พรึบ“คุณลุงคะ….”ฉันลดกระจกฝั่งของฉันลงและเอ่ยเรียกคุณลุงพ่อค้าขายข้าวขาหมูหน้าซอยทางเข้าคอนโดฉันที่ตอนนี้เขาก้มหน้าก้มตาสับขาหมูบนเขียงไม้อยู่อย่างขะมักเขม้นในขณะที่ฉันจอดรถเทียบหน้าร้านของคุณลุง“จ้า…”คุณลุงพ่อค้าขานรับและเงยหน้าจากเขียงขึ้นมายิ้มให้ฉัน ฉันก็ยิ้มตอบเขา เพราะฉันเป็นลูกค้าประจำของลุงเขาน่ะ“เอาข้าวขาหมูสองกล่องค่ะ…”ฉันเอ่ยสั่งคุณลุงไป “พิเศษหนังเยอะๆนะคะ”คุณลุงก็มองหน้าฉันอย่างสงสัยและแปลกใจที่วันนี้ฉันสั่งสองกล่องแถมพิเศษหนังอีกเพราะปกติฉันไม่เคยสั่งหนังเลยยังไงล่ะ“ริ….ขุนไม่กินหนัง!”ขุนศึกที่เเอบอมยิ้มอยู่ที่เขาคงคิดว่าฉันสั่งขาหมูเพื่อเขาด้วยสินะ แต่เขาก็ต้องหุบยิ้มลงทันทีที่ได้ยินฉันสั่งคุณลุงต่อว่าพิเศษหนังหมูเยอะๆเพราะขุนศึกไม่กินหนังหมู โดยที่ฉันแอบมองเขาผ่านกระจกมองหลังน่ะ“ริ!”ขุนศึกเอ่ยเรียกฉันเสียงดังที่ฉันทำเป็นไม่ตอบเขาไม่พูดกับเขาแต่กลับหยิบโทรศัพท์ของตัวเองมาเปิดโซเซียลดูทำให้ขุนศึกหายใจฟึดฟัดอย่างไม่พอใจ พรึบขุนศึกได้โยกย้ายร่างกายของเขาจากเบาะหลังมานั่งด้านข้างคนขับแล้ว โดยที่ฉันก็ยังทำเป็นไม่สนใจเขาอยู่ดีพรึบ“เท่าไหร่คะ?”ฉันเอ่ยถามคุณลุงไปทันที
“^_^”ขุนศึกวิ่งอย่างไวเพื่อไปแย่งจานข้าวที่ฉันจะหยิบไปใส่ข้าวขาหมูแต่ก็โดนเขาแย่งไปถือไว้ซะก่อนพลางกรีดยิ้มหวานให้ฉัน ฉันก็ถอนลมหายใจออกมาก่อนจะเปลี่ยนใจเดินกลับไปที่ห้องนั่งเล่นโดยคราวนี้ไม่มีขุนศึกตามมาด้วยพรึบฉันเปิดโทรทัศน์ดูซีรี่ย์เกาหลีที่ฉันชอบพลางทรุดลงนั่งบนโซฟาด้วยท่าทางอ่อนเพลียเพราะเมื่อคืนกว่าฉันจะได้นอนและนอนได้แค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องตื่นไปทำงานที่จริงก็นอนหลับบ้างไม่หลับบ้างแหละพรึบฉันหยิบรีโมทเครื่องปรับอากาศเพื่อเพิ่มความเย็นภายในห้องและสายตาก็จับจ้องไปที่พระเอกซีรี่ย์ที่หล่อดูดีและเพอร์เฟคพลางยิ้มเขินกับท่าทางที่พระเอกกับนางเอกสวีทหวานกันพรึบ“ข้าวขาหมูพร้อมกับน้ำเปล่าเย็นๆมาเสริ์ฟให้แฟนของผมแล้วครับ^_^”เสียงหวานทุ้มของขุนศึกดังมาแต่ไกลพร้อมๆกับร่างสูงโปร่งของเขาที่ยกถาดจานข้าวขาหมูพร้อมแก้วน้ำเปล่าเข้ามาหาฉัน โดยที่ฉันก็แกล้งทำเป็นไม่สนใจเขาจนเขาวางถาดข้าวลงบนโต๊ะตรงหน้าฉัน“เดี๋ยวขุนป้อนนะ^_^”ขุนศึกบอกฉันพลางใช้ช้อนตักข้าวขาหมูและยื่นจ่อมาที่ริมฝีปากของฉัน กลิ่นหอมๆของเครื่องปรุงน้ำขาหมูทำให้น้ำย่อยในท้องของฉันเริ่มทำงาน“อ้าาาาาา”ขุนศึกเอ่ยขึ้นพลางอ้าปากกว้าง
พรึบ“เอริ”ขุนศึกเรียกฉันเสียงดังอย่างตกใจอีกครั้งพลางลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจที่ฉันเดินเปลือยกายตรงดิ่งไปหาเขา ที่เขาทำท่าตกใจฉันขนาดนี้ก็เพราะว่าปกติฉันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนน่ะสิพรึบ“เออุ๊บ!”เขากำลังจะเรียกฉันอีกครั้ง แต่คราวนี้ฉันกลับไม่ปล่อยให้เขาได้เรียกฉันเพื่อเตือนสติฉัน ฉันกลับโน้มคอของขุนศึกมาและประกบริมฝีปากอวบอิ่มของเขาทันที“จ๊วฟฟฟฟ….”ฉันหลับตาพริ้มดูดดึงริมฝีปากล่างของขุนศึกอย่่างอ้อยอิ่ง ตอนแรกเขาก็ไม่ยอมจูบตอบฉันฉันจึงเบียดเสียดร่างกายอวบอิ่มของฉันให้เข้าไปประชิดกับร่างกายหนาของขุนศึกและเริ่มบรรเลงจุมพิตที่ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุด ขุนศึกก็อดทนไม่ไหวเริ่มจูบตอบฉันด้วยความร้อนแรงเช่นกัน“แผล๊บจ๊วฟ จ๊วฟ…”เราสองคนดูดดื่มริมฝีปากของกันและกัน มือหนาของขุนศึกก็ยื่นมาโอบเอวคอดของฉันทั้งสองข้าง มือเล็กของฉันก็เริ่มเลื่อนลงมาจากต้นคอเขาลงมาเรื่อยๆจนถึงกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขา ฉันไม่รอช้าปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาออกทันที“อื้อออ”เราทั้งคู่ครวญครางออกมาอย่างพึงพอใจในรสชาติจูบของกันและกัน“อึ!”ขุนศึกร้องออกมาอย่างตกใจที่ฉันดันร่างของเขาให้เดินถอยหลังไปยังโซฟาและจัดการผลักร่างของเ
พรึบขุนศึกผละใบหน้าหล่อออกไปจากแก้มของฉันอย่างช้าๆก่อนจะยื่นมือมาจับมือข้างซ้ายของฉันไปกุมไว้ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบอะไรสักอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกงผ้าเนื้อดีของเขา“เป็นเจ้าสาวของขุนนะครับ….”ขุนศึกเอ่ยขึ้นพร้อมกับสวมใส่แหวนเพชรเม็ดโตลงมาบนนิ้วนางข้างซ้ายของฉันอย่างแผ่วเบา“ขุนศึก….”ฉันเรียกเขาเสียงแผ่วเบาก่อนจะหันไปจ้องมองหน้าหล่อๆของเขาที่ยิ้มละมุนให้ฉันอย่างอ่อนโยน ฉันทั้งดีใจทั้งอัดอั้นตันใจจนพูดไม่ออก ฉันร้องไห้ออกมาก่อนจะโผ่เข้าสวมกอดร่างของขุนศึกอย่างไว“ขุนรู้….ว่าที่ริคบกับขุนเพราะริจำเป็นที่จะต้องใช้เงิน…”“แต่ริรู้ไหม….ว่าขุน…รักริจริงๆ….”ขุนศึกบอกรักฉันเสียงจริงจังและอ่อนโยน ฉันค่อยๆดันร่างของฉันออกมาจากอ้อมกอดของขุนศึกพรึบ“จ๊วฟ จ๊วฟ….”ฉันจูบปากของขุนศึกเพื่อเป็นการบอกให้เขาเลิกพูด ฉันดูดดื่มริมฝีปากล่างของขุนศึกริมฝีปากนุ่มนิ่มและหวานมากของเขาทำให้ฉันติดใจ ขุนศึกเองก็จูบตอบฉันกลับเป็นจูบที่อ้อยอิ่งและนุ่มนวลพรึบฉันผละริมฝีปากออกมาจากริมฝีปากของขุนศึกอย่างช้าๆ“ริรู้….ว่าขุนคิดยังไงกับริ….”ฉันเอ่ยออกไปพลางจ้องมองหน้าขุนศึกไปด้วย ฉันรู้ว่าเขาคิดยังไงกับฉัน เพราะถ้าเขาไม
วันต่อมาคฤหาสน์ ชัชชัยวรรณ07:30น.พรึบ“โอ้โฮ….วันนี้ลมอะไรหอบลูกชายของแม่มาที่นี้ได้เนี่ย^_^”เสียงหวานของคุณแม่วัยห้าสิบปีเศษที่ยังคงความสวยสง่าและน่าเกรงขามของคุณหญิงนฤมิตรเอ่ยทักทายลูกชายหัวแก้วหัวเเหวนเพียงคนเดียวของเธอที่เดินหน้ามุ่ยเข้ามาภายในห้องอาหารหรูหราสไตล์ยุโรปแห่งนี้พรึบ“สวัสดีครับ….คุณแม่…”ขุนณรงค์ยกมือไหว้ผู้เป็นแม่ของเขาอย่างนอบน้อม คุณหญิงนฤมิตรก็มองหน้าลูกชายอย่างสงสัยที่เห็นสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนักของขุนณรงค์ เพราะปกติขุนณรงค์จะเป็นคนค่อนข้างอารมณ์ดียิ้มแย้มแจ่มใสแต่วันนี้เขากลับเงียบนิ่งสีหน้าดูเป็นกังวลเหมือนคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา“ทานอาหารเช้ากับแม่ไหม?”“ไม่ดีกว่าครับ…แต่ผมขอเป็นแค่กาแฟแก้วเดียวก็พอครับ”ขุนณรงค์ยิ้มให้ผู้เป็นแม่ก่อนจะหันไปมองหน้าของหญิงชรารับใช้ของคฤหาสน์หลังใหญ่โตแห่งนี้ด้วยสีหน้าอ่อนโยน“ค่ะ…รอสักครู่นะคะ”ป้าบัวหญิงชราที่เป็นหัวหน้าแม่บ้านก้มศีรษะลงพร้อมรับคำสั่งของผู้เป็นนาย ขุนณรงค์ก็ยิ้มและพยักหน้าให้ป้าบัว ป้าบัวก็ค่อยๆโค้งตัวอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวเดินออกไปจากห้องอาหารหรูแห่งนี้มุ่งตรงไปยังห้องครัวเพื่อจะนำกาแฟมาให้ขุนณรงค์เจ้านายที่เธอแสน
“ลูกแน่ใจแล้วเหรอ?”“ขุนศึก”คุณหญิงนฤมิตรมองหน้าลูกชายและเอ่ยถามออกไปเพื่อต้องการคำยืนยันและความแน่ใจจากปากของขุนณรงค์“ครับ….ผมแน่ใจและมั่นใจ…ผมไม่มีทางเปลี่ยนใจแน่นอนครับ”ขุนณรงค์ตอบไปอย่างจริงจังแววตาของเขาสื่อแววมุ่งมั่นและมั่นใจจนคุณหญิงนฤมิตรเอ่ยปากขัดไม่ได้ ผิดกับหญิงชราบัวที่ทำหน้าเคร่งเครียดและนึกเป็นห่วงหลานสาวเพียงคนเดียวของเธอเพราะเธออยู่รับใช้คุณหญิงนฤมิตรมานานรู้นิสัยแก่นแท้ของผู้เป็นนายอย่างดี ไม่มีทางที่คุณนายของเธอจะยอมให้เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างฐิติมนได้ตกแต่งกับลูกชายของเธอเป็นแน่“จ๊ะ….แล้วลูกขอเอริแต่งงานรึยังล่ะ?”คุณหญิงนฤมิตรตีหน้าซื่อใจดีเอ่ยถามขุนณรงค์ไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเพื่อให้เขาตายใจ“ขอแล้วครับ….แต่เอริ…เธอปฏิเสธ…”ขุนณรงค์เอ่ยตอบแม่ของเขาไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแววตาที่สดใสก่อนหน้านี้แปรเปลี่ยนเป็นเศร้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้คุณหญิงนฤมิตรเเอบอมยิ้มที่ฐิติมนปฏิเสธแต่เธอจะปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้“ทำไมเธอถึงกล้าปฏิเสธลูกชายของแม่ได้นะ?”“เอริ…เขากลัวคุณแม่จะไม่อนุญาตนะครับ…”“ทำไมแม่จะต้องไม่อนุญาตด้วยล่ะ….ในเมื่อลูกของแม่รักใคร…แม่ก็ควรจะรักด้วยไม่ใช่เหรอไ
วันเดียวกัน…13:00น.ภัตตาคารAAชั้น อาหารเอริ ฐิติมน….พรึบ“สวัสดีค่ะ…คุณท่าน…”ฉันที่เดินเข้ามาภายในห้องอาหารหรูของภัตตาคารโรมแรมหรูแห่งนี้ได้แล้วก็ยกมือไหว้ผู้หญิงสวยสง่างามที่ใส่แว่นตาดำนั่งอยู่หัวโต๊ะทันทีด้วยความเคารพ ฉันแอบตกใจเล็กน้อยที่คุณหญิงนฤมิตรโทรหาฉันแล้วบอกให้ฉันรีบมาพบท่านที่โรงแรมหรูย่านใจกลางเมืองแห่งนี้“เชิญนั่ง”คุณหญิงนฤมิตรไม่ได้ยกมือรับไหว้ฉันแต่ท่านกลับผายมือชี้ไปที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับท่าน“ขอบคุณค่ะ”ฉันเอ่ยขอบคุณท่านไปพลางค่อยๆเดินไปลากเก้าอี้อย่างแผ่วเบาและเบามือที่สุดเพื่อไม่ให้มันเกิดเสียงดังเพราะเป็นเก้าอี้ไม้น่ะพรึบ“เธอคงรู้….ว่าอะไรทำให้ฉันบอกให้เธอมาหาฉันในวันนี้…”คุณหญิงนฤมิตรเอ่ยเปิดบทสนทนาขึ้นทันทีที่ก้นของฉันแตะเบาะนั่งบนเก้าอี้ไม้สัก ฉันก็เม้มปากเป็นเส้นตรงก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปสบตากับนัยน์สีดำของคุณหญิงนฤมิตรที่ตอนนี้ท่านได้ถอดเเว่นตากันแดดสีดำราคาแพงออกจากโครงหน้าของท่านแล้ว“ดิฉันพอจะทราบอยู่บ้างค่ะ….”“หึ….ก็ดีฉันจะได้ไม่ต้องพูดอ้อมค้อม…”คุณหญิงว่าพลางจ้องมองมาที่ฉันด้วยแววตาเกลียดชังอย่างเปิดเผย ซึ่งฉันก็ทำได้เพียงแค่หลบสายตาและเอามือกุมกัน
“คนที่ฉลาดแบบเธอ….อย่ามาทำแกล้งโง่ไม่เข้าใจที่ฉันพูดหน่อยเลย…”“ค่ะ….ถ้าคุณหญิงพูดไปในทางที่ดิฉันคิด….”ฉันเอ่ยบกคุณหญิงไป ที่จริงฉันก็พอจะเข้าใจว่าท่านต้องการให้ฉันออกไปจากชีวิตของขุนศึก“ดิฉันคงจะตอบคุณหญิงไปว่า…ดิฉันจะไม่มีทางออกไปจากชีวิตลูกชายของคุณหญิงค่ะ”ฉันตอบเธอไปพลางทำน้ำเสียงและเเววตามั่นคงและมุ่งมั่น“แกกล้ามากนะ!”คุณหญิงนฤมิตรตวาดเสียงดังพลางจ้องฉันเขม่นอย่างไม่พอใจ ฉันก็ก้มศีรษะลงเล็กน้อย“ดิฉันไม่บังอาจหรอกค่ะ….เพียงแต่ดิฉันแค่ออกไปจากชีวิตของท่านประธานไม่ได้…เพราะท่านประธานยังคงต้องการดิฉันอยู่ค่ะ…”ฉันตอบคุณหญิงไปตามความจริง เธอก็มองหน้าฉันด้วยแววตาดุดันและไม่พอใจฉันยิ่งกว่าเดิม“ต้องการเธอเหรอ….ในสถานะไหนล่ะ?”คุณหญิงเอ่ยออกมาพลางกระตุกยิ้มอย่างเยาะเย้ยฉัน“เลขาหรือนางบำเรอ?”คุณหญิงเอ่ยตัวเลือกออกมาเพื่อบีบบังคับให้ฉันตอบท่าน ฉันก็คลี่ยิ้มบางๆสู้กับผู้หญิงใจร้ายคนนี้“ก็อาจจะเป็นทั้งสองอย่างค่ะ”ฉันเอ่ยออกมาพลางทำสีหน้าระรื่นเพื่อเป็นการบอกคุณหญิงว่าฉันยอมรับในสิ่งนั้นที่คุณหญิงพยายามยัดเหยียดมันให้ฉัน นั่นยิ่งทำให้คุณหญิงนฤมิตรมองหน้าฉันอย่างไม่พอใจฉันมากกว่าเดิม เพราะก
"ผมเกลียดคุณเข้าใจไหม""ไม่จริงคุณไม่ได้เกลียดแก้มหวานคุณรักแก้มหวาน""ไม่งั้นคุณจะมาทำดีกับแก้มหวานทำไม""ที่ผมทำดีกับคุณเพราะผมติดใจในเซ็กส์ของคุณไง....คุณรู้ไหมว่าคุณเป็นผู้หญิงที่เร้าร้อนและร้อนแรงเรื่องบนเตียงมากแค่ไหน"เควินพูดพร้อมกับเดินตรงมาหาแก้มหวาน"ผมไม่เคยมีอะไรกับใครแล้วมีความสุขเท่าคุณ"เควินว่าพร้อมกับใช้ปลายนิ้วเรียวไล้เกี่ยไปตามแขนของแก้มหวานอย่างแผ่วเบา พร้อมกับมองแก้มหวานด้วยแววตาหวานเยิ้ม"ผมก็เลยเล่นตามน้ำคุณถึงแม้ในใจผมมันจะสนแค่ร่างกายคุณแต่นิสัยและสันดานของคุณผมรังเกียจมันเสียด้วยซ้ำ"เควินพูดไปพลางมองไปที่ร่างของแก้มหวานด้วยสายตาดูถูกและเหยียดหยาม"ผมก็นึกว่าคุณจะเล่นๆกับผมแต่ที่ไหนได้คุณคิดจริงจัง"เควินว่าพลางยิ้มหัวเราะออกมาอย่างเรื่องที่เป็นประเด็นสนทนาอยู่ในตอนนี้เป็นเรื่องตลก ทำให้แก้มหวานมองผู้ชายตรงหน้าอย่างไม่พอใจและน้อยใจไปในตัวเธอคิดว่าเขาจะสนใจและมีความรู้สึกดีๆให้เธอเสียอีก แต่ที่ไหนได้เขากลับไม่ได้มีใจให้เธอเลย "ไม่ต้องมองผมแบบนั้นหรอก.....ผมพูดความจริง""และต่อไปคุณก็ช่วยกรุณารู้จุดยืนของตัวเองด้วยนะ"เควินเอ่ยออกมาปิดท้ายแววตาที่เขามองเธอเวลาพูด
"ไม่ใช่ว่าริเป็นซิงเกิ้ลมัมไม่ได้แต่ริไม่อยากเป็นไม่อยากให้ลูกมีแค่ริที่ทำหน้าที่ทั้งพ่อและแม่ในเวลาเดียวกันแต่อยากให้ลูกได้รับความรักจากพ่อแท้ๆของเขาและความเอาใจใส่จากพ่อของเขาจริงๆ" "คนที่ไม่เคยขาดพ่อขาดแม่ไม่มีวันเข้าใจหรอกไม่ว่าแม่จะดูแลดีแค่ไหนแต่มันก็ไม่เหมือนความรักที่มีทั้งพ่อและแม่อยู่ครบ" "ริหวังว่าขุนจะเข้าใจนะ....ขุนแค่ทำหน้าที่พ่อของลูกเท่านั้นพอ....." "ริ....." "หรือขุนอยากจะเลือกก็ได้นะระหว่างทำหน้าที่พ่อของลูกหรือจะไม่รับหน้าที่อะไรเลยก็ได้" "ก็ได้ขุนจะเอาแบบที่ริว่าก็ได้"ขุนศึกที่ได้ยินคำขาดจากฉัน เขาก็พูกเสียงเข้มแทรกขึ้นมาทันที "แต่ขุนจะทำให้ริเห็นว่าขุนพร้อมที่จะหยุดและมีแค่ริคนเดียวแล้วจริงๆ"ขุนศึกว่าพร้อมกับทำหน้ามั่นใจว่าเขาจะสามารถทำอย่างที่เขาพูดได้จริงๆ แต่เขาก็พูดแบบนี้ทุกครั้งที่ฉันจับเขาได้ว่าเขาแอบไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นและฉันก็ไว้ใจและเชื่อใจเขามาตลอดและเป็นยังไงล่ะ สุดท้าย ฉันก็เป็นอีโง่เหมือนเดิม เคยยอมเสียศักดิ์ศรีตัวเองแก้ผ้าให้ขุนศึกเอาเพื่อให้เขาเลิกไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่น นั่นมันเป็นความคิดเด็กน้อยชะมัด "ทำให้ได้ก่อนค่อยมาว่ากันอีกที..
วันเดียวกัน23:30น.เอริ ฐิติมน......จึกๆๆ"ริ......""หื้ออออ"ฉันครางรับเสียงทุ้มที่เอ่ยเรียกฉันพร้อมกับแรงสะกิดที่ไหล่ฉันเบาๆฉันที่นั่งขดตัวหลับอยู่บนโซฟาภายในห้องโถงใหญ่ก็ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาดูเจ้าของเสียงที่ฉันเฝ้ารอเขาจนเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้"ขุน......กี่โมงแล้วเนี่ย?"ฉันขยี้ตาเพื่อไล่ความสะลึมสะลือความงัวเงียให้หายไปพร้อมกับเอ่ยถามขุนศึกไป"เที่ยงคืนกว่าแล้ว....ริมานอนทำไมตรงนี้?"ขุนศึกตอบฉัรพร้อมกับเอ่ยถามฉันกลับ ฉันที่หายจากอาการสะลึมสะลือแล้วแล้วก็ขยับตัวนั่งดีๆและหันไปมองหน้าขุนศึกที่เขานั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับฉันและนั่งข้างๆฉันด้วย"ริมารอขุนนั้นแหละ.....ทำไม่มาซะดึกเลย....หาไม่เจอเหรอ?""เปล่า.....พอดีขุนไปทำธุระมาน่ะ""อ้อ"ฉันพยักหน้าพลางร้องตอบขุนศึกไป แม้ในใจอยากจะถามเขาว่าธุระที่เขาว่าคืออะไร แต่สีหน้าและแววตาของขุนศึกเหมือนไม่อยากบอกให้ฉันรู้ว่าธุระที่เขาพูดถึงคืออะไรถ้าเขาไม่อยากบอก ฉันก็ไม่ควรที่จะถามต่อสินะ เพราะฐานะของฉันกับเขาไม่มีสิทธิ์ซักไซ้จนได้รู้เรื่องส่วนตัวของเขามากไปกว่านี้"ว่าแต่ริมารอขุน......มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า"ขุนศึกถามฉันพร้อมกับจ้องมองฉั
จะปล่อยห้องว่างไวโดยไร้คนอยู่ก็เสียดาย ฉันก็เลยใจอ่อนและยอมมาอยู่ที่นี่ซึ่งฉันคิดว่ามันสะดวกสบายดี บ้านที่ฉันหาในเน็ตก็มองทรุดโทรมและค่าเช่าก็แพง อะไรที่ประหยัดได้ในตอนนี้ฉันก็ควรจะประหยัดและตอนนี้ฉันก็ท้องด้วย ฉันควรจะมีเงินสำรองไว้เลี้ยงลูกของฉันให้เขาอยู่อย่างสุขสบายให้เยอะๆดีกว่าฉันควรจะบอกเรื่องนี้กับขุนศึก......ว่าฉันท้องกับเขา....."ป้าบัวคะ""จ๊ะว่าไงจ๊ะเอริ?"ป้าบัวที่กำลังยกชามกะละมังที่เช็ดตัวคุณหญิงเพิ่งเสร็จหันมาขานรับฉันเงินก้อนใหญ่ฉันก็ให้ขุนศึกไปหมดแล้ว รถก็ขายทิ้ง บ้านก็มาไฟไหม้อีก ค่ารักษาพยาบาลคุณหญิงค่าใช้จ่ายรายเดือนก็สูง โดยเฉพาะค่ากายภาพบำบัดที่ฉันว่าจ้างให้นางพยาบาลที่เป็นคนทำกายภาพบำบัดและศึกษาด้านนี้มาโดยเฉพาะให้มาดูแลคุณหญิงทุกวันโดยทำกายภาพบำบัดให้คุณหญิงเดินได้อีกครั้งและฉันจะทำทุกวิถีทางให้ชีวิตของลูกฉันมีความสุขและสุขสบายที่สุดไม่ให้ลำบากและรู้สึกขาดแบบที่ชีวิตฉันเคยเป็นมา ฉันจะเลี้ยงเขาให้ดีที่สุดเท่าที่สุดของความสามารถของฉัน"ป้าบัวส่งโลเคชั่นให้ขุนหรือยังคะว่าเราอยู่ที่ไหนกัน?"ฉันเอ่ยถามป้าบัวไป ท่านก็ยิ้มบางๆให้ฉัน"ป้ากำลังจะไปส่งโลเคชั่นให้คุณข
"ไม่ว่าฉันจะให้แกทำอะไรแกก็ยอมใช่ไหม?"แก้มหวานเอ่ยถามผมด้วยแววตามีเลศนัยพร้อมยกยิ้มที่มุมปากขึ้น ผมก็จ้องมองเธอนิ่ง และผมก็อยากทำให้เรื่องทุกอย่างมันจบลง วันนี้คุณแม่ผมเกือบจะไม่รอด เพราะผมเป็นตัวต้นเหตุ วันนี้อาจจะโชคดี แต่มันก็คงตะไม่โชคดีทุกครั้งไป "ใช่" "ถ้าฉันให้แกไปตายล่ะ" "มันไม่มากไปเหรอ?"ผมถามเธอไปเสียงเข้ม เรื่องที่ผมและเพื่อนๆทำกับเธอ เธอก็ยังมีชีวิตอยู่และดีด้วยจนถึงทุกวันนี้ไม่ใช่เหรอ "หึ.....ฉันรู้ว่าแกคงไม่กล้าตายหรอก" "งั้น......ฉันขอแลกศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของแกก็ล่ะกันนะ" "ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของฉัน?" "กราบตีนฉันสิ.....แล้วฉันจะเลิกยุ่งกับแม่แกและก็เอริผู้หญิงที่แกบอกว่ารักนักรักหนาด้วย" "ไม่รู้ว่าแกรักเธอยังไงนะถึงได้นอกกายนอกใจเธอนอนกับผู้หญิงคนอื่นอยู่ตลอดเวลา" "ถ้าฉันเป็นเอริฉันคงไม่เอาผู้ชายเลวๆที่ทำตัวเหมือนหมาตัวผู้ที่ต้องผสมพันธุ์ไปทั่วโดยไม่สนว่าใครเป็นใคร" "แบบแกหรอกนะขุนศึก" "แค่ฉันกราบตีนเธอ.....แค่นี้ก็พอแล้วใช่ไหม?"ผมไม่สนใจคำพูดที่ถากถางของแก้มหวานแต่เอ่ยถามในสิ่งที่จะเป็นตัวหยุดเรื่องนี้กับเธอไป เธอก็ทำหน้าบึ้งตึงนิดหน่อยก่อนจะแสยะยิ้มให้ผม
เมื่อมาถึงหน้าประตูห้องผมก็ยื่นมือไปกดออดเพื่อเรียกคนในห้องให้รู้ว่ามีคนมาขอพบเธอผมรออยู่ไม่นานและกดออดซ้ำไปแค่ครั้งเดียว ประตูห้องหรูบานตรงหน้าผมก็ค่อยๆถูกเปิดออกจากคนที่อยู่ด้านในของห้องนี้ผมก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมองบุคคลที่เป็นคนมาเปิดประตูเธอเป็นผู้หญิงผอมสวยหุ่นดี เธออยู่ในชุดเดรสสั้นสายเดี่ยวสีแดงผมของเธอถูกดัดเป็นลอนใหญ่แล้วปล่อยสยายไปด้านหลังสีหน้าที่เธอจ้องมองมาที่ผมด้วยแววตาสงสัย และเพ่งมองพินิจพิจารณาอย่างสงสัยว่าผมคือใครผมจึงค่อยๆใช้มือดึงฮู้ดที่ปิดหน้าของผมอยู่ให้ออกเพื่อเผยใบหน้าของผมให้เธอคนนี้ได้เห็นอย่างชัดเจนขึ้นและในเมื่อใบหน้าของผมที่ไร้เสื้อฮู้ดปกผิดเปิดเผยแก่คนตรงหน้าเธอก็จ้องมองผมด้วยแววตาตกใจและแปลกใจ ผมก็จ้องมองเธอกลับไปด้วยแววตาเรียบเฉยเมื่อแปดปีก่อน เธอกับผมเราคงจะคุ้นตากันเพราะเราสองเคยมีอะไรกันและแอบเป็นแฟนกันมาก่อนทั้งๆที่ผมเองก็มีแฟนอยู่แล้วผมไม่ได้ตั้งใจจะหลอกเธอ แต่ผมคิดว่าผู้หญิงทั้งมหาลัยก็น่าจะรู้ดีว่าผมมีเจ้าของอยู่แล้ว แต่กลับผิดคาดที่เธอคนนี้ไม่รู้ เธอจึงปล่อยใจรักผมแต่ผมกลับไม่เคยรักเธอ ไม่ว่าเธอจะแสนดีและน่ารักแค่ไหน ผมก็ไม่เคยคิดที่จะรั
ช่วงเย็นวันเดียวกันคอนโด TYขุนศึก ขุนณรงค์......"ขอบคุณสำหรับข้อมูลตอนนี้ฉันอยู่ที่หน้าคอนโดที่แกบอกแล้ว""คอนโดTYชั้นที่สามสิบห้องสามสามสี่ห้าฉันจำได้ล่ะขอบใจแกมากฟิว"ผมเอ่ยบอกฟิวไปในขณะที่สายตาก็ทอดมองเงยหน้าไปยังชั้นบนสุดชั้นที่สามสิบของตึกสูงตระหง่านใจกลางเมืองตรงหน้าของผมในขณะนี้(แกคิดที่จะทำอะไร?)(ตอนนี้เขามีอิทธิพลมากกว่าแกเขาสามารถทำให้แกหายไปโดยไม่มีใครสงสัยได้เลยนะขนาดทำให้ชีวิตของแกพังเขาก็ยังทำได้)(ฉันว่าแกไม่สมควรที่จะประมาทผู้หญิงคนนี้)เสียงปลายสายของฟิวเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงห่วงใย ผมจึงละใบหน้าจากตึกสูงตรงหน้าและเอ่ยคุยกับฟิวต่อ"ฉันรู้ขอบใจและขอโทษที่ทำให้ชีวิตของแกต้องมาติดร่างแหพลอยซวยไปกับฉันด้วย"ผมเอ่ยบอกหิวไปอย่างคนที่รู้สึกผิดที่ออกมาจากใจจริงไปของผม(แกไม่ได้ทำอะไรผิดถ้ามันจะผิดก็ผิดกันหมดนี่แหละ)(มันคงจะเป็นเพราะตอนนั้นพวกเรายังเด็กเลยไม่ได้คิดอะไรให้มากกว่านี้เลยทำเรื่องแบบนั้นลงไป)(ฉันไม่มีสิทธิ์โกรธแกหรือแก้มหวานเลยด้วยซ้ำ)"นั่นสิเนอะ....ฉันก็ไม่สมควรที่จะโกรธแก้มหวานด้วยเหมือนกัน"ผมเอ่ยออกมาอย่างคิดนึกตริตรองอย่างที่ฟิวว่าที่จริงถ้าตอนนั้นผมไม่คึกค
"ผมขอโทษครับ""คุณจะมาขอโทษฉันทำไมล่ะค่ะ....ฉันเองต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณสิถึงจะถูก""เดี๋ยวฉันจะโอนจ่ายค่ารักษาให้คุณทีหลังนะคะ....เพราะวันนี้ฉันไม่มรเงินติดตัวเลย"ฉันเอ่ยบอกคุณเควินไปตามความจริง เขาก็มีสีหน้าตกใจและสลดปะปนกันไป"อย่าโอนจ่ายค่ารักษาให้ผมเลยครับ...ขอให้ผมได้ดูแลคุณสักครั้ง""ในฐานะเพื่อนได้ไหมครับ"คุณเควินว่าต่อในเสียงและสีหน้าเชิงขอร้อง ฉันก็มองหน้าเขาอย่างคนคิดหนัก เขาขอช่วยในฐานะเพื่อนถ้าฉันปฏิเสธเพื่อนคนนี้ ก็ควจะเสียมารยาท"ก็ได้ค่ะ....แต่ริขอแค่ความช่วยเหลือจากคุณเควินแค่ครั้วนี้ครั้งเดียวนะคะ....ครั้งต่อไปไม่ต้องแล้วนะคะ....ริเกรงใจ"สิ้นคำพูดฉันคุณเควินก็มีสีหน้าดีใจขึ้นมา"ครับ....ขอบคุณนะครับที่ยอมรับความช่วยเหลือจากผมในครั้งนี้""มีอะไรหรือคะ?"ฉันเอ่ยถามคุณเควินต่อหลังจากที่เขาพูดจบประโยคเขาก็นิ่งไปและมองหน้สฉันอย่างคนอึดอัดใจเหมือนเขาอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่เขาก็เลือกที่จะไม่ยอมพูดมันออกมาฉันจึงเลือกที่จะเป็นฝ่ายถามเอง"ผมดูข่าวเกี่ยวกับไฟไหม้ที่บ้านของคุณและผมก็ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลว่าคุณเข้ามารับการรักษาที่นี่""ผมจึงรีบมา....และก็พบคุณแต่ทางโรงพยาบาลแจ
"แต่คงจะยาก.....เพราะเขามีหลักฐานขนาดนั้น" "และที่สำคัญเขาไม่รับฟังหรอกว่าแม่นายเองก็โดนหลอกเหมือนกัน" "เธอพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงเอริ?" "ก็อย่างที่บอกว่าตอนนี้.....นายกำลังโดนโจมตรีจากคนที่นายเรยไปทำลายชีวิตเขายังไงล่ะ" "นายเกือบทำให้แม่นายต้องมาตายเพราะความเจ้าชู้ของนาย.....ขุนศึก" "และคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยอย่างแม่นายต้องมาซวยต้องมาหมดตัวต้อยมาเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านสร้างมาก็เพราะนาย" "เพราะความเจ้าชู้ของนาย"ฉันพูดเสียงแข็งตะโกนใส่ขุนศึกไปเป็นชุดด้วยแววตาสั่นไหวน้ำตาเอ่อคลอ ขุนศึกก็ทำสีหน้ายอมรับความผิด สีหน้าของเขาซีดลงแววตาของเขาสั่นไหว "ขุนรู้ว่าทุกอย่างมันเป็นเพราะขุน....." "ที่มาทำให้แม่และก็ริเดือดร้อน" "ขุนจะจบเรื่องนี้เอง"ขุนศึกพูดเสียงเข้มแววตาจริงจังและวูบไหว "ผมฝากแม่ด้วยนะครับ" "เดี๋ยวผมมาได้ที่อยู่ใหม่ที่ไหนรบกวนป้าบัวโทรบอกผมด้วยนะครับ"ขุนศึกผละจากรถวีลแชร์เดินไปหยุดตรงหน้าของป้สบัวพร้อมกับเอ่ยบอกป้าบัว "ค่ะได้ค่ะว่าแต่คุณขุนศึกจะไปไหนคะ?"ป้าบัวรับคำขุนศึกและเอ่ยถามเขาต่อ ขุนศึกกฺ็หันกลับมามองหน้าฉัน ด้วยสายตานิ่งเฉย "ไปทำให้เรื่องทุกอย่างมันจบคร