พรึบ“ตักข้าวสิ!”คุณหญิงนฤมิตรหันมาเอ่ยสั่งฉัน ฉันที่ยืนเหม่ออยู่ต้องถึงกับสะดุ้งตกใจกับน้ำเสียงเข้มของท่าน“เร็วๆ”คุณหญิงนฤมิตรเร่งฉัน“ค่ะ…”ฉันตอบรับคำคุณหญิงนฤมิตรก่อนจะค่อยๆเดินไปถือโถข้าวเซลามิคลายสวยงามราคาแพงมากเพราะเป็นลวยลายที่หายากน่ะพรึบ“ยัยนามิเพิ่งลงเครื่องนะคะ…ฉันก็พาเธอตรงดิ่งมาที่บ้านเธอเลยนะ….นฤมิตร^_^”“จริงเหรอเนี่ย….ฉันดีใจมากเลย…”“นี่หนูก็เรียนจบแล้วสินะ….หนูนามิ^_^”คุณหญิงนฤมิตรหันไปเอ่ยถามนามิ โดยที่ฉันเพิ่งจะตักข้าวสวยที่มีควันลอยขึ้นมาบ่งบอกว่าข้าวเพิ่งหุงสุกและเพิ่งตักออกมาจากหม้อหุงข้าวใส่ลงไปในจานของคุณหญิงนฤมิตร“ค่ะ….”นามิเอ่ยตอบคุณหญิงนฤมิตรไปพลางยิ้มบางๆให้คุณหญิงนฤมิตร“จบที่มหาลัยเเอลลิตร้าเลยนะ^_^”คุณหญิงนวลปรางพูดต่อพลางมองหน้าลูกสาวของท่านด้วยสายตาภาคภูมิใจ“เก่งมากเลยจ๊ะ^_^”คุณหญิงนฤมิตรเอ่ยชมนามิ“เดี๋ยวอีกไม่กี่วันเธอไปงานเลี้ยงฉลองรับปริญญาของนามิที่บ้านฉันนะ…”“ได้เลยไม่มีปัญหา”“นามิ…ชวนพี่ขุนศึกเขาด้วยสิลูก”คุณหญิงนวลปรางหันมาสะกิดไหล่นามิเป็นจังหวะเดียวกับที่ฉันตักข้าวใส่จานของคุณหญิงนวลปรางพอดี“ค่ะ…คุณแม่….”นามิรับคำคุณแม่ของเธอก่อนหัน
“หนูทำความสะอาดเสร็จแล้วคะป้า^_^”ใบข้าวเดินมาบอกป้าบัวในมือของเธอถือผ้าขี้ริ้วเพราะเธอเป็นคนทำความสะอาดข้าวสวยที่ฉันสะบัดลงพื้นเองน่ะ“ขอบคุณนะ…”ฉันเอ่ยขอบคุณใบข้าวไปที่เธออาสาไปทำความสะอาดข้าวที่หกแทนฉัน“ไม่เป็นไรเลยค่ะ…แต่หนูเห็นนะคะ…ว่าคุณผู้หญิงคนนั้น…จงใจตักข้าวใส่มือคุณ”ใบข้าวเอ่ยบอกฉันพลางหันไปมองถลึงตาใส่นามิที่นั่งยิ้มเอียงอายอยู่“หึ!”เสียงหึในลำคอของป้าบัวเอ่ยขึ้นพลางจ้องเขม่นไปที่ใบข้าวทำให้เธอเม้มปากหน้าสลดลงทันที“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ…คุณเขาไม่ได้ตั้งใจ…งั้นหนูขอไปหายามาทาแผลก่อนนะคะ”“จ้า…”ป้าบัวพยักหน้าพร้อมตอบรับรู้ ฉันก็ยิ้มบางๆให้ท่านและเดินก้มศีรษะออกมาจากห้องอาหารแห่งนั้น โดยมุ่งหน้าไปยังห้องครัวเพื่อหายามาทาแผลที่โดนของร้อนลวกพรึบซ่าาาาาาาาาฉันเปิดน้ำที่ซิงค์ล้างจานล้างมือตัวเองข้างที่โดนข้าวสวยลวกมันค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อยเมื่อได้สัมผัสกับความเย็น พรึบฉันเดินไปหยิบผ้าสะอาดออกมาจากตู้เก็บผ้าและเช็ดไปตามหลังมือที่เปียกน้ำก่อนจะหันมองไปรอบๆเพื่อหากล่องปฐมพยาบาลยาแต่ก็ไม่พบ “สงสัยอยู่ที่ห้องนั่งเล่นแน่เลย…”ฉันพูดขึ้นอย่างนึกขึ้นได้ ก่อนจะหันไปยัดผ้าที่ฉันใช้แล้วใ
คอนโดเอริ 22:00น. เอริ ฐิติมน….. “ขอบคุณคุณจอมพลมากนะคะ…ที่มาส่ง”ฉันหันไปเอ่ยบอกคุณจอมพลพลางยกมือไหว้ขอบคุณเขา เขาก็ยิ้มและยกมือรับไหว้ฉัน “ไม่เป็นไรหรอก….ยังไงๆเธอก็เหมือนเป็นน้องสาวของพี่อีกคน…” “ค่ะ…ขอบคุณนะคะ” “ขึ้นห้องเถอะ…มันดึกแล้ว” “ค่ะ”ฉันยิ้มบางๆให้คุณจอมพลและปลดสายเบลท์และเปิดประตูรถสปอร์ตคันหรูของคุณจอมพลลงมา พรึบ ฉันยืนส่งคุณจอมพลจนรถสปอร์ตของเขาแล่นออกไปจากคอนโดฉันเรียบร้อยแล้ว ฉันจึงหันหลังเดินเข้าไปในคอนโดหรูของฉันที่ขุนศึกเป็นคนซื้อให้ฉันเมื่อสองปีที่แล้วที่จริงเขาซื้อรถยนต์ให้ฉันเป็นรถยี่ห้อดังสีขาวแต่ฉันไม่ค่อยได้ขับส่วนมากจะขับรถของขุนศึกเป็นประจำ วันนี้ฉันไม่ได้ขับรถไปทำงานจะนั่งแท็กซี่กลับคุณจอมพลก็ไม่ยอม เขาอาสามาส่งฉันแทนขุนศึกที่ขับรถแลมโบกินี่ของเขาออกไปเที่ยวกับนามิ พรึบ “เฮ้อ….”ฉันผ่อนลมหายใจออกมาเมื่อขึ้นมาถึงห้องนอนของฉันที่อยู่ชั้นที่สิบได้แล้ว ฉันก็โยนกระเป๋าแบรนด์เนมรุ่นลิมิเตดที่ขุนศึกซื้อให้ฉันเมื่อสองเดือนก่อนตอนที่เราไปเจรจางานที่ฝรั่งเศสและตามด้วยทิ้งร่างที่เหนื่อยล้าของตัวเองลงบนโซฟาตัวใหญ่นุ่มนิ่มอย่างเหนื่อยอ่อนเหนื่อยกายยังไม่เท่าไ
“อ้อค่ะ^_^”เธอก็พยักหน้ารับรู้ ผมก็ยิ้มให้เธอและยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกต่อสายตาก็จับจ้องผู้หญิงที่กำลังยืนโยกย้ายส่ายสะโพกไปมาพลางส่งสายตาเชื้อเชิญให้ผม ผมก็กระตุกยิ้มและก้มศีรษะลงเล็กน้อยเพื่อตอบรับไมตรีของเธอที่กำลังจะยื่นให้ผมพรึบ“เดี๋ยวพี่มานะครับ…”ผมหันไปเอ่ยบอกนามิ เธอก็หันมามองหน้าผมทันที“พี่ขุนจะไปไหนคะ?”เธอเอ่ยถามผมกลับมาด้วยความสงสัย“ไปเข้าห้องน้ำครับ…”ผมบอกเธอไป“อ้อค่ะ…”เธอก็ตอบรับผมพลางพยักหน้าเข้าใจ ผมก็ยิ้มบางๆให้เธอและวางแก้วเหล้าในมือลงบนโต๊ะทรงกลมและลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเดินออกมาจากโต๊ะของผมพรึบ“แฟนเหรอคะ?”เสียงหวานเอ่่ยถามผมในขณะที่ผมเดินผ่านประตูหลังที่เป็นจุดเชื่อมไปห้องน้ำมาแล้ว ทำให้ผมกระตุกรอยยิ้มขึ้นมาอย่างมีเลศนัยและรู้ทันทีว่าเจ้าของเสียงที่เอ่ยถามผมอยู่นั้นเธอคือใคร เธอก็คือผู้หญิงที่เชื้อเชิญหยิบยื่นมิตรไมตรีให้ผมเมื่อกี้นี้ยังไงล่ะครับพรึบ“ไม่ใช่หรอกครับ….”ผมหันไปมองยังต้นเสียงที่อยู่ด้านหลังผม“แฟนไม่ได้มา…”ผมตอบเธอไป เธอก็กระตุกยิ้มผมก็มองรูปร่างที่อยู่ภายใต้เกาะอกสีทองของเธอและสั้นจู๋จนเห็นแก้มก้นอวบอิ่มของเธอ“แฟนไม่มา…แสดงว่า…”เธอลากเสียงยาวก่อน
พรึบ“อ๊อกกกกกก”“จ๊วฟฟฟฟ”“อ่าห์ซี๊ดดดด”เสียงคำรามอย่างสุขสมของขุนณรงค์ครวญครางขึ้นเมื่อหญิงสาวหน้าสวยหุ่นเอ็กซ์ที่เจอกันในผับเพียงแค่มองตาก็รู้ว่าต่างคนต่างพึงพอใจในตัวของกันและกัน กำลังดูดดื่มเอร็ดอร่อยกับท่อนเอ็นยักษ์แท่งร้อนของขุนณรงค์อยู่ มือเล็กของเธอก็ยื่นไปลูบไล้กลีบกุหลาบที่มีขนนุ่มปกคลุมอย่างเสียวซ่าน มือหนาทั้งสองข้างของขุนณรงค์ก็จัดการจับศีรษะของคู่ขาวันไนท์สแตนด์ของเขาขึ้นลงไปกับท่อนเอ็นยักษ์ของเขาตามแรงจังหวะความเสียว“อ๊อกกกอ้วก…”ร่างเล็กสำลักดวงตาแดงก่ำเมื่อขุนณรงค์เด้งสะโพกสอบของเขากดท่อนเอ็นกระแทกเข้าไปในโพรงปากนุ่มของหญิงสาวตรงหน้าอย่างแรงทำให้ท่อนเอ็นยักษ์กระแทกโดนลิ้นไก่ของเธอเข้าอย่างจัง“แผล๊บๆๆๆ”เมื่อเธอตั้งตัวหายสำลักได้แล้วก็จัดการยื่นปลายลิ้นร้อนเลียตวัดไปรอบๆหัวยักษ์เบ่งบานที่ตอนนี้ขยายลำใหญ่โตเส้นเลือดปูดโปนไปทั้งลำพรึบ“เลียให้ฉันบ้างสิ….”“ผมไม่เลียHEEของคนอื่น….”ขุนณรงค์ตอบเสียงเข้มอย่างจริงจัง“แต่เลียให้แฟนสินะ….”เธอถามอย่างน้อยใจที่คู่ขาของเธอในค่ำคืนนี้ไม่ยอมใช้ลิ้นปรนเปรอความสุขให้เธอ แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเธอเองก็พึงพอใจในขนาดของท้อนเอ็นยักษ์
“ใส่ให้ด้วยดิ…”เสียงเรียบๆของขุนณรงค์เอ่ยขึ้น“ใหญ่ขนาดนี้….จะใส่ได้เหรอคะ?”หญิงสาวเงยหน้าจากลำกายใหญ่ขึ้นมามองหน้าขุนณรงค์พลางทำสีหน้าสงสัย“หึ….ถ้าตามท้องตลาดทั่วไป…ใส่ไม่ได้หรอก….”ขุนณรงค์ว่าพลางยิ้มที่มุมปาก หญิงสาวก็พยักหน้าเห็นด้วยกับเขาและเธอก็จัดการใช้ฟันของเธอขบกัดซองสีเงินของถุงยางอนามัยให้ฉีกขาด“อ่าาาาาาาห์”เสียงหวานของขุนณรงค์คำรามขึ้นมาอีกครั้งเมื่อก่อนที่ร่างบางจะสวมใส่ถุงป้องกันเธอได้รูดท่อนเอ็นยักษ์ของเขาและถ่มน้ำลายลงไปบนท่อนเอ็นของขุนณรงค์และรูดอุ้งมือขึ้นลงสร้างความเสียวซ่านให้ขุนณรงค์เป็นอย่างมาก พรึบ“อย่าช้า…ฉันมีอีกคน..”ขุนณรงค์บอกในขณะที่หญิงสาวตรงหน้าเขาไม่ยอมสวมใส่ถุงป้องกันท่อนเอ็นของเขาสักที เธอก็เบะปากเล็กน้อยอย่างนึกขัดใจ และเธอก็เริ่มสวมใส่เครื่องป้องกันลงไปบนลำกายใหญ่ของขุนณรงค์ที่รู้ดีว่าผู้หญิงตรงหน้านี้อยากจะโดนเขาเสียบสดแต่เขาทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะเขาแค่รักสนุกแต่ไม่อยากผูกพันและไม่อยากติดโรคร้ายด้วย เมื่อหญิงสาวสวมเครื่องป้องกันเสร็จแล้ว เธอก็ยันตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง โดยมีสายตาเจ้าเล่ห์ของผู้ชายหน้าหล่อและดูดีออร่าสะดุดตาของสาวๆนักท่องราตรีในค
วันต่อมา09:00น.ห้องประชุมใหญ่ บริษัทKAเอริ ฐิติมน…..พรึบ“สวัสดีค่ะ….”“ท่านคณะกรรมการและผู้ถือหุ้น…..ที่เคารพทุกๆท่าน”ฉันกล่าวคำทักทายคณะผู้บริหารและผู้ถือหุ้นของบริษัทKAทุกๆคนที่มีไม่ต่ำกว่าสามสิบท่านในห้องประชุมขนาดใหญ่นี้ โดยมีฉันนั่งอยู่ที่นั่งตรงด้านหน้าของคณะกรรมการทุกคนที่นั่งหันหน้าชนกับฉัน ข้างกายฉันมีรองประธานบริษัทนั่งอยู่ คุณจอมพลจะคอยเป็นผู้นั่งฟังแบบนี้ตลอดในเวลาที่ไม่ขุนศึก เขาจะให้ฉันเป็นคนพรีเซนต์งานทั้งหมดเพราะเขาจะไม่ก้าวก่ายและทำเกิดหน้าที่ของตัวเองเพราะคุณหญิงนฤมิตรไม่ค่อยชอบคุณจอมพลสักเท่าไหร่ เพราะคุณพ่อของคุณจอมพลรักคุณแม่ของคุณจอมพลมากกว่าท่าน ฉันรู้คร่าวๆมาเพียงเท่านี้“ดิฉัน…ในฐานะเลขาธิการของท่านประธานบริษัทKA…ขอเป็นผู้ดำเนินการประชุมในครั้งนี้ค่ะ…”ฉันพูดเป็นภาษาไทยและต่อด้วยภาษาอังกฤษเพราะคณะกรรมการของบริษัทขุนศึกมีทั้งคนไทยคนอังกฤษและคนหลายๆประเทศมารวมตัวกันโดยจะแบ่งหุ้นกันไปแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ หุ้นห้าสิบเปอร์เซ็นต์เป็นของขุนศึกผู้ดำรงตำแหน่งท่านประธานบริษัทKA บริษัทKAของขุนศึกเป็นบริษัทแม่ของทุกๆสาขาทำการธุรกิจห้างสรรพสินค้าทั้งในและต่างประเทศรวมๆแ
“ไอ้ขุน…ไปไหน?”คุณจอมพลขยับใบหน้าเข้ามาเอ่ยถามฉันเสียงแผ่วเบา“ไม่ทราบค่ะ…”ฉันตอบคุณจอมพลไปด้วยท่าทางสุภาพ เขาก็มองหน้าฉันด้วยแววตาเรียบเฉย ฉันก็ละสายตาจากเขามาก้มหน้าจดรายงานการประชุมต่อ ฉันต้องทำหน้าที่บันทึกการประชุมในตำแหน่งเลขาและทำหน้าที่แทนท่านประธานที่ป่านนี้คงจะไปนอนกกผู้หญิงที่ไหนสักที่นั้นแหละ“มิสฐิติมน….”“ค่ะ^_^”ฉันเงยหน้าขึ้นมาทันทีที่มีเสียงเรียกชื่อฉัน เขาคือคุณจอนเทเลอร์ผู้ถือหุ้นสิบเปอร์เซ็นต์ประจำสาขาที่ลอสแอนเจลิสในเมืองของแคลิฟอร์เนียที่มียอดขายพุ่งกระฉูดขึ้นทุกเดือน“พวกเราพูดคุยกันแล้ว….ทุกคนไม่มีความคิดเห็นอะไรหรือข้อเสนอใดๆ…แต่พวกเราคิดว่า…”คุณจอนเทเลอร์เอ่ยขึ้นเป็นภาษาอังกฤษ ฉันก็ยิ้มและพยักหน้ารับรู้คำพูดของเขา“คุณฐิติมนคงมีข้อเสนอดีๆเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมาเสนอให้พวกเราฟัง^_^”ฉันยิ้มกว้างพลางก้มศีรษะให้คุณจอนเทเลอร์เพื่อเป็นการน้อมรับคำชม“ขอบคุณสำหรับการไว้วางใจที่ทุกๆท่านมีให้ดิฉันนะคะ….”ฉันลุกขึ้นยืนอีกครั้งและโค้งตัวทำความเคารพคณะกรรมการและผู้ถือหุ้นทุกๆท่านอย่างเคารพและดีใจที่ทุกคนเชื่อมั่นและไว้วางใจในตัวของฉัน“ด้วยความยินดีครับ^_^”ท่านคณะกรรมกา
"ผมเกลียดคุณเข้าใจไหม""ไม่จริงคุณไม่ได้เกลียดแก้มหวานคุณรักแก้มหวาน""ไม่งั้นคุณจะมาทำดีกับแก้มหวานทำไม""ที่ผมทำดีกับคุณเพราะผมติดใจในเซ็กส์ของคุณไง....คุณรู้ไหมว่าคุณเป็นผู้หญิงที่เร้าร้อนและร้อนแรงเรื่องบนเตียงมากแค่ไหน"เควินพูดพร้อมกับเดินตรงมาหาแก้มหวาน"ผมไม่เคยมีอะไรกับใครแล้วมีความสุขเท่าคุณ"เควินว่าพร้อมกับใช้ปลายนิ้วเรียวไล้เกี่ยไปตามแขนของแก้มหวานอย่างแผ่วเบา พร้อมกับมองแก้มหวานด้วยแววตาหวานเยิ้ม"ผมก็เลยเล่นตามน้ำคุณถึงแม้ในใจผมมันจะสนแค่ร่างกายคุณแต่นิสัยและสันดานของคุณผมรังเกียจมันเสียด้วยซ้ำ"เควินพูดไปพลางมองไปที่ร่างของแก้มหวานด้วยสายตาดูถูกและเหยียดหยาม"ผมก็นึกว่าคุณจะเล่นๆกับผมแต่ที่ไหนได้คุณคิดจริงจัง"เควินว่าพลางยิ้มหัวเราะออกมาอย่างเรื่องที่เป็นประเด็นสนทนาอยู่ในตอนนี้เป็นเรื่องตลก ทำให้แก้มหวานมองผู้ชายตรงหน้าอย่างไม่พอใจและน้อยใจไปในตัวเธอคิดว่าเขาจะสนใจและมีความรู้สึกดีๆให้เธอเสียอีก แต่ที่ไหนได้เขากลับไม่ได้มีใจให้เธอเลย "ไม่ต้องมองผมแบบนั้นหรอก.....ผมพูดความจริง""และต่อไปคุณก็ช่วยกรุณารู้จุดยืนของตัวเองด้วยนะ"เควินเอ่ยออกมาปิดท้ายแววตาที่เขามองเธอเวลาพูด
"ไม่ใช่ว่าริเป็นซิงเกิ้ลมัมไม่ได้แต่ริไม่อยากเป็นไม่อยากให้ลูกมีแค่ริที่ทำหน้าที่ทั้งพ่อและแม่ในเวลาเดียวกันแต่อยากให้ลูกได้รับความรักจากพ่อแท้ๆของเขาและความเอาใจใส่จากพ่อของเขาจริงๆ" "คนที่ไม่เคยขาดพ่อขาดแม่ไม่มีวันเข้าใจหรอกไม่ว่าแม่จะดูแลดีแค่ไหนแต่มันก็ไม่เหมือนความรักที่มีทั้งพ่อและแม่อยู่ครบ" "ริหวังว่าขุนจะเข้าใจนะ....ขุนแค่ทำหน้าที่พ่อของลูกเท่านั้นพอ....." "ริ....." "หรือขุนอยากจะเลือกก็ได้นะระหว่างทำหน้าที่พ่อของลูกหรือจะไม่รับหน้าที่อะไรเลยก็ได้" "ก็ได้ขุนจะเอาแบบที่ริว่าก็ได้"ขุนศึกที่ได้ยินคำขาดจากฉัน เขาก็พูกเสียงเข้มแทรกขึ้นมาทันที "แต่ขุนจะทำให้ริเห็นว่าขุนพร้อมที่จะหยุดและมีแค่ริคนเดียวแล้วจริงๆ"ขุนศึกว่าพร้อมกับทำหน้ามั่นใจว่าเขาจะสามารถทำอย่างที่เขาพูดได้จริงๆ แต่เขาก็พูดแบบนี้ทุกครั้งที่ฉันจับเขาได้ว่าเขาแอบไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นและฉันก็ไว้ใจและเชื่อใจเขามาตลอดและเป็นยังไงล่ะ สุดท้าย ฉันก็เป็นอีโง่เหมือนเดิม เคยยอมเสียศักดิ์ศรีตัวเองแก้ผ้าให้ขุนศึกเอาเพื่อให้เขาเลิกไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่น นั่นมันเป็นความคิดเด็กน้อยชะมัด "ทำให้ได้ก่อนค่อยมาว่ากันอีกที..
วันเดียวกัน23:30น.เอริ ฐิติมน......จึกๆๆ"ริ......""หื้ออออ"ฉันครางรับเสียงทุ้มที่เอ่ยเรียกฉันพร้อมกับแรงสะกิดที่ไหล่ฉันเบาๆฉันที่นั่งขดตัวหลับอยู่บนโซฟาภายในห้องโถงใหญ่ก็ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาดูเจ้าของเสียงที่ฉันเฝ้ารอเขาจนเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้"ขุน......กี่โมงแล้วเนี่ย?"ฉันขยี้ตาเพื่อไล่ความสะลึมสะลือความงัวเงียให้หายไปพร้อมกับเอ่ยถามขุนศึกไป"เที่ยงคืนกว่าแล้ว....ริมานอนทำไมตรงนี้?"ขุนศึกตอบฉัรพร้อมกับเอ่ยถามฉันกลับ ฉันที่หายจากอาการสะลึมสะลือแล้วแล้วก็ขยับตัวนั่งดีๆและหันไปมองหน้าขุนศึกที่เขานั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับฉันและนั่งข้างๆฉันด้วย"ริมารอขุนนั้นแหละ.....ทำไม่มาซะดึกเลย....หาไม่เจอเหรอ?""เปล่า.....พอดีขุนไปทำธุระมาน่ะ""อ้อ"ฉันพยักหน้าพลางร้องตอบขุนศึกไป แม้ในใจอยากจะถามเขาว่าธุระที่เขาว่าคืออะไร แต่สีหน้าและแววตาของขุนศึกเหมือนไม่อยากบอกให้ฉันรู้ว่าธุระที่เขาพูดถึงคืออะไรถ้าเขาไม่อยากบอก ฉันก็ไม่ควรที่จะถามต่อสินะ เพราะฐานะของฉันกับเขาไม่มีสิทธิ์ซักไซ้จนได้รู้เรื่องส่วนตัวของเขามากไปกว่านี้"ว่าแต่ริมารอขุน......มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า"ขุนศึกถามฉันพร้อมกับจ้องมองฉั
จะปล่อยห้องว่างไวโดยไร้คนอยู่ก็เสียดาย ฉันก็เลยใจอ่อนและยอมมาอยู่ที่นี่ซึ่งฉันคิดว่ามันสะดวกสบายดี บ้านที่ฉันหาในเน็ตก็มองทรุดโทรมและค่าเช่าก็แพง อะไรที่ประหยัดได้ในตอนนี้ฉันก็ควรจะประหยัดและตอนนี้ฉันก็ท้องด้วย ฉันควรจะมีเงินสำรองไว้เลี้ยงลูกของฉันให้เขาอยู่อย่างสุขสบายให้เยอะๆดีกว่าฉันควรจะบอกเรื่องนี้กับขุนศึก......ว่าฉันท้องกับเขา....."ป้าบัวคะ""จ๊ะว่าไงจ๊ะเอริ?"ป้าบัวที่กำลังยกชามกะละมังที่เช็ดตัวคุณหญิงเพิ่งเสร็จหันมาขานรับฉันเงินก้อนใหญ่ฉันก็ให้ขุนศึกไปหมดแล้ว รถก็ขายทิ้ง บ้านก็มาไฟไหม้อีก ค่ารักษาพยาบาลคุณหญิงค่าใช้จ่ายรายเดือนก็สูง โดยเฉพาะค่ากายภาพบำบัดที่ฉันว่าจ้างให้นางพยาบาลที่เป็นคนทำกายภาพบำบัดและศึกษาด้านนี้มาโดยเฉพาะให้มาดูแลคุณหญิงทุกวันโดยทำกายภาพบำบัดให้คุณหญิงเดินได้อีกครั้งและฉันจะทำทุกวิถีทางให้ชีวิตของลูกฉันมีความสุขและสุขสบายที่สุดไม่ให้ลำบากและรู้สึกขาดแบบที่ชีวิตฉันเคยเป็นมา ฉันจะเลี้ยงเขาให้ดีที่สุดเท่าที่สุดของความสามารถของฉัน"ป้าบัวส่งโลเคชั่นให้ขุนหรือยังคะว่าเราอยู่ที่ไหนกัน?"ฉันเอ่ยถามป้าบัวไป ท่านก็ยิ้มบางๆให้ฉัน"ป้ากำลังจะไปส่งโลเคชั่นให้คุณข
"ไม่ว่าฉันจะให้แกทำอะไรแกก็ยอมใช่ไหม?"แก้มหวานเอ่ยถามผมด้วยแววตามีเลศนัยพร้อมยกยิ้มที่มุมปากขึ้น ผมก็จ้องมองเธอนิ่ง และผมก็อยากทำให้เรื่องทุกอย่างมันจบลง วันนี้คุณแม่ผมเกือบจะไม่รอด เพราะผมเป็นตัวต้นเหตุ วันนี้อาจจะโชคดี แต่มันก็คงตะไม่โชคดีทุกครั้งไป "ใช่" "ถ้าฉันให้แกไปตายล่ะ" "มันไม่มากไปเหรอ?"ผมถามเธอไปเสียงเข้ม เรื่องที่ผมและเพื่อนๆทำกับเธอ เธอก็ยังมีชีวิตอยู่และดีด้วยจนถึงทุกวันนี้ไม่ใช่เหรอ "หึ.....ฉันรู้ว่าแกคงไม่กล้าตายหรอก" "งั้น......ฉันขอแลกศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของแกก็ล่ะกันนะ" "ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของฉัน?" "กราบตีนฉันสิ.....แล้วฉันจะเลิกยุ่งกับแม่แกและก็เอริผู้หญิงที่แกบอกว่ารักนักรักหนาด้วย" "ไม่รู้ว่าแกรักเธอยังไงนะถึงได้นอกกายนอกใจเธอนอนกับผู้หญิงคนอื่นอยู่ตลอดเวลา" "ถ้าฉันเป็นเอริฉันคงไม่เอาผู้ชายเลวๆที่ทำตัวเหมือนหมาตัวผู้ที่ต้องผสมพันธุ์ไปทั่วโดยไม่สนว่าใครเป็นใคร" "แบบแกหรอกนะขุนศึก" "แค่ฉันกราบตีนเธอ.....แค่นี้ก็พอแล้วใช่ไหม?"ผมไม่สนใจคำพูดที่ถากถางของแก้มหวานแต่เอ่ยถามในสิ่งที่จะเป็นตัวหยุดเรื่องนี้กับเธอไป เธอก็ทำหน้าบึ้งตึงนิดหน่อยก่อนจะแสยะยิ้มให้ผม
เมื่อมาถึงหน้าประตูห้องผมก็ยื่นมือไปกดออดเพื่อเรียกคนในห้องให้รู้ว่ามีคนมาขอพบเธอผมรออยู่ไม่นานและกดออดซ้ำไปแค่ครั้งเดียว ประตูห้องหรูบานตรงหน้าผมก็ค่อยๆถูกเปิดออกจากคนที่อยู่ด้านในของห้องนี้ผมก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมองบุคคลที่เป็นคนมาเปิดประตูเธอเป็นผู้หญิงผอมสวยหุ่นดี เธออยู่ในชุดเดรสสั้นสายเดี่ยวสีแดงผมของเธอถูกดัดเป็นลอนใหญ่แล้วปล่อยสยายไปด้านหลังสีหน้าที่เธอจ้องมองมาที่ผมด้วยแววตาสงสัย และเพ่งมองพินิจพิจารณาอย่างสงสัยว่าผมคือใครผมจึงค่อยๆใช้มือดึงฮู้ดที่ปิดหน้าของผมอยู่ให้ออกเพื่อเผยใบหน้าของผมให้เธอคนนี้ได้เห็นอย่างชัดเจนขึ้นและในเมื่อใบหน้าของผมที่ไร้เสื้อฮู้ดปกผิดเปิดเผยแก่คนตรงหน้าเธอก็จ้องมองผมด้วยแววตาตกใจและแปลกใจ ผมก็จ้องมองเธอกลับไปด้วยแววตาเรียบเฉยเมื่อแปดปีก่อน เธอกับผมเราคงจะคุ้นตากันเพราะเราสองเคยมีอะไรกันและแอบเป็นแฟนกันมาก่อนทั้งๆที่ผมเองก็มีแฟนอยู่แล้วผมไม่ได้ตั้งใจจะหลอกเธอ แต่ผมคิดว่าผู้หญิงทั้งมหาลัยก็น่าจะรู้ดีว่าผมมีเจ้าของอยู่แล้ว แต่กลับผิดคาดที่เธอคนนี้ไม่รู้ เธอจึงปล่อยใจรักผมแต่ผมกลับไม่เคยรักเธอ ไม่ว่าเธอจะแสนดีและน่ารักแค่ไหน ผมก็ไม่เคยคิดที่จะรั
ช่วงเย็นวันเดียวกันคอนโด TYขุนศึก ขุนณรงค์......"ขอบคุณสำหรับข้อมูลตอนนี้ฉันอยู่ที่หน้าคอนโดที่แกบอกแล้ว""คอนโดTYชั้นที่สามสิบห้องสามสามสี่ห้าฉันจำได้ล่ะขอบใจแกมากฟิว"ผมเอ่ยบอกฟิวไปในขณะที่สายตาก็ทอดมองเงยหน้าไปยังชั้นบนสุดชั้นที่สามสิบของตึกสูงตระหง่านใจกลางเมืองตรงหน้าของผมในขณะนี้(แกคิดที่จะทำอะไร?)(ตอนนี้เขามีอิทธิพลมากกว่าแกเขาสามารถทำให้แกหายไปโดยไม่มีใครสงสัยได้เลยนะขนาดทำให้ชีวิตของแกพังเขาก็ยังทำได้)(ฉันว่าแกไม่สมควรที่จะประมาทผู้หญิงคนนี้)เสียงปลายสายของฟิวเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงห่วงใย ผมจึงละใบหน้าจากตึกสูงตรงหน้าและเอ่ยคุยกับฟิวต่อ"ฉันรู้ขอบใจและขอโทษที่ทำให้ชีวิตของแกต้องมาติดร่างแหพลอยซวยไปกับฉันด้วย"ผมเอ่ยบอกหิวไปอย่างคนที่รู้สึกผิดที่ออกมาจากใจจริงไปของผม(แกไม่ได้ทำอะไรผิดถ้ามันจะผิดก็ผิดกันหมดนี่แหละ)(มันคงจะเป็นเพราะตอนนั้นพวกเรายังเด็กเลยไม่ได้คิดอะไรให้มากกว่านี้เลยทำเรื่องแบบนั้นลงไป)(ฉันไม่มีสิทธิ์โกรธแกหรือแก้มหวานเลยด้วยซ้ำ)"นั่นสิเนอะ....ฉันก็ไม่สมควรที่จะโกรธแก้มหวานด้วยเหมือนกัน"ผมเอ่ยออกมาอย่างคิดนึกตริตรองอย่างที่ฟิวว่าที่จริงถ้าตอนนั้นผมไม่คึกค
"ผมขอโทษครับ""คุณจะมาขอโทษฉันทำไมล่ะค่ะ....ฉันเองต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณสิถึงจะถูก""เดี๋ยวฉันจะโอนจ่ายค่ารักษาให้คุณทีหลังนะคะ....เพราะวันนี้ฉันไม่มรเงินติดตัวเลย"ฉันเอ่ยบอกคุณเควินไปตามความจริง เขาก็มีสีหน้าตกใจและสลดปะปนกันไป"อย่าโอนจ่ายค่ารักษาให้ผมเลยครับ...ขอให้ผมได้ดูแลคุณสักครั้ง""ในฐานะเพื่อนได้ไหมครับ"คุณเควินว่าต่อในเสียงและสีหน้าเชิงขอร้อง ฉันก็มองหน้าเขาอย่างคนคิดหนัก เขาขอช่วยในฐานะเพื่อนถ้าฉันปฏิเสธเพื่อนคนนี้ ก็ควจะเสียมารยาท"ก็ได้ค่ะ....แต่ริขอแค่ความช่วยเหลือจากคุณเควินแค่ครั้วนี้ครั้งเดียวนะคะ....ครั้งต่อไปไม่ต้องแล้วนะคะ....ริเกรงใจ"สิ้นคำพูดฉันคุณเควินก็มีสีหน้าดีใจขึ้นมา"ครับ....ขอบคุณนะครับที่ยอมรับความช่วยเหลือจากผมในครั้งนี้""มีอะไรหรือคะ?"ฉันเอ่ยถามคุณเควินต่อหลังจากที่เขาพูดจบประโยคเขาก็นิ่งไปและมองหน้สฉันอย่างคนอึดอัดใจเหมือนเขาอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่เขาก็เลือกที่จะไม่ยอมพูดมันออกมาฉันจึงเลือกที่จะเป็นฝ่ายถามเอง"ผมดูข่าวเกี่ยวกับไฟไหม้ที่บ้านของคุณและผมก็ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลว่าคุณเข้ามารับการรักษาที่นี่""ผมจึงรีบมา....และก็พบคุณแต่ทางโรงพยาบาลแจ
"แต่คงจะยาก.....เพราะเขามีหลักฐานขนาดนั้น" "และที่สำคัญเขาไม่รับฟังหรอกว่าแม่นายเองก็โดนหลอกเหมือนกัน" "เธอพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงเอริ?" "ก็อย่างที่บอกว่าตอนนี้.....นายกำลังโดนโจมตรีจากคนที่นายเรยไปทำลายชีวิตเขายังไงล่ะ" "นายเกือบทำให้แม่นายต้องมาตายเพราะความเจ้าชู้ของนาย.....ขุนศึก" "และคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยอย่างแม่นายต้องมาซวยต้องมาหมดตัวต้อยมาเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านสร้างมาก็เพราะนาย" "เพราะความเจ้าชู้ของนาย"ฉันพูดเสียงแข็งตะโกนใส่ขุนศึกไปเป็นชุดด้วยแววตาสั่นไหวน้ำตาเอ่อคลอ ขุนศึกก็ทำสีหน้ายอมรับความผิด สีหน้าของเขาซีดลงแววตาของเขาสั่นไหว "ขุนรู้ว่าทุกอย่างมันเป็นเพราะขุน....." "ที่มาทำให้แม่และก็ริเดือดร้อน" "ขุนจะจบเรื่องนี้เอง"ขุนศึกพูดเสียงเข้มแววตาจริงจังและวูบไหว "ผมฝากแม่ด้วยนะครับ" "เดี๋ยวผมมาได้ที่อยู่ใหม่ที่ไหนรบกวนป้าบัวโทรบอกผมด้วยนะครับ"ขุนศึกผละจากรถวีลแชร์เดินไปหยุดตรงหน้าของป้สบัวพร้อมกับเอ่ยบอกป้าบัว "ค่ะได้ค่ะว่าแต่คุณขุนศึกจะไปไหนคะ?"ป้าบัวรับคำขุนศึกและเอ่ยถามเขาต่อ ขุนศึกกฺ็หันกลับมามองหน้าฉัน ด้วยสายตานิ่งเฉย "ไปทำให้เรื่องทุกอย่างมันจบคร