Share

รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์
รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์
Author: ไห่ตงชิง

บทที่ 1

Author: ไห่ตงชิง
จักรวรรดิต้าฉิน ห้องบรรทมในตำหนักบูรพาขององค์รัชทายาท

“ฝ่าบาท หม่อมฉันมีไฝที่หน้าอก ท่านอยากดูไหม?”

หลี่เฉินลืมตาโพลงขึ้นมา และหอบหายใจอย่างหนักราวกับปลาขาดน้ำ

เขาจ้องมองเสาแกะสลักลายมังกรรอบๆ ด้วยความประหลาดใจ การตกแต่งห้องแบบโบราณและวิจิตรตระการตา บวกกับมีสาวงามที่น่าทึ่งนั่งอยู่ข้างเตียง เขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ

วิญญาณของฉัน ทะลุมิติมาเหรอ!?

“ฝ่าบาท ท่านทรงเป็นอะไรไป?”

ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ เขาสวยกว่าดาราหญิงทุกคนในชาติก่อนของเขากำลังส่งเสียงเรียก ทำให้ความคิดของหลี่เฉินกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง ฉับพลันความทรงจำก็หลั่งไหลเข้ามาในจิตใจของหลี่เฉิน ทำให้เขาเปล่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

หลังหายใจเข้าอย่างหนัก หลี่เฉินก็เข้าใจขึ้นมา

ชาตินี้ เขาไม่ใช่มนุษย์เงินเดือนที่ถือว่าทำงานหามรุ่งหามค่ำเป็นพรอีกต่อไป แต่เป็นรัชทายาทแห่งจักรวรรดิต้าฉิน ว่าที่ฮ่องเต้ ทายาทที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงคนเดียวในจักรวรรดิต้าฉินอันยิ่งใหญ่!

ชาตินี้ เขาไม่ใช่ผู้ชายจนๆ อีกต่อไป แต่เป็นผู้มีอำนาจและสถานะ ควบคุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใต้หล้าไว้ในมือ!

“ฉัน...ข้าอยากเห็น แน่นอนอยากเห็นสิ”

หลี่เฉินได้สติขึ้นมา และจ้องมองไปที่จ้าวหรุ่ยผู้มีเสน่ห์ภายใต้แสงเทียนสลัวๆ หลี่เฉินรู้สึกร้อนผ่าวที่หน้าอกและท้องของเขา

ผู้หญิงแบบนี้ ในชาติก่อน เขาก็ทำได้แค่เลียผ่านหน้าจอแต่ไม่สามารถเข้าคิวได้

แต่ตอนนี้ สตรีที่บอบบางละเอียดอ่อนเช่นนี้ กลับพร้อมให้รอเลือกสรร มันช่างร้อนแรงจริงๆ

ที่น่าขันก็คือเจ้าของร่างเดิมนั้น รับจ้าวหรุ่ยเข้าตำหนักบูรพาได้ครึ่งปีแล้ว แต่ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา เจ้าของร่างเดิมนั้นขี้ขลาดมองจ้าวหรุ่ยเป็นเทพธิดา จึงไม่กล้าล่วงเกิน และไม่กล้าสัมผัส

แต่เช่นนั้นก็ดี จ้าวหรุ่ยที่ใสดุจน้ำแข็งและสะอาดดุจหยกจะตกเป็นของเขาโดยเฉพาะ

ทะลุมิติมาปุ๊บก็ได้รับรางวัลเช่นนี้ มันเทียบได้กับการเปิดแพ็คเกจของขวัญสำหรับมือใหม่ชัดๆ

อย่างไรก็ตาม เมื่อได้หลอมรวมความทรงจำจากเจ้าของร่างเดิม หลี่เฉินก็รู้ว่าสาวงามเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเพลิดเพลิน

“จะดีสักแค่ไหน ถ้าหากสาวงามเช่นเจ้าจะปฏิบัติต่อข้าจากใจจริง?”

คำพูดของหลี่เฉิน ทำให้รอยยิ้มที่มีเสน่ห์บนใบหน้าของจ้าวหรุ่ยแข็งทื่อ ดวงตาของนางดูตื่นตระหนกขณะที่กล่าวว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันปฏิบัติต่อท่านจากใจจริง คำพูดของท่าน หม่อมฉันไม่เข้าใจ”

“ไม่เข้าใจ?”

“เช่นนั้นข้าจะพูดให้เข้าใจเอง จ้าวเสวียนจีเป็นหัวหน้าคณะรัฐมนตรีของราชวงศ์ปัจจุบัน และเป็นพระสัสสุระ ฮองเฮาเป็นลูกสาวของเขา ส่วนเจ้าก็เป็นหลานสาวห่างๆ ของจ้าวเสวียนจี เจ้า จ้าวเสวียนจีและฮองเฮาสมรู้ร่วมคิดกัน โดยเจ้าจะใช้เสน่ห์ยั่วยวนข้า เพื่อทำให้ข้าละทิ้งกิจการบ้านเมืองไป จากนั้นจ้าวเสวียนจีก็จะร่วมมือกับฮองเฮาในวังหลังเพื่อดำเนินแผนการขั้นต่อไป นั่นคือทำให้เสด็จพ่อปลดข้าจากตำแหน่งรัชทายาท และจ้าวเสวียนจีก็จะสนับสนุนรัชทายาทหุ่นเชิดของตัวเอง ใช่หรือไม่?”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา จ้าวหรุ่ยผู้ทรงเสน่ห์ก็ตัวแข็งทื่อในวินาทีนั้น

นางมองไปที่หลี่เฉินด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ ในใจก็ปั่นป่วนขึ้นมา

องค์รัชทายาท องค์รัชทายาททรงรู้ทุกอย่าง!

“องค์ องค์รัชทายาท ท่านทรงพูดอะไร หม่อมฉันไม่เข้าใจ...”

“ไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร”

หลี่เฉินหัวเราะเบาๆ แล้วดึงร่างของจ้าวหรุ่ยให้เข้ามา ปล่อยให้นางนอนทับตัวเขา วางแขนของตัวเองไว้รอบเอวอ่อน มองดูความงามจนแทบหยุดหายใจซึ่งอยู่ใกล้แค่เอื้อม แล้วพูดว่า “เจ้าอยากให้ข้าเป็นรัชทายาทจอมเสเพลไม่ใช่หรือ? งั้นข้าจะทำให้เจ้าดู”

เมื่อสังเกตเห็นแววตาละโมบราวกับหมาป่าของหลี่เฉิน จ้าวหรุ่ยก็รู้สึกกลัวขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ

“ฝ่าบาท หม่อมฉัน หม่อมฉันกลัว...”

จ้าวหรุ่ยพยายามต่อต้านตามสัญชาตญาณ แต่เวลานี้ มือใหญ่ของหลี่เฉินกลับล้วงเข้าไปผ่านรอยแยกตรงช่วงเอวของนางอย่างเผด็จการ

“กลัวอะไร? เจ้าวางยาพิษข้า เพื่อทำให้ร่างกายและจิตใจของข้าค่อยๆ เสื่อมถอยก็ไม่เห็นว่าเจ้าจะกลัวเลย ตอนนี้พอให้เจ้ามารับใช้ข้า กลับกลัวขึ้นมา?”

หลี่เฉินพลิกตัวและกดจ้าวหรุ่ยไว้ข้างใต้

เมื่อสัมผัสได้ถึงความยืดหยุ่นอันน่าทึ่งและความอ่อนนุ่ม หลี่เฉินก็ถอนหายใจอย่างผ่อนคลาย ขณะเดียวกันความร้อนก็พลุ่งพล่านขึ้นมา หลี่เฉินแทบจะอดใจไม่ไหวอยากจะบดขยี้นางด้วยร่างกายของตัวเอง

จ้าวหรุ่ยอุทานออกมาเบาๆ พูดอย่างเขินอายปนกังวลว่า “ฝ่าบาท ไม่ ไม่ได้นะเพคะ หม่อมฉันยังไม่พร้อม...”

หลี่เฉินฝังหน้าลงที่คอของจ้าวหรุ่ย แล้วดมกลิ่นหอมที่ติดอยู่ปลายจมูกของเขา หลี่เฉินระงับความคลุ้มคลั่งและแรงกระตุ้นในใจพลางพูดว่า “เจ้าแต่งเข้าตำหนักบูรพามาครึ่งปีแล้ว แต่ยังไม่พร้อม? เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะเมตตาเจ้าเป็นอย่างดี”

ระหว่างที่พูด หลี่เฉินก็งับเบาๆ ที่ติ่งหูของจ้าวหรุ่ย

การกระตุ้นอย่างฉับพลันทำให้จ้าวหรุ่ยที่ไม่มีประสบการณ์ในเรื่องนั้นพลันหายใจไม่ออก มือของนางจับฟูกด้วยความตื่นตระหนก ไม่รู้ว่ากลัวหรือประหม่า นางเกร็งไปทั่วทั้งตัว บนผิวขาวราวกับน้ำนมค่อยๆ มีสีแดงแผ่ออกมา

จ้าวหรุ่ยมีใจจะต่อต้าน สองมือน้อยๆ ที่ขาวนวลพยายามผลักไสหลี่เฉิน แต่ในฐานะชายหนุ่มที่โตเต็มวัยของหลี่เฉิน และยังเป็นชายหนุ่มที่กลัดมัน ไม่มีอะไรที่นางจะสามารถทำได้ด้วยกำลังอันน้อยนิดของนาง

“ยิ่งเจ้าต่อต้านมากเท่าไร ข้าก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น ในเมื่อเจ้าตัดสินใจจะทำตามคำสั่งของจ้าวเสวียนจีเพื่อยั่วยวนข้า สิ่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว หากเจ้าต้องการจะยั่วยวนข้า ก็ต้องทุ่มอย่างสุดตัว หากลังเลที่จะสละร่างกายของตัวเอง แล้วจะทำให้ข้าหลงใหลเจ้าได้อย่างไร?”

หลี่เฉินหายใจแรง เขาไม่สนใจการต่อต้านของจ้าวหรุ่ย และฉีกเครื่องแบบฝ่ายในอันวิจิตรบนตัวนางออก

เสียงฉีกขาดดังขึ้น ชุดฝ่ายในอันงดงามที่ปักโดยสำนักซูซิ่วก็ถูกกระชากออก เผยให้เห็นเสื้อด้านในสีขาว ภายใต้แสงเทียนสลัวๆ สาวงามผู้อ่อนหวานกำลังแสดงท่าทางหวาดกลัว มันช่างงดงามอย่างสมบูรณ์แบบ

ดวงตาของหลี่เฉินแดงก่ำ ร่างกายรู้สึกกระสับกระส่าย สาวงามเช่นนี้ ยังจะมีชายใดในใต้กล้าที่สามารถต้านทานได้?

“ไม่เอา ไม่เอานะ...หยุด...”

จ้าวหรุ่ยตื่นตระหนก

นางตั้งใจจะมาล่อลวงหลี่เฉิน ทำให้เขาละทิ้งบ้านเมือง แต่ไม่เคยคิดจะเสียสละร่างกายของตัวเองจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นไม่ว่าจะมีความคิดที่ชั่วร้ายแค่ไหน แต่สุดท้ายจ้าวหรุ่ยก็เป็นแค่หญิงสาววัยยี่สิบปีต้นๆ นางไม่เคยมีประสบการณ์ในเรื่องนั้นมาก่อน พอถูกหลี่เฉินฉีกเสื้อผ้าอย่างกะทันหัน สัญชาติญาณก็สั่งให้นางขัดขืนและหลบหนี

“ไม่เอา? หรืออย่าหยุด?”

หลี่เฉินส่งเสียงหัวเราะอย่างชั่วร้าย ความหวาดกลัวของจ้าวหรุ่ยขยายความปรารถนาในตัวเขาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เขาทนไม่ไหวอีกต่อไปจึงโถมตัวไปข้างหน้า...

เสื้อผ้าถูกโยนออกไปทีละชิ้น ช่องว่างระหว่างทั้งสองนั้นก็น้อยลงเรื่อยๆ เสียงคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดดังอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถูกคลื่นซัดไปมา ท่ามกลางแสงเทียนอันสลัว บรรยากาศที่คลุมเครือก็แพร่กระจายอย่างไม่สิ้นสุดภายในห้องบรรทมอันแสนงดงามแห่งนี้

สาวใช้ในวังสองคนที่เฝ้าอยู่นอกประตู เมื่อได้ฟังเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของผู้หญิงและเสียงหอบหายใจหนักๆ ของผู้ชายจากภายในห้อง สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไป

“เร็ว รีบไปที่พระราชวังแล้วรายงานต่อฮองเฮา บอกว่าตำหนักบูรพามีการเปลี่ยนแปลง เชิญพระองค์มาเร็ว!”

เมื่อสาวใช้ในวังได้ยินคําพูดของสหาย ก็ไม่สนสิ่งใด รีบยกกระโปรงขึ้นแล้ววิ่งเข้าไปในความมืด

ครึ่งชั่วยามต่อมา หลี่เฉินมองดูคราบเลือดสีแดงสดบนผ้าปูที่นอน ก็ลุกขึ้นมาแต่งตัวอย่างพอใจ

ตรวจสอบแล้ว บริสุทธิ์ ใสดุจน้ำแข็งบริสุทธิ์ดุจหยก!

บนเตียง หัวไหล่อันกลมกลึงของจ้าวหรุ่ยโผล่พ้นขึ้นมาจากผ้าห่ม เวลานี้นางกำลังกอดผ้าห่มแล้วร่ำไห้ออกมา

“ร้องไห้ทำไม เมื่อครู่เจ้ายังเพลิดเพลินด้วยกันอยู่เลย ตอนนี้ไม่มีอะไรจะให้ร้องไห้แล้ว”

คำพูดของหลี่เฉินทำให้จ้าวหรุ่ยทั้งเขินอายทั้งโมโห นางมองหลี่เฉินด้วยสายตาที่เย็นชา

“ข้าชอบดวงตาของเจ้ามาก”

เขายกมือลูบใบหน้าอันเรียบเนียนของจ้าวหรุ่ย ใช้นิ้วเกลี่ยผมแล้วทัดหูนาง และค่อยๆ ลูบไล้ริมฝีปากของนางด้วยนิ้วหัวแม่มือ หลี่เฉินหัวเราะเบาๆ “รักษามันไว้นะ ยิ่งเกลียดข้ายิ่งชอบ ตอนที่ข้ากอดเจ้า มันก็ยิ่งสนุก”

พูดจบ หลี่เฉินก็ก้าวเท้าออกจากห้องบรรทม โดยไม่สนความเกลียดชังที่ฝังอยู่ในกระดูกของจ้าวหรุ่ย

ทันทีที่ออกมา หลี่เฉินก็ได้ยินเสียงกีบม้าและรถม้าขบวนใหญ่ดังเข้ามา

องค์รักษ์ส่วนพระองค์อวี่หลินกลุ่มหนึ่ง ยืนอยู่หน้าห้องบรรทม แต่ละคนต่างจ้องมองหลี่เฉินพร้อมกับแผ่จิตสังหารออกมา ในหมู่พวกเขา มีอยู่คนหนึ่งซึ่งดูจะโกรธแค้นเป็นพิเศษ เขาแทบอยากจะกลืนกินหลี่เฉินทั้งเป็น

จากนั้นพวกเขาก็แยกออกเป็นสองฝั่งซ้ายขวา เผยให้เห็นเกี้ยวที่งดงามและสูงส่ง สัญลักษณ์ของมารดาแผ่นดิน

เสียงแหลมๆ ของขันทีดังกึกก้องไปทั่วตำหนักบูรพา

“ฮองเฮาเสด็จมาถึงแล้ว!”

“ฮองเฮาทรงพระเจริญพันปีๆ”

ทุกคนที่อยู่หน้าห้องโถงต่างพากันคุกเข่าลง

บนเกี้ยวหงส์ ม่านประตูก็ถูกเปิดออก สตรีผู้หนึ่งซึ่งสวมเสื้อคลุมหงส์ สัญลักษณ์ของมารดาแห่งแผ่นดิน หญิงสาวผู้งดงามเหยียบบนร่างที่คุกเข่าลงของขันทีแล้วเดินลงมาจากเกี้ยวหงส์

“ลูกชายคารวะเสด็จแม่”

หลี่เฉินยกมือขึ้นคารวะ เมื่อเห็นฮองเฮาจ้าวชิงหลานผู้มีรูปโฉมงดงามเหนือคำบรรยาย และบรรยากาศที่หาใครในใต้หล้าเทียบได้

“เจ้ายังรู้ว่าคือเสด็จแม่ของเจ้า?”

ดวงตาหงส์ของจ้าวชิงหลานปรายตามองหลี่เฉินแวบหนึ่ง กล่าวเสียงเย็นชา แล้วสะบัดแขนเสื้อเดินเข้าไปด้านใน

ด้านหลังของนาง ตามมาด้วยองค์รักษ์ส่วนพระองค์อวี่หลินคนหนึ่งที่จ้องมองหลี่เฉินด้วยแววตาอาฆาต

“หยุด”

หลี่เฉินเปิดปากพูดเสียงเรียบ ขณะจ้องมององค์รักษ์ผู้นั้น น้ำเสียงอันเย็นชาก็พูดว่า “ตำหนักบูรพาเป็นที่ประทับของข้า เทียบเท่ากับวังต้องห้าม องค์รักษ์ตัวเล็กๆ อย่างเจ้าคนหนึ่ง กล้าดียังไงจะเข้าไปด้านใน? เบื่อชีวิตแล้วหรือ?”

เมื่อถูกหยุด ใบหน้าของเฉินจื้อเหวินก็เปลี่ยนเป็นสีแดง แล้วพูดอย่างรำคาญว่า “กระหม่อมเป็นผู้บัญชาการทหารองค์รักษ์ฝ่ายใน มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของฮองเฮา...”

“ผู้บัญชาการทหารองค์รักษ์ฝ่ายใน? ก็แค่สุนัขเฝ้าบ้านระดับสูง แต่ก็ยังเป็นสุนัขเฝ้าบ้านอยู่ดี”

เฉินจื้อเหวินโกรธจัดเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขาจ้องมองหลี่เฉินอย่างเหี้ยมโหด มือของเขากดลงบนด้ามดาบที่เอว

ดวงตาของหลี่เฉินเย็นชาอย่างน่ากลัว เขากล่าวเสียงเย็นว่า “ใต้หล้านี้เป็นของตระกูลหลี่ เป็นของเสด็จพ่อข้า และข้าคือองค์รัชทายาทแห่งจักรวรรดิ เจ้าเพียงสุนัขเฝ้าบ้านที่ราชวงศ์เลี้ยงดู กล้าที่จะแว้งกัดเจ้าของหรือ?”

เสียงหัวเราะเย็นชาดังขึ้น ก่อนที่หลี่เฉินจะกล่าวว่า “หากเจ้ากล้าชักดาบ? ข้าก็กล้ารับประกันว่า เพียงเจ้าดึงดาบออกมาหนึ่งนิ้ว ก็เท่ากับมีเจตนาสังหารองค์รัชทายาท โทษคือกบฏ เจ้าลองชักดาบออกมาให้ข้าดูหน่อยสิ?”

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (2)
goodnovel comment avatar
กรัณยวัฒน์ เริไม
ต้องอ่านต่อแล้ว
goodnovel comment avatar
กรัณยวัฒน์ เริไม
น่าอ่านมาก
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 2

    เฉินจื้อกัดฟันด้วยความโกรธ ร่างกายของเขาสั่นเทิ้มไปทั่วร่าง มือที่จับบนด้ามดาบเกร็งแน่นจนเส้นเอ็นปูด เผยให้เห็นถึงความโกรธสุดขีด“ไม่กล้า? ไม่กล้าก็ไสหัวไป! ถอยไปด้านหลังให้ข้าห้าก้าว ลงไปจากขั้นบันได ถ้ากล้าเหยียบขั้นบันไดขึ้นมาหนึ่งก้าว สังหารไร้ปรานี!”หลี่เฉินมองสีหน้าอึมครึมของเฉินจื้อ ที่ค่อยๆ ถอยหลังไปอย่างช้าๆ ด้วยความอับอาย เมื่อถอยลงจากขั้นบันไดขั้นสุดท้ายจึงหยุด หลี่เฉินหัวเราะเสียงเย็น ก่อนจะหันหัวเดินเข้าไปด้านในเมื่อจ้องมองไปที่แผ่นหลังของหลี่เฉิน ความเกลียดชังที่พลุ่งพล่านอยู่ในอกของเฉินจื้อก็แทบจะทำให้เขาคลุ้มคลั่ง“หลี่เฉิน เจ้ารอข้าก่อนเถอะ เมื่อแผนการของฮองเฮากับใต้เท้าราชเลขาธิการบรรลุผล ข้าจะทำให้เจ้าตายไร้ที่ฝัง!”เมื่อกลับเข้ามาด้านใน หลี่เฉินก็เห็นฮองเฮาจ้าวชิงหลานกำลังปลอบใจจ้าวหรุ่ยที่กำลังร้องไห้อยู่อ้อมแขนของนางอย่างระมัดระวัง แม้ว่าจ้าวชิงหลานจะไม่เคยถูกแตะต้อง แต่เมื่อเห็นท่าทางของจ้าวหรุ่ยตอนนี้ และยังรอยเลือดบนแท่นบรรทมจึงพอจะทราบว่าเกิดอะไรขึ้นในฐานะผู้หญิงด้วยกัน นางย่อมเข้าใจหัวอกผู้หญิงด้วยกัน“องค์รัชทายาท ท่านบังอาจไปแล้วนะ!”เมื่อเห็นห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 3

    เสียงร้องแผ่วเบานี้กระตุ้นความตื่นตัวของเฉินจื้อที่อยู่ข้างนอกทันที“ฮองเฮาทรงเกิดอะไรขึ้นพ่ะย่ะค่ะ?”จ้าวชิงหลานมองหลี่เฉินที่มองนางด้วยรอยยิ้มที่มั่นใจ นางแอบกัดฟันด้วยความเกลียดชัง และนำความไม่พอใจทั้งหมดไประบายใส่เฉินจื้อ“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า ไม่ต้องถามมาก”เมื่อเฉินจื้อถูกตำหนิ เขาก็ยิ่งรู้สึกอับอายมากยิ่งขึ้นเมื่อไม่มีที่ระบายความโกรธ เขาจึงหันกลับมาด่าขันทีที่กำลังขับรถม้า “ขับรถม้าให้ดีๆ หน่อย หากทำให้ฮองเฮาตกใจอีกครั้ง ข้าจะแล่เนื้อเจ้าซะ!”ภายในเกี้ยวหงส์ ตู้นั้นสั่นเล็กน้อย ราวกับกรงสัตว์ก็ไม่ปาน ทำให้จ้าวชิงหลานนึกอยากจะหนีก็หนีไม่ได้จ้าวชิงหลานนั่งบนต้นขาของหลี่เฉิน ราวกับนั่งอยู่บนเข็มก็ไม่ปานนางคิดจะลุกขึ้น แต่ทุกครั้งที่ทำตามความตั้งใจ หลี่เฉินก็จะดึงนางกลับมา และบังคับให้นั่งลงอย่างแน่วแน่“เจ้า เจ้าไม่กลัวข้าจะสังหารเจ้ารึ!?”เมื่อมองไปที่ปากแดงฟันขาวนั่น จ้าวชิงหลานก็แอบกัดฟันแน่น หลี่เฉินพูดด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายว่า “ฮองเฮายอมแพ้หรือไม่?”ในขณะที่พูดก็ฉวยโอกาสที่จ้าวชิงหลานไม่ทันสังเกต ใช้มือใหญ่ของเขาคลำไปตามระหว่างเอวและหน้าท้อง ท้องน้อยที่แบนราบ เ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 4

    หัวใจของหลี่เฉินหนักอึ้ง เขารู้ว่า ฮ่องเต้กำลังทดสอบตัวเองผลงานของเจ้าของร่างเดิมนั้นไม่ค่อยดีนัก จนถึงขั้นที่ว่าแม้แต่วินาทีสุดท้ายของฮ่องเต้ พระองค์ก็ยังไม่กล้าที่จะมอบภาระของประเทศไว้บนบ่าของเขาตอนนี้อาจกล่าวได้ว่า การกระทำของเขานั้นจะเป็นตัวกำหนดชะตากรรมของเขาในท้ายที่สุด“ความยากในการบริหารแผ่นดิน เกิดจากปัญหาภายในและภายนอก”หลี่เฉินผสมผสานความทรงจำจากเจ้าของร่างเดิม เข้ากับความรู้ทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการขึ้นและลงของราชวงศ์ที่เขาอ่านก่อนทะลุมิติมา จากนั้นก็กล่าวว่า “ปัญหาจากภายนอก มาจากพวกคนเถื่อน เฉวี่ยนหรง หนู่เจิน ซยงหนู นอกจากนี้ยังมีพิษร้ายที่เหลือรอดจากอดีตราชวงศ์หยวน ซึ่งต้องการทำลายต้าฉินของพวกเรา”“ปัญหาจากภายใน มาจากการแบ่งแยกของอ๋องศักดินา ซึ่งก็คือพระบรมวงศานุวงศ์ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นท่านอ๋องหรือโหว พวกเขามีอำนาจเก็บภาษีในดินแดนศักดินา และมีอำนาจทางการทหาร มันเป็นเพียงสถานที่นอกกฎหมาย เป็นเขตปกครองตนเอง นับว่าเป็นปัญหาที่ร้ายแรงจริงๆ ”“ยังมีเจ้าหน้าที่ทุจริตออกอาละวาดในท้องถิ่น พวกขุนนางใหญ่จัดตั้งกลุ่มเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว พวกเขาต่อสู้เพื่ออำนาจและ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 5

    หลี่เฉินยิ้มอย่างมีความสุขไม่มีใครในใต้หล้านี้ไม่กลัวอำนาจและวิธีการสังหารของหน่วยบูรพา มีเพียงราชวงศ์เท่านั้นที่จะไม่กลัว เพราะอำนาจของพวกเขามาจากฮ่องเต้ และพวกเขา ก็ยังเป็นสุนัขรับใช้ที่ภักดีที่สุดในเงื้อมมือของฮ่องเต้อีกด้วยในฐานะกวางกงของหน่วยบูรพาที่เหล่าขุนนางบุ๋นบู๊ต่างต้องการสังหาร เขาคงเป็นคนแรกที่เต็มใจเข้ามาพึ่งพาตัวเองกองกำลังนี้จะช่วยเขาได้มากอย่างแน่นอน“ดีมาก”หลี่เฉินโยนดาบในมือไปตรงหน้าขันทีซานเป่าแล้วพูดว่า “เสด็จพ่อเคยมอบดาบให้กับเจ้า แต่ตอนนี้ดาบเล่มนั้นขึ้นสนิมไปแล้ว ดังนั้นตอนนี้ ข้าจะให้ดาบเล่มนี้แก่เจ้า เจ้าต้องการมันไหม?”ขันทีซานเป่าคุกเข่าอย่างนอบน้อม แล้วหยิบดาบบนพื้นขึ้นมา จับมันไว้แน่นแล้วกล่าวว่า “เมื่อฝ่าบาทมอบราชโองการให้แก่บ่าว ทรงเคยตรัสว่า ต่อไปนี้ บ่าวจะเป็นดาบในมือของพระองค์”เมื่อมองดูประตูวังสุทธาสวรรค์ที่ปิดอยู่ ดูเหมือนว่าฮ่องเต้บนแท่นนอนที่ยืนหยัดหายใจอยู่ จะได้เตรียมการเอาไว้แล้ว“ในบรรดาองค์ชายทั้งหลาย องค์ชายเก้าเป็นบุตรคนสุดท้อง เมื่อหลายปีก่อน ฮองเฮาทรงขอเสด็จพ่อรับเลี้ยงดูองค์ชายเก้า และเชิญหัวหน้าสภาขุนนางมาสั่งสอนเป็นการส่วน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 6

    “อย่าอะไร?”จ้าวหรุ่ยในอ้อมแขนดูเหมือนกระต่ายที่หวาดกลัว ดวงตาที่สดใสเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและความสับสนจ้าวหรุ่ยไม่รู้ว่า ยิ่งนางกลัวและอยากจะหนีมากเท่าไร เสน่ห์ที่เป็นธรรมชาติซึ่งแฝงอยู่ในกระดูกของนางก็ยิ่งจะโดดเด่นมากขึ้นเท่านั้น และยิ่งดึงดูดหลี่เฉินมากขึ้นหลี่เฉินจับเอวที่ไม่มีกระดูกของจ้าวหรุ่ย แล้วหัวเราะอย่างชั่วร้ายที่ข้างหูนาง “อย่าอะไร อย่าไม่ทำอะไรสักอย่าง หรือว่าอย่าหยุดกันแน่?”จ้าวหรุ่ยทั้งอับอายทั้งโมโหคำตอบทั้งสองข้อที่หลี่เฉินกล่าวออกมานั้น ไม่มีข้อไหนที่นางอยากจะพูดนางไม่เข้าใจว่าเหตุใดองค์รัชทายาทที่หลงใหลในตัวนางมาโดยตลอด ถึงได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ภายในเวลาสั้นๆ ก่อนหน้านี้ นางไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวมากนัก เพียงแค่ส่งยิ้มจางๆ ก็สามารถทำให้องค์รัชทายาทเชื่อฟังคำพูดของนางได้แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าองค์รัชทายาทจะกลายเป็นปีศาจ และเรียกร้องอย่างตะกละตะกลามอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่านางจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม“ฝ่าบาท โปรดปฏิบัติต่อหม่อมฉันอย่างทะนุถนอม” จ้าวหรุ่ยอ้อนวอนเสียงสะอื้นหลี่เฉินหยอกล้อจ้าวหรุ่ย ผิวพรรณของนางขาวเหมือนเครื่องเคลือบ นอกจากนี้ยังแดงก่ำเห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 7

    บทสนทนาระหว่างองครักษ์เสื้อแพรและหลี่เฉินที่ด้านนอกนั้นสามารถได้ยินอย่างชัดเจน“ตายแล้ว...เฉินจื้อตายแล้ว”จ้าวหรุ่ยค่อยๆ หลับตาลง แม้ว่าเตียงจะยังอุ่นอยู่ แต่นางกลับรู้สึกเหมือนอยู่ในฤดูหนาวอันหนาวเย็นนางกับเฉินจื้อ แม้จะเป็นเพียงรักข้างเดียวของเฉินจื้อ แต่ก็ยังนับว่าเป็นคนคุ้นเคยของจ้าวหรุ่ย แต่คนเช่นนั้น ถูกทุบตีจนตายอยู่นอกตำหนักจ้าวหรุ่ยกระทั่งรู้สึกว่า เมื่อคืนนี้ หลี่เฉินจงใจฆ่าเฉินจื้อที่ลานกว้างหน้าประตูตำหนัก และทำเรื่องเช่นนั้นกับนางในห้องนางรู้สึกว่าหลี่เฉินในตอนนี้ไม่เพียงแต่ทำให้นางรู้สึกเหมือนเป็นคนแปลกหน้า แต่ยังน่ากลัวอีกด้วย“ไม่ได้การล่ะ ข้าจะต้องหาโอกาสทูลขอความช่วยเหลือจากฮองเฮา เพื่อจัดการองค์รัชทายาท...” จ้าวหรุ่ยกำผ้าห่มแน่น พลางพึมพำกับตัวเององครักษ์เสื้อแพรสองนายเพิ่งจะไป ขันทีซานเป่าก็มาเยือนเขานำรายงานลับมา และมอบให้หลี่เฉินด้วยความเคารพ“องค์รัชทายาท ของที่พระองต์ต้องการอยู่นี่แล้ว”หลี่เฉินหยิบมันขึ้นมาดู แน่นอนว่าเป็นบันทึกชีวิตประจำวันขององค์ชายเก้าตั้งแต่เมื่อคืนนี้ รวมถึงเวลาและสถานที่ที่เขาไป สิ่งที่เขาพูด ทุกอย่างมีรายละเอียดมาก จนองค์

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 8

    คำพูดของหลี่เฉิน ทำให้หลี่เสวียนหน้าซีดเขารีบตอบไปตามจิตใต้สำนึกว่า “ข้า ข้าไม่ได้กบฏ เสด็จแม่และท่านอาจารย์ตกลงจะให้ข้าดูพวกนั้น พวกเขาบอกว่าข้าควรเรียนรู้กิจการของรัฐล่วงหน้า...”ทันทีที่เขาพูดเช่นนี้ เว่ยเสียนที่กำลังคุกเข่าอยู่ข้างๆ ก็แทบกระอักเลือดออกมาองค์ชายเก้าเหตุใดจึงไร้ความคิดเช่นนี้ คำพูดเช่นนั้นกล่าวออกมาง่ายๆ ได้อย่างไร“เรียนรู้กิจการของรัฐล่วงหน้า?”หลี่เฉินจับจุดอ่อนของหลี่เสวียนได้ น้ำเสียงของเขาสูงขึ้นสองส่วน “เรียนรู้กิจการของรัฐล่วงหน้าเพื่ออะไร? หรือว่าเจ้าอยากให้เสด็จทรงสวรรคต จากนั้นก็เอาตำแหน่งของข้าไป?”ในที่สุดหลี่เสวียนก็รู้ตัวว่าเพิ่งพูดอะไรออกไปเขาหน้าซีด คุกเข่าลงเสียงดังตุบ รีบอธิบายด้วยความตื่นกลัวว่า “พี่รอง ข้า ข้าไม่ได้มีความหมายเช่นนั้น...”เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มรุนแรงขึ้น สาวใช้ส่วนตัวของหลี่เสวียนจึงถอยหลังออกไปอย่างเงียบๆ และวิ่งตรงไปที่วังฮองเฮา“จะมีความหมายเช่นนั้นหรือไม่ ข้าจะมาคิดบัญชีกับเจ้าทีหลัง”หลี่เฉินพูดจบ เขาก็หันไปสั่งขันทีซานเป่าว่า “หูหนวกเหรอ? หรือจะให้ข้าลงมือเอง?”ขันทีซานเป่าได้ยินก็รีบลุกขึ้นยืน สั่งองครักษ์

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 9

    คำพูดของหลี่เฉิน ทำให้จ้าวชิงหลานตัวแข็งทื่อหลี่เฉินเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ใกล้จนทั้งสองสามารถสัมผัสลมหายใจของกันและกันได้อย่างชัดเจนจ้าวชิงหลานกำลังดิ้นรนอยู่ในใจ นางรู้สึกว่าไม่สามารถเป็นแบบนี้ต่อไปได้แต่หลี่เฉินดูเหมือนจะไม่เกรงกลัวอะไรเลย และยังคงเขยับเข้ามาต่อภายในห้องโถงเงียบสงบอย่างน่าประหลาด มีเพียงเสียงเสื้อผ้าที่เสียดสีกันซึ่งเกิดจากการทะเลาะกันระหว่างทั้งสองร่าง และมีเสียงหอบหายใจเป็นครั้งคราวความรู้สึกของการเป็นหัวขโมยนั้น ทำให้หลี่เฉินรู้สึกตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นเมื่อเห็นฮองเฮาผู้เป็นมารดาของแผ่นดินถูกเขากระตุ้นให้โกรธและอับอาย หลี่เฉินก็รู้สึกเหมือนมีไฟลุกอยู่ในใจ“นี่คือพระราชวังหงส์สราญ ที่ประทับของฮองเฮา เจ้า เจ้าไม่กลัวตายจริงหรือ?” จ้าวชิงหลานพูดอย่างร้อนใจ พลางข่มขู่เสียงเบา“กลัวสิ ทำไมจะไม่กลัวตาย ใต้หล้านี้มีใครบ้างที่ไม่กลัวตาย”หลี่เฉินลุกขึ้นเล็กน้อย ก่อนผลักจ้าวชิงหลานลงบนเบาะขนาดใหญ่ด้วยท่าทางก้าวร้าว และมองลงมาที่เสด็จแม่ของเขา ​​ผู้หญิงที่หายใจถี่อยู่ใต้ร่างเขาจ้าวชิงหลานทั้งตกใจทั้งกลัว“ดังนั้น พวกเราต้องเบาๆ เสียงหน่อยนะ”คำพูดของหลี่เ

Latest chapter

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1030

    "ใต้เท้าจ้าวช่างชอบพูดเล่นจริงๆ"เฉินป้าวกั๋วเอ่ยด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ มองจ้าวเหอซานด้วยสายตาเรียบเฉย "ทั่วทั้งมณฑลซีซาน ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าใต้เท้าจ้าวรักความสงบที่สุด?"ตอนที่จ้าวเหอซานเพิ่งมารับตำแหน่งที่มณฑลซีซาน เขาได้เรียกประชุมขุนนางทุกคนในพื้นที่ และคำพูดแรกที่ออกจากปากของเขาคือเขาจ้าวเหอซาน รักความสงบ และชอบสร้างมิตรแต่เพียงไม่นานหลังจากนั้น ขุนนางที่ได้ฟังคำพูดเหล่านั้น ถูกโยกย้าย ถูกลดตำแหน่ง หรือหนักกว่านั้นคือถูกจับเข้าคุกดังนั้น ในวงการขุนนางของมณฑลซีซาน คำว่าจ้าวเหอซานรักความสงบ จึงกลายเป็นคำพูดประชดประชันโดยปริยายจ้าวเหอซานยิ้มบางๆ เอ่ยกับเฉินป้าวกั๋ว "แม่ทัพเฉิน เจ้าอย่าเพิ่งแสดงอารมณ์เช่นนี้ อีกไม่นานนัก เจ้าจะรู้ว่าข้ากำลังช่วยเจ้าอยู่"เฉินป้าวกั๋วแค่นหัวเราะเย็นชา "เช่นนั้นข้าควรขอบคุณเจ้าหรือ?""ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก"จ้าวเหอซานโบกมือเบาๆ ก่อนหันไปมองทางเมืองหลวง โค้งคำนับเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า "เจ้าควรขอบคุณองค์รัชทายาท"เฉินป้าวกั๋วขมวดคิ้ว สีหน้าหนักแน่น กล่าวเสียงเข้ม "ใต้เท้าจ้าว เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่อยากเข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งในเมืองหลวง แต่การกระทำขอ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1029

    หลี่เฉินหัวเราะเสียงดัง เอ่ยขึ้นว่า "ได้เจ้าเป็นภรรยา ถือเป็นโชควาสนาของข้า"ซูจิ่นพ่าลอบมองเขา กัดริมฝีปากเบาๆ แต่ไม่ได้ตอบอะไรตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ นางรู้สึกว่าตัวเองถูกสถานการณ์ผลักให้เดินไปข้างหน้าโดยไม่มีทางเลือกแม้ว่าพิธีสมรสจะดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว แต่ลึกๆ ในใจ นางก็ยังรู้สึกว่า ตนเองยังไม่พร้อมที่จะแต่งงานอย่างไรก็ตาม หลี่เฉินไม่ได้มองนางตรงๆ อีกแล้ว และไม่ได้เอ่ยคำพูดใดที่มากไปกว่าจำเป็น"ทหาร"หลี่เฉินกล่าวเสียงราบเรียบ "คุ้มครองฮองเฮาและพระชายาองค์รัชทายาท หากมีผู้ใดปล่อยให้เกิดอันตราย แม้แต่คนเดียวในพวกเจ้า ข้าจะสั่งประหารทั้งตระกูล!"สิ้นคำพูดของเขา หลี่เฉินสะบัดแขนเสื้อ ชุดแต่งงานสีแดงสดพลิ้วไหว ก่อนก้าวเท้าออกไปทางประตูศาลบูรพกษัตริย์และทันทีที่เขาเดินไปข้างหน้า เงาร่างของทหารนับไม่ถ้วนก็โผล่ออกมาจากเงามืดทหารเหล่านี้ทุกคนสวมใส่ชุดเกราะ ถือดาบยาวเป็นอาวุธประจำตัว แต่ที่พิเศษคือ พวกเขาทุกคนต่างมีไม้เหล็กสีดำสนิทสะพายอยู่บนหลัง นอกจากนี้ ที่เอวของแต่ละคนยังมีถุงหนังที่พองตัว ไม่ทราบว่าด้านในบรรจุอะไรเอาไว้ขณะที่เงาร่างของทหารกระจายตัวไปทั่วบริเวณ ร่างหนึ่งก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1028

    เสียงประตูศาลบูรพกษัตริย์เปิดออกช้าๆหลี่เฉินก้าวออกไปด้านนอกที่หน้าประตู ซูจิ่นพ่ากำลังยืนอยู่ในชุดแต่งงานซูจิ่นพ่าในวันนี้ สวมอาภรณ์มงคลสีแดงเข้ม งามสง่าและสมบูรณ์แบบปิ่นประดับมุกหงส์ห้อยระย้า ประดับเครื่องสำอางบางเบา ใบหน้าเรียวรูปเมล็ดแตงดูประณีตดุจรังสรรค์จากสวรรค์ คิ้วเรียวบางราวภูผาไกล ดวงตากระจ่างใสราวน้ำในฤดูใบไม้ร่วง ปลายจมูกงามระหง ริมฝีปากอิ่มสีกลีบท้องามเหนือคำบรรยาย งามดุจเทพธิดานี่แหละความงามที่ทำให้แผ่นดินล่มสลาย"แต่โบราณมา คำสดุดีที่สูงสุดสำหรับสตรีคงเป็น แต่จิ่นพ่าในวันนี้กลับงดงามยิ่งกว่าเทพลั่วเสียอีก ย้อนคิดถึงสี่มหางามในประวัติศาสตร์ แม้แต่ซีซือ หรือหวังเจาจวิน ก็คงไม่อาจงามไปกว่านี้แล้ว"คำกล่าวของหลี่เฉินทำให้ซูจิ่นพ่ารู้สึกประหม่าเล็กน้อยนางก้มหน้าลงเล็กน้อย เอ่ยเสียงเบา "หม่อมฉันคารวะองค์รัชทายาท"แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันอภิเษก และตามกฎหมายแล้ว ซูจิ่นพ่าคือพระชายาองค์รัชทายาทโดยสมบูรณ์ แต่ในวังหลวง ระเบียบแห่งราชสำนักมาก่อนความสัมพันธ์ในครอบครัว และคู่สมรสหลี่เฉินยกมือขึ้น ตรัสด้วยเสียงอ่อนโยน "ลุกขึ้นเถิด ไปกับข้า"ซูจ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1027

    ความอ่อนนุ่มของร่างกายหญิงสาวถูกกอบกุมไว้ จ้าวชิงหลานรู้สึกว่าทั่วร่างของตนเองเหมือนถูกทำให้ชาไปครึ่งซีกแต่สิ่งที่ทำให้นางไม่อาจยอมรับได้ยิ่งกว่านั้น คือคำพูดของหลี่เฉิน"ดังนั้นเจ้าจึงปล่อยให้พวกกบฏทำตามอำเภอใจ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะการตัดสินใจของเจ้า มีราษฎรบริสุทธิ์มากมายต้องสังเวยชีวิต? เจ้าช่างโหดร้ายและไร้หัวใจยิ่งนัก!"หลี่เฉินกล่าวอย่างไร้อารมณ์ "ข้าโหดร้ายไร้หัวใจอย่างนั้นหรือ? แล้วเจ้าคิดว่าเป็นข้าหรือบิดาเจ้าจ้าวเสวียนจีที่แท้จริงแล้วเป็นผู้ที่ละเลยชีวิตผู้คน?""หากไม่ใช่เพราะเขา เหตุการณ์ทั้งหมดนี้คงไม่เกิดขึ้น และตอนนี้เจ้ากลับมาว่าข้าโหดร้ายไร้หัวใจ?""ใช่ มันเป็นความจริงที่มีผู้คนจำนวนมากต้องสังเวยชีวิตเพราะการตัดสินใจของข้า แต่แล้วอย่างไรเล่า? การเสียสละบางส่วนเพื่อรักษาภาพรวมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ข้าคือองค์รัชทายาท เป็นว่าที่ฮ่องเต้ในอนาคต ข้าต้องรักษาแผ่นดินนี้ ต้องรักษาการปกครองของราชวงศ์หลี่ ข้าจำต้องมองภาพรวม ต้องชั่งน้ำหนักความสูญเสีย ไม่ใช่จดจ่อเพียงแค่ชีวิตของคนเพียงหนึ่งหรือสองคน""หากข้าปล่อยให้ทุกอย่างพังทลาย ทั้งแผ่นดินก็จะสูญสิ้น ดังนั้น สิ่งที

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1026

    ภายในศาลบูรพกษัตริย์จ้าวชิงหลานผลักหลี่เฉินออกไปด้วยแรงทั้งหมดของนาง ใบหน้าแดงก่ำด้วยความอับอายและโกรธเกรี้ยว นางเงื้อมือขึ้นหมายจะฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าของหลี่เฉินแต่เมื่อเห็นสายตาสงบนิ่งของหลี่เฉิน นางกลับชะงักไปเล็กน้อย มือที่เงื้อขึ้นสุดท้ายก็ค่อยๆ ลดลงมา นางไม่มีความกล้าพอที่จะฟาดลงไปจริงๆ"เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ!"จ้าวชิงหลานตวาดเสียงดังหลี่เฉินไม่ได้ตอบอะไรเขาเพียงคว้าข้อมือของจ้าวชิงหลานไว้ ก่อนจะดึงร่างของนางเข้ามาในอ้อมแขนอีกครั้งฝ่ามือของเขากดอยู่ที่ท้ายทอยของนาง กดศีรษะของนางให้แนบไปกับแผงอกของเขา แล้วเอ่ยเสียงเบา "เจ้าจะยอมตามใจข้าสักครั้งไม่ได้เลยหรือ?"จ้าวชิงหลานดิ้นรนอย่างสุดกำลัง แต่ผลกลับเป็นเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา นางไม่อาจขยับตัวได้เลย"แค่ไม่ยอมตามใจเจ้า เจ้ากล้าทำกับข้าได้ถึงเพียงนี้ ถ้าข้ายอมตามใจ เจ้าคงคิดทำอะไรมากกว่านี้อีกแน่!"จ้าวชิงหลานทั้งโกรธทั้งอับอาย นางรู้สึกว่าความบริสุทธิ์ของตนเองกำลังถูกหลี่เฉินล่วงเกินจนแทบไม่เหลืออะไรแต่ไม่ว่าดิ้นรนเพียงใด นางก็สลัดหลี่เฉินออกไปไม่ได้ความรู้สึกหมดหนทางเช่นนี้ทำให้นางรู้สึกสิ้นหวัง"เจ้าไม่ต้องกลัว

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1025

    ซูผิงเป่ยเพิ่มน้ำเสียงให้หนักแน่นขึ้น ตวาดออกมา "ราษฎรล้วนบริสุทธิ์ พวกเขาเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้?""แต่ละคนล้วนเป็นหัวหน้าครอบครัว เป็นบิดา เป็นบุตร เป็นมารดา เป็นธิดา เป็นเสาหลักของบ้าน!""แต่เจ้ากลับพรากชีวิตพวกเขาไปโดยไร้ความหมาย แถมยังต้องตายอย่างโหดร้าย! ในวันนั้น ภูเขาจิ่งซานเต็มไปด้วยซากศพ! คนจำนวนมากถูกฝูงแมลงพิษของเจ้ากัดกินจนเหลือเพียงกระดูกขาว! หลี่อิ๋นหู่ เจ้าไม่กลัวสวรรค์ลงทัณฑ์บ้างหรือ!?"เสียงคำรามของซูผิงเป่ยดังราวกับฟ้าคำราม ทำให้สีหน้าของหลี่อิ๋นหู่ยิ่งบึ้งตึงเขารู้ดีว่าเหตุการณ์ที่ภูเขาจิ่งซานจะเป็นมลทินที่ตามติดตัวเขาไปตลอดชีวิตแต่เขาไม่แยแสเขาเชื่อว่าประวัติศาสตร์เขียนขึ้นโดยผู้ชนะ ตราบใดที่เขาชนะในท้ายที่สุด ไม่ว่ามลทินใดๆ ก็จะกลายเป็นเกียรติของเขา"ดูเหมือนว่าเจ้ายังคงดื้อดึงจะต่อต้านจนถึงที่สุดสินะ"ทันทีที่หลี่อิ๋นหู่กล่าวจบ กองพลธนูห้าร้อยนายที่อยู่เบื้องหลังก็พร้อมกันขึ้นสายยิงขณะที่บนกำแพงเมือง ทหารรักษาการณ์ก็ยกคันศรขึ้นเช่นกันกองทัพของทั้งสองฝ่าย ประจันหน้ากัน คนหนึ่งอยู่ด้านล่างกำแพง อีกคนอยู่ด้านบน ต่างฝ่ายต่างเล็งลูกธนูเข้าใส่กัน สถาน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1024

    "พอได้แล้ว"ซูจิ่นพ่าตัดบทความขัดแย้งของทั้งสอง สีหน้าของนางยังคงเรียบเย็น แต่ในใจกลับถอนหายใจเบาๆคนหนึ่งคือรองผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพร ผู้ที่ขุนนางราชสำนักต่างเกรงกลัวยามพบหน้าอีกคนคือตัวแทนจากตำหนักบูรพา คนสนิทของพระที่นั่งสีเจิ้ง ขุนนางทั้งหลายต้องปฏิบัติต่อเขาด้วยท่าทีอ่อนน้อมอย่างน้อยก็ไม่อาจทำให้ขุ่นเคืองแต่สองคนนี้กลับมาขัดแย้งกันเพื่อแย่งชิงความดีความชอบต่อหน้านางทั้งหมดนี้เป็นเพราะชุดเจ้าสาวที่นางสวมอยู่และเป็นเพราะอำนาจนางเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมหลายคนถึงลุ่มหลงในอำนาจนัก"กองทัพทหารหนักที่ส่งมาครั้งนี้มีกี่นาย?" ซูจิ่นพ่าถามเหอคุนตอบทันที "ทั้งหมดหกร้อยนาย มาพร้อมกันครบถ้วน"ซูจิ่นพ่าขมวดคิ้วเล็กน้อย "ทหารหนักเป็นอาวุธสำคัญในการตั้งรับ แต่หากถูกส่งมาที่นี่ทั้งหมด แล้วใครจะดูแลความปลอดภัยขององค์รัชทายาท?"เหอคุนหัวเราะเล็กน้อย "องค์ชายคาดการณ์ไว้ว่าพระชายาองค์รัชทายาทต้องถามเช่นนี้ จึงให้กระหม่อมเรียนพระชายาองค์รัชทายาทว่า ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยขององค์รัชทายาท องค์ชายมีการเตรียมการไว้แล้ว"ซูจิ่นพ่าไม่ใช่คนที่ชอบเสียเวลาถกเถียง โดยเฉพาะในสถานการณ์ที

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1023

    ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่ ร่างของหลูฝูเฉินที่ถูกซัดกระเด็นลอยมาตกลงตรงบริเวณด้านหน้าเกี้ยวของซูจิ่นพ่าพอดีกับที่ก่อนหน้านี้ขุนนางกรมพิธีการยืนอยู่เมื่อร่างของหลูฝูเฉินกระแทกพื้น เสียงดังปังตามมาด้วยเลือดสดที่พุ่งกระจายออกมาเต็มใบหน้าของขุนนางกรมพิธีการ ทำให้เจ้าตัวตกใจจนคลานหนีไปทั่ว ทั้งยังร้องโหยหวนอย่างหวาดกลัวราวกับว่าเขาคือคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเสียเองเพียงแต่ ไม่มีใครสนใจว่าขุนนางกรมพิธีการจะหวาดกลัวหรือทุกข์ทรมานเพียงใดซูจิ่นพ่ามองร่างของหลูฝูเฉินที่นอนหงายอยู่กับพื้นด้วยสายตาเย็นชา และหลูฝูเฉินเองก็ดูเหมือนจะรู้สึกได้ เขาหันศีรษะมามองซูจิ่นพ่าด้วยความยากลำบาก"ทำตัวเอง ย่อมไม่รอด"เพียงหกคำจากปากของซูจิ่นพ่า ทำให้แสงในดวงตาของหลูฝูเฉินค่อยๆ หรี่ลง"ทหาร ให้เขาตายอย่างรวดเร็ว"ซูจิ่นพ่าออกคำสั่ง เฉินทงที่อาบไปด้วยเลือดพุ่งตัวเข้ามา แม้ว่าเขาจะมีบาดแผลอยู่บ้าง แต่ก็ไม่หนักหนาจนส่งผลต่อพลังต่อสู้"รับบัญชา"เฉินทงโค้งคำนับด้วยท่าทีนอบน้อม แต่ทันทีที่หันหลังกลับ ใบหน้าของเขาก็ฉายแววเหี้ยมเกรียม มือยกขึ้นฟันดาบลงอย่างไร้ความลังเล เพียงชั่วพริบตา หลูฝูเฉินที่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1022

    ศัตรูที่ใหญ่ที่สุดของจักรวรรดิต้าฉินก็คือชนเผ่าเร่ร่อนทางเหนือ และอาวุธที่ทรงพลังที่สุดของชนเผ่าเร่ร่อนก็คือกองทัพม้าเพื่อรับมือกับกองทัพม้าของชนเผ่าเร่ร่อน จักรวรรดิต้าฉินไม่เพียงแต่เร่งพัฒนากองทัพม้าของตนเอง แต่ยังคิดค้นวิธีการรับมือโดยเฉพาะตัวอย่างเช่น ทหารหนัก ซึ่งเป็นกองกำลังพิเศษที่พัฒนาขึ้นจากทหารราบทั่วไป มีไว้เพื่อรับมือกับกองทัพม้าโดยเฉพาะทหารหนักมีข้อกำหนดที่เข้มงวดต่อร่างกายของทหารเป็นอย่างมาก ในจักรวรรดิต้าฉินซึ่งมีความสูงเฉลี่ยไม่ถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร ผู้ที่ต้องการเข้าประจำการในกองทัพทหารหนักต้องมีความสูงไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสามเซนติเมตร และมีน้ำหนักไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยสี่สิบชั่งหากไม่เป็นเช่นนั้น พวกเขาจะไม่มีทางสวมเกราะเหล็กเต็มตัวที่หนักถึงหกสิบจิน หรือถือโล่เหล็กดำที่หนักถึงแปดสิบชั่งได้เมื่อรวมกับดาบรบและอาวุธอื่นๆ ภาระน้ำหนักของทหารหนักแต่ละนายจะอยู่ที่หนึ่งร้อยหกสิบชั่งเป็นอย่างน้อยกองกำลังประเภทนี้ย่อมเป็นหน่วยที่ใช้ทรัพยากรมหาศาล ราชสำนักต้องใช้เงินเฉลี่ยปีละสามสิบตำลึงเงินต่อทหารหนักหนึ่งนาย ซึ่งเงินจำนวนนี้เพียงพอสำหรับเลี้ยงทหารราบทั่ว

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status