วันต่อมา09:00น.ห้องประชุมใหญ่ บริษัทKAเอริ ฐิติมน…..พรึบ“สวัสดีค่ะ….”“ท่านคณะกรรมการและผู้ถือหุ้น…..ที่เคารพทุกๆท่าน”ฉันกล่าวคำทักทายคณะผู้บริหารและผู้ถือหุ้นของบริษัทKAทุกๆคนที่มีไม่ต่ำกว่าสามสิบท่านในห้องประชุมขนาดใหญ่นี้ โดยมีฉันนั่งอยู่ที่นั่งตรงด้านหน้าของคณะกรรมการทุกคนที่นั่งหันหน้าชนกับฉัน ข้างกายฉันมีรองประธานบริษัทนั่งอยู่ คุณจอมพลจะคอยเป็นผู้นั่งฟังแบบนี้ตลอดในเวลาที่ไม่ขุนศึก เขาจะให้ฉันเป็นคนพรีเซนต์งานทั้งหมดเพราะเขาจะไม่ก้าวก่ายและทำเกิดหน้าที่ของตัวเองเพราะคุณหญิงนฤมิตรไม่ค่อยชอบคุณจอมพลสักเท่าไหร่ เพราะคุณพ่อของคุณจอมพลรักคุณแม่ของคุณจอมพลมากกว่าท่าน ฉันรู้คร่าวๆมาเพียงเท่านี้“ดิฉัน…ในฐานะเลขาธิการของท่านประธานบริษัทKA…ขอเป็นผู้ดำเนินการประชุมในครั้งนี้ค่ะ…”ฉันพูดเป็นภาษาไทยและต่อด้วยภาษาอังกฤษเพราะคณะกรรมการของบริษัทขุนศึกมีทั้งคนไทยคนอังกฤษและคนหลายๆประเทศมารวมตัวกันโดยจะแบ่งหุ้นกันไปแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ หุ้นห้าสิบเปอร์เซ็นต์เป็นของขุนศึกผู้ดำรงตำแหน่งท่านประธานบริษัทKA บริษัทKAของขุนศึกเป็นบริษัทแม่ของทุกๆสาขาทำการธุรกิจห้างสรรพสินค้าทั้งในและต่างประเทศรวมๆแ
“ไอ้ขุน…ไปไหน?”คุณจอมพลขยับใบหน้าเข้ามาเอ่ยถามฉันเสียงแผ่วเบา“ไม่ทราบค่ะ…”ฉันตอบคุณจอมพลไปด้วยท่าทางสุภาพ เขาก็มองหน้าฉันด้วยแววตาเรียบเฉย ฉันก็ละสายตาจากเขามาก้มหน้าจดรายงานการประชุมต่อ ฉันต้องทำหน้าที่บันทึกการประชุมในตำแหน่งเลขาและทำหน้าที่แทนท่านประธานที่ป่านนี้คงจะไปนอนกกผู้หญิงที่ไหนสักที่นั้นแหละ“มิสฐิติมน….”“ค่ะ^_^”ฉันเงยหน้าขึ้นมาทันทีที่มีเสียงเรียกชื่อฉัน เขาคือคุณจอนเทเลอร์ผู้ถือหุ้นสิบเปอร์เซ็นต์ประจำสาขาที่ลอสแอนเจลิสในเมืองของแคลิฟอร์เนียที่มียอดขายพุ่งกระฉูดขึ้นทุกเดือน“พวกเราพูดคุยกันแล้ว….ทุกคนไม่มีความคิดเห็นอะไรหรือข้อเสนอใดๆ…แต่พวกเราคิดว่า…”คุณจอนเทเลอร์เอ่ยขึ้นเป็นภาษาอังกฤษ ฉันก็ยิ้มและพยักหน้ารับรู้คำพูดของเขา“คุณฐิติมนคงมีข้อเสนอดีๆเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมาเสนอให้พวกเราฟัง^_^”ฉันยิ้มกว้างพลางก้มศีรษะให้คุณจอนเทเลอร์เพื่อเป็นการน้อมรับคำชม“ขอบคุณสำหรับการไว้วางใจที่ทุกๆท่านมีให้ดิฉันนะคะ….”ฉันลุกขึ้นยืนอีกครั้งและโค้งตัวทำความเคารพคณะกรรมการและผู้ถือหุ้นทุกๆท่านอย่างเคารพและดีใจที่ทุกคนเชื่อมั่นและไว้วางใจในตัวของฉัน“ด้วยความยินดีครับ^_^”ท่านคณะกรรมกา
15:00น.หน้าห้องท่านประธานบริษัท……เอริ ฐิติมน…..ตึกๆๆๆๆๆๆ“เข้าไม่ได้นะคะ…”“ท่านประธานไม่อยู่ค่ะ…”“คุณคะ!”“มีอะไรคะ?”ฉันรีบเดินออกมาจากโต๊ะประจำของฉันที่อยู่หน้าห้องของท่านประธานก็เอ่ยขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของคุณออมสินและเอ่ยถามคุณออมสินไป แต่ก็ต้องตกใจกับผู้หญิงที่สวมชุดเดรสสีขาวลายลูกไม้ผมยาวสีดำหน้าตาถูกแต่งเติมด้วยโทนสีชมพู“คุณนามิ…..สวัสดีค่ะ…”ฉันเอ่ยเรียกชื่อเธอพร้อมกับยกมือไหว้ตามมารยาทถึงเธอจะอายุน้อยกว่าฉัน แต่ในตอนนี้ฉันอยู่ในหน้าที่ซึ่งเธอเป็นแขกของเจ้านายฉัน ฉันควรจะให้เกียรติเธอ“ฉันมาหาพี่ขุนศึก”นามิไม่ได้รับไหว้ฉัน เธอกลับเดินตรงดิ่งมาประจันหน้ากับฉันพร้อมกับเอ่ยเสียงแข็งขึ้นมา แววตาของเธอที่ใช้มองฉันในตอนนี้มันทำให้ฉันมั่นใจเรื่องเมื่อคืน ว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุแน่นอน แต่เธอจงใจตักข้าวสวยมาใส่มือฉัน“ออมขอโทษนะคะ…คุณเอริ…พอดีออมบอกคุณคนนี้แล้ว…แต่คุณเขาไม่ฟังนะคะ…”คุณออมสินพนักงานต้อนรับที่ยืนอยู่ด้านหลังของนามิเอ่ยขึ้นอย่างน้ำเสียงเศร้าลงอย่างรู้สึกผิดที่เธอทำหน้าที่ของเธอได้ไม่ดีพอ“ไม่เป็นไรค่ะ….คุณนามิเป็นแขกของท่านประธาน…คุณออมสินกลับไปประจำที่เดิ
พรึบ“คุณก็รู้….ว่าฉันอยู่ในสถานะไหน….”ฉันถอยร่างตัวเองหนีจากใบหน้าเจ้าเล่ห์ของคุณจอมพลอย่างช้าๆและเอ่ยบอกเขาไป“ในสายตาของคนอื่น…หรือ…ในสายตาของฉัน?”เขายกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งและเอ่ยถามฉัน ฉันก็เม้มปากเป็นเส้นตรงจ้องแววตาแพรวพราวและท้าทายของคนตรงหน้าอย่างไม่รู้จะตอบเขาว่าอะไร สิ่งเดียวที่ขุนศึกและคุณจอมพลมีเหมือนกันก็คือ ความเจ้าชู้หว่านเสน่ห์สาวๆไปทั่ว“ถ้าเธอไม่ตอบ….ฉันตอบให้เธอเองก็ได้….”เสียงเรียบๆเอ่ยออกมาจากริมฝีปากสีชมพูอวบอิ่มของคนตรงหน้าพลางยกยิ้มที่มุมปากขึ้น“ในสายตาของฉัน….เธอคือว่าที่น้องสะใภ้ในอนาคตหรืออาจจะไม่ใช่….เพราะน้องชายฉัน…ที่เป็นแฟนของเธอหึ….”“ไม่พูดดีกว่า….เพราะรู้ๆกันอยู่…”“และในสายตาของคนอื่น…เธอคือเลขาธิการที่ทั้งสวยทั้งเก่ง…ฉลาดรอบด้าน….เป็นที่หมายตาและหมายปองของนักธุรกิจและนักร่วมลงทุนมากมาย….”“หนึ่งในนั้น…มีฉัน….รวมอยู่ด้วย”คุณจอมพลว่าพลางเหยียดยิ้มที่มุมปากขึ้นพลางมองจ้องฉันด้วยสายตาแพรวพราวพรึบฉันลุกขึ้นยืนทันทีทำให้คุณจอมพลก็ยิ้มกว้างออกมาและเขาก็ยันตัวไปนั่งหลังตรงเหมือนเดิมและมองหน้าฉันด้วยแววตากรุ้มกริ่ม“ดิฉันคิดว่า….ท่านรองไม่สมควรที่จะคิดอะไรกั
คอนโด เพลงขวัญ….19:00น.เอริ ฐิติมน….ติ๊ดดดดดดดด(เสียงสายเรียกเข้า)พรึบ“นี่….เอริ?”“ฉันว่าแกอ่ะ….รับโทรศัพท์ขุนศึกหน่อยไหม?”“ฉันเห็นเขาโทรมาหลายสายแล้วนะ?”ขวัญเอ่ยขึ้น ฉันก็มองหน้าขวัญสลับกับหน้าจอสมาร์ทโฟนเครื่องหรูที่ราคาเหยียบครึ่งแสนที่ตอนนี้หน้าจอกำลังสว่างวาบโชว์ชื่อของขุนศึกที่โทรมาหาฉันเป็นร้อยสายได้แล้วมั้งก็ตั้งแต่ช่วงเย็นจนถึงตอนนี้ที่ฉันมาอยู่คอนโดของขวัญ ฉันกะว่าจะนอนค้างกับขวัญสักคืน “ทะเลาะกันเหรอ?”ขวัญเอ่ยถามฉันพลางมองหน้าฉันด้วยสายตาเป็นห่วง ฉันก็คลี่ยิ้มบางๆให้มันก่อนจะส่ายศีรษะไปมาว่าไม่ใช่ ฉันไม่ได้ทะเลาะกับขุนศึกและเราสองคนไม่เคยทะเลาะเลยตลอดเวลาที่เราคบกันมาแปดปีเต็ม“ถ้าไม่ทะเลาะ….”“ก็คงจะเป็นเรื่องเดิมๆสินะ?”ขวัญเอ่ยขึ้นอย่างรู้ทันที ถ้าฉันไม่ทะเลากับขุนศึกและไอ้อาการที่ฉันมานั่งอยู่ที่ห้องของมันได้ก็เพราะฉันกำลังทุกข์ใจเรื่องพวกผู้หญิงของขุนศึกอยู่“ฉันเห็นแกแล้วสงสารแกจริงๆ…”ขวัญเอ่ยขึ้นพลางมองฉันด้วยแววตาเป็นห่วงและสงสารเห็นใจฉัน ฉันก็พยักหน้าเข้าใจรับรู้ความเป็นห่วงที่เพื่อนคนนี้มีให้ฉันเสมอมา“แต่ฉันก็ช่วยอะไรแกไม่ได้….เพราะฉันมันแย่กว่าแก….”ขวัญพู
“แกจะได้ไปกล่อมลูกนอน…^_^”ฉันเอ่ยขึ้นพลางลุกขึ้นยืนและหันไปมองเจไดลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของขวัญและสามีของเธอ เจไดอายุได้สามขวบแล้วกำลังน่ารักน่าเอ็นดูเลยล่ะ พรึบขวัญก็ลุกขึ้นยืนตามฉัน“เจไดครับ…น้ากลับบ้านก่อนนะ^_^”ฉันเอ่ยบอกเจไดไป“งั๊บ^_^”เสียงหวานเล็กที่ไม่ค่อยชัดพร้อมรอยยิ้มหวานของเด็กอวบอ้วนทำให้ฉันยิ้มออกมาก่อนจะหันไปมองขวัญที่เธอเองก็มองหน้าเจไดและยิ้มออกมา มันเป็นรอยยิ้มแห่งความสุข ฉันรู้ว่าเธอมีความสุขมากตั้งแต่มีเจไดเกิดมาในชีวิตของเธอ“ไปแล้วนะ…”ฉันเอ่ยบอกขวัญไป ขวัญก็ละสายตาจากเจไดและหันมามองหน้าฉัน“อื้อ….ถ้าแกพร้อมเมื่อไหร่…ค่อยเล่าให้ฉันฟังก็ได้”ขวัญเอ่ยบอกฉันพลางมองฉันด้วยแววตาห่วงใยฉัน“อื้อ…ขอบใจนะ…ฉันกลับก่อน…ไว้โทรหา”ฉันเอ่ยบอกขวัญไปพลางยื่นมือไปจับต้นแขนของขวัญเพื่อให้กำลังใจเช่นกัน เธอก็ยิ้มให้ฉันกลับมา “ไม่ต้องเดินไปส่งหรอก…แกดูลูกเถอะ”ฉันเอ่ยบอกขวัญไปในขณะที่เธอทำท่าจะเดินไปส่งฉัน“เค”ขวัญรับคำพร้อมกับพยักหน้าเข้าใจ ฉันก็หยิบกระเป๋าสะพายแบรนด์เนมขึ้นมาสะพายไหล่และเดินตรงดิ่งไปที่ประตูทางออกของห้องคอนโดของขวัญ ฉันสวมใส่รองเท้าส้นสูงเสร็จแล้วก็จับลูกบิดเปิดประตู
พรึบ“คุณลุงคะ….”ฉันลดกระจกฝั่งของฉันลงและเอ่ยเรียกคุณลุงพ่อค้าขายข้าวขาหมูหน้าซอยทางเข้าคอนโดฉันที่ตอนนี้เขาก้มหน้าก้มตาสับขาหมูบนเขียงไม้อยู่อย่างขะมักเขม้นในขณะที่ฉันจอดรถเทียบหน้าร้านของคุณลุง“จ้า…”คุณลุงพ่อค้าขานรับและเงยหน้าจากเขียงขึ้นมายิ้มให้ฉัน ฉันก็ยิ้มตอบเขา เพราะฉันเป็นลูกค้าประจำของลุงเขาน่ะ“เอาข้าวขาหมูสองกล่องค่ะ…”ฉันเอ่ยสั่งคุณลุงไป “พิเศษหนังเยอะๆนะคะ”คุณลุงก็มองหน้าฉันอย่างสงสัยและแปลกใจที่วันนี้ฉันสั่งสองกล่องแถมพิเศษหนังอีกเพราะปกติฉันไม่เคยสั่งหนังเลยยังไงล่ะ“ริ….ขุนไม่กินหนัง!”ขุนศึกที่เเอบอมยิ้มอยู่ที่เขาคงคิดว่าฉันสั่งขาหมูเพื่อเขาด้วยสินะ แต่เขาก็ต้องหุบยิ้มลงทันทีที่ได้ยินฉันสั่งคุณลุงต่อว่าพิเศษหนังหมูเยอะๆเพราะขุนศึกไม่กินหนังหมู โดยที่ฉันแอบมองเขาผ่านกระจกมองหลังน่ะ“ริ!”ขุนศึกเอ่ยเรียกฉันเสียงดังที่ฉันทำเป็นไม่ตอบเขาไม่พูดกับเขาแต่กลับหยิบโทรศัพท์ของตัวเองมาเปิดโซเซียลดูทำให้ขุนศึกหายใจฟึดฟัดอย่างไม่พอใจ พรึบขุนศึกได้โยกย้ายร่างกายของเขาจากเบาะหลังมานั่งด้านข้างคนขับแล้ว โดยที่ฉันก็ยังทำเป็นไม่สนใจเขาอยู่ดีพรึบ“เท่าไหร่คะ?”ฉันเอ่ยถามคุณลุงไปทันที
“^_^”ขุนศึกวิ่งอย่างไวเพื่อไปแย่งจานข้าวที่ฉันจะหยิบไปใส่ข้าวขาหมูแต่ก็โดนเขาแย่งไปถือไว้ซะก่อนพลางกรีดยิ้มหวานให้ฉัน ฉันก็ถอนลมหายใจออกมาก่อนจะเปลี่ยนใจเดินกลับไปที่ห้องนั่งเล่นโดยคราวนี้ไม่มีขุนศึกตามมาด้วยพรึบฉันเปิดโทรทัศน์ดูซีรี่ย์เกาหลีที่ฉันชอบพลางทรุดลงนั่งบนโซฟาด้วยท่าทางอ่อนเพลียเพราะเมื่อคืนกว่าฉันจะได้นอนและนอนได้แค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องตื่นไปทำงานที่จริงก็นอนหลับบ้างไม่หลับบ้างแหละพรึบฉันหยิบรีโมทเครื่องปรับอากาศเพื่อเพิ่มความเย็นภายในห้องและสายตาก็จับจ้องไปที่พระเอกซีรี่ย์ที่หล่อดูดีและเพอร์เฟคพลางยิ้มเขินกับท่าทางที่พระเอกกับนางเอกสวีทหวานกันพรึบ“ข้าวขาหมูพร้อมกับน้ำเปล่าเย็นๆมาเสริ์ฟให้แฟนของผมแล้วครับ^_^”เสียงหวานทุ้มของขุนศึกดังมาแต่ไกลพร้อมๆกับร่างสูงโปร่งของเขาที่ยกถาดจานข้าวขาหมูพร้อมแก้วน้ำเปล่าเข้ามาหาฉัน โดยที่ฉันก็แกล้งทำเป็นไม่สนใจเขาจนเขาวางถาดข้าวลงบนโต๊ะตรงหน้าฉัน“เดี๋ยวขุนป้อนนะ^_^”ขุนศึกบอกฉันพลางใช้ช้อนตักข้าวขาหมูและยื่นจ่อมาที่ริมฝีปากของฉัน กลิ่นหอมๆของเครื่องปรุงน้ำขาหมูทำให้น้ำย่อยในท้องของฉันเริ่มทำงาน“อ้าาาาาา”ขุนศึกเอ่ยขึ้นพลางอ้าปากกว้าง
"ผมเกลียดคุณเข้าใจไหม""ไม่จริงคุณไม่ได้เกลียดแก้มหวานคุณรักแก้มหวาน""ไม่งั้นคุณจะมาทำดีกับแก้มหวานทำไม""ที่ผมทำดีกับคุณเพราะผมติดใจในเซ็กส์ของคุณไง....คุณรู้ไหมว่าคุณเป็นผู้หญิงที่เร้าร้อนและร้อนแรงเรื่องบนเตียงมากแค่ไหน"เควินพูดพร้อมกับเดินตรงมาหาแก้มหวาน"ผมไม่เคยมีอะไรกับใครแล้วมีความสุขเท่าคุณ"เควินว่าพร้อมกับใช้ปลายนิ้วเรียวไล้เกี่ยไปตามแขนของแก้มหวานอย่างแผ่วเบา พร้อมกับมองแก้มหวานด้วยแววตาหวานเยิ้ม"ผมก็เลยเล่นตามน้ำคุณถึงแม้ในใจผมมันจะสนแค่ร่างกายคุณแต่นิสัยและสันดานของคุณผมรังเกียจมันเสียด้วยซ้ำ"เควินพูดไปพลางมองไปที่ร่างของแก้มหวานด้วยสายตาดูถูกและเหยียดหยาม"ผมก็นึกว่าคุณจะเล่นๆกับผมแต่ที่ไหนได้คุณคิดจริงจัง"เควินว่าพลางยิ้มหัวเราะออกมาอย่างเรื่องที่เป็นประเด็นสนทนาอยู่ในตอนนี้เป็นเรื่องตลก ทำให้แก้มหวานมองผู้ชายตรงหน้าอย่างไม่พอใจและน้อยใจไปในตัวเธอคิดว่าเขาจะสนใจและมีความรู้สึกดีๆให้เธอเสียอีก แต่ที่ไหนได้เขากลับไม่ได้มีใจให้เธอเลย "ไม่ต้องมองผมแบบนั้นหรอก.....ผมพูดความจริง""และต่อไปคุณก็ช่วยกรุณารู้จุดยืนของตัวเองด้วยนะ"เควินเอ่ยออกมาปิดท้ายแววตาที่เขามองเธอเวลาพูด
"ไม่ใช่ว่าริเป็นซิงเกิ้ลมัมไม่ได้แต่ริไม่อยากเป็นไม่อยากให้ลูกมีแค่ริที่ทำหน้าที่ทั้งพ่อและแม่ในเวลาเดียวกันแต่อยากให้ลูกได้รับความรักจากพ่อแท้ๆของเขาและความเอาใจใส่จากพ่อของเขาจริงๆ" "คนที่ไม่เคยขาดพ่อขาดแม่ไม่มีวันเข้าใจหรอกไม่ว่าแม่จะดูแลดีแค่ไหนแต่มันก็ไม่เหมือนความรักที่มีทั้งพ่อและแม่อยู่ครบ" "ริหวังว่าขุนจะเข้าใจนะ....ขุนแค่ทำหน้าที่พ่อของลูกเท่านั้นพอ....." "ริ....." "หรือขุนอยากจะเลือกก็ได้นะระหว่างทำหน้าที่พ่อของลูกหรือจะไม่รับหน้าที่อะไรเลยก็ได้" "ก็ได้ขุนจะเอาแบบที่ริว่าก็ได้"ขุนศึกที่ได้ยินคำขาดจากฉัน เขาก็พูกเสียงเข้มแทรกขึ้นมาทันที "แต่ขุนจะทำให้ริเห็นว่าขุนพร้อมที่จะหยุดและมีแค่ริคนเดียวแล้วจริงๆ"ขุนศึกว่าพร้อมกับทำหน้ามั่นใจว่าเขาจะสามารถทำอย่างที่เขาพูดได้จริงๆ แต่เขาก็พูดแบบนี้ทุกครั้งที่ฉันจับเขาได้ว่าเขาแอบไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นและฉันก็ไว้ใจและเชื่อใจเขามาตลอดและเป็นยังไงล่ะ สุดท้าย ฉันก็เป็นอีโง่เหมือนเดิม เคยยอมเสียศักดิ์ศรีตัวเองแก้ผ้าให้ขุนศึกเอาเพื่อให้เขาเลิกไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่น นั่นมันเป็นความคิดเด็กน้อยชะมัด "ทำให้ได้ก่อนค่อยมาว่ากันอีกที..
วันเดียวกัน23:30น.เอริ ฐิติมน......จึกๆๆ"ริ......""หื้ออออ"ฉันครางรับเสียงทุ้มที่เอ่ยเรียกฉันพร้อมกับแรงสะกิดที่ไหล่ฉันเบาๆฉันที่นั่งขดตัวหลับอยู่บนโซฟาภายในห้องโถงใหญ่ก็ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาดูเจ้าของเสียงที่ฉันเฝ้ารอเขาจนเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้"ขุน......กี่โมงแล้วเนี่ย?"ฉันขยี้ตาเพื่อไล่ความสะลึมสะลือความงัวเงียให้หายไปพร้อมกับเอ่ยถามขุนศึกไป"เที่ยงคืนกว่าแล้ว....ริมานอนทำไมตรงนี้?"ขุนศึกตอบฉัรพร้อมกับเอ่ยถามฉันกลับ ฉันที่หายจากอาการสะลึมสะลือแล้วแล้วก็ขยับตัวนั่งดีๆและหันไปมองหน้าขุนศึกที่เขานั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับฉันและนั่งข้างๆฉันด้วย"ริมารอขุนนั้นแหละ.....ทำไม่มาซะดึกเลย....หาไม่เจอเหรอ?""เปล่า.....พอดีขุนไปทำธุระมาน่ะ""อ้อ"ฉันพยักหน้าพลางร้องตอบขุนศึกไป แม้ในใจอยากจะถามเขาว่าธุระที่เขาว่าคืออะไร แต่สีหน้าและแววตาของขุนศึกเหมือนไม่อยากบอกให้ฉันรู้ว่าธุระที่เขาพูดถึงคืออะไรถ้าเขาไม่อยากบอก ฉันก็ไม่ควรที่จะถามต่อสินะ เพราะฐานะของฉันกับเขาไม่มีสิทธิ์ซักไซ้จนได้รู้เรื่องส่วนตัวของเขามากไปกว่านี้"ว่าแต่ริมารอขุน......มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า"ขุนศึกถามฉันพร้อมกับจ้องมองฉั
จะปล่อยห้องว่างไวโดยไร้คนอยู่ก็เสียดาย ฉันก็เลยใจอ่อนและยอมมาอยู่ที่นี่ซึ่งฉันคิดว่ามันสะดวกสบายดี บ้านที่ฉันหาในเน็ตก็มองทรุดโทรมและค่าเช่าก็แพง อะไรที่ประหยัดได้ในตอนนี้ฉันก็ควรจะประหยัดและตอนนี้ฉันก็ท้องด้วย ฉันควรจะมีเงินสำรองไว้เลี้ยงลูกของฉันให้เขาอยู่อย่างสุขสบายให้เยอะๆดีกว่าฉันควรจะบอกเรื่องนี้กับขุนศึก......ว่าฉันท้องกับเขา....."ป้าบัวคะ""จ๊ะว่าไงจ๊ะเอริ?"ป้าบัวที่กำลังยกชามกะละมังที่เช็ดตัวคุณหญิงเพิ่งเสร็จหันมาขานรับฉันเงินก้อนใหญ่ฉันก็ให้ขุนศึกไปหมดแล้ว รถก็ขายทิ้ง บ้านก็มาไฟไหม้อีก ค่ารักษาพยาบาลคุณหญิงค่าใช้จ่ายรายเดือนก็สูง โดยเฉพาะค่ากายภาพบำบัดที่ฉันว่าจ้างให้นางพยาบาลที่เป็นคนทำกายภาพบำบัดและศึกษาด้านนี้มาโดยเฉพาะให้มาดูแลคุณหญิงทุกวันโดยทำกายภาพบำบัดให้คุณหญิงเดินได้อีกครั้งและฉันจะทำทุกวิถีทางให้ชีวิตของลูกฉันมีความสุขและสุขสบายที่สุดไม่ให้ลำบากและรู้สึกขาดแบบที่ชีวิตฉันเคยเป็นมา ฉันจะเลี้ยงเขาให้ดีที่สุดเท่าที่สุดของความสามารถของฉัน"ป้าบัวส่งโลเคชั่นให้ขุนหรือยังคะว่าเราอยู่ที่ไหนกัน?"ฉันเอ่ยถามป้าบัวไป ท่านก็ยิ้มบางๆให้ฉัน"ป้ากำลังจะไปส่งโลเคชั่นให้คุณข
"ไม่ว่าฉันจะให้แกทำอะไรแกก็ยอมใช่ไหม?"แก้มหวานเอ่ยถามผมด้วยแววตามีเลศนัยพร้อมยกยิ้มที่มุมปากขึ้น ผมก็จ้องมองเธอนิ่ง และผมก็อยากทำให้เรื่องทุกอย่างมันจบลง วันนี้คุณแม่ผมเกือบจะไม่รอด เพราะผมเป็นตัวต้นเหตุ วันนี้อาจจะโชคดี แต่มันก็คงตะไม่โชคดีทุกครั้งไป "ใช่" "ถ้าฉันให้แกไปตายล่ะ" "มันไม่มากไปเหรอ?"ผมถามเธอไปเสียงเข้ม เรื่องที่ผมและเพื่อนๆทำกับเธอ เธอก็ยังมีชีวิตอยู่และดีด้วยจนถึงทุกวันนี้ไม่ใช่เหรอ "หึ.....ฉันรู้ว่าแกคงไม่กล้าตายหรอก" "งั้น......ฉันขอแลกศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของแกก็ล่ะกันนะ" "ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของฉัน?" "กราบตีนฉันสิ.....แล้วฉันจะเลิกยุ่งกับแม่แกและก็เอริผู้หญิงที่แกบอกว่ารักนักรักหนาด้วย" "ไม่รู้ว่าแกรักเธอยังไงนะถึงได้นอกกายนอกใจเธอนอนกับผู้หญิงคนอื่นอยู่ตลอดเวลา" "ถ้าฉันเป็นเอริฉันคงไม่เอาผู้ชายเลวๆที่ทำตัวเหมือนหมาตัวผู้ที่ต้องผสมพันธุ์ไปทั่วโดยไม่สนว่าใครเป็นใคร" "แบบแกหรอกนะขุนศึก" "แค่ฉันกราบตีนเธอ.....แค่นี้ก็พอแล้วใช่ไหม?"ผมไม่สนใจคำพูดที่ถากถางของแก้มหวานแต่เอ่ยถามในสิ่งที่จะเป็นตัวหยุดเรื่องนี้กับเธอไป เธอก็ทำหน้าบึ้งตึงนิดหน่อยก่อนจะแสยะยิ้มให้ผม
เมื่อมาถึงหน้าประตูห้องผมก็ยื่นมือไปกดออดเพื่อเรียกคนในห้องให้รู้ว่ามีคนมาขอพบเธอผมรออยู่ไม่นานและกดออดซ้ำไปแค่ครั้งเดียว ประตูห้องหรูบานตรงหน้าผมก็ค่อยๆถูกเปิดออกจากคนที่อยู่ด้านในของห้องนี้ผมก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมองบุคคลที่เป็นคนมาเปิดประตูเธอเป็นผู้หญิงผอมสวยหุ่นดี เธออยู่ในชุดเดรสสั้นสายเดี่ยวสีแดงผมของเธอถูกดัดเป็นลอนใหญ่แล้วปล่อยสยายไปด้านหลังสีหน้าที่เธอจ้องมองมาที่ผมด้วยแววตาสงสัย และเพ่งมองพินิจพิจารณาอย่างสงสัยว่าผมคือใครผมจึงค่อยๆใช้มือดึงฮู้ดที่ปิดหน้าของผมอยู่ให้ออกเพื่อเผยใบหน้าของผมให้เธอคนนี้ได้เห็นอย่างชัดเจนขึ้นและในเมื่อใบหน้าของผมที่ไร้เสื้อฮู้ดปกผิดเปิดเผยแก่คนตรงหน้าเธอก็จ้องมองผมด้วยแววตาตกใจและแปลกใจ ผมก็จ้องมองเธอกลับไปด้วยแววตาเรียบเฉยเมื่อแปดปีก่อน เธอกับผมเราคงจะคุ้นตากันเพราะเราสองเคยมีอะไรกันและแอบเป็นแฟนกันมาก่อนทั้งๆที่ผมเองก็มีแฟนอยู่แล้วผมไม่ได้ตั้งใจจะหลอกเธอ แต่ผมคิดว่าผู้หญิงทั้งมหาลัยก็น่าจะรู้ดีว่าผมมีเจ้าของอยู่แล้ว แต่กลับผิดคาดที่เธอคนนี้ไม่รู้ เธอจึงปล่อยใจรักผมแต่ผมกลับไม่เคยรักเธอ ไม่ว่าเธอจะแสนดีและน่ารักแค่ไหน ผมก็ไม่เคยคิดที่จะรั
ช่วงเย็นวันเดียวกันคอนโด TYขุนศึก ขุนณรงค์......"ขอบคุณสำหรับข้อมูลตอนนี้ฉันอยู่ที่หน้าคอนโดที่แกบอกแล้ว""คอนโดTYชั้นที่สามสิบห้องสามสามสี่ห้าฉันจำได้ล่ะขอบใจแกมากฟิว"ผมเอ่ยบอกฟิวไปในขณะที่สายตาก็ทอดมองเงยหน้าไปยังชั้นบนสุดชั้นที่สามสิบของตึกสูงตระหง่านใจกลางเมืองตรงหน้าของผมในขณะนี้(แกคิดที่จะทำอะไร?)(ตอนนี้เขามีอิทธิพลมากกว่าแกเขาสามารถทำให้แกหายไปโดยไม่มีใครสงสัยได้เลยนะขนาดทำให้ชีวิตของแกพังเขาก็ยังทำได้)(ฉันว่าแกไม่สมควรที่จะประมาทผู้หญิงคนนี้)เสียงปลายสายของฟิวเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงห่วงใย ผมจึงละใบหน้าจากตึกสูงตรงหน้าและเอ่ยคุยกับฟิวต่อ"ฉันรู้ขอบใจและขอโทษที่ทำให้ชีวิตของแกต้องมาติดร่างแหพลอยซวยไปกับฉันด้วย"ผมเอ่ยบอกหิวไปอย่างคนที่รู้สึกผิดที่ออกมาจากใจจริงไปของผม(แกไม่ได้ทำอะไรผิดถ้ามันจะผิดก็ผิดกันหมดนี่แหละ)(มันคงจะเป็นเพราะตอนนั้นพวกเรายังเด็กเลยไม่ได้คิดอะไรให้มากกว่านี้เลยทำเรื่องแบบนั้นลงไป)(ฉันไม่มีสิทธิ์โกรธแกหรือแก้มหวานเลยด้วยซ้ำ)"นั่นสิเนอะ....ฉันก็ไม่สมควรที่จะโกรธแก้มหวานด้วยเหมือนกัน"ผมเอ่ยออกมาอย่างคิดนึกตริตรองอย่างที่ฟิวว่าที่จริงถ้าตอนนั้นผมไม่คึกค
"ผมขอโทษครับ""คุณจะมาขอโทษฉันทำไมล่ะค่ะ....ฉันเองต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณสิถึงจะถูก""เดี๋ยวฉันจะโอนจ่ายค่ารักษาให้คุณทีหลังนะคะ....เพราะวันนี้ฉันไม่มรเงินติดตัวเลย"ฉันเอ่ยบอกคุณเควินไปตามความจริง เขาก็มีสีหน้าตกใจและสลดปะปนกันไป"อย่าโอนจ่ายค่ารักษาให้ผมเลยครับ...ขอให้ผมได้ดูแลคุณสักครั้ง""ในฐานะเพื่อนได้ไหมครับ"คุณเควินว่าต่อในเสียงและสีหน้าเชิงขอร้อง ฉันก็มองหน้าเขาอย่างคนคิดหนัก เขาขอช่วยในฐานะเพื่อนถ้าฉันปฏิเสธเพื่อนคนนี้ ก็ควจะเสียมารยาท"ก็ได้ค่ะ....แต่ริขอแค่ความช่วยเหลือจากคุณเควินแค่ครั้วนี้ครั้งเดียวนะคะ....ครั้งต่อไปไม่ต้องแล้วนะคะ....ริเกรงใจ"สิ้นคำพูดฉันคุณเควินก็มีสีหน้าดีใจขึ้นมา"ครับ....ขอบคุณนะครับที่ยอมรับความช่วยเหลือจากผมในครั้งนี้""มีอะไรหรือคะ?"ฉันเอ่ยถามคุณเควินต่อหลังจากที่เขาพูดจบประโยคเขาก็นิ่งไปและมองหน้สฉันอย่างคนอึดอัดใจเหมือนเขาอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่เขาก็เลือกที่จะไม่ยอมพูดมันออกมาฉันจึงเลือกที่จะเป็นฝ่ายถามเอง"ผมดูข่าวเกี่ยวกับไฟไหม้ที่บ้านของคุณและผมก็ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลว่าคุณเข้ามารับการรักษาที่นี่""ผมจึงรีบมา....และก็พบคุณแต่ทางโรงพยาบาลแจ
"แต่คงจะยาก.....เพราะเขามีหลักฐานขนาดนั้น" "และที่สำคัญเขาไม่รับฟังหรอกว่าแม่นายเองก็โดนหลอกเหมือนกัน" "เธอพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงเอริ?" "ก็อย่างที่บอกว่าตอนนี้.....นายกำลังโดนโจมตรีจากคนที่นายเรยไปทำลายชีวิตเขายังไงล่ะ" "นายเกือบทำให้แม่นายต้องมาตายเพราะความเจ้าชู้ของนาย.....ขุนศึก" "และคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยอย่างแม่นายต้องมาซวยต้องมาหมดตัวต้อยมาเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านสร้างมาก็เพราะนาย" "เพราะความเจ้าชู้ของนาย"ฉันพูดเสียงแข็งตะโกนใส่ขุนศึกไปเป็นชุดด้วยแววตาสั่นไหวน้ำตาเอ่อคลอ ขุนศึกก็ทำสีหน้ายอมรับความผิด สีหน้าของเขาซีดลงแววตาของเขาสั่นไหว "ขุนรู้ว่าทุกอย่างมันเป็นเพราะขุน....." "ที่มาทำให้แม่และก็ริเดือดร้อน" "ขุนจะจบเรื่องนี้เอง"ขุนศึกพูดเสียงเข้มแววตาจริงจังและวูบไหว "ผมฝากแม่ด้วยนะครับ" "เดี๋ยวผมมาได้ที่อยู่ใหม่ที่ไหนรบกวนป้าบัวโทรบอกผมด้วยนะครับ"ขุนศึกผละจากรถวีลแชร์เดินไปหยุดตรงหน้าของป้สบัวพร้อมกับเอ่ยบอกป้าบัว "ค่ะได้ค่ะว่าแต่คุณขุนศึกจะไปไหนคะ?"ป้าบัวรับคำขุนศึกและเอ่ยถามเขาต่อ ขุนศึกกฺ็หันกลับมามองหน้าฉัน ด้วยสายตานิ่งเฉย "ไปทำให้เรื่องทุกอย่างมันจบคร