Share

บทที่ 188

Author: ไห่ตงชิง
ชายหน้าด้านไร้ยางอายผู้นั้นที่เข้าครอบครองนางตั้งหลายครั้ง...

จินเสวี่ยยวนรู้สึกโกรธจัดเมื่อคิดถึงชายผู้นั้น

ก่อนหน้านี้ นางคิดเสมอว่าผู้ชายที่ไร้ยางอายคนนั้นเป็นเพียงคนหลอกลวง ที่ล่อลวงนางเพื่อสนองตัณหาของตัวเอง ซึ่งคงไม่มีวันได้เจอกันอีก และเนื่องจากนางต้องทนทุกข์ทรมานกับการสูญเสียที่โง่เขลาเช่นนี้ มันคงเป็นเรื่องยากที่จะไม่แก้แค้น

แต่โดยไม่คาดคิด ตัวเองเข้าพบขุนนางคนสำคัญในราชสำนักตั้งหลายคน ทั้งยังส่งมอบของขวัญไปให้มากมาย แต่ทว่ากลับไม่มีความคืบหน้าเลย และจู่ๆ ไอ้คนบ้ากามนั่นก็สามารถทำเรื่องนี้ได้สำเร็จ

นางสนใจแค่ความสุข แต่กลับไม่คิดเรื่องนั้นให้มากนัก

“ไม่ได้!”

จินเสวี่ยยวนเกือบจะโพล่งออกมา

คำพูดสองคำของนาง ทำให้สมาชิกทุกคนในภารกิจที่เพิ่งได้สัมผัสความหวังเพียงเล็กน้อย ต่างพากันตกตะลึง

ชายเคราแพะเป็นคนเปิดปากพูดเป็นคนแรกว่า “องค์หญิงทำไมจะไม่ได้ล่ะ? โจวไท่พูพูดถูก คนๆ นี้อาจจะเป็นบุคคลสำคัญจริงๆ ตราบใดที่เราสามารถหาเขาให้เจอ และสัญญาว่าจะมอบผลประโยชน์มหาศาลให้ เขาจะต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน”

“กระหม่อมยินดีจะช่วยพระองค์ในเรื่องนี้ ขอให้องค์หญิงโปรดบอกชื่อและ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 189

    โจวไท่พูหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “จะเชื่อหรือไม่ มันสำคัญด้วยหรือ?” “จักรวรรดิต้าฉินในตอนนี้ องค์รัชทายาททรงครอบครองความชอบธรรม แต่ในด้านอำนาจทางการเมือง พระองค์เป็นฝ่ายอ่อนแอ บวกภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการบรรเทาภัยพิบัติหรือเพื่อบรรเทาความขัดแย้งทางการเมือง องค์รัชทายาทจำเป็นต้องมีเหตุผลที่เพียงพอในการเบี่ยงเบนความสนใจของคนในประเทศและฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ไม่ว่าเรื่องนี้จะจริงหรือเท็จ แต่อย่างน้อยก็สามารถตอบสนองความต้องการขององค์รัชทายาทได้อย่างแน่นอน” “ดังนั้น...” โจวไท่พูประสานมือไปทางจินเสวี่ยยวนแล้วพูดว่า “จริงๆ แล้ว ทางที่ดีที่สุดคือหาคนที่สามารถทำให้องค์รัชทายาทตกลงมาพบกับพวกเรา เขาในฐานะคนกลางจะเกริ่นนำให้กับองค์รัชทายาทก่อน เพราะถ้าหากองค์หญิงเสนอเรื่องนี้ในงานเลี้ยงโดยตรง มันจะเสี่ยงมาก และจะเป็นการทดสอบความหลักแหลมทางการเมืองขององค์รัชทายาท...และไหวพริบขององค์หญิงอีกด้วย” “หากความหลักแหลมทางการเมืองขององค์รัชทายาทซับซ้อนเพียงพอ เช่นนั้นองค์หญิงก็สามารถเสนอเรื่องนี้ในงานเลี้ยงอาหารค่ำโดยตรงได้ แต่ถ้าหากเขาไม่ได้เป็นอย่างที่คิด และสน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 190

    คำพูดของโจวไท่พู ทำให้สีหน้าของจินเสวี่ยยวนยิ่งมืดมน เมื่อเห็นว่าจินเสวี่ยยวนไม่พูดอะไร โจวไท่พูจึงโค้งคำนับเล็กน้อย แล้วหันหลังเดินจากไป หลังจากนั้นไม่นาน สาวใช้ส่วนตัวก็เข้ามาหาจินเสวี่ยยวน และพูดเบาๆ “องค์หญิง ทำไมไม่เสวยอาหารก่อนล่ะเพคะ ไม่ว่าพระองค์มีเรื่องหลายสิ่งที่ต้องทำ แต่ต้องทานให้อิ่มก่อนถึงจะแก้ปัญหาได้” จินเสวี่ยยวนถอนหายใจเบาๆ ก่อนหันไปมองเกล็ดหิมะที่ตกลงมาทางนอกหน้าต่าง แล้วพึมพำว่า “ข้ากินไม่ลง เจ้าออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่เงียบๆ คนเดียว”สาวใช้มองท่าทางเศร้าๆ ของจินเสวี่ยยวน จึงทนไม่ไหวต้องคุกเข่ากล่าวเสียงสั่นว่า “องค์หญิง ช่วงนี้พระองค์ทรงทำงานหนักเพื่อแก้ไขวิกฤติในประเทศ และไม่เคยยิ้มเลย ทุกคนต่างรู้ดีถึงความกังวลขององค์หญิง แต่กังวลตอนนี้ไป ก็ไม่มีทางแก้ไขได้อยู่ดี อย่างไรก็ตาม หม่อมฉันขอให้องค์หญิงทรงเมตตาต่อพระองค์เองด้วยเถอะเพคะ หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เรื่องยังไม่ทันจะแก้ไข แต่พระวรกายก็พังทลายเสียก่อน” จินเสวี่ยยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น “ข้าไม่มีความอยากอาหารเลยจริงๆ...แต่ยังไงก็ช่วยทำโจ๊กให้ข้าสักชามด้วย”สาวใช้ดีใจมากจึงลุกขึ้นยืน และจับชายก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 191

    “คณะทูตเสียนเฉา มาถึงตำหนักบูรพาแล้ว!” วินาทีที่จินเสวี่ยยวนพาสมาชิกของคณะทูตเข้าสู่ตำหนักบูรพา เจ้าหน้าที่หงลู่ซื่อผู้รับผิดชอบในการประกาศการมาก็ตะโกนเสียงดัง หน้าที่พิเศษได้รับการจัดการโดยมืออาชีพ เสียงประกาศนี้ทั้งชัดเจนและแหลมสูง เสียงใสกังวานนั้นแทบจะทะลุท้องฟ้า และดังสะท้อนไปทั่วตำหนักบูรพา เครื่องดนตรีประเภทสายและปี่บรรเลงขึ้นพร้อมกัน เคียงคู่กับระฆังชุดที่ส่งเสียงดังก้องกังวาน ราวกับว่าความน่าเกรงขาม น่าเคารพและความเคร่งขรึมของตำหนักบูรพาถูกปลุกให้ตื่น เมื่อเดินบนพรมที่นุ่มและหนาเป็นพิเศษ จินเสวี่ยยวนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจพลางคิดว่าพลังของเสือยังคงอยู่ แม้ว่าจักรวรรดิต้าฉินจะแสดงสัญญาณเสื่อมถอย เฉกเช่นเดียวกับชายชราที่ใกล้ตาย และมีปัญหาอยู่ทุกหนทุกแห่ง ทั้งยังเป็นปัญหาที่ไม่เล็กเลย แต่ทว่าอูฐที่ผอมก็ยังใหญ่กว่าม้า แม้จะมีเพียงโครงกระดูกก็ตาม ไม่ว่าจักรวรรดิต้าฉินจะเสื่อมถอยลงเพียงใด แต่เสียนเฉาของตัวเองนั้นก็ยังเทียบไม่ได้อยู่ดี ถึงแม้เสียนเฉาจะเชิญช่างฝีมือกับบัณฑิตจากต้าฉินมา และขนส่งวัสดุต่างๆ เพื่อสร้างเมืองหลวงที่มีเค้าโครงและขนาดเหมือนเมืองหลวงอย่าง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 192

    ด้านในพระที่นั่งคังไท่ ตกแต่งด้วยโคมไฟหลากสีสัน แม้อากาศภายนอกจะหนาวเย็น แต่ด้านในพระที่นั่งกลับอบอุ่นราวกับฤดูใบไม้ผลิ มีคณะดนตรีบรรเลงเพลง และนางกำนัลที่เดินไปมา นำสมาชิกของทูตเสียนเฉาแต่ละคนไปยังตำแหน่งของตนตามลำดับ บนโต๊ะมีเครื่องเคียงหลายอย่าง แม้ว่าจะไม่หรูหรามากนัก แต่แต่ละจานก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งเห็นได้ชัดว่า วิเสทปรุงอย่างพิถีพิถัน ทั้งรูป รส กลิ่น ล้วนสมบูรณ์แบบ...แต่ถึงกระนั้น ก็ไม่มีใครไร้มารยาทพอที่จะหยิบตะเกียบขึ้นมาก่อน จินเสวี่ยยวนในฐานะองค์หญิงแห่งเสียนเฉา ทั้งยังเป็นหัวหน้าคณะทูต ดังนั้นที่นั่งของนางจึงอยู่ด้านล่างทางขวามือของที่นั่งองค์รัชทายาท ซึ่งอยู่ตรงกลางด้านบนสุด ส่วนที่นั่งฝั่งซ้ายมือเป็นของขุนนางต้าฉิน และเนื่องจากเป็นงานเลี้ยงตำหนักบูรพา ดังนั้นขุนนางที่มาจึงมีตำแหน่งไม่ค่อยสูง ด้วยเหตุนี้จึงไม่เห็นขุนนางสำนักราชเลขาเลยสักคน เห็นได้ชัดว่าตำแหน่งที่นั่งทางซ้ายมือระดับเดียวกับจินเสวี่ยยวนนั้นว่างเปล่า หลังจากที่คณะทูตเสียนเฉาเข้ามาในพระที่นั่งคังไท่ เหล่าทูตคนอื่นๆ ก็เป็นฝ่ายเริ่มพูดคุยกับเหล่าขุนนางในงานเลี้ยงทันที เห็นได้ชัดว่าไม่รู้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 193

    “เจ้าอยากตายรึ!” จินเสวี่ยยวนตกใจมาก ขนในกายถึงกับลุกพึ่บ ก่อนหน้านี้แม้หลี่เฉินจะแสดงความกล้าที่บ้าระห่ำออกมา แต่ก็ยังรู้จักหลบเลี่ยงคน แต่ที่นี่คือที่ไหน? ตำหนักบูรพา!พระที่นั่งคังไท่! เป็นสถานที่ที่องค์รัชทายาทให้การต้อนรับคณะทูตของเสียนเฉา! ไม่ต้องพูดถึงสมาชิกคณะทูตเสียนเฉาของตัวเองเลย มีขุนนางขั้นที่ 5 ขึ้นไปประมาณ 5-6 คนอยู่ที่นี้ และยังมีนางกำนัลกับองค์รักษ์ที่กระจายตัวอยู่รอบๆ อย่างแน่นขนัด แต่หลี่เฉินก็ยังกล้าพูดเรื่องนี้ต่อหน้าผู้คนมากมาย ทั้งยังโน้มตัวลงมากระซิบที่ข้างหูนางอีก ท่าทางดังกล่าวได้ทำลายการป้องกันระหว่างชายหญิงสมัยโบราณแม้แต่ในหมู่ประชาชน ถ้าชายหรือหญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานมีพฤติกรรมเช่นนี้ก็จะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จินเสวี่ยยวนจึงตกใจกลัวมาก นางผลักหลี่เฉินออกไปราวกับโดนไฟฟ้าช็อต และพูดอย่างตกใจปนกลัวว่า “จริงจังหน่อยสิ! หากถูกคนอื่นเห็นเข้า พวกเราจะมีปัญหา!” หลี่เฉินมองท่าทางเหมือนกระต่ายตื่นตูมของจินเสวี่ยยวนอย่างขำๆ แล้วพูดว่า “เอาล่ะๆ ข้าจริงจังก็ได้ แต่เจ้ายังไม่ตอบคำถามของข้าเลย เจ้ากำลังคิดถึงข้าอยู่หรือไม่?” จินเสว

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 194

    คำพูดของจินเสวี่ยยวน ทำให้หลี่เฉินประหลาดใจ“ร่วมมือ?” หลี่เฉินหรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วพูดอย่างสนใจว่า “เจ้าลองพูดมาสิ?” จินเสวี่ยยวนได้ยินบรรยากาศในพระที่นั่งคังไท่ที่ค่อยๆ คึกคักขึ้นเมื่อซูเจิ้นถิงมาถึง นางก็รู้ตัวว่าเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว จึงกัดฟันพูดไปว่า “สมบัติ! สมบัติของไท่จู!” “ตราบใดที่องค์รัชทายาทยินยอมส่งกองทัพไปยังเสียนเฉา ราชวงศ์เสียนเฉาก็เต็มใจที่จะบอกองค์รัชทายาทเกี่ยวกับสมบัติของไท่จู” หลี่เฉินตาเป็นประกาย เขาจ้องมองจินเสวี่ยยวนด้วยดวงตาดุจเหยี่ยว ผ่านไปหนึ่งลมหายใจ หลี่เฉินก็พูดว่า “มันเป็นสมบัติจริงหรือปลอม?” “พวกเจ้าวางแผนที่จะใช้สมบัติปลอมเพื่อหลอกให้ต้าฉินส่งทหารออกไป แล้วค่อยคิดถึงแผนการและการชดใช้เพื่อระงับความพิโรธของต้าฉินในภายหลังใช่หรือไม่?”นี่เป็นครั้งแรกที่จินเสวี่ยยวนเพิ่งสังเกตเห็นว่าสายตาของเจ้าบ้ากามตรงหน้านั้นช่างน่ากลัวมาก ประกายในดวงตาของเขาราวกับดาบที่สามารถทิ่มแทงจิตวิญญาณของนางได้โดยตรง จินเสวี่ยยวนรู้สึกตื่นตระหนกและหวาดกลัวเล็กน้อย แต่ต่อมา นางก็รวบรวมความกล้าพูดออกไปว่า “จริงหรือปลอม ข้าก็มีวิธีโน้มน้าวให้องค์รัชทายาท

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 195

    หัวใจทุกคนพลันเต้นแรง ทุกคนต่างแสดงท่าทางที่เคร่งขรึมโดยสัญชาตญาณ จิตสำนึกของพวกเขาสั่งให้ก้มหน้าลงและจัดท่าทางให้เรียบร้อย เพราะการเสียมารยาทต่อหน้าองค์จักรพรรดิและองค์รัชทายาทนั้น ถือเป็นโทษหนักไม่น้อย คนหลายสิบคนในพระที่นั่งคังไท่ต่างพากันเงียบกริบ ท่ามกลางความเงียบงันนั้น เสียงฝีเท้าที่หนักแน่นและมั่นคง ก่อนที่เงาร่างหนึ่ง จะเดินไปยังที่นั่งสูงตรงกลางจากทางด้านข้างของพระที่นั่ง จินเสวี่ยยวนก้มหัวต่ำ ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองเงาร่างที่เดินไปยังที่นั่งสูงสุดอย่างองอาจ นางรู้ว่าเจ้าของเสียงฝีเท้านี้ คือกุญแจสำคัญของการเดินทางมาที่นี่ของตัวเอง องค์รัชทายาทแห่งจักรวรรดิต้าฉิน จากสภาพร่างกายในปัจจุบันขององค์จักรพรรดิ คงอีกไม่นานที่เขาจะกลายเป็นจักรพรรดิองค์ต่อไปของต้าฉิน รับผิดชอบขุนเขาธาราที่ไร้ที่สิ้นสุดแห่งนี้ และปกครองปวงประชานับหมื่นนับแสนคน กลายเป็นผู้สูงศักดิ์ที่สุดในใต้หล้า และเป็นผู้มีอำนาจมากที่สุดในโลก ถึงแม้ว่านางจะเป็นองค์หญิง แต่ก็ยังมีช่องว่างระหว่างทั้งสอง ไม่ต้องพูดถึงตัวเองเลย แม้แต่เสด็จพ่อของนาง ราชาอาณาจักรเสียนเฉาหากมาอยู่ต่อหน้าเขา ก็ทำได้แค่ถ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 196

    คำพูดของหลี่เฉินไพเราะมาก ไม่เพียงแต่จะแสดงสถานะของต้าฉิน แต่ยังให้หน้าเสียนเฉาอีกด้วย ช่วยให้เสียนเฉาไม่ต้องกระอักกระอ่วนจนเกินไป ส่วนการเปรียบเทียบทะเลกับลำธาร อาทิตย์และจันทรา ช่องว่างระหว่างทั้งสองนั้นมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าอยู่แล้ว เสียนเฉาสถาปนาเป็นอาณาจักรได้ก็เพราะมีต้าฉินคอยหนุน ยิ่งไม่ต้องพูดระบบสังคม ทหาร และวัฒนธรรมในเสียนเฉา ที่แทบจะลอกระบบของต้าฉินมาทั้งหมด การที่ต้าฉินเป็นผู้นำและเป็นประเทศที่เหนือกว่านั้น นี่เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้วในสายตาของชาวเสียนเฉา เมื่อหลี่เฉินพูดจบ ก็ยกจอกเหล้าขึ้นดื่มก่อน จากนั้นขุนนางต้าฉินและคณะทูต ก็พากันยกจอกสุราบนโต๊ะของตัวเองขึ้นมา แล้วหันไปคารวะทางหลี่เฉิน พร้อมเปล่งเสียงออกมาพร้อมกันว่า “กระหม่อม...จดจำคำสอนของฝ่าบาท” ตามมารยาททางการทูตของต้าฉิน จบคำกล่าวเปิดงาน ดื่มจอกแรกเสร็จ งานเลี้ยงก็เข้าสู่ช่วงถัดไปที่ค่อนข้างผ่อนคลายกว่า ตราบใดที่หลี่เฉินซึ่งอยู่ด้านบนไม่พูด คนด้านล่างก็สามารถดื่มคารวะกันเองได้อย่างผ่อนคลาย แน่นอนว่า สุราจอกแรกจำเป็นต้องดื่มคารวะหลี่เฉินก่อน หลี่เฉินจะดื่มหรือไม่ดื่มก็ได้ เพราะโดยพื้นฐานแล

Latest chapter

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 930

    คำกล่าวของฟู่อวี้จือราวกับเป็นเข็มกระตุ้นหัวใจให้กับบรรยากาศอันตึงเครียดในพระที่นั่งไท่เหอ ขุนนางทุกคนต่างสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองฟู่อวี้จือ“เงินเดือนขุนนาง ค่าใช้จ่ายของราชสำนัก ค่าจ้างทหาร ตลอดจนการบรรเทาภัยพิบัติ ล้วนมีระเบียบและกฎเกณฑ์ คลังหลวงเก็บภาษีได้ในแต่ละปี แม้ไม่เพียงพอสำหรับทุกค่าใช้จ่าย แต่ก็สามารถจ่ายได้บางส่วน องค์รัชทายาทจะมาใช้เล่ห์กลปั่นหัวผู้คนและบิดเบือนความจริงได้อย่างไร?”คำพูดเพิ่งจบลง ก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมากลางคัน“ใต้เท้าฟู่ คำกล่าวนี้ผิดถนัดแล้ว”ประโยคเปิดหัวคล้ายกัน แต่เปลี่ยนผู้พูดไปเป็นสวีฉังชิงเขายืนขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึมก่อนกล่าวว่า “ค่าใช้จ่ายแต่ละอย่างนั้นแน่นอนว่าต้องใช้เงินจากคลังหลวง แต่ความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธคือคลังหลวงขาดแคลนมาหลายปีแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ปีที่แล้วเกิดภัยพิบัติ ฝ่าบาททรงเมตตาต่อราษฎร จึงยกเว้นภาษีในหลายพื้นที่ นั่นจึงทำให้ไม่เพียงแต่รายได้จากภาษีลดลง แต่คลังหลวงยังต้องจ่ายเงินจำนวนมหาศาลเพื่อบรรเทาภัยพิบัติ รายรับกับรายจ่ายที่สวนทางกันเช่นนี้ ใต้เท้าฟู่คิดว่าช่องว่างมันมากเพียงใดกัน?”“ปีที่แล้ว หากไม่ใช่เพราะองค์รัชท

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 929

    "ไม่ว่าองค์รัชทายาทจะนำเงินก้อนนี้ไปใช้ทำสิ่งใด จะใช้ส่วนตัวหรือเติมเต็มคลังหลวงก็ตาม แต่ความจริงก็คือองค์รัชทายาทได้เป็นตัวอย่างที่เลวร้ายไปแล้ว หากในอนาคตขุนนางคนอื่นมีงานมงคลหรือไว้ทุกข์ พวกเขาก็สามารถรับของขวัญเป็นจำนวนมากเช่นนี้ได้กระนั้นหรือ? เช่นนี้ไม่ใช่การส่งเสริมลมร้ายและอธรรมดอกหรือ?"คำพูดของหลี่อิ๋นหู่ดังก้องไปทั่วพระที่นั่งในขณะนี้ เขารู้สึกราวกับว่าตนเองเป็นตัวแทนแห่งความยุติธรรม เป็นแบบอย่างของขุนนางที่ซื่อสัตย์และสุจริตจนกระทั่งหลี่เฉินจ้องมองเขาแล้วกล่าวขึ้นว่า "ดีมาก จ้าวอ๋อง ในที่สุดก็กล่าวสิ่งที่อยู่ในใจออกมา""ในราชสำนัก คงมีอีกหลายคนที่คิดเช่นเดียวกับเจ้าใช่หรือไม่?"สายตาของหลี่เฉินกวาดไปทั่วหมู่ขุนนางในพระที่นั่งไท่เหอก่อนเอ่ยอย่างเยือกเย็น "ผู้ใดคิดเช่นเดียวกับจ้าวอ๋อง ก้าวออกมาให้ข้าเห็นหน่อยสิ"ทั่วทั้งตำหนักตกอยู่ในความเงียบงันจ้าวอ๋อง เป็นผู้ที่ออกตัวขัดแย้งกับองค์รัชทายาทโดยตรง แต่ผู้ใดที่มีสมองย่อมไม่กล้าออกมาสนับสนุนเขา โดยเฉพาะในเรื่องใหญ่เช่นนี้ การเลือกข้างผิดพลาด อาจหมายถึงชีวิตขุนนางที่สามารถก้าวเข้ามาในพระที่นั่งไท่เหอ และมีสิทธิ์ร่วมต

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 928

    ราชโองการสำนึกผิด!ราชโองการสำนึกผิด หมายถึงราชโองการที่ใช้แถลงถึงความผิดและบาปกรรมของตนเองพูดให้ชัดเจนก็คือ หนังสือสารภาพผิดหรือคำสารภาพผิดระดับสูงสุดแต่ปัญหาก็คือ ในเมื่อเป็นราชโองการ ก็ต้องเป็นฮ่องเต้เท่านั้นที่สามารถออกคำสั่งนี้ได้และฮ่องเต้ ซึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของราชสำนักในยุคศักดินา ครองแผ่นดินเป็นของตระกูล เป็นเจ้าเหนือหัวของไพร่ฟ้าทั้งปวง เขาจะทำผิดได้อย่างไร?ฮ่องเต้ต้องรักษาภาพลักษณ์ของตนให้เป็นผู้ถูกต้องตลอดเวลา ไม่มีวันทำผิด และเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ตลอดกาลหากภาพลักษณ์นี้พังทลาย ฮ่องเต้ก็จะมีอีกสมญานามหนึ่งว่า ฮ่องเต้โง่เขลาและหากมีการออกราชโองการสำนึกผิด นั่นหมายถึง ฮ่องเต้ได้ยอมรับด้วยตนเองว่าเป็น ฮ่องเต้โง่เขลาดังนั้น เมื่อมองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ของแผ่นดินหวาเซี่ย ฮ่องเต้ที่เคยออกราชโองการสำนึกผิด มีอยู่เพียงไม่กี่พระองค์เท่านั้นและพวกเขาแทบทั้งหมดออกคำสั่งนี้ในสถานการณ์เดียวกันเมื่อแคว้นของตนกำลังเผชิญปัญหาภายในและภายนอกจนใกล้ล่มสลายในช่วงเวลานี้ เพื่อเรียกความศรัทธาจากไพร่ฟ้า และเพื่อรวมพลังจากเหล่าขุนนางและแม่ทัพ ฮ่องเต้ จะออกราชโองการสำนึกผิดเน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 927

    คำพูดนี้ ต้าสิงฮ่องเต้ที่อยู่ในอาการหนัก ราวกับได้ยินพระองคทรงขยับปลายนิ้วเบาๆ ความเคลื่อนไหวเล็กน้อยนี้หากไม่สังเกตก็คงไม่มีใครเห็นหลี่เฉินนั่งตัวตรง มองต้าสิงฮ่องเต้ลึกซึ้งเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะหมุนตัวออกจากตำหนักเฉียนชิงวันรุ่งขึ้น ราชสำนักเปิดประชุมเช้าตามปกติหลี่เฉินยืนอยู่บนแท่นพระที่นั่ง เคียงข้างบัลลังก์มังกร สายตากวาดมองหมู่ขุนนางที่ยืนเรียงรายด้านล่าง ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "เหล่าขุนนาง หากมีเรื่องให้กราบทูล ก็กล่าวมา หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุม"แน่นอนว่าย่อมต้องมีเรื่องสายตาของหลี่เฉินแวบมองไปยัง หลี่อิ๋นหู่ โดยไม่ให้ใครสังเกตเห็น เขารู้ว่า นี่คือการโจมตีระลอกแรกของจ้าวเสวียนจีที่ผ่านมาในการประชุมเช้า หากเขาไม่อนุญาต หลี่อิ๋นหู่จะไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมแต่วันนี้ เขาไม่ได้เรียกหลี่อิ๋นหู่มา ทว่าหลี่อิ๋นหู่กลับมาเองณ จุดเวลาอันอ่อนไหวเช่นนี้ ความผิดปกติแม้เพียงเล็กน้อยก็ไม่อาจมองข้ามเป็นไปตามคาด หลังจากที่หลี่เฉินกล่าวจบ หลี่อิ๋นหู่ก็ก้าวออกมาทันที "กราบทูลองค์รัชทายาท ข้ามีเรื่องจะทูล"มันเริ่มขึ้นแล้วและผู้เปิดฉาก คือหลี่อิ๋นหู่เองหลี่เฉินหรี่ตา

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 926

    "องค์รัชทายาทช่างเฉลียวฉลาด"ระหว่างทางกลับไป ซูเจิ้นถิงอธิบายเรื่องราวให้หลี่เฉินฟัง"ฝ่าบาททรงวางแผนเรื่องพี่น้องตระกูลอู๋ไว้ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน ข้าเองก็เพิ่งจะได้รับรู้หลังจากที่ฝ่าบาทประชวรหนัก""ตามคำพูดของฝ่าบาท หากองค์รัชทายาทสามารถใช้ประโยชน์จากสองพี่น้องนี้ได้ ข้าจะต้องนำท่านมาที่ศาลบูรพกษัตริย์ แต่หากไม่สามารถใช้ได้ ก็ให้พวกเขาหายไปตลอดกาล"แม้ซูเจิ้นถิงจะพูดอย่างไม่ยี่หระ แต่ในถ้อยคำนั้นกลับแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายของการสังหารอันเยือกเย็นหลี่เฉินหน้าถมึงทึง "เจ้ายังปิดบังอะไรข้าอีก?"ซูเจิ้นถิงยกมือขึ้น แล้วกล่าวอย่างเรียบเฉย "ไม่มีอีกแล้ว เพราะแผนการที่ฝ่าบาททรงวางไว้ จบลงเพียงแค่ตรงนี้ ที่เหลือจากนี้ องค์รัชทายาทต้องเดินต่อไปด้วยตนเอง"หลี่เฉินถอนหายใจเบาๆ "บางครั้งข้าก็รู้สึกว่าเสด็จพ่อของข้า ช่างลึกล้ำเสียจนข้าเหมือนถูกควบคุมทุกย่างก้าว""ไม่ใช่เช่นนั้น"ซูเจิ้นถิงส่ายหน้า สีหน้าจริงจัง "ที่จริงแล้ว สถานการณ์ในตอนนี้ เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดที่ฝ่าบาทและข้าเคยคาดการณ์ไว้ แต่ถึงกระนั้น ฝ่าบาทก็ยังไม่มั่นใจว่าทุกอย่างจะราบรื่นได้ถึงเพียงนี้""ฝ่าบาทถึงกับเตรียมใจไว้สำ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 925

    "ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มันใช้โอกาสที่ควบคุมราชสำนัก มีสิทธิ์จัดสรรเสบียงและเงินเดือนของด่านเย่ว์หยา ทำให้สามารถดึงคนบางกลุ่มเข้ามาอยู่ใต้อำนาจของมันได้""แต่คนเหล่านั้นล้วนเป็นพวกตัวเล็กตัวน้อย พวกที่ไม่อาจอยู่รอดในศึกแย่งชิงระหว่างน้องชายข้ากับหนิงอ๋อง จึงเลือกไปพึ่งพาจ้าวเสวียนจี พวกมันไม่น่ากังวล"เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลี่เฉินจ้องมองอู๋ชิงชางก่อนจะถามว่า "หากจ้าวเสวียนจีคิดจะยึดด่านเย่ว์หยา...""มันต้องผ่านน้องชายข้าก่อน"หลี่เฉินพยักหน้า "แล้วเจ้ามั่นใจในตัวน้องชายเจ้าสักกี่ส่วน?"อู๋ชิงชางตอบอย่างสงบนิ่ง "พี่น้องร่วมสายเลือด ย่อมพร้อมตายแทนกันได้"หลี่เฉินเลิกคิ้วเล็กน้อย "ข้าเกิดในราชวงศ์ เจ้าย่อมรู้ว่าพี่น้องในราชวงศ์ไม่มีวันเชื่อใจกัน ยิ่งเวลาผ่านไปเป็นสิบปี ใจคนย่อมเปลี่ยน เจ้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่าน้องชายเจ้าจะไม่เปลี่ยนใจ?""แต่เราสองพี่น้องไม่ใช่เชื้อพระวงศ์"อู๋ชิงชางค้อมตัวประสานมือ "เราสองคนเติบโตมาด้วยกัน ตั้งแต่เด็กต่างรู้ดีถึงความหมายของแผ่นดิน ขอให้องค์รัชทายาทวางพระทัย ด่านเย่ว์หยาจะเป็นของราชสำนัก และจะเป็นขององค์รัชทายาทตลอดไป""ดี"หลี่เฉินกล่าว "ถ้าเช่นนั้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 924

    "หากข้าเป็นเพียงคนไร้ความสามารถเล่า?" หลี่เฉินเผลอถามออกไปโดยไม่รู้ตัว"นั่นก็หมายความว่าราชวงศ์หลี่ควรสิ้นสุด และจักรวรรดิต้าฉินถึงคราวล่มสลาย"คำพูดของอู๋ชิงชางดุจค้อนหนักทุบลงบนหัวใจของหลี่เฉิน ทำให้รู้สึกหนักอึ้งไปทั้งใจ"ทุกสิ่งทุกอย่าง ฝ่าบาททรงพิจารณาไว้หมดแล้ว""แต่เช่นเดียวกับที่ข้าพูดไปก่อนหน้านี้ ฟ้าดินและผู้คนล้วนไม่เข้าข้างฝ่าบาท สิ่งที่ฝ่าบาททำได้ ก็คือใช้สิบปีวางหมากเพื่อให้องค์รัชทายาทมีเวลา เพื่อหาหนทางให้จักรวรรดิต้าฉินและราชวงศ์หลี่อยู่รอดต่อไป และองค์รัชทายาทก็คือความหวังเพียงหนึ่งเดียว"หลี่เฉินสูดลมหายใจลึกหากไม่ใช่เพราะตนทะลุไม่ติมาอยู่ร่างนี้ ด้วยพฤติกรรมของเจ้าของร่างเดิม คงเป็นได้แค่เสือลูกสุนัข ความหวังของต้าสิงฮ่องเต้คงมลายหายไป และราชวงศ์หลี่คงถึงคราวสิ้นสุดแต่เมื่อตนมาอยู่ที่นี่ ทุกสิ่งทุกอย่างเช่นนี้ อาจเป็นเพราะโชคชะตากำหนดไว้แล้วจริงๆ หรือ?หากไม่ใช่ เช่นนั้นจะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด รวมถึงการทะลุไม่ติของตนได้อย่างไร?หัวใจของหลี่เฉินเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวายชั่วขณะ"เช่นนั้นพวกเจ้าเอง ก็เป็นคนที่เสด็จพ่อทิ้งไว้ให้ข้าหรือ?" หลี่เฉินเอ่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 923

    "แน่นอน ตอนนี้ยังต้องเพิ่มอีกคน นั่นคือองค์รัชทายาทท่านด้วย"คำพูดของอู๋ชิงชางทำให้สมองของหลี่เฉินหมุนไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางบุคคลเหล่านี้ ดูเหมือนว่าจะมีความเกี่ยวข้องกันมากมาย และเส้นใยความเกี่ยวข้องเหล่านั้น สุดท้ายแล้วก็เหมือนปลายด้ายที่กระจัดกระจาย แต่จะต้องมีจุดเริ่มต้นและจุดเริ่มต้นของเส้นด้ายเหล่านั้น ก็อยู่ในพระหัตถ์ของต้าสิงฮ่องเต้ ที่กำลังบรรทมอยู่ในตำหนักเฉียนชิงใบหน้าของหลี่เฉินไร้ซึ่งอารมณ์ ดวงตาแฝงแววสงบนิ่งไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอู๋ชิงชางดูเหมือนไม่สนใจว่าเขาคิดอะไร เขากล่าวต่อไปว่า "เมื่อหลายปีก่อน จ้าวเสวียนจีได้วางหมากกระดานหนึ่งขึ้นมา กระดานนี้ก็คือให้น้องชายของข้าได้รับพระคุณจากเขา วันหนึ่งในอนาคตต้องตอบแทนบุญคุณนี้ และต้องลบล้างหลักฐานนี้ให้สิ้น""แต่ก่อนหน้านั้น ฝ่าบาทก็ทรงวางหมากกระดานหนึ่งขึ้นมาเช่นกัน กระดานนี้ก็คือให้จ้าวเสวียนจีเป็นผู้วางหมาก"หลี่เฉินมองอู๋ชิงชางก่อนจะกล่าวว่า "ตอนนี้ข้าเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าถึงบอกว่าเสด็จพ่อของข้าเป็นคนที่อยู่ลำดับที่สาม"อู๋ชิงชางหัวเราะ "กลอุบายของจักรพรรดิ ฝ่าบาททรงเล่นได้ถึงขีดสุด คนระดับต่ำย่อมเ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 922

    ในอดีต อู๋ชิงชาง เคยมีอิทธิพลสูงสุดในหมู่แม่ทัพแห่งต้าฉิน ทุกคนต่างคาดหวังว่าเขาจะกลายเป็น เทพแห่งสงครามคนที่สอง แต่ในเวลาที่ไม่มีใครคาดคิด เขากลับ หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยต้าสิงฮ่องเต้เพียงประกาศพระราชโองการสั้นๆ ว่ามีภารกิจอื่น จากนั้นก็ปลดเขาออกจากทุกตำแหน่งและริบอำนาจทางทหารทั้งหมด หลังจากนั้น ไม่มีผู้ใดเคยได้ยินข่าวของเขาอีกเลยจนกระทั่ง อู๋ปานซาน น้องชายของเขาได้รับแต่งตั้งเป็น แม่ทัพพิทักษ์ด่านเย่ว์หยา ผู้คนจึงหวนรำลึกถึงอดีตของน้องชายของเขาอีกครั้งทว่าจวบจนปัจจุบัน ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าอู๋ชิงชางหายไปที่ใดหลี่เฉินมองชายร่างกำยำที่อยู่ตรงหน้าแล้วถอนหายใจเบาๆ "เดิมทีเจ้าน่าจะมีอนาคตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่กลับต้องใช้ชีวิตอย่างเงียบงันในศาลบูรพกษัตริย์นานถึงยี่สิบปี?"อู๋ชิงชางหัวเราะเบาๆ ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงปลอดโปร่ง "สายฟ้าและสายฝน ล้วนเป็นพระเมตตา ออกศึกฆ่าศัตรูเพื่อสร้างชื่อ ย่อมเป็นเรื่องที่เร้าใจ แต่หากฮ่องเต้ทรงบัญชาให้ข้ากวาดลานศาลบูรพกษัตริย์ไปชั่วชีวิต ก็ถือเป็นภารกิจของข้าเช่นกัน""เหตุผลล่ะ?"หลี่เฉินถามต่อ "เสด็จพ่อไม่มีทางให้เจ้ากวาดศาลบูรพกษัตริย์โดยไม่มีเหตุผลแ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status