บทที่ 29 : ความลับแตกการสอบจบลงอีกครั้ง ฉันค่อยรู้สึกโล่งใจไปได้หน่อย หลังจากที่ต้องใช้เวลาอ่านหนังสือเสียยกใหญ่ ในที่สุดก็ปิดเทอมเสียที ฉันใช้เวลาอยู่กับพี่สายชลต่ออีกสองสามวันก่อนที่พวกเราจะกลับบ้านด้วยกันกลับมาคราวนี้พี่เพชรก็ถึงบ้านก่อนแล้ว ตอนที่พวกเรากำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ จู่ ๆ พี่เพชรก็ถามฉันขึ้นมากลางวงข้าว“น้ำหวานไปเรียนเป็นอย่างไรบ้าง แล้วไปแอบมีแฟนที่นั่นหรือเปล่า” คำถามทำเอาฉันแทบสำลักข้าวออกมา ทั้งพ่อแม่ ทั้งพี่เพชรต่างจ้องมองฉันกันเป็นตาเดียว เหมือนดั่งกำลังรอคำตอบจากฉัน“ไปเรียนก็สนุกดี แต่คนอย่างหวานจะมีใครมาสนใจกันเล่า” ฉันรีบแก้ตัว บ่ายเบี่ยงออกไป พี่เพชรยังคงจ้องหน้าฉันไม่หาย เหมือนกับพยายามหาพิรุธจากคำพูดของฉันอยู่นั่นแหละ “แล้วพี่เพชรล่ะ รอบที่แล้วก็ไม่กลับบ้าน ไปแอบซุกสาวที่ไหนหรือเปล่า” ฉันรีบเบี่ยงประเด็น โยนกลับไปให้พี่เพชรเสียอย่างนั้น“อย่ามาเปลี่ยนเรื่องเลย ไม่มีก็ดีแล้ว ยังเด็กยังเล็กยังไม่ต้องรีบมีหรอก แฟนน่ะ” พี่เพชรพูดไปพลาง ตักข้าวเข้าปากไปพลาง ฉันได้แต่ทำหน้านิ่งเก็บอาการให้เป็นปกติเช่นเคยฉันรอดตัวไปได้อีกครั้งหนึ่งอย่างหวุดหวิด ฉันได้แต่พ่นลมหา
บทที่ 30 : ด่านแรก พี่เพชรลากฉันออกมาอย่างอารมณ์เสีย ยังโชคดีหน่อยที่มีสายไหมวิ่งตามออกมาเป็นเพื่อนกัน พอถึงหน้าร้านที่ค่อนข้างปลอดคน พี่เพชรก็รีบโวยวายใส่ฉันทันที “น้ำหวานนี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมถึงไปคบกับไอ้ชลได้” เสียงเข้มของพี่เพชรทำเอาฉันใจหายวูบไปสักครู่ใหญ่ ก่อนที่ฉันจะพยายามตั้งสติเถียงพี่เพชรออกมา “หวานคบกับพี่ชล แล้วผิดตรงไหน ในเมื่อพวกเรารักกัน” ฉันเชิดหน้าตอบกลับพี่เพชรอย่างไม่ลดละ ฉันละไม่เข้าใจจริง ๆ ปกติพี่เพชรก็ไม่ได้จะอะไรกับฉันมากเสียหน่อย แล้วทำไมคราวนี้ต้องทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ไปด้วย “น้ำหวาน พี่ไม่เห็นด้วย เลิกกับมันซะ” พี่เพชรสั่งฉันด้วยเสียงที่เด็ดขาด ทำเอาฉันตะลึงไปก่อนจะเปลี่ยนเป็นความโมโหแทน “พี่เพชรมีสิทธิ์อะไร หวานคบกับพี่สายชล หวานผิดตรงไหน พี่เพชรไม่มีเหตุผลเลย ยังไงหวานก็ไม่เลิก” ฉันยืนกรานเสียงแข็งใส่พี่เพชรทันที “น้ำหวาน...” พี่เพชรตะคอกใส่ฉันอย่างหัวเสีย ท่าทางที่เอาเรื่องทำให้สายไหมรีบเข้ามาดึงแขนพี่เพชรให้ใจเย็นลง “ทีพี่เพชรคบกับสายไหม หวานยัง
บทที่ 31 : เจ็บขนาดนี้เลยเหรอ พี่เพชรเดินเข้ามาภายในร้าน โดยมีพี่สายชลเดินมาตามหลัง ฉันรีบเดินไปหาพี่สายชลในทันที ทั้งใบหน้าและมุมปากมีรอยเขียวช้ำ แถมมีเลือดไหลซึมออกมา ทำเอาฉันหน้าหงิกงอลงไป พลางมองหน้าพี่เพชรด้วยความโกรธ “ทำไมต้องทำรุนแรงแบบนี้ด้วย” ฉันหันไปบ่นพี่เพชรก่อนจะหันกลับมามองพี่สายชลอีกครั้ง “พี่ชล เจ็บมากไหม” มือของฉันลูบไล้ไปที่บริเวณรอยช้ำด้วยความสงสาร “น้ำหวาน ให้มันน้อย ๆ หน่อย เรื่องที่แกทำฉันยังไม่ได้ชำระความเลย” พี่เพชรหันมาดุใส่ฉัน ฉันได้แต่ทำหน้าบอกบุญไม่รับ สายไหมรีบเข้าไปกอดแขนพี่เพชรไว้แน่น “พอได้แล้วน่า พวกเราไปกินข้าวกันเถอะ ไหมหิวแล้ว” ท่าทางออดอ้อนของสายไหม ทำเอาฉันกลั้นยิ้มไม่อยู่ทีเดียว พี่เพชรก็ดูจะว่าง่ายลงไปมากโข เขาหันมาปรายตาเขม่นมองฉันนิดหนึ่ง ก่อนจะเดินไปพร้อมสายไหม ฉันรีบประคองพี่สายชลมานั่งที่โต๊ะ พลางกอบกุมใบหน้าที่มีรอยเขียวช้ำไว้ไม่ปล่อย พี่สายชลยกมือขึ้นจับมือฉันเบา ๆ “ถ้าห่วงพี่นัก คืนนี้ไปปลอบใจพี่หน่อยได้ไหม” เสียงกระซิบแผ่วเบา พร้อมแววตาวาววับทำเอาฉันนึกหมั่นไส้พี่สายชลไม่ได้จริง ๆ
บทที่ 32 : แนะนำตัว หลังงานเลี้ยงเลิก พี่สายชลตั้งใจจะไปส่งฉัน แต่พี่เพชรนี่สิ กลับรั้งตัวฉันให้กลับด้วยกัน ฉันได้แต่บ่นพึมพำแต่ก็ยอมกลับด้วยแต่โดยดี ฉันกลับถึงบ้านรีบโทรหาพี่สายชลทันที ฉันยังเป็นห่วงแผลพี่สายชลอยู่พอสมควร ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้หน้าจะบวมเป็นลูกมะกรูดหรือไม่ พี่สายชลได้แต่ปลอบฉันให้สบายใจ แต่ก็ยังคงกระเซ้าใส่ฉันว่าถ้าห่วงมาก ก็ให้มาหาที่บ้านพี่เขาเสียสิ ฉันได้แต่ถอนหายใจกับความหื่นของพี่สายชลเสียจริง สายวันถัดมา ฉันลุกขึ้นจากเตียงอย่างขี้เกียจ ฉันเพียงแปรงฟันล้างหน้าแล้วลงมาด้านล่างด้วยชุดนอนสบาย “แม่ขา หิวข้าวจังเลย มีอะไรกินบ้างคะ” ฉันตะโกนอ้อนแม่ของฉันด้วยความหิวโซ แต่พอลงมาถึงฉันก็ต้องตกใจเมื่อพ่อกับแม่กำลังนั่งคุยกับพี่สายชลอยู่ตรงห้องรับแขก พี่สายชลหันมามองฉันด้วยรอยยิ้มเป็นประกาย ฉันถึงกับชะงักไป ก่อนจะรีบวิ่งกลับขึ้นห้องไป ฉันยืนนิ่งหัวใจเต้นรัวอยู่อย่างนั้น ทั้งอายสภาพตัวเอง ทั้งสงสัยว่าพี่สายชลมาทำไมกัน ฉันเลยรีบจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะลงมาด้านล่างอีกครั้ง วันนี้พี่เพชรไม่อยู่ ออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้า พว
บทที่ 33 : เวลาที่รอคอย ฉันคบกับพี่สายชลมาได้ 4 ปีแล้ว ตอนนี้ฉันอยู่ปีสี่ใกล้จะจบแล้ว ส่วนพี่สายชลก็เข้าทำงานในบริษัทที่อยู่ในจังหวัดเดียวกัน โดยตั้งแต่ปีสองฉันก็ย้ายมาอยู่กับพี่สายชลที่ห้อง พี่สายชลยังคงหื่นกับฉันไม่เลิกจนฉันได้แต่ต้องคอยหลีกหนีไปให้ไกลสายตา ไม่อย่างนั้นพี่สายชลก็เอาแต่จะคอยจ้องจะกระโจนใส่ฉันไม่หยุด อยู่กับหมาป่าแล้วแมวน้อยอย่างฉันจะรอดพ้นไปได้อย่างไรเล่า “น้องหวาน พี่ง่วงแล้วพวกเราเข้าห้องกันเถอะ” เสียงกระซิบจากใบหน้าที่แนบชิดอยู่ตรงหน้าอกของฉัน เสียงหอบหายใจพร่าที่ดังแว่วมาทำให้ฉันขนลุกชันขึ้นมา เวลาเนิ่นนานขนาดนี้แต่ฉันก็ยังไม่คุ้นชินกับสัมผัสเหล่านี้อยู่ดี“พี่ชล อย่าเกเรสิคะ พรุ่งนี้หวานมีเรียนแต่เช้านะ” ฉันรีบประท้วงออกไปพร้อมกระถดตัวถอยห่างจากพี่สายชล พี่สายชลส่งสายตาเจ้าเล่ห์ใส่ฉันทันที “งั้นน้องหวานต้องรีบนอนแล้วหละ” พูดไม่ทันจบก็รีบอุ้มฉันขึ้นแนบอกพร้อมเดินเข้าไปในห้องนอนทันที ทันทีที่ฉันนอนลงที่เตียง ฉันยังไม่ทันได้ตั้งตัวอันใด พี่สายชลก็โถมหน้าเข้ามาจูบปากของฉันอย่างเรียกร้อง “น้องหวาน...หวานเหลือเกิน ชิมกี่ครั้งก
ฉันชื่อน้ำหวาน ตอนนี้เรียนอยู่ชั้นมัธยมห้า ชีวิตในวัยมัธยมปลายของฉันค่อนข้างจืดชืด ด้วยความที่ฉันเป็นพวกโลกส่วนตัวสูงออกแนวรังเกียจสังคมเสียด้วยซ้ำ ฉันพูดคุยกับคนแปลกหน้าไม่ค่อยเก่งเรียกว่าพูดไม่เป็นเลยจะง่ายกว่า ทำให้ฉันไม่ค่อยรู้จักใครมากเท่าไหร่ ที่พอมีสนิทอยู่บ้างก็เป็นเพื่อนในกลุ่มที่โรงเรียนประมาณห้าหกคนเห็นจะได้ โรงเรียนฉันเป็นโรงเรียนหญิงล้วน ดังนั้นพวกบรรดาความรักแบบ ป๊อปปี้เลิฟอะไรพรรค์นั้นฉันแทบไม่เคยได้สัมผัสเสียด้วยซ้ำ ชีวิตจึงวนเวียนอยู่เพียงแค่บ้านกับโรงเรียน และโรงเรียนกับบ้าน พอชีวิตในช่วงมัธยมปลายหลายคนต่างเร่งติวหนังสือเพื่อเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย ฉันก็เป็นอีกคนหนึ่งถึงแม้ว่าฉันจะเรียนอยู่ในระดับค่อนข้างดี แต่พ่อแม่ก็อยากให้ฉันไปเรียนเสริมอีกสักหน่อย จริง ๆ แล้วฉันไม่ค่อยมีความฝันอะไรสักเท่าไหร่ อยากเรียนอะไร อยากเรียนที่ไหน โตไปอยากเป็นอะไร เรื่องพวกนี้ฉันแทบไม่เคยคิดในหัวสมองเลย พอพ่อแม่อยาก ฉันเองก็ไม่เห็นว่าเป็นปัญหาอะไร ฉันจึงเริ่มสมัครเรียนพิเศษเพิ่มหลังเลิกเรียน ลืมบอกอีกอย่างฉันมีพี่ชายอยู่หนึ่งคน ชื่อ น้ำเพชร พี่เพชรเรียนโรงเร
ฉันยังคงใช้ชีวิตปกติเฉกเช่นเดิม จะมีที่เปลี่ยนแปลงไปคือตอนเลิกเรียนที่ควรได้กลับบ้าน ฉันยังต้องไปเรียนที่โรงเรียนกวดวิชาเพิ่มอีก วันนี้ก็เช่นเดียวกัน ฉันเดินคอตกเข้าไปข้างใน ตรงทางขึ้นบันไดมีผู้ชายสองคนยืนอยู่ เป็นพี่ตะวันกับพี่สายชลนั่นเอง ฉันได้แต่ก้มหน้างุดจนแทบจะเอาหัวมุดลงดินไปเสียด้วยซ้ำ“อ้าวน้องหวาน...มาเรียนแล้วเหรอ” เสียงพี่ตะวันเอ่ยแซวออกมาฉันได้แต่ถอนหายใจ ก้มหน้า ไม่โต้ตอบอันใดไป “พูดด้วยไม่พูดด้วย เป็นใบ้เหรอคะ” นั่นไงพี่ตะวันยังคงพล่ามออกมาไม่หยุด อยากจะให้ฉันลุกขึ้นมากรีดร้องใส่หน้าเขาเลยเหรอเนี่ย ฉันทำได้เพียงคิดในใจ หน้าตาหงิกงอลงอย่างช่วยไม่ได้แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังอดปรายตามองไปที่พี่สายชลไม่ได้อยู่ดี พี่เขายังคงยืนนิ่งไม่พูดไม่จา ทำเพียงแค่มอง แค่มองเท่านั้น จู่ ๆ ฉันก็เกิดอาการหน้าแดงระเรื่อขึ้นมา หัวใจฉันเต้นรัวแรงอย่างห้ามไว้ไม่อยู่ ถ้ามันกระโดดออกมาจากอกได้ มันคงเด้งดึ๋งลงบนพื้นไปมาให้อับอายขายหน้าผู้คนเป็นแน่ จากนั้นผีนักวิ่งก็เข้าสิงฉันทันที ฉันรีบจ้ำอ้าวเดินขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าความเร็วแสงเสียอีกฉันนั่งเรียนโดยหาสมาธิไม่เจอเลยทีเดียว ฉันค่อนข้า
บทที่ 3 : นี่ฉันตกหลุมรักจริง ๆ เหรอ นับตั้งแต่วันนั้นมา ฉันก็เอาแต่คิดถึงใบหน้าและสายตาของพี่สายชลไม่หยุด ทุกวันฉันได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พาลให้คิดอยากเร่งเวลาให้ได้ไปเรียนกวดวิชาไว ๆ“น้ำหวาน ช่วงนี้แกเป็นอะไรไปเนี่ย เอาแต่เหม่อลอย เดี๋ยวก็ยิ้ม เดี๋ยวก็หัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว” สายไหมเพื่อนของฉันคนหนึ่งเอ่ยทักขึ้นมาในระหว่างที่พักเที่ยง“เปล่าซะหน่อย ก็เป็นปกตินี่” ฉันยังเฉไฉปฏิเสธออกไป เพื่อนตัวดีของฉันยังคงมองหน้าอย่างจับผิดไม่หยุด ฉันได้แต่หลุบตาต่ำ ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างยอมแพ้“ก็ได้ เล่าก็ได้ ว่าแต่สายไหม แกเคยแบบรู้สึกแปลก ๆ เวลาเจอใครสักคนอะไรแบบนี้ไหม” ฉันเอ่ยถามด้วยความอยากรู้“แปลก ๆ ยังไง นี่อย่าบอกนะ ไปแอบตกหลุมรักใครเข้าให้น่ะ ดักแด้ในถ้ำอย่างแก พอโผล่เห็นแสงตะวันนิดหน่อยถึงกับใจแตกเลยเหรอ” สายไหมเอ่ยแซวพร้อมกระดกนิ้วชี้ไปมาตรงหน้าฉัน“นี่แกว่าใครเป็นดักแด้ในถ้ำยะ ถ้าขืนยังพูดมากแบบนี้ ฉันไม่คุยด้วยแล้วนะ” ฉันบ่นอย่างอารมณ์เสีย พร้อมกุมนิ้วชี้ตรงหน้าไว้แน่น เพื่อนในกลุ่มต่างชอบล้อว่าฉันเป็นดักแด้ในถ้ำ เหตุผลก็ไม่ใช่อะไรหรอก ในเมื่อฉันไม่เคยออกไปเที่ยว พบ
บทที่ 33 : เวลาที่รอคอย ฉันคบกับพี่สายชลมาได้ 4 ปีแล้ว ตอนนี้ฉันอยู่ปีสี่ใกล้จะจบแล้ว ส่วนพี่สายชลก็เข้าทำงานในบริษัทที่อยู่ในจังหวัดเดียวกัน โดยตั้งแต่ปีสองฉันก็ย้ายมาอยู่กับพี่สายชลที่ห้อง พี่สายชลยังคงหื่นกับฉันไม่เลิกจนฉันได้แต่ต้องคอยหลีกหนีไปให้ไกลสายตา ไม่อย่างนั้นพี่สายชลก็เอาแต่จะคอยจ้องจะกระโจนใส่ฉันไม่หยุด อยู่กับหมาป่าแล้วแมวน้อยอย่างฉันจะรอดพ้นไปได้อย่างไรเล่า “น้องหวาน พี่ง่วงแล้วพวกเราเข้าห้องกันเถอะ” เสียงกระซิบจากใบหน้าที่แนบชิดอยู่ตรงหน้าอกของฉัน เสียงหอบหายใจพร่าที่ดังแว่วมาทำให้ฉันขนลุกชันขึ้นมา เวลาเนิ่นนานขนาดนี้แต่ฉันก็ยังไม่คุ้นชินกับสัมผัสเหล่านี้อยู่ดี“พี่ชล อย่าเกเรสิคะ พรุ่งนี้หวานมีเรียนแต่เช้านะ” ฉันรีบประท้วงออกไปพร้อมกระถดตัวถอยห่างจากพี่สายชล พี่สายชลส่งสายตาเจ้าเล่ห์ใส่ฉันทันที “งั้นน้องหวานต้องรีบนอนแล้วหละ” พูดไม่ทันจบก็รีบอุ้มฉันขึ้นแนบอกพร้อมเดินเข้าไปในห้องนอนทันที ทันทีที่ฉันนอนลงที่เตียง ฉันยังไม่ทันได้ตั้งตัวอันใด พี่สายชลก็โถมหน้าเข้ามาจูบปากของฉันอย่างเรียกร้อง “น้องหวาน...หวานเหลือเกิน ชิมกี่ครั้งก
บทที่ 32 : แนะนำตัว หลังงานเลี้ยงเลิก พี่สายชลตั้งใจจะไปส่งฉัน แต่พี่เพชรนี่สิ กลับรั้งตัวฉันให้กลับด้วยกัน ฉันได้แต่บ่นพึมพำแต่ก็ยอมกลับด้วยแต่โดยดี ฉันกลับถึงบ้านรีบโทรหาพี่สายชลทันที ฉันยังเป็นห่วงแผลพี่สายชลอยู่พอสมควร ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้หน้าจะบวมเป็นลูกมะกรูดหรือไม่ พี่สายชลได้แต่ปลอบฉันให้สบายใจ แต่ก็ยังคงกระเซ้าใส่ฉันว่าถ้าห่วงมาก ก็ให้มาหาที่บ้านพี่เขาเสียสิ ฉันได้แต่ถอนหายใจกับความหื่นของพี่สายชลเสียจริง สายวันถัดมา ฉันลุกขึ้นจากเตียงอย่างขี้เกียจ ฉันเพียงแปรงฟันล้างหน้าแล้วลงมาด้านล่างด้วยชุดนอนสบาย “แม่ขา หิวข้าวจังเลย มีอะไรกินบ้างคะ” ฉันตะโกนอ้อนแม่ของฉันด้วยความหิวโซ แต่พอลงมาถึงฉันก็ต้องตกใจเมื่อพ่อกับแม่กำลังนั่งคุยกับพี่สายชลอยู่ตรงห้องรับแขก พี่สายชลหันมามองฉันด้วยรอยยิ้มเป็นประกาย ฉันถึงกับชะงักไป ก่อนจะรีบวิ่งกลับขึ้นห้องไป ฉันยืนนิ่งหัวใจเต้นรัวอยู่อย่างนั้น ทั้งอายสภาพตัวเอง ทั้งสงสัยว่าพี่สายชลมาทำไมกัน ฉันเลยรีบจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะลงมาด้านล่างอีกครั้ง วันนี้พี่เพชรไม่อยู่ ออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้า พว
บทที่ 31 : เจ็บขนาดนี้เลยเหรอ พี่เพชรเดินเข้ามาภายในร้าน โดยมีพี่สายชลเดินมาตามหลัง ฉันรีบเดินไปหาพี่สายชลในทันที ทั้งใบหน้าและมุมปากมีรอยเขียวช้ำ แถมมีเลือดไหลซึมออกมา ทำเอาฉันหน้าหงิกงอลงไป พลางมองหน้าพี่เพชรด้วยความโกรธ “ทำไมต้องทำรุนแรงแบบนี้ด้วย” ฉันหันไปบ่นพี่เพชรก่อนจะหันกลับมามองพี่สายชลอีกครั้ง “พี่ชล เจ็บมากไหม” มือของฉันลูบไล้ไปที่บริเวณรอยช้ำด้วยความสงสาร “น้ำหวาน ให้มันน้อย ๆ หน่อย เรื่องที่แกทำฉันยังไม่ได้ชำระความเลย” พี่เพชรหันมาดุใส่ฉัน ฉันได้แต่ทำหน้าบอกบุญไม่รับ สายไหมรีบเข้าไปกอดแขนพี่เพชรไว้แน่น “พอได้แล้วน่า พวกเราไปกินข้าวกันเถอะ ไหมหิวแล้ว” ท่าทางออดอ้อนของสายไหม ทำเอาฉันกลั้นยิ้มไม่อยู่ทีเดียว พี่เพชรก็ดูจะว่าง่ายลงไปมากโข เขาหันมาปรายตาเขม่นมองฉันนิดหนึ่ง ก่อนจะเดินไปพร้อมสายไหม ฉันรีบประคองพี่สายชลมานั่งที่โต๊ะ พลางกอบกุมใบหน้าที่มีรอยเขียวช้ำไว้ไม่ปล่อย พี่สายชลยกมือขึ้นจับมือฉันเบา ๆ “ถ้าห่วงพี่นัก คืนนี้ไปปลอบใจพี่หน่อยได้ไหม” เสียงกระซิบแผ่วเบา พร้อมแววตาวาววับทำเอาฉันนึกหมั่นไส้พี่สายชลไม่ได้จริง ๆ
บทที่ 30 : ด่านแรก พี่เพชรลากฉันออกมาอย่างอารมณ์เสีย ยังโชคดีหน่อยที่มีสายไหมวิ่งตามออกมาเป็นเพื่อนกัน พอถึงหน้าร้านที่ค่อนข้างปลอดคน พี่เพชรก็รีบโวยวายใส่ฉันทันที “น้ำหวานนี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมถึงไปคบกับไอ้ชลได้” เสียงเข้มของพี่เพชรทำเอาฉันใจหายวูบไปสักครู่ใหญ่ ก่อนที่ฉันจะพยายามตั้งสติเถียงพี่เพชรออกมา “หวานคบกับพี่ชล แล้วผิดตรงไหน ในเมื่อพวกเรารักกัน” ฉันเชิดหน้าตอบกลับพี่เพชรอย่างไม่ลดละ ฉันละไม่เข้าใจจริง ๆ ปกติพี่เพชรก็ไม่ได้จะอะไรกับฉันมากเสียหน่อย แล้วทำไมคราวนี้ต้องทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ไปด้วย “น้ำหวาน พี่ไม่เห็นด้วย เลิกกับมันซะ” พี่เพชรสั่งฉันด้วยเสียงที่เด็ดขาด ทำเอาฉันตะลึงไปก่อนจะเปลี่ยนเป็นความโมโหแทน “พี่เพชรมีสิทธิ์อะไร หวานคบกับพี่สายชล หวานผิดตรงไหน พี่เพชรไม่มีเหตุผลเลย ยังไงหวานก็ไม่เลิก” ฉันยืนกรานเสียงแข็งใส่พี่เพชรทันที “น้ำหวาน...” พี่เพชรตะคอกใส่ฉันอย่างหัวเสีย ท่าทางที่เอาเรื่องทำให้สายไหมรีบเข้ามาดึงแขนพี่เพชรให้ใจเย็นลง “ทีพี่เพชรคบกับสายไหม หวานยัง
บทที่ 29 : ความลับแตกการสอบจบลงอีกครั้ง ฉันค่อยรู้สึกโล่งใจไปได้หน่อย หลังจากที่ต้องใช้เวลาอ่านหนังสือเสียยกใหญ่ ในที่สุดก็ปิดเทอมเสียที ฉันใช้เวลาอยู่กับพี่สายชลต่ออีกสองสามวันก่อนที่พวกเราจะกลับบ้านด้วยกันกลับมาคราวนี้พี่เพชรก็ถึงบ้านก่อนแล้ว ตอนที่พวกเรากำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ จู่ ๆ พี่เพชรก็ถามฉันขึ้นมากลางวงข้าว“น้ำหวานไปเรียนเป็นอย่างไรบ้าง แล้วไปแอบมีแฟนที่นั่นหรือเปล่า” คำถามทำเอาฉันแทบสำลักข้าวออกมา ทั้งพ่อแม่ ทั้งพี่เพชรต่างจ้องมองฉันกันเป็นตาเดียว เหมือนดั่งกำลังรอคำตอบจากฉัน“ไปเรียนก็สนุกดี แต่คนอย่างหวานจะมีใครมาสนใจกันเล่า” ฉันรีบแก้ตัว บ่ายเบี่ยงออกไป พี่เพชรยังคงจ้องหน้าฉันไม่หาย เหมือนกับพยายามหาพิรุธจากคำพูดของฉันอยู่นั่นแหละ “แล้วพี่เพชรล่ะ รอบที่แล้วก็ไม่กลับบ้าน ไปแอบซุกสาวที่ไหนหรือเปล่า” ฉันรีบเบี่ยงประเด็น โยนกลับไปให้พี่เพชรเสียอย่างนั้น“อย่ามาเปลี่ยนเรื่องเลย ไม่มีก็ดีแล้ว ยังเด็กยังเล็กยังไม่ต้องรีบมีหรอก แฟนน่ะ” พี่เพชรพูดไปพลาง ตักข้าวเข้าปากไปพลาง ฉันได้แต่ทำหน้านิ่งเก็บอาการให้เป็นปกติเช่นเคยฉันรอดตัวไปได้อีกครั้งหนึ่งอย่างหวุดหวิด ฉันได้แต่พ่นลมหา
บทที่ 28 : หมาป่าหิวโซกับแมวน้อยจอมพยศ ฉันตื่นมาในตอนเช้าด้วยสภาพอิดโรย ยังดีที่วันนี้เป็นวันหยุดทำให้ฉันสามารถพักผ่อนได้สักหน่อย ร่างกายของฉันปวดเมื่อยไปทั้งตัว แถมตามตัวยังมีร่องรอยฝากรักที่พี่สายชลมอบให้เป็นรอยแดงจ้ำเต็มไปหมด จนฉันอดหันไปมองค้อนคนข้าง ๆ ไม่ไหว พี่สายชลยังคงหลับอยู่ ดวงตาที่ปิดสนิท ใบหน้าที่ราบเรียบ ทำให้ฉันอดจ้องมองต่อไปไม่ได้ ยิ่งเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน สัมผัสที่พี่สายชลมอบให้ทำเอาฉันยิ้มหน้าแดงก่ำ ฉันยกปลายนิ้วชี้ขึ้นไล้ใบหน้าของพี่สายชล ตั้งแต่หน้าผาก ไล่มาจนถึงจมูกและเลื่อนลงตรงริมฝีปากหนา ตอนนี้พี่สายชลเป็นแฟนของฉันเต็มตัวแล้ว ฉันอดยิ้มอย่างมีความสุขไม่ได้ ระหว่างที่ฉันกำลังคิดเรื่อยเปื่อย พี่สายชลก็ยกมือขึ้นมาจับนิ้วของฉันก่อนจะจูบลงบนนิ้วนั้น เปลือกตาปรือขึ้นมามองฉันอย่างกรุ้มกริ่ม “ซนแต่เช้าเลยนะ แมวน้อย” ฉันรู้สึกเก้อเขินขึ้นมาจึงพยายามดึงมือออกจากการกอบกุม แต่พี่สายชลกลับดึงฉันเข้าหาก่อนจะกอดฉันไว้แน่น “เล่นซนแล้วคิดจะหนีเหรอ” เสียงกระเซ้ายิ่งทำให้ฉันทำตัวไม่ถูกเข้าไปใหญ่ “พี่ชล เลิกเล่นได้แล้ว” ฉันรีบโต้แย้งขึ้นมาทันที “ใครว
บทที่ 27 : วันเกิดช่วงนี้ชีวิตของฉันเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ เสียงนินทาเรื่องของฉันหายไป พร้อมกับมีเรื่องนินทาใหม่ ๆ ของคนอื่นแทรกเข้ามา ฉันได้แต่คิดในใจ คนพวกนี้วัน ๆ คงไม่ทำอะไรกันแล้วละมั้ง ไม่นินทาคนนั้นก็นินทาคนนี้ไปตามประสา ฉันได้แต่ส่ายหัวไปมากับเรื่องเหลวไหลพรรค์นี้ส่วนพี่นทีตั้งแต่เรื่องวันนั้น พี่นทีก็ส่งข้อความมาขอโทษขอโพยฉันเสียยกใหญ่ ฉันได้แต่ตอบไปว่าไม่เป็นไร ช่างมันเถอะ เพียงเท่านั้น หลังจากนั้นพี่นทีก็ไม่ค่อยติดต่อฉันอีกเลย“สุขสันต์วันเกิดน้ำหวาน” เสียงฟ้าทักทายฉันแต่เช้า ทำเอาฉันยิ้มกว้างให้เธอ “ขอบใจจ๊ะ”“แล้ววันนี้ไปฉลองที่ไหน ไปกินข้าวกันไหม เราเลี้ยงหวานเอง” ฟ้ายังคงชวนฉันไปฉลองวันเกิดแต่เพราะฉันมีนัดกับพี่สายชลแล้ว “วันนี้เราไม่ว่าง นัดพี่ชลไว้แล้วน่ะ” ฉันเลยตอบปฏิเสธออกไป“เฮ้อ...คนมีแฟนนี่มันดีจริง ๆ เลยนะ” ฟ้าพูดแกมหยอก พร้อมส่งสายตาล้อเลียนมาให้ฉัน ฉันได้แต่ยิ้มบางออกมาจนช่วงเย็นพี่สายชลมายืนรอฉันอยู่ที่หน้าคณะเช่นเดิม ท่าทางพี่สายชลในวันนี้ดูยิ้มแย้ม กระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษทีเดียว ทันทีที่เห็นฉันพี่สายชลรีบเดินมาจูงมือฉันขึ้นรถแล้วพากลับห้องพี่เขาในทัน
บทที่ 26 : จัดการพี่สายชลมาส่งฉันเรียนตามปกติ แต่ฉันก็ยังอดคิดมากเรื่องเมื่อวานไม่ได้ พี่สายชลหันมาบีบมือของฉันเบา ๆ อย่างให้กำลังใจ ฉันได้แต่ยิ้มให้ก่อนจะเดินเข้าไปในคณะ วันนี้ฉันยังคงเห็นสายตาแปลก ๆ ที่ยังคงแอบมองฉันอยู่ ฉันได้แต่พยายามทำใจให้นิ่ง แล้วเดินเข้าห้องเรียนโดยไม่ใส่ใจนักฉันหันมองรอบ ๆ ห้องเพื่อหาฟ้า แต่กลับไม่พบ ไม่รู้ว่าวันนี้ฟ้าจะมาเรียนหรือเปล่า ฉันได้แต่คิดอย่างหงอย ๆ ก่อนจะพยายามเรียกสติตัวเอง เพื่อตั้งใจเรียนอีกครั้งผ่านไปอีกเกือบครึ่งคาบเรียน ฟ้าก็แอบย่องเข้ามาในห้อง พร้อมนั่งลงข้าง ๆ ฉัน ท่าทางฟ้าดูกระหืดกระหอบพอสมควรทีเดียว ฟ้ามองหน้าฉันเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เพราะอาจารย์ที่สอนหน้าห้องบังเอิญเห็นฟ้าที่เข้ามาสาย ฟ้าเลยโดนอาจารย์สวดไปหลายนาทีทีเดียว พวกเราเลยได้แต่ก้มหน้านิ่งตั้งใจเรียนโดยไม่กล้าพูดคุยกันเลยแม้สักคำจนกระทั่งคาบเรียนเลิก ฟ้ารีบดึงฉันออกไปนอกห้องอย่างร้อนใจ ทำเอาฉันงงกับท่าทีของฟ้าที่แสดงออกมา“ฟ้ามีอะไร ทำไมต้องรีบขนาดนี้” ฉันเอ่ยถามอย่างแปลกใจ“หวานรู้ไหม ทำไมเราเข้าสาย” ฟ้าถามจนฉันงง ฉันได้แต่ส่ายหน้า “ก็พี่สายชลของหวานนะสิ มีเรื่องกั
บทที่ 25 : ข่าวลือหลังจากฉันปรับความเข้าใจกับฟ้าแล้ว ฉันก็ค่อยโล่งใจยิ่งขึ้น กับพี่นทีเองฉันก็พยายามหลีกเลี่ยงในการพูดคุยกัน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอีก อันที่จริงฉันไม่ใช่ว่าฉันเพียงไม่อยากมีปัญหากับฟ้าเท่านั้น แต่ฉันก็ไม่อยากมีปัญหากับพี่สายชลด้วยเช่นกัน ก็พี่สายชลขี้หึงออกจะขนาดนั้น ฉันไม่อยากถูกพี่สายชลลงโทษอีกแล้ววันนี้ฉันเดินเข้ามาในคณะ ฉันรู้สึกแปลก ๆ กับสายตาที่หลายคนมองมายังฉัน ยิ่งบางคนพอฉันเดินเข้ามาใกล้ก็รีบสะกิดกันไปมาก่อนจะเงียบลงไป ฉันได้แต่ขมวดคิ้ว อึดอัดกับสถานการณ์แบบนี้เป็นที่สุด ฉันเดินจนกระทั่งเจอกับฟ้าเข้า ฟ้ารีบดึงแขนฉันเข้ามาพร้อมกระซิบกระซาบให้ฉันฟังใหญ่“หวานได้ยินข่าวลือหรือเปล่า มีคนเอาไปพูดกันว่าหวานเป็นพวกจับปลาสองมือ ทั้งที่มีแฟนอยู่แล้วกลับยังมาหลอกคบกับพี่นทีแล้วก็หักอกพี่เขาน่ะ” ฟ้ารีบเล่าให้ฉันฟังทันที ฉันมองหน้าฟ้าอย่างไม่คาดคิด“ใครไปพูดกันแบบนั้น ไม่จริงเสียหน่อย” ฉันรีบท้วงออกไปทันที ใบหน้าของฉันบึ้งตึงขึ้นมาอย่างไม่พอใจนัก“เรารู้ ๆ แต่คนเขาก็เมาส์กัน เมื่อกี้ฉันยังฉะกับพวกที่เมาส์นั่นอยู่เลย” ฟ้ารีบลูบแขนฉันเป็นการปลอบใจใหญ่“เฮ้อ...ช่างเถอะก็ในเ