บทที่ 6 : ไม่เจอกันนาน
หลังจากนั้นพี่สายชลพาฉันขึ้นรถเพื่อพาไปส่งที่บ้าน ระหว่างทางฉันนั่งนิ่งเงียบ แอบปรายตามองพี่สายชลเป็นบางครั้งบางคราว ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าพี่เขาคิดอะไรอยู่ ยังโกรธฉันอยู่หรือเปล่านะ ฉันได้แต่เม้มปากแน่น
“น้ำหวาน สบายดีนะ ไอ้เพชรเป็นอย่างไรบ้าง” จู่ ๆ พี่สายชลเอ่ยปากก็ทำลายความเงียบลง
“ สบายดีค่ะ หวานไม่ค่อยได้คุยกับพี่เพชรแต่คงจะสบายดีแหละ” ฉันตอบออกไป พลางครุ่นคิดในใจว่าฉันควรจะพูดคุยอะไรต่อดี
“แล้วไม่คิดจะถามพี่บ้างเหรอ” พี่สายชลพูดโดยไม่หันมามองหน้าฉัน สายตายังคงมองออกไปตรงทางด้านหน้าถนนเช่นเดิม
“เอ่อ...แล้วพี่ชลสบายดีไหมคะ” ฉันรีบถามกลับ กลัวว่าพี่สายชลจะคิดว่าฉันช่างไร้มารยาทสิ้นดี
“หึ...ไม่ค่อยสบายหรอก แมวของพี่ซนเหลือเกิน” พี่สายชลตอบออกมา
“พี่ชลเลี้ยงแมวด้วยเหรอ” คำตอบนั้นทำให้ฉันเกิดสงสัยขึ้นมาทันที
“แมวหลงทางน่ะ ชอบทำให้พี่เป็นห่วงอยู่เรื่อย” พี่สายชลตอบพร้อมหันมามองหน้าฉันอย่างเพ่งพินิจ ทำเอาฉันหน้าร้อนผ่าว แล้วแมวพี่ชลเกี่ยวอะไรกับฉัน ทำไมฉันต้องขนลุกซู่แบบนี้ด้วย
หลังจากนั้นฉันกับพี่สายชลก็นั่งเงียบกันอีกสักพัก
“น้ำหวานไม่เจอตั้งนาน คิดถึงไหม” พี่สายชลถามฉันอีกครั้ง แต่คำถามนี้ทำเอาฉันสะดุ้ง “คะ” ฉันเลิกคิ้วรีบทวนคำถามอีกครั้ง “พี่หมายถึงไอ้เพชรน่ะ คิดถึงมันไหม” ฉันถึงได้บางอ้อขึ้นมา “อ้อ..ก็คิดถึงค่ะ” ฉันได้ยินเสียงหึดังขึ้นเบา ๆ ก่อนจะแอบเห็นพี่สายชลยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ฉันเผลอจ้องหน้าพี่สายชลอยู่อย่างนั้น ก่อนที่พี่เขาจะหันมาสบตาด้วยอีกครั้ง “พี่หล่อเหรอ ถึงเอาแต่มองแบบนั้น” ฉันถึงกับหน้าเหวอไปเลยทีเดียว ก่อนจะรีบเบือนหน้าหนีออกไปทางนอกหน้าต่างโดยไม่กล้าพูดอะไรอีก
เมื่อถึงหน้าบ้าน พี่สายชลเดินลงมาเปิดประตูรถให้ฉัน แต่ก่อนที่ฉันจะก้าวเข้าไปในบ้าน พี่สายชลรั้งแขนฉันเอาไว้อย่างเบามือ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวฉันอย่างแผ่วเบา
“วันหลัง ห้ามไปเมาแบบนี้อีกนะ” พี่สายชลกำชับฉันด้วยพร้อมมองด้วยสายตาห่วงใย ฉันทำเพียงพยักหน้ารับ จากนั้นฉันก็หันหลังเดินเข้าไปในบ้าน พลันได้ยินเสียงพี่สายชลเอ่ยตามหลังออกมา “คืนนี้ฝันดีนะคะ” เมื่อฉันได้ยิน ร่างทั้งร่างหยุดชะงัก มือฉันจิกชายกระโปรงไปมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ก่อนจะรีบวิ่งเข้าบ้านไปในทันที
เมื่อถึงห้องนอน ฉันแทบจะกรี๊ดออกมาลั่นบ้าน ฉันนอนบิดไปบิดมาบนเตียง มือฉันยกขึ้นลูบหัวตัวเองไปมา อยากสัมผัสร่องรอยมือใหญ่ที่ยังจาง ๆ อยู่ ก่อนจะคิดถึงประโยคสุดท้ายที่พี่สายชลบอกฉัน “ฝันดีนะคะ” อร๊าย....น้ำหวานแล้วคืนนี้เธอจะนอนหลับลงได้ยังไงละเนี่ย
Part : พี่สายชล
ผมไม่ได้เจอกับเธอเกือบจะหนึ่งปีเห็นจะได้ ผมไม่รู้ว่าเธอเป็นอย่างไรบ้าง ผมทำได้เพียงคิดถึงใบหน้าและแววตานั้นตามลำพัง ในตอนที่นั่งอยู่บนรถ ผมสังเกตเห็นเธอมีท่าทางที่อึดอัด มือน้อยจิกเกร็งบนกระโปรงบานจนแทบจะฉีกขาด ผมจึงตั้งใจเอ่ยทำลายความเงียบหวังให้เธอรู้สึกผ่อนคลายลงบ้างแต่เธอกลับเพียงตอบคำถามผมแล้วก็เงียบลงอีกครั้ง ผมได้แต่รู้สึกน้อยใจนิด ๆ ก่อนจะถามออกไปอีกครั้ง ตอนผมพูดถึงแมวน้อย เธอดูสนใจขึ้นมาบ้าง ผมจึงอดที่จะประชดเธอไม่ได้ ยิ่งนึกถึงตอนที่ไอ้หนุ่มหน้ามนนั่นจับมือถือแขนแมวน้อยของผมยิ่งทำให้ผมรู้สึกขุ่นเคืองเข้าไปอีก แต่เมื่อได้เห็นแมวน้อยของผม ทำตาใสมองผมอย่างเขินอาย ก็ทำให้อารมณ์ขุ่นมัวลดหายลงไปเลยทีเดียว ผมเห็นเธอเงียบไปอีกครั้ง ผมอยากถามเธอว่าเธอคิดถึงผมเหมือนที่ผมคิดถึงเธอหรือไม่ แต่เมื่อเห็นท่าทางที่ดูตื่นตระหนก ทำให้ผมแก้เก้อด้วยการเปลี่ยนเรื่องไป เมื่อเธอบอกว่าคิดถึง แม้เธอจะหมายถึงไอ้เพชร แต่ผมก็แอบคิดไปเองว่าคำตอบนั้นคงหมายถึงผมแน่นอน ผมยิ้มกริ่มอย่างอารมณ์ดี และเมื่อผมเหลือบไปเห็นเธอเอาแต่จ้องหน้าผมอยู่อย่างนั้น ผมจึงอดที่จะเอ่ยแซวแมวน้อยของผมอย่างลืมตัว
เมื่อถึงหน้าบ้านเธอ ผมแทบอยากหยุดเวลาลงตรงนี้ ผมไม่ได้เจอเธอมานานและไม่รู้ว่าจะหาโอกาสไหนมาเจอเธออีก ก่อนเธอจะเข้าบ้านผมถึงกับกำชับเธอไว้ เผื่อวันหลังลับสายตาผม เธอจะได้ไม่กล้าออกไปซุกซนเช่นวันนี้อีก ก่อนที่เธอจะลับสายตาผมตัดสินใจเอ่ยคำว่า คืนนี้ฝันดีนะคะ ออกไปอย่างที่หัวใจอยากจะพูดออกมาเสมอ ผมเห็นเธอชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะรีบวิ่งเข้ามาไป ผมได้แต่หัวเราะออกมา ไม่รู้ว่าผมกำลังหัวเราะตัวเอง หรือว่าหัวเราะแมวน้อยของผมกันแน่ สายชลเอ๋ย...จะทำยังไงกับแมวน้อยตัวนี้ดีเนี่ย
บทที่ 7 : รับน้อง ในที่สุดผลสอบก็ประกาศออกมา ฉันสอบติดมหาวิทยาลัยเดียวกันพี่สายชลจนได้ ฉันดีใจกรีดร้องลั่นบ้าน พ่อแม่ฉันเองก็ดีใจมากเช่นกันแต่ก็คงอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมฉันถึงดีใจเกินเหตุขนาดนั้น “ดีใจด้วยนะแก จะได้ไปอยู่กับหนุ่มในฝันแล้ว” สายไหมรีบโทรมาแต่ก็มิวายแอบแซวฉันเล็ก ๆ “เสียดายที่แกไม่ติดที่เดียวกัน ต่อไปฉันคงจะเหงาแย่” ฉันแอบโอดครวญไม่ได้ที่เพื่อนรักดันสอบติดอีกที่หนึ่ง “โอ๊ย...มีพี่สายชลสุดหล่ออยู่แล้ว แกจะมาสนใจอะไรฉันยะ” สายไหมยังคงไม่หยุดแซวก่อนหน้านี้สายไหมเอาแต่ถามเรื่องคืนนั้นไม่หยุด แถมยังวิเคราะห์เป็นมั่นเป็นเหมาะว่าพี่สายชลต้องมีใจให้ฉันแน่ ๆ ฉันก็ได้แต่แอบปลื้มปริ่มในใจเล็ก ๆ แต่หลังจากวันนั้นฉันก็ไม่ได้เจอกับพี่สายชลอีกเลย ทำให้ความหวังเล็ก ๆ ของฉันค่อย ๆ มอดไหม้ลงไปทีละเล็กทีละน้อยหลังจากประกาศผล ที่จังหวัดก็มีจัดกิจกรรมรับน้องจังหวัดขึ้น อันที่จริงตอนแรกฉันก็ไม่ได้อยากไปสักเท่าไหร่หรอก ฉันไม่ชอบที่ที่คนเยอะแยะแถมยังเป็นคนแปลกหน้าด้วยซ้ำ แต่พอคิดถึงหน้าพี่สายชล ฉันก็ได้แต่ฮึดสู้ในใจและตัดสินใจไปเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้
บทที่ 8 : เริ่มการเป็นนักศึกษาปีหนึ่ง วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรก ฉันอยู่คนละคณะกับพี่สายชลจึงยังไม่มีโอกาสเจอกันตั้งแต่วันรับน้องจังหวัดอีกเลย ทางคณะมีจัดกิจกรรมรับน้องคณะ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดใจสำหรับฉันเช่นเดิม ฉันพยายามจะปรับตัวให้เข้ากับสังคมใหม่ให้ได้ เนื่องจากเพื่อน ๆ ในกลุ่มต่างแยกย้ายกันไป “สวัสดีนะ เราชื่อฟ้า ยินดีที่ได้รู้จัก” ฟ้าเดินเข้ามาทักทายฉัน ท่าทางเธอดูสดใส รอยยิ้มกว้างนั่นบ่งบอกว่าเป็นคนที่อัธยาศัยดีทีเดียว “เราชื่อน้ำหวาน ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน” ฉันยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ฟ้าคงดูออกว่าฉันเป็นคนเข้าสังคมไม่ค่อยเก่ง เธอจึงถือวิสาสะจูงมือฉันไปเข้ากับกลุ่มเพื่อน ๆ คนอื่น พวกเราพูดคุยกันเรื่องทั่วไป ส่วนใหญ่ก็เป็นการแนะนำตัวเอง บางคนก็มีเพื่อนอยู่แล้ว บางคนก็มารู้จักเอาใหม่ในคณะ อันที่จริงคนที่คุยส่วนใหญ่คงเป็นฟ้า ส่วนฉันเหรอได้แต่ยืนฟังไปยิ้มไปแต่ก็ทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาได้มาก กิจกรรมรับน้องของคณะก็ไม่มีมีอะไรมากมาย ส่วนใหญ่ก็ให้เด็กใหม่ทำกิจกรรมร่วมกัน พี่ ๆ แนะนำตัวเอง และก็กำหนดสายรหัส
บทที่ 9 : นี่หมายความว่าไง พี่สายชลขับรถมาจอดตรงหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง แต่พี่เขายังไม่มีทีท่าว่าจะลงจากรถ ฉันเหลือบมองพี่สายชลที่ยังคงนั่งนิ่งเหมือนกำลังใช้ความคิดอยู่ คิ้วหนาขมวดยู่จนแทบจะมัดรวมเป็นปมเข้าด้วยกัน “น้องหวานเอามือถือมา” พี่สายชลพูดพร้อมหันมามองหน้าฉัน ฉันยื่นมือถือให้พี่สายชลแต่โดยดี พี่สายชลหยิบไปแล้วสำรวจอะไรสักอย่างจากนั้นก็กดโทรศัพท์ของฉัน เพียงเสี้ยววินาทีเสียงโทรศัพท์ของพี่สายชลก็ดังขึ้น “นี่เบอร์โทรพี่ ต่อไปมีเรื่องอะไรให้โทรมาเบอร์นี้นะ ส่วนเบอร์คนอื่นไม่จำเป็นก็ลบทิ้งซะ” พี่สายชลพูดพร้อมยื่นโทรศัพท์คืนให้ฉัน ฉันได้แต่อมยิ้มด้วยความปลื้มปริ่มในใจ นี่หมายความว่าไงนะ พี่สายชลแอบหวงฉันหรือไม่ แต่ก่อนที่ความคิดจะเตลิดไปไกล คำพูดพี่สายชลก็พาลดับฝันฉันลงทันที “เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าเพิ่งรีบมีแฟน ตั้งใจเรียนอย่างเดียวก็พอเข้าใจไหม” พี่สายชลบอกพร้อมทั้งส่งสายตาคาดคั้นมาที่ฉัน ฉันได้แต่ทำหน้าหงอย พร้อมพยักหน้ารับคำ ที่แท้ก็เห็นฉันเป็นเด็กน้อยนั่นเอง พี่สายชลคงเป็นห่วงฉันเพราะฉันเป็นน้องสาว
บทที่ 10 : นี่เราเป็นอะไรกัน หลังจากวันนั้น พี่สายชลก็มักมารับมาส่งฉันที่คณะเป็นประจำจนเพื่อน ๆ ในคณะอดแซวฉันไม่ได้ว่าพี่สายชลเป็นแฟนของฉัน ฉันได้แต่ยิ้มอ่อนให้เพราะไม่รู้จะตอบกลับอย่างไรดี จริง ๆ ฉันก็อดสงสัยในความสัมพันธ์ของพวกเราไม่ได้เช่นกัน หลายต่อหลายครั้งฉันก็รู้สึกว่าพี่สายชลคงรู้สึกเช่นเดียวกับที่ฉันรู้สึก แต่เพราะท่าทีเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน พี่สายชลก็ยังทำตัวเป็นพี่ชายที่ดีของฉันเสมอ ออกจะดีกว่าพี่เพชรพี่ชายแท้ ๆ ของฉันเสียอีก มันเลยทำให้ฉันไม่กล้าที่จะคิดเข้าข้างตัวเอง และอดน้อยใจอยู่บ่อย ๆ ไม่ได้วันนี้เป็นวันหยุด พี่สายชลมารับฉันออกไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน หลังจากกินข้าวเสร็จพี่สายชลจึงชวนฉันไปดูหนังกันต่อ ฉันรีบตกลงรับคำทันที ก็ฉันแอบปลื้มพี่สายชลมากอยู่แล้วนี่นา โอกาสมาหาก็ต้องรีบคว้าเอาไว้ก่อนสิ“น้องหวาน อยากดูเรื่องอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ” พี่สายชลถามฉันขณะที่พวกเรากำลังยืนเลือกโปรแกรมหนัง“ดูเรื่องนี้ไหมคะ” ฉันชี้ไปที่หนังแนวรักโรแมนติกเรื่องหนึ่ง ใจจริงแล้วฉันอยากดูหนังการ์ตูนมากกว่าแต่เพราะไม่อยากให้พี่สายชลคิดว่าฉันเป็นเด็กน้อยฉันจึงเปลี่ยนใจเลือกหนั
บทที่ 11 : หรือฉันเข้าใจผิด ระหว่างกำลังนั่งรถกลับอยู่นั้น พี่สายชลก็หันมาถามฉัน “น้องหวาน พี่ขอไปเอาของให้เพื่อนที่ห้องก่อนได้ไหมคะ พอดีพี่ลืมหยิบออกมาด้วย ไม่อยากอ้อมรถไปมา” น้ำเสียงพี่สายชลค่อนข้างราบเรียบ กลับเป็นฉันเสียอีกที่ตื่นเต้นกับคำถามนี้ ทั้งที่ก่อนหน้าฉันยังงอนพี่สายชลอยู่แท้ ๆ พี่สายชลคงเห็นท่าทางตื่นเต้นของฉัน พี่สายชลจึงพูดติดตลกออกมา “พี่ไม่ทำอะไรเราหรอกน่า” ฉันได้แต่ทำหน้าอึ้งไป ก่อนจะตอบกลับพี่สายชล “ได้ค่ะ” ฉันตอบออกไปทั้งที่อดใจสั่นไม่ได้ นี่ฉันกำลังจะไปห้องพี่สายชลหรือนี่ ฉันแอบคิดอย่างตื่นเต้น รถขับมาจอดตรงคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง พี่สายชลลงมาเปิดประตูรถให้ฉันเช่นที่เคย เขามาพาฉันมายังห้องพักของเขา ห้องพี่สายชลดูสะอาดสะอ้าน ห้องแยกเป็นห้องนอนกับห้องรับแขกออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วน “น้องหวานนั่งรอตรงโซฟานี่ก่อน เดี๋ยวพี่มา” พี่สายชลพาฉันมานั่งตรงโซฟารับแขก พร้อมทั้งเดินไปหยิบน้ำมาวางตรงหน้า ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอนของเขา ฉันได้แต่นั่งนิ่ง มือไม้จิกเกร็งไปหมด แต่ก็อดที่จะสำรวจห้องพักของพี่สายชลไม่ไ
บทที่ 12 : ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ หลังจากวันนั้น พี่สายชลยังคงมารับมาส่งฉันตามปกติ แต่ท่าทีกลับเปลี่ยนไปจนน่าใจหาย พี่สายชลดูท่าทางเคร่งขรึมขึ้นมากกว่าเดิม ซ้ำยังทำตัวเหินห่างฉันอย่างเห็นได้ชัด ก่อนหน้านี้ระยะห่างของเราก็มากพอควรแล้ว มาคราวนี้ยิ่งดูห่างไกลขึ้นไปใหญ่ ฉันเองพาลคิดเอาว่าเพราะพี่สายชลเห็นฉันเป็นเพียงน้องสาวจึงไม่อยากให้ความหวังแก่ฉันอีกต่อไป ฉันจึงได้แต่พยายามเก็บซ่อนความรู้สึกเอาไว้ อย่างน้อยฉันจะได้มีพี่สายชลในชีวิตเช่นเดิม อย่างน้อยจะได้ไม่ทำให้พี่สายชลต้องหายไปจากชีวิตของฉันอีกเลย วันนี้เป็นวันศุกร์ฉันมีเรียนเพียงครึ่งวัน จู่ ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นสายไหมที่โทรมา“ฮาโหลเพื่อนรัก วันนี้แกว่างหรือเปล่า ฉันมาทำธุระที่นี่ เลยว่าจะชวนแกออกไปกินอะไรเสียหน่อย ห้ามปฏิเสธเด็ดขาดนะ แกก็รู้ว่าฉันคิดถึงแกจะแย่อยู่แล้ว” เสียงสายไหมดังก้องแทบไม่ปล่อยช่องว่างให้ฉันได้พูดอะไรสักคำ อันที่จริงฉันเองก็รู้สึกคิดถึงสายไหมเช่นกัน ซ้ำยังรู้สึกเบื่อ ๆ อีกด้วย จึงตอบตกลงและนัดเจอกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ในตอนที่พี่สายชลมารับฉันกลับ ฉันบอกพี่สายชลออกไป พ
บทที่ 13 : ฉันเป็นหมาน้อยของพี่สายชล เหล้าที่กระดกเข้าปากฉันครั้งแล้วครั้งเล่า ทำเอาฉันแทบทรงตัวไว้ไม่อยู่ สายไหมที่พยายามห้ามปรามอย่างไรก็ไม่อาจหยุดความดื้อรั้นของฉันไว้ได้ เธอทำได้แต่เพียงถอนหายใจและคอยลูบหลังฉันเบา ๆ “สายไหม ฉันกลุ้มใจจัง ฉันไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย ฉันกำลังจะเป็นบ้าอยู่แล้ว” ฉันร้องไห้ฟูมฟายโวยวายไม่ยอมหยุด สายไหมเอาแต่อึ้งไปกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของฉัน ใครจะไปคิดว่าคนที่เรียบร้อย พูดน้อยคำเช่นฉัน เวลาเมาจะสามารถเรื้อนได้วายป่วงขนาดนี้ “เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว เลิกดื่มได้แล้วน่า เมาขนาดนี้ฉันจะพากลับไหวยังไงละเนี่ย” สายไหมเอาแต่บ่นอุบพลางคิดในใจไม่น่าให้ยายเพื่อนรักดื่มเหล้าเลยจริง ๆ สักพักก็มีสายเรียกเข้าจากโทรศัพท์ของฉันดังขึ้น ฉันที่เมาจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ มือสะเปะสะปะควานหามือถือเป็นพัลวัน ฉันพยายามเพ่งมองเบอร์ที่โทรเข้ามา “พี่สายชล” ฉันชูโทรศัพท์ให้เพื่อนรักดู “นี่ไงคนที่ทำให้ฉันเสียใจ...ฮือ...ฮือ...” ฉันเมาจนเพี้ยนไปแล้ว สายไหมได้แต่ส่ายหน้า พลางแย่งมือถือในมือไปรับซะเอง “พี่สา
บทที่ 14 : เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ฉันสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหัวอย่างหนัก ฉันส่ายหน้าไปมาพยายามดึงสติให้กลับเข้าร่างโดยเร็ว ภาพจำสุดท้ายที่พอจะนึกออกคือตอนที่ยกเหล้าเข้าปากอยู่กับสายไหม ฉันพยุงตัวลุกขึ้นจากที่นอน พอได้สติฉันรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาทันที นี่ไม่ใช่ห้องนอนของฉันนี่นา เมื่อคืนฉันกลับกับใคร แล้วฉันมานอนที่นี่ได้อย่างไร เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับฉันหรือเปล่า ฉันพลันรู้สึกชาวาบไปทั้งตัวด้วยความหวาดกลัวในใจฉันรีบลุกขึ้นพร้อมสำรวจตัวเอง เสื้อยืดตัวใหญ่โคร่งกับกางเกงบอลขาสั้นทำเอาหัวใจฉันหล่นวูบไปอีกครั้ง ฉันรีบวิ่งออกจากห้องดังกล่าวด้วยท่าทีร้อนรน พอเปิดประตูห้องออกไป สิ่งที่ตกใจยิ่งกว่าคือภาพพี่สายชลกำลังตากผ้าอยู่บริเวณระเบียง ฉันพยายามนึกให้ออกว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับฉันกันแน่ เหตุใดฉันจึงมาอยู่ห้องของพี่สายชลได้ แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ซ้ำยังปวดหัวเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว พี่สายชลได้ยินเสียงประตูจึงหันมามอง “น้องหวาน ตื่นแล้วหรือคะ” พี่สายชลยิ้มมองหน้าฉันอย่างกรุ้มกริ่ม ฉันเม้มปากแน่นก่อนจะตอบออกไป “เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น หวา
บทที่ 33 : เวลาที่รอคอย ฉันคบกับพี่สายชลมาได้ 4 ปีแล้ว ตอนนี้ฉันอยู่ปีสี่ใกล้จะจบแล้ว ส่วนพี่สายชลก็เข้าทำงานในบริษัทที่อยู่ในจังหวัดเดียวกัน โดยตั้งแต่ปีสองฉันก็ย้ายมาอยู่กับพี่สายชลที่ห้อง พี่สายชลยังคงหื่นกับฉันไม่เลิกจนฉันได้แต่ต้องคอยหลีกหนีไปให้ไกลสายตา ไม่อย่างนั้นพี่สายชลก็เอาแต่จะคอยจ้องจะกระโจนใส่ฉันไม่หยุด อยู่กับหมาป่าแล้วแมวน้อยอย่างฉันจะรอดพ้นไปได้อย่างไรเล่า “น้องหวาน พี่ง่วงแล้วพวกเราเข้าห้องกันเถอะ” เสียงกระซิบจากใบหน้าที่แนบชิดอยู่ตรงหน้าอกของฉัน เสียงหอบหายใจพร่าที่ดังแว่วมาทำให้ฉันขนลุกชันขึ้นมา เวลาเนิ่นนานขนาดนี้แต่ฉันก็ยังไม่คุ้นชินกับสัมผัสเหล่านี้อยู่ดี“พี่ชล อย่าเกเรสิคะ พรุ่งนี้หวานมีเรียนแต่เช้านะ” ฉันรีบประท้วงออกไปพร้อมกระถดตัวถอยห่างจากพี่สายชล พี่สายชลส่งสายตาเจ้าเล่ห์ใส่ฉันทันที “งั้นน้องหวานต้องรีบนอนแล้วหละ” พูดไม่ทันจบก็รีบอุ้มฉันขึ้นแนบอกพร้อมเดินเข้าไปในห้องนอนทันที ทันทีที่ฉันนอนลงที่เตียง ฉันยังไม่ทันได้ตั้งตัวอันใด พี่สายชลก็โถมหน้าเข้ามาจูบปากของฉันอย่างเรียกร้อง “น้องหวาน...หวานเหลือเกิน ชิมกี่ครั้งก
บทที่ 32 : แนะนำตัว หลังงานเลี้ยงเลิก พี่สายชลตั้งใจจะไปส่งฉัน แต่พี่เพชรนี่สิ กลับรั้งตัวฉันให้กลับด้วยกัน ฉันได้แต่บ่นพึมพำแต่ก็ยอมกลับด้วยแต่โดยดี ฉันกลับถึงบ้านรีบโทรหาพี่สายชลทันที ฉันยังเป็นห่วงแผลพี่สายชลอยู่พอสมควร ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้หน้าจะบวมเป็นลูกมะกรูดหรือไม่ พี่สายชลได้แต่ปลอบฉันให้สบายใจ แต่ก็ยังคงกระเซ้าใส่ฉันว่าถ้าห่วงมาก ก็ให้มาหาที่บ้านพี่เขาเสียสิ ฉันได้แต่ถอนหายใจกับความหื่นของพี่สายชลเสียจริง สายวันถัดมา ฉันลุกขึ้นจากเตียงอย่างขี้เกียจ ฉันเพียงแปรงฟันล้างหน้าแล้วลงมาด้านล่างด้วยชุดนอนสบาย “แม่ขา หิวข้าวจังเลย มีอะไรกินบ้างคะ” ฉันตะโกนอ้อนแม่ของฉันด้วยความหิวโซ แต่พอลงมาถึงฉันก็ต้องตกใจเมื่อพ่อกับแม่กำลังนั่งคุยกับพี่สายชลอยู่ตรงห้องรับแขก พี่สายชลหันมามองฉันด้วยรอยยิ้มเป็นประกาย ฉันถึงกับชะงักไป ก่อนจะรีบวิ่งกลับขึ้นห้องไป ฉันยืนนิ่งหัวใจเต้นรัวอยู่อย่างนั้น ทั้งอายสภาพตัวเอง ทั้งสงสัยว่าพี่สายชลมาทำไมกัน ฉันเลยรีบจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะลงมาด้านล่างอีกครั้ง วันนี้พี่เพชรไม่อยู่ ออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้า พว
บทที่ 31 : เจ็บขนาดนี้เลยเหรอ พี่เพชรเดินเข้ามาภายในร้าน โดยมีพี่สายชลเดินมาตามหลัง ฉันรีบเดินไปหาพี่สายชลในทันที ทั้งใบหน้าและมุมปากมีรอยเขียวช้ำ แถมมีเลือดไหลซึมออกมา ทำเอาฉันหน้าหงิกงอลงไป พลางมองหน้าพี่เพชรด้วยความโกรธ “ทำไมต้องทำรุนแรงแบบนี้ด้วย” ฉันหันไปบ่นพี่เพชรก่อนจะหันกลับมามองพี่สายชลอีกครั้ง “พี่ชล เจ็บมากไหม” มือของฉันลูบไล้ไปที่บริเวณรอยช้ำด้วยความสงสาร “น้ำหวาน ให้มันน้อย ๆ หน่อย เรื่องที่แกทำฉันยังไม่ได้ชำระความเลย” พี่เพชรหันมาดุใส่ฉัน ฉันได้แต่ทำหน้าบอกบุญไม่รับ สายไหมรีบเข้าไปกอดแขนพี่เพชรไว้แน่น “พอได้แล้วน่า พวกเราไปกินข้าวกันเถอะ ไหมหิวแล้ว” ท่าทางออดอ้อนของสายไหม ทำเอาฉันกลั้นยิ้มไม่อยู่ทีเดียว พี่เพชรก็ดูจะว่าง่ายลงไปมากโข เขาหันมาปรายตาเขม่นมองฉันนิดหนึ่ง ก่อนจะเดินไปพร้อมสายไหม ฉันรีบประคองพี่สายชลมานั่งที่โต๊ะ พลางกอบกุมใบหน้าที่มีรอยเขียวช้ำไว้ไม่ปล่อย พี่สายชลยกมือขึ้นจับมือฉันเบา ๆ “ถ้าห่วงพี่นัก คืนนี้ไปปลอบใจพี่หน่อยได้ไหม” เสียงกระซิบแผ่วเบา พร้อมแววตาวาววับทำเอาฉันนึกหมั่นไส้พี่สายชลไม่ได้จริง ๆ
บทที่ 30 : ด่านแรก พี่เพชรลากฉันออกมาอย่างอารมณ์เสีย ยังโชคดีหน่อยที่มีสายไหมวิ่งตามออกมาเป็นเพื่อนกัน พอถึงหน้าร้านที่ค่อนข้างปลอดคน พี่เพชรก็รีบโวยวายใส่ฉันทันที “น้ำหวานนี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมถึงไปคบกับไอ้ชลได้” เสียงเข้มของพี่เพชรทำเอาฉันใจหายวูบไปสักครู่ใหญ่ ก่อนที่ฉันจะพยายามตั้งสติเถียงพี่เพชรออกมา “หวานคบกับพี่ชล แล้วผิดตรงไหน ในเมื่อพวกเรารักกัน” ฉันเชิดหน้าตอบกลับพี่เพชรอย่างไม่ลดละ ฉันละไม่เข้าใจจริง ๆ ปกติพี่เพชรก็ไม่ได้จะอะไรกับฉันมากเสียหน่อย แล้วทำไมคราวนี้ต้องทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ไปด้วย “น้ำหวาน พี่ไม่เห็นด้วย เลิกกับมันซะ” พี่เพชรสั่งฉันด้วยเสียงที่เด็ดขาด ทำเอาฉันตะลึงไปก่อนจะเปลี่ยนเป็นความโมโหแทน “พี่เพชรมีสิทธิ์อะไร หวานคบกับพี่สายชล หวานผิดตรงไหน พี่เพชรไม่มีเหตุผลเลย ยังไงหวานก็ไม่เลิก” ฉันยืนกรานเสียงแข็งใส่พี่เพชรทันที “น้ำหวาน...” พี่เพชรตะคอกใส่ฉันอย่างหัวเสีย ท่าทางที่เอาเรื่องทำให้สายไหมรีบเข้ามาดึงแขนพี่เพชรให้ใจเย็นลง “ทีพี่เพชรคบกับสายไหม หวานยัง
บทที่ 29 : ความลับแตกการสอบจบลงอีกครั้ง ฉันค่อยรู้สึกโล่งใจไปได้หน่อย หลังจากที่ต้องใช้เวลาอ่านหนังสือเสียยกใหญ่ ในที่สุดก็ปิดเทอมเสียที ฉันใช้เวลาอยู่กับพี่สายชลต่ออีกสองสามวันก่อนที่พวกเราจะกลับบ้านด้วยกันกลับมาคราวนี้พี่เพชรก็ถึงบ้านก่อนแล้ว ตอนที่พวกเรากำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ จู่ ๆ พี่เพชรก็ถามฉันขึ้นมากลางวงข้าว“น้ำหวานไปเรียนเป็นอย่างไรบ้าง แล้วไปแอบมีแฟนที่นั่นหรือเปล่า” คำถามทำเอาฉันแทบสำลักข้าวออกมา ทั้งพ่อแม่ ทั้งพี่เพชรต่างจ้องมองฉันกันเป็นตาเดียว เหมือนดั่งกำลังรอคำตอบจากฉัน“ไปเรียนก็สนุกดี แต่คนอย่างหวานจะมีใครมาสนใจกันเล่า” ฉันรีบแก้ตัว บ่ายเบี่ยงออกไป พี่เพชรยังคงจ้องหน้าฉันไม่หาย เหมือนกับพยายามหาพิรุธจากคำพูดของฉันอยู่นั่นแหละ “แล้วพี่เพชรล่ะ รอบที่แล้วก็ไม่กลับบ้าน ไปแอบซุกสาวที่ไหนหรือเปล่า” ฉันรีบเบี่ยงประเด็น โยนกลับไปให้พี่เพชรเสียอย่างนั้น“อย่ามาเปลี่ยนเรื่องเลย ไม่มีก็ดีแล้ว ยังเด็กยังเล็กยังไม่ต้องรีบมีหรอก แฟนน่ะ” พี่เพชรพูดไปพลาง ตักข้าวเข้าปากไปพลาง ฉันได้แต่ทำหน้านิ่งเก็บอาการให้เป็นปกติเช่นเคยฉันรอดตัวไปได้อีกครั้งหนึ่งอย่างหวุดหวิด ฉันได้แต่พ่นลมหา
บทที่ 28 : หมาป่าหิวโซกับแมวน้อยจอมพยศ ฉันตื่นมาในตอนเช้าด้วยสภาพอิดโรย ยังดีที่วันนี้เป็นวันหยุดทำให้ฉันสามารถพักผ่อนได้สักหน่อย ร่างกายของฉันปวดเมื่อยไปทั้งตัว แถมตามตัวยังมีร่องรอยฝากรักที่พี่สายชลมอบให้เป็นรอยแดงจ้ำเต็มไปหมด จนฉันอดหันไปมองค้อนคนข้าง ๆ ไม่ไหว พี่สายชลยังคงหลับอยู่ ดวงตาที่ปิดสนิท ใบหน้าที่ราบเรียบ ทำให้ฉันอดจ้องมองต่อไปไม่ได้ ยิ่งเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน สัมผัสที่พี่สายชลมอบให้ทำเอาฉันยิ้มหน้าแดงก่ำ ฉันยกปลายนิ้วชี้ขึ้นไล้ใบหน้าของพี่สายชล ตั้งแต่หน้าผาก ไล่มาจนถึงจมูกและเลื่อนลงตรงริมฝีปากหนา ตอนนี้พี่สายชลเป็นแฟนของฉันเต็มตัวแล้ว ฉันอดยิ้มอย่างมีความสุขไม่ได้ ระหว่างที่ฉันกำลังคิดเรื่อยเปื่อย พี่สายชลก็ยกมือขึ้นมาจับนิ้วของฉันก่อนจะจูบลงบนนิ้วนั้น เปลือกตาปรือขึ้นมามองฉันอย่างกรุ้มกริ่ม “ซนแต่เช้าเลยนะ แมวน้อย” ฉันรู้สึกเก้อเขินขึ้นมาจึงพยายามดึงมือออกจากการกอบกุม แต่พี่สายชลกลับดึงฉันเข้าหาก่อนจะกอดฉันไว้แน่น “เล่นซนแล้วคิดจะหนีเหรอ” เสียงกระเซ้ายิ่งทำให้ฉันทำตัวไม่ถูกเข้าไปใหญ่ “พี่ชล เลิกเล่นได้แล้ว” ฉันรีบโต้แย้งขึ้นมาทันที “ใครว
บทที่ 27 : วันเกิดช่วงนี้ชีวิตของฉันเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ เสียงนินทาเรื่องของฉันหายไป พร้อมกับมีเรื่องนินทาใหม่ ๆ ของคนอื่นแทรกเข้ามา ฉันได้แต่คิดในใจ คนพวกนี้วัน ๆ คงไม่ทำอะไรกันแล้วละมั้ง ไม่นินทาคนนั้นก็นินทาคนนี้ไปตามประสา ฉันได้แต่ส่ายหัวไปมากับเรื่องเหลวไหลพรรค์นี้ส่วนพี่นทีตั้งแต่เรื่องวันนั้น พี่นทีก็ส่งข้อความมาขอโทษขอโพยฉันเสียยกใหญ่ ฉันได้แต่ตอบไปว่าไม่เป็นไร ช่างมันเถอะ เพียงเท่านั้น หลังจากนั้นพี่นทีก็ไม่ค่อยติดต่อฉันอีกเลย“สุขสันต์วันเกิดน้ำหวาน” เสียงฟ้าทักทายฉันแต่เช้า ทำเอาฉันยิ้มกว้างให้เธอ “ขอบใจจ๊ะ”“แล้ววันนี้ไปฉลองที่ไหน ไปกินข้าวกันไหม เราเลี้ยงหวานเอง” ฟ้ายังคงชวนฉันไปฉลองวันเกิดแต่เพราะฉันมีนัดกับพี่สายชลแล้ว “วันนี้เราไม่ว่าง นัดพี่ชลไว้แล้วน่ะ” ฉันเลยตอบปฏิเสธออกไป“เฮ้อ...คนมีแฟนนี่มันดีจริง ๆ เลยนะ” ฟ้าพูดแกมหยอก พร้อมส่งสายตาล้อเลียนมาให้ฉัน ฉันได้แต่ยิ้มบางออกมาจนช่วงเย็นพี่สายชลมายืนรอฉันอยู่ที่หน้าคณะเช่นเดิม ท่าทางพี่สายชลในวันนี้ดูยิ้มแย้ม กระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษทีเดียว ทันทีที่เห็นฉันพี่สายชลรีบเดินมาจูงมือฉันขึ้นรถแล้วพากลับห้องพี่เขาในทัน
บทที่ 26 : จัดการพี่สายชลมาส่งฉันเรียนตามปกติ แต่ฉันก็ยังอดคิดมากเรื่องเมื่อวานไม่ได้ พี่สายชลหันมาบีบมือของฉันเบา ๆ อย่างให้กำลังใจ ฉันได้แต่ยิ้มให้ก่อนจะเดินเข้าไปในคณะ วันนี้ฉันยังคงเห็นสายตาแปลก ๆ ที่ยังคงแอบมองฉันอยู่ ฉันได้แต่พยายามทำใจให้นิ่ง แล้วเดินเข้าห้องเรียนโดยไม่ใส่ใจนักฉันหันมองรอบ ๆ ห้องเพื่อหาฟ้า แต่กลับไม่พบ ไม่รู้ว่าวันนี้ฟ้าจะมาเรียนหรือเปล่า ฉันได้แต่คิดอย่างหงอย ๆ ก่อนจะพยายามเรียกสติตัวเอง เพื่อตั้งใจเรียนอีกครั้งผ่านไปอีกเกือบครึ่งคาบเรียน ฟ้าก็แอบย่องเข้ามาในห้อง พร้อมนั่งลงข้าง ๆ ฉัน ท่าทางฟ้าดูกระหืดกระหอบพอสมควรทีเดียว ฟ้ามองหน้าฉันเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เพราะอาจารย์ที่สอนหน้าห้องบังเอิญเห็นฟ้าที่เข้ามาสาย ฟ้าเลยโดนอาจารย์สวดไปหลายนาทีทีเดียว พวกเราเลยได้แต่ก้มหน้านิ่งตั้งใจเรียนโดยไม่กล้าพูดคุยกันเลยแม้สักคำจนกระทั่งคาบเรียนเลิก ฟ้ารีบดึงฉันออกไปนอกห้องอย่างร้อนใจ ทำเอาฉันงงกับท่าทีของฟ้าที่แสดงออกมา“ฟ้ามีอะไร ทำไมต้องรีบขนาดนี้” ฉันเอ่ยถามอย่างแปลกใจ“หวานรู้ไหม ทำไมเราเข้าสาย” ฟ้าถามจนฉันงง ฉันได้แต่ส่ายหน้า “ก็พี่สายชลของหวานนะสิ มีเรื่องกั
บทที่ 25 : ข่าวลือหลังจากฉันปรับความเข้าใจกับฟ้าแล้ว ฉันก็ค่อยโล่งใจยิ่งขึ้น กับพี่นทีเองฉันก็พยายามหลีกเลี่ยงในการพูดคุยกัน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอีก อันที่จริงฉันไม่ใช่ว่าฉันเพียงไม่อยากมีปัญหากับฟ้าเท่านั้น แต่ฉันก็ไม่อยากมีปัญหากับพี่สายชลด้วยเช่นกัน ก็พี่สายชลขี้หึงออกจะขนาดนั้น ฉันไม่อยากถูกพี่สายชลลงโทษอีกแล้ววันนี้ฉันเดินเข้ามาในคณะ ฉันรู้สึกแปลก ๆ กับสายตาที่หลายคนมองมายังฉัน ยิ่งบางคนพอฉันเดินเข้ามาใกล้ก็รีบสะกิดกันไปมาก่อนจะเงียบลงไป ฉันได้แต่ขมวดคิ้ว อึดอัดกับสถานการณ์แบบนี้เป็นที่สุด ฉันเดินจนกระทั่งเจอกับฟ้าเข้า ฟ้ารีบดึงแขนฉันเข้ามาพร้อมกระซิบกระซาบให้ฉันฟังใหญ่“หวานได้ยินข่าวลือหรือเปล่า มีคนเอาไปพูดกันว่าหวานเป็นพวกจับปลาสองมือ ทั้งที่มีแฟนอยู่แล้วกลับยังมาหลอกคบกับพี่นทีแล้วก็หักอกพี่เขาน่ะ” ฟ้ารีบเล่าให้ฉันฟังทันที ฉันมองหน้าฟ้าอย่างไม่คาดคิด“ใครไปพูดกันแบบนั้น ไม่จริงเสียหน่อย” ฉันรีบท้วงออกไปทันที ใบหน้าของฉันบึ้งตึงขึ้นมาอย่างไม่พอใจนัก“เรารู้ ๆ แต่คนเขาก็เมาส์กัน เมื่อกี้ฉันยังฉะกับพวกที่เมาส์นั่นอยู่เลย” ฟ้ารีบลูบแขนฉันเป็นการปลอบใจใหญ่“เฮ้อ...ช่างเถอะก็ในเ