่าไปที่ลานบ้านขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ไม่ไกลลานแห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยกำแพง ที่ทางเข้าหลักมีตัวอักษรที่ทรงพลังอยู่สี่ตัวนั่นก็คือ “สถานบันกวนไห่”หลังจากทิ้งผู้ติดตามไว้เบื้องหลัง หลี่เฉินก็มาถึงทางเข้าหลักของสถานบันกวนไห่ โดยมีเพียงซูจิ่นพ่าและซานเปาที่ตามหลังมาเรื่องอย่างการเคาะประตูก็เป็นหน้าที่ของซานเป่าตามปกติหลังจากเคาะประตู ประตูไม้ก็เปิ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 432

    เมื่อหลี่เฉินได้ยินดังนั้น เขาก็ก้าวผ่านประตูเข้าไปก่อนซูจิ่นพ่ากลืนสิ่งที่กำลังจะพูดกลับคืนมา และกระทืบเท้าวิ่งตามไป นางทำได้เพียงอธิษฐานขอให้ทั้งสองคนไม่ขัดแย้งกันขึ้นมาเมื่อเดินเข้ามาในประตูหลัก ผ่านกำแพงกว้าง เดินไปอีกไม่กี่ก้าวก็ถึงห้องโถงหลัก เมื่อหลี่เฉินและกลุ่มของเขาเดินเข้ามา ก็เห็นชายชราหนวดเคราสีขาวเดินออกจากห้องโดยสวมเพียงถุงเท้านี่เป็นการพบกันอย่างไม่เป็นทางการครั้งแรกระหว่างหลี่เฉินและท่านจิ้งจืออีกฝ่ายมีรูปร่างสูงใหญ่แข็งแกร่ง ดูกำยำล่ำสันมาก แม้จะอายุเกินเจ็ดสิบปีไปแล้ว แต่ก็ยังแข็งแรงอยู่ ผิวหน้าคล้ำแดด ดวงตาเป็นประกาย ถ้าสามารถเปลี่ยนผมขาวเป็นผมดำได้ บางคนอาจจะเชื่อว่าเขาอายุสี่สิบหรือห้าสิบปีเมื่อเห็นเขาไม่สวมแม้แต่ถุงเท้า ก็ทำให้หลี่เฉินอดประหลาดใจไม่ได้ “ฮ่าๆ!”ท่านจิ้งจือหัวเราะเสียงดัง และกล่าวอย่างเบิกบานใจว่า “นางหนูตระกูลซู เจ้าพาผู้แต่ง มาด้วยหรือ?”เสียงหัวเราะนี้ดูห้าวหาญ คล้ายกับคนในยุทธภพมากกว่านักวิชาการผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกวรรณกรรมหลี่เฉินรู้สึกว่าท่านจิ้งจือตรงหน้าเขา ดูแตกต่างจากปราชญ์ผู้อาวุโสในจินตนาการของเขามาก วาจาเ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 433

    ถ้อยคำในบทกวี เป็นศูนย์รวมของพรสวรรค์และอุดมคติของนักวิชาการเมื่อหลี่เฉินเปิดปากท่องกลอนวรรคล่างออกมา กลอนสั้นๆ สองประโยคนี้ สามารถสร้างพายุขึ้นมาจากพื้นดิน และกลืนกินพื้นที่หลายพันลี้ได้ท่านจิ้งจือตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาซึ่งจ้องมองไปที่หลี่เฉินก็มีความความหมายลึกซึ้งมากขึ้น ตอนนี้เอง หลี่เฉินก็โน้มตัวลงไปกระซิบที่ข้างหูของจิ่นพ่า หัวเราะเบาๆ และพูดว่า “อันที่จริงแล้ว ยังมีอีกวรรคหนึ่ง ซักผ้าในลำห้วยชิงเจียง วาดจิ่นพ่าคิ้วดำ”การจู่โจมนี้มาแบบไม่ทันตั้งตัวเลยเมื่อถูกลมหายใจร้อนๆ ของหลี่เฉินเป่ารดติ่งหู ซูจิ่นพ่าก็พลันสะดุ้งแต่พอได้ยินกลอนคู่วรรคล่างบรรดทัดที่สองของหลี่เฉิน ติ่งหูของนางก็พลันแดงระเรื่อ รู้สึกหัวใจเต้นแรงเหมือนมีกวางน้อยย่ำกีบไม่หยุดต่อหน้าท่านจิ้งจือปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ของใต้หล้า คนผู้นี้กล้าดียังไง?แม้จะรู้สึกละอายใจและขุ่นเคือง แต่ความคิดของหญิงสาวกลับซับซ้อนและหลงใหล กลอนคู่ล่างนี้ เมื่อเทียบกับคำพูดแบบอันธพาลตามปกติของหลี่เฉินแล้ว มันน่าฟังกว่าหลายเท่า ซูจิ่นพ่ารู้สึกทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ“ฮ่าๆ”เสียงหัวเราะของท่านจิ้งจือขัดจังหวะการสื่อสารระหว่างหล

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 434

    ท่านจิ้งจือเข้าใจว่าซูจิ่นพ่าหมายถึงอะไร ตั้งแต่สมัยโบราณ คนประเภทไหนที่รับใช้ยากที่สุด? คือราชวงศ์อยู่ใกล้กษัตริย์ก็เหมือนกับอยู่ใกล้เสือ ประโยคที่ว่าจิตใจของกษัตริย์นั้นคาดเดาได้ยาก ประโยคนี้คือความจริง แม้ว่าท่านจิ้งจือจะได้รับการสนับสนุนจากนักวิชาการทั่วใต้หล้า แต่เขาก็ไม่ต้องการทำให้หลี่เฉินขุ่นเคือง ซูจิ่นพ่าส่งทางลงให้กับทั้งสองคนแล้ว ซึ่งหลี่เฉินเองก็ไม่อยากบีบคั้นมากจนเกินไป เขาเปลี่ยนเรื่องและถามว่า “สถานบันกวนไห่แห่งนี้ เป็นของท่านเพียงคนเดียวหรือไม่?”ท่านจิ้งจือตอบว่า “ใช่ ในยามว่าง ข้าจะให้นักเรียนที่อยู่ใกล้ๆ เข้ามาสอบถามเรื่องบทเรียน ไม่มีกำหนดเวลาที่แน่นอน ไม่เสียค่าธรรมเนียม สามารถมาหรือไปได้ตลอดเวลา แล้วแต่ตามสะดวก”“ท่านยังมีสถานที่ที่คล้ายกับสถานบันกวนไห่อีกสามแห่ง ซึ่งอยู่ในทางเหนือและใต้ ตลอดทั้งปี ท่านวิ่งเต้นไปตามสถานที่ทั้งสามแห่งนั่น ทำงานหนักอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ท่านยังมีการสอนการบรรยายด้วยใช่หรือไม่?” หลี่เฉินถามท่านจิ้งจือไม่แปลกใจเลยที่หลี่เฉินทราบเรื่องนี้ เขากล่าวว่า “ใช่แล้ว ความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้าคือ การสอนทุกคนในใต้ห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 435

    ในชีวิตของเขาขุนนางใหญ่ที่สุดที่เขาเคยพบก็คือซูเจิ้นถิงย้อนกลับไปในปีนั้นที่บริจาคเงินแลกตำแหน่งราชการ เขาต้องคุกเข่าอยู่หน้าประตูจวนทั้งคืนก่อนจะได้เจอหน้า นอกจากนี้ ขุนนางที่เขาติดต่อด้วย ตำแหน่งสูงที่สุดก็เป็นเพียงขั้นที่สามเท่านั้น ส่วนองค์รัชทายาท ว่าที่กษัตริย์องค์ต่อไปนั้น อยู่ห่างจากเขาประมาณหนึ่งแสนแปดหมื่นลี้ เจิ้งเป่าหรงตัวสั่นด้วยความกลัว กลัวว่าถ้าหากตัวเองพูดผิดไป ศีรษะของเขาจะตกอยู่ในอันตรายคำว่าองค์รัชทายาท ทำให้เด็กรับใช้ที่มีสีหน้าอยากรู้อยากเห็นอยู่ด้านข้างก็พลันตกใจจนตาค้าง เด็กรับใช้ไม่คิดว่า แขกที่มาเยือนในยามเที่ยงวันนี้จะเป็นองค์รัชทายาท?หลังจากครุ่นคิดอย่างรอบคอบแล้ว ก็รู้สึกว่าไม่มีจุดไหนที่ตัวเองไม่แสดงความเคารพต่อองค์รัชทายาท เด็กรับใช้จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่นี่ ไม่มีใครสนใจการเปลี่ยนแปลงภายในจิตใจของเด็กรับใช้เลยหลี่เฉินมองไปยังเจิ้งเป่าหรงซึ่งกำลังคุกเข่าตัวสั่นต่อหน้าเขา ปฏิกิริยาแรกคือไม่สนใจเขา แต่หันไปพูดกับท่านจิ้งจือว่า “จะเป็นไปได้หรือไม่ถ้าจะยืมห้องของท่านสักครู่?” ท่านจิ้งจือลูบเคราแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เป็นไปตามพระประ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 436

    ในช่วงยุคสามก๊ก แม้จะมีราชสำนักอยู่ แต่ไม่มีใครให้ความสำคัญกับราชสำนักอย่างจริงจัง บรรดาอ๋องทั่วประเทศต่างยึดอำนาจในการจัดเก็บภาษี และอำนาจทางการทหารไว้ในมือ จึงไม่จำเป็นต้องมองสีหน้าของราชสำนักที่อ่อนแออีกต่อไป อำนาจทั้งสองอย่างนี้ คือเครื่องมืออันทรงพลังที่ราชสำนักใช้ควบคุมท้องถิ่นในประเทศ ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่ส่วนท้องถิ่นจะแทรกแซงรากฐานของประเทศเจิ้งเป่าหรงไม่ซับซ้อนพอที่จะมองเห็นได้อย่างชัดเจน แต่หลี่เฉินจะไม่ยอมทน ซึ่งคนที่เข้าใจจุดนี้เช่นกันก็คือท่านจิ้งจือ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและนิ่งเงียบในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สถานบันกวนไห่ตั้งอยู่ในเวยไห่เว่ย ท่านจิ้งจือจึงมีปฏิสัมพันธ์มากมายกับเจิ้งเป่าหรง เขารู้ว่าเจิ้งเป่าหรงไม่ใช่ขุนนางทุจริต ตรงกันข้ามเขาเป็นขุนนางที่ดีและทำงานหนักเพื่อพัฒนาท้องถิ่น ดังนั้นในบรรดาสถาบันการศึกษาทั้งสามแห่ง ท่านจิ้งจือจึงเลือกที่จะอาศัยอยู่ที่นี่ แต่สถานการณ์ในปัจจุบันนี้ เขาไม่อาจออกความคิดเห็นได้สำหรับผู้มีอำนาจ หลายครั้งก็ไม่ได้สนใจว่าลูกน้องของตนจะเป็นผู้ทรยศหรือว่าจงภักดี แต่พิจารณาว่าลูกน้องเหล่านั้นเป็นข้ารับใช้ที่มีความสามารถซึ่งเป็

Latest chapter

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1063

    ตามคำอธิบายและเรื่องราวของฮ่องเต้ต้าสิง หลี่เฉินก็เริ่มมองเห็นถึงเบื้องลึกในจิตใจที่แท้จริงของฮ่องเต้พระองค์นี้ สิ่งที่พระองค์ต้องการ คือการสืบทอดราชบัลลังก์โดยไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงรากฐานของบ้านเมือง และขุนนางชั่วอย่างจ้าวเสวียนจี ก็คือประกันภัยอีกชั้นหนึ่งที่พระองค์วางไว้ ตราบใดที่จ้าวเสวียนจียังอยู่ เขาก็จะกระหายอำนาจ และต้องพยายามลดบทบาทของฮ่องเต้แน่นอน แต่การลดบทบาทของฮ่องเต้หาใช่ปัญหาไม่ ขอเพียงฮ่องเต้ยังคงดำรงอยู่ อ๋องแห่งแคว้นย่อมไม่อาจก่อหวอด สถานการณ์ก็จะยังดำเนินต่อไปได้ กล่าวได้ว่า ฮ่องเต้ต้าสิงได้วางหมากไว้สองทาง ทางแรก คือหวังว่าจะมีบุตรผู้หนึ่งสามารถเติบโตขึ้นมาเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ มีสติปัญญาและความสามารถลึกซึ้ง กอบกู้สถานการณ์ได้ แต่เรื่องนี้ยากเกินไป อย่างน้อยในขณะวางแผน ฮ่องเต้ต้าสิงเองก็มองไม่เห็นความหวัง ดังนั้นพระองค์จึงเตรียมทางที่สอง ผลักดันให้เกิดขุนนางชั่วคนหนึ่ง เพื่อรักษาความมั่นคงของการถ่ายโอนอำนาจ แม้ฮ่องเต้จะเป็นเพียงหุ่นเชิด ตราบใดที่ยังเป็นบุตรของฮ่องเต้ต้าสิง แผ่นดินก็จะไม่ล่มสลาย ส่วนอำนาจนั้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1062

    “เขาวางแผนมาอย่างยาวนาน บัดนี้ลูกกับเขาก็ถึงคราวแตกหัก ต่อให้มิใช่จ้าวเสวียนจี ลูกก็ไม่อาจอยู่อย่างสงบได้อีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” หลี่เฉินเงยหน้าขึ้นอย่างกล้าหาญ จ้องสบสายพระเนตรของฮ่องเต้เบื้องหน้า แม้พระวรกายจะซูบผอมดั่งน้ำมันหมดไส้เทียนใกล้มอด แต่ก็ยังเปี่ยมด้วยพลังสุดท้าย แล้วกล่าวสิ่งที่อยู่ในใจออกไป ฮ่องเต้ต้าสิงทรงฟังด้วยรอยยิ้ม รอจนหลี่เฉินพูดจบจึงเอ่ยว่า “ข้ากล่าวไปแล้ว เขา มิใช่สิ่งที่ควรกังวล” “เจ้าจะฆ่าเขาก็ได้ แต่ไม่ใช่เวลานี้” หลี่เฉินขมวดคิ้ว สีหน้างุนงงยิ่งนัก ฮ่องเต้ต้าสิงทอดถอนใจเบาๆ แล้วตรัสว่า “สามารถเดินมาถึงจุดนี้ เจ้าก็เกินกว่าความคาดหวังเดิมของข้าไปมาก แม้แต่อีกหลายการจัดวางที่ข้าวางไว้แต่แรก ข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าจะได้ใช้จริง แต่ก้าวแล้วก้าวเล่า เจ้าก็ผ่านมาได้ทั้งหมด” “เจ้าควรรู้ว่า บางแผนที่ข้าวางไว้นั้น เริ่มตั้งแต่เมื่อครานานมาแล้ว” หลี่เฉินนึกถึงพี่น้องสกุลอู๋ จึงพยักหน้า “พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อทรงวางแผนอย่างลึกซึ้ง ลูกนับถือยิ่งนัก” “รอจนเจ้าได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ เจ้าก็จะเข้าใจเอง” ฮ่องเต้ต้าสิงตรัสเสียงเรียบ “ข้าวางแผนไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เจ้าคิดว่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1061

    จ้าวหรุ่ยเงยหน้าขึ้น แม้ใบหน้ายังคงซีดเซียวอ่อนแรง แต่กลับมีสีเลือดระเรื่อขึ้นเล็กน้อย “ฝ่าบาท รีบเสด็จเข้าไปเถิด” จ้าวหรุ่ยกล่าวจบ ก็หลีกทางไปด้านข้าง หลี่เฉินจับมือของจ้าวหรุ่ยแน่น แล้วจึงก้าวเข้าไปภายใน จ้าวเสวียนจีตามเข้าไปติดๆ นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวเสวียนจีสนทนากับจ้าวหรุ่ยหลังจากจ้าวหรุ่ยทรยศ “เจ้าคุกเข่าจนฮ่องเต้ทรงฟื้นคืนหรือ?” จ้าวเสวียนจีกล่าวเสียงเรียบ จ้าวหรุ่ยก้มหน้า ไม่กล้ามองจ้าวเสวียนจี เอ่ยเสียงแผ่วเบา “ฮ่องเต้ทรงมีฟ้าคุ้มครองเพคะ” “ข้าไม่คาดคิดเลยจริงๆ” จ้าวเสวียนจีทิ้งประโยคหนึ่งอย่างมีนัย แล้วจึงติดตามหลี่เฉินเข้าไป จ้าวหรุ่ยเม้มริมฝีปาก ก้มหน้าถอยออกจากประตูตำหนักบรรทม ภายในตำหนักเฉียนชิง หลี่เฉินเห็นฮ่องเต้ต้าสิง...ทรงยืนขึ้นแล้ว พระองค์ทรงสวมเสื้อชั้นในสีเหลืองอ่อนที่เพิ่งผลัดเปลี่ยนใหม่ ซึ่งอาจนับเป็นชุดนอนหรือชุดชั้นในก็ได้ หลี่เฉินไม่รู้สึกแปลกตากับฉลองพระองค์ชุดนี้นัก ขณะฮ่องเต้ต้าสิงบรรทมบนเตียง ก็ทรงสวมเช่นนี้ แต่หลังจากเขาข้ามมิติมา ก็เป็นครั้งแรกที่เห็นฮ่องเต้ทรงมีสติและยืนอยู่ “อย่างไรหรือ เห็นข้าแล้ว ถึงกับลืมคำ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1060

    ประโยคเดียวว่าฮ่องเต้ทรงฟื้นแล้วสร้างแรงสะเทือนใจแก่ทุกผู้คนยิ่งกว่าเสียงฟ้าร้องเหนือศีรษะแม้กระทั่งทหารที่ไล่ตามขันทีน้อยมาแต่แรกยังถึงกับตื่นตะลึงถ้อยคำของขันทีน้อยยังไม่ทันจบประโยค เงาร่างสายหนึ่งพลันแวบขึ้นตรงหน้าเขา ซานเป่าได้คว้าตัวเขาไว้แล้ว“เจ้าว่าอะไรนะ?!”ขันทีน้อยผู้นั้นเป็นเพียงขันทีระดับต่ำสุด เคยเห็นซานเป่าจากที่ไกลๆ เท่านั้น หากแต่ความแตกต่างระหว่างฐานะของทั้งสองทำให้เขาไม่เคยมีสิทธิแม้แต่จะกล่าวคำกับซานเป่ายังไม่ทันตั้งสติจากแรงกดดันของซานเป่า ซูเจิ้นถิงและเหล่าขุนนางใหญ่น้อยก็พากันล้อมเขาไว้หมดแล้ว“บ่าว...บ่าวกล่าวว่า...ฮ่อง...ฮ่องเต้ทรงฟื้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ขันทีน้อยตัวสั่นระริก พูดติดขัดแทบจับใจความไม่ได้ โชคยังดีที่เขายังจำหน้าที่ของตนเองได้“ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่ง ขอให้องค์รัชทายาทและสำนักราชเลขาเข้าเฝ้าทันที”ซานเป่ากับซูเจิ้นถิงสบตากัน แล้วก็ตัดสินใจได้ทันควัน“ไม่ได้!”จางปี้อู่ตะโกนลั่น “ใครจะรู้ว่านั่นไม่ใช่ราชโองการปลอมล่ะ!”“เจ้าบังอาจแอบอ้างหาบรรพบุรุษงั้นรึ!”ซูเจิ้นถิงสบถกลับด้วยความโกรธ แล้วซัดหมัดหนักเข้าที่ใบหน้าของจางปี้อู่อย่างจังจางปี้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1059

    “จ้าวเสวียนจี เจ้าทำเรื่องมากมาย วางแผนมานักหนา ท้ายที่สุดแล้วก็เพื่อสิ่งใดกันแน่”หลี่เฉินชี้ไปยังบัลลังก์มังกร ถามว่า “เพื่อจะได้ขึ้นนั่งบนนั้นหรือ”จ้าวเสวียนจีมองตามนิ้วของหลี่เฉินไปยังบัลลังก์มังกร กล่าวอย่างราบเรียบว่า “มิใช่ หากกระหม่อมประสงค์จะขึ้นนั่งบัลลังก์ กระหม่อมสามารถลงมือได้ตั้งแต่เมื่อปีกลายแล้ว แม้แต่ก่อนหน้านั้น กระหม่อมก็ยังมีโอกาสดีกว่านี้อีกมาก จะต้องรอให้ฝ่าบาททรงมีอำนาจมั่นคงก่อนแล้วจึงลงมือไปเพื่ออันใดกันเล่า”“หรือมิใช่เพราะเจ้าคิดว่าควบคุมตัวข้าได้ยาก จึงต้องเสี่ยงเอาดาบเข้าวัดอย่างนั้นหรือ” หลี่เฉินหัวเราะเย็นชาจ้าวเสวียนจีถอนหายใจเบาๆ สีหน้ากลับแฝงด้วยความหดหู่ยิ่งนัก กล่าวว่า “ฝ่าบาท พระองค์มิใช่กระหม่อม ย่อมไม่รู้ความลำบากของกระหม่อม”“บัลลังก์นั้น นั่งแล้วสบายหรือ ไม่เลย”จ้าวเสวียนจีหันหน้ากลับมามองหลี่เฉิน กล่าวว่า “กระหม่อมแทบจะเฝ้าดูฮ่องเต้ขึ้นครองบัลลังก์กับตาตนเอง ตลอดหลายปีมานี้ ในท้ายที่สุด ฮ่องเต้ได้อะไรกลับมาบ้าง”“กระหม่อมชราภาพแล้ว ไม่รู้ว่ายังจะมีชีวิตอยู่ได้อีกกี่ปี อีกทั้งบุตรหลานของกระหม่อมก็สูญสิ้นไร้ร่องรอย หากกระหม่อมขึ้นไปนั่ง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1058

    หลี่เฉินหันขวับกลับมาเผชิญหน้าจ้าวเสวียนจี ดวงตาเย็นเยียบดั่งน้ำแข็งจ้าวเสวียนจีเงยหน้าขึ้น ยืนตัวตรง มาดอ่อนน้อมเมื่อครู่พลันสลาย เหลือเพียงท่วงท่าท้าทายอย่างเปิดเผยหลี่เฉินเอ่ยเรียบเย็น “ข้าเพิ่งรู้ว่า...ขุนนางอาวุโส สูงไม่น้อยเลยทีเดียว”จ้าวเสวียนจีตอบ “กระหม่อม...แค่เคยชินกับการโค้งก้มเท่านั้น แต่ครั้งนี้...กระหม่อมไม่อยากก้มอีกแล้ว”เขายกมือชี้ออกไปทางประตูพระที่นั่งไท่เหอ ก่อนกล่าวว่า “ทหารมีดดาบชั้นยอดจำนวนสามพันนาย บัดนี้อยู่ภายนอกพระที่นั่งไท่เหอเรียบร้อยแล้ว”“กระหม่อมรู้ดีว่า ฝ่าบาทมีปืนไฟ และอาวุธที่ระเบิดเทพต้าฉินทรงพลังยิ่ง หากให้เวลาพัฒนา คงกลายเป็นอาวุธสังหารอันน่าสะพรึงกลัวในอนาคต แต่เวลานี้ ฝ่าบาทมีน้อยเกินไป อีกทั้งในค่ำคืนที่ฝนตกหนักเช่นนี้ อานุภาพของอาวุธไฟก็จะลดลงจนเหลือน้อยนิด”“ที่สำคัญที่สุดก็คือ... ทหารทั้งสามพันนายของกระหม่อม ล้วนเป็นยอดฝีมือระดับแนวหน้าแห่งยุทธภพ สามารถกวาดล้างกองทัพปกติหนึ่งหมื่นนายได้ภายในเวลาอันสั้น”จ้าวเสวียนจีหัวเราะเบาๆ ราวกับได้พลิกไพ่ลับที่เตรียมไว้มาเนิ่นนาน มีความภูมิใจอย่างปิดไม่มิด “ที่สำคัญที่สุดคือ… ทหารสามพันนี้ มิใ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1057

    คำพูดของจ้าวเสวียนจี ได้เผยให้เห็นสถานการณ์ที่น่าอึดอัดที่สุดของหลี่เฉินอย่างหมดเปลือก ไม่มีแม้แต่นิดเดียวที่หลงเหลือให้ปิดบังหลี่เฉินในตอนนี้ แม้จะเป็นองค์รัชทายาท แม้จะทำหน้าที่สำเร็จราชการแทนพระองค์ แต่สิทธิอำนาจในมือของเขา โดยรากแท้แล้วยังคงเป็นสิ่งที่ฮ่องเต้ประทานให้ตราบใดที่หลี่เฉินยังไม่ขึ้นครองราชย์ ไม่ได้สวมชุดมังกร เช่นนั้นเขาก็ไม่อาจครอบครองราชอำนาจแท้จริงได้เลยต่อบรรดาข้าราชการท้องถิ่นแล้ว พวกเขายอมรับแค่สิ่งเดียว...ราชโองการ ยอมรับแค่บุคคลเดียว...ฮ่องเต้นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพายุการเมืองในครั้งนี้ ถึงเรียกได้เพียงว่า "พายุการเมือง" มิใช่การชิงราชสมบัติในสายตาของปวงชนแผ่นดิน สิ่งที่พวกเขาเห็น ก็แค่ความขัดแย้งระหว่างองค์รัชทายาทกับฝ่ายสำนักราชเลขาที่รุนแรงจนถึงขั้นยกทัพใส่กัน มิใช่การกบฏแย่งชิงราชบัลลังก์ของสำนักราชเลขาสองสิ่งนี้...แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงหากหลี่เฉินคือฮ่องเต้จริงๆ การกระทำของจ้าวเสวียนจีทั้งหมดนี้ ก็จะกลายเป็นการชิงบัลลังก์อย่างชัดเจน และจะก่อให้เกิดความโกลาหลไปทั่วทั้งแผ่นดิน ขุนนางในทุกหัวระแหงที่ยังมีความจงรักภักดีและสำนึกในคุณธรรม ย่อมต้องลุ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1056

    “ด้านนอกลมฝนรุนแรง ฝ่าบาททรงเปียกโชกทั้งตัว ดูก็รู้ว่าเส้นทางที่ก้าวเข้ามา ไม่ได้ราบรื่นเลยแม้แต่น้อย”จ้าวเสวียนจีมองหลี่เฉินด้วยแววตาสงบนิ่ง เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ใบหน้าแลดูใจดีอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ“ลมฝนหนักเช่นนี้ มีใครเล่าจะก้าวเดินได้อย่างสบาย?”หลี่เฉินพลิกมือปิดประตูพระที่นั่ง ลมฝนภายนอกถูกสกัดไว้ทันที ความสงบและอบอุ่นจึงกลับคืนสู่ท้องพระโรงอีกครั้ง“หากเพียงต้องการมุมหนึ่งอันสงบสุข ก็แค่ปิดประตูเท่านั้น ความสงบก็จะอยู่กับเราแล้วไม่ใช่หรือ?”จ้าวเสวียนจีกล่าว “ดี ฝ่าบาทตรัสได้ถูกต้องอย่างยิ่ง”หลี่เฉินย่างเท้าเข้าสู่พระที่นั่งไท่เหอด้วยฝีเท้าหนักแน่น หยุดยืนอยู่เบื้องล่างบัลลังก์ หันไปมองเก้าอี้มังกรแล้วเอ่ยกับจ้าวเสวียนจีข้างกาย “เก้าอี้ตัวนี้ ช่างเย้ายวนใจนักใช่หรือไม่?”จ้าวเสวียนจีก็มองไปยังเก้าอี้มังกรร่วมกับหลี่เฉินเขาไม่ได้ตอบคำถามของหลี่เฉิน กลับกล่าวเพียงว่า “ฝ่าบาท ถอยเถิด”หลี่เฉินหัวเราะเบาๆ ไม่ขยับสายตา ไม่ตอบคำใด“กระหม่อมให้คำมั่น ว่าจะปกป้องฝ่าบาทให้ปลอดภัยไปตลอดชีวิต คำมั่นของกระหม่อมนี้ ฝ่าบาทเชื่อถือได้แน่นอน”หลี่เฉินพยักหน้า “ฟังดูจริงใจดี”

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1055

    หลี่เฉินหันไปมองซูจิ่นพ่าที่อยู่ข้างกาย ยิ้มอ่อนเอ่ยว่า “เจ้าทำให้ข้ารู้สึกประหลาดใจมาก”ซูจิ่นพ่าไม่ได้ตอบ เพียงยอบกายทำความเคารพแบบสตรีผู้สูงศักดิ์อย่างอ่อนช้อยหลี่เฉินหลุดหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันไปกล่าวกับซูเจิ้นถิงว่า “แม่ทัพซู ลูกหลานตระกูลแม่ทัพเสือเจ้าฝีมือ เจ้าช่างมีบุตรีที่ดีนัก”ซูเจิ้นถิงก่อนหน้านี้อยู่หน้าประตูวัง เมื่อเขามาถึงพอดีกับที่ซูจิ่นพ่ากำลังตำหนีขุนนางพวกนั้น ด้วยสัญชาตญาณจึงไม่ได้รีบเข้าไป และการรอเพียงครู่เดียวนี้ ก็ทำให้เขาได้เห็นฝีมือกับสติปัญญาของบุตรสาวตัวเองอย่างชัดเจน นับว่ายอดเยี่ยมอย่างแท้จริง“ฝ่าบาทตรัสเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ซูเจิ้นถิงยกมือขึ้นคารวะ แล้วหันไปมองจางปี้อู่และขุนนางฝ่ายสำนักราชเลขาที่ใบหน้านิ่งสงบ จากนั้นกล่าวว่า “ฝ่าบาท ที่นี่ขอให้เป็นหน้าที่ของกระหม่อมกับท่านอาจารย์เถิดพ่ะย่ะค่ะ”ทหารย่อมต่อสู้กับทหาร แม่ทัพย่อมรับมือแม่ทัพบุคคลที่หลี่เฉินตั้งใจจะรับมือมาตลอด ไม่ใช่จางปี้อู่ และไม่ใช่ขุนนางทั้งหลายที่อยู่เบื้องหลังเขาเหล่านั้นแต่คือ...จ้าวเสวียนจี“ดี”หลี่เฉินพยักหน้าเบาๆ แล้วหมุนกาย มุ่งหน้าเข้าสู่พระที่นั่งไท่เหอในขณะที่หลี

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status