แชร์

บทที่ 434

ผู้เขียน: ไห่ตงชิง
ท่านจิ้งจือเข้าใจว่าซูจิ่นพ่าหมายถึงอะไร

ตั้งแต่สมัยโบราณ คนประเภทไหนที่รับใช้ยากที่สุด?

คือราชวงศ์

อยู่ใกล้กษัตริย์ก็เหมือนกับอยู่ใกล้เสือ ประโยคที่ว่าจิตใจของกษัตริย์นั้นคาดเดาได้ยาก ประโยคนี้คือความจริง

แม้ว่าท่านจิ้งจือจะได้รับการสนับสนุนจากนักวิชาการทั่วใต้หล้า แต่เขาก็ไม่ต้องการทำให้หลี่เฉินขุ่นเคือง

ซูจิ่นพ่าส่งทางลงให้กับทั้งสองคนแล้ว ซึ่งหลี่เฉินเองก็ไม่อยากบีบคั้นมากจนเกินไป

เขาเปลี่ยนเรื่องและถามว่า “สถานบันกวนไห่แห่งนี้ เป็นของท่านเพียงคนเดียวหรือไม่?”

ท่านจิ้งจือตอบว่า “ใช่ ในยามว่าง ข้าจะให้นักเรียนที่อยู่ใกล้ๆ เข้ามาสอบถามเรื่องบทเรียน ไม่มีกำหนดเวลาที่แน่นอน ไม่เสียค่าธรรมเนียม สามารถมาหรือไปได้ตลอดเวลา แล้วแต่ตามสะดวก”

“ท่านยังมีสถานที่ที่คล้ายกับสถานบันกวนไห่อีกสามแห่ง ซึ่งอยู่ในทางเหนือและใต้ ตลอดทั้งปี ท่านวิ่งเต้นไปตามสถานที่ทั้งสามแห่งนั่น ทำงานหนักอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ท่านยังมีการสอนการบรรยายด้วยใช่หรือไม่?” หลี่เฉินถาม

ท่านจิ้งจือไม่แปลกใจเลยที่หลี่เฉินทราบเรื่องนี้ เขากล่าวว่า “ใช่แล้ว ความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้าคือ การสอนทุกคนในใต้ห
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 435

    ในชีวิตของเขาขุนนางใหญ่ที่สุดที่เขาเคยพบก็คือซูเจิ้นถิงย้อนกลับไปในปีนั้นที่บริจาคเงินแลกตำแหน่งราชการ เขาต้องคุกเข่าอยู่หน้าประตูจวนทั้งคืนก่อนจะได้เจอหน้า นอกจากนี้ ขุนนางที่เขาติดต่อด้วย ตำแหน่งสูงที่สุดก็เป็นเพียงขั้นที่สามเท่านั้น ส่วนองค์รัชทายาท ว่าที่กษัตริย์องค์ต่อไปนั้น อยู่ห่างจากเขาประมาณหนึ่งแสนแปดหมื่นลี้ เจิ้งเป่าหรงตัวสั่นด้วยความกลัว กลัวว่าถ้าหากตัวเองพูดผิดไป ศีรษะของเขาจะตกอยู่ในอันตรายคำว่าองค์รัชทายาท ทำให้เด็กรับใช้ที่มีสีหน้าอยากรู้อยากเห็นอยู่ด้านข้างก็พลันตกใจจนตาค้าง เด็กรับใช้ไม่คิดว่า แขกที่มาเยือนในยามเที่ยงวันนี้จะเป็นองค์รัชทายาท?หลังจากครุ่นคิดอย่างรอบคอบแล้ว ก็รู้สึกว่าไม่มีจุดไหนที่ตัวเองไม่แสดงความเคารพต่อองค์รัชทายาท เด็กรับใช้จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่นี่ ไม่มีใครสนใจการเปลี่ยนแปลงภายในจิตใจของเด็กรับใช้เลยหลี่เฉินมองไปยังเจิ้งเป่าหรงซึ่งกำลังคุกเข่าตัวสั่นต่อหน้าเขา ปฏิกิริยาแรกคือไม่สนใจเขา แต่หันไปพูดกับท่านจิ้งจือว่า “จะเป็นไปได้หรือไม่ถ้าจะยืมห้องของท่านสักครู่?” ท่านจิ้งจือลูบเคราแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เป็นไปตามพระประ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 436

    ในช่วงยุคสามก๊ก แม้จะมีราชสำนักอยู่ แต่ไม่มีใครให้ความสำคัญกับราชสำนักอย่างจริงจัง บรรดาอ๋องทั่วประเทศต่างยึดอำนาจในการจัดเก็บภาษี และอำนาจทางการทหารไว้ในมือ จึงไม่จำเป็นต้องมองสีหน้าของราชสำนักที่อ่อนแออีกต่อไป อำนาจทั้งสองอย่างนี้ คือเครื่องมืออันทรงพลังที่ราชสำนักใช้ควบคุมท้องถิ่นในประเทศ ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่ส่วนท้องถิ่นจะแทรกแซงรากฐานของประเทศเจิ้งเป่าหรงไม่ซับซ้อนพอที่จะมองเห็นได้อย่างชัดเจน แต่หลี่เฉินจะไม่ยอมทน ซึ่งคนที่เข้าใจจุดนี้เช่นกันก็คือท่านจิ้งจือ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและนิ่งเงียบในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สถานบันกวนไห่ตั้งอยู่ในเวยไห่เว่ย ท่านจิ้งจือจึงมีปฏิสัมพันธ์มากมายกับเจิ้งเป่าหรง เขารู้ว่าเจิ้งเป่าหรงไม่ใช่ขุนนางทุจริต ตรงกันข้ามเขาเป็นขุนนางที่ดีและทำงานหนักเพื่อพัฒนาท้องถิ่น ดังนั้นในบรรดาสถาบันการศึกษาทั้งสามแห่ง ท่านจิ้งจือจึงเลือกที่จะอาศัยอยู่ที่นี่ แต่สถานการณ์ในปัจจุบันนี้ เขาไม่อาจออกความคิดเห็นได้สำหรับผู้มีอำนาจ หลายครั้งก็ไม่ได้สนใจว่าลูกน้องของตนจะเป็นผู้ทรยศหรือว่าจงภักดี แต่พิจารณาว่าลูกน้องเหล่านั้นเป็นข้ารับใช้ที่มีความสามารถซึ่งเป็

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 437

    หลี่เฉินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินเรื่องนี้เขาไม่คิดว่าเจิ้งเป่าหรงจะมีความคิดเรื่องการเก็บภาษีคนรวยมากและเก็บคนจนน้อยเหมือนคนรุ่นหลัง หลักการนี้พูดง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะนำไปใช้จริงเนื่องจากคนรวยมีอำนาจควบคุมทรัพยากรมากกว่าคนจน ขุนนางคนใดก็ตามที่ต้องการจะโจมตีพวกเขา ก็ต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันมหาศาล ในทางกลับกัน คนจนไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากร้องไห้และตัดพ้อต่อสวรรค์ “แล้วครอบครัวที่ร่ำรวยในเวยไห่เว่ย ก็ปล่อยให้เจ้าทำตามใจชอบ?” หลี่เฉินถามเจิ้งเป่าหรงเผยรอยยิ้มออกมาเป็นครั้งแรก เขากล่าวว่า “ครอบครัวของกระหม่อมเป็นคนแรกที่จ่ายภาษี และยังจ่ายมากที่สุด พวกเขาจึงไม่มีอะไรจะพูด มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่พอใจ แต่แล้วอย่างไร?”“กระหม่อมเป็นผู้ว่าราชการ ไม่มีจุดอ่อนอะไรให้จับ แม้ว่าจะเก็บภาษีเบ็ดเตล็ดมากไปหน่อย แต่เงินที่ได้ กระหม่อมก็นำมาพัฒนาเวยไห่เว่ย และเสริมการป้องกันทางชายฝั่ง ครัวเรือนที่ร่ำรวยเหล่านั้นมีทุ่งนาทะเลขนาดใหญ่ พวกเขาเป็นผู้รับผลประโยชน์มากที่สุด หากกระหม่อมล้มลง และเปลี่ยนเป็นคนใหม่มาแทน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะจ่ายภาษีน้อยลง แต่ค่าน้ำร้อนน้ำชาของคนให

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 438

    ตามคำเชิญของท่านจิ้งจือ หลี่เฉินและซูจิ่นพ่าก็ไปที่แท่นชมทะเลที่ลานด้านหลังของสถานบันกวนไห่แท่นชมทะเลนี้ถูกสร้างขึ้นโดยเจตนา มันเป็นแผ่นหินขนาดใหญ่ที่ยื่นออกไปกลางอากาศ ด้านล่างมีคลื่นทะเลคอยซัดเข้าหาอยู่ตลอดเวลา เมื่อนั่งบนแท่นหินก็สามารถหันหน้ารับลมทะเลฟังเสียงคลื่นได้ แม้ว่าลมจะแรงมากก็ตาม เมื่อยืนอยู่ข้างแท่นชมทะเล พิงราวบันไดและมองออกไป จู่ๆ หลี่เฉินก็หันกลับมาถามท่านจิ้งจือที่อยู่ข้างๆ ว่า “ท่านทราบไหมว่าฝั่งตรงข้ามกับทะเลปั๋วไห่ที่ท่านกับข้ายืนอยู่นั้นเป็นที่ใด?” ท่านจิ้งจือตอบง่ายๆ ว่า “หากแผนที่เดินเรือถูกต้อง ก็ควรเป็นเสียนเฉา”หลี่เฉินพยักหน้า เวยไห่เว่ยอยู่ตรงข้ามกับคาบสมุทรเสียนเฉา จุดนี้นักเรียนรุ่นหลังที่ได้เรียนความรู้ทางภูมิศาสตร์มาบ้างจะรู้เรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ในยุคศักดินานั้นการที่ท่านจิ้งจือสามารถโพล่งออกมาได้อย่างสบายๆ ก็แสดงให้เห็นถึงความรอบรู้ของเขา“เป็นเสียนเฉาจริงๆ ตอนนี้ ผู้คนนับหมื่นจากต้าฉินกำลังต่อสู้เพื่อประเทศของเราบนดินแดนอีกฟากหนึ่งของทะเล” หลี่เฉินกล่าวท่านจิ้งจือขมวดคิ้วและพูดว่า “ต่อสู้เพื่อประเทศ? เกรงว่านั่นคงเป็นการต่อสู้เพื่อเสียนเ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 439

    คำพูดของหลี่เฉินทำให้ท่านจิ้งจือเล็กน้อย ความขัดแย้งระหว่างความคิดของทั้งสองคนนั้น ตอนนี้เริ่มรุนแรงอย่างถึงที่สุดแล้วท่านจิ้งจือกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “นั่นคือเหตุผลที่เราควรเก็บตัวและรอเวลาของเรา ฝ่าบาทได้รับการสั่งสอนจากประวัติศาสตร์ แล้วจะไม่ทราบเรื่องราวของโกวเจี้ยน เจ้าผู้ครองนครรัฐเยว่ ที่นอนฟืนแข็ง กินดีขมได้อย่างไร? การถอยหลังชั่วคราว ถือเป็นกลยุทธ์แผนขัดตาทัพเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่า และนี่ก็ไม่ใช่ความขี้ขลาด”“การถอยครั้งนี้นั่นหมายความว่าผู้คนนับหมื่นหรือหลายแสนคนในต้าฉินของเราจะถูกเหยียบย่ำ แน่นอนว่าเหล่าขุนนางและบรรดาอ๋องทั้งหลายยังคงสามารถร้องรำทำเพลงอย่างสงบสุขได้ และเพลิดเพลินกับความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งที่อยู่ด้านหลัง แต่ความทุกข์ทรมานของผู้คนบริเวณชายแดน ใครเล่าจะสงสารพวกเขาบ้าง?”“ข้าไม่ใช่เจ้าผู้ครองนครรัฐเยว่ และคนเถื่อนบนทุ่งหญ้าก็ไม่ใช่ฟู่ไจ๋ ถ้าข้ายังอดกลั้นต่อไป และปล่อยให้พวกเขาเห็นสภาพที่อ่อนแอของจักรวรรดิอย่างชัดเจน พวกเขาจะกางกรงเล็บและรีบพุ่งเข้ามาฉีกต้าฉินเป็นชิ้น ๆ”เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลี่เฉินก็หยุดพูดชั่วคราว หันกลับมามองท่านจิ้ง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 440

    อย่างไรก็ตาม ท่านจิ้งจือสามารถยืนหยัดมาได้หลายปีแล้ว ไม่ว่าจะมีคนข่มขู่และชักจูงเขามากเพียงใด เขาก็ไม่เคยหวั่นไหวในจุดยืนของเขา นี่ไม่ใช่สิ่งที่หลี่เฉินจะเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ๆ สิ่งที่หลี่เฉินต้องการก็คือชื่อเสียงของท่านจิ้งจือ หากเขาต้องการวางใครสักคนไว้ในสำนักราชเลขา ท่านจิ้งจือคือบุคคลที่เหมาะสมที่สุดในต้าฉินเพราะถ้านำคนอื่นไปวาง สิ่งที่ต้องเผชิญก็คือการถูกละเลย จากนั้นก็ถูกจ้าวเสวียนจีสังหาร มีเพียงชื่อเสียงของท่านจิ้งจือเท่านั้นที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้และชื่อเสียงนี้เองที่ทำให้หลี่เฉินต้องตั้งรับมีแค่ท่านจิ้งจือยอมมาด้วยความตั้งใจเท่านั้น สถานะของหลี่เฉินในใจของนักวิชาการทั่วใต้หล้าจึงจะพุ่งสูงขึ้น สถานะนี้ยากที่จะแทนที่ด้วยสิ่งอื่นใด ดังนั้นนี่คือสาเหตุที่หลี่เฉินเดินทางมาไกลเป็นพันลี้ และทุ่มเทความพยายามทั้งหมด เพื่อโน้มน้าวท่านจิ้งจือให้เข้าร่วมราชสำนัก คิดถึงตรงนี้ หลี่เฉินจึงเปิดปากพูดว่า “ในเมื่อท่านอาจารย์ไม่มีความทะเยอทะยานจริงๆ ข้าก็จะไม่บังคับ”พูดจบ ไม่รอให้ท่านจิ้งจือและซูจิ่นพ่าได้ตอบสนอง หลี่เฉินก็กล่าวต่อไปว่า “แต่ท่านอาจารย์ทราบหรือไม่ว่า ปัญหาใ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 441

    เมื่อเห็นปฏิกิริยาที่รุนแรงของท่านจิ้งจือในขณะนี้ หลี่เฉินก็ยิ้มออกมา สำหรับคนอย่างท่านจิ้งจือ อำนาจและความมั่งคั่งล้วนไม่มีความหมายสำหรับเขา หากเขาต้องการ ก็สามารถได้มันมาเมื่อไรก็ได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่สนใจสิ่งเหล่านี้เลยในโลกนี้มีเพียงสองสิ่งที่ทำให้ผู้คนหลงใหลได้ก็คือชื่อเสียงและโชคลาภ ซึ่งชื่อเสียงอยู่ก่อนคำว่าโชคลาภ หลังจากสนองความต้องการทางวัตถุแล้ว ทุกคนก็จะไล่ตามความต้องการทางจิตวิญญาณ และความต้องการทางจิตวิญญาณในยุคศักดินานี้ ก็คือชื่อเสียง ชื่อเสียงที่จะคงอยู่ตลอดไป ดังนั้นท่านจิ้งจือจึงไม่กล้านำชื่อเสียงที่บริสุทธ์ของตัวเอง ถูกลากเข้าไปในหล่มของหลี่เฉิน “สามปี” จู่ๆ หลี่เฉินก็พูดขึ้นมาอย่างหัววัวไม่ตรงกับปากม้า“ท่านจิ้งจือก็อายุมากแล้ว ไม่ว่าข้าจะปฏิบัติอย่างรุนแรงแค่ไหน ก็จะไม่ปล่อยให้ท่านจิ้งจือต้องแก่ตาย หรือเหนื่อยตายจากการทำงาน ดังนั้นข้าจะยืมเวลาของท่านจิ้งจือเพียงสามปีเท่านั้น”“สามปีนี้ ท่านจิ้งจือจะต้องให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับความคิดริเริ่มทางการเมืองทั้งหมดของข้า ในระหว่างที่ดำรงตำแหน่งมหาอำมาตย์ตงเก๋อ”“ข้ารับปากว่า ตราบใดที่ท่านจิ้งจือ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 442

    ในฐานะองค์รัชทายาท หลี่เฉินใจกว้างอย่างยิ่งที่ได้ให้ผลประโยชน์มหาศาลเช่นนี้ หากเขาพูดมากอีก เขาจะสูญเสียสถานะของเขาสถานะของท่านจิ้งจือก็ไม่ต่ำเช่นกัน เขาต้องการจะเห็นด้วย แต่ก็จำเป็นต้องมีทางลงให้เขาเขาไม่สามารถตกลงได้ทันที หลังจากที่หลี่เฉินบอกว่าจะสร้างรูปปั้นและให้เขาเป็นมหาราชครูระดับชาติ นั่นจะไม่ทำให้ท่านจิ้งจือดูเป็นคนเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัวมากหรอกหรือ?“ท่านอาจารย์ ไม่ใช่ท่านพูดบ่อยๆ ว่านักวิชาการ ชาวนา ช่างฝีมือ พ่อค้า ทุกคนควรถือว่าการรับใช้ชาติเป็นหน้าที่ของตน เพื่อนำความสงบเรียบร้อยมาสู่ครอบครัว ประเทศ และนำสันติสุขมาสู่ใต้หล้า”“ทุกคนในใต้หล้าต่างรู้ดีว่าท่านอาจารย์ไม่มีความทะเยอทะยานในราชสำนัก แต่ถ้าหากประเทศนี้ต้องการท่านอาจารย์จริงๆ ท่านก็ควรจะละทิ้งอิสรภาพดุจเมฆที่ล่องลอยและนกกระเรียนป่า คิดถึงผู้คนในใต้หล้า ด้วยวิธีนี้เท่านั้น จึงจะสามารถดำเนินตามรอยของมหาปราชญ์ได้” ซูจิ่นพ่าโค้งคำนับท่านจิ้งจือแล้วพูดว่า “ถ้าหากท่านอาจารย์เต็มใจที่จะรับราชการ ข้าคิดว่ามันจะเป็นพรสำหรับราชสำนักและผู้คนในใต้หล้า”ท่านจิ้งจือขมวดคิ้วและมองไปที่ซูจิ่นพ่า หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน

บทล่าสุด

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 810

    คำมั่นสัญญานี้ เพียงพอที่จะทำให้ชีวิตของจ้าวหรุ่ยเต็มไปด้วยความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งตลอดชีวิตไม่เพียงแต่นางเท่านั้น แม้แต่ครอบครัวของบิดานาง ก็จะได้รับหลักประกันทางการเมืองในระดับหนึ่งจากตำแหน่งสนมของนางแม้หลี่เฉินจะไม่ใช่คนที่มักให้สิทธิพิเศษหรือผลประโยชน์แก่จ้าวเหอซานเพียงเพราะจ้าวหรุ่ย แต่หากวันใดจ้าวเหอซานทำผิดพลาด หลี่เฉินก็อาจยอมละเว้นชีวิตของเขาเพื่อเห็นแก่จ้าวหรุ่ยจ้าวหรุ่ยเข้าใจในจุดนี้เป็นอย่างดีสำหรับนาง ซึ่งครั้งหนึ่งเคยทรยศจ้าวเสวียนจีมาก่อน การได้รับคำมั่นนี้ถือเป็นสิ่งที่พิสูจน์ถึงความรักลึกซึ้งที่หลี่เฉินมีให้นางจ้าวหรุ่ยจึงคิดจะคุกเข่าลงขอบคุณแต่กลับถูกหลี่เฉินจับตัวไว้"หม่อมฉัน ขอบพระทัยองค์ชายเพคะ" จ้าวหรุ่ยกล่าวด้วยความตื้นตัน"พักผ่อนให้ดีเถอะ ข้าจะกลับมาร่วมทานอาหารค่ำกับเจ้า"หลังจากปลอบใจจ้าวหรุ่ยเรียบร้อย หลี่เฉินก็ลุกออกจากตำหนักเมื่อมาถึงพระที่นั่งซีเจิ้ง ซานเป่ากำลังรออยู่แล้วโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ซานเป่าก็รีบนำข่าวสารจากสวีเว่ยส่งให้หลี่เฉินทันทีหลี่เฉินเพิ่งอ่านจบ กงฮุยอวี่ก็กลับมากงฮุยอวี่หันมารายงานหลี่เฉินทันที โดยไม่สนใจซานเป่า

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 809

    หลงไหวอวี้ไม่ได้มีเพียงอาจารย์ลึกลับผู้นั้นคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง แต่ยังมีอ๋องแห่งแคว้นอีกผู้หนึ่ง ซึ่งหลี่อิ๋นหู่รู้อยู่ก่อนแล้วทว่าอ๋องผู้นั้นคือผู้ใดกันแน่ หลี่อิ๋นหู่กลับไม่ได้รับข่าวคราวใดๆ เลยแต่ก่อนเขายังพอจะรอคอยได้อย่างใจเย็น ทว่าตอนนี้สถานการณ์พลิกผันรวดเร็วจนเขาไม่อาจนิ่งนอนใจอีกต่อไป ทำให้ต้องเสี่ยงชีวิตเดิมพันครั้งนี้เขาต้องการรู้ว่าใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังหลงไหวอวี้และอาจารย์ส่วนการเฝ้าจับตาสวีเว่ยนั้น เป็นเพียงเพราะเขาระแวดระวังเป็นนิสัย โดยไม่เชื่อใจผู้ใดอย่างเต็มที่หลี่อิ๋นหู่ไม่คิดว่าสวีเว่ยจะทรยศเขาได้ตลอดมาหลายเรื่องราวพิสูจน์ให้เห็นว่าสวีเว่ยเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์หาได้ยากแต่สิ่งที่เขาไม่รู้คือ ในขณะที่เขาสั่งให้คนสนิทไปจับตาสวีเว่ยอยู่นั้น สวีเว่ยซึ่งเขามองว่าเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ กลับส่งข่าวสารทั้งหมดไปยังตำหนักบูรพาผ่านทางเครือข่ายของหน่วยบูรพาทันทีที่ก้าวออกจากจวนอ๋องหลังส่งข่าวสำคัญไปแล้ว สวีเว่ยไม่กล้าแสดงท่าทีใดให้เป็นที่สงสัย เขาทำตามคำสั่งของหลี่อิ๋นหู่โดยตรง มุ่งหน้าไปยังประตูตะวันตกเพื่อพบกับนักพรตปลอมตัวที่หลี่อิ๋นหู่กำหนดไว้ พร้อมรับ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 808

    “ถูกต้อง ช่วงนี้การตัดสินใจสำคัญหลายอย่างของข้าก็ได้รับความช่วยเหลือจากพวกเจ้า แต่การตัดสินใจที่ดีแค่ไหน ก็ยังเป็นการปรับตัวให้เหมาะสมกับเงื่อนไขปัจจุบันเท่านั้น มิอาจช่วยให้ข้าเพิ่มอำนาจในระยะเวลาอันสั้นได้”หลี่อิ๋นหู่กล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ข้าไม่มีเวลาแล้ว และตำหนักบูรพาเองก็จะไม่ให้ข้าได้มีเวลานั้น ดังนั้นสิ่งที่ข้าต้องการคือการตัดสินใจเสี่ยงสุดตัว เพื่อสร้างหนทางรอดใหม่!”หลงไหวอวี้ยังคงรักษาสีหน้าสงบนิ่ง ไม่แสดงความรู้สึกใดๆแต่ปฏิกิริยาดังกล่าวกลับแฝงความไม่พอใจเอาไว้อย่างชัดเจนเขาประสานมือคำนับแล้วตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ในเมื่อท่านอ๋องมีใจมุ่งมั่นเช่นนี้ ไหวอวี้จะเร่งติดต่ออาจารย์ให้เร็วที่สุด พวกเราสองคนจะพยายามช่วยท่านอ๋องขึ้นครองบัลลังก์อย่างเต็มกำลัง”“แต่ข้าขอถามท่านอ๋องว่า ท่านอ๋องได้ตกลงอะไรกับจ้าวเสวียนจีไว้บ้าง หรือว่าจ้าวเสวียนจีได้เปิดเผยไพ่ในมือให้ท่านเห็นมากน้อยเพียงใด?”หลี่อิ๋นหู่เลิกคิ้วเล็กน้อย ดวงตาฉายแววครุ่นคิดแม้หลงไหวอวี้จะเป็นที่ปรึกษาคนสนิท แต่เขาและอาจารย์ยังคงลึกลับเกินไป หลี่อิ๋นหู่ไม่อาจมอบความไว้วางใจทั้งหมดให้พวกเขาได้ด้วยเหตุนี้ บางเรื

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 807

    “แต่หากล้มเหลว ข้าเองก็ไม่อาจรักษาชีวิตไว้ได้ และคนในจวนอ๋องกว่าร้อยชีวิตก็อย่าหวังว่าจะรอด ด้วยนิสัยขององค์รัชทายาท ต่อให้เป็นไข่ไก่ในครัวก็ยังต้องถูกเขย่าให้แตกหมด”หลี่อิ๋นหู่ตบลงบนบ่าของสวีเว่ยอย่างหนัก พลางพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เจ้าและข้าล้วนอยู่บนเรือลำเดียวกัน หากข้าพ่ายแพ้ เจ้าก็หนีไม่พ้น ดังนั้นเรื่องนี้สำคัญถึงชีวิต ข้าเชื่อว่าเจ้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ”ใครบอกว่าข้ากับเจ้าลงเรือลำเดียวกัน!ชีวิตข้าเป็นสุนัขขององค์รัชทายาท แม้ตายก็เป็นสุนัขตายขององค์รัชทายาท!สวีเว่ยแอบคิดในใจอย่างเดือดดาล แต่สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความซื่อสัตย์ เขากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “โปรดวางใจเถิดท่านอ๋อง กระหม่อมพร้อมทำทุกอย่างเพื่อท่าน ไม่ว่าจะลำบากเพียงใด”หลี่อิ๋นหู่พยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนโบกมือและพูดว่า “ไปเถอะ”สวีเว่ยที่กำลังเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและกระตือรือร้นเดินออกจากห้องหนังสือไปเมื่อสวีเว่ยจากไป หลี่อิ๋นหู่ลดสายตาลงและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ออกมาได้แล้ว”จากห้องลับในห้องหนังสือ หลงไหวอวี้ก้าวออกมา“เรื่องทุกอย่างเจ้าได้ยินหมดแล้ว ข้าได้ตัดสิ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 806

    สวีเว่ยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาตอบรับทันทีว่า “กล้า!”หลี่อิ๋นหู่พยักหน้าด้วยความพอใจ พลางกล่าวว่า “ดีมาก”เขาไม่ได้สั่งงานทันที แต่เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงช้าๆ ว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้สถานการณ์มันตึงเครียดแค่ไหน? องค์รัชทายาทกับข้า แม้จะเป็นพี่น้อง แต่เขาใจแคบ ย่อมไม่อาจยอมรับการมีอยู่ของข้าได้ และอาจลงมือกับข้าได้ทุกเมื่อ”สวีเว่ยทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อ สายตาเบิกกว้างเต็มไปด้วยความตกใจสีหน้าของเขาเหมาะเจาะกับที่หลี่อิ๋นหู่คาดการณ์ไว้ใครก็ตามที่ได้ยินความลับเช่นนี้เป็นครั้งแรก ย่อมต้องมีปฏิกิริยาเช่นนี้แต่สิ่งที่หลี่อิ๋นหู่ไม่รู้คือ ความตกใจของสวีเว่ยมีเพียงครึ่งเดียวเท่านั้นที่เสแสร้ง อีกครึ่งหนึ่งมาจากความจริงที่ว่า หลี่อิ๋นหู่ไว้ใจเขาถึงขนาดบอกความลับสำคัญเช่นนี้“ข้าอยากจะช่วยองค์รัชทายาทอย่างสุดกำลัง แต่เขากลับไม่ไว้ใจข้า สวีเว่ย เจ้าคิดว่าข้าควรทำอย่างไรดี?”สวีเว่ยรีบตอบว่า “กระหม่อมไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ กระหม่อมรู้เพียงว่า ชีวิตของกระหม่อมเป็นของท่านอ๋อง หากท่านอ๋องต้องการสิ่งใด กระหม่อมย่อมปฏิบัติตาม ไม่ว่าใครคิดจะทำร้ายท่านอ๋อง ก็ต้องข้ามศพกระหม่อมไปก่อน!”หลี่อิ๋

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 805

    เพียงชั่วครู่ ก่อนหน้านี้นักรบผู้ภักดีที่ยังเคลื่อนไหวอย่างดุดันและต่อสู้กับสวีเว่ยได้อย่างสูสี บัดนี้กลับกลายเป็นศพนอนจมกองเลือดอยู่เบื้องหน้า สวีเว่ยมีสีหน้าตกตะลึง แต่หลี่อิ๋นหู่กลับดูเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร เหมือนว่านี่เป็นเรื่องปกติหลี่อิ๋นหู่เหลือบมองสวีเว่ยเล็กน้อยก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ตามข้ามา”เขาหันหลังและพาสวีเว่ยเข้าไปยังห้องหนังสือ หลังจากนั่งลง หลี่อิ๋นหู่จึงพูดว่า “ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาแห่งความวุ่นวาย ความเปลี่ยนแปลงสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ดังนั้นข้าจึงออกคำสั่งห้ามมิให้ผู้ใดเข้าใกล้ลานหลักหากไม่ได้รับคำสั่งจากข้า คนของข้าก็แค่ทำตามคำสั่งนี้”ในขณะที่ภาพนักรบผู้ภักดีที่ฆ่าตัวตายยังติดตา สวีเว่ยสูดลมหายใจลึกและพูดว่า “ท่านอ๋องทรงรอบคอบยิ่งนัก กระหม่อมเสียมารยาทเอง”หลี่อิ๋นหู่โบกมือและกล่าวว่า “ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้ บอกข้ามา เจ้ามีเรื่องอะไรจะรายงาน?”สวีเว่ยตกใจเล็กน้อยเขาไม่ได้มีเรื่องอะไรจะรายงานจริงๆ จุดประสงค์ของเขาคือการสืบหาข้อมูล แต่เมื่อมาถึงจุดนี้ หากเขาพูดความจริง ตัวเขาเองอาจจะเป็นศพต่อไปในชั่วพริบตา สวีเว่ยคิดหาข้ออ้างและกล่าวขึ้นว่า “กร

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 804

    สวีเว่ยตั้งใจมาหาเรื่องตั้งแต่แรกอยู่แล้วยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้ไม่ได้ตั้งใจมา หากเจอท่าทีเช่นนี้แล้วเขายังนิ่งเฉย ไม่พูดไม่ทำอะไร และเดินกลับไปอย่างเงียบๆ ตำแหน่งหัวหน้าองครักษ์ของเขาก็คงไม่มีใครยำเกรงอีกต่อไป ทุกคนจะเหยียบหัวเขาเพื่อแสดงอำนาจ“ข้าเป็นหัวหน้าองครักษ์ที่ท่านอ๋องแต่งตั้ง เจ้าเป็นใครถึงกล้ามาพูดกับข้าเช่นนี้!?”สวีเว่ยแสดงสีหน้าโกรธเกรี้ยว ตะคอกออกไปแต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดคือ นักรบผู้ภักดีที่ปลอมตัวเป็นองครักษ์กลับโต้ตอบอย่างรุนแรงโดยไม่พูดอะไร เขาชักดาบออกมาและฟันลงไปทันทีคมดาบเล็งไปที่ขาของสวีเว่ย แสดงให้เห็นว่าไม่ได้ตั้งใจจะสังหาร แต่ต้องการข่มขู่ให้ถอยหลังสวีเว่ยแววตาวาวโรจน์ ความโกรธผสมกับความต้องการเอาชนะพุ่งพล่านในหัวเขายกเท้าหลบคมดาบพร้อมกับเหยียบลงบนหลังดาบ เพื่อปัดการโจมตี จากนั้นชักดาบข้างเอวออกมาและฟันกลับไปที่คอของนักรบผู้นั้นทันทีชริ้ง!!!เสียงโลหะปะทะกัน คมดาบสองเล่มกระทบกันกลางอากาศ ประกายไฟเล็กๆ สว่างวูบวาบ เสียงปะทะดังก้องไปไกลทั้งสองสบตากัน เห็นชัดว่าความต้องการเอาชนะในแววตาของอีกฝ่ายเพิ่มขึ้นในพริบตา คมดาบทั้งสองปะทะกันหกถึงเจ็ดครั้ง ร

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 803

    จวนจ้าวอ๋องในช่วงเวลาที่ได้รับคำถามจากตำหนักบูรพา สวีเว่ยรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมากถึงแม้ว่าหลี่อิ๋นหู่จะมีท่าทีลึกลับในช่วงนี้ แต่โดยรวมจวนจ้าวอ๋องยังดูสงบ ไม่มีสิ่งผิดปกติใดๆเมื่อสวีเว่ยทราบว่าองค์รัชทายาทต้องการรู้เรื่องการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของหลี่อิ๋นหู่ เขาก็รู้ได้ทันทีว่ามีบางสิ่งที่หลี่อิ๋นหู่เก็บเป็นความลับจากเขาแต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหลี่อิ๋นหู่เป็นคนระมัดระวังมานานหลายปี ย่อมไม่เชื่อใจใครได้ง่ายๆ แม้แต่กับสวีเว่ยซึ่งได้รับความไว้วางใจเป็นพิเศษในช่วงนี้ หากเป็นเรื่องสำคัญ หลี่อิ๋นหู่ก็คงจะใช้คนสนิทที่เขาไว้วางใจมาเป็นเวลานานในช่วงที่ผ่านมา สวีเว่ยรู้ว่าหลี่อิ๋นหู่ได้ลอบฝึกคนกลุ่มหนึ่งให้เป็นนักรบผู้ภักดีนักรบเหล่านี้มีที่มาที่ไปลึกลับ พวกเขาแทบไม่ได้ติดต่อกับคนในจวนจ้าวอ๋องคนอื่นๆ แม้แต่สวีเว่ยซึ่งเป็นหัวหน้าองครักษ์ก็ไม่สามารถเข้าถึงได้ทุกส่วนสิ่งที่สวีเว่ยมั่นใจคือ นักรบกลุ่มนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ชาวฮั่น ลักษณะการพูด การใช้ชีวิต และการแต่งกายต่างจากคนในหวาเซี่ยอย่างสิ้นเชิงด้วยความต้องการค้นหาข้อมูล สวีเว่ยจึงเดินไปยังลานหลักของจวนจ้าวอ๋องที่หลี่อิ๋นหู่พักอ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 802

    ราตรีล่วงเลยไปโคมไฟที่ถูกจุดขึ้นไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด เมื่อหลี่เฉินเสร็จสิ้นงานราชการของวันและเงยหน้าขึ้นมอง ท้องฟ้าภายนอกก็กลายเป็นสีดำสนิทวั่นเจียวเจียวสั่งให้คนเพิ่มแสงสว่างด้วยการจุดเทียนเพิ่มอีกสองสามเล่ม ก่อนที่นางจะไปนำถ้วยกระเบื้องเคลือบใส่น้ำบ๊วยแช่เย็นมาให้ด้วยตัวเองมือนุ่มขาวสะอาดของนางถือถ้วยกระเบื้องเคลือบส่งให้หลี่เฉิน พร้อมกล่าวว่า“องค์ชาย วันนี้อากาศร้อนขึ้นมาก ดื่มน้ำบ๊วยแช่เย็นสักหน่อยเถอะเพคะ จะได้คลายร้อนและแก้กระหาย”หลี่เฉินรับถ้วยมาดื่มสองอึก รสชาติหวานเย็นสดชื่นช่วยให้ความเหนื่อยล้าของเขาหายไปไม่น้อยเขารู้สึกคุ้นเคยกับการรับใช้ของวั่นเจียวเจียวมากขึ้นเรื่อยๆ จึงถามขึ้นว่า “เจ้ามักออกจากวังไปซื้อหนังสือคำกลอน เจ้าเคยเห็นว่าขายสบู่ในหมู่ชาวบ้านเป็นอย่างไรบ้าง?”วั่นเจียวเจียวที่ตั้งใจจะอธิบายว่าไม่ได้ออกไปบ่อยนัก แต่ก็เลือกตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “ขายดีมากเลยเพคะ ตอนนี้ร้านหลานเยว่เสวียน อ้อ ก็คือร้านของตระกูลหลิวที่ทำตามคำสั่งขององค์ชาย ได้พัฒนาสบู่สูตรธรรมดาที่คนทั่วไปสามารถซื้อได้ ทุกวันนี้บ้านที่มีฐานะในเมืองหลวงก็มักจะซื้อติดบ้านไว้”“บ่าวยังได้ยินม

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status