Share

รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์
รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์
Author: ไห่ตงชิง

บทที่ 1

Author: ไห่ตงชิง
จักรวรรดิต้าฉิน ห้องบรรทมในตำหนักบูรพาขององค์รัชทายาท

“ฝ่าบาท หม่อมฉันมีไฝที่หน้าอก ท่านอยากดูไหม?”

หลี่เฉินลืมตาโพลงขึ้นมา และหอบหายใจอย่างหนักราวกับปลาขาดน้ำ

เขาจ้องมองเสาแกะสลักลายมังกรรอบๆ ด้วยความประหลาดใจ การตกแต่งห้องแบบโบราณและวิจิตรตระการตา บวกกับมีสาวงามที่น่าทึ่งนั่งอยู่ข้างเตียง เขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ

วิญญาณของฉัน ทะลุมิติมาเหรอ!?

“ฝ่าบาท ท่านทรงเป็นอะไรไป?”

ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ เขาสวยกว่าดาราหญิงทุกคนในชาติก่อนของเขากำลังส่งเสียงเรียก ทำให้ความคิดของหลี่เฉินกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง ฉับพลันความทรงจำก็หลั่งไหลเข้ามาในจิตใจของหลี่เฉิน ทำให้เขาเปล่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

หลังหายใจเข้าอย่างหนัก หลี่เฉินก็เข้าใจขึ้นมา

ชาตินี้ เขาไม่ใช่มนุษย์เงินเดือนที่ถือว่าทำงานหามรุ่งหามค่ำเป็นพรอีกต่อไป แต่เป็นรัชทายาทแห่งจักรวรรดิต้าฉิน ว่าที่ฮ่องเต้ ทายาทที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงคนเดียวในจักรวรรดิต้าฉินอันยิ่งใหญ่!

ชาตินี้ เขาไม่ใช่ผู้ชายจนๆ อีกต่อไป แต่เป็นผู้มีอำนาจและสถานะ ควบคุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใต้หล้าไว้ในมือ!

“ฉัน...ข้าอยากเห็น แน่นอนอยากเห็นสิ”

หลี่เฉินได้สติขึ้นมา และจ้องมองไปที่จ้าวหรุ่ยผู้มีเสน่ห์ภายใต้แสงเทียนสลัวๆ หลี่เฉินรู้สึกร้อนผ่าวที่หน้าอกและท้องของเขา

ผู้หญิงแบบนี้ ในชาติก่อน เขาก็ทำได้แค่เลียผ่านหน้าจอแต่ไม่สามารถเข้าคิวได้

แต่ตอนนี้ สตรีที่บอบบางละเอียดอ่อนเช่นนี้ กลับพร้อมให้รอเลือกสรร มันช่างร้อนแรงจริงๆ

ที่น่าขันก็คือเจ้าของร่างเดิมนั้น รับจ้าวหรุ่ยเข้าตำหนักบูรพาได้ครึ่งปีแล้ว แต่ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา เจ้าของร่างเดิมนั้นขี้ขลาดมองจ้าวหรุ่ยเป็นเทพธิดา จึงไม่กล้าล่วงเกิน และไม่กล้าสัมผัส

แต่เช่นนั้นก็ดี จ้าวหรุ่ยที่ใสดุจน้ำแข็งและสะอาดดุจหยกจะตกเป็นของเขาโดยเฉพาะ

ทะลุมิติมาปุ๊บก็ได้รับรางวัลเช่นนี้ มันเทียบได้กับการเปิดแพ็คเกจของขวัญสำหรับมือใหม่ชัดๆ

อย่างไรก็ตาม เมื่อได้หลอมรวมความทรงจำจากเจ้าของร่างเดิม หลี่เฉินก็รู้ว่าสาวงามเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเพลิดเพลิน

“จะดีสักแค่ไหน ถ้าหากสาวงามเช่นเจ้าจะปฏิบัติต่อข้าจากใจจริง?”

คำพูดของหลี่เฉิน ทำให้รอยยิ้มที่มีเสน่ห์บนใบหน้าของจ้าวหรุ่ยแข็งทื่อ ดวงตาของนางดูตื่นตระหนกขณะที่กล่าวว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันปฏิบัติต่อท่านจากใจจริง คำพูดของท่าน หม่อมฉันไม่เข้าใจ”

“ไม่เข้าใจ?”

“เช่นนั้นข้าจะพูดให้เข้าใจเอง จ้าวเสวียนจีเป็นหัวหน้าคณะรัฐมนตรีของราชวงศ์ปัจจุบัน และเป็นพระสัสสุระ ฮองเฮาเป็นลูกสาวของเขา ส่วนเจ้าก็เป็นหลานสาวห่างๆ ของจ้าวเสวียนจี เจ้า จ้าวเสวียนจีและฮองเฮาสมรู้ร่วมคิดกัน โดยเจ้าจะใช้เสน่ห์ยั่วยวนข้า เพื่อทำให้ข้าละทิ้งกิจการบ้านเมืองไป จากนั้นจ้าวเสวียนจีก็จะร่วมมือกับฮองเฮาในวังหลังเพื่อดำเนินแผนการขั้นต่อไป นั่นคือทำให้เสด็จพ่อปลดข้าจากตำแหน่งรัชทายาท และจ้าวเสวียนจีก็จะสนับสนุนรัชทายาทหุ่นเชิดของตัวเอง ใช่หรือไม่?”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา จ้าวหรุ่ยผู้ทรงเสน่ห์ก็ตัวแข็งทื่อในวินาทีนั้น

นางมองไปที่หลี่เฉินด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ ในใจก็ปั่นป่วนขึ้นมา

องค์รัชทายาท องค์รัชทายาททรงรู้ทุกอย่าง!

“องค์ องค์รัชทายาท ท่านทรงพูดอะไร หม่อมฉันไม่เข้าใจ...”

“ไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร”

หลี่เฉินหัวเราะเบาๆ แล้วดึงร่างของจ้าวหรุ่ยให้เข้ามา ปล่อยให้นางนอนทับตัวเขา วางแขนของตัวเองไว้รอบเอวอ่อน มองดูความงามจนแทบหยุดหายใจซึ่งอยู่ใกล้แค่เอื้อม แล้วพูดว่า “เจ้าอยากให้ข้าเป็นรัชทายาทจอมเสเพลไม่ใช่หรือ? งั้นข้าจะทำให้เจ้าดู”

เมื่อสังเกตเห็นแววตาละโมบราวกับหมาป่าของหลี่เฉิน จ้าวหรุ่ยก็รู้สึกกลัวขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ

“ฝ่าบาท หม่อมฉัน หม่อมฉันกลัว...”

จ้าวหรุ่ยพยายามต่อต้านตามสัญชาตญาณ แต่เวลานี้ มือใหญ่ของหลี่เฉินกลับล้วงเข้าไปผ่านรอยแยกตรงช่วงเอวของนางอย่างเผด็จการ

“กลัวอะไร? เจ้าวางยาพิษข้า เพื่อทำให้ร่างกายและจิตใจของข้าค่อยๆ เสื่อมถอยก็ไม่เห็นว่าเจ้าจะกลัวเลย ตอนนี้พอให้เจ้ามารับใช้ข้า กลับกลัวขึ้นมา?”

หลี่เฉินพลิกตัวและกดจ้าวหรุ่ยไว้ข้างใต้

เมื่อสัมผัสได้ถึงความยืดหยุ่นอันน่าทึ่งและความอ่อนนุ่ม หลี่เฉินก็ถอนหายใจอย่างผ่อนคลาย ขณะเดียวกันความร้อนก็พลุ่งพล่านขึ้นมา หลี่เฉินแทบจะอดใจไม่ไหวอยากจะบดขยี้นางด้วยร่างกายของตัวเอง

จ้าวหรุ่ยอุทานออกมาเบาๆ พูดอย่างเขินอายปนกังวลว่า “ฝ่าบาท ไม่ ไม่ได้นะเพคะ หม่อมฉันยังไม่พร้อม...”

หลี่เฉินฝังหน้าลงที่คอของจ้าวหรุ่ย แล้วดมกลิ่นหอมที่ติดอยู่ปลายจมูกของเขา หลี่เฉินระงับความคลุ้มคลั่งและแรงกระตุ้นในใจพลางพูดว่า “เจ้าแต่งเข้าตำหนักบูรพามาครึ่งปีแล้ว แต่ยังไม่พร้อม? เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะเมตตาเจ้าเป็นอย่างดี”

ระหว่างที่พูด หลี่เฉินก็งับเบาๆ ที่ติ่งหูของจ้าวหรุ่ย

การกระตุ้นอย่างฉับพลันทำให้จ้าวหรุ่ยที่ไม่มีประสบการณ์ในเรื่องนั้นพลันหายใจไม่ออก มือของนางจับฟูกด้วยความตื่นตระหนก ไม่รู้ว่ากลัวหรือประหม่า นางเกร็งไปทั่วทั้งตัว บนผิวขาวราวกับน้ำนมค่อยๆ มีสีแดงแผ่ออกมา

จ้าวหรุ่ยมีใจจะต่อต้าน สองมือน้อยๆ ที่ขาวนวลพยายามผลักไสหลี่เฉิน แต่ในฐานะชายหนุ่มที่โตเต็มวัยของหลี่เฉิน และยังเป็นชายหนุ่มที่กลัดมัน ไม่มีอะไรที่นางจะสามารถทำได้ด้วยกำลังอันน้อยนิดของนาง

“ยิ่งเจ้าต่อต้านมากเท่าไร ข้าก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น ในเมื่อเจ้าตัดสินใจจะทำตามคำสั่งของจ้าวเสวียนจีเพื่อยั่วยวนข้า สิ่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว หากเจ้าต้องการจะยั่วยวนข้า ก็ต้องทุ่มอย่างสุดตัว หากลังเลที่จะสละร่างกายของตัวเอง แล้วจะทำให้ข้าหลงใหลเจ้าได้อย่างไร?”

หลี่เฉินหายใจแรง เขาไม่สนใจการต่อต้านของจ้าวหรุ่ย และฉีกเครื่องแบบฝ่ายในอันวิจิตรบนตัวนางออก

เสียงฉีกขาดดังขึ้น ชุดฝ่ายในอันงดงามที่ปักโดยสำนักซูซิ่วก็ถูกกระชากออก เผยให้เห็นเสื้อด้านในสีขาว ภายใต้แสงเทียนสลัวๆ สาวงามผู้อ่อนหวานกำลังแสดงท่าทางหวาดกลัว มันช่างงดงามอย่างสมบูรณ์แบบ

ดวงตาของหลี่เฉินแดงก่ำ ร่างกายรู้สึกกระสับกระส่าย สาวงามเช่นนี้ ยังจะมีชายใดในใต้กล้าที่สามารถต้านทานได้?

“ไม่เอา ไม่เอานะ...หยุด...”

จ้าวหรุ่ยตื่นตระหนก

นางตั้งใจจะมาล่อลวงหลี่เฉิน ทำให้เขาละทิ้งบ้านเมือง แต่ไม่เคยคิดจะเสียสละร่างกายของตัวเองจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นไม่ว่าจะมีความคิดที่ชั่วร้ายแค่ไหน แต่สุดท้ายจ้าวหรุ่ยก็เป็นแค่หญิงสาววัยยี่สิบปีต้นๆ นางไม่เคยมีประสบการณ์ในเรื่องนั้นมาก่อน พอถูกหลี่เฉินฉีกเสื้อผ้าอย่างกะทันหัน สัญชาติญาณก็สั่งให้นางขัดขืนและหลบหนี

“ไม่เอา? หรืออย่าหยุด?”

หลี่เฉินส่งเสียงหัวเราะอย่างชั่วร้าย ความหวาดกลัวของจ้าวหรุ่ยขยายความปรารถนาในตัวเขาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เขาทนไม่ไหวอีกต่อไปจึงโถมตัวไปข้างหน้า...

เสื้อผ้าถูกโยนออกไปทีละชิ้น ช่องว่างระหว่างทั้งสองนั้นก็น้อยลงเรื่อยๆ เสียงคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดดังอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถูกคลื่นซัดไปมา ท่ามกลางแสงเทียนอันสลัว บรรยากาศที่คลุมเครือก็แพร่กระจายอย่างไม่สิ้นสุดภายในห้องบรรทมอันแสนงดงามแห่งนี้

สาวใช้ในวังสองคนที่เฝ้าอยู่นอกประตู เมื่อได้ฟังเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของผู้หญิงและเสียงหอบหายใจหนักๆ ของผู้ชายจากภายในห้อง สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไป

“เร็ว รีบไปที่พระราชวังแล้วรายงานต่อฮองเฮา บอกว่าตำหนักบูรพามีการเปลี่ยนแปลง เชิญพระองค์มาเร็ว!”

เมื่อสาวใช้ในวังได้ยินคําพูดของสหาย ก็ไม่สนสิ่งใด รีบยกกระโปรงขึ้นแล้ววิ่งเข้าไปในความมืด

ครึ่งชั่วยามต่อมา หลี่เฉินมองดูคราบเลือดสีแดงสดบนผ้าปูที่นอน ก็ลุกขึ้นมาแต่งตัวอย่างพอใจ

ตรวจสอบแล้ว บริสุทธิ์ ใสดุจน้ำแข็งบริสุทธิ์ดุจหยก!

บนเตียง หัวไหล่อันกลมกลึงของจ้าวหรุ่ยโผล่พ้นขึ้นมาจากผ้าห่ม เวลานี้นางกำลังกอดผ้าห่มแล้วร่ำไห้ออกมา

“ร้องไห้ทำไม เมื่อครู่เจ้ายังเพลิดเพลินด้วยกันอยู่เลย ตอนนี้ไม่มีอะไรจะให้ร้องไห้แล้ว”

คำพูดของหลี่เฉินทำให้จ้าวหรุ่ยทั้งเขินอายทั้งโมโห นางมองหลี่เฉินด้วยสายตาที่เย็นชา

“ข้าชอบดวงตาของเจ้ามาก”

เขายกมือลูบใบหน้าอันเรียบเนียนของจ้าวหรุ่ย ใช้นิ้วเกลี่ยผมแล้วทัดหูนาง และค่อยๆ ลูบไล้ริมฝีปากของนางด้วยนิ้วหัวแม่มือ หลี่เฉินหัวเราะเบาๆ “รักษามันไว้นะ ยิ่งเกลียดข้ายิ่งชอบ ตอนที่ข้ากอดเจ้า มันก็ยิ่งสนุก”

พูดจบ หลี่เฉินก็ก้าวเท้าออกจากห้องบรรทม โดยไม่สนความเกลียดชังที่ฝังอยู่ในกระดูกของจ้าวหรุ่ย

ทันทีที่ออกมา หลี่เฉินก็ได้ยินเสียงกีบม้าและรถม้าขบวนใหญ่ดังเข้ามา

องค์รักษ์ส่วนพระองค์อวี่หลินกลุ่มหนึ่ง ยืนอยู่หน้าห้องบรรทม แต่ละคนต่างจ้องมองหลี่เฉินพร้อมกับแผ่จิตสังหารออกมา ในหมู่พวกเขา มีอยู่คนหนึ่งซึ่งดูจะโกรธแค้นเป็นพิเศษ เขาแทบอยากจะกลืนกินหลี่เฉินทั้งเป็น

จากนั้นพวกเขาก็แยกออกเป็นสองฝั่งซ้ายขวา เผยให้เห็นเกี้ยวที่งดงามและสูงส่ง สัญลักษณ์ของมารดาแผ่นดิน

เสียงแหลมๆ ของขันทีดังกึกก้องไปทั่วตำหนักบูรพา

“ฮองเฮาเสด็จมาถึงแล้ว!”

“ฮองเฮาทรงพระเจริญพันปีๆ”

ทุกคนที่อยู่หน้าห้องโถงต่างพากันคุกเข่าลง

บนเกี้ยวหงส์ ม่านประตูก็ถูกเปิดออก สตรีผู้หนึ่งซึ่งสวมเสื้อคลุมหงส์ สัญลักษณ์ของมารดาแห่งแผ่นดิน หญิงสาวผู้งดงามเหยียบบนร่างที่คุกเข่าลงของขันทีแล้วเดินลงมาจากเกี้ยวหงส์

“ลูกชายคารวะเสด็จแม่”

หลี่เฉินยกมือขึ้นคารวะ เมื่อเห็นฮองเฮาจ้าวชิงหลานผู้มีรูปโฉมงดงามเหนือคำบรรยาย และบรรยากาศที่หาใครในใต้หล้าเทียบได้

“เจ้ายังรู้ว่าคือเสด็จแม่ของเจ้า?”

ดวงตาหงส์ของจ้าวชิงหลานปรายตามองหลี่เฉินแวบหนึ่ง กล่าวเสียงเย็นชา แล้วสะบัดแขนเสื้อเดินเข้าไปด้านใน

ด้านหลังของนาง ตามมาด้วยองค์รักษ์ส่วนพระองค์อวี่หลินคนหนึ่งที่จ้องมองหลี่เฉินด้วยแววตาอาฆาต

“หยุด”

หลี่เฉินเปิดปากพูดเสียงเรียบ ขณะจ้องมององค์รักษ์ผู้นั้น น้ำเสียงอันเย็นชาก็พูดว่า “ตำหนักบูรพาเป็นที่ประทับของข้า เทียบเท่ากับวังต้องห้าม องค์รักษ์ตัวเล็กๆ อย่างเจ้าคนหนึ่ง กล้าดียังไงจะเข้าไปด้านใน? เบื่อชีวิตแล้วหรือ?”

เมื่อถูกหยุด ใบหน้าของเฉินจื้อเหวินก็เปลี่ยนเป็นสีแดง แล้วพูดอย่างรำคาญว่า “กระหม่อมเป็นผู้บัญชาการทหารองค์รักษ์ฝ่ายใน มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของฮองเฮา...”

“ผู้บัญชาการทหารองค์รักษ์ฝ่ายใน? ก็แค่สุนัขเฝ้าบ้านระดับสูง แต่ก็ยังเป็นสุนัขเฝ้าบ้านอยู่ดี”

เฉินจื้อเหวินโกรธจัดเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขาจ้องมองหลี่เฉินอย่างเหี้ยมโหด มือของเขากดลงบนด้ามดาบที่เอว

ดวงตาของหลี่เฉินเย็นชาอย่างน่ากลัว เขากล่าวเสียงเย็นว่า “ใต้หล้านี้เป็นของตระกูลหลี่ เป็นของเสด็จพ่อข้า และข้าคือองค์รัชทายาทแห่งจักรวรรดิ เจ้าเพียงสุนัขเฝ้าบ้านที่ราชวงศ์เลี้ยงดู กล้าที่จะแว้งกัดเจ้าของหรือ?”

เสียงหัวเราะเย็นชาดังขึ้น ก่อนที่หลี่เฉินจะกล่าวว่า “หากเจ้ากล้าชักดาบ? ข้าก็กล้ารับประกันว่า เพียงเจ้าดึงดาบออกมาหนึ่งนิ้ว ก็เท่ากับมีเจตนาสังหารองค์รัชทายาท โทษคือกบฏ เจ้าลองชักดาบออกมาให้ข้าดูหน่อยสิ?”

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Mga Comments (2)
goodnovel comment avatar
กรัณยวัฒน์ เริไม
ต้องอ่านต่อแล้ว
goodnovel comment avatar
กรัณยวัฒน์ เริไม
น่าอ่านมาก
Tignan lahat ng Komento

Kaugnay na kabanata

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 2

    เฉินจื้อกัดฟันด้วยความโกรธ ร่างกายของเขาสั่นเทิ้มไปทั่วร่าง มือที่จับบนด้ามดาบเกร็งแน่นจนเส้นเอ็นปูด เผยให้เห็นถึงความโกรธสุดขีด“ไม่กล้า? ไม่กล้าก็ไสหัวไป! ถอยไปด้านหลังให้ข้าห้าก้าว ลงไปจากขั้นบันได ถ้ากล้าเหยียบขั้นบันไดขึ้นมาหนึ่งก้าว สังหารไร้ปรานี!”หลี่เฉินมองสีหน้าอึมครึมของเฉินจื้อ ที่ค่อยๆ ถอยหลังไปอย่างช้าๆ ด้วยความอับอาย เมื่อถอยลงจากขั้นบันไดขั้นสุดท้ายจึงหยุด หลี่เฉินหัวเราะเสียงเย็น ก่อนจะหันหัวเดินเข้าไปด้านในเมื่อจ้องมองไปที่แผ่นหลังของหลี่เฉิน ความเกลียดชังที่พลุ่งพล่านอยู่ในอกของเฉินจื้อก็แทบจะทำให้เขาคลุ้มคลั่ง“หลี่เฉิน เจ้ารอข้าก่อนเถอะ เมื่อแผนการของฮองเฮากับใต้เท้าราชเลขาธิการบรรลุผล ข้าจะทำให้เจ้าตายไร้ที่ฝัง!”เมื่อกลับเข้ามาด้านใน หลี่เฉินก็เห็นฮองเฮาจ้าวชิงหลานกำลังปลอบใจจ้าวหรุ่ยที่กำลังร้องไห้อยู่อ้อมแขนของนางอย่างระมัดระวัง แม้ว่าจ้าวชิงหลานจะไม่เคยถูกแตะต้อง แต่เมื่อเห็นท่าทางของจ้าวหรุ่ยตอนนี้ และยังรอยเลือดบนแท่นบรรทมจึงพอจะทราบว่าเกิดอะไรขึ้นในฐานะผู้หญิงด้วยกัน นางย่อมเข้าใจหัวอกผู้หญิงด้วยกัน“องค์รัชทายาท ท่านบังอาจไปแล้วนะ!”เมื่อเห็นห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 3

    เสียงร้องแผ่วเบานี้กระตุ้นความตื่นตัวของเฉินจื้อที่อยู่ข้างนอกทันที“ฮองเฮาทรงเกิดอะไรขึ้นพ่ะย่ะค่ะ?”จ้าวชิงหลานมองหลี่เฉินที่มองนางด้วยรอยยิ้มที่มั่นใจ นางแอบกัดฟันด้วยความเกลียดชัง และนำความไม่พอใจทั้งหมดไประบายใส่เฉินจื้อ“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า ไม่ต้องถามมาก”เมื่อเฉินจื้อถูกตำหนิ เขาก็ยิ่งรู้สึกอับอายมากยิ่งขึ้นเมื่อไม่มีที่ระบายความโกรธ เขาจึงหันกลับมาด่าขันทีที่กำลังขับรถม้า “ขับรถม้าให้ดีๆ หน่อย หากทำให้ฮองเฮาตกใจอีกครั้ง ข้าจะแล่เนื้อเจ้าซะ!”ภายในเกี้ยวหงส์ ตู้นั้นสั่นเล็กน้อย ราวกับกรงสัตว์ก็ไม่ปาน ทำให้จ้าวชิงหลานนึกอยากจะหนีก็หนีไม่ได้จ้าวชิงหลานนั่งบนต้นขาของหลี่เฉิน ราวกับนั่งอยู่บนเข็มก็ไม่ปานนางคิดจะลุกขึ้น แต่ทุกครั้งที่ทำตามความตั้งใจ หลี่เฉินก็จะดึงนางกลับมา และบังคับให้นั่งลงอย่างแน่วแน่“เจ้า เจ้าไม่กลัวข้าจะสังหารเจ้ารึ!?”เมื่อมองไปที่ปากแดงฟันขาวนั่น จ้าวชิงหลานก็แอบกัดฟันแน่น หลี่เฉินพูดด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายว่า “ฮองเฮายอมแพ้หรือไม่?”ในขณะที่พูดก็ฉวยโอกาสที่จ้าวชิงหลานไม่ทันสังเกต ใช้มือใหญ่ของเขาคลำไปตามระหว่างเอวและหน้าท้อง ท้องน้อยที่แบนราบ เ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 4

    หัวใจของหลี่เฉินหนักอึ้ง เขารู้ว่า ฮ่องเต้กำลังทดสอบตัวเองผลงานของเจ้าของร่างเดิมนั้นไม่ค่อยดีนัก จนถึงขั้นที่ว่าแม้แต่วินาทีสุดท้ายของฮ่องเต้ พระองค์ก็ยังไม่กล้าที่จะมอบภาระของประเทศไว้บนบ่าของเขาตอนนี้อาจกล่าวได้ว่า การกระทำของเขานั้นจะเป็นตัวกำหนดชะตากรรมของเขาในท้ายที่สุด“ความยากในการบริหารแผ่นดิน เกิดจากปัญหาภายในและภายนอก”หลี่เฉินผสมผสานความทรงจำจากเจ้าของร่างเดิม เข้ากับความรู้ทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการขึ้นและลงของราชวงศ์ที่เขาอ่านก่อนทะลุมิติมา จากนั้นก็กล่าวว่า “ปัญหาจากภายนอก มาจากพวกคนเถื่อน เฉวี่ยนหรง หนู่เจิน ซยงหนู นอกจากนี้ยังมีพิษร้ายที่เหลือรอดจากอดีตราชวงศ์หยวน ซึ่งต้องการทำลายต้าฉินของพวกเรา”“ปัญหาจากภายใน มาจากการแบ่งแยกของอ๋องศักดินา ซึ่งก็คือพระบรมวงศานุวงศ์ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นท่านอ๋องหรือโหว พวกเขามีอำนาจเก็บภาษีในดินแดนศักดินา และมีอำนาจทางการทหาร มันเป็นเพียงสถานที่นอกกฎหมาย เป็นเขตปกครองตนเอง นับว่าเป็นปัญหาที่ร้ายแรงจริงๆ ”“ยังมีเจ้าหน้าที่ทุจริตออกอาละวาดในท้องถิ่น พวกขุนนางใหญ่จัดตั้งกลุ่มเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว พวกเขาต่อสู้เพื่ออำนาจและ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 5

    หลี่เฉินยิ้มอย่างมีความสุขไม่มีใครในใต้หล้านี้ไม่กลัวอำนาจและวิธีการสังหารของหน่วยบูรพา มีเพียงราชวงศ์เท่านั้นที่จะไม่กลัว เพราะอำนาจของพวกเขามาจากฮ่องเต้ และพวกเขา ก็ยังเป็นสุนัขรับใช้ที่ภักดีที่สุดในเงื้อมมือของฮ่องเต้อีกด้วยในฐานะกวางกงของหน่วยบูรพาที่เหล่าขุนนางบุ๋นบู๊ต่างต้องการสังหาร เขาคงเป็นคนแรกที่เต็มใจเข้ามาพึ่งพาตัวเองกองกำลังนี้จะช่วยเขาได้มากอย่างแน่นอน“ดีมาก”หลี่เฉินโยนดาบในมือไปตรงหน้าขันทีซานเป่าแล้วพูดว่า “เสด็จพ่อเคยมอบดาบให้กับเจ้า แต่ตอนนี้ดาบเล่มนั้นขึ้นสนิมไปแล้ว ดังนั้นตอนนี้ ข้าจะให้ดาบเล่มนี้แก่เจ้า เจ้าต้องการมันไหม?”ขันทีซานเป่าคุกเข่าอย่างนอบน้อม แล้วหยิบดาบบนพื้นขึ้นมา จับมันไว้แน่นแล้วกล่าวว่า “เมื่อฝ่าบาทมอบราชโองการให้แก่บ่าว ทรงเคยตรัสว่า ต่อไปนี้ บ่าวจะเป็นดาบในมือของพระองค์”เมื่อมองดูประตูวังสุทธาสวรรค์ที่ปิดอยู่ ดูเหมือนว่าฮ่องเต้บนแท่นนอนที่ยืนหยัดหายใจอยู่ จะได้เตรียมการเอาไว้แล้ว“ในบรรดาองค์ชายทั้งหลาย องค์ชายเก้าเป็นบุตรคนสุดท้อง เมื่อหลายปีก่อน ฮองเฮาทรงขอเสด็จพ่อรับเลี้ยงดูองค์ชายเก้า และเชิญหัวหน้าสภาขุนนางมาสั่งสอนเป็นการส่วน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 6

    “อย่าอะไร?”จ้าวหรุ่ยในอ้อมแขนดูเหมือนกระต่ายที่หวาดกลัว ดวงตาที่สดใสเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและความสับสนจ้าวหรุ่ยไม่รู้ว่า ยิ่งนางกลัวและอยากจะหนีมากเท่าไร เสน่ห์ที่เป็นธรรมชาติซึ่งแฝงอยู่ในกระดูกของนางก็ยิ่งจะโดดเด่นมากขึ้นเท่านั้น และยิ่งดึงดูดหลี่เฉินมากขึ้นหลี่เฉินจับเอวที่ไม่มีกระดูกของจ้าวหรุ่ย แล้วหัวเราะอย่างชั่วร้ายที่ข้างหูนาง “อย่าอะไร อย่าไม่ทำอะไรสักอย่าง หรือว่าอย่าหยุดกันแน่?”จ้าวหรุ่ยทั้งอับอายทั้งโมโหคำตอบทั้งสองข้อที่หลี่เฉินกล่าวออกมานั้น ไม่มีข้อไหนที่นางอยากจะพูดนางไม่เข้าใจว่าเหตุใดองค์รัชทายาทที่หลงใหลในตัวนางมาโดยตลอด ถึงได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ภายในเวลาสั้นๆ ก่อนหน้านี้ นางไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวมากนัก เพียงแค่ส่งยิ้มจางๆ ก็สามารถทำให้องค์รัชทายาทเชื่อฟังคำพูดของนางได้แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าองค์รัชทายาทจะกลายเป็นปีศาจ และเรียกร้องอย่างตะกละตะกลามอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่านางจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม“ฝ่าบาท โปรดปฏิบัติต่อหม่อมฉันอย่างทะนุถนอม” จ้าวหรุ่ยอ้อนวอนเสียงสะอื้นหลี่เฉินหยอกล้อจ้าวหรุ่ย ผิวพรรณของนางขาวเหมือนเครื่องเคลือบ นอกจากนี้ยังแดงก่ำเห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 7

    บทสนทนาระหว่างองครักษ์เสื้อแพรและหลี่เฉินที่ด้านนอกนั้นสามารถได้ยินอย่างชัดเจน“ตายแล้ว...เฉินจื้อตายแล้ว”จ้าวหรุ่ยค่อยๆ หลับตาลง แม้ว่าเตียงจะยังอุ่นอยู่ แต่นางกลับรู้สึกเหมือนอยู่ในฤดูหนาวอันหนาวเย็นนางกับเฉินจื้อ แม้จะเป็นเพียงรักข้างเดียวของเฉินจื้อ แต่ก็ยังนับว่าเป็นคนคุ้นเคยของจ้าวหรุ่ย แต่คนเช่นนั้น ถูกทุบตีจนตายอยู่นอกตำหนักจ้าวหรุ่ยกระทั่งรู้สึกว่า เมื่อคืนนี้ หลี่เฉินจงใจฆ่าเฉินจื้อที่ลานกว้างหน้าประตูตำหนัก และทำเรื่องเช่นนั้นกับนางในห้องนางรู้สึกว่าหลี่เฉินในตอนนี้ไม่เพียงแต่ทำให้นางรู้สึกเหมือนเป็นคนแปลกหน้า แต่ยังน่ากลัวอีกด้วย“ไม่ได้การล่ะ ข้าจะต้องหาโอกาสทูลขอความช่วยเหลือจากฮองเฮา เพื่อจัดการองค์รัชทายาท...” จ้าวหรุ่ยกำผ้าห่มแน่น พลางพึมพำกับตัวเององครักษ์เสื้อแพรสองนายเพิ่งจะไป ขันทีซานเป่าก็มาเยือนเขานำรายงานลับมา และมอบให้หลี่เฉินด้วยความเคารพ“องค์รัชทายาท ของที่พระองต์ต้องการอยู่นี่แล้ว”หลี่เฉินหยิบมันขึ้นมาดู แน่นอนว่าเป็นบันทึกชีวิตประจำวันขององค์ชายเก้าตั้งแต่เมื่อคืนนี้ รวมถึงเวลาและสถานที่ที่เขาไป สิ่งที่เขาพูด ทุกอย่างมีรายละเอียดมาก จนองค์

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 8

    คำพูดของหลี่เฉิน ทำให้หลี่เสวียนหน้าซีดเขารีบตอบไปตามจิตใต้สำนึกว่า “ข้า ข้าไม่ได้กบฏ เสด็จแม่และท่านอาจารย์ตกลงจะให้ข้าดูพวกนั้น พวกเขาบอกว่าข้าควรเรียนรู้กิจการของรัฐล่วงหน้า...”ทันทีที่เขาพูดเช่นนี้ เว่ยเสียนที่กำลังคุกเข่าอยู่ข้างๆ ก็แทบกระอักเลือดออกมาองค์ชายเก้าเหตุใดจึงไร้ความคิดเช่นนี้ คำพูดเช่นนั้นกล่าวออกมาง่ายๆ ได้อย่างไร“เรียนรู้กิจการของรัฐล่วงหน้า?”หลี่เฉินจับจุดอ่อนของหลี่เสวียนได้ น้ำเสียงของเขาสูงขึ้นสองส่วน “เรียนรู้กิจการของรัฐล่วงหน้าเพื่ออะไร? หรือว่าเจ้าอยากให้เสด็จทรงสวรรคต จากนั้นก็เอาตำแหน่งของข้าไป?”ในที่สุดหลี่เสวียนก็รู้ตัวว่าเพิ่งพูดอะไรออกไปเขาหน้าซีด คุกเข่าลงเสียงดังตุบ รีบอธิบายด้วยความตื่นกลัวว่า “พี่รอง ข้า ข้าไม่ได้มีความหมายเช่นนั้น...”เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มรุนแรงขึ้น สาวใช้ส่วนตัวของหลี่เสวียนจึงถอยหลังออกไปอย่างเงียบๆ และวิ่งตรงไปที่วังฮองเฮา“จะมีความหมายเช่นนั้นหรือไม่ ข้าจะมาคิดบัญชีกับเจ้าทีหลัง”หลี่เฉินพูดจบ เขาก็หันไปสั่งขันทีซานเป่าว่า “หูหนวกเหรอ? หรือจะให้ข้าลงมือเอง?”ขันทีซานเป่าได้ยินก็รีบลุกขึ้นยืน สั่งองครักษ์

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 9

    คำพูดของหลี่เฉิน ทำให้จ้าวชิงหลานตัวแข็งทื่อหลี่เฉินเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ใกล้จนทั้งสองสามารถสัมผัสลมหายใจของกันและกันได้อย่างชัดเจนจ้าวชิงหลานกำลังดิ้นรนอยู่ในใจ นางรู้สึกว่าไม่สามารถเป็นแบบนี้ต่อไปได้แต่หลี่เฉินดูเหมือนจะไม่เกรงกลัวอะไรเลย และยังคงเขยับเข้ามาต่อภายในห้องโถงเงียบสงบอย่างน่าประหลาด มีเพียงเสียงเสื้อผ้าที่เสียดสีกันซึ่งเกิดจากการทะเลาะกันระหว่างทั้งสองร่าง และมีเสียงหอบหายใจเป็นครั้งคราวความรู้สึกของการเป็นหัวขโมยนั้น ทำให้หลี่เฉินรู้สึกตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นเมื่อเห็นฮองเฮาผู้เป็นมารดาของแผ่นดินถูกเขากระตุ้นให้โกรธและอับอาย หลี่เฉินก็รู้สึกเหมือนมีไฟลุกอยู่ในใจ“นี่คือพระราชวังหงส์สราญ ที่ประทับของฮองเฮา เจ้า เจ้าไม่กลัวตายจริงหรือ?” จ้าวชิงหลานพูดอย่างร้อนใจ พลางข่มขู่เสียงเบา“กลัวสิ ทำไมจะไม่กลัวตาย ใต้หล้านี้มีใครบ้างที่ไม่กลัวตาย”หลี่เฉินลุกขึ้นเล็กน้อย ก่อนผลักจ้าวชิงหลานลงบนเบาะขนาดใหญ่ด้วยท่าทางก้าวร้าว และมองลงมาที่เสด็จแม่ของเขา ​​ผู้หญิงที่หายใจถี่อยู่ใต้ร่างเขาจ้าวชิงหลานทั้งตกใจทั้งกลัว“ดังนั้น พวกเราต้องเบาๆ เสียงหน่อยนะ”คำพูดของหลี่เ

Pinakabagong kabanata

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1053

    “นี่มันเรื่องอะไร?”ซูจิ่นพ่ากดดันต่อทันที “หากเจ้ามีเหตุผล ก็กล่าวมาเถิด ให้คนทั้งใต้หล้าได้ยินให้ชัดว่า องค์รัชทายาทนั้น ‘โง่งม’ อย่างไร?”เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ เสียงของซูจิ่นพ่าพลันเย็นเยียบลง “หากเจ้าพูดออกมาไม่ได้ เช่นนั้นก็คือการใส่ร้าย ใส่ร้ายองค์รัชทายาทผู้ครองแผ่นดิน ถือเป็นอาชญากรรม ต้องประหาร!”คำว่า “ต้องประหาร” สิ้นสุดลงในวินาทีใด อำนาจและบารมีอันยิ่งใหญ่ก็ปกคลุมรอบทิศจนขุนนางผู้นั้นถึงกับทรุดตัวนั่งตูมลงกลางพื้นซึ่งชุ่มไปด้วยน้ำฝนเขาถึงกับหวาดกลัวจนหมดสติเมื่อร่างล้มลง มือทั้งสองย่อมต้องยันพื้นไว้โดยสัญชาตญาณ ทว่าเมื่อฝ่ามือเขายื่นออกไป กลับสัมผัสกับพื้นของทางเสด็จในพระราชวัง หน้าพระที่นั่งไท่เหอ มีทางเดินอยู่สามสายสายหนึ่งคือ “ทางสามัญ” สำหรับขุนนางเดินใช้สายหนึ่งคือ “ทางอ๋อง” สำหรับเจ้านาย ราชนิกูลและเชื้อพระวงศ์และอีกสายคือ “ทางจักรพรรดิ” หรือเรียกว่า “ทางเสด็จ” เป็นทางที่มีเพียงฮ่องเต้และองค์รัชทายาทเท่านั้นที่สามารถเดินผ่านได้ตามกฎหมาย แบ่งทางเดินแต่ละสายตามสถานะผู้เดินอย่างเคร่งครัด หากผู้ต่ำศักดิ์ละเมิด ย่อมถือว่าเป็นการล่วงละเมิดเบื้องสูง มีโทษฐานก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1052

    เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นโดยไร้สัญญาณเตือน ทำให้ทุกคนในที่นั้นแลเห็นใบหน้าของหลี่เฉินอย่างชัดเจน ภายใต้สายฝนที่เทกระหน่ำและหลี่เฉินเองก็สามารถมองเห็นสีหน้าของเหล่าขุนนางได้ถนัดตาในสีหน้าพวกเหล่าขุนนาง บ้างจริงจัง บ้างเงียบงัน บ้างหวาดหวั่น ทว่ามากที่สุด...คือความเย็นชาไร้ซึ่งอารมณ์พวกเขาราวกับแน่ใจว่า คืนนี้องค์รัชทายาทจะต้องถูกบีบให้สละตำแหน่งอย่างแน่นอนเสียงตะโกนขอให้องค์รัชทายาทสละราชบัลลังก์ดังระงม ประหนึ่งคลื่นมหึมาที่ถาโถมกดทับอยู่บนร่างของหลี่เฉินซูจิ่นพ่าหันไปมองด้านข้างของหลี่เฉิน ใบหน้าของเขาเรียบเฉยไร้อารมณ์ แต่ด้วยความใกล้ชิด นางรู้ดีว่าร่างกายของบุรุษข้างกายกำลังสั่นไหวเล็กน้อยนั่นมิใช่ความหวาดกลัว แต่เป็นความโกรธในห้วงเวลานี้ ซูจิ่นพ่ารู้สึกเลือดลมพลุ่งพล่านจุกแน่นอยู่ในลำคอ ไม่อาจกลืนกลับไปได้อีกนางจำต้องกล่าวบางสิ่งออกมา“หยาบช้า!”เสียงตำหนิของซูจิ่นพ่าดังใสชัดเจน ในค่ำคืนอันเปียกชื้นอึมครึมนั้น เสียงของนางมิได้ละมุนดังเช่นทุกครั้ง ทว่าหนักแน่นเด็ดเดี่ยวอย่างน่าครั่นคร้ามดั่งเสียงขานแรกของนกฟีนิกซ์วัยเยาว์ แม้ยังไม่เติบโตเต็มที่ แต่ก็เผยแววสง่างามของสตรีผ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1051

    สายฝนเทกระหน่ำ ในห้วงฟ้าดินนั้น นอกจากเสียงเม็ดฝนกระทบพื้นอันอึกทึกแล้ว กลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาอีกเลยทันใดนั้น เสียงขานราชาศัพท์กังวานลั่นไปทั่วสะพานจินสุ่ย“ฮองเฮาเสด็จ!”“องค์รัชทายาทเสด็จ!”“พระชายาองค์รัชทายาทเสด็จ!”เสียงขานรับเสด็จทั้งสามดังขึ้นติดกัน ทำให้เหล่าขุนนางหลายสิบคนเริ่มเคลื่อนไหวเล็กน้อย ทว่าจางปี้อู่ซึ่งยืนอยู่แถวหน้าสุดกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นว่า “สงบปากสงบคำ”เพียงคำเดียว ทุกคนก็เงียบลงทันทีในเวลาไม่นาน ร่างสองร่างก็ปรากฏตัวเคียงข้างกันที่หน้าสะพานจินสุ่ยชุดแต่งงานสีแดงฉาน ภายใต้ม่านฝนและรัตติกาล กลับยิ่งสะดุดตาพร้อมกับการปรากฏตัวของพวกเขา คือเสียงฝีเท้าของเหล่าองครักษ์ที่เรียงรายอย่างเป็นระเบียบองครักษ์อวี่หลินเดินเข้าสู่ลานพิธีพวกเขากระจายตัวรายล้อมกำแพงแดงโดยรอบลานสะพานจินสุ่ย จนล้อมพื้นที่โดยรอบไว้ทั้งหมดเหล่าขุนนางเพียงแต่ยืนมองนิ่งๆ ไม่มีใครขัดขืน ไม่มีผู้ใดกล่าวคำหนึ่งคำราวกับรู้ดีว่า...ทหารเหล่านี้ ไร้ความหมายซานเป่าอยากจะกางร่มให้หลี่เฉินกับซูจิ่นพ่า ทว่าหลี่เฉินโบกมือ แล้วหยิบร่มไปกางเหนือศีรษะของซูจิ่นพ่า ส่วนตนกลับปล่อยให้ร่า

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1050

    “ข้าเข้าใจแล้ว…เข้าใจหมดทุกอย่างแล้ว”หลี่อิ๋นหู่ระเบิดเสียงหัวเราะลั่น“ไม่แปลกใจเลย ไม่ว่าอย่างไร ข้าทำสิ่งใด เจ้าก็ล่วงรู้หมด ที่แท้เป็นเช่นนี้! เป็นเช่นนี้เอง!”หลี่เฉินมองหลี่อิ๋นหู่ที่หัวเราะจนหอบหายใจแทบไม่ทัน สีหน้าไร้อารมณ์เขาหันหลัง เดินตรงเข้าไปในศาลบูรพกษัตริย์ซานเป่ากลับไม่ได้หันตาม แต่เดินตรงไปทางหลี่อิ๋นหู่ด้านหลังหลี่เฉิน เสียงหัวเราะของหลี่อิ๋นหู่ยังไม่จางหาย เขาหัวเราะพลางตะโกนลั่น “หลี่เฉิน เจ้าอย่าได้ลำพองใจ เจ้ารู้หรือไม่ว่าจ้าวเสวียนจีร้ายกาจเพียงใด! เจ้ารู้หรือไม่ว่าแผ่นดินนี้มีคนอีกมากมายที่ปรารถนาให้เจ้าตาย! ข้าเป็นแค่หุ่นเชิดก็จริง แต่ข้าก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้น!”“หากเจ้าฆ่าข้า คนพวกนั้นจะไม่อาจอยู่นิ่งได้ อาณาจักรที่เจ้าครอง จะไม่มีวันมั่นคงแน่นอน!”ฝีเท้าหลี่เฉินไม่หยุด ยังคงเดินไปข้างหน้า คำพูดของหลี่อิ๋นหู่ไม่มีผลใดๆ กับเขาเลยในเวลาเดียวกัน เสียงตวาดกร้าวของโจวสิงเจี่ยก็ดังขึ้น“เจ้าจะทำอะไร!”ไม่มีผู้ใดตอบต่อมาคือเสียงฟึ่บ! ของคลื่นลมที่ระเบิดออก ตามด้วยเสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองของโจวสิงเจี่ยถัดจากนั้น เสียงหัวเราะของหลี่อิ๋นหู่ก็เงียบห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1049

    หลี่อิ๋นหู่รู้ดีว่าหลี่เฉินจะต้องฆ่าตนทว่าเมื่อความตายมาปรากฏอยู่ตรงหน้าอย่างแท้จริง เขากลับหวาดกลัวขึ้นมาม่านตาหดแน่น ลำคอหลี่อิ๋นหู่แห้งผากจนลิ้นแทบขยับไม่ไหว“จ้าวเสวียนจีบางทีอาจกำลังรอให้เจ้าฆ่าข้าก็เป็นได้!” หลี่อิ๋นหู่พลันเอ่ยขึ้นมา“ไม่ผิด”หลี่เฉินยืนยันคำพูดของหลี่อิ๋นหู่อีกครั้ง“ความผิดของเจ้า คือเข่นฆ่าพี่น้องร่วมสายเลือด หากข้าฆ่าเจ้า เช่นนั้นข้าก็จะมีความผิดเดียวกับเจ้าอย่างเต็มประตู”“จ้าวเสวียนจีจะใช้ข้อหานี้ ประกาศไปทั่วแคว้น ทำให้ข้าเสื่อมเสียชื่อเสียง”หลี่อิ๋นหู่ราวกับคว้าได้หนึ่งในเส้นเชือกแห่งความหวัง จึงรีบกล่าวด้วยความร้อนรนว่า “เพราะฉะนั้นเจ้าก็ยิ่งห้ามหลงกลเขา!”“ข้าไม่กลัว”หลี่เฉินยิ้มอย่างอ่อนโยน “หลุมที่เจ้าก้าวลงไปแล้วต้องตาย ข้าเดินผ่านไป กลับสามารถถมให้ราบได้”สีหน้าหลี่อิ๋นหู่ชะงักนิ่งเขารู้สึกได้ว่าเส้นเชือกแห่งความหวังนั้น ค่อยๆ เลือนหายไป“อย่าฆ่าข้า!”หลี่อิ๋นหู่พลันทรุดตัวคุกเข่าลง สองเข่าติดพื้น ค่อยๆ คลานเข้าไปหาเขาหลี่เฉินไม่ได้พูดอะไร ไม่แม้แต่จะหลบหลีกปล่อยให้อีกฝ่ายคลานเข้ามาใกล้ พอเขาเอื้อมมือจะกอดขาหลี่เฉิน หลี่เฉินจึ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1048

    การระเบิดของระเบิดเทพต้าฉินทั้งสี่ระลอก ทำให้ผู้คนล้มตายไปหลายพันคน ทำลายขวัญกำลังใจของทัพกบฏจนราบคาบ ยังผลให้หลี่อิ๋นหู่ตื่นจากความฝันอันแสนหวานควันดินปืนยังลอยฟุ้งอยู่ทั่ว เปลวเพลิงที่ระเบิดทิ้งไว้ยังคงลุกไหม้ ธงรบที่ขาดวิ่นไหวระริกในสายลมยามโพล้เพล้ เสียงเปลวไฟแตกดังเปรี๊ยะๆ กับเสียงคร่ำครวญของบาดเจ็บที่ยังไม่สิ้นลมหายใจ ดังอยู่ไม่ขาดสายหลี่เฉินออกคำสั่ง ให้ทหารที่ยังมีแรงเหลือออกไปกวาดล้างสนามรบ“ฝ่าบาท พวกกบฏที่ยังรอดชีวิตอยู่ จะทรงให้ประหารหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”ซานเป่าใช้ความเคยชินในฐานะจางกงแห่งตงฉ่าง เห็นว่าศัตรูก็ต้องฆ่าให้สิ้นซาก จึงเอ่ยถาม“หากผู้ใดพอมีหวังรอดชีวิต ก็ให้รักษาไว้”หลี่เฉินปรายตามองซานเป่า เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “พวกเขาเลือกจุดยืนทางการเมืองไม่ได้ เรื่องนั้นเป็นของผู้ใหญ่ข้างบน ทหารเหล่านี้ ก็แค่สู้เพื่อค่าจ้างหนึ่งมื้อเท่านั้น ตั้งแต่ตำแหน่งแม่ทัพร้อยคนขึ้นไป ฆ่าให้หมด”การตัดสินใจที่ใหญ่ปล่อยเล็กเช่นนี้ แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และความใจกว้างของผู้เป็นกษัตริย์ซานเป่าค้อมกายรับคำ “ฝ่าบาททรงเปี่ยมด้วยเมตตา บ่าวขอรับพระโอวาทไว้”เมื่อซานเป่านำรับสั่งไ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1047

    มนุษย์ ย่อมหวาดกลัวต่อภัยอันไม่อาจหยั่งรู้ได้นี่คือสันดานดิบของมนุษย์ เป็นสัญชาตญาณที่เปลี่ยนแปลงมิได้ก่อนหน้านี้ เว้นแต่บุคคลส่วนน้อยอย่างหลี่เฉิน ก็แทบไม่มีผู้ใดเคยเห็นระเบิดเทพต้าฉินมาก่อนเลยเพราะฉะนั้น เมื่อมันแสดงโฉมหน้าดุร้ายในฐานะอาวุธสงครามออกมาเป็นครั้งแรกต่อหน้าฝูงชน ทุกผู้คน รวมทั้งทหารองครักษ์ที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่ร้อยนาย ต่างก็พากันตื่นตะลึงจนตาแตกเสียงระเบิดที่ดังกึกก้อง อานุภาพของมันรุนแรงจนชวนให้ผู้คนคิดว่าหรือจะเป็นเทพพิโรธที่ฟ้าดินบันดาลลงมาแม้แต่หลี่เฉินเอง ก็เพิ่งเคยเห็นผลของระเบิดเทพต้าฉินในสนามรบจริงเป็นครั้งแรกเช่นกันเขารู้สึกพึงใจอย่างยิ่งต่ออานุภาพของระเบิดเทพต้าฉิน ทว่าในใจกลับเจ็บราวกับมีเลือดซึมออกมาเหตุใดน่ะหรือ ก็เพราะทุกเสียงระเบิดนั้น ล้วนแปลเป็นเงินทั้งสิ้นตามต้นทุนในปัจจุบัน ระเบิดระเบิดเทพต้าฉินหนึ่งลูกมีค่าใช้จ่ายราวสองร้อยตำลึงเงินแท้จริงแล้ว ปืนใหญ่หนึ่งนัดเท่ากับทองคำหมื่นตำลึงยิ่งไปกว่านั้น คนที่สามารถสร้างมันได้ ในต้าฉินเวลานี้ก็มีเพียงซ่งอิงซิงคนเดียวเท่านั้น แม้เขาจะพยายามฝึกฝนผู้อื่นอยู่ แต่ของสิ่งนี้กลับต้องใช้พรสวรรค์ อ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1046

    มือปืนทั้งสามแถวพอยิงพร้อมกันเสร็จสิ้นรอบหนึ่ง ก็รีบควานเอาสิ่งของกลมดำสนิทสิ่งหนึ่งออกมาจากถุงผ้าที่คล้องอยู่ข้างกายเจ้าสิ่งนั้นดูแล้วไร้ค่าเสียยิ่งกว่าท่อนไม้ในมือของพวกเขา เป็นของที่ต่อให้ถูกโยนทิ้งไว้ข้างทางก็ไม่มีผู้ใดเหลียวแลแต่เมื่อมีตัวอย่างของท่อนไม้ที่กลับกลายเป็นปืนปรากฏอยู่ก่อนหน้าแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดกล้าดูแคลนของสิ่งนี้“นั่นคือสิ่งใดกัน?”หลี่อิ๋นหู่ขมวดคิ้วแน่น ความรู้สึกไม่สู้ดีถาโถมเข้ามาในใจทันทีก่อนหน้านี้ที่เห็นปืนดินปืน แม้จะทำให้เขาตื่นตระหนกอยู่บ้าง แต่ยังไม่ถึงขั้นเสียขวัญก่อนอื่น ปืนดินปืนนั้นมิใช่ของแปลกใหม่เสียทีเดียว จักรวรรดิต้าฉินในอดีตก็เคยคิดค้นของเช่นนี้ขึ้นมาแล้ว เพียงแต่ทุกคนต่างรู้ว่ามันเล็งได้ไม่แม่น แถมยังต้องเสียเวลายัดดินปืนใส่เข้าไป จึงมิได้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายหรือพัฒนาอย่างจริงจัง ผู้คนล้วนเห็นว่าอย่างไรก็ยังสู้ฝึกมือธนูที่มีกำลังแขนมากหน่อยไม่ได้และการที่หลี่เฉินนำปืนดินปืนกลับมาพัฒนาใหม่นั้นก็หาใช่ความลับไม่ ขุนนางมากมายต่างตำหนิเจ้าชายรัชทายาทว่าเอาแต่เล่นจนเสียงาน ริหลงใหลในกลไกแปลกประหลาดซึ่งถือเป็นศาสตร์นอกลู่นอกทางหลี่อิ๋นห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1045

    “ฝ่าบาท พะย่ะค่ะ เราคงรักษาแนวไว้ไม่อยู่แล้ว” ซานเป่ามองสถานการณ์ที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ จึงกล่าวกับหลี่เฉินว่า “ไม่สู้พวกเรากลับเข้าไปในศาลบูรพกษัตริย์ แล้วค่อยหาทางใหม่ดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” “ไม่เป็นไร”หลี่เฉินโบกมือเบาๆ เอ่ยว่า “ให้คนที่เหลือถอยกลับมาเถิด” “แต่ว่า…” หลี่เฉินเหลือบตามองซานเป่าหนึ่งแวบ ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “เมื่อใดกันที่เจ้ากลายเป็นผู้ตัดสินใจแทนข้า?” ซานเป่าหน้าตึงไปทันใด รีบก้มตัวยอมรับคำสั่งโดยไม่กล้าเถียงแม้แต่น้อย การรบในสนามยังคงดุเดือดโลหิต เมื่อความแตกต่างด้านจำนวนเพิ่มขึ้นตามอัตราผู้บาดเจ็บและล้มตาย เมื่อกำลังของทั้งสองฝ่ายใกล้ถึงขีดสุด สถานการณ์ก็เปลี่ยนเป็นการสังหารฝ่ายเดียว ขณะนั้นเอง คำสั่งถอยทัพก็ส่งต่อไปยังทุกหน่วย เหล่าทหารต่างรีบหดแนวรับอย่างเป็นระเบียบแม้เป็นการถอย แต่พวกเขายังคงปักหลักรักษาหน้าที่ ไม่มีผู้ใดหลบหนี ไม่แม้แต่จะแตกกระเจิง ทหารรักษาการณ์ที่เคยมีอยู่หลายพันนาย บัดนี้เหลือเพียงไม่กี่ร้อย ทั้งยังล้วนแต่มีบาดแผลติดตัว ดวงตาหลี่เฉินเปล่งประกาย เขาหันไปกล่าวกับซานเป่าข้างกายว่า “ศึกนี้ จงจดชื่อของเหล่าทหารที่เข้าร่วมไว้ทั้งห

Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status