แชร์

รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์
รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์
ผู้แต่ง: ไห่ตงชิง

บทที่ 1

ผู้เขียน: ไห่ตงชิง
จักรวรรดิต้าฉิน ห้องบรรทมในตำหนักบูรพาขององค์รัชทายาท

“ฝ่าบาท หม่อมฉันมีไฝที่หน้าอก ท่านอยากดูไหม?”

หลี่เฉินลืมตาโพลงขึ้นมา และหอบหายใจอย่างหนักราวกับปลาขาดน้ำ

เขาจ้องมองเสาแกะสลักลายมังกรรอบๆ ด้วยความประหลาดใจ การตกแต่งห้องแบบโบราณและวิจิตรตระการตา บวกกับมีสาวงามที่น่าทึ่งนั่งอยู่ข้างเตียง เขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ

วิญญาณของฉัน ทะลุมิติมาเหรอ!?

“ฝ่าบาท ท่านทรงเป็นอะไรไป?”

ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ เขาสวยกว่าดาราหญิงทุกคนในชาติก่อนของเขากำลังส่งเสียงเรียก ทำให้ความคิดของหลี่เฉินกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง ฉับพลันความทรงจำก็หลั่งไหลเข้ามาในจิตใจของหลี่เฉิน ทำให้เขาเปล่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

หลังหายใจเข้าอย่างหนัก หลี่เฉินก็เข้าใจขึ้นมา

ชาตินี้ เขาไม่ใช่มนุษย์เงินเดือนที่ถือว่าทำงานหามรุ่งหามค่ำเป็นพรอีกต่อไป แต่เป็นรัชทายาทแห่งจักรวรรดิต้าฉิน ว่าที่ฮ่องเต้ ทายาทที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงคนเดียวในจักรวรรดิต้าฉินอันยิ่งใหญ่!

ชาตินี้ เขาไม่ใช่ผู้ชายจนๆ อีกต่อไป แต่เป็นผู้มีอำนาจและสถานะ ควบคุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใต้หล้าไว้ในมือ!

“ฉัน...ข้าอยากเห็น แน่นอนอยากเห็นสิ”

หลี่เฉินได้สติขึ้นมา และจ้องมองไปที่จ้าวหรุ่ยผู้มีเสน่ห์ภายใต้แสงเทียนสลัวๆ หลี่เฉินรู้สึกร้อนผ่าวที่หน้าอกและท้องของเขา

ผู้หญิงแบบนี้ ในชาติก่อน เขาก็ทำได้แค่เลียผ่านหน้าจอแต่ไม่สามารถเข้าคิวได้

แต่ตอนนี้ สตรีที่บอบบางละเอียดอ่อนเช่นนี้ กลับพร้อมให้รอเลือกสรร มันช่างร้อนแรงจริงๆ

ที่น่าขันก็คือเจ้าของร่างเดิมนั้น รับจ้าวหรุ่ยเข้าตำหนักบูรพาได้ครึ่งปีแล้ว แต่ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา เจ้าของร่างเดิมนั้นขี้ขลาดมองจ้าวหรุ่ยเป็นเทพธิดา จึงไม่กล้าล่วงเกิน และไม่กล้าสัมผัส

แต่เช่นนั้นก็ดี จ้าวหรุ่ยที่ใสดุจน้ำแข็งและสะอาดดุจหยกจะตกเป็นของเขาโดยเฉพาะ

ทะลุมิติมาปุ๊บก็ได้รับรางวัลเช่นนี้ มันเทียบได้กับการเปิดแพ็คเกจของขวัญสำหรับมือใหม่ชัดๆ

อย่างไรก็ตาม เมื่อได้หลอมรวมความทรงจำจากเจ้าของร่างเดิม หลี่เฉินก็รู้ว่าสาวงามเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเพลิดเพลิน

“จะดีสักแค่ไหน ถ้าหากสาวงามเช่นเจ้าจะปฏิบัติต่อข้าจากใจจริง?”

คำพูดของหลี่เฉิน ทำให้รอยยิ้มที่มีเสน่ห์บนใบหน้าของจ้าวหรุ่ยแข็งทื่อ ดวงตาของนางดูตื่นตระหนกขณะที่กล่าวว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันปฏิบัติต่อท่านจากใจจริง คำพูดของท่าน หม่อมฉันไม่เข้าใจ”

“ไม่เข้าใจ?”

“เช่นนั้นข้าจะพูดให้เข้าใจเอง จ้าวเสวียนจีเป็นหัวหน้าคณะรัฐมนตรีของราชวงศ์ปัจจุบัน และเป็นพระสัสสุระ ฮองเฮาเป็นลูกสาวของเขา ส่วนเจ้าก็เป็นหลานสาวห่างๆ ของจ้าวเสวียนจี เจ้า จ้าวเสวียนจีและฮองเฮาสมรู้ร่วมคิดกัน โดยเจ้าจะใช้เสน่ห์ยั่วยวนข้า เพื่อทำให้ข้าละทิ้งกิจการบ้านเมืองไป จากนั้นจ้าวเสวียนจีก็จะร่วมมือกับฮองเฮาในวังหลังเพื่อดำเนินแผนการขั้นต่อไป นั่นคือทำให้เสด็จพ่อปลดข้าจากตำแหน่งรัชทายาท และจ้าวเสวียนจีก็จะสนับสนุนรัชทายาทหุ่นเชิดของตัวเอง ใช่หรือไม่?”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา จ้าวหรุ่ยผู้ทรงเสน่ห์ก็ตัวแข็งทื่อในวินาทีนั้น

นางมองไปที่หลี่เฉินด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ ในใจก็ปั่นป่วนขึ้นมา

องค์รัชทายาท องค์รัชทายาททรงรู้ทุกอย่าง!

“องค์ องค์รัชทายาท ท่านทรงพูดอะไร หม่อมฉันไม่เข้าใจ...”

“ไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร”

หลี่เฉินหัวเราะเบาๆ แล้วดึงร่างของจ้าวหรุ่ยให้เข้ามา ปล่อยให้นางนอนทับตัวเขา วางแขนของตัวเองไว้รอบเอวอ่อน มองดูความงามจนแทบหยุดหายใจซึ่งอยู่ใกล้แค่เอื้อม แล้วพูดว่า “เจ้าอยากให้ข้าเป็นรัชทายาทจอมเสเพลไม่ใช่หรือ? งั้นข้าจะทำให้เจ้าดู”

เมื่อสังเกตเห็นแววตาละโมบราวกับหมาป่าของหลี่เฉิน จ้าวหรุ่ยก็รู้สึกกลัวขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ

“ฝ่าบาท หม่อมฉัน หม่อมฉันกลัว...”

จ้าวหรุ่ยพยายามต่อต้านตามสัญชาตญาณ แต่เวลานี้ มือใหญ่ของหลี่เฉินกลับล้วงเข้าไปผ่านรอยแยกตรงช่วงเอวของนางอย่างเผด็จการ

“กลัวอะไร? เจ้าวางยาพิษข้า เพื่อทำให้ร่างกายและจิตใจของข้าค่อยๆ เสื่อมถอยก็ไม่เห็นว่าเจ้าจะกลัวเลย ตอนนี้พอให้เจ้ามารับใช้ข้า กลับกลัวขึ้นมา?”

หลี่เฉินพลิกตัวและกดจ้าวหรุ่ยไว้ข้างใต้

เมื่อสัมผัสได้ถึงความยืดหยุ่นอันน่าทึ่งและความอ่อนนุ่ม หลี่เฉินก็ถอนหายใจอย่างผ่อนคลาย ขณะเดียวกันความร้อนก็พลุ่งพล่านขึ้นมา หลี่เฉินแทบจะอดใจไม่ไหวอยากจะบดขยี้นางด้วยร่างกายของตัวเอง

จ้าวหรุ่ยอุทานออกมาเบาๆ พูดอย่างเขินอายปนกังวลว่า “ฝ่าบาท ไม่ ไม่ได้นะเพคะ หม่อมฉันยังไม่พร้อม...”

หลี่เฉินฝังหน้าลงที่คอของจ้าวหรุ่ย แล้วดมกลิ่นหอมที่ติดอยู่ปลายจมูกของเขา หลี่เฉินระงับความคลุ้มคลั่งและแรงกระตุ้นในใจพลางพูดว่า “เจ้าแต่งเข้าตำหนักบูรพามาครึ่งปีแล้ว แต่ยังไม่พร้อม? เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะเมตตาเจ้าเป็นอย่างดี”

ระหว่างที่พูด หลี่เฉินก็งับเบาๆ ที่ติ่งหูของจ้าวหรุ่ย

การกระตุ้นอย่างฉับพลันทำให้จ้าวหรุ่ยที่ไม่มีประสบการณ์ในเรื่องนั้นพลันหายใจไม่ออก มือของนางจับฟูกด้วยความตื่นตระหนก ไม่รู้ว่ากลัวหรือประหม่า นางเกร็งไปทั่วทั้งตัว บนผิวขาวราวกับน้ำนมค่อยๆ มีสีแดงแผ่ออกมา

จ้าวหรุ่ยมีใจจะต่อต้าน สองมือน้อยๆ ที่ขาวนวลพยายามผลักไสหลี่เฉิน แต่ในฐานะชายหนุ่มที่โตเต็มวัยของหลี่เฉิน และยังเป็นชายหนุ่มที่กลัดมัน ไม่มีอะไรที่นางจะสามารถทำได้ด้วยกำลังอันน้อยนิดของนาง

“ยิ่งเจ้าต่อต้านมากเท่าไร ข้าก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น ในเมื่อเจ้าตัดสินใจจะทำตามคำสั่งของจ้าวเสวียนจีเพื่อยั่วยวนข้า สิ่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว หากเจ้าต้องการจะยั่วยวนข้า ก็ต้องทุ่มอย่างสุดตัว หากลังเลที่จะสละร่างกายของตัวเอง แล้วจะทำให้ข้าหลงใหลเจ้าได้อย่างไร?”

หลี่เฉินหายใจแรง เขาไม่สนใจการต่อต้านของจ้าวหรุ่ย และฉีกเครื่องแบบฝ่ายในอันวิจิตรบนตัวนางออก

เสียงฉีกขาดดังขึ้น ชุดฝ่ายในอันงดงามที่ปักโดยสำนักซูซิ่วก็ถูกกระชากออก เผยให้เห็นเสื้อด้านในสีขาว ภายใต้แสงเทียนสลัวๆ สาวงามผู้อ่อนหวานกำลังแสดงท่าทางหวาดกลัว มันช่างงดงามอย่างสมบูรณ์แบบ

ดวงตาของหลี่เฉินแดงก่ำ ร่างกายรู้สึกกระสับกระส่าย สาวงามเช่นนี้ ยังจะมีชายใดในใต้กล้าที่สามารถต้านทานได้?

“ไม่เอา ไม่เอานะ...หยุด...”

จ้าวหรุ่ยตื่นตระหนก

นางตั้งใจจะมาล่อลวงหลี่เฉิน ทำให้เขาละทิ้งบ้านเมือง แต่ไม่เคยคิดจะเสียสละร่างกายของตัวเองจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นไม่ว่าจะมีความคิดที่ชั่วร้ายแค่ไหน แต่สุดท้ายจ้าวหรุ่ยก็เป็นแค่หญิงสาววัยยี่สิบปีต้นๆ นางไม่เคยมีประสบการณ์ในเรื่องนั้นมาก่อน พอถูกหลี่เฉินฉีกเสื้อผ้าอย่างกะทันหัน สัญชาติญาณก็สั่งให้นางขัดขืนและหลบหนี

“ไม่เอา? หรืออย่าหยุด?”

หลี่เฉินส่งเสียงหัวเราะอย่างชั่วร้าย ความหวาดกลัวของจ้าวหรุ่ยขยายความปรารถนาในตัวเขาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เขาทนไม่ไหวอีกต่อไปจึงโถมตัวไปข้างหน้า...

เสื้อผ้าถูกโยนออกไปทีละชิ้น ช่องว่างระหว่างทั้งสองนั้นก็น้อยลงเรื่อยๆ เสียงคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดดังอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถูกคลื่นซัดไปมา ท่ามกลางแสงเทียนอันสลัว บรรยากาศที่คลุมเครือก็แพร่กระจายอย่างไม่สิ้นสุดภายในห้องบรรทมอันแสนงดงามแห่งนี้

สาวใช้ในวังสองคนที่เฝ้าอยู่นอกประตู เมื่อได้ฟังเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของผู้หญิงและเสียงหอบหายใจหนักๆ ของผู้ชายจากภายในห้อง สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไป

“เร็ว รีบไปที่พระราชวังแล้วรายงานต่อฮองเฮา บอกว่าตำหนักบูรพามีการเปลี่ยนแปลง เชิญพระองค์มาเร็ว!”

เมื่อสาวใช้ในวังได้ยินคําพูดของสหาย ก็ไม่สนสิ่งใด รีบยกกระโปรงขึ้นแล้ววิ่งเข้าไปในความมืด

ครึ่งชั่วยามต่อมา หลี่เฉินมองดูคราบเลือดสีแดงสดบนผ้าปูที่นอน ก็ลุกขึ้นมาแต่งตัวอย่างพอใจ

ตรวจสอบแล้ว บริสุทธิ์ ใสดุจน้ำแข็งบริสุทธิ์ดุจหยก!

บนเตียง หัวไหล่อันกลมกลึงของจ้าวหรุ่ยโผล่พ้นขึ้นมาจากผ้าห่ม เวลานี้นางกำลังกอดผ้าห่มแล้วร่ำไห้ออกมา

“ร้องไห้ทำไม เมื่อครู่เจ้ายังเพลิดเพลินด้วยกันอยู่เลย ตอนนี้ไม่มีอะไรจะให้ร้องไห้แล้ว”

คำพูดของหลี่เฉินทำให้จ้าวหรุ่ยทั้งเขินอายทั้งโมโห นางมองหลี่เฉินด้วยสายตาที่เย็นชา

“ข้าชอบดวงตาของเจ้ามาก”

เขายกมือลูบใบหน้าอันเรียบเนียนของจ้าวหรุ่ย ใช้นิ้วเกลี่ยผมแล้วทัดหูนาง และค่อยๆ ลูบไล้ริมฝีปากของนางด้วยนิ้วหัวแม่มือ หลี่เฉินหัวเราะเบาๆ “รักษามันไว้นะ ยิ่งเกลียดข้ายิ่งชอบ ตอนที่ข้ากอดเจ้า มันก็ยิ่งสนุก”

พูดจบ หลี่เฉินก็ก้าวเท้าออกจากห้องบรรทม โดยไม่สนความเกลียดชังที่ฝังอยู่ในกระดูกของจ้าวหรุ่ย

ทันทีที่ออกมา หลี่เฉินก็ได้ยินเสียงกีบม้าและรถม้าขบวนใหญ่ดังเข้ามา

องค์รักษ์ส่วนพระองค์อวี่หลินกลุ่มหนึ่ง ยืนอยู่หน้าห้องบรรทม แต่ละคนต่างจ้องมองหลี่เฉินพร้อมกับแผ่จิตสังหารออกมา ในหมู่พวกเขา มีอยู่คนหนึ่งซึ่งดูจะโกรธแค้นเป็นพิเศษ เขาแทบอยากจะกลืนกินหลี่เฉินทั้งเป็น

จากนั้นพวกเขาก็แยกออกเป็นสองฝั่งซ้ายขวา เผยให้เห็นเกี้ยวที่งดงามและสูงส่ง สัญลักษณ์ของมารดาแผ่นดิน

เสียงแหลมๆ ของขันทีดังกึกก้องไปทั่วตำหนักบูรพา

“ฮองเฮาเสด็จมาถึงแล้ว!”

“ฮองเฮาทรงพระเจริญพันปีๆ”

ทุกคนที่อยู่หน้าห้องโถงต่างพากันคุกเข่าลง

บนเกี้ยวหงส์ ม่านประตูก็ถูกเปิดออก สตรีผู้หนึ่งซึ่งสวมเสื้อคลุมหงส์ สัญลักษณ์ของมารดาแห่งแผ่นดิน หญิงสาวผู้งดงามเหยียบบนร่างที่คุกเข่าลงของขันทีแล้วเดินลงมาจากเกี้ยวหงส์

“ลูกชายคารวะเสด็จแม่”

หลี่เฉินยกมือขึ้นคารวะ เมื่อเห็นฮองเฮาจ้าวชิงหลานผู้มีรูปโฉมงดงามเหนือคำบรรยาย และบรรยากาศที่หาใครในใต้หล้าเทียบได้

“เจ้ายังรู้ว่าคือเสด็จแม่ของเจ้า?”

ดวงตาหงส์ของจ้าวชิงหลานปรายตามองหลี่เฉินแวบหนึ่ง กล่าวเสียงเย็นชา แล้วสะบัดแขนเสื้อเดินเข้าไปด้านใน

ด้านหลังของนาง ตามมาด้วยองค์รักษ์ส่วนพระองค์อวี่หลินคนหนึ่งที่จ้องมองหลี่เฉินด้วยแววตาอาฆาต

“หยุด”

หลี่เฉินเปิดปากพูดเสียงเรียบ ขณะจ้องมององค์รักษ์ผู้นั้น น้ำเสียงอันเย็นชาก็พูดว่า “ตำหนักบูรพาเป็นที่ประทับของข้า เทียบเท่ากับวังต้องห้าม องค์รักษ์ตัวเล็กๆ อย่างเจ้าคนหนึ่ง กล้าดียังไงจะเข้าไปด้านใน? เบื่อชีวิตแล้วหรือ?”

เมื่อถูกหยุด ใบหน้าของเฉินจื้อเหวินก็เปลี่ยนเป็นสีแดง แล้วพูดอย่างรำคาญว่า “กระหม่อมเป็นผู้บัญชาการทหารองค์รักษ์ฝ่ายใน มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของฮองเฮา...”

“ผู้บัญชาการทหารองค์รักษ์ฝ่ายใน? ก็แค่สุนัขเฝ้าบ้านระดับสูง แต่ก็ยังเป็นสุนัขเฝ้าบ้านอยู่ดี”

เฉินจื้อเหวินโกรธจัดเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขาจ้องมองหลี่เฉินอย่างเหี้ยมโหด มือของเขากดลงบนด้ามดาบที่เอว

ดวงตาของหลี่เฉินเย็นชาอย่างน่ากลัว เขากล่าวเสียงเย็นว่า “ใต้หล้านี้เป็นของตระกูลหลี่ เป็นของเสด็จพ่อข้า และข้าคือองค์รัชทายาทแห่งจักรวรรดิ เจ้าเพียงสุนัขเฝ้าบ้านที่ราชวงศ์เลี้ยงดู กล้าที่จะแว้งกัดเจ้าของหรือ?”

เสียงหัวเราะเย็นชาดังขึ้น ก่อนที่หลี่เฉินจะกล่าวว่า “หากเจ้ากล้าชักดาบ? ข้าก็กล้ารับประกันว่า เพียงเจ้าดึงดาบออกมาหนึ่งนิ้ว ก็เท่ากับมีเจตนาสังหารองค์รัชทายาท โทษคือกบฏ เจ้าลองชักดาบออกมาให้ข้าดูหน่อยสิ?”

ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
กรัณยวัฒน์ เริไม
ต้องอ่านต่อแล้ว
goodnovel comment avatar
กรัณยวัฒน์ เริไม
น่าอ่านมาก
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 2

    เฉินจื้อกัดฟันด้วยความโกรธ ร่างกายของเขาสั่นเทิ้มไปทั่วร่าง มือที่จับบนด้ามดาบเกร็งแน่นจนเส้นเอ็นปูด เผยให้เห็นถึงความโกรธสุดขีด“ไม่กล้า? ไม่กล้าก็ไสหัวไป! ถอยไปด้านหลังให้ข้าห้าก้าว ลงไปจากขั้นบันได ถ้ากล้าเหยียบขั้นบันไดขึ้นมาหนึ่งก้าว สังหารไร้ปรานี!”หลี่เฉินมองสีหน้าอึมครึมของเฉินจื้อ ที่ค่อยๆ ถอยหลังไปอย่างช้าๆ ด้วยความอับอาย เมื่อถอยลงจากขั้นบันไดขั้นสุดท้ายจึงหยุด หลี่เฉินหัวเราะเสียงเย็น ก่อนจะหันหัวเดินเข้าไปด้านในเมื่อจ้องมองไปที่แผ่นหลังของหลี่เฉิน ความเกลียดชังที่พลุ่งพล่านอยู่ในอกของเฉินจื้อก็แทบจะทำให้เขาคลุ้มคลั่ง“หลี่เฉิน เจ้ารอข้าก่อนเถอะ เมื่อแผนการของฮองเฮากับใต้เท้าราชเลขาธิการบรรลุผล ข้าจะทำให้เจ้าตายไร้ที่ฝัง!”เมื่อกลับเข้ามาด้านใน หลี่เฉินก็เห็นฮองเฮาจ้าวชิงหลานกำลังปลอบใจจ้าวหรุ่ยที่กำลังร้องไห้อยู่อ้อมแขนของนางอย่างระมัดระวัง แม้ว่าจ้าวชิงหลานจะไม่เคยถูกแตะต้อง แต่เมื่อเห็นท่าทางของจ้าวหรุ่ยตอนนี้ และยังรอยเลือดบนแท่นบรรทมจึงพอจะทราบว่าเกิดอะไรขึ้นในฐานะผู้หญิงด้วยกัน นางย่อมเข้าใจหัวอกผู้หญิงด้วยกัน“องค์รัชทายาท ท่านบังอาจไปแล้วนะ!”เมื่อเห็นห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 3

    เสียงร้องแผ่วเบานี้กระตุ้นความตื่นตัวของเฉินจื้อที่อยู่ข้างนอกทันที“ฮองเฮาทรงเกิดอะไรขึ้นพ่ะย่ะค่ะ?”จ้าวชิงหลานมองหลี่เฉินที่มองนางด้วยรอยยิ้มที่มั่นใจ นางแอบกัดฟันด้วยความเกลียดชัง และนำความไม่พอใจทั้งหมดไประบายใส่เฉินจื้อ“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า ไม่ต้องถามมาก”เมื่อเฉินจื้อถูกตำหนิ เขาก็ยิ่งรู้สึกอับอายมากยิ่งขึ้นเมื่อไม่มีที่ระบายความโกรธ เขาจึงหันกลับมาด่าขันทีที่กำลังขับรถม้า “ขับรถม้าให้ดีๆ หน่อย หากทำให้ฮองเฮาตกใจอีกครั้ง ข้าจะแล่เนื้อเจ้าซะ!”ภายในเกี้ยวหงส์ ตู้นั้นสั่นเล็กน้อย ราวกับกรงสัตว์ก็ไม่ปาน ทำให้จ้าวชิงหลานนึกอยากจะหนีก็หนีไม่ได้จ้าวชิงหลานนั่งบนต้นขาของหลี่เฉิน ราวกับนั่งอยู่บนเข็มก็ไม่ปานนางคิดจะลุกขึ้น แต่ทุกครั้งที่ทำตามความตั้งใจ หลี่เฉินก็จะดึงนางกลับมา และบังคับให้นั่งลงอย่างแน่วแน่“เจ้า เจ้าไม่กลัวข้าจะสังหารเจ้ารึ!?”เมื่อมองไปที่ปากแดงฟันขาวนั่น จ้าวชิงหลานก็แอบกัดฟันแน่น หลี่เฉินพูดด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายว่า “ฮองเฮายอมแพ้หรือไม่?”ในขณะที่พูดก็ฉวยโอกาสที่จ้าวชิงหลานไม่ทันสังเกต ใช้มือใหญ่ของเขาคลำไปตามระหว่างเอวและหน้าท้อง ท้องน้อยที่แบนราบ เ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 4

    หัวใจของหลี่เฉินหนักอึ้ง เขารู้ว่า ฮ่องเต้กำลังทดสอบตัวเองผลงานของเจ้าของร่างเดิมนั้นไม่ค่อยดีนัก จนถึงขั้นที่ว่าแม้แต่วินาทีสุดท้ายของฮ่องเต้ พระองค์ก็ยังไม่กล้าที่จะมอบภาระของประเทศไว้บนบ่าของเขาตอนนี้อาจกล่าวได้ว่า การกระทำของเขานั้นจะเป็นตัวกำหนดชะตากรรมของเขาในท้ายที่สุด“ความยากในการบริหารแผ่นดิน เกิดจากปัญหาภายในและภายนอก”หลี่เฉินผสมผสานความทรงจำจากเจ้าของร่างเดิม เข้ากับความรู้ทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการขึ้นและลงของราชวงศ์ที่เขาอ่านก่อนทะลุมิติมา จากนั้นก็กล่าวว่า “ปัญหาจากภายนอก มาจากพวกคนเถื่อน เฉวี่ยนหรง หนู่เจิน ซยงหนู นอกจากนี้ยังมีพิษร้ายที่เหลือรอดจากอดีตราชวงศ์หยวน ซึ่งต้องการทำลายต้าฉินของพวกเรา”“ปัญหาจากภายใน มาจากการแบ่งแยกของอ๋องศักดินา ซึ่งก็คือพระบรมวงศานุวงศ์ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นท่านอ๋องหรือโหว พวกเขามีอำนาจเก็บภาษีในดินแดนศักดินา และมีอำนาจทางการทหาร มันเป็นเพียงสถานที่นอกกฎหมาย เป็นเขตปกครองตนเอง นับว่าเป็นปัญหาที่ร้ายแรงจริงๆ ”“ยังมีเจ้าหน้าที่ทุจริตออกอาละวาดในท้องถิ่น พวกขุนนางใหญ่จัดตั้งกลุ่มเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว พวกเขาต่อสู้เพื่ออำนาจและ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 5

    หลี่เฉินยิ้มอย่างมีความสุขไม่มีใครในใต้หล้านี้ไม่กลัวอำนาจและวิธีการสังหารของหน่วยบูรพา มีเพียงราชวงศ์เท่านั้นที่จะไม่กลัว เพราะอำนาจของพวกเขามาจากฮ่องเต้ และพวกเขา ก็ยังเป็นสุนัขรับใช้ที่ภักดีที่สุดในเงื้อมมือของฮ่องเต้อีกด้วยในฐานะกวางกงของหน่วยบูรพาที่เหล่าขุนนางบุ๋นบู๊ต่างต้องการสังหาร เขาคงเป็นคนแรกที่เต็มใจเข้ามาพึ่งพาตัวเองกองกำลังนี้จะช่วยเขาได้มากอย่างแน่นอน“ดีมาก”หลี่เฉินโยนดาบในมือไปตรงหน้าขันทีซานเป่าแล้วพูดว่า “เสด็จพ่อเคยมอบดาบให้กับเจ้า แต่ตอนนี้ดาบเล่มนั้นขึ้นสนิมไปแล้ว ดังนั้นตอนนี้ ข้าจะให้ดาบเล่มนี้แก่เจ้า เจ้าต้องการมันไหม?”ขันทีซานเป่าคุกเข่าอย่างนอบน้อม แล้วหยิบดาบบนพื้นขึ้นมา จับมันไว้แน่นแล้วกล่าวว่า “เมื่อฝ่าบาทมอบราชโองการให้แก่บ่าว ทรงเคยตรัสว่า ต่อไปนี้ บ่าวจะเป็นดาบในมือของพระองค์”เมื่อมองดูประตูวังสุทธาสวรรค์ที่ปิดอยู่ ดูเหมือนว่าฮ่องเต้บนแท่นนอนที่ยืนหยัดหายใจอยู่ จะได้เตรียมการเอาไว้แล้ว“ในบรรดาองค์ชายทั้งหลาย องค์ชายเก้าเป็นบุตรคนสุดท้อง เมื่อหลายปีก่อน ฮองเฮาทรงขอเสด็จพ่อรับเลี้ยงดูองค์ชายเก้า และเชิญหัวหน้าสภาขุนนางมาสั่งสอนเป็นการส่วน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 6

    “อย่าอะไร?”จ้าวหรุ่ยในอ้อมแขนดูเหมือนกระต่ายที่หวาดกลัว ดวงตาที่สดใสเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและความสับสนจ้าวหรุ่ยไม่รู้ว่า ยิ่งนางกลัวและอยากจะหนีมากเท่าไร เสน่ห์ที่เป็นธรรมชาติซึ่งแฝงอยู่ในกระดูกของนางก็ยิ่งจะโดดเด่นมากขึ้นเท่านั้น และยิ่งดึงดูดหลี่เฉินมากขึ้นหลี่เฉินจับเอวที่ไม่มีกระดูกของจ้าวหรุ่ย แล้วหัวเราะอย่างชั่วร้ายที่ข้างหูนาง “อย่าอะไร อย่าไม่ทำอะไรสักอย่าง หรือว่าอย่าหยุดกันแน่?”จ้าวหรุ่ยทั้งอับอายทั้งโมโหคำตอบทั้งสองข้อที่หลี่เฉินกล่าวออกมานั้น ไม่มีข้อไหนที่นางอยากจะพูดนางไม่เข้าใจว่าเหตุใดองค์รัชทายาทที่หลงใหลในตัวนางมาโดยตลอด ถึงได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ภายในเวลาสั้นๆ ก่อนหน้านี้ นางไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวมากนัก เพียงแค่ส่งยิ้มจางๆ ก็สามารถทำให้องค์รัชทายาทเชื่อฟังคำพูดของนางได้แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าองค์รัชทายาทจะกลายเป็นปีศาจ และเรียกร้องอย่างตะกละตะกลามอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่านางจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม“ฝ่าบาท โปรดปฏิบัติต่อหม่อมฉันอย่างทะนุถนอม” จ้าวหรุ่ยอ้อนวอนเสียงสะอื้นหลี่เฉินหยอกล้อจ้าวหรุ่ย ผิวพรรณของนางขาวเหมือนเครื่องเคลือบ นอกจากนี้ยังแดงก่ำเห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 7

    บทสนทนาระหว่างองครักษ์เสื้อแพรและหลี่เฉินที่ด้านนอกนั้นสามารถได้ยินอย่างชัดเจน“ตายแล้ว...เฉินจื้อตายแล้ว”จ้าวหรุ่ยค่อยๆ หลับตาลง แม้ว่าเตียงจะยังอุ่นอยู่ แต่นางกลับรู้สึกเหมือนอยู่ในฤดูหนาวอันหนาวเย็นนางกับเฉินจื้อ แม้จะเป็นเพียงรักข้างเดียวของเฉินจื้อ แต่ก็ยังนับว่าเป็นคนคุ้นเคยของจ้าวหรุ่ย แต่คนเช่นนั้น ถูกทุบตีจนตายอยู่นอกตำหนักจ้าวหรุ่ยกระทั่งรู้สึกว่า เมื่อคืนนี้ หลี่เฉินจงใจฆ่าเฉินจื้อที่ลานกว้างหน้าประตูตำหนัก และทำเรื่องเช่นนั้นกับนางในห้องนางรู้สึกว่าหลี่เฉินในตอนนี้ไม่เพียงแต่ทำให้นางรู้สึกเหมือนเป็นคนแปลกหน้า แต่ยังน่ากลัวอีกด้วย“ไม่ได้การล่ะ ข้าจะต้องหาโอกาสทูลขอความช่วยเหลือจากฮองเฮา เพื่อจัดการองค์รัชทายาท...” จ้าวหรุ่ยกำผ้าห่มแน่น พลางพึมพำกับตัวเององครักษ์เสื้อแพรสองนายเพิ่งจะไป ขันทีซานเป่าก็มาเยือนเขานำรายงานลับมา และมอบให้หลี่เฉินด้วยความเคารพ“องค์รัชทายาท ของที่พระองต์ต้องการอยู่นี่แล้ว”หลี่เฉินหยิบมันขึ้นมาดู แน่นอนว่าเป็นบันทึกชีวิตประจำวันขององค์ชายเก้าตั้งแต่เมื่อคืนนี้ รวมถึงเวลาและสถานที่ที่เขาไป สิ่งที่เขาพูด ทุกอย่างมีรายละเอียดมาก จนองค์

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 8

    คำพูดของหลี่เฉิน ทำให้หลี่เสวียนหน้าซีดเขารีบตอบไปตามจิตใต้สำนึกว่า “ข้า ข้าไม่ได้กบฏ เสด็จแม่และท่านอาจารย์ตกลงจะให้ข้าดูพวกนั้น พวกเขาบอกว่าข้าควรเรียนรู้กิจการของรัฐล่วงหน้า...”ทันทีที่เขาพูดเช่นนี้ เว่ยเสียนที่กำลังคุกเข่าอยู่ข้างๆ ก็แทบกระอักเลือดออกมาองค์ชายเก้าเหตุใดจึงไร้ความคิดเช่นนี้ คำพูดเช่นนั้นกล่าวออกมาง่ายๆ ได้อย่างไร“เรียนรู้กิจการของรัฐล่วงหน้า?”หลี่เฉินจับจุดอ่อนของหลี่เสวียนได้ น้ำเสียงของเขาสูงขึ้นสองส่วน “เรียนรู้กิจการของรัฐล่วงหน้าเพื่ออะไร? หรือว่าเจ้าอยากให้เสด็จทรงสวรรคต จากนั้นก็เอาตำแหน่งของข้าไป?”ในที่สุดหลี่เสวียนก็รู้ตัวว่าเพิ่งพูดอะไรออกไปเขาหน้าซีด คุกเข่าลงเสียงดังตุบ รีบอธิบายด้วยความตื่นกลัวว่า “พี่รอง ข้า ข้าไม่ได้มีความหมายเช่นนั้น...”เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มรุนแรงขึ้น สาวใช้ส่วนตัวของหลี่เสวียนจึงถอยหลังออกไปอย่างเงียบๆ และวิ่งตรงไปที่วังฮองเฮา“จะมีความหมายเช่นนั้นหรือไม่ ข้าจะมาคิดบัญชีกับเจ้าทีหลัง”หลี่เฉินพูดจบ เขาก็หันไปสั่งขันทีซานเป่าว่า “หูหนวกเหรอ? หรือจะให้ข้าลงมือเอง?”ขันทีซานเป่าได้ยินก็รีบลุกขึ้นยืน สั่งองครักษ์

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 9

    คำพูดของหลี่เฉิน ทำให้จ้าวชิงหลานตัวแข็งทื่อหลี่เฉินเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ใกล้จนทั้งสองสามารถสัมผัสลมหายใจของกันและกันได้อย่างชัดเจนจ้าวชิงหลานกำลังดิ้นรนอยู่ในใจ นางรู้สึกว่าไม่สามารถเป็นแบบนี้ต่อไปได้แต่หลี่เฉินดูเหมือนจะไม่เกรงกลัวอะไรเลย และยังคงเขยับเข้ามาต่อภายในห้องโถงเงียบสงบอย่างน่าประหลาด มีเพียงเสียงเสื้อผ้าที่เสียดสีกันซึ่งเกิดจากการทะเลาะกันระหว่างทั้งสองร่าง และมีเสียงหอบหายใจเป็นครั้งคราวความรู้สึกของการเป็นหัวขโมยนั้น ทำให้หลี่เฉินรู้สึกตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นเมื่อเห็นฮองเฮาผู้เป็นมารดาของแผ่นดินถูกเขากระตุ้นให้โกรธและอับอาย หลี่เฉินก็รู้สึกเหมือนมีไฟลุกอยู่ในใจ“นี่คือพระราชวังหงส์สราญ ที่ประทับของฮองเฮา เจ้า เจ้าไม่กลัวตายจริงหรือ?” จ้าวชิงหลานพูดอย่างร้อนใจ พลางข่มขู่เสียงเบา“กลัวสิ ทำไมจะไม่กลัวตาย ใต้หล้านี้มีใครบ้างที่ไม่กลัวตาย”หลี่เฉินลุกขึ้นเล็กน้อย ก่อนผลักจ้าวชิงหลานลงบนเบาะขนาดใหญ่ด้วยท่าทางก้าวร้าว และมองลงมาที่เสด็จแม่ของเขา ​​ผู้หญิงที่หายใจถี่อยู่ใต้ร่างเขาจ้าวชิงหลานทั้งตกใจทั้งกลัว“ดังนั้น พวกเราต้องเบาๆ เสียงหน่อยนะ”คำพูดของหลี่เ

บทล่าสุด

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 930

    คำกล่าวของฟู่อวี้จือราวกับเป็นเข็มกระตุ้นหัวใจให้กับบรรยากาศอันตึงเครียดในพระที่นั่งไท่เหอ ขุนนางทุกคนต่างสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองฟู่อวี้จือ“เงินเดือนขุนนาง ค่าใช้จ่ายของราชสำนัก ค่าจ้างทหาร ตลอดจนการบรรเทาภัยพิบัติ ล้วนมีระเบียบและกฎเกณฑ์ คลังหลวงเก็บภาษีได้ในแต่ละปี แม้ไม่เพียงพอสำหรับทุกค่าใช้จ่าย แต่ก็สามารถจ่ายได้บางส่วน องค์รัชทายาทจะมาใช้เล่ห์กลปั่นหัวผู้คนและบิดเบือนความจริงได้อย่างไร?”คำพูดเพิ่งจบลง ก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมากลางคัน“ใต้เท้าฟู่ คำกล่าวนี้ผิดถนัดแล้ว”ประโยคเปิดหัวคล้ายกัน แต่เปลี่ยนผู้พูดไปเป็นสวีฉังชิงเขายืนขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึมก่อนกล่าวว่า “ค่าใช้จ่ายแต่ละอย่างนั้นแน่นอนว่าต้องใช้เงินจากคลังหลวง แต่ความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธคือคลังหลวงขาดแคลนมาหลายปีแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ปีที่แล้วเกิดภัยพิบัติ ฝ่าบาททรงเมตตาต่อราษฎร จึงยกเว้นภาษีในหลายพื้นที่ นั่นจึงทำให้ไม่เพียงแต่รายได้จากภาษีลดลง แต่คลังหลวงยังต้องจ่ายเงินจำนวนมหาศาลเพื่อบรรเทาภัยพิบัติ รายรับกับรายจ่ายที่สวนทางกันเช่นนี้ ใต้เท้าฟู่คิดว่าช่องว่างมันมากเพียงใดกัน?”“ปีที่แล้ว หากไม่ใช่เพราะองค์รัชท

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 929

    "ไม่ว่าองค์รัชทายาทจะนำเงินก้อนนี้ไปใช้ทำสิ่งใด จะใช้ส่วนตัวหรือเติมเต็มคลังหลวงก็ตาม แต่ความจริงก็คือองค์รัชทายาทได้เป็นตัวอย่างที่เลวร้ายไปแล้ว หากในอนาคตขุนนางคนอื่นมีงานมงคลหรือไว้ทุกข์ พวกเขาก็สามารถรับของขวัญเป็นจำนวนมากเช่นนี้ได้กระนั้นหรือ? เช่นนี้ไม่ใช่การส่งเสริมลมร้ายและอธรรมดอกหรือ?"คำพูดของหลี่อิ๋นหู่ดังก้องไปทั่วพระที่นั่งในขณะนี้ เขารู้สึกราวกับว่าตนเองเป็นตัวแทนแห่งความยุติธรรม เป็นแบบอย่างของขุนนางที่ซื่อสัตย์และสุจริตจนกระทั่งหลี่เฉินจ้องมองเขาแล้วกล่าวขึ้นว่า "ดีมาก จ้าวอ๋อง ในที่สุดก็กล่าวสิ่งที่อยู่ในใจออกมา""ในราชสำนัก คงมีอีกหลายคนที่คิดเช่นเดียวกับเจ้าใช่หรือไม่?"สายตาของหลี่เฉินกวาดไปทั่วหมู่ขุนนางในพระที่นั่งไท่เหอก่อนเอ่ยอย่างเยือกเย็น "ผู้ใดคิดเช่นเดียวกับจ้าวอ๋อง ก้าวออกมาให้ข้าเห็นหน่อยสิ"ทั่วทั้งตำหนักตกอยู่ในความเงียบงันจ้าวอ๋อง เป็นผู้ที่ออกตัวขัดแย้งกับองค์รัชทายาทโดยตรง แต่ผู้ใดที่มีสมองย่อมไม่กล้าออกมาสนับสนุนเขา โดยเฉพาะในเรื่องใหญ่เช่นนี้ การเลือกข้างผิดพลาด อาจหมายถึงชีวิตขุนนางที่สามารถก้าวเข้ามาในพระที่นั่งไท่เหอ และมีสิทธิ์ร่วมต

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 928

    ราชโองการสำนึกผิด!ราชโองการสำนึกผิด หมายถึงราชโองการที่ใช้แถลงถึงความผิดและบาปกรรมของตนเองพูดให้ชัดเจนก็คือ หนังสือสารภาพผิดหรือคำสารภาพผิดระดับสูงสุดแต่ปัญหาก็คือ ในเมื่อเป็นราชโองการ ก็ต้องเป็นฮ่องเต้เท่านั้นที่สามารถออกคำสั่งนี้ได้และฮ่องเต้ ซึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของราชสำนักในยุคศักดินา ครองแผ่นดินเป็นของตระกูล เป็นเจ้าเหนือหัวของไพร่ฟ้าทั้งปวง เขาจะทำผิดได้อย่างไร?ฮ่องเต้ต้องรักษาภาพลักษณ์ของตนให้เป็นผู้ถูกต้องตลอดเวลา ไม่มีวันทำผิด และเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ตลอดกาลหากภาพลักษณ์นี้พังทลาย ฮ่องเต้ก็จะมีอีกสมญานามหนึ่งว่า ฮ่องเต้โง่เขลาและหากมีการออกราชโองการสำนึกผิด นั่นหมายถึง ฮ่องเต้ได้ยอมรับด้วยตนเองว่าเป็น ฮ่องเต้โง่เขลาดังนั้น เมื่อมองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ของแผ่นดินหวาเซี่ย ฮ่องเต้ที่เคยออกราชโองการสำนึกผิด มีอยู่เพียงไม่กี่พระองค์เท่านั้นและพวกเขาแทบทั้งหมดออกคำสั่งนี้ในสถานการณ์เดียวกันเมื่อแคว้นของตนกำลังเผชิญปัญหาภายในและภายนอกจนใกล้ล่มสลายในช่วงเวลานี้ เพื่อเรียกความศรัทธาจากไพร่ฟ้า และเพื่อรวมพลังจากเหล่าขุนนางและแม่ทัพ ฮ่องเต้ จะออกราชโองการสำนึกผิดเน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 927

    คำพูดนี้ ต้าสิงฮ่องเต้ที่อยู่ในอาการหนัก ราวกับได้ยินพระองคทรงขยับปลายนิ้วเบาๆ ความเคลื่อนไหวเล็กน้อยนี้หากไม่สังเกตก็คงไม่มีใครเห็นหลี่เฉินนั่งตัวตรง มองต้าสิงฮ่องเต้ลึกซึ้งเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะหมุนตัวออกจากตำหนักเฉียนชิงวันรุ่งขึ้น ราชสำนักเปิดประชุมเช้าตามปกติหลี่เฉินยืนอยู่บนแท่นพระที่นั่ง เคียงข้างบัลลังก์มังกร สายตากวาดมองหมู่ขุนนางที่ยืนเรียงรายด้านล่าง ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "เหล่าขุนนาง หากมีเรื่องให้กราบทูล ก็กล่าวมา หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุม"แน่นอนว่าย่อมต้องมีเรื่องสายตาของหลี่เฉินแวบมองไปยัง หลี่อิ๋นหู่ โดยไม่ให้ใครสังเกตเห็น เขารู้ว่า นี่คือการโจมตีระลอกแรกของจ้าวเสวียนจีที่ผ่านมาในการประชุมเช้า หากเขาไม่อนุญาต หลี่อิ๋นหู่จะไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมแต่วันนี้ เขาไม่ได้เรียกหลี่อิ๋นหู่มา ทว่าหลี่อิ๋นหู่กลับมาเองณ จุดเวลาอันอ่อนไหวเช่นนี้ ความผิดปกติแม้เพียงเล็กน้อยก็ไม่อาจมองข้ามเป็นไปตามคาด หลังจากที่หลี่เฉินกล่าวจบ หลี่อิ๋นหู่ก็ก้าวออกมาทันที "กราบทูลองค์รัชทายาท ข้ามีเรื่องจะทูล"มันเริ่มขึ้นแล้วและผู้เปิดฉาก คือหลี่อิ๋นหู่เองหลี่เฉินหรี่ตา

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 926

    "องค์รัชทายาทช่างเฉลียวฉลาด"ระหว่างทางกลับไป ซูเจิ้นถิงอธิบายเรื่องราวให้หลี่เฉินฟัง"ฝ่าบาททรงวางแผนเรื่องพี่น้องตระกูลอู๋ไว้ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน ข้าเองก็เพิ่งจะได้รับรู้หลังจากที่ฝ่าบาทประชวรหนัก""ตามคำพูดของฝ่าบาท หากองค์รัชทายาทสามารถใช้ประโยชน์จากสองพี่น้องนี้ได้ ข้าจะต้องนำท่านมาที่ศาลบูรพกษัตริย์ แต่หากไม่สามารถใช้ได้ ก็ให้พวกเขาหายไปตลอดกาล"แม้ซูเจิ้นถิงจะพูดอย่างไม่ยี่หระ แต่ในถ้อยคำนั้นกลับแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายของการสังหารอันเยือกเย็นหลี่เฉินหน้าถมึงทึง "เจ้ายังปิดบังอะไรข้าอีก?"ซูเจิ้นถิงยกมือขึ้น แล้วกล่าวอย่างเรียบเฉย "ไม่มีอีกแล้ว เพราะแผนการที่ฝ่าบาททรงวางไว้ จบลงเพียงแค่ตรงนี้ ที่เหลือจากนี้ องค์รัชทายาทต้องเดินต่อไปด้วยตนเอง"หลี่เฉินถอนหายใจเบาๆ "บางครั้งข้าก็รู้สึกว่าเสด็จพ่อของข้า ช่างลึกล้ำเสียจนข้าเหมือนถูกควบคุมทุกย่างก้าว""ไม่ใช่เช่นนั้น"ซูเจิ้นถิงส่ายหน้า สีหน้าจริงจัง "ที่จริงแล้ว สถานการณ์ในตอนนี้ เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดที่ฝ่าบาทและข้าเคยคาดการณ์ไว้ แต่ถึงกระนั้น ฝ่าบาทก็ยังไม่มั่นใจว่าทุกอย่างจะราบรื่นได้ถึงเพียงนี้""ฝ่าบาทถึงกับเตรียมใจไว้สำ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 925

    "ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มันใช้โอกาสที่ควบคุมราชสำนัก มีสิทธิ์จัดสรรเสบียงและเงินเดือนของด่านเย่ว์หยา ทำให้สามารถดึงคนบางกลุ่มเข้ามาอยู่ใต้อำนาจของมันได้""แต่คนเหล่านั้นล้วนเป็นพวกตัวเล็กตัวน้อย พวกที่ไม่อาจอยู่รอดในศึกแย่งชิงระหว่างน้องชายข้ากับหนิงอ๋อง จึงเลือกไปพึ่งพาจ้าวเสวียนจี พวกมันไม่น่ากังวล"เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลี่เฉินจ้องมองอู๋ชิงชางก่อนจะถามว่า "หากจ้าวเสวียนจีคิดจะยึดด่านเย่ว์หยา...""มันต้องผ่านน้องชายข้าก่อน"หลี่เฉินพยักหน้า "แล้วเจ้ามั่นใจในตัวน้องชายเจ้าสักกี่ส่วน?"อู๋ชิงชางตอบอย่างสงบนิ่ง "พี่น้องร่วมสายเลือด ย่อมพร้อมตายแทนกันได้"หลี่เฉินเลิกคิ้วเล็กน้อย "ข้าเกิดในราชวงศ์ เจ้าย่อมรู้ว่าพี่น้องในราชวงศ์ไม่มีวันเชื่อใจกัน ยิ่งเวลาผ่านไปเป็นสิบปี ใจคนย่อมเปลี่ยน เจ้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่าน้องชายเจ้าจะไม่เปลี่ยนใจ?""แต่เราสองพี่น้องไม่ใช่เชื้อพระวงศ์"อู๋ชิงชางค้อมตัวประสานมือ "เราสองคนเติบโตมาด้วยกัน ตั้งแต่เด็กต่างรู้ดีถึงความหมายของแผ่นดิน ขอให้องค์รัชทายาทวางพระทัย ด่านเย่ว์หยาจะเป็นของราชสำนัก และจะเป็นขององค์รัชทายาทตลอดไป""ดี"หลี่เฉินกล่าว "ถ้าเช่นนั้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 924

    "หากข้าเป็นเพียงคนไร้ความสามารถเล่า?" หลี่เฉินเผลอถามออกไปโดยไม่รู้ตัว"นั่นก็หมายความว่าราชวงศ์หลี่ควรสิ้นสุด และจักรวรรดิต้าฉินถึงคราวล่มสลาย"คำพูดของอู๋ชิงชางดุจค้อนหนักทุบลงบนหัวใจของหลี่เฉิน ทำให้รู้สึกหนักอึ้งไปทั้งใจ"ทุกสิ่งทุกอย่าง ฝ่าบาททรงพิจารณาไว้หมดแล้ว""แต่เช่นเดียวกับที่ข้าพูดไปก่อนหน้านี้ ฟ้าดินและผู้คนล้วนไม่เข้าข้างฝ่าบาท สิ่งที่ฝ่าบาททำได้ ก็คือใช้สิบปีวางหมากเพื่อให้องค์รัชทายาทมีเวลา เพื่อหาหนทางให้จักรวรรดิต้าฉินและราชวงศ์หลี่อยู่รอดต่อไป และองค์รัชทายาทก็คือความหวังเพียงหนึ่งเดียว"หลี่เฉินสูดลมหายใจลึกหากไม่ใช่เพราะตนทะลุไม่ติมาอยู่ร่างนี้ ด้วยพฤติกรรมของเจ้าของร่างเดิม คงเป็นได้แค่เสือลูกสุนัข ความหวังของต้าสิงฮ่องเต้คงมลายหายไป และราชวงศ์หลี่คงถึงคราวสิ้นสุดแต่เมื่อตนมาอยู่ที่นี่ ทุกสิ่งทุกอย่างเช่นนี้ อาจเป็นเพราะโชคชะตากำหนดไว้แล้วจริงๆ หรือ?หากไม่ใช่ เช่นนั้นจะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด รวมถึงการทะลุไม่ติของตนได้อย่างไร?หัวใจของหลี่เฉินเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวายชั่วขณะ"เช่นนั้นพวกเจ้าเอง ก็เป็นคนที่เสด็จพ่อทิ้งไว้ให้ข้าหรือ?" หลี่เฉินเอ่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 923

    "แน่นอน ตอนนี้ยังต้องเพิ่มอีกคน นั่นคือองค์รัชทายาทท่านด้วย"คำพูดของอู๋ชิงชางทำให้สมองของหลี่เฉินหมุนไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางบุคคลเหล่านี้ ดูเหมือนว่าจะมีความเกี่ยวข้องกันมากมาย และเส้นใยความเกี่ยวข้องเหล่านั้น สุดท้ายแล้วก็เหมือนปลายด้ายที่กระจัดกระจาย แต่จะต้องมีจุดเริ่มต้นและจุดเริ่มต้นของเส้นด้ายเหล่านั้น ก็อยู่ในพระหัตถ์ของต้าสิงฮ่องเต้ ที่กำลังบรรทมอยู่ในตำหนักเฉียนชิงใบหน้าของหลี่เฉินไร้ซึ่งอารมณ์ ดวงตาแฝงแววสงบนิ่งไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอู๋ชิงชางดูเหมือนไม่สนใจว่าเขาคิดอะไร เขากล่าวต่อไปว่า "เมื่อหลายปีก่อน จ้าวเสวียนจีได้วางหมากกระดานหนึ่งขึ้นมา กระดานนี้ก็คือให้น้องชายของข้าได้รับพระคุณจากเขา วันหนึ่งในอนาคตต้องตอบแทนบุญคุณนี้ และต้องลบล้างหลักฐานนี้ให้สิ้น""แต่ก่อนหน้านั้น ฝ่าบาทก็ทรงวางหมากกระดานหนึ่งขึ้นมาเช่นกัน กระดานนี้ก็คือให้จ้าวเสวียนจีเป็นผู้วางหมาก"หลี่เฉินมองอู๋ชิงชางก่อนจะกล่าวว่า "ตอนนี้ข้าเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าถึงบอกว่าเสด็จพ่อของข้าเป็นคนที่อยู่ลำดับที่สาม"อู๋ชิงชางหัวเราะ "กลอุบายของจักรพรรดิ ฝ่าบาททรงเล่นได้ถึงขีดสุด คนระดับต่ำย่อมเ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 922

    ในอดีต อู๋ชิงชาง เคยมีอิทธิพลสูงสุดในหมู่แม่ทัพแห่งต้าฉิน ทุกคนต่างคาดหวังว่าเขาจะกลายเป็น เทพแห่งสงครามคนที่สอง แต่ในเวลาที่ไม่มีใครคาดคิด เขากลับ หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยต้าสิงฮ่องเต้เพียงประกาศพระราชโองการสั้นๆ ว่ามีภารกิจอื่น จากนั้นก็ปลดเขาออกจากทุกตำแหน่งและริบอำนาจทางทหารทั้งหมด หลังจากนั้น ไม่มีผู้ใดเคยได้ยินข่าวของเขาอีกเลยจนกระทั่ง อู๋ปานซาน น้องชายของเขาได้รับแต่งตั้งเป็น แม่ทัพพิทักษ์ด่านเย่ว์หยา ผู้คนจึงหวนรำลึกถึงอดีตของน้องชายของเขาอีกครั้งทว่าจวบจนปัจจุบัน ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าอู๋ชิงชางหายไปที่ใดหลี่เฉินมองชายร่างกำยำที่อยู่ตรงหน้าแล้วถอนหายใจเบาๆ "เดิมทีเจ้าน่าจะมีอนาคตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่กลับต้องใช้ชีวิตอย่างเงียบงันในศาลบูรพกษัตริย์นานถึงยี่สิบปี?"อู๋ชิงชางหัวเราะเบาๆ ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงปลอดโปร่ง "สายฟ้าและสายฝน ล้วนเป็นพระเมตตา ออกศึกฆ่าศัตรูเพื่อสร้างชื่อ ย่อมเป็นเรื่องที่เร้าใจ แต่หากฮ่องเต้ทรงบัญชาให้ข้ากวาดลานศาลบูรพกษัตริย์ไปชั่วชีวิต ก็ถือเป็นภารกิจของข้าเช่นกัน""เหตุผลล่ะ?"หลี่เฉินถามต่อ "เสด็จพ่อไม่มีทางให้เจ้ากวาดศาลบูรพกษัตริย์โดยไม่มีเหตุผลแ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status