ตั้งแต่กลับมาจากอเมริกา แม็กเวลล์ก็เริ่มเข้าสู่โหมดการทำธุรกิจของตัวเองอย่างเต็มตัว อาคารที่ปล่อยเช่าสำหรับทำออฟฟิศเริ่มติดตั้งอุปกรณ์ไอทีและมีอุปกรณ์สำนักงานอื่นทยอยตามมา
“เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว”
เสียงแหบของน้าแรมเอ่ยขึ้น วันนี้เธอติดรถมากับหลานชาย ครั้นอยากเห็นความคืบหน้าของบริษัท เอ็มไอที จำกัด ที่ลงทุนจดทะเบียนบริษัทตั้งยี่สิบล้าน และเมื่อมาถึงก็กับอ้าปากค้าง เบิกดวงตากว้างกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า มันใหญ่โตกว่าที่คิดไว้ซะอีก
“ใกล้เสร็จแล้วครับน้าแรม ไม่น่าเกินอาทิตย์นี้”
แม็กเวลล์เดินสำรวจออฟฟิศที่คืบหน้าไปมากกว่า 90% เหลือเพียงตกแต่งวางอุปกรณ์ส่วนอื่นเล็กน้อยก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์และพร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการได้ภายในสิ้นเดือน และหากนับเวลามันก็เหลือเพียงสิบกว่าวันเท่านั้น
“แม่เขาเทให้หมดหน้าตักเลยนะแม็ก เห็นไหมว่าแม่เขาคิดถึงเราตลอดเวลา”
“ครับน้าแรม”
แม้กมลเนตรจะมีธุรกิจอยู่ต่างประเทศ ก็ไม่ได้ใหญ่โตหรือทำกำไรให้แบบล้นมือ เป็นธุรกิจขนาดกลางที่มีขาดทุนบ้างบางไตรมาสตามพิษเศรษฐกิจที่กระทบกันทั่วโลก ผลประกอบที่ได้มาก็ต้องนำมาหมุนเวียนใช้จ่ายในธุรกิจและเหลือเข้ากระเป๋าเพียงเล็กน้อย
แม็กเวลล์ยิ้มออกมา แต่ก่อนก็คิดเองเออเองว่าแม่ไม่รัก กระทั่งได้เดินทางไปหาถึงอเมริกาถึงได้รู้ว่ากมลเนตรเตรียมทุกอย่างไว้ให้
เงินลงทุนที่ได้มาถือว่าไม่น้อย กมลเนตรควักให้ลูกชายแบบส่วนตัว โดยไม่เกี่ยวข้องกับส่วนอื่นเพราะอยากให้ลูกมีธุรกิจเป็นของตัวเองมากกว่าการรับเงินเดือนเป็นลูกจ้าง สองน้าหลานยืนยิ้มมองความสำเร็จที่จะเปิดตัวในเวลาอันใกล้อย่างซาบซึ้งและภูมิใจ
สักพักเสียงมือถือของเดือนแรมก็ดังขึ้น เรียวคิ้วไม่เป็นทรงขมวดเข้าหากันเมื่อหน้าจอปรากฏเป็นเบอร์ไม่คุ้นเคยและโดยนิสัยเจ้าตัวไม่ใช่คนติดต่อหรือคบค้ากับใครเป็นวงกว้าง โอกาสจะมีเบอร์ที่ไม่ได้บันทึกลงเครื่องโทรเข้าหามีน้อยมาก เดือนแรมเพิกเฉย ปล่อยให้มันดังอยู่แบบนั้น เพราะอีกความคิดหนึ่งที่แวบเข้ามาคงเป็นมิจฉาชีพ แต่ทว่าเดือนแรมมีแอปพลิเคชันคัดกรองเบอร์ไม่รู้จักอยู่แล้ว แต่มันก็ไม่ได้แจ้งเตือนอะไร นอกจากหมายเลขสิบหลักทั่วไป
“ใครครับ”
“ไม่รู้”
เหมือนว่าจะสายจะถูกตัดเอง และดังขึ้นมาอีกครั้ง บนหน้าจอยังเป็นเบอร์เดิม หากเป็นมิจฉาชีพก็คิดว่าคงไม่ใช่ซะแล้ว ยังขมวดคิ้วอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจรับสายในทันที
“ฮัลโหล”
(น้าแรมหรือเปล่าครับ)
“ใช่ค่ะ ฉันเดือนแรม”
“ผมมิกกี้เองครับน้า”
“มิกกี้!!”
เดือนแรมทวนชื่อนั้นเสียงดังและยังกระโดดตัวโหยงลืมไปเลยว่าข้อเข่าไม่ดี ทำหลานชายฝาแฝดคนเล็กที่กำลังสำรวจงานไปพลางๆ หันมอง
(ผมมาถึงแล้ว ช่วยส่งคนมารับได้ไหม)
“ถึงแล้วเหรอ งั้นรอก่อนนะ น้าจะบอกน้องไปรับ”
(ครับน้า)
กดวางสายแล้วฉีกยิ้มด้วยความดีใจ หลานชายฝาแฝดคนโตมาถึงประเทศไทยสดๆ ร้อนๆ หลายปีที่ไม่ได้เจอก็พลันตื่นเต้น ก่อนจะหันไปคุยกับแม็กเวลล์ที่ยืนห่างไม่กี่คืบ
“แม็ก”
“ครับน้า”
“ตามิกมาถึงแล้ว”
“มาถึง!!”
แม็กเวลล์งุนงง ในที่แรกเขาไม่คิดว่าชื่อมิกกี้เป็นพี่ชายของตน ครั้นอีกฝ่ายมีกำหนดมาประเทศไทยคืออาทิตย์หน้า ทว่ากลับมาเร็วกว่าปกติจนแปลกใจ
“ใช่ เมื่อกี้มิกโทรมา”
“มาก่อนกำหนดเหรอ”
“ก่อนหรือหลังก็ช่างเถอะ ออกไปรับพี่ได้แล้ว”
เมื่อมาถึงก็ต้องไปรับ น้าหลานรีบขึ้นรถด้วยความกระวีกระวาด จากนั้นแม็กเวลล์ขับรถไปส่งคนอายุมากกว่าที่บ้านก่อน ครั้นน้าแรมจะอยู่เตรียมอาหารและของว่างไว้รอ
...
สนามบิน
ร่างสูงก้าวเท้ายาวๆ ด้วยความเร่งรีบ เพราะมาช้าไปเกือบหนึ่งชั่วโมงก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะรอนาน แม็กเวลล์กวาดสายตาคมของตัวเองมองหาผู้ชายหน้าเหมือน ทว่าผู้คนที่พลุกพล่านมองหายังไงก็มาเจอสักที
“ยืนรอตรงไหน”
เขาจิ๊ปากตัวเองน้อยๆ แทนที่จะขอเบอร์พี่ชายกับน้าแรมมาก็ลืม ควักมือถือจากกระเป๋ากางเกงด้านขวา กำลังจะกดต่อสายหาน้าแรมถามไถ่ถึงเบอร์มิกกี้ก็ต้องชะงักไปเพียงเสี้ยววินาที เมื่อลาดไหล่หนาของตัวเองมีฝ่ามือใหญ่วางทางด้านหลัง รีบหมุนตัวกลับมามองตามสัญชาตญาณเพราะกลัวเป็นผู้ไม่หวังดี ทันใดนั้นใบหน้าก็ประจันกับผู้ชายที่มีลักษณะเหมือนตัวเองทุกกระเบียดนิ้ว
“พี่มิก!!”
“อืม..พี่เอง”
มิกกี้พูดทั้งยิ้ม ก่อนจะโผล่เข้ากอดกันด้วยความคิดถึง ช่วงที่แม็กเวลล์ไปหาแม่ที่ต่างประเทศก็แทบไม่ได้เจอกันเลย เพราะพี่ชายทำงานจนไม่มีเวลากลับบ้าน
“พี่รอนานไหม”
“นานใช้ได้เลย”
แม้จะเกิดห่างกันไม่กี่นาที คนเป็นน้องก็ยังให้เกียรติเรียกมิกกี้ว่าพี่ ทว่าการรอไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มหงุดหงิดแต่อย่างใด เอ่ยตอบคนอายุห่างกันไม่กี่นาทีแบบแกมหยอกก็เท่านั้น
“งั้นกลับบ้านกัน น้าแรมรออยู่”
“อืม”
ว่าแล้วก็เดินตามกันไปยังลานจอดรอดรถ กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ยกขึ้นไว้ด้านหลัง มิกกี้นั่งเบาะหน้าข้างคนขับ จากนั้นรถคันหรูที่แม็กเวลล์ทำงานแล้วเก็บออมผ่อนมาได้เกือบสองปีก็เคลื่อนตัวขึ้นทางด่วน พลันนั้นดวงตาสีนิลคนอายุมากมองวิวตึกสูง ทุกอย่างเปลี่ยนไปจนแทบจำไม่ได้
“ไม่คุ้นใช่ไหมล่ะ”
“อืม...เปลี่ยนแทบทุกอย่าง”
ตั้งสิบกว่าปีย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลา
...
บ้าน
อาหารและของว่างเตรียมพร้อมต้อนรับคนเดินทางมาไกล วางบนโต๊ะประหนึ่งเป็นภัตตาคารหรู กลิ่นหอมจากจานอาหารที่วางตรงหน้าโชยขึ้นจนชายหน้าแฝดน้ำลายสอ
“กินก่อนนะมิก มาเหนื่อยๆ คงหิว”
“ครับน้า”
ดูท่าแล้วคงเหนื่อยไม่เบา มิกกี้เริ่มจากการตักน้ำแกงต้มยำทะเลรวมมิตร จำได้ว่ารสชาติแบบไทยๆ ไม่เคยกินตั้งแต่ไปอยู่ต่างประเทศกับแม่
“ค่อยๆ เดี๋ยวสำลัก”
“ที่อเมริกาหารสชาติแบบนี้ไม่ค่อยมีเลยครับน้า”
“อร่อยไหม” แม็กเวลล์ถามขึ้น เมื่อเห็นว่าพี่ชายซดแบบไม่มีพัก
“อร่อยมาก สงสัยน้าแรมต้องทำทุกวัน”
เดือนแรมหัวเราะออกมา ส่วนแม็กเวลล์นั่นส่ายหัว เพราะชินกับฝีมือของน้องสาวแม่ กินมาตั้งแต่เด็กคุ้นลิ้นเป็นอย่างดี แต่สำหรับมิกกี้มันคือของอร่อยที่เขาเพิ่งลิ้มลอง
“แต่ทำไมมาเร็วกว่าที่บอกน้องไว้”
“ตอนแรกผมก็เตรียมตัวรอมาอาทิตย์หน้า แต่แม่กังวลครับ กลัวไม่มีคนช่วยแม็กด้านบริหาร”
กมลเนตรเป็นห่วงลูกชายคนเล็ก เพราะไม่มีประสบการณ์งานบริหารโดยตรงก็ว้าวุ่นนอนไม่หลับ กระทั่งตัดสินใจส่งลูกคนโตมาเร็วกว่าที่คุยกันไว้
“ดีแล้ว...อีกหลายวันบริษัทเปิด พี่คงมีเวลาพักผ่อนก่อนจะสอนงานผมแบบจริงจัง”
บรรยากาศเป็นไปด้วยความอบอวล นั่งกินข้าวกันพี่น้องและน้าหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานาน
3 วันต่อมาหลังจากที่มิกกี้มาถึงประเทศไทยก็พักให้หายเหนื่อยจากการเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลเพียงหนึ่งคืน จากนั้นก็เข้ามายังออฟฟิศของน้องชายเพื่อช่วยดูระบบงานต่างๆ ครั้นผู้เป็นแม่ไหว้วานให้เขามาดูช่วยน้องชายฝาแฝด ขณะที่แม็กเวลล์ก็ยุ่งไม่ต่าง วางระบบไอทีที่ทันสมัยเพื่อให้ทันกับวิวัฒนาการด้านเทคโนโลยีที่พัฒนาไปในทุกวันมิกกี้ที่กำลังวางแผนงานบริหารให้น้องชาย ก็ต้องละสายตาออกจากงานสำคัญนั้น เมื่อจอมือถือมีข้อความแจ้งเข้ามา“Let’ s break up” (เราเลิกกันเถอะ)เหมือนโดนไฟช็อตทั่วทั้งร่าง เมื่อมาเรียมแฟนสาวลูกครึ่งไทยอเมริกา รุ่นน้องอายุอ่อนกว่าเขาเพียงสองปีส่งข้อความมาหาเพื่อขอตัดความสัมพันธ์อย่างเลือดเย็น แม้จะมีสัญญาณบอกเหตุแต่ไม่นึกว่ามันจะรวดเร็วขนาด เพราะก่อนหน้าเขาและแฟนสาวมีเรื่องบาดหมางใจกันตามประสาคนคบกัน การใช้ชีวิตและทัศนคติที่ไม่ไปในทิศทางเดียวกันก็ต้องปรับตัวเข้าหาเพื่อประคับประคองความรักให้มันตลอดรอดฝั่ง และแทนที่เขาจะมีเวลาได้อยู่ปรับความเข้าใจกับมาเรียม ทว่าจำเป็นต้องเดินทางมาประเทศไทยเพื่อช่วยงานน้องเพราะแม่เร่งรัดและร้องขอ แต่กลับกลายเป็นการเว้นช่องว่างให้แฟนสาวได้ตีตัวออกห่าง
การประคองคนเมาที่ตัวสูงใหญ่ทุลักทุเลจนต้องเรียกพนักงานผู้ชายช่วยอีกแรง ในตอนนี้กวางกำลังเข้าใจผิดแบบมหันต์ว่าชายที่เมาแทบหมดสตินั้นเป็นแฟนของตัวเอง“วางพี่เขาตรงนี้เลย”กวางรีบเปิดประตูด้านหน้าข้างคนขับ เอนเบาะลงเล็กน้อยให้ชายหนุ่มได้นอนหลับไปในรถ พนักงานประคองมิกกี้เข้าไปแล้วช่วยรัดเข็มขัดคนเมาในท่ากึ่งนอนเพื่อให้อยู่ในความปลอดภัย“เรียบร้อยแล้วครับ”“ขอบใจนะ นี่ติป”เธอควักเงินในกระเป๋าส่งเป็นน้ำใจที่ช่วยกันแบกคนไร้สตินี้มา ก่อนจะเดินอ้อมมาฝั่งคนขับเข้าไปดูอาการชายหนุ่มที่นอนรอในรถ ส่วนพนักงานของคลับก็ยืนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย สายตาส่องมองหาชายอีกคนที่หน้าตาเหมือนกัน“อีกคนไปไหน หรือกลับไปแล้ว”เพราะเขาเห็นว่าคนที่เมาอยู่ตอนนี้มากับผู้ชายที่เหมือนกันเพราะเป็นแฝด แต่เมื่อมองหาแล้วไม่เห็นก็ไม่ได้สนใจอะไรต่อ รีบเดินกลับเข้าไปในคลับทำหน้าที่ของตัวเองต่อกวางสตาร์จเครื่องยนต์เพื่อให้มีอากาศถ่ายเท เสดวงตามองชายหนุ่มที่คิดว่าคือคนรักของตัวเอง สองสามวันมานี่เธอและแม็กเวลล์คุยกันน้อยลงเพราะต่างคนต่างยุ่ง โดยเฉพาะแฟนหนุ่มที่ทุ่มเวลาให้กับกิจการส่วนตัว มีเพียงส่งข้อความถามไถ่และบอกรักกันทิ้งไว้
ร่างขาวสะดุ้งทุกครั้งที่ข้อนิ้วตำเข้ามาแรง กัดปากตัวเองแน่นแล้วบิดเร้าเรือนร่างยามที่คนด้านบนกระแทกนิ้วเข้าใส่รัวจนเกิดเสียงแจ๊ะๆ มิกกี้มองช่องทางสวยฉ่ำแฉะไปด้วยน้ำหล่อลื่น มองหน้าท้องแบนราบและหน้าอกอวบเต่งตึงอย่างพึงพอใจ แม้ตอนนี้ความเมามายที่มีจะเริ่มส่างขึ้น แต่อารมณ์ความต้องการกลับเข้ามาแทนที่จนไม่อาจหยุดได้“เลียไหม”เสียงแหบพร่าเอ่ยถามชิดริมหู อีกฝ่ายที่นอนเสียวซ่านกัดปากแล้วครางอื้อออกมาเป็นคำตอบ ก่อนที่ศีรษะของมิกกี้จะมุดลงไปกลางหว่างขาชายหนุ่มมุดหน้าลงไป แม้ดวงตาพร่าเบลอจากความเมาก็พอมองเห็นรางๆ ว่าส่วนนั้นสวยงามแค่ไหน รอยแยกที่ปริออกแล้วมีเม็ดสีชมพูคล้ำโผล่ขึ้นมาจากการใช้งานและเสียดสีมาหลายปีประจักษ์ต่อดวงตาของชายแฝดคนพี่ พลันยั่วยวนจนอดไม่ได้ที่อยากใช้ปากสัมผัสมัน กวางตัวแอ่นเร่ามองศีรษะทุยที่กำลังซุกลงพร้อมกับการจูบเบาๆ ไปก่อนหนึ่งที เพียงแค่ลมหายใจร้อนจากปลายจมูกของชายหนุ่มปะทะเข้าเนื้อผิวกลีบกุหลาบบางก็ทำร่างขาวเสียวสะดุ้ง สะท้านไปทั้งร่างก่อนที่เจ้าของกลีบกุหลาบนั้นจะกัดปากแน่น จิกสองมือลงผ้าปูที่คุ้นเคยครั้นริมฝีปากหนาดูดดึงเม็ดคลิตอริสของเธออย่างร้ายกาจ“อะอ่า...แม็ก
บานประตูห้องนอนของมิกกี้เปิดออก เขาก้าวเท้าเข้ามาอย่างเชื่องช้า หยุดอยู่กลางห้องก่อนจะยกมือกุมหน้าตัวเอง ความเสียใจที่ถูกแฟนสาวบอกเลิกเหมือนจะหายไปภายในค่ำคืนเดียวและถูกแทนที่ด้วยความกังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน มันเกิดขึ้นในตอนที่เขาไม่มีสติสัมปชัญญะ สมองมึนเบลอเผลอทำในสิ่งที่ไม่ควร อยากเอาหัวโขลกพื้นหรือหายตัวกลับอเมริกาให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ทำไม่ได้เมื่อมีหน้าที่ใหญ่ต้องช่วยงานบริหารของน้องชายรออยู่ตรงหน้า มือหนาที่กุมใบหน้าร้อนผ่าวลูบขึ้นไปที่ศีรษะสางเส้นผมดำหนาแล้วกำแรงๆ เหมือนพยายามจะคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง แต่มันก็เป็นไปแล้วเผลอมีอะไรกับแฟนน้องเพราะความเมามาย...หงายตัวลงนอนบนเตียง มองเพดานสีขาวด้วยความรู้สึกหวั่นกลัว กลัวว่าแม็กเวลล์จะรู้เรื่องนี้ กลัวว่าน้องจะเกลียดกันอีกครั้ง นอนเอามือก่ายหน้าผากอย่างกังวลครั้นตอนนี้ความมึนเมาเริ่มสร่างและสติเริ่มกลับมา“ทำยังไงต่อวะมิก ถ้าแม็กรู้ขึ้นมา...”เหมือนจะแก้ไขอะไรไม่ได้ ก็ต้องเก็บเงียบงำกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงคนเดียว ความกลัวและกังวลยังสุมอยู่ในหัวก็พลันส่ายใบหน้าไปมา อยากจะสลัดความคิดกังวลแล้วทำเป็นเพิกเฉยก็ทำไม่ไ
เครื่องบินโบอิ้งลำใหญ่กำลังแลนดิ้งลงสู่สนามบินสุวรรณภูมิ เที่ยวบินจากอเมริกาไฟลท์ TG9397 เดินทางมาถึงในเวลาสามทุ่มเศษ แม็กเวลล์ ชายหนุ่มวัยยี่สิบเจ็ดปีเพิ่งเดินทางกลับหลังจากมีธุระต้องบินไปต่างประเทศด่วน เขาเป็นลูกชายคนเล็กของกมลเนตร แต่ทว่าในช่วงวัยเด็ก ครอบครัวมีปัญหาทำให้เขาและแม่ต้องแยกกันอยู่ มีช่วงหนึ่งคือขาดการติดต่อนับสิบปี แต่ก็ยังรู้ข่าวคราวบ้างจากคนรอบตัว เมื่อพ่อแม่เลิกกันลูกชายฝาแฝดเลยถูกแบ่งกันเลี้ยงดู คนโตคือมิกกี้ไปอยู่กับแม่ คนเล็กคือตัวเขาเองไปอยู่กับพ่อ แม้จะไม่รู้ปัญหาลึกๆ ของผู้ใหญ่แต่มันทำให้เขาโกรธแม่และพี่ชายมากทีเดียว ชีวิตที่มีแค่พ่อลำบากมากถึงขั้นหลั่งน้ำตา แต่ชีวิตแม่กับพี่ชายดันสุขสบายและมีครอบครัวใหม่อยู่ที่นั่นจนกระทั่งพ่อได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุในตอนเขาอายุ 15 ปี เมื่อไม่มีญาติผู้ใหญ่คอยดูแล กมลเนตรหวังจะกลับมารับลูกไปอยู่ด้วยกัน ทว่าเขายังที่รู้สึกว่าแม่เห็นแก่ตัว หาความสุขสบายใส่ตัว เลยเลือกที่จะอยู่กับน้องสาวแม่ นั่นก็คือเดือนแรมหรือน้าแรมที่เขาเรียกติดปากมาจนทุกวันนี้แต่เมื่อเวลาที่ผ่านมาเนิ่นนาน วันเวลาเปลี่ยน เขาเริ่มโตขึ้น ความโกรธที่เคยสุมอกใ
ห้องสวีทชั้นที่เก้าถูกเปิดหนึ่งคืนสำหรับคู่รักที่ห่างจากกันเป็นเดือน แม็กเวลล์แค่อยากใช้เวลาตรงนี้อยู่กับคนที่รัก อยากมีเวลาส่วนตัวแบบที่อยู่ด้วยกันสองต่อสอง ด้านในโรแมนติกกว่าที่คิด มันถูกออกแบบเพื่อคู่รักโดยเฉพาะ เตียงนอนนิ่มสีขาวขนาดใหญ่ แบบกลิ้งสองคนก็ยังมีพื้นที่เหลือ ตกแต่งออกแนวเซ็กซี่เล็กน้อย ห้องน้ำเป็นกระจกสามารถมองทะลุเห็นทั้งด้านในและด้านนอก ระเบียงกว้างมีโต๊ะขนาดเล็กให้พอได้นั่งจิบไวน์รับลมและมองวิวที่มีแม่น้ำไหลผ่านกวางวางกระเป๋าสะพายของตัวเองไปรับลมที่มุมระเบียง มองวิวทิวทัศน์ในยามค่ำคืนก็สวยงามมากทีเดียว ก่อนที่เสียงเคาะประตูจะดังขึ้น เธอหันมองแต่ก็ไม่ได้ใส่มากกว่าวิวแสงสีระยิบระยับด้านหน้า แม็กเวลล์ออเดอร์เครื่องดื่มขึ้นมา ครั้นอยากผ่อนคลายกับแฟนสาวหลังจากนั่งเครื่องบินเดินทางทั้งวัน“ไหนบอกอยากพัก”“ก็ถือว่าเป็นการผ่อนคลาย”ชายหนุ่มเทเครื่องดื่มสีแดงเข้มลงแก้วทรงสูง นั่งเก้าอี้โดยมีกวางขยับตัวมายืนด้านหลัง เพราะรู้ว่าแฟนหนุ่มคงเมื่อยตัว บีบมือลงที่ลาดไหล่หนาช่วยนวดให้ผ่อนคลาย ก็รู้สึกดีไม่น้อย เหมือนกล้ามเนื้อได้ยืดตัวก็พลันเคลิ้มขึ้นมา แม็กเวลล์เอื้อมมือหนาของตนเตะ
รุ่งเช้าหนึ่งคืนที่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันผ่านไปเร็วมาก แม็กเวลล์แทบไม่อยากออกไปจากตรงนี้ก็ได้แต่งอแงหน้ามุ่ยเหมือนเด็กน้อย นอนทิ้งตัวไม่ยอมขยับสักที จนกวางต้องฉุดคะเย้อดึงคนตัวใหญ่ขึ้นมา“ลุกอาบน้ำแต่งตัวค่ะ”"อือ...กวาง""ลุกได้แล้ว"“ยังไม่หายคิดถึงเลย”ชายหนุ่มงัวเงียนั่งหลังโก่งบนเตียง สภาพล่อนจ้อนเพราะไม่ได้ใส่เสื้อผ้าตั้งแต่เมื่อคืน มีเพียงผ้าห่มที่ยังปิดส่วนล่าง ส่วนกวางก็สวมเพียงชุดคลุมอาบน้ำสีขาว รอเสื้อผ้าตัวเองที่ใช้บริการของทางโรงแรมให้แม่บ้านซักรีดแล้วนำมาคืน ส่วนแฟนหนุ่มไม่ต้องห่วงเพราะมีมาเต็มกระเป๋า“กวางต้องพาแม่ไปคุยงาน”“ทำไมต้องเอง”“คนขับรถป่วยแอดมิตที่โรงพยาบาล”“ขับรถเป็น แล้วเอาใหญ่เลย”ชายหนุ่มแอบว่ากวาง แฟนสาวเพิ่งขับรถเป็นก็ห่วงในความปลอดภัย“จะได้ไม่กวนพี่ไปรับไปส่งไง อีกอย่างธุรกิจของคุณแม่กำลังไปได้ดี มีนัดกับผู้ใหญ่หลายท่าน จะมาผิดคำพูดเพราะไม่มีคนขับรถให้เหรอ”กวางตอบแบบมีเหตุมีผล ทำแม็กเวลล์ที่อยากงอแงต่อก็ได้แค่หน้างอคอหักเป็นปลาทูแม่กลองในเข่ง คว้าผ้าเช็ดตัวที่กวางวางไว้รอ พันรอบเอวแบบลวกๆ แล้วเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตา จากนั้นก็เตรียมตัวเช็คเอ้าท์ห้องพั
บานประตูห้องนอนของมิกกี้เปิดออก เขาก้าวเท้าเข้ามาอย่างเชื่องช้า หยุดอยู่กลางห้องก่อนจะยกมือกุมหน้าตัวเอง ความเสียใจที่ถูกแฟนสาวบอกเลิกเหมือนจะหายไปภายในค่ำคืนเดียวและถูกแทนที่ด้วยความกังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน มันเกิดขึ้นในตอนที่เขาไม่มีสติสัมปชัญญะ สมองมึนเบลอเผลอทำในสิ่งที่ไม่ควร อยากเอาหัวโขลกพื้นหรือหายตัวกลับอเมริกาให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ทำไม่ได้เมื่อมีหน้าที่ใหญ่ต้องช่วยงานบริหารของน้องชายรออยู่ตรงหน้า มือหนาที่กุมใบหน้าร้อนผ่าวลูบขึ้นไปที่ศีรษะสางเส้นผมดำหนาแล้วกำแรงๆ เหมือนพยายามจะคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง แต่มันก็เป็นไปแล้วเผลอมีอะไรกับแฟนน้องเพราะความเมามาย...หงายตัวลงนอนบนเตียง มองเพดานสีขาวด้วยความรู้สึกหวั่นกลัว กลัวว่าแม็กเวลล์จะรู้เรื่องนี้ กลัวว่าน้องจะเกลียดกันอีกครั้ง นอนเอามือก่ายหน้าผากอย่างกังวลครั้นตอนนี้ความมึนเมาเริ่มสร่างและสติเริ่มกลับมา“ทำยังไงต่อวะมิก ถ้าแม็กรู้ขึ้นมา...”เหมือนจะแก้ไขอะไรไม่ได้ ก็ต้องเก็บเงียบงำกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงคนเดียว ความกลัวและกังวลยังสุมอยู่ในหัวก็พลันส่ายใบหน้าไปมา อยากจะสลัดความคิดกังวลแล้วทำเป็นเพิกเฉยก็ทำไม่ไ
ร่างขาวสะดุ้งทุกครั้งที่ข้อนิ้วตำเข้ามาแรง กัดปากตัวเองแน่นแล้วบิดเร้าเรือนร่างยามที่คนด้านบนกระแทกนิ้วเข้าใส่รัวจนเกิดเสียงแจ๊ะๆ มิกกี้มองช่องทางสวยฉ่ำแฉะไปด้วยน้ำหล่อลื่น มองหน้าท้องแบนราบและหน้าอกอวบเต่งตึงอย่างพึงพอใจ แม้ตอนนี้ความเมามายที่มีจะเริ่มส่างขึ้น แต่อารมณ์ความต้องการกลับเข้ามาแทนที่จนไม่อาจหยุดได้“เลียไหม”เสียงแหบพร่าเอ่ยถามชิดริมหู อีกฝ่ายที่นอนเสียวซ่านกัดปากแล้วครางอื้อออกมาเป็นคำตอบ ก่อนที่ศีรษะของมิกกี้จะมุดลงไปกลางหว่างขาชายหนุ่มมุดหน้าลงไป แม้ดวงตาพร่าเบลอจากความเมาก็พอมองเห็นรางๆ ว่าส่วนนั้นสวยงามแค่ไหน รอยแยกที่ปริออกแล้วมีเม็ดสีชมพูคล้ำโผล่ขึ้นมาจากการใช้งานและเสียดสีมาหลายปีประจักษ์ต่อดวงตาของชายแฝดคนพี่ พลันยั่วยวนจนอดไม่ได้ที่อยากใช้ปากสัมผัสมัน กวางตัวแอ่นเร่ามองศีรษะทุยที่กำลังซุกลงพร้อมกับการจูบเบาๆ ไปก่อนหนึ่งที เพียงแค่ลมหายใจร้อนจากปลายจมูกของชายหนุ่มปะทะเข้าเนื้อผิวกลีบกุหลาบบางก็ทำร่างขาวเสียวสะดุ้ง สะท้านไปทั้งร่างก่อนที่เจ้าของกลีบกุหลาบนั้นจะกัดปากแน่น จิกสองมือลงผ้าปูที่คุ้นเคยครั้นริมฝีปากหนาดูดดึงเม็ดคลิตอริสของเธออย่างร้ายกาจ“อะอ่า...แม็ก
การประคองคนเมาที่ตัวสูงใหญ่ทุลักทุเลจนต้องเรียกพนักงานผู้ชายช่วยอีกแรง ในตอนนี้กวางกำลังเข้าใจผิดแบบมหันต์ว่าชายที่เมาแทบหมดสตินั้นเป็นแฟนของตัวเอง“วางพี่เขาตรงนี้เลย”กวางรีบเปิดประตูด้านหน้าข้างคนขับ เอนเบาะลงเล็กน้อยให้ชายหนุ่มได้นอนหลับไปในรถ พนักงานประคองมิกกี้เข้าไปแล้วช่วยรัดเข็มขัดคนเมาในท่ากึ่งนอนเพื่อให้อยู่ในความปลอดภัย“เรียบร้อยแล้วครับ”“ขอบใจนะ นี่ติป”เธอควักเงินในกระเป๋าส่งเป็นน้ำใจที่ช่วยกันแบกคนไร้สตินี้มา ก่อนจะเดินอ้อมมาฝั่งคนขับเข้าไปดูอาการชายหนุ่มที่นอนรอในรถ ส่วนพนักงานของคลับก็ยืนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย สายตาส่องมองหาชายอีกคนที่หน้าตาเหมือนกัน“อีกคนไปไหน หรือกลับไปแล้ว”เพราะเขาเห็นว่าคนที่เมาอยู่ตอนนี้มากับผู้ชายที่เหมือนกันเพราะเป็นแฝด แต่เมื่อมองหาแล้วไม่เห็นก็ไม่ได้สนใจอะไรต่อ รีบเดินกลับเข้าไปในคลับทำหน้าที่ของตัวเองต่อกวางสตาร์จเครื่องยนต์เพื่อให้มีอากาศถ่ายเท เสดวงตามองชายหนุ่มที่คิดว่าคือคนรักของตัวเอง สองสามวันมานี่เธอและแม็กเวลล์คุยกันน้อยลงเพราะต่างคนต่างยุ่ง โดยเฉพาะแฟนหนุ่มที่ทุ่มเวลาให้กับกิจการส่วนตัว มีเพียงส่งข้อความถามไถ่และบอกรักกันทิ้งไว้
3 วันต่อมาหลังจากที่มิกกี้มาถึงประเทศไทยก็พักให้หายเหนื่อยจากการเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลเพียงหนึ่งคืน จากนั้นก็เข้ามายังออฟฟิศของน้องชายเพื่อช่วยดูระบบงานต่างๆ ครั้นผู้เป็นแม่ไหว้วานให้เขามาดูช่วยน้องชายฝาแฝด ขณะที่แม็กเวลล์ก็ยุ่งไม่ต่าง วางระบบไอทีที่ทันสมัยเพื่อให้ทันกับวิวัฒนาการด้านเทคโนโลยีที่พัฒนาไปในทุกวันมิกกี้ที่กำลังวางแผนงานบริหารให้น้องชาย ก็ต้องละสายตาออกจากงานสำคัญนั้น เมื่อจอมือถือมีข้อความแจ้งเข้ามา“Let’ s break up” (เราเลิกกันเถอะ)เหมือนโดนไฟช็อตทั่วทั้งร่าง เมื่อมาเรียมแฟนสาวลูกครึ่งไทยอเมริกา รุ่นน้องอายุอ่อนกว่าเขาเพียงสองปีส่งข้อความมาหาเพื่อขอตัดความสัมพันธ์อย่างเลือดเย็น แม้จะมีสัญญาณบอกเหตุแต่ไม่นึกว่ามันจะรวดเร็วขนาด เพราะก่อนหน้าเขาและแฟนสาวมีเรื่องบาดหมางใจกันตามประสาคนคบกัน การใช้ชีวิตและทัศนคติที่ไม่ไปในทิศทางเดียวกันก็ต้องปรับตัวเข้าหาเพื่อประคับประคองความรักให้มันตลอดรอดฝั่ง และแทนที่เขาจะมีเวลาได้อยู่ปรับความเข้าใจกับมาเรียม ทว่าจำเป็นต้องเดินทางมาประเทศไทยเพื่อช่วยงานน้องเพราะแม่เร่งรัดและร้องขอ แต่กลับกลายเป็นการเว้นช่องว่างให้แฟนสาวได้ตีตัวออกห่าง
ตั้งแต่กลับมาจากอเมริกา แม็กเวลล์ก็เริ่มเข้าสู่โหมดการทำธุรกิจของตัวเองอย่างเต็มตัว อาคารที่ปล่อยเช่าสำหรับทำออฟฟิศเริ่มติดตั้งอุปกรณ์ไอทีและมีอุปกรณ์สำนักงานอื่นทยอยตามมา“เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว”เสียงแหบของน้าแรมเอ่ยขึ้น วันนี้เธอติดรถมากับหลานชาย ครั้นอยากเห็นความคืบหน้าของบริษัท เอ็มไอที จำกัด ที่ลงทุนจดทะเบียนบริษัทตั้งยี่สิบล้าน และเมื่อมาถึงก็กับอ้าปากค้าง เบิกดวงตากว้างกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า มันใหญ่โตกว่าที่คิดไว้ซะอีก“ใกล้เสร็จแล้วครับน้าแรม ไม่น่าเกินอาทิตย์นี้”แม็กเวลล์เดินสำรวจออฟฟิศที่คืบหน้าไปมากกว่า 90% เหลือเพียงตกแต่งวางอุปกรณ์ส่วนอื่นเล็กน้อยก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์และพร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการได้ภายในสิ้นเดือน และหากนับเวลามันก็เหลือเพียงสิบกว่าวันเท่านั้น“แม่เขาเทให้หมดหน้าตักเลยนะแม็ก เห็นไหมว่าแม่เขาคิดถึงเราตลอดเวลา”“ครับน้าแรม”แม้กมลเนตรจะมีธุรกิจอยู่ต่างประเทศ ก็ไม่ได้ใหญ่โตหรือทำกำไรให้แบบล้นมือ เป็นธุรกิจขนาดกลางที่มีขาดทุนบ้างบางไตรมาสตามพิษเศรษฐกิจที่กระทบกันทั่วโลก ผลประกอบที่ได้มาก็ต้องนำมาหมุนเวียนใช้จ่ายในธุรกิจและเหลือเข้ากระเป๋าเพียงเล็กน้อยแม็
รุ่งเช้าหนึ่งคืนที่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันผ่านไปเร็วมาก แม็กเวลล์แทบไม่อยากออกไปจากตรงนี้ก็ได้แต่งอแงหน้ามุ่ยเหมือนเด็กน้อย นอนทิ้งตัวไม่ยอมขยับสักที จนกวางต้องฉุดคะเย้อดึงคนตัวใหญ่ขึ้นมา“ลุกอาบน้ำแต่งตัวค่ะ”"อือ...กวาง""ลุกได้แล้ว"“ยังไม่หายคิดถึงเลย”ชายหนุ่มงัวเงียนั่งหลังโก่งบนเตียง สภาพล่อนจ้อนเพราะไม่ได้ใส่เสื้อผ้าตั้งแต่เมื่อคืน มีเพียงผ้าห่มที่ยังปิดส่วนล่าง ส่วนกวางก็สวมเพียงชุดคลุมอาบน้ำสีขาว รอเสื้อผ้าตัวเองที่ใช้บริการของทางโรงแรมให้แม่บ้านซักรีดแล้วนำมาคืน ส่วนแฟนหนุ่มไม่ต้องห่วงเพราะมีมาเต็มกระเป๋า“กวางต้องพาแม่ไปคุยงาน”“ทำไมต้องเอง”“คนขับรถป่วยแอดมิตที่โรงพยาบาล”“ขับรถเป็น แล้วเอาใหญ่เลย”ชายหนุ่มแอบว่ากวาง แฟนสาวเพิ่งขับรถเป็นก็ห่วงในความปลอดภัย“จะได้ไม่กวนพี่ไปรับไปส่งไง อีกอย่างธุรกิจของคุณแม่กำลังไปได้ดี มีนัดกับผู้ใหญ่หลายท่าน จะมาผิดคำพูดเพราะไม่มีคนขับรถให้เหรอ”กวางตอบแบบมีเหตุมีผล ทำแม็กเวลล์ที่อยากงอแงต่อก็ได้แค่หน้างอคอหักเป็นปลาทูแม่กลองในเข่ง คว้าผ้าเช็ดตัวที่กวางวางไว้รอ พันรอบเอวแบบลวกๆ แล้วเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตา จากนั้นก็เตรียมตัวเช็คเอ้าท์ห้องพั
ห้องสวีทชั้นที่เก้าถูกเปิดหนึ่งคืนสำหรับคู่รักที่ห่างจากกันเป็นเดือน แม็กเวลล์แค่อยากใช้เวลาตรงนี้อยู่กับคนที่รัก อยากมีเวลาส่วนตัวแบบที่อยู่ด้วยกันสองต่อสอง ด้านในโรแมนติกกว่าที่คิด มันถูกออกแบบเพื่อคู่รักโดยเฉพาะ เตียงนอนนิ่มสีขาวขนาดใหญ่ แบบกลิ้งสองคนก็ยังมีพื้นที่เหลือ ตกแต่งออกแนวเซ็กซี่เล็กน้อย ห้องน้ำเป็นกระจกสามารถมองทะลุเห็นทั้งด้านในและด้านนอก ระเบียงกว้างมีโต๊ะขนาดเล็กให้พอได้นั่งจิบไวน์รับลมและมองวิวที่มีแม่น้ำไหลผ่านกวางวางกระเป๋าสะพายของตัวเองไปรับลมที่มุมระเบียง มองวิวทิวทัศน์ในยามค่ำคืนก็สวยงามมากทีเดียว ก่อนที่เสียงเคาะประตูจะดังขึ้น เธอหันมองแต่ก็ไม่ได้ใส่มากกว่าวิวแสงสีระยิบระยับด้านหน้า แม็กเวลล์ออเดอร์เครื่องดื่มขึ้นมา ครั้นอยากผ่อนคลายกับแฟนสาวหลังจากนั่งเครื่องบินเดินทางทั้งวัน“ไหนบอกอยากพัก”“ก็ถือว่าเป็นการผ่อนคลาย”ชายหนุ่มเทเครื่องดื่มสีแดงเข้มลงแก้วทรงสูง นั่งเก้าอี้โดยมีกวางขยับตัวมายืนด้านหลัง เพราะรู้ว่าแฟนหนุ่มคงเมื่อยตัว บีบมือลงที่ลาดไหล่หนาช่วยนวดให้ผ่อนคลาย ก็รู้สึกดีไม่น้อย เหมือนกล้ามเนื้อได้ยืดตัวก็พลันเคลิ้มขึ้นมา แม็กเวลล์เอื้อมมือหนาของตนเตะ
เครื่องบินโบอิ้งลำใหญ่กำลังแลนดิ้งลงสู่สนามบินสุวรรณภูมิ เที่ยวบินจากอเมริกาไฟลท์ TG9397 เดินทางมาถึงในเวลาสามทุ่มเศษ แม็กเวลล์ ชายหนุ่มวัยยี่สิบเจ็ดปีเพิ่งเดินทางกลับหลังจากมีธุระต้องบินไปต่างประเทศด่วน เขาเป็นลูกชายคนเล็กของกมลเนตร แต่ทว่าในช่วงวัยเด็ก ครอบครัวมีปัญหาทำให้เขาและแม่ต้องแยกกันอยู่ มีช่วงหนึ่งคือขาดการติดต่อนับสิบปี แต่ก็ยังรู้ข่าวคราวบ้างจากคนรอบตัว เมื่อพ่อแม่เลิกกันลูกชายฝาแฝดเลยถูกแบ่งกันเลี้ยงดู คนโตคือมิกกี้ไปอยู่กับแม่ คนเล็กคือตัวเขาเองไปอยู่กับพ่อ แม้จะไม่รู้ปัญหาลึกๆ ของผู้ใหญ่แต่มันทำให้เขาโกรธแม่และพี่ชายมากทีเดียว ชีวิตที่มีแค่พ่อลำบากมากถึงขั้นหลั่งน้ำตา แต่ชีวิตแม่กับพี่ชายดันสุขสบายและมีครอบครัวใหม่อยู่ที่นั่นจนกระทั่งพ่อได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุในตอนเขาอายุ 15 ปี เมื่อไม่มีญาติผู้ใหญ่คอยดูแล กมลเนตรหวังจะกลับมารับลูกไปอยู่ด้วยกัน ทว่าเขายังที่รู้สึกว่าแม่เห็นแก่ตัว หาความสุขสบายใส่ตัว เลยเลือกที่จะอยู่กับน้องสาวแม่ นั่นก็คือเดือนแรมหรือน้าแรมที่เขาเรียกติดปากมาจนทุกวันนี้แต่เมื่อเวลาที่ผ่านมาเนิ่นนาน วันเวลาเปลี่ยน เขาเริ่มโตขึ้น ความโกรธที่เคยสุมอกใ