ด้วยการแทรกแซงของหน่วยบูรพา เจ้าหน้าที่ก็ถูกแยกตัวออกไปบางส่วน เพื่อนำกลุ่มชาวบ้านที่ก่อเรื่องทะเลาะวิวาทจากไปพวกเขาทุกคนดูมีความสุขมาก แม้จะต้องติดคุกสามวันก็ยังคงมีความสุขอย่างเห็นได้ชัดเมื่อกลุ่มชาวบ้านจากไปแล้ว หลี่เฉินก็มองไปที่เจ้าหน้าที่และพูดอย่างเฉยเมยว่า “ใครคือผู้ว่าราชการเวยไห่เว่ย?”เจ้าหน้าที่ที่เป็นหัวหน้าก็รีบตอบไปว่า “ผู้ว่าราชการเวยไห่เว่ยของพวกเราคือ เจิ้งเป่าหรง”หลี่เฉินครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง แต่ก็นึกไม่ออก“ซานเป่า”หลี่เฉินตะโกนเรียก “ส่งองครักษ์เสื้อแพรสองคนติดตามเจ้าหน้าที่คนนี้ไป และพาเจิ้งเป่าหรงมาพบข้าที่สถานบันกวนไห่”สถานบันกวนไห่ เป็นที่พักอาศัยอันเงียบสงบของท่านจิ้งจือในเวยไห่เว่ยหลี่เฉินจัดผมเผ้าให้เรียบร้อย และตรวจทานความสะอาดให้แน่ใจว่าไม่เลอะโคลน แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะเต็มไปด้วยความสงสัยและสับสน แต่ก็ไม่กล้าถามอยู่ดี แค่คิดว่าคนของหน่วยบูรพาจะตามตัวเองกลับไป พวกเขาก็รู้ว่าผู้ว่าราชการของตัวเองนั้นเจอปัญหาเข้าแล้ว ไม่แน่ว่าหมวกบนหัวน่าจะรักษาไว้ไม่ได้หลังจากคิดเรื่องนี้ จู่ๆ ความคิดก็พลันกระจ่างขึ้นมา เจ้าหน้าที่คนนั้นยืนขึ้นแล้วโค้งคำนับอย่าง
“ไม่เพียงเท่านั้น เวยไห่เว่ยยังมีเงินเสริมสร้างการป้องกันทางชายฝั่ง ชาวประมงที่อื่นไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปหาปลาในทะเลได้ เพราะมีนโยบายห้ามออกทะเล แต่ถ้าเป็นแถวชายฝั่งก็ยังไปได้ แต่ในหนึ่งปี ชาวประมงสามารถออกไปชายฝั่งได้เพียง 100 วันเท่านั้น แต่มีเพียงชาวประมงเวยไห่เว่ยเท่านั้นที่สามารถออกทะเลได้มากกว่า 200 วันต่อปี เป็นเพราะเวยไห่เว่ยใช้เงินเพื่อรักษาแนวป้องกันทางชายฝั่ง ทำให้พวกตงอิ๋งเรียนรู้ที่จะอ้อมเวยไห่เว่ยไป”หลี่เฉินตกตะลึงเมื่อได้ยินเรื่องนี้หากสิ่งที่ซูจิ่นพ่าพูดเป็นความจริง ภาษีเบ็ดเตล็ดของเวยไห่เว่ยก็ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกับความโลภของเจิ้งเป่าหรง“ทำไมเจ้าถึงรู้ชัดเจนขนาดนี้ล่ะ?” หลี่เฉินถามซูจิ่นพ่าหัวเราะแล้วพูดว่า “เมื่อครั้งที่เจิ้งเป่าหรงบริจาคเงินให้กับทางการ เขาเคยขอพบบิดาของข้าผ่านทางญาติห่างๆ แต่ท่านพ่อปฏิเสธในตอนแรก แต่แล้วเขาก็คุกเข่าที่หน้าประตูเป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน และท่านพ่อก็เขียนจดหมายแนะนำอย่างไม่เต็มใจ ส่งถึงกรมขุนนางและกรมครัวเรือน”“ไม่อย่างนั้นตำแหน่งผู้ว่าราชการจัดหวัดหนึ่ง ต่อให้ร่ำรวยแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีใครในตำแหน่งสูงๆ แนะนำ มีเงินก็ซื้อไม่
“ยังกล้าพูดแบบนั้นอีกเหรอ!?”สตรีนางนั้นตวาดอย่างเหลืออด “ใช่ เราได้เสริมกำลังการป้องกันชายฝั่งและทำเงินได้ แต่แล้วเงินที่ได้รับล่ะ? สุดท้ายแล้วมันก็ถูกเจ้าเรียกเก็บไปตามข้ออ้างต่างๆ ไม่ใช่เหรอ? แม้แต่บ้านของเจ้าเองและบ้านของภรรยาเจ้าก็ไม่เคยได้รับการยกเว้น แม้กระทั่งเลือกลงดาบที่บ้านของตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก เจ้า เจิ้งเป่าหรง ช่างมีอนาคตที่ดีจริงๆ!”“เจ้ารู้ไหมว่าคนข้างนอกเรียกเจ้าว่าเจิ้งปาผี แม้แต่คนรวยก็ยังด่าลับหลังเจ้าว่าไอ้ลูกชายไม่มีก้น!?”เจิ้งเป่าหรงโกรธจัด ขณะที่จะระเบิดอารมณ์ออกมาอยู่นั้น ก็มีเสียงดังมาจากนอกประตูก่อนที่เจิ้งเป่าหรงจะออกไปตรวจสอบ เจ้าหน้าที่หลายคนก็ถูกองครักษ์เสื้อแพรเตะเข้าไปในห้อง“เจ้าคือเจิ้งเป่าหรงใช่ไหม?” องครักษ์เสื้อแพรมองดูเจิ้งเป่าหรงที่ยืนขึ้นแล้วเดินเข้าไปถามอย่างเย็นชาเจิ้งเป่าหรงรีบตอบทันทีว่า “ใช่ แล้วพวกเจ้าเป็นใคร? เหตุใดถึงบุกรุกเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต? เจ้ารู้ไหมว่าข้าสามารถสั่งให้คนจับพวกเจ้า...”ก่อนที่เจิ้งเป่าหรงจะพูดจบ องครักษ์เสื้อแพรก็โยนป้ายแขวนเอวของไปในอ้อมแขนของอีกฝ่าย “ธุระขององครักษ์เสื้อแพรแห่งหน่วยบูรพา ข้ามา
ซูจิ่นพ่าสะดุ้ง จิตใต้สำนึกสั่งให้นางหลบโดยไม่รู้ตัว“อย่าขยับ”หลี่เฉินกล่าวออกมาประโยคหนึ่ง ทำให้ซูจิ่นพ่าไม่กล้าเคลื่อนไหวหลี่เฉินจับปลายผมที่ปลิวไสวไปตามลมทะเลตรงข้างขมับของซูจิ่นพ่าไปทัดที่หลังหูของนาง เมื่อเห็นซูจิ่นพ่ายืนตัวแข็งทื่อ หลี่เฉินก็หัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “ทำไมเจ้าถึงเกร็งขนาดนี้ กลัวว่าข้าจะกินเจ้าหรือ?”ซูจิ่นพ่าคาดไม่ถึงว่าหลี่เฉินจะแสดงความอ่อนโยนออกมาโดยไม่ทันตั้งตัว แก้มของนางร้อนผ่าวเล็กน้อย ก่อนจะหันศีรษะไปอีกด้านแล้วกล่าวเสียงแข็งว่า “ใครจะรู้ว่าเจ้ากำลังจะทำอะไร”“ไปกันเถอะ พวกเราสามารถมองเห็นวิวทะเลได้ตลอดเวลา มาสถานบันกวนไห่ครั้งนี้ ไม่รู้ว่าจะได้มาอีกทีเมื่อไหร่?”หลี่เฉินพูดจบ เขาก็พาซูจิ่นพ่าไปที่ลานบ้านขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ไม่ไกลลานแห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยกำแพง ที่ทางเข้าหลักมีตัวอักษรที่ทรงพลังอยู่สี่ตัวนั่นก็คือ “สถานบันกวนไห่”หลังจากทิ้งผู้ติดตามไว้เบื้องหลัง หลี่เฉินก็มาถึงทางเข้าหลักของสถานบันกวนไห่ โดยมีเพียงซูจิ่นพ่าและซานเปาที่ตามหลังมาเรื่องอย่างการเคาะประตูก็เป็นหน้าที่ของซานเป่าตามปกติหลังจากเคาะประตู ประตูไม้ก็เปิ
เมื่อหลี่เฉินได้ยินดังนั้น เขาก็ก้าวผ่านประตูเข้าไปก่อนซูจิ่นพ่ากลืนสิ่งที่กำลังจะพูดกลับคืนมา และกระทืบเท้าวิ่งตามไป นางทำได้เพียงอธิษฐานขอให้ทั้งสองคนไม่ขัดแย้งกันขึ้นมาเมื่อเดินเข้ามาในประตูหลัก ผ่านกำแพงกว้าง เดินไปอีกไม่กี่ก้าวก็ถึงห้องโถงหลัก เมื่อหลี่เฉินและกลุ่มของเขาเดินเข้ามา ก็เห็นชายชราหนวดเคราสีขาวเดินออกจากห้องโดยสวมเพียงถุงเท้านี่เป็นการพบกันอย่างไม่เป็นทางการครั้งแรกระหว่างหลี่เฉินและท่านจิ้งจืออีกฝ่ายมีรูปร่างสูงใหญ่แข็งแกร่ง ดูกำยำล่ำสันมาก แม้จะอายุเกินเจ็ดสิบปีไปแล้ว แต่ก็ยังแข็งแรงอยู่ ผิวหน้าคล้ำแดด ดวงตาเป็นประกาย ถ้าสามารถเปลี่ยนผมขาวเป็นผมดำได้ บางคนอาจจะเชื่อว่าเขาอายุสี่สิบหรือห้าสิบปีเมื่อเห็นเขาไม่สวมแม้แต่ถุงเท้า ก็ทำให้หลี่เฉินอดประหลาดใจไม่ได้ “ฮ่าๆ!”ท่านจิ้งจือหัวเราะเสียงดัง และกล่าวอย่างเบิกบานใจว่า “นางหนูตระกูลซู เจ้าพาผู้แต่ง มาด้วยหรือ?”เสียงหัวเราะนี้ดูห้าวหาญ คล้ายกับคนในยุทธภพมากกว่านักวิชาการผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกวรรณกรรมหลี่เฉินรู้สึกว่าท่านจิ้งจือตรงหน้าเขา ดูแตกต่างจากปราชญ์ผู้อาวุโสในจินตนาการของเขามาก วาจาเ
ถ้อยคำในบทกวี เป็นศูนย์รวมของพรสวรรค์และอุดมคติของนักวิชาการเมื่อหลี่เฉินเปิดปากท่องกลอนวรรคล่างออกมา กลอนสั้นๆ สองประโยคนี้ สามารถสร้างพายุขึ้นมาจากพื้นดิน และกลืนกินพื้นที่หลายพันลี้ได้ท่านจิ้งจือตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาซึ่งจ้องมองไปที่หลี่เฉินก็มีความความหมายลึกซึ้งมากขึ้น ตอนนี้เอง หลี่เฉินก็โน้มตัวลงไปกระซิบที่ข้างหูของจิ่นพ่า หัวเราะเบาๆ และพูดว่า “อันที่จริงแล้ว ยังมีอีกวรรคหนึ่ง ซักผ้าในลำห้วยชิงเจียง วาดจิ่นพ่าคิ้วดำ”การจู่โจมนี้มาแบบไม่ทันตั้งตัวเลยเมื่อถูกลมหายใจร้อนๆ ของหลี่เฉินเป่ารดติ่งหู ซูจิ่นพ่าก็พลันสะดุ้งแต่พอได้ยินกลอนคู่วรรคล่างบรรดทัดที่สองของหลี่เฉิน ติ่งหูของนางก็พลันแดงระเรื่อ รู้สึกหัวใจเต้นแรงเหมือนมีกวางน้อยย่ำกีบไม่หยุดต่อหน้าท่านจิ้งจือปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ของใต้หล้า คนผู้นี้กล้าดียังไง?แม้จะรู้สึกละอายใจและขุ่นเคือง แต่ความคิดของหญิงสาวกลับซับซ้อนและหลงใหล กลอนคู่ล่างนี้ เมื่อเทียบกับคำพูดแบบอันธพาลตามปกติของหลี่เฉินแล้ว มันน่าฟังกว่าหลายเท่า ซูจิ่นพ่ารู้สึกทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ“ฮ่าๆ”เสียงหัวเราะของท่านจิ้งจือขัดจังหวะการสื่อสารระหว่างหล
ท่านจิ้งจือเข้าใจว่าซูจิ่นพ่าหมายถึงอะไร ตั้งแต่สมัยโบราณ คนประเภทไหนที่รับใช้ยากที่สุด? คือราชวงศ์อยู่ใกล้กษัตริย์ก็เหมือนกับอยู่ใกล้เสือ ประโยคที่ว่าจิตใจของกษัตริย์นั้นคาดเดาได้ยาก ประโยคนี้คือความจริง แม้ว่าท่านจิ้งจือจะได้รับการสนับสนุนจากนักวิชาการทั่วใต้หล้า แต่เขาก็ไม่ต้องการทำให้หลี่เฉินขุ่นเคือง ซูจิ่นพ่าส่งทางลงให้กับทั้งสองคนแล้ว ซึ่งหลี่เฉินเองก็ไม่อยากบีบคั้นมากจนเกินไป เขาเปลี่ยนเรื่องและถามว่า “สถานบันกวนไห่แห่งนี้ เป็นของท่านเพียงคนเดียวหรือไม่?”ท่านจิ้งจือตอบว่า “ใช่ ในยามว่าง ข้าจะให้นักเรียนที่อยู่ใกล้ๆ เข้ามาสอบถามเรื่องบทเรียน ไม่มีกำหนดเวลาที่แน่นอน ไม่เสียค่าธรรมเนียม สามารถมาหรือไปได้ตลอดเวลา แล้วแต่ตามสะดวก”“ท่านยังมีสถานที่ที่คล้ายกับสถานบันกวนไห่อีกสามแห่ง ซึ่งอยู่ในทางเหนือและใต้ ตลอดทั้งปี ท่านวิ่งเต้นไปตามสถานที่ทั้งสามแห่งนั่น ทำงานหนักอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ท่านยังมีการสอนการบรรยายด้วยใช่หรือไม่?” หลี่เฉินถามท่านจิ้งจือไม่แปลกใจเลยที่หลี่เฉินทราบเรื่องนี้ เขากล่าวว่า “ใช่แล้ว ความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้าคือ การสอนทุกคนในใต้ห
ในชีวิตของเขาขุนนางใหญ่ที่สุดที่เขาเคยพบก็คือซูเจิ้นถิงย้อนกลับไปในปีนั้นที่บริจาคเงินแลกตำแหน่งราชการ เขาต้องคุกเข่าอยู่หน้าประตูจวนทั้งคืนก่อนจะได้เจอหน้า นอกจากนี้ ขุนนางที่เขาติดต่อด้วย ตำแหน่งสูงที่สุดก็เป็นเพียงขั้นที่สามเท่านั้น ส่วนองค์รัชทายาท ว่าที่กษัตริย์องค์ต่อไปนั้น อยู่ห่างจากเขาประมาณหนึ่งแสนแปดหมื่นลี้ เจิ้งเป่าหรงตัวสั่นด้วยความกลัว กลัวว่าถ้าหากตัวเองพูดผิดไป ศีรษะของเขาจะตกอยู่ในอันตรายคำว่าองค์รัชทายาท ทำให้เด็กรับใช้ที่มีสีหน้าอยากรู้อยากเห็นอยู่ด้านข้างก็พลันตกใจจนตาค้าง เด็กรับใช้ไม่คิดว่า แขกที่มาเยือนในยามเที่ยงวันนี้จะเป็นองค์รัชทายาท?หลังจากครุ่นคิดอย่างรอบคอบแล้ว ก็รู้สึกว่าไม่มีจุดไหนที่ตัวเองไม่แสดงความเคารพต่อองค์รัชทายาท เด็กรับใช้จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่นี่ ไม่มีใครสนใจการเปลี่ยนแปลงภายในจิตใจของเด็กรับใช้เลยหลี่เฉินมองไปยังเจิ้งเป่าหรงซึ่งกำลังคุกเข่าตัวสั่นต่อหน้าเขา ปฏิกิริยาแรกคือไม่สนใจเขา แต่หันไปพูดกับท่านจิ้งจือว่า “จะเป็นไปได้หรือไม่ถ้าจะยืมห้องของท่านสักครู่?” ท่านจิ้งจือลูบเคราแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เป็นไปตามพระประ