แชร์

บทที่ 2

เฉินจื้อกัดฟันด้วยความโกรธ ร่างกายของเขาสั่นเทิ้มไปทั่วร่าง มือที่จับบนด้ามดาบเกร็งแน่นจนเส้นเอ็นปูด เผยให้เห็นถึงความโกรธสุดขีด

“ไม่กล้า? ไม่กล้าก็ไสหัวไป! ถอยไปด้านหลังให้ข้าห้าก้าว ลงไปจากขั้นบันได ถ้ากล้าเหยียบขั้นบันไดขึ้นมาหนึ่งก้าว สังหารไร้ปรานี!”

หลี่เฉินมองสีหน้าอึมครึมของเฉินจื้อ ที่ค่อยๆ ถอยหลังไปอย่างช้าๆ ด้วยความอับอาย เมื่อถอยลงจากขั้นบันไดขั้นสุดท้ายจึงหยุด หลี่เฉินหัวเราะเสียงเย็น ก่อนจะหันหัวเดินเข้าไปด้านใน

เมื่อจ้องมองไปที่แผ่นหลังของหลี่เฉิน ความเกลียดชังที่พลุ่งพล่านอยู่ในอกของเฉินจื้อก็แทบจะทำให้เขาคลุ้มคลั่ง

“หลี่เฉิน เจ้ารอข้าก่อนเถอะ เมื่อแผนการของฮองเฮากับใต้เท้าราชเลขาธิการบรรลุผล ข้าจะทำให้เจ้าตายไร้ที่ฝัง!”

เมื่อกลับเข้ามาด้านใน หลี่เฉินก็เห็นฮองเฮาจ้าวชิงหลานกำลังปลอบใจจ้าวหรุ่ยที่กำลังร้องไห้อยู่อ้อมแขนของนางอย่างระมัดระวัง

แม้ว่าจ้าวชิงหลานจะไม่เคยถูกแตะต้อง แต่เมื่อเห็นท่าทางของจ้าวหรุ่ยตอนนี้ และยังรอยเลือดบนแท่นบรรทมจึงพอจะทราบว่าเกิดอะไรขึ้น

ในฐานะผู้หญิงด้วยกัน นางย่อมเข้าใจหัวอกผู้หญิงด้วยกัน

“องค์รัชทายาท ท่านบังอาจไปแล้วนะ!”

เมื่อเห็นหลี่เฉินเดินเข้ามา จ้าวชิงหลานก็เปิดปากว่า

หลี่เฉินกลับยิ้มจางๆ มองจ้าวชิงหลานแล้วพูดอย่างสนุกสนานว่า “ฮองเฮา ลูกบังอาจอย่างไร?”

ไม่รู้ว่าทำไม จ้าวชิงหลานจึงรู้สึกว่าตอนที่แววตาละโมบของหลี่เฉินมองมาที่ตัวเองนั้น มันไม่เหมือนกับคนขี้ขลาดที่กลัวมีปัญหาในอดีต

“เจ้าทำกับหรุ่ยเออร์เช่นนี้ ยังคิดจะแก้ตัวอีกหรือ?” จ้าวชิงหลานพูดด้วยความโกรธ

“ฮองเฮา จ้าวหรุ่ยเป็นสนมขององค์รัชทายาท และข้าคือองค์รัชทายาท นางเป็นสนมของข้า ข้ากับนางจะมีเรื่องรักๆ ใคร่ๆ กันสักครั้ง ก็เป็นเรื่องธรรมดา แล้วจะเป็นการแก้ตัวหรือบังอาจไปได้อย่างไร?”

หลี่เฉินหัวเราะเบาๆ ก้าวขึ้นไปบนแท่นบรรทม แล้วมองลงไปที่ผู้หญิงสองคนซึ่งนั่งอยู่บนแท่นบรรทม

แสงเทียนสลัว จ้าวชิงหลานที่อยู่ในห้องบรรทมใต้แสงสลัวๆ ยิ่งขับให้นางดูงดงามอย่างน่าทึ่ง

ออร่ามารดาแห่งแผ่นดินนั่น คือหนึ่งเดียวในใต้หล้า ไม่อาจหาใครเทียบได้

ลมหายใจพลันหนักหน่วงขึ้น หลี่เฉินหัวเราะเบาๆ โน้มตัวเข้ามาใกล้แล้วพูดว่า “เสด็จพ่อแต่งตั้งท่านให้เป็นฮองเฮา แต่ข้ารู้ว่า นั่นเป็นเพียงข้อตกลงทางการเมือง เสด็จพ่ออายุมากแล้ว ไม่สามารถควบคุมกิจการของรัฐได้อย่างเต็มที่ แต่เพื่อให้ราชวงศ์มั่นคง ท่านจึงปล่อยให้จ้าวเสวียนจีบิดาของท่านเป็นผู้ดูแลอาณาจักร และท่านที่เป็นฮองเฮาก็ยังคงบริสุทธิ์มาจนถึงตอนนี้ ข้าพูดผิดหรือไม่?”

คำพูดดุจพยัคฆ์หมาป่าของหลี่เฉินทำให้จ้าวชิงหลานเบิกตากว้าง

นางมองหลี่เฉินด้วยความไม่เชื่อ ราวกับว่าเพิ่งรู้จักเขาเป็นครั้งแรก

“เจ้า เจ้าลูกเนรคุณ เจ้าพูดคำสกปรกเช่นนี้ได้อย่างไร?”

เมื่อความตกใจและความโมโหพุ่งขึ้นสุดขีด จ้าวชิงหลานจึงยกมือขึ้นมาตบหน้าหลี่เฉิน

หลี่เฉินแสยะยิ้มอย่างเย็นชา ก่อนจะคว้าข้อมือของจ้าวชิงหลาน

หลี่เฉินใช้นิ้วลูบผิวอันบอบบางของฮองเฮาอย่างอ่อนโยน แล้วกล่าวเสียงกระซิบว่า “ฮองเฮาโมโหจนเปลี่ยนเป็นโกรธเช่นนี้ เป็นเพราะลูกกล่าวแทงใจดำใช่หรือไม่?”

จ้าวชิงหลานอุทานอย่างตกใจ ทั้งอับอายทั้งโมโห คิดจะเปิดปากว่า

“ฮองเฮา”

หลี่เฉินพูดด้วยสีหน้าสงบ “ข้างนอกมีเฉินจื้อสุนัขตระกูลจ้าวและพวกลูกน้องอยู่นะ หรือว่าฮองเฮาต้องการให้พวกเขาทั้งหมดเห็นฉากนี้?”

พูดไม่ทันจบ หลี่เฉินก็ดึงร่างของจ้าวชิงหลานเข้ามาในอ้อมกอด

กลิ่นอายบุรุษเพศอันแข็งแกร่งพลันโอบล้อมนาง จ้าวชิงหลานไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน เมื่อเจอความกล้าของหลี่เฉินจึงตกใจจนทำอะไรไม่ถูก

“นี่ นี่เจ้าอยากโดนตัดหัวรึ บ้าไปแล้วหรือไร?” จ้าวชิงหลานกัดฟันพูด

“ตายใต้ดอกโบตั๋น แม้นกลายเป็นผีก็โรแมนติกเช่นกัน”

หลี่เฉินดมปลายผมที่ทัดตรงหูของฮองเฮาเบาๆ แล้วพูดพึมพำว่า “ฮองเฮาเต็มใจจะตายพร้อมข้ารึไม่?”

ระยะห่างที่ใกล้ชิดและความสนิทสนมเช่นนี้ ทำเอาจ้าวชิงหลานตื่นตระหนก

จิตใต้สำนึกสั่งให้นางถอยออกมา แต่เอวบางกลับถูกหลี่เฉินโอบกอดไว้

“พวกเจ้าทุกคนรวมถึงจ้าวเสวียนจีด้วย ต่างรอให้เสด็จพ่อสวรรคต เมื่อเสด็จพ่อทรงสิ้นพระชนม์ พวกเจ้าก็จะยึดอำนาจและแย่งชิงบัลลังก์ กำจัดข้า เพื่อสนับสนุนหุ่นเชิดของตัวเองให้ขึ้นครองบัลลังก์”

“ถ้าตอนนี้มีข่าวลือว่าข้ากับฮองเฮาทำเรื่องสกปรกในวังหลัง แผนการที่ตระกูลจ้าววางมานานหลายสิบปี ก็คงพังไม่มีชิ้นดี ถึงตอนนั้นใต้หล้าก็คงต้องการฆ่าตระกูลจ้าว”

เม้มเบาๆ ที่ติ่งหูของจ้าวชิงหลาน ใช้ประโยชน์จากร่างกายที่แข็งทื่อของฝ่ายหลังอย่างตะกละตะกลาม หลี่เฉินแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “ฮองเฮา เป็นเจ้าที่เสี่ยง หรือว่าข้าที่เสี่ยง?”

ในดวงตาของจ้าวชิงหลานแสดงความตื่นกลัวขึ้นมา

คำพูดของหลี่เฉินนั้น สามารถจับจุดตายของตระกูลจ้าวได้

นางไม่คิดเลยว่า องค์รัชทายาทที่ปกติทำตัวไร้ค่านั่น จะมีไหวพริบเช่นนี้

และตอนนี้ หลี่เฉินก็เลื่อนมือจากเอวไปที่หน้าท้องของจ้าวชิงหลาน

จ้าวชิงหลานตัวสั่น ไม่รู้จะทำเช่นไรดี

นางไม่เคยคิดเลยว่า การมาช่วยจ้าวหรุ่ยด้วยตัวเองนั้น จะทำให้นางตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้

เมื่อมองไปยังจ้าวหรุ่ยที่นอนตัวแข็งทื่อบนแท่นบรรทม ไฟชั่วร้ายในหัวใจของหลี่เฉินก็แทบจะลุกไหม้ไปทั่วร่างกาย

“ทำไมพวกเจ้าสองคนไม่ขึ้นสวรรค์ไปกับข้าในคืนนี้กันล่ะ”

เมื่อประโยคนี้หลุดออกมา สีหน้าของจ้าวหรุ่ยและจ้าวชิงหลานก็พลันเปลี่ยนไป

ตอนนั้นเอง ก็มีเสียงดังเอะอะมาจากด้านนอก ตามมาด้วยเสียงแหลมสูงของขันทีที่ตะโกนว่า

“ฮองเฮา องค์รัชทายาท ฮ่องเต้ทรงอาเจียนเป็นเลือด สถานการณ์วิกฤติมาก รีบเสด็จกลับวัง!”

เสียงตะโกนจากด้านนอก ทำให้บรรยากาศด้านในพลันเปลี่ยนไป

จ้าวชิงหลานไม่รู้ว่าไปเอาพลังมาจากไหน นางผลักหลี่เฉินออก และหายใจเข้าลึกๆ

“เรื่อง เรื่องในคืนนี้ ข้าจะไม่เอาความกับเจ้า แต่ครั้งหน้าจะไม่เกิดขึ้นอีก ถ้าเจ้าเข้ามาใกล้ข้าอีก ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!”

หลังจากจ้าวชิงหลานพูดจบ นางก็วิ่งหนีไป

“ฮองเฮา”

หลี่เฉินเรียกจ้าวชิงหลานเอาไว้ “เสื้อผ้าไม่เรียบร้อย”

จ้าวชิงหลานก้มหน้ามองเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงของตัวเอง ซึ่งเผยให้เห็นร่างกายที่ขาวนวลวับๆ แวมๆ ออกมา นางเขินอายมาก จนต้องรีบจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วรีบเดินจากไปด้วยสีหน้าที่เย็นชา

“เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่เดี๋ยวข้ากลับมา”

หลี่เฉินพูดกับจ้าวหรุ่ยที่กำลังตกตะลึง แล้วหมุนตัวเดินออกไป

เมื่อเดินออกมาจากห้องบรรทม จ้าวชิงหลานก็ฟื้นรัศมีในฐานะฮองเฮา มารดาแห่งแผ่นดินที่ควรจะมีขึ้นมาได้

“กลับวัง”

นางกล่าวเพียงสองคำอย่างเย็นชา องค์รักษ์และสาวใช้โดยรอบต่างก็คุกเข่าลงพร้อมกัน จ้าวชิงหลานรีบเดินไปยังเกี้ยวหงส์ ขันทีคนหนึ่งจึงรีบคุกเข่าคลานกับพื้น เพื่อให้จ้าวชิงหลานเหยียบหลังตนขึ้นเกี้ยวหงส์

หลังจากจ้าวชิงหลานขึ้นไปในเกี้ยวแล้ว ขันทีน้อยก็กำลังจะลุกขึ้น แต่ทว่ากลับมีเท้าข้างหนึ่งเหยียบหลังของเขาให้ทรุดลงไปกับพื้นอีกครั้ง

“กล้าเกินไปแล้ว! ท่านกล้าขึ้นเกี้ยวของฮองเฮาได้อย่างไร!”

เฉินจื้อจ้องหลี่เฉินตาเขม็งราวกับว่าคว้าจับอะไรบางอย่างได้ เขารีบตะโกนเสียงดังขึ้นมา

หลี่เฉินเท้าหนึ่งเหยียบเกี้ยว อีกเท้าเหยียบหลังของขันทีน้อย หันหน้ามามองเฉินจื้ออย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “เสด็จพ่อกำลังป่วยหนัก ข้าต้องรีบไปเข้าเฝ้าพร้อมกับฮองเฮา หากล่าช้า เจ้ามีสักกี่หัวให้ตัดกัน?”

เสียงหมดความอดทนของจ้าวชิงหลานดังมาจากในเกี้ยวหงส์

“กลับวังก่อนค่อยว่ากัน เรื่องใหญ่เช่นนี้จะล่าช้ามิได้”

เฉินจื้อโกรธจัดจนพูดไม่ออก ได้แต่กลืนเลือดที่กระอักลงคอ

ตอนนี้เอง หลี่เฉินก็ได้ก้าวเข้าไปในเกี้ยวหงส์

เฉินจื้อกัดฟันแน่น ความเคียดแค้นและเพลิงโทสะในดวงตาแทบจะพ่นออกมา สุดท้าย เขาก็ฟันพูดออกมาว่า “ขึ้นม้า กลับวัง!”

ด้านในเกี้ยวของฮองเฮานั้นย่อมกว้างขวางเป็นปกติ อย่าว่าแต่นั่งสองคนเลย ต่อให้มีมากว่านี้ก็ไม่มีปัญหา

แต่กลับหลี่เฉินนั่งชิดติดกับจ้าวชิงหลาน

“เมื่อครู่ ต้องขอบพระทัยฮองเฮาที่แก้ปัญหาให้” หลี่เฉินกล่าวยิ้มๆ

จ้าวชิงหลานปรายตามองหลี่เฉินอย่างเย็นชา แล้วกล่าวว่า “ข้าไม่ได้ทำเพื่อเจ้า อย่าคิดเข้าข้างตัวเองไปหน่อยเลย ข้าแค่เกรงว่าจะทำเรื่องใหญ่ล่าช้า”

“ข้ารู้ๆ”

น้ำเสียงของหลี่เฉินราวกับผู้ใหญ่กำลังปะเลาะเด็กน้อย เขายกมือขึ้นมาโอบเอวบางของจ้าวชิงหลานอย่างเป็นธรรมชาติ

จ้าวชิงหลานราวกับโดนไฟฟ้าช็อต นางไม่นึกว่าแม้แต่ในเกี้ยว ที่มีหน่วยองค์รักษ์ส่วนพระองค์อวี่หลินและสาวใช้ในวังกลุ่มใหญ่ หลี่เฉินจะกล้ากำแหงเช่นนี้

“เจ้าบังอาจ!”

จ้าวชิงหลานโมโห จนต้องเปิดปากว่า

“ข้าบังอาจหรือไม่ ฮองเฮายังไม่รู้อีกหรือ?”

หลี่เฉินกระซิบที่ข้างหูจ้าวชิงหลาน

เมื่อรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่รินรดจากหลี่เฉิน จ้าวชิงหลานก็รู้สึกไม่สบายใจ นางลุกขึ้นยืนและต้องการอยู่ให้ห่างจากหลี่เฉิน

แต่ทันทีที่นางลุกขึ้น หลี่เฉินก็ถือโอกาสดึงนางเข้าสู่อ้อมแขนของเขา

“อ๊ะ!”

จ้าวชิงหลานอุทานออกมาเบาๆ

ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
จีระนันต์ ภูธนนันทน์
เรื่องอื่นๆโฆษณาบ่อยและนาน
goodnovel comment avatar
อภิชาต จงเพิ่มพรวัฒนา
ดีแล้วแล้วก็ก็จะได้ได้เงินคืนคืนนี้แหละแต่ถ้าถ้าไม่มีเงินก็ไม่ต้องมามาแล้วแล้วก็ไม่
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status