บทที่ 9 : นี่หมายความว่าไง พี่สายชลขับรถมาจอดตรงหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง แต่พี่เขายังไม่มีทีท่าว่าจะลงจากรถ ฉันเหลือบมองพี่สายชลที่ยังคงนั่งนิ่งเหมือนกำลังใช้ความคิดอยู่ คิ้วหนาขมวดยู่จนแทบจะมัดรวมเป็นปมเข้าด้วยกัน “น้องหวานเอามือถือมา” พี่สายชลพูดพร้อมหันมามองหน้าฉัน ฉันยื่นมือถือให้พี่สายชลแต่โดยดี พี่สายชลหยิบไปแล้วสำรวจอะไรสักอย่างจากนั้นก็กดโทรศัพท์ของฉัน เพียงเสี้ยววินาทีเสียงโทรศัพท์ของพี่สายชลก็ดังขึ้น “นี่เบอร์โทรพี่ ต่อไปมีเรื่องอะไรให้โทรมาเบอร์นี้นะ ส่วนเบอร์คนอื่นไม่จำเป็นก็ลบทิ้งซะ” พี่สายชลพูดพร้อมยื่นโทรศัพท์คืนให้ฉัน ฉันได้แต่อมยิ้มด้วยความปลื้มปริ่มในใจ นี่หมายความว่าไงนะ พี่สายชลแอบหวงฉันหรือไม่ แต่ก่อนที่ความคิดจะเตลิดไปไกล คำพูดพี่สายชลก็พาลดับฝันฉันลงทันที “เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าเพิ่งรีบมีแฟน ตั้งใจเรียนอย่างเดียวก็พอเข้าใจไหม” พี่สายชลบอกพร้อมทั้งส่งสายตาคาดคั้นมาที่ฉัน ฉันได้แต่ทำหน้าหงอย พร้อมพยักหน้ารับคำ ที่แท้ก็เห็นฉันเป็นเด็กน้อยนั่นเอง พี่สายชลคงเป็นห่วงฉันเพราะฉันเป็นน้องสาว
บทที่ 10 : นี่เราเป็นอะไรกัน หลังจากวันนั้น พี่สายชลก็มักมารับมาส่งฉันที่คณะเป็นประจำจนเพื่อน ๆ ในคณะอดแซวฉันไม่ได้ว่าพี่สายชลเป็นแฟนของฉัน ฉันได้แต่ยิ้มอ่อนให้เพราะไม่รู้จะตอบกลับอย่างไรดี จริง ๆ ฉันก็อดสงสัยในความสัมพันธ์ของพวกเราไม่ได้เช่นกัน หลายต่อหลายครั้งฉันก็รู้สึกว่าพี่สายชลคงรู้สึกเช่นเดียวกับที่ฉันรู้สึก แต่เพราะท่าทีเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน พี่สายชลก็ยังทำตัวเป็นพี่ชายที่ดีของฉันเสมอ ออกจะดีกว่าพี่เพชรพี่ชายแท้ ๆ ของฉันเสียอีก มันเลยทำให้ฉันไม่กล้าที่จะคิดเข้าข้างตัวเอง และอดน้อยใจอยู่บ่อย ๆ ไม่ได้วันนี้เป็นวันหยุด พี่สายชลมารับฉันออกไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน หลังจากกินข้าวเสร็จพี่สายชลจึงชวนฉันไปดูหนังกันต่อ ฉันรีบตกลงรับคำทันที ก็ฉันแอบปลื้มพี่สายชลมากอยู่แล้วนี่นา โอกาสมาหาก็ต้องรีบคว้าเอาไว้ก่อนสิ“น้องหวาน อยากดูเรื่องอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ” พี่สายชลถามฉันขณะที่พวกเรากำลังยืนเลือกโปรแกรมหนัง“ดูเรื่องนี้ไหมคะ” ฉันชี้ไปที่หนังแนวรักโรแมนติกเรื่องหนึ่ง ใจจริงแล้วฉันอยากดูหนังการ์ตูนมากกว่าแต่เพราะไม่อยากให้พี่สายชลคิดว่าฉันเป็นเด็กน้อยฉันจึงเปลี่ยนใจเลือกหนั
บทที่ 11 : หรือฉันเข้าใจผิด ระหว่างกำลังนั่งรถกลับอยู่นั้น พี่สายชลก็หันมาถามฉัน “น้องหวาน พี่ขอไปเอาของให้เพื่อนที่ห้องก่อนได้ไหมคะ พอดีพี่ลืมหยิบออกมาด้วย ไม่อยากอ้อมรถไปมา” น้ำเสียงพี่สายชลค่อนข้างราบเรียบ กลับเป็นฉันเสียอีกที่ตื่นเต้นกับคำถามนี้ ทั้งที่ก่อนหน้าฉันยังงอนพี่สายชลอยู่แท้ ๆ พี่สายชลคงเห็นท่าทางตื่นเต้นของฉัน พี่สายชลจึงพูดติดตลกออกมา “พี่ไม่ทำอะไรเราหรอกน่า” ฉันได้แต่ทำหน้าอึ้งไป ก่อนจะตอบกลับพี่สายชล “ได้ค่ะ” ฉันตอบออกไปทั้งที่อดใจสั่นไม่ได้ นี่ฉันกำลังจะไปห้องพี่สายชลหรือนี่ ฉันแอบคิดอย่างตื่นเต้น รถขับมาจอดตรงคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง พี่สายชลลงมาเปิดประตูรถให้ฉันเช่นที่เคย เขามาพาฉันมายังห้องพักของเขา ห้องพี่สายชลดูสะอาดสะอ้าน ห้องแยกเป็นห้องนอนกับห้องรับแขกออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วน “น้องหวานนั่งรอตรงโซฟานี่ก่อน เดี๋ยวพี่มา” พี่สายชลพาฉันมานั่งตรงโซฟารับแขก พร้อมทั้งเดินไปหยิบน้ำมาวางตรงหน้า ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอนของเขา ฉันได้แต่นั่งนิ่ง มือไม้จิกเกร็งไปหมด แต่ก็อดที่จะสำรวจห้องพักของพี่สายชลไม่ไ
บทที่ 12 : ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ หลังจากวันนั้น พี่สายชลยังคงมารับมาส่งฉันตามปกติ แต่ท่าทีกลับเปลี่ยนไปจนน่าใจหาย พี่สายชลดูท่าทางเคร่งขรึมขึ้นมากกว่าเดิม ซ้ำยังทำตัวเหินห่างฉันอย่างเห็นได้ชัด ก่อนหน้านี้ระยะห่างของเราก็มากพอควรแล้ว มาคราวนี้ยิ่งดูห่างไกลขึ้นไปใหญ่ ฉันเองพาลคิดเอาว่าเพราะพี่สายชลเห็นฉันเป็นเพียงน้องสาวจึงไม่อยากให้ความหวังแก่ฉันอีกต่อไป ฉันจึงได้แต่พยายามเก็บซ่อนความรู้สึกเอาไว้ อย่างน้อยฉันจะได้มีพี่สายชลในชีวิตเช่นเดิม อย่างน้อยจะได้ไม่ทำให้พี่สายชลต้องหายไปจากชีวิตของฉันอีกเลย วันนี้เป็นวันศุกร์ฉันมีเรียนเพียงครึ่งวัน จู่ ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นสายไหมที่โทรมา“ฮาโหลเพื่อนรัก วันนี้แกว่างหรือเปล่า ฉันมาทำธุระที่นี่ เลยว่าจะชวนแกออกไปกินอะไรเสียหน่อย ห้ามปฏิเสธเด็ดขาดนะ แกก็รู้ว่าฉันคิดถึงแกจะแย่อยู่แล้ว” เสียงสายไหมดังก้องแทบไม่ปล่อยช่องว่างให้ฉันได้พูดอะไรสักคำ อันที่จริงฉันเองก็รู้สึกคิดถึงสายไหมเช่นกัน ซ้ำยังรู้สึกเบื่อ ๆ อีกด้วย จึงตอบตกลงและนัดเจอกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ในตอนที่พี่สายชลมารับฉันกลับ ฉันบอกพี่สายชลออกไป พ
บทที่ 13 : ฉันเป็นหมาน้อยของพี่สายชล เหล้าที่กระดกเข้าปากฉันครั้งแล้วครั้งเล่า ทำเอาฉันแทบทรงตัวไว้ไม่อยู่ สายไหมที่พยายามห้ามปรามอย่างไรก็ไม่อาจหยุดความดื้อรั้นของฉันไว้ได้ เธอทำได้แต่เพียงถอนหายใจและคอยลูบหลังฉันเบา ๆ “สายไหม ฉันกลุ้มใจจัง ฉันไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย ฉันกำลังจะเป็นบ้าอยู่แล้ว” ฉันร้องไห้ฟูมฟายโวยวายไม่ยอมหยุด สายไหมเอาแต่อึ้งไปกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของฉัน ใครจะไปคิดว่าคนที่เรียบร้อย พูดน้อยคำเช่นฉัน เวลาเมาจะสามารถเรื้อนได้วายป่วงขนาดนี้ “เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว เลิกดื่มได้แล้วน่า เมาขนาดนี้ฉันจะพากลับไหวยังไงละเนี่ย” สายไหมเอาแต่บ่นอุบพลางคิดในใจไม่น่าให้ยายเพื่อนรักดื่มเหล้าเลยจริง ๆ สักพักก็มีสายเรียกเข้าจากโทรศัพท์ของฉันดังขึ้น ฉันที่เมาจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ มือสะเปะสะปะควานหามือถือเป็นพัลวัน ฉันพยายามเพ่งมองเบอร์ที่โทรเข้ามา “พี่สายชล” ฉันชูโทรศัพท์ให้เพื่อนรักดู “นี่ไงคนที่ทำให้ฉันเสียใจ...ฮือ...ฮือ...” ฉันเมาจนเพี้ยนไปแล้ว สายไหมได้แต่ส่ายหน้า พลางแย่งมือถือในมือไปรับซะเอง “พี่สา
บทที่ 14 : เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ฉันสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหัวอย่างหนัก ฉันส่ายหน้าไปมาพยายามดึงสติให้กลับเข้าร่างโดยเร็ว ภาพจำสุดท้ายที่พอจะนึกออกคือตอนที่ยกเหล้าเข้าปากอยู่กับสายไหม ฉันพยุงตัวลุกขึ้นจากที่นอน พอได้สติฉันรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาทันที นี่ไม่ใช่ห้องนอนของฉันนี่นา เมื่อคืนฉันกลับกับใคร แล้วฉันมานอนที่นี่ได้อย่างไร เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับฉันหรือเปล่า ฉันพลันรู้สึกชาวาบไปทั้งตัวด้วยความหวาดกลัวในใจฉันรีบลุกขึ้นพร้อมสำรวจตัวเอง เสื้อยืดตัวใหญ่โคร่งกับกางเกงบอลขาสั้นทำเอาหัวใจฉันหล่นวูบไปอีกครั้ง ฉันรีบวิ่งออกจากห้องดังกล่าวด้วยท่าทีร้อนรน พอเปิดประตูห้องออกไป สิ่งที่ตกใจยิ่งกว่าคือภาพพี่สายชลกำลังตากผ้าอยู่บริเวณระเบียง ฉันพยายามนึกให้ออกว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับฉันกันแน่ เหตุใดฉันจึงมาอยู่ห้องของพี่สายชลได้ แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ซ้ำยังปวดหัวเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว พี่สายชลได้ยินเสียงประตูจึงหันมามอง “น้องหวาน ตื่นแล้วหรือคะ” พี่สายชลยิ้มมองหน้าฉันอย่างกรุ้มกริ่ม ฉันเม้มปากแน่นก่อนจะตอบออกไป “เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น หวา
บทที่ 15 : ฉันทำอะไรลงไปกันแน่ ฉันใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำเป็นเวลานาน แม้จะทำธุระเสร็จแล้ว ฉันก็ยังคงยืนทำใจอยู่อย่างนั้น ก่อนที่ฉันจะตัดสินใจเปิดประตูเดินออกมา แต่ก็ต้องสะดุ้งอีกครั้งเมื่อเห็นพี่สายชลยืนอยู่หน้าประตู มือหนึ่งค้ำยันไว้ตรงกำแพง อีกมือหนึ่งเท้าสะเอวจ้องมองฉันอย่างไม่วางตา ฉันถึงกับก้าวถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว แต่กลับพบว่าตัวเองถลาเข้าหาร่างใหญ่นั้นโดยมือข้างหนึ่งของเขานั่นเอง ฉันตะลึงกับท่าทีที่พี่สายชลมีให้จนได้แต่ยืนตัวแข็งค้าง สองมือดันหน้าอกไว้เพื่อไม่ให้ร่างกายบดเบียดเข้าหาร่างใหญ่ พี่สายชลโน้มหน้าเข้ามากระซิบข้างหูฉันเบา ๆ “หายโกรธหรือยัง...แมวน้อยของพี่” ฉันถึงกับขนลุกซู่ไปทั้งตัว ได้แต่กัดริมฝีปากแน่น “แล้วจำเรื่องเมือคืนได้หรือเปล่า...หืม...” เสียงกระซิบของพี่สายชลทำเอาฉันคิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น ฉันได้แต่ส่ายหน้าอย่างช้า ๆ ใบหน้าหลุบต่ำลงเหมือนคนที่ทำความผิดและต้องการหลบหนี ฉันแทบอยากจะหายวับออกไปจากตรงนี้ทีเดียว พี่สายชลที่ตอนนี้ใช้แขนทั้งสองข้างโอบกอดฉันเอาไว้แน่น ก่อนที่พี่สายชลจะยกมือข้างหนึ่งเชยคางของฉันขึ้น
บทที่ 16 : คนพิเศษฉันมองหน้าพี่สายชลอย่างตื่นตะลึงนิดหน่อย สัญชาตญาณบอกฉันว่า เมื่อคืนฉันต้องทำเรื่องผิดพลาดใหญ่หลวงเป็นแน่“พี่ชล เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ” ฉันถามออกไปอย่างตื่นเต้นพี่สายชลทำเพียงลุกขึ้นและเก็บถ้วยชามที่ฉันกินอิ่มแล้วไปล้าง ฉันจึงเดินไปด้านหลังของพี่เขา พยายามคาดคั้นเอาคำตอบอีกครั้ง พี่สายชลหันหลังกลับมาทำให้ปะทะเข้ากับร่างของฉันทันที พี่สายชลยกมือสองข้างโอบเอวฉันไว้หลวม ๆ ฉันค่อนข้างประหม่ากับการใกล้ชิดอีกครั้ง ภาพตรงหน้าห้องน้ำลอยเข้ามาในหัวอย่างไม่อาจห้ามได้พี่สายชลก้มหน้าลงมา ลมหายใจเป่ารดตรงบริเวณหน้าผากทำเอาฉันรู้สึกร้อนวูบอีกครั้ง “อยากให้พี่บอก หอมแก้มพี่ก่อนสิคะ” เสียงกระซิบพร้อมท่าทีที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ทำเอาฉันรู้สึกจั๊กจี้อย่างบอกไม่ถูก“พี่ชล” ฉันทำเสียงดุใส่ ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วที่พี่สายชลมีท่าทีเปลี่ยนไปจนฉันตั้งตัวไม่ติด ท่าทางกรุ้มกริ่ม สายตาเจ้าเล่ห์ แถมยังเอาแต่คอยฉวยโอกาสกับฉันแบบนี้อีก ฉันเองก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน พี่สายชลยังคงเลิกคิ้วใส่ฉันอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า สายตาที่มองวาววับ จนฉันต้องกัดริมฝีปากแน่นพี่สายชลหัวเราะอย่างชอบใจ ก่อนจะกอดฉ
บทที่ 33 : เวลาที่รอคอย ฉันคบกับพี่สายชลมาได้ 4 ปีแล้ว ตอนนี้ฉันอยู่ปีสี่ใกล้จะจบแล้ว ส่วนพี่สายชลก็เข้าทำงานในบริษัทที่อยู่ในจังหวัดเดียวกัน โดยตั้งแต่ปีสองฉันก็ย้ายมาอยู่กับพี่สายชลที่ห้อง พี่สายชลยังคงหื่นกับฉันไม่เลิกจนฉันได้แต่ต้องคอยหลีกหนีไปให้ไกลสายตา ไม่อย่างนั้นพี่สายชลก็เอาแต่จะคอยจ้องจะกระโจนใส่ฉันไม่หยุด อยู่กับหมาป่าแล้วแมวน้อยอย่างฉันจะรอดพ้นไปได้อย่างไรเล่า “น้องหวาน พี่ง่วงแล้วพวกเราเข้าห้องกันเถอะ” เสียงกระซิบจากใบหน้าที่แนบชิดอยู่ตรงหน้าอกของฉัน เสียงหอบหายใจพร่าที่ดังแว่วมาทำให้ฉันขนลุกชันขึ้นมา เวลาเนิ่นนานขนาดนี้แต่ฉันก็ยังไม่คุ้นชินกับสัมผัสเหล่านี้อยู่ดี“พี่ชล อย่าเกเรสิคะ พรุ่งนี้หวานมีเรียนแต่เช้านะ” ฉันรีบประท้วงออกไปพร้อมกระถดตัวถอยห่างจากพี่สายชล พี่สายชลส่งสายตาเจ้าเล่ห์ใส่ฉันทันที “งั้นน้องหวานต้องรีบนอนแล้วหละ” พูดไม่ทันจบก็รีบอุ้มฉันขึ้นแนบอกพร้อมเดินเข้าไปในห้องนอนทันที ทันทีที่ฉันนอนลงที่เตียง ฉันยังไม่ทันได้ตั้งตัวอันใด พี่สายชลก็โถมหน้าเข้ามาจูบปากของฉันอย่างเรียกร้อง “น้องหวาน...หวานเหลือเกิน ชิมกี่ครั้งก
บทที่ 32 : แนะนำตัว หลังงานเลี้ยงเลิก พี่สายชลตั้งใจจะไปส่งฉัน แต่พี่เพชรนี่สิ กลับรั้งตัวฉันให้กลับด้วยกัน ฉันได้แต่บ่นพึมพำแต่ก็ยอมกลับด้วยแต่โดยดี ฉันกลับถึงบ้านรีบโทรหาพี่สายชลทันที ฉันยังเป็นห่วงแผลพี่สายชลอยู่พอสมควร ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้หน้าจะบวมเป็นลูกมะกรูดหรือไม่ พี่สายชลได้แต่ปลอบฉันให้สบายใจ แต่ก็ยังคงกระเซ้าใส่ฉันว่าถ้าห่วงมาก ก็ให้มาหาที่บ้านพี่เขาเสียสิ ฉันได้แต่ถอนหายใจกับความหื่นของพี่สายชลเสียจริง สายวันถัดมา ฉันลุกขึ้นจากเตียงอย่างขี้เกียจ ฉันเพียงแปรงฟันล้างหน้าแล้วลงมาด้านล่างด้วยชุดนอนสบาย “แม่ขา หิวข้าวจังเลย มีอะไรกินบ้างคะ” ฉันตะโกนอ้อนแม่ของฉันด้วยความหิวโซ แต่พอลงมาถึงฉันก็ต้องตกใจเมื่อพ่อกับแม่กำลังนั่งคุยกับพี่สายชลอยู่ตรงห้องรับแขก พี่สายชลหันมามองฉันด้วยรอยยิ้มเป็นประกาย ฉันถึงกับชะงักไป ก่อนจะรีบวิ่งกลับขึ้นห้องไป ฉันยืนนิ่งหัวใจเต้นรัวอยู่อย่างนั้น ทั้งอายสภาพตัวเอง ทั้งสงสัยว่าพี่สายชลมาทำไมกัน ฉันเลยรีบจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะลงมาด้านล่างอีกครั้ง วันนี้พี่เพชรไม่อยู่ ออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้า พว
บทที่ 31 : เจ็บขนาดนี้เลยเหรอ พี่เพชรเดินเข้ามาภายในร้าน โดยมีพี่สายชลเดินมาตามหลัง ฉันรีบเดินไปหาพี่สายชลในทันที ทั้งใบหน้าและมุมปากมีรอยเขียวช้ำ แถมมีเลือดไหลซึมออกมา ทำเอาฉันหน้าหงิกงอลงไป พลางมองหน้าพี่เพชรด้วยความโกรธ “ทำไมต้องทำรุนแรงแบบนี้ด้วย” ฉันหันไปบ่นพี่เพชรก่อนจะหันกลับมามองพี่สายชลอีกครั้ง “พี่ชล เจ็บมากไหม” มือของฉันลูบไล้ไปที่บริเวณรอยช้ำด้วยความสงสาร “น้ำหวาน ให้มันน้อย ๆ หน่อย เรื่องที่แกทำฉันยังไม่ได้ชำระความเลย” พี่เพชรหันมาดุใส่ฉัน ฉันได้แต่ทำหน้าบอกบุญไม่รับ สายไหมรีบเข้าไปกอดแขนพี่เพชรไว้แน่น “พอได้แล้วน่า พวกเราไปกินข้าวกันเถอะ ไหมหิวแล้ว” ท่าทางออดอ้อนของสายไหม ทำเอาฉันกลั้นยิ้มไม่อยู่ทีเดียว พี่เพชรก็ดูจะว่าง่ายลงไปมากโข เขาหันมาปรายตาเขม่นมองฉันนิดหนึ่ง ก่อนจะเดินไปพร้อมสายไหม ฉันรีบประคองพี่สายชลมานั่งที่โต๊ะ พลางกอบกุมใบหน้าที่มีรอยเขียวช้ำไว้ไม่ปล่อย พี่สายชลยกมือขึ้นจับมือฉันเบา ๆ “ถ้าห่วงพี่นัก คืนนี้ไปปลอบใจพี่หน่อยได้ไหม” เสียงกระซิบแผ่วเบา พร้อมแววตาวาววับทำเอาฉันนึกหมั่นไส้พี่สายชลไม่ได้จริง ๆ
บทที่ 30 : ด่านแรก พี่เพชรลากฉันออกมาอย่างอารมณ์เสีย ยังโชคดีหน่อยที่มีสายไหมวิ่งตามออกมาเป็นเพื่อนกัน พอถึงหน้าร้านที่ค่อนข้างปลอดคน พี่เพชรก็รีบโวยวายใส่ฉันทันที “น้ำหวานนี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมถึงไปคบกับไอ้ชลได้” เสียงเข้มของพี่เพชรทำเอาฉันใจหายวูบไปสักครู่ใหญ่ ก่อนที่ฉันจะพยายามตั้งสติเถียงพี่เพชรออกมา “หวานคบกับพี่ชล แล้วผิดตรงไหน ในเมื่อพวกเรารักกัน” ฉันเชิดหน้าตอบกลับพี่เพชรอย่างไม่ลดละ ฉันละไม่เข้าใจจริง ๆ ปกติพี่เพชรก็ไม่ได้จะอะไรกับฉันมากเสียหน่อย แล้วทำไมคราวนี้ต้องทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ไปด้วย “น้ำหวาน พี่ไม่เห็นด้วย เลิกกับมันซะ” พี่เพชรสั่งฉันด้วยเสียงที่เด็ดขาด ทำเอาฉันตะลึงไปก่อนจะเปลี่ยนเป็นความโมโหแทน “พี่เพชรมีสิทธิ์อะไร หวานคบกับพี่สายชล หวานผิดตรงไหน พี่เพชรไม่มีเหตุผลเลย ยังไงหวานก็ไม่เลิก” ฉันยืนกรานเสียงแข็งใส่พี่เพชรทันที “น้ำหวาน...” พี่เพชรตะคอกใส่ฉันอย่างหัวเสีย ท่าทางที่เอาเรื่องทำให้สายไหมรีบเข้ามาดึงแขนพี่เพชรให้ใจเย็นลง “ทีพี่เพชรคบกับสายไหม หวานยัง
บทที่ 29 : ความลับแตกการสอบจบลงอีกครั้ง ฉันค่อยรู้สึกโล่งใจไปได้หน่อย หลังจากที่ต้องใช้เวลาอ่านหนังสือเสียยกใหญ่ ในที่สุดก็ปิดเทอมเสียที ฉันใช้เวลาอยู่กับพี่สายชลต่ออีกสองสามวันก่อนที่พวกเราจะกลับบ้านด้วยกันกลับมาคราวนี้พี่เพชรก็ถึงบ้านก่อนแล้ว ตอนที่พวกเรากำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ จู่ ๆ พี่เพชรก็ถามฉันขึ้นมากลางวงข้าว“น้ำหวานไปเรียนเป็นอย่างไรบ้าง แล้วไปแอบมีแฟนที่นั่นหรือเปล่า” คำถามทำเอาฉันแทบสำลักข้าวออกมา ทั้งพ่อแม่ ทั้งพี่เพชรต่างจ้องมองฉันกันเป็นตาเดียว เหมือนดั่งกำลังรอคำตอบจากฉัน“ไปเรียนก็สนุกดี แต่คนอย่างหวานจะมีใครมาสนใจกันเล่า” ฉันรีบแก้ตัว บ่ายเบี่ยงออกไป พี่เพชรยังคงจ้องหน้าฉันไม่หาย เหมือนกับพยายามหาพิรุธจากคำพูดของฉันอยู่นั่นแหละ “แล้วพี่เพชรล่ะ รอบที่แล้วก็ไม่กลับบ้าน ไปแอบซุกสาวที่ไหนหรือเปล่า” ฉันรีบเบี่ยงประเด็น โยนกลับไปให้พี่เพชรเสียอย่างนั้น“อย่ามาเปลี่ยนเรื่องเลย ไม่มีก็ดีแล้ว ยังเด็กยังเล็กยังไม่ต้องรีบมีหรอก แฟนน่ะ” พี่เพชรพูดไปพลาง ตักข้าวเข้าปากไปพลาง ฉันได้แต่ทำหน้านิ่งเก็บอาการให้เป็นปกติเช่นเคยฉันรอดตัวไปได้อีกครั้งหนึ่งอย่างหวุดหวิด ฉันได้แต่พ่นลมหา
บทที่ 28 : หมาป่าหิวโซกับแมวน้อยจอมพยศ ฉันตื่นมาในตอนเช้าด้วยสภาพอิดโรย ยังดีที่วันนี้เป็นวันหยุดทำให้ฉันสามารถพักผ่อนได้สักหน่อย ร่างกายของฉันปวดเมื่อยไปทั้งตัว แถมตามตัวยังมีร่องรอยฝากรักที่พี่สายชลมอบให้เป็นรอยแดงจ้ำเต็มไปหมด จนฉันอดหันไปมองค้อนคนข้าง ๆ ไม่ไหว พี่สายชลยังคงหลับอยู่ ดวงตาที่ปิดสนิท ใบหน้าที่ราบเรียบ ทำให้ฉันอดจ้องมองต่อไปไม่ได้ ยิ่งเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน สัมผัสที่พี่สายชลมอบให้ทำเอาฉันยิ้มหน้าแดงก่ำ ฉันยกปลายนิ้วชี้ขึ้นไล้ใบหน้าของพี่สายชล ตั้งแต่หน้าผาก ไล่มาจนถึงจมูกและเลื่อนลงตรงริมฝีปากหนา ตอนนี้พี่สายชลเป็นแฟนของฉันเต็มตัวแล้ว ฉันอดยิ้มอย่างมีความสุขไม่ได้ ระหว่างที่ฉันกำลังคิดเรื่อยเปื่อย พี่สายชลก็ยกมือขึ้นมาจับนิ้วของฉันก่อนจะจูบลงบนนิ้วนั้น เปลือกตาปรือขึ้นมามองฉันอย่างกรุ้มกริ่ม “ซนแต่เช้าเลยนะ แมวน้อย” ฉันรู้สึกเก้อเขินขึ้นมาจึงพยายามดึงมือออกจากการกอบกุม แต่พี่สายชลกลับดึงฉันเข้าหาก่อนจะกอดฉันไว้แน่น “เล่นซนแล้วคิดจะหนีเหรอ” เสียงกระเซ้ายิ่งทำให้ฉันทำตัวไม่ถูกเข้าไปใหญ่ “พี่ชล เลิกเล่นได้แล้ว” ฉันรีบโต้แย้งขึ้นมาทันที “ใครว
บทที่ 27 : วันเกิดช่วงนี้ชีวิตของฉันเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ เสียงนินทาเรื่องของฉันหายไป พร้อมกับมีเรื่องนินทาใหม่ ๆ ของคนอื่นแทรกเข้ามา ฉันได้แต่คิดในใจ คนพวกนี้วัน ๆ คงไม่ทำอะไรกันแล้วละมั้ง ไม่นินทาคนนั้นก็นินทาคนนี้ไปตามประสา ฉันได้แต่ส่ายหัวไปมากับเรื่องเหลวไหลพรรค์นี้ส่วนพี่นทีตั้งแต่เรื่องวันนั้น พี่นทีก็ส่งข้อความมาขอโทษขอโพยฉันเสียยกใหญ่ ฉันได้แต่ตอบไปว่าไม่เป็นไร ช่างมันเถอะ เพียงเท่านั้น หลังจากนั้นพี่นทีก็ไม่ค่อยติดต่อฉันอีกเลย“สุขสันต์วันเกิดน้ำหวาน” เสียงฟ้าทักทายฉันแต่เช้า ทำเอาฉันยิ้มกว้างให้เธอ “ขอบใจจ๊ะ”“แล้ววันนี้ไปฉลองที่ไหน ไปกินข้าวกันไหม เราเลี้ยงหวานเอง” ฟ้ายังคงชวนฉันไปฉลองวันเกิดแต่เพราะฉันมีนัดกับพี่สายชลแล้ว “วันนี้เราไม่ว่าง นัดพี่ชลไว้แล้วน่ะ” ฉันเลยตอบปฏิเสธออกไป“เฮ้อ...คนมีแฟนนี่มันดีจริง ๆ เลยนะ” ฟ้าพูดแกมหยอก พร้อมส่งสายตาล้อเลียนมาให้ฉัน ฉันได้แต่ยิ้มบางออกมาจนช่วงเย็นพี่สายชลมายืนรอฉันอยู่ที่หน้าคณะเช่นเดิม ท่าทางพี่สายชลในวันนี้ดูยิ้มแย้ม กระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษทีเดียว ทันทีที่เห็นฉันพี่สายชลรีบเดินมาจูงมือฉันขึ้นรถแล้วพากลับห้องพี่เขาในทัน
บทที่ 26 : จัดการพี่สายชลมาส่งฉันเรียนตามปกติ แต่ฉันก็ยังอดคิดมากเรื่องเมื่อวานไม่ได้ พี่สายชลหันมาบีบมือของฉันเบา ๆ อย่างให้กำลังใจ ฉันได้แต่ยิ้มให้ก่อนจะเดินเข้าไปในคณะ วันนี้ฉันยังคงเห็นสายตาแปลก ๆ ที่ยังคงแอบมองฉันอยู่ ฉันได้แต่พยายามทำใจให้นิ่ง แล้วเดินเข้าห้องเรียนโดยไม่ใส่ใจนักฉันหันมองรอบ ๆ ห้องเพื่อหาฟ้า แต่กลับไม่พบ ไม่รู้ว่าวันนี้ฟ้าจะมาเรียนหรือเปล่า ฉันได้แต่คิดอย่างหงอย ๆ ก่อนจะพยายามเรียกสติตัวเอง เพื่อตั้งใจเรียนอีกครั้งผ่านไปอีกเกือบครึ่งคาบเรียน ฟ้าก็แอบย่องเข้ามาในห้อง พร้อมนั่งลงข้าง ๆ ฉัน ท่าทางฟ้าดูกระหืดกระหอบพอสมควรทีเดียว ฟ้ามองหน้าฉันเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เพราะอาจารย์ที่สอนหน้าห้องบังเอิญเห็นฟ้าที่เข้ามาสาย ฟ้าเลยโดนอาจารย์สวดไปหลายนาทีทีเดียว พวกเราเลยได้แต่ก้มหน้านิ่งตั้งใจเรียนโดยไม่กล้าพูดคุยกันเลยแม้สักคำจนกระทั่งคาบเรียนเลิก ฟ้ารีบดึงฉันออกไปนอกห้องอย่างร้อนใจ ทำเอาฉันงงกับท่าทีของฟ้าที่แสดงออกมา“ฟ้ามีอะไร ทำไมต้องรีบขนาดนี้” ฉันเอ่ยถามอย่างแปลกใจ“หวานรู้ไหม ทำไมเราเข้าสาย” ฟ้าถามจนฉันงง ฉันได้แต่ส่ายหน้า “ก็พี่สายชลของหวานนะสิ มีเรื่องกั
บทที่ 25 : ข่าวลือหลังจากฉันปรับความเข้าใจกับฟ้าแล้ว ฉันก็ค่อยโล่งใจยิ่งขึ้น กับพี่นทีเองฉันก็พยายามหลีกเลี่ยงในการพูดคุยกัน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอีก อันที่จริงฉันไม่ใช่ว่าฉันเพียงไม่อยากมีปัญหากับฟ้าเท่านั้น แต่ฉันก็ไม่อยากมีปัญหากับพี่สายชลด้วยเช่นกัน ก็พี่สายชลขี้หึงออกจะขนาดนั้น ฉันไม่อยากถูกพี่สายชลลงโทษอีกแล้ววันนี้ฉันเดินเข้ามาในคณะ ฉันรู้สึกแปลก ๆ กับสายตาที่หลายคนมองมายังฉัน ยิ่งบางคนพอฉันเดินเข้ามาใกล้ก็รีบสะกิดกันไปมาก่อนจะเงียบลงไป ฉันได้แต่ขมวดคิ้ว อึดอัดกับสถานการณ์แบบนี้เป็นที่สุด ฉันเดินจนกระทั่งเจอกับฟ้าเข้า ฟ้ารีบดึงแขนฉันเข้ามาพร้อมกระซิบกระซาบให้ฉันฟังใหญ่“หวานได้ยินข่าวลือหรือเปล่า มีคนเอาไปพูดกันว่าหวานเป็นพวกจับปลาสองมือ ทั้งที่มีแฟนอยู่แล้วกลับยังมาหลอกคบกับพี่นทีแล้วก็หักอกพี่เขาน่ะ” ฟ้ารีบเล่าให้ฉันฟังทันที ฉันมองหน้าฟ้าอย่างไม่คาดคิด“ใครไปพูดกันแบบนั้น ไม่จริงเสียหน่อย” ฉันรีบท้วงออกไปทันที ใบหน้าของฉันบึ้งตึงขึ้นมาอย่างไม่พอใจนัก“เรารู้ ๆ แต่คนเขาก็เมาส์กัน เมื่อกี้ฉันยังฉะกับพวกที่เมาส์นั่นอยู่เลย” ฟ้ารีบลูบแขนฉันเป็นการปลอบใจใหญ่“เฮ้อ...ช่างเถอะก็ในเ